คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ความสงสัย
ภายในโรงยิมของมหาวิทยาลัยซึ่งในขณะนี้ได้ถูกกลายสภาพให้เป็นศูนย์อพยพผู้คนจากเหตุการณ์ไวรัสระบาด ผู้ลี้ภัยจำนวนมากแออัดกันอยู่ที่ลานสนามบาสเกตบอลด้านล่างและบนอัฒจันทร์ แม้จะเป็นศูนย์อพยพในมหาวิทยาลัยแต่ก็ไม่ได้มีเพียงนักศึกษาเท่านั้นที่มาฝากชีวิตเอาไว้ที่นี่ ทั้งครอบครัวซึ่งมีบ้านอยู่ในละแวกใกล้เคียงเองก็มาอาศัยพักพิงด้วยเช่นกัน ที่ขอบสนามทางฝั่งประตูทางเข้ามีซุ้มการแจกจ่ายอาหารและซุ้มปฏิบัติการต่างๆตั้งอยู่ขนาดไม่ใหญ่นัก
สีหน้าของผู้คนในตอนนี้ดูหมดเรี่ยวแรงและไร้สิ้นความหวัง แสงไฟภายในโรงยิมกระพริบบ่อยครั้งจนน่ารำคาญ ที่นี่เขาไม่จ่ายค่าไฟหรือยังไงนะ?
“เสร็จหรือยัง” รามิลไทเอ่ยถามใครบางคนที่มองไม่เห็นด้วยใบหน้าอ่อนแรง
‘แบตเตอรี่จะเต็มในอีกสิบนาทีค่ะ’ เสียงเอไอสาวตอบกลับ
ในตอนนี้รามิลไทได้เดินทางมาถึงศูนย์อพยพเรียบร้อยหลังจากที่เสียเวลาอยู่กับการซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ไปนิดหน่อย เขาไม่คิดเลยว่าอยู่ดีๆจะมีหมูป่าวิ่งหลุดออกมาตัดหน้าเขากลางถนนจนทำให้รถล้มไม่เป็นท่า โชคดีที่ระบบอิลลูชั่นมีการออกแบบเกี่ยวกับการกระตุ้นระบบประสาทให้ตอบสนองได้เร็วกว่าปกติ รามิลไทจึงได้แค่แผลถลอกติดตัวมาไม่มากนัก แต่ผลจากการล้มก็ทำให้แบตเตอรี่ของหูฟังอิลลูชั่นมีปัญหาจนต้องทำการเปลี่ยนอะไหล่กลางทางด้วยของห่วยๆที่ไม่ได้มาตรฐาน และระบบไฟของมันไม่เข้ากับแบตเตอรี่รุ่นนี้จึงต้องทำการรีชาร์จด้วยไฟจากหลอดนีออน เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้วจึงไม่มีแสงอาทิตย์ให้ชาร์จเลยทำให้เสียเวลาไปนานพอดู
หลังจากที่รามิลไทรู้ว่าสวนสนุกวันเดอแลนด์คืออิลลูชั่นโซนในระแวกนี้ เขาฉุกคิดว่าถ้าหากพวกสัตว์ประหลาดเข้าโจมตีที่นั่นจริง มันคงต้องมีสาเหตุเกี่ยวกับอุปกรณ์อิลลูชั่นเซตที่เขากำลังสวมอยู่นี่แน่ๆ แต่ทำไมพวกมันถึงต้องการทำลายอิลลูชั่นโซน? หรือพวกนั้นต้องการสังหารผู้ใช้อุปกรณ์อิลลูชั่น? นี่คือคำถามที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเขา
ทันทีที่มาถึงศูนย์อพยพรามิลไทก็ได้เจอกับเพื่อนๆในมหาวิทยาลัยเป็นอันดับแรก และหนึ่งในนั้นก็คือรินเพื่อนสาวของเขา เธอทำท่าทางไม่พอใจเล็กน้อยที่รามิลไทมัวเถลไถลไม่ยอมอพยพมาหลบภัยที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืน ส่งผลให้เขาโดนเธอสวดแบบคอมโบชนิดที่เรียกได้ว่ารัวไม่ยั้งจนหูชาเลยทีเดียว
“รามิล!” ขณะที่รามิลกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ไกลๆซึ่งในบริเวณนั้นไม่มีคนเท่าไรนัก รินรสา เพื่อสาวเจ้ากรรมที่พึ่งกระหน่ำสวดเขาไปหลายชุดก็โผล่มาจากด้านหลัง รามิลไทหันไปตามเสียงเรียกและทำหน้าเซ็ง
“จะตามมาบ่นอีกหรือไง? ฉันรู้แล้วน่า ฉันขอโทษทีทีหลังจะไม่ทำอีกแล้ว ต่อไปนี้ผมจะตั้งใจเรียนเชื่อฟังพ่อแม่ไม่ดื้อไม่ซนเป็นเด็กดีไม่แอบกินขนมในห้องเรียนไม่เขียนกำแพงไม่แกล้งเพื่อนไม่ --”
“อย่าประชดได้ไหม! ไม่ได้จะมาบ่นหรอก แค่จะมาบอกเกี่ยวกับเรื่องอิลลูชั่นย่ะ!” รินทำหน้าบึ้งเหมือนไม่พอใจเท่าไร
“อ้อ!” รามิลไทเองก็เริ่มมีสีหน้าจริงจังขึ้นเช่นกัน “ได้เรื่องว่าไงมั่ง?” เขาเอ่ยถามน้ำเสียงเรียบ หญิงสาวเดินมาข้างๆรามิลไทและนั่งลงกับพื้น
“ที่เธอถามว่ามีใครใช้อุปกรณ์อิลลูชั่นบ้างน่ะ -- ปรากฏว่าไม่มีเลยสักคน” รินยักไหล่
“บ้าน่า!.. ไม่มีเลยสักคนเนี่ยนะ?” น้ำเสียงเขาค่อนข้างตกใจ “ยอดสั่งจองที่เป็นข่าวบอกว่าจำนวนสั่งจองเครื่องทั้งหมดทั่วโลกเกือบร้อยล้านเครื่องเชียวนะ คนกรุงเทพจะไม่ใช้กันสักเครื่องเลยหรอ!?” เขาพูดเสียงดังขึ้นจนรินผงะ
รามิลไทไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนในศูนย์อพยพเกือบสองพันนั้นจะไม่มีใครมีอุปกรณ์อิลลูชั่นเลยสักคน
“เท่าที่ฉันถามมา” รินเหล่มองรามิลไทและพูดต่อ “จริงอยู่หลายคนได้ทำการพรีออเดอร์ไปแล้ว แต่พอถึงเวลากำหนดส่งของกลับไม่มีของมาส่ง – แล้วก็มีเรื่องไวรัสบ้าๆนี่เกิดขึ้น… ตอนนี้เลยไม่มีใครสนใจสิ่งประดิษฐ์ไร้สาระนั่นหรอก” รินถอนหายใจเฮือกใหญ่และดูเหมือนรามิลไทอ้าปากทำท่าจะเถียงสุดริด แต่การกระทำนั้นก็ต้องหยุดไว้ด้วยอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้น
ฟึบ…
ดวงไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในอากาศดับไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
รามิลไทและรินลุกพรวดอย่างรวดเร็วพรางมองซ้ายมองขวา ตอนนี้พวกเขามองเห็นแต่ความมืดเต็มไปหมด เหล่าผู้คนเริ่มส่งเสียงกรี๊ดโวยวายด้วยความตกใจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รามิลไทส่งเสียงเรียกรินทันทีเพื่อหาตำแหน่งของเธอ
“ริน! เธออยู่ไหนน่ะ?” รามิลไทก้าวไปในทิศทางด้านหน้าอย่างมั่วซั่วในความมืด เขาเกือบเหยียบเข้ากับอะไรบางอย่างแต่ยั้งขาเอาไว้ได้ทัน มันคือเอียริ่งของอิลลูชั่นที่เขาถอดวางทิ้งไว้เพื่อชาร์จไฟนั่นเอง
“ฉันอยู่นี่ ฉันโอเค” แม้รินจะตอบแบบนั้นแต่น้ำเสียงของเธอเริ่มไม่สู้ดีเท่าไร รามิลไทจับต้นเสียงได้และเดินตรงไปหาเธอพรางใส่หูฟังอิลลูชั่น
วิชั่นเลนส์เริ่มทำงานอีกครั้งและทันใดนั้นความมืดมิดก็หายไปในบัดดล
‘ปรับเป็นโหมดอิลลูชั่นเวิลด์เรียบร้อยค่ะ’ เสียงของเอไอดังขึ้น
จากนั้นสิ่งที่รามิลไทเห็นต่อไปนี้ไม่ใช่โลกความจริงอีกต่อไป…
พื้นไม้ปาเก้สีเนื้อจากเดิมที่เริ่มมีรอยถลอกได้กลายเป็นไม้เนื้อดีขัดเงาสะท้อนแสงไฟจนตาจะบอด ผู้คนที่กำลังตื่นตระหนกอยู่ในตอนนี้ล้วนสวมเสื้อสูทหลากหลายสไตล์คล้ายกำลังอยู่ในงานกาล่าสุดหรู หลอดไฟสีขาวบนเพดานถูกแทนที่ด้วยโคมไฟแบบระย้าห้อยลงมาดูมีออร่าหน้าไม่หมอง ทั้งประตูหน้าต่างและเฟอร์นิเจอร์ภายในถูกรังสรรค์ให้น่ามองจนรามิลไทแอบเคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะ แต่เสียงกรี๊ดของเด็กๆก็ทำให้เขาตื่นจากภวังค์
แสงไฟจากมือถือของผู้คนเริ่มส่องสว่างขึ้นประปรายเต็มพื้นที่ ผู้คนเริ่มเกาะกลุ่มกันมากกว่าเดิมเพราะกลัวจะพลัดหลงกันในความมืด เสียงเด็กร้องไห้ยังคงดังอยู่เนืองๆ และการประกาศก็เริ่มดังขึ้น
“ทุกคนโปรดอยู่ในความสงบค่ะ” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังมาจากซุ้มปฏิบัติการด้วยโทรโข่ง “ตอนนี้เกิดเหตุไฟฟ้าขัดข้องและสัญญาณโทรศัพท์ก็ได้ถูกตัดขาด รวมถึงสัญญาณอินเตอร์เน็ตก็ไม่สามารถใช้งานได้เช่นกัน -- ตอนนี้เราได้ส่งคนออกไปที่อาคารสำนักงานภายในมหาวิทยาลัยเพื่อพยายามหาหนทางในการติดต่อโลกภายนอกอยู่ค่ะ กรุณาอยู่ในความสงบด้วยนะคะ”
ผู้อพยพที่กำลังอยู่ในความมืดเริ่มวิตกกังวลมากขึ้นเมื่อสถานการณ์ยิ่งแย่ลง – มีเสียงโวยวายและพูดคุยดังกว่าปกติและรวมไปถึงเสียงเด็กร้องไห้ก็ยังคงระงมไปทั่ว
ความสงสัยที่อยู่ในใจรามิลไทตอนนี้ได้ระเบิดออกมาจนหยุดไม่อยู่แล้ว เขารู้สึกตัวแล้วว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ทั้งเรื่องการบุกเข้ามาทางปราการเขตสามเมื่อเช้านี้ และเส้นทางที่พวกมันมุ่งหน้าไป โรงงานผลิตไฟฟ้า และยังอินเตอร์เน็ตที่ขาดหาย สัตว์ประหลาดกลายพันธุ์พวกนั้นกำลังวางแผนทำอะไรสักอย่างอยู่
รามิลไทจับแขนรินและลากเธอไปยังที่เงียบๆที่สามารถคุยได้สะดวกเพื่อจะพูดอะไรบางอย่าง และเมื่อมาถึงที่หน้าห้องน้ำซึ่งห่างไกลจากเสียงอึกทึกเหล่านั้นแล้วเขาจึงหยุดเดิน
“ฟังนะ --” รามิลปล่อยแขนของหญิงสาวและเริ่มพูด “--ข่าวที่เธอบอกให้ฉันดู สัตว์ประหลาดพวกนั้นที่บุกเข้ามาในกรุงเทพ และจุดที่มันเข้ามาใกล้กับที่ๆพวกเราอยู่มากๆ – ฉันคิดว่าตอนนี้พวกมันคงไปทำลายโรงงานไฟฟ้าและเสาสัญญาณต่างๆเพื่อให้เราหูหนวกตาบอดติดอยู่ในศูนย์อพยพนี่ และฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมเครื่องปั่นไฟสำรองเขามหาลัยเรามันถึงไม่ทำงาน แต่สาเหตุต้องมาจากตัวประหลาดพวกนั้น” น้ำเสียงของรามิลไทฟังดูหนักแน่น แต่ใครจะรู้ว่าในใจลึกๆแล้วเขากำลังกลัวอยู่ “ฉันต้องไปที่ๆหนึ่ง – ไม่ไกลจากนี่ –“ เขาพูดพรางคิดทบททวนเล็กน้อย “มีบางอย่างที่ฉันสงสัยและฉันต้องการคำตอบ – แล้วฉันจะกลับมาให้เร็วที่สุด” เขาใช้มือทั้งสองแตะลงไปที่ไหล่ของรินและเดินจากมาโดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกของเธอ
การตัดสินใจของรามิลไทในครั้งนี้กำลังจะทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงอีกครั้ง…
ความคิดเห็น