ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The ILLUSION ภาค การกลายพันธุ์

    ลำดับตอนที่ #5 : พึ่งพาตัวเอง

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ค. 57


                    รามิลไทครุ่นคิดหลายๆเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นขณะที่กำลังขี่มอเตอไซค์ไปบนถนนที่ไร้ผู้คน ความมืดมนที่ครอบคลุมไปทั่ว ไม่เป็นอันตรายต่อรามิลไทเลยสักนิด ด้วยระบบการแสดงภาพจากวิชั่นเลนส์ที่เขากำลังสวมอยู่ซึ่งทำให้สิ่งที่เขาเห็นทั้งหมดในตอนนี้กลายเป็นโลกของอิลลูชั่นไปเรียบร้อย ความสว่างจ้าของพระอาทิตย์สามสี่ดวงบนท้องฟ้าดูจะมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ

                    การคาดเดาที่ว่าโรงไฟฟ้าถูกทำลายดูเหมือนจะเป็นความจริง ทั่วทุกหนแห่งสองข้างถนนล้วนมืดสนิทไร้แสงจากหลอดไฟใดๆ และแน่นอนว่าสัญญาณโทรศัพท์ก็ยังคงใช้การไม่ได้

    เอไอสาวในเครื่องอิลลูชั่นบอกกับรามิลไทว่าขณะนี้เธอไม่สามารถเชื่อมต่อกับเน็ตเวิคอื่นๆได้เลย โชคดีที่ระบบอิลลูชั่นซิสเต็มมีโครงข่ายการเชื่อมต่อเป็นของตัวเอง และดูเหมือนเธอจะยังใช้การได้ปกติอยู่ในตอนนี้ แต่มันจะเป็นแบบนี้ไปได้นานขนาดไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับเวลาว่าสัตว์ประหลาดพวกนั้นจะเข้าทำลายตัวกระจายสัญญาณของระบบอิลลูชั่นเมื่อไร

                    การที่รามิลไทหนีรินออกมาทั้งแบบนั้นอาจเป็นเรื่องไม่ดีต่อจิตใจของเพื่อนคนหนึ่งอยู่บ้าง แต่ในตอนนี้เขารู้ดีว่าอย่างไรแล้วถึงบอกเหตุผลสักเท่าไรรินก็คงจะไม่ยอมให้รามิลไทออกมาอยู่ดี นั่นก็เพราะทั้งรินและรามิลไทเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยประถมแล้ว ความผูกพันธุ์ของทั้งคู่เป็นเสมือนกับเส้นดายที่ผูกติดกันไว้แต่มองไม่เห็น

    เดิมทีเขาทั้งสองก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรกันมากมายนักจนกระทั่งรามิลไทได้ก่อเรื่องจนถูกเรียกเข้าห้องปกครองหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเตะบอลไปโดนกระจก ทำโต๊ะหินอ่อนพัง เขียนคำตอบไร้สาระลงในข้อสอบ และสุดท้ายเรื่องที่ทำให้เขาทั้งสองมาเป็นเพื่อนกันก็คือการชกต่อย แม้รินจะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆแต่เธอก็เอาชนะรามิลไทได้อยู่เสมอ นั่นก็ทำให้เขาทั้งสองสนิทกันมาจนถึงทุกวันนี้

    ในห้วงความคิดของรามิลไทถูกขัดจังหวะด้วยแสงสะท้อนจากพื้นถนน เขารู้สึกว่ากระจกเหล่านั้นอาจทำให้เขาตาบอดได้ในไม่ช้าหากจ้องมันนานไปกว่านี้

                    “ช่วยเปลี่ยนการแสดงผลของวิชั่นเลนส์ให้เป็นแบบอื่นได้ไหมโอเปอเรเตอร์! ไอ้ถนนกระจกแบบนี้มันขัดตาฉันยังไงก็ไม่รู้แฮะ!” รามิลไทตะโกนเสียงดังภายใต้การใส่หมวกกันน็อคสีดำอันใหญ่ เสียงของลมโต้จากความเร็วของมอเตอร์ไซค์ในตอนนนี้ดังเสียจนไม่ได้ยินเสียงอย่างอื่นรอบข้างเลยแม้แต่น้อย “ขอเป็นแบบโลกปกติแต่ช่วยปรับเป็นตอนกลางวันอะไรทำนองนั้น ทำได้ไหมโอเปอเรเตอร์!

                    รับทราบค่ะ เอไอสาวตอบกลับทันทีและภาพวิวทิวทัศน์เบื้องหน้าก็เปลี่ยนไปในบัดดล รามิลไทพยักหน้าและยิ้มกริ่มพรางคิดในใจว่าแบบนี้ค่อยดีขึ้นมาหน่อย เป็นแค่โลกธรรมดาแต่มีแสงอาทิตย์และแสงไฟนี่แหละดีที่สุดแล้ว

                    ตอนนี้รามิลไทกำลังคิดถึงเรื่องที่รินบอกเอาไว้ นักศึกษาทุกรายในมหาวิทยาลัยของเขาและรวมไปถึงคนอื่น ทุกคนล้วนไม่ได้รับการส่งของจากผู้ผลิตอิลลูชั่นเลยสักเครื่อง ซึ่งนั่นก็ทำให้รามิลไทสงสัยและได้ให้เอไอสาวทำการตรวจสอบข้อมูลเหล่านั้นผ่านระบบเครือข่ายของอิลลูชั่น ผลปรากฏว่ารถส่งของจากบริษัทขนส่งเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางทำให้รถพลิกคว่ำ หลังจากนั้นก็เกิดเหตุไวรัสกลายพันธุ์ระบาดไปทั่วโลกจึงทำให้ไม่มีการส่งของล็อตใหม่มาจากศูนย์ผลิตแต่อย่างใด เขารู้สึกขึ้นมาตะหงิดๆว่าเรื่องราวเหล่านี้มันดูจะสอดคล้องกันมากเกินไปหน่อยหรือเปล่านะ ไม่แน่ว่าเครื่องมืออิลลูชั่นนี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรสักอย่างกับสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์เหล่านั้นก็เป็นได้

                    ชายหนุ่มใช้เวลาไม่นานเท่าไรนักในการเดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซค์คันเก่ง และในที่สุดเขาก็มาถึงยังจุดหมาย

    เสียงเครื่องยนต์ของมอเตอไซค์เงียบลงทันทีที่เขาบิดกุญแจดับเครื่อง ตอนนี้เขามาถึงยังสถานที่เกิดอุบัติเหตุของรถขนส่งอุปกรณ์อิลลูชั่นแล้ว

    รามิลไทลงมาจากมอเตอไซค์ของเขาและค่อยๆก้าวเดินมายังรถบรรทุกคันหนึ่งที่ล้มพลิกคว่ำอยู่ข้างทาง เขารู้ทันทีว่านั่นคือเป้าหมายของเขา บนตัวรถคันนั้นมีรอยบุบอยู่หลายตำแหน่ง และบริเวณรอบๆมีน้ำมันจำนวนมากนองอยู่เต็มพื้นถนน รามิลไทพยายามเดินก้าวเข้าไปใกล้อีกหน่อยเพื่อดูที่ตำแหน่งคนขับรถ แต่กลิ่นแสบจมูกที่ปล่อยออกมาจากภายในรถทำให้เขาทำหน้าบูดเบี้ยวอย่างไม่ตั้งใจ

                    “อึก!” ทันทีที่เขาเห็นร่างคนตายที่อยู่ภายในก็ทำให้ของที่กินไปในวันนี้พยายามดันตัวขึ้นมาที่ลำคอ ภาพอันน่าสยดสยองนั่นทำให้เขาอยากจะอ้วกเป็นที่สุด

     ชิ้นส่วนของร่างกายมนุษย์ซึ่งควรจะประกอบกันเป็นร่างถูกตัดแบ่งกระจายไปทั่วรถดูเหมือนกับเครื่องปั่นที่มีเศษเปลือกผลไม้ติดอยู่ตามขอบแก้ว เว้นเสียแต่สิ่งเหล่านั้นเป็นอวัยวะของมนุษย์ รามิลไทพยายามตั้งสมาธิด้วยการหายใจเข้าออกยาวๆแต่ดูเหมือนนั่นจะยิ่งทำให้อาการแย่ขึ้นไปอีก กลิ่นคาวเลือดและน้ำมันช่างทำร้ายระบบประสาทการรับรู้ได้ดีจริงๆ

                    หัวใจของท่านเต้นเร็วปกติ ต้องการให้ช่วยกระตุ้นระบบประสาทเพื่อควบคุมการเต้นของหัวใจไหมคะ เสียงของเอไอสาวดังขึ้นในขณะที่รามิลไทกำลังนั่งเอามือปิดปากอยู่ใกล้ๆรถบรรทุก แม้เขาจะพยายามกลั้นอาเจียนมากขนาดไหนแต่สุดท้ายแล้วก็ไม่รอด

                    “ไม่เป็นไร” เขาพยายามดันตัวเองยืนขึ้นสีหน้าราวกับคนป่วย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นชิ้นส่วนอวัยวะของสิ่งมีชีวิตกระจัดกระจายจนไม่เหลือชิ้นดีขนาดนี้ เลือดสีแดงข้นเหล่านั้นแห้งกรังติดเบาะรถและพวงมาลัยเต็มไปหมด รามิลไทภาวนาอยู่ในใจไม่ให้เจอภาพแบบนี้อีกครั้ง แต่เชื่อได้เลยว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้น

                    ไม่เพียงแต่ศพ(หรือชิ้นส่วนของศพ)ที่อยู่ภายในห้องคนขับเท่านั้น ทางด้านท้ายรถซึ่งเป็นตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ถูกอะไรบางอย่างข่วนจนเป็นรอยฉีกกว้าง รามิลไทชะเง้อมองเข้าไปด้านในอย่างยากลำบากแต่ก็พบว่ามีเพียงเศษซากของเครื่องอิลลูชั่นกระจัดกระจายเต็มไปหมด “ฝีมือพวกสัตว์ประหลาดบ้านั่นจริงๆสินะ” รามิลไทบ่นกับตัวเองเบาๆก่อนที่จะเดินถอยมาที่รถมอเตอร์ไซค์

                   

                    ถ้าหากมาลองไล่ลำดับเหตุการณ์แล้ว การปล่อยอาวุธสงครามของเกาหลีเหนือกับอเมริกาเกิดขึ้นทีหลังการขนส่งสินค้าของอิลลูชั่น แต่การที่รถคันนี้ถูกทำลายที่นี่ นั่นก็ทำให้รามิลไทตระหนักได้ทันทีว่า

                    ไวรัสกลายพันธุ์แพร่กระจายมาจากทางอื่นก่อนแล้ว

    แสดงว่าตอนนี้ในเขตเมืองหลวงตอนนี้ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป ไม่ใช่เฉพาะพวกที่หายตัวได้ที่เป็นข่าวซึ่งบุกโจมตีเข้ามาทางประตูเขตสาม แต่ยังมีสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆที่มาพังรถคันนี้ด้วย และนั่นหมายความว่าอาจมีพวกมันอยู่อีกจำนวนมากเกินคาดเดา ไม่แน่ว่าในตอนนี้ที่เขากำลังยืนอยู่อาจมีสักตัวโผล่ออกมาจากพุ่มไม้แล้วฆ่าเขาภายในสองวินาทีก็ได้ คิดได้ดังนั้นรามิลไทก็เริ่มหันซ้ายหันขวาอย่างกระสับกระส่ายด้วยความระแวง

                    “โอเปอเรเตอร์” รามิลไทพูดขณะที่เริ่มย่อตัวต่ำลงและเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด “เธอมีระบบเซนเซอร์หรืออะไรทำนองนั้นไหม? แบบว่าตรวจจับการเคลื่อนไหวรอบข้างอะไรแบบนั้น” เขาว่า

                    โดยปกติแล้วอิลลูชั่นซิสเต็มไม่มีระบบแบบนั้นค่ะ แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่ใกล้เคียงกับระบบเซนเซอร์คือ สกิล ของผู้ใช้เองค่ะ เอไอสาวตอบ

                    “สกิลงั้นหรอ?” รามิลไททวนคำตอบของเธอพรางคิดตาม เขาจำได้ว่าเขาเคยเห็นหน้าต่างอินเตอเฟซของระบบอิลลูชั่นที่เขียนว่าสกิลเหมือนกันก่อนหน้านี้ “มันคือยังไงกัน? สกิลน่ะ” เขาพยายามพูดเสียงให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้

                    สกิลคือทักษะของผู้ใช้อุปกรณ์อิลลูชั่น ซึ่งจะสามารถเรียนสกิลและพัฒนาได้ตามเลเวลหรือระดับของผู้ใช้ และตามที่ดิฉันได้บอกไปเมื่อสักครู่ สกิลที่สามารถตรวจจับสิ่งมีชีวิตรอบข้างได้คือสกิลที่มีชื่อว่า ซิกเซนส์ ซึ่งท่านสามารถเรียนสกิลนี้ได้ที่อิลลูชั่นโซนเท่านั้นค่ะ  

                    “ฉันสามารถเพิ่มความสามารถให้กับร่างกายตัวเองได้งั้นหรอ? ถ้างั้นก็หมายความว่าอุปกรณ์อิลลูชั่น สามารถทำให้คนธรรมดากลายเป็นยอดมนุษย์ได้เลยน่ะสิ?” เขาเอ่ยถามอย่างสงสัยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ

                    ระบบของอิลลูชั่นไม่มีสกิลเหนือธรรมชาติเช่นการปล่อยเวทมนต์หรืออะไรแบบนั้นค่ะ แต่จะมีสกิลที่ช่วยกระตุ้นระบบประสาทหรือทำให้ประสาทและสมองของท่านทำงานได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น เช่น สกิลซิกเซนส์ที่ดิฉันได้บอกไปเมื่อสักครู่ก็เกิดจากการกระตุ้นระบบประสาทของผู้ใช้ให้มีการรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติรอบข้างได้มากกว่าปกติค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นระบบอิลลูชั่นก็มีสกิลประเภทควบคุมระบบประสาทให้ท่านใช้แรงได้มากกว่าปกติที่ร่างกายของท่านสามารถทำได้เหมือนกันค่ะ แต่หากทำแบบนั้นอาจทำให้ร่างกายของท่านเองเกิดอันตรายได้ ดังนั้นสกิลบางสกิลจึงต้องมีการปลดล็อคก่อนการเรียนสกิลค่ะ

                    “ฟังดูซับซ้อนแต่ก็พอจะเก็ต” รามิลไทพยักหน้ารับ

                    ดูเหมือนนี่จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่สำคัญและจำเป็นมากในตอนนี้ เพราะอย่างน้อยการสร้างเรดาห์ให้ตัวเองก็จะสามารถบอกได้ว่ารอบๆตัวเขาในตอนนี้มีตัวประหลาดอะไรซ่อนอยู่บ้าง และจากที่เอไอสาวได้บอกว่ามีสกิลอีกมากมายให้ปลดล็อค นั่นมันก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้เขาเอาตัวรอดได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน

                    “โอเปอเรเตอร์ ตอนนี้เราสามารถเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คอะไรได้บ้างไหม?” รามิลไทเอ่ยถาม

                    ตอนนี้สามารถใช้งานวิทยุสื่อสารระยะใกล้ได้ค่ะ

                    “วิทยุ” รามิลไทพูดขึ้นและทำหน้าครุ่นคิด “ค้นหาสัญญาณวิทยุที่มีการพูดเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดหรืออะไรที่พอจะเป็นประโยชน์ทีสิโอเปอเรเตอร์”

                    เสียงของเอไอสาวเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็เริ่มมีกล่องบอลลูนอินเตอเฟซสีฟ้าใสลอยขึ้นมาจากด้านขาง ฟังก์ชั่นวิทยุถูกเปิดขึ้นและมีเสียงซ่าๆแทรกขึ้นมาฟังดูน่ารำคาญ มันเป็นแบบนั้นอยู่สักพักและดูเหมือนจะมีเสียงของมนุษย์ปรากฏขึ้นมาเสียที รามิลไทแตะปุ่มเร่งเสียงขึ้นเล็กน้อยเพื่อตั้งใจฟัง เขาได้ยินเสียงของชายคนหนึ่งกำลังประกาศเสียงเรียบ

                    “ทางรัฐบาลยังไม่ประกาศมาตรการรับมือกับสถานการณ์ในตอนนี้ ดังนั้นขอให้เพื่อนประชาชนที่อยู่ในระแวดใกล้เคียงโปรดระวังตัวกันให้มากขึ้น ดูเหมือนว่าโรงงานไฟฟ้าและเสาสัญญาณต่างๆถูกทำลายไปหลายที่และยังไม่มีวี่แววว่าจะกู้สิ่งเหล่านั้นกลับมาได้ในเวลาอันใกล้ เมื่อพ้นความมืดมิดในคืนนี้ไปสถานการณ์น่าจะเริ่มดีขึ้นครับ”

                    รามิลไทไม่รู้ว่าคลื่นสัญญาณนี้มีที่มาจากไหน แต่ดูเหมือนว่าที่รัฐบาลยังไม่ประกาศอะไรออกมาก็แสดงให้เห็นว่าตอนนี้ประชาชนอาจต้องพึ่งตัวเองอย่างเดียวโดยแท้จริง

                    สัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ที่รุกรานมนุษย์เหล่านี้มีพละกำลังมหาศาลเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาจะรับมือไหว และดูเหมือนอาวุธสงครามหลายๆชนิดก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้ ทั้งจำนวนและพลังทำลายล้าง เป็นกองทัพที่ไม่มีผู้ใดต้านทานได้อีกต่อไป รัฐบาลคงจะไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้อีกต่อไปแล้ว เขาจะต้องหาหนทางอื่นเพื่อเอาชีวิตรอดด้วยตัวของตัวเอง และนั่น

                    อิลลูชั่นใช่แล้ว

     เขาจะต้องศึกษาเกี่ยวกับมันให้มากกว่านี้ ต้องใช้มันให้เกิดประโยชน์ที่สุด ทั้งระบบสกิลและระบบอื่นๆอีกมากสามารถช่วยให้เขามีชีวิตรอดในโลกอันโหดร้ายนี่ไปได้แน่

    “ก่อนอื่นก็อิลลูชั่นโซนสินะ”

    เขาตัดสินใจว่าต้องเริ่มหาอุปกรณ์อิลลูชั่นเพิ่มเสียก่อน เพราะคนใกล้ตัวเขาไม่มีเครื่องมือชิ้นนี้กันเลยสักคน ทั้งรินและผู้คนในศูนย์อพยพ อย่างน้อยก็ต้องมันมาให้ได้มากที่สุด จากนั้นก็ทำการเพิ่มทักษะสกิลของตัวเอง

    “เปิดระบบนำทางไปที่สวนสนุกวันเดอแลนด์ทีโอเปอเรเตอร์ ฉันจะไปอิลลูชั่นโซน”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×