คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : สุสานสวนสนุก
ณ สวนสนุกวันเดอแลนด์
ศพนับร้อยนอนเกลื่อนอยู่บนพื้นหินอ่อนที่อาบไปด้วยเลือดชวนให้รามิลไทอาเจียนออกมาเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ แต่ดูเหมือนครั้งนี้เขาจะมีภูมิต้านทานเลยยังสามารถกลั้นเอาไว้ได้อยู่ เขาไม่เลือกที่จะเข้าไปตรวจสัญญาณชีพจรของร่างเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย เพราะดูจากสภาพศพแล้วไม่น่าจะมีใครรอดมาได้อย่างแน่นอน
ชายหนุ่มก้าวข้ามศพเหล่านั้นที่ไม่สมประกอบไปทีละก้าวทีละก้าว แม้เขาจะพยายามหลีกเลี่ยงการเหยียบเลือดที่นองอยู่เต็มพื้นมากขนาดไหนแต่ก็ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผล ในตอนนี้รามิลไทเปิดสกิลติดตัวเพียงหนึ่งเดียวที่ระบบมีมาให้เรียบร้อยแล้วนั่นก็คือ การตอบโต้ฉับพลัน ซึ่งจะทำให้เขาสามารถตอบโต้ต่อสิ่งรอบข้างได้ไวกว่าปกติ เป็นสกิลที่ทำให้เขารอดมาจากการรถล้มมาแล้วนั่นเอง
“มีอุปกรณ์อิลลูชั่นชิ้นไหนออนไลน์หรือใช้งานได้บ้างไหมโอเปอเรเตอร์” รามิลไทค่อยๆย่องเข้าไปในสวนสนุกด้วยความระมัดระวังอย่างเต็มที่
‘ยังไม่พบอุปกรณ์ที่สามารถใช้ได้ค่ะ’ เสียงของเอไอดังออกมาจากหูฟังของเขา เธอกำลังสแกนหาเครื่องมืออิลลูชั่นจากศพที่เกลื่อนอยู่เต็มพื้นด้วยระบบอินฟาเรตเพื่อหาว่าอันไหนยังคงใช้การได้
รามิลไทพยายามมองไปรอบๆอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่พบวี่แววสิ่งมีชีวิต เครื่องเล่นหลากหลายขนาดที่ถูกวางไว้ตามทางสงบนิ่งอยู่ไร้การขยับเขยื้อน
ในตอนนี้สิ่งที่รามิลไทกำลังจะทำคือการเข้าไปในอิลลูชั่นโซนเขตการค้าขาย หรือหากในโลกแห่งความเป็นจริงก็คือเกมเซนเตอร์นั่นเอง ซึ่งเป้าหมายของเขาในตอนนี้นั้นมีอยู่สองอย่างคือตามหาอุปกรณ์อิลลูชั่นที่ยังใช้ได้ และอัพเกรดสกิลของตัวเองเพื่อให้สามารถอยู่รอดในโลกนี้ได้ง่ายขึ้น
แม้ตอนนี้สัญญาณโทรศัพท์จะสามารถกลับมาใช้ได้ได้แล้ว แต่ความจริงเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดที่บุกเข้าโจมตีรถบบรรทุกของจากบริษัทอิลลูชั่น รามิลไทก็ยังไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับเรื่องนั้น เขาคิดว่าสภาพจิตใจของทุกคนในตอนนี้แย่มากพอแล้ว และมันคงจะมากเกินไปหากบอกกับทุกคนว่าสัตว์ประหลาดอาจซุ่มอยู่นอกรั้วกำแพงของศูนย์อพยพแล้วก็ได้ นั่นคงไม่ใช่สิ่งที่ควรจะทำ รามิลไทได้แต่กำชับกับรินทางโทรศัพท์ว่าให้ระมัดระวังตัวมากขึ้นเป็นพิเศษ และเตรียมพร้อมเสมอกับทุกสถานการณ์
นาฬิกาจากอินเตอเฟซของระบบอิลลูชั่นกำลังร้องปิ๊บๆบอกให้เขารู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาตีสามแล้ว รามิลไทเดินข้ามศพสุดท้ายตรงหัวมุมทางเดินหินอ่อนและเลี้ยวขวาก็พบกับอาคารขนาดใหญ่ เขารู้ได้ทันทีเลยว่านี่จะต้องเป็นศูนย์กลางของอิลลูชั่นโซนอย่างแน่นอน แม้เขาจะยังไม่ได้เปิดระบบวิชั่นเลนส์ให้กลายเป็นโลกอิลลูชั่นเต็มรูปแบบ แต่อักขระโบราณที่ลอยอยู่ด้านหน้าอาคารแห่งนั้นก็น่าจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้
“ที่นี่สินะโอเปอเรเตอร์” รามิลไทกระซิบเสียงแผ่ว เขาก้มตัวต่ำลงเพื่อให้พุ่มไม้ด้านหน้าปิดบังร่างกายของเขาเอาไว้
‘ใช่ค่ะ เข้าไปด้านในก็จะเจอกับร้านค้าต่างๆแล้วค่ะ’
รามิลไทพยักหน้าและค่อยๆย่องเข้าไปใกล้ตัวอาคารมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เขาไม่เห็นชิ้นส่วนของมนุษย์หรือรอยเลือดเลยสักหยด แต่กลิ่นที่โชยออกมาจากด้านในอาคารทำให้เขารู้ว่าเขากำลังจะเจอกับความสยดสยองแน่ๆ และในขณะที่กำลังอยู่ในห้วงความคิดเหล่านั้น สายตาของรามิลไทก็พบกับวัตถุสีขาวขนาดเล็กตรงหน้าประตูทางเข้า
มันคือหูฟังอิลลูชั่นนั่นเอง
‘ตรวจพบอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานได้ที่ทิศสิบสองนาฬิกา ระยะห่างจากเป้าหมายยี่สิบเมตรค่ะ’ เอไอประกาศข่าวดีให้กับรามิลไทได้ทราบทันที เครื่องอิลลูชั่นที่รามิลไทเห็นอันนั้นยังสามารถใช้การได้
รามิลไทแสยะยิ้มอย่างดีใจและเริ่มเร่งฝีเท้าขึ้นเพื่อให้ได้เข้าใกล้สิ่งที่ต้องการเร็วที่สุด แต่แล้ว…
ตึก!..
การเคลื่อนไหวของรามิลไทหยุดนิ่งทันทีเมื่อได้ยินเสียงของอะไรบางอย่างดังมาจากด้านในประตูทางเข้าเกมเซนเตอร์ สัตว์ประหลาดรูปร่างน่าเกลียดกำลังเดินก้าวออกมาจากอาคารและหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตู เท้าทั้งสองของมันหยุดอยู่ที่ตรงหูฟังอิลลูชั่นสีขาวอันนั้นพอดิบพอดี
ชายหนุ่มค่อยๆหลบเข้ามาด้านหลังรูปปั้นหินด้วยความตื่นกลัวมือไม้สั่นเทาคล้ายคนเป็นโรคพากินสัน เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่าเขากำลังเจออยู่กับตัวอะไรกันแน่
ขนาดตัวของมันไม่ได้ใหญ่มากนัก ซึ่งถ้าหากลองเทียบดูแล้วก็คล้ายกับหุ่นของนักมวยปล้ำอาชีพชาวยุโรป แต่รูปลักษณ์ของมันก็น่าเกลียดเกินกว่าที่จะเรียกได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลก -- ตั้งแต่หัวจรดเท้าของมันมีคราบเลือดติดอยู่เต็มไปหมด ผิวหนังของเจ้าตัวนั้นถูกลอกออกจนหมดเผยให้เห็นชั้นกล้ามเนื้อและไขมันด้านในชวนอ้วกเป็นที่สุด ชิ้นส่วนของกระดูกภายในร่างทิ่มทะลุชั้นเนื้ออกมาหลายแห่งคล้ายกับเม่นที่มีหนามติดอยู่ตามตัว บนใบหน้าของมันนั้นมองไม่ออกเลยว่าตรงไหนคือตาหูจมูกหรือปาก ทุกอย่างดูเละเทะคล้ายถูกของแข็งขนาดใหญ่ทุบเข้าอย่างจัง
‘บ้าเอ้ย!’ ตอนนี้รามิลไทกำลังก้มหลบอยู่ด้านหลังรูปปั้นเพนกวินห่างจากประตูทางเข้าประมาณยี่สิบเมตรอย่างระมัดระวัง เสียงหัวใจของเขาที่กำลังเต้นถี่ขึ้นเรื่อยๆทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายร้อนมากขึ้นจนแทบจะต้มน้ำให้เดือดได้แล้วในตอนนี้
แม้เขาจะคิดไว้แล้วว่าจะต้องเจอกับสถานการณ์แบบไหนบ้างก่อนจะเดินทางมาที่นี่ แต่เมื่อมาเจอกับของจริงตรงหน้าแบบนี้ก็เล่นเอาทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน รามิลไทวางแผนเตรียมการรับมือกับสัตว์ประหลาดพวกนี้เอาไว้แล้วแต่ดูเขาจะลืมมันไปหมด
“ช่วยฉันทีโอเปอเรเตอร์ ฉันควบคุมสติไม่ได้เลยตอนนี้” รามิลไทพูดพรางหายใจหอบแฮ่ก
ระบบควบคุมประสาทของอิลลูชั่นค่อยๆทำงานอย่างช้าๆจนรามิลไทเริ่มเรียกสติกลับมาได้บ้าง การเต้นของหัวใจต่ำลงมาระดับหนึ่งจนเขารู้สึกหัวโล่งขึ้นนิดหน่อย เขาชะโงกมองไปที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นที่ยังคงยืนนิ่งอยู่
“สกิลโต้ตอบฉับพลันยังคงใช้การได้ปกติใช่ไหมโอเปอเรเตอร์” เขากระซิบเสียงแผ่ว
‘ใช่ค่ะ แต่ระบบพบว่าร่างกายของท่านไม่ปกติ อาจทำให้การเคลื่อนไหวไม่สมบูรณ์นะคะ’ เอไอร้องทัก
“ไม่เป็นไรหรอก สบายๆ” รามิลไทก้มมองมือมองของตัวเองที่กำลังสั่น เขารู้ตัวเองดีว่าถึงยังไงก็ยังไม่สามารถทำให้ใจสงบลงได้ง่ายๆ
ฟึบ!
เพียงเสี้ยววินาทีที่เขาเหลือบมองไปทางซ้ายมือ รามิลไทเห็นอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในพุ่มไม้ใกล้ๆ เสียงครางเบาๆอย่างทรมานที่ดังออกมา รามิลไทรู้ได้ทันทีว่านั่นจะต้องเป็นผู้เคราะห์ร้ายที่ยังมีชีวิตรอด
“ช่วย…ช่วยด้วย” เขาร้องขอความช่วยเหลือจากรามิลไททันทีที่โผล่พ้นออกมาจากพุ่มไม้หนาทึบตรงนั้น และดูเหมือนนั่นจะไม่ใช่เรื่องดีเลย มันไม่ดีเอามากๆ…
สัตว์ประหลาดที่ยืนจังก้าอยู่ด้านหน้าประตูสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวด้วยสายตาอันเฉียบคม มันคำรามลั่นและวิ่งตรงมายังจุดที่เขาอยู่ด้วยความเร็วแสง น้ำหนักตัวของมันทำให้การวิ่งมีเสียงตึกตักดังเป็นจังหวะราวกับผืนดินจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“เวรเอ้ย!” รามิลไทกระชากร่างของชายผู้เคราะห์ร้ายที่ทำให้เขาตกที่นั่งลำบากออกมาจากพุ่มไม้อย่างรวดเร็ว ทว่าร่างของชายคนนั้นกลับเหลือเพียงแค่ครึ่งตัว อวัยวะส่วนล่างตั้งแต่สะดือขาดหายไปเหลือทิ้งไว้แต่ลำไส้สีแดงกองอยู่กับพื้น แม้มันจะน่าสะอิดสะเอียนขนาดไหนแต่รามิลไทก็ไม่มีเวลาบ่นแล้ว ดูจากสภาพของชายคนนี้คงจะไม่สามารถอยู่ได้เกินสิบนาทีแน่นอน แม้มันจะดูน่ารังเกียจแต่เขาจำเป็นต้องทิ้งให้เขาตายตรงนี้เท่านั้น เพราะไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะตายไปด้วย
รามิลไทวิ่งสุดชีวิตหนีออกมาด้านนอกโดยไม่มองหันกลับไปด้านหลังเลยแม้แต่นิด และแน่นอนว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นล็อคเป้าหมายมาที่เขาและวิ่งตามรามิลไทมาในระยะห่างไม่เกินสิบเมตรด้วยความเร็วที่มากกว่ากว่ายูซานโบลท์เสียอีก มันย่นระยะเข้ามาใกล้ตัวเขาเรื่อยๆจนเกือบจะถึงตัวเขาแล้วในอีกสองวิ
สัตว์ประหลาดง้างมือยาวๆของมันไปด้านหลังและวาดมาด้านข้างด้วยความรวดเร็วหมายจะตัดทุกอย่างที่ขวางหน้าให้สะบั้น -- ฟึบ! – เสียงลมแหวกอากาศดังขึ้นอย่างดังราวกับเสียงฟ้าผ่า แต่ทว่า…
รามิลไทหลบการโจมตีครั้งแรกได้สำเร็จ…
ร่างของชายหนุ่มตอบโต้การโจมตีนั้นด้วยการกระโดดลอยขึ้นกลางอากาศ กรงเล็บของสัตว์ประหลาดวาดผ่านพื้นรองเท้าผ้าใบคู่โปรดของเขาไปเฉียดฉิว หากรามิลไทหลบการโจมตีนี้ไม่ทันตัวเขาคงจะขาดเป็นครึ่งท่อนแน่ๆ – รามิลไทใช้โอกาสโจมตีสวนกลับทันทีโดยการเหยียดขาทั้งสองข้างถีบเข้าไปที่ใบหน้าอันบูดเบี้ยวของมันด้วยความรุนแรง สัตว์ประหลาดร่างอัปลักษณ์เสียหลักไปด้านหลังเล็กน้อย
“ได้ผลแฮะ” รามิลไทพูดขึ้นในขณะที่สัตว์ร้ายเริ่มตั้งท่าจะบุกโจมตีครั้งที่สอง
สาเหตุที่เขาสามารถหลบการโจมตีของสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้นั้นไม่ใช่เพราะโชคช่วยเลยแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ในช่วงที่เขากำลังเดินทางมายังสวนสนุกวันเดอแลนด์ เขาเปิดดูแฟ้มข่าวที่อยู่ในฐานข้อมูลให้มากเท่าที่จะมากได้ เขาพบว่านิสัยการโจมตีของพวกมันโดยทั่วไปแล้วจะเป็นการโจมตีระดับต่ำ อาจเป็นเพราะชิ้นส่วนกระดูกที่ยืดทะลุชั้นกล้ามเนื้อและสัดส่วนร่างกายของมันที่ไม่ปกติ มันจึงไม่สามารถยกแขนได้สูงมากนัก ทำให้การโจมตีของมันเป็นระดับต่ำแทบจะทั้งหมด ดังนั้นแล้วการกระโดด ก็ถือเป็นการหลบที่น่าจะได้ผลดีที่สุด และมันก็เป็นจริงอย่างที่เขาคิด
รามิลไทพยายามย่อตัวลงต่ำตั้งท่ารอการโจมตีครั้งต่อไปอย่างมีสมาธิ ผลของสกิลจากระบบอิลลูชั่นที่ทำให้เขามีการตอบโต้เร็วขึ้นกว่าปกติสามารถช่วยเขาได้มากเลยในตอนนี้ แต่ดูเหมือนเสียงหัวใจของเขายังคงเต้นรัวเป็นจังหวะกลองชุดอยู่
สัตว์ประหลาดกลายพันธุ์คำรามลั่นหนึ่งครั้งและระเบิดฝีเท้าวิ่งกระโจนเข้ามาด้วยความเร็วสูง – ฟิ้ว! – มันกระโดดลอยตัวขึ้นกลางอากาศเพื่อเพิ่มความสูงให้การโจมตีของตัวเอง และครั้งนี้กรงเล็บอันแหลมคมถูกฟาดลงมาในแนวดิ่วหวังจะฟันร่างของรามิลไทให้ขาดในคราเดียว ทว่ารามิลไทสามารถหลบได้อีกครั้งอย่างง่ายดาย
การกระโดดโจมตีนั้นไร้ประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง เพราะรามิลไทสามารถก้มตัวสไลด์รอดไปในทิศทางตรงกันข้ามกับการพุ่งกระโจนของสัตว์ประหลาดได้ในขณะที่มันลอยอยู่กลางอากาศ แถมการโจมตีครั้งที่สองนี้ยังเป็นผลร้ายต่อสัตว์ประหลาดตัวนั้นด้วย เพราะในระหว่างที่รามิลไทสไลด์รอดผ่านการกระโจนของมันมา เขาได้ใช้มีดพกขนาดเล็กเฉือนไปที่ด้านหลังข้อเท้าของมันได้อย่างแม่นยำ รามิลไทรู้สึกขอบคุณวิชากายวิภาคที่ได้ร่ำเรียนมาสองเทอมด้วยความลำบากก็ตอนนี้เอง
สัตว์ประหลาดตัวนั้นแลนดิ้งลงพื้นอย่างทุลักทุเลเพราะเอ็นที่ข้อเท้าถูกตัดขาด เขาแปลกใจไม่น้อยที่มีดอันเล็กๆของเขาสามารถเฉือนเข้าไปที่กล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งนั่นได้ แม้การโจมตีจุดสำคัญแบบนี้อาจไม่ทำให้ปิศาจอย่างมันรู้สึกเจ็บปวด แต่อย่างน้อยจะต้องส่งผลในด้านการเคลื่อนไหวของมันอย่างแน่นอน และเขาก็คิดถูกอีกครั้ง เพราะดูเหมือนตอนนี้สปีดอันรวดเร็วของสัตว์ประหลาดจะหายไปแล้ว
กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซ!!!
เสียงคำรามของสัตว์ประหลาดดังกังวานจนรู้สึกเสียดแก้วหูไปหมด รามิลไทใช้มือทั้งสองข้างขึ้นปิดป้องเล็กน้อยแต่ดูเหมือนมันจะไม่ช่วยอะไรเท่าไรนัก สัตว์ประหลาดร่างยักษ์หันหน้ามองมาทางรามิลไทดูเหมือนมันกำลังโกรธเกรี้ยว
“คิดว่าแค่นี้จะหยุดฉันได้หรอมนุษย์” จู่ๆเสียงทุ้มต่ำก็ดังออกมาจากลำคอของมัน รามิลไทรู้ทันทีว่าเสียงนั่นถูกเปล่งผ่านออกมาจากตำแหน่งอื่นที่ไม่ใช่ปาก เพราะอย่างที่เขาเห็นตั้งแต่ครั้งแรกว่าเจ้าตัวอัปลักษณ์นี้ไม่มีใบหน้า
“แกไม่มีทางรอดหรอกมนุษย์!!! แกจะต้องตาย!!!” มันพูดด้วยความโกรธที่มาถึงขีดสุด
“โอ้! พูดดีไปพ่อนักกล้าม รู้สึกแกยังแตะตัวฉันไม่ได้เลยนะ” รามิลไทพูดย้อนกลับไปทันทีโดยไม่มีอาการหวาดกลัวหลงเหลืออยู่แล้ว เขาพึ่งจะเริ่มรู้สึกตัวว่าตอนนี้เขากำลัง
สนุก…
รามิลไทตั้งสมาธิกับการต่อสู้ตรงหน้าอย่างเต็มที่โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นข้อความอินเตอเฟซที่ลอยอยู่ใกล้ตัวเขาหรืออะไรก็ตาม แม้กระทั่งความรู้สึกถึงอะไรเย็นๆที่โปรยลงมาจากฟากฟ้า
แปะ…แปะ…แปะ…
ในเวลานั้นเอง อยู่ๆก็มีหยุดน้ำอะไรสักอย่างแตะต้องลงบนตัวอย่างไร้ที่มา รามิลไทมองไปที่ทั่วตัวด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เขากำลังถูกพิษอะไรบางอย่างของเจ้าตัวประหลาดนั่นอย่างนั้นหรือ เขากำลังจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์หน้าตาอัปลักษณ์แบบนั้นใช่ไหม!? ไม่นะ!
‘ขณะนี้ฝนกำลังตกอยู่ค่ะ แต่วิชั่นเลนส์ของเราทำให้ท่านมองไม่เห็นค่ะ’ เอไอสาวร้องเตือนขึ้น
“อ้อ…” รามิลไทถอนใจไปเฮือกใหญ่ สายฝนที่มองไม่เห็นกำลังแตะต้องตัวเขาจนเขารู้สึกหนาวจนสั่น แต่กระนั้นสายตาของเขาก็ไม่สามารถมองเห็นสายฝนเหล่านั้นได้เลย เขาย่นคิ้วเข้าหากันเพราะรู้สึกแปลกมากๆที่มีอะไรมาโดนตัวแต่มองไม่เห็น “โอเปอเรเตอร์! ช่วยทำให้ฉันเห็นฝนพวกนี้ที รู้สึกน่ากลัวพิกล” รามิลไทร้องคำสั่งต่อเอไอ และเธอก็รับทราบ
ภาพของสวนสนุกเบื้องหน้าที่กำลังสว่างไสวในแสงอาทิตย์ได้หายไปกลายเป็นความมืดมิดชนิดที่เรียกว่ามองไม่เห็นอะไรเลยแม้สักอย่างเดียว ไฟฟ้าที่ถูกตัดยังคงส่งผลอยู่ในโลกความจริง ทำให้การปรับสภาพของวิชั่นเลนส์กลายเป็นผลร้ายไปเสียแล้ว
“เดี๋ยวๆๆ! แค่เปิดฝนอย่างเดียว ไม่ต้องเปิดภาพจากโลกจริงทั้งหมดสิ!” รามิลไทร้องขึ้นอย่างกระวนกระวาย เพราะหากมืดสนิทแบบนี้เขาจะไม่มีทางเห็นการเคลื่อนไหวของสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ในขณะนั้นเขาเริ่มได้ยินเสียงลากเท้าอย่างเบาบางไกลออกไปจากจุดที่เขายืนอยู่ประมาณหกเมตร มันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ รามิลไทตั้งท่าเตรียมพร้อมโดยไม่รู้เลยว่ามันอยู่ตรงไหน เขาเริ่มรู้สึกว่าความสนุกเริ่มจะหายไปแล้ว
‘ดูเหมือนระบบอิลลูชั่นในตอนนี้จะขัดข้องเล็กน้อยทำให้ไม่สามารถใช้งานสภาพอากาศ ‘ฝนตก’ ได้ค่ะ – ดังนั้นหากต้องการเห็นสภาพฝนจึงจำเป็นต้องเปิดวิชั่นเลนส์ของโลกความจริงเท่านั้นค่ะ’
“ถ้างั้นรีบเปลี่ยนวิชั่นเลนส์ให้เป็นตอนกลางวันด่วนเลย!” รามิลไทร้องตะโกนออกมาอย่างดัง เขารู้สึกได้ว่าสัตว์ประหลาดในความมืดกำลังคืบคลานเข้ามาหาเขาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ – เสียงปิ๊บดังขึ้นหนึ่งครั้งและทัศนียภาพรอบข้างก็กลับมาเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ ความสว่างไสวและทางเดินหินอ่อนที่เขากำลังยืนอยู่พร้อมกับเลือดและศพของผู้เคราะห์ร้ายกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น การแสดงผลเบื้องหน้ากลับมาเป็นภาพจากระบบอิลลูชั่นอย่างเรียบร้อยและปกติ แต่ในความปกตินั้นกลับมีอะไรบางอย่างหายไป
รามิลไทย่อตัวลงต่ำและกวาดตามองไปทั่วบริเวณเพื่อหาสัตว์ประหลาดร่างอัปลักษณ์ตัวนั้น น่าแปลกที่ไม่ว่าเขาจะหันหน้ามองไปทางทิศไหนก็ไม่เห็นวี่แววของมันเลย
“มันไปไหนแล้ว” รามิลไทค่อยๆยืดตัวขึ้นตรงและก้าวย่างไปที่รูปปั้นหินอันหนึ่งเพื่อไม่ให้ตัวเองอยู่ในที่เปิดโล่ง
‘ในระหว่างที่ท่านอยู่ในความมืด ดูเหมือนสัตว์ประหลาดตัวนั้นจะหายไปเฉยๆคล้ายกับระเหยไปตามอากาศแบบไร้ร่องรอยค่ะ’ เอไอสาวตอบกลับทันที และคำตอบนั้นก็ยิ่งทำให้รามิลไทฉงนมากขึ้นไปอีก ระเหยไปตามอากาศงั้นหรอ?
เขานั่งรอดูท่าทีบริเวณรอบข้างด้วยความระมัดระวัง ไม่แน่ว่ามันอาจจะกำลังซุ่มโจมตีอยู่ตรงไหนสักแห่งก็ได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายนาทีและดูเหมือนจะไม่มีวี่แววของสัตว์อัปลักษณ์ตัวนั้นเลยแม้แต่นิด มันก็เป็นการดีแล้วถ้าหากมันจะหายไปจริงๆ เพราะเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะต่อสู้กับสัตว์ประหลาดแบบนั้นสักเท่าไรถ้าไม่จำเป็น
รามิลไทตัดสินใจชะโงกหน้ามองไปที่ตรงหน้าประตูทางเข้าเกมเซ็นเตอร์เพื่อค้นหาสิ่งที่เขาต้องการอีกครั้งหนึ่ง เขาหรี่ตามองด้วยความพินิศและพบว่าเครื่องอิลลูชั่นสีขาวอันนั้นยังคงอยู่ที่หน้าประตูไม่เคลื่อนย้ายไปไหน
“โอเปอเรเตอร์ บอกฉันทีว่าเครื่องอิลลูชั่นอันนั้นยังใช้การได้… ” รามิลไทเอ่ยถามและทำหน้าเหมือนไม่มั่นใจเท่าไร เอไอสาวทำการประมวลผลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบเขากลับมา น้ำเสียงของเธอฟังดูเหมือนกำลังรู้สึกเสียใจ
‘ใช้การไม่ได้แล้วค่ะ’
ความคิดเห็น