ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The ILLUSION ภาค การกลายพันธุ์

    ลำดับตอนที่ #4 : ความสงสัย

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 57


                    ภายในโรงยิมของมหาวิทยาลัยซึ่งในขณะนี้ได้ถูกกลายสภาพให้เป็นศูนย์อพยพผู้คนจากเหตุการณ์ไวรัสระบาด ผู้ลี้ภัยจำนวนมากแออัดกันอยู่ที่ลานสนามบาสเกตบอลด้านล่างและบนอัฒจันทร์ แม้จะเป็นศูนย์อพยพในมหาวิทยาลัยแต่ก็ไม่ได้มีเพียงนักศึกษาเท่านั้นที่มาฝากชีวิตเอาไว้ที่นี่ ทั้งครอบครัวซึ่งมีบ้านอยู่ในละแวกใกล้เคียงเองก็มาอาศัยพักพิงด้วยเช่นกัน  ที่ขอบสนามทางฝั่งประตูทางเข้ามีซุ้มการแจกจ่ายอาหารและซุ้มปฏิบัติการต่างๆตั้งอยู่ขนาดไม่ใหญ่นัก

    สีหน้าของผู้คนในตอนนี้ดูหมดเรี่ยวแรงและไร้สิ้นความหวัง แสงไฟภายในโรงยิมกระพริบบ่อยครั้งจนน่ารำคาญ ที่นี่เขาไม่จ่ายค่าไฟหรือยังไงนะ?

                    “เสร็จหรือยัง” รามิลไทเอ่ยถามใครบางคนที่มองไม่เห็นด้วยใบหน้าอ่อนแรง

                    แบตเตอรี่จะเต็มในอีกสิบนาทีค่ะ เสียงเอไอสาวตอบกลับ

                    ในตอนนี้รามิลไทได้เดินทางมาถึงศูนย์อพยพเรียบร้อยหลังจากที่เสียเวลาอยู่กับการซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ไปนิดหน่อย เขาไม่คิดเลยว่าอยู่ดีๆจะมีหมูป่าวิ่งหลุดออกมาตัดหน้าเขากลางถนนจนทำให้รถล้มไม่เป็นท่า โชคดีที่ระบบอิลลูชั่นมีการออกแบบเกี่ยวกับการกระตุ้นระบบประสาทให้ตอบสนองได้เร็วกว่าปกติ รามิลไทจึงได้แค่แผลถลอกติดตัวมาไม่มากนัก แต่ผลจากการล้มก็ทำให้แบตเตอรี่ของหูฟังอิลลูชั่นมีปัญหาจนต้องทำการเปลี่ยนอะไหล่กลางทางด้วยของห่วยๆที่ไม่ได้มาตรฐาน และระบบไฟของมันไม่เข้ากับแบตเตอรี่รุ่นนี้จึงต้องทำการรีชาร์จด้วยไฟจากหลอดนีออน เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้วจึงไม่มีแสงอาทิตย์ให้ชาร์จเลยทำให้เสียเวลาไปนานพอดู

                    หลังจากที่รามิลไทรู้ว่าสวนสนุกวันเดอแลนด์คืออิลลูชั่นโซนในระแวกนี้ เขาฉุกคิดว่าถ้าหากพวกสัตว์ประหลาดเข้าโจมตีที่นั่นจริง มันคงต้องมีสาเหตุเกี่ยวกับอุปกรณ์อิลลูชั่นเซตที่เขากำลังสวมอยู่นี่แน่ๆ แต่ทำไมพวกมันถึงต้องการทำลายอิลลูชั่นโซน? หรือพวกนั้นต้องการสังหารผู้ใช้อุปกรณ์อิลลูชั่น? นี่คือคำถามที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเขา

                    ทันทีที่มาถึงศูนย์อพยพรามิลไทก็ได้เจอกับเพื่อนๆในมหาวิทยาลัยเป็นอันดับแรก และหนึ่งในนั้นก็คือรินเพื่อนสาวของเขา เธอทำท่าทางไม่พอใจเล็กน้อยที่รามิลไทมัวเถลไถลไม่ยอมอพยพมาหลบภัยที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืน ส่งผลให้เขาโดนเธอสวดแบบคอมโบชนิดที่เรียกได้ว่ารัวไม่ยั้งจนหูชาเลยทีเดียว

                    “รามิล!” ขณะที่รามิลกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ไกลๆซึ่งในบริเวณนั้นไม่มีคนเท่าไรนัก รินรสา เพื่อสาวเจ้ากรรมที่พึ่งกระหน่ำสวดเขาไปหลายชุดก็โผล่มาจากด้านหลัง รามิลไทหันไปตามเสียงเรียกและทำหน้าเซ็ง

                    “จะตามมาบ่นอีกหรือไง? ฉันรู้แล้วน่า ฉันขอโทษทีทีหลังจะไม่ทำอีกแล้ว ต่อไปนี้ผมจะตั้งใจเรียนเชื่อฟังพ่อแม่ไม่ดื้อไม่ซนเป็นเด็กดีไม่แอบกินขนมในห้องเรียนไม่เขียนกำแพงไม่แกล้งเพื่อนไม่ --

                    “อย่าประชดได้ไหม! ไม่ได้จะมาบ่นหรอก แค่จะมาบอกเกี่ยวกับเรื่องอิลลูชั่นย่ะ!” รินทำหน้าบึ้งเหมือนไม่พอใจเท่าไร

                    “อ้อ!” รามิลไทเองก็เริ่มมีสีหน้าจริงจังขึ้นเช่นกัน “ได้เรื่องว่าไงมั่ง?” เขาเอ่ยถามน้ำเสียงเรียบ  หญิงสาวเดินมาข้างๆรามิลไทและนั่งลงกับพื้น

                    “ที่เธอถามว่ามีใครใช้อุปกรณ์อิลลูชั่นบ้างน่ะ -- ปรากฏว่าไม่มีเลยสักคน” รินยักไหล่

                    “บ้าน่า!.. ไม่มีเลยสักคนเนี่ยนะ?” น้ำเสียงเขาค่อนข้างตกใจ “ยอดสั่งจองที่เป็นข่าวบอกว่าจำนวนสั่งจองเครื่องทั้งหมดทั่วโลกเกือบร้อยล้านเครื่องเชียวนะ คนกรุงเทพจะไม่ใช้กันสักเครื่องเลยหรอ!?” เขาพูดเสียงดังขึ้นจนรินผงะ

    รามิลไทไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนในศูนย์อพยพเกือบสองพันนั้นจะไม่มีใครมีอุปกรณ์อิลลูชั่นเลยสักคน

                    “เท่าที่ฉันถามมา” รินเหล่มองรามิลไทและพูดต่อ “จริงอยู่หลายคนได้ทำการพรีออเดอร์ไปแล้ว แต่พอถึงเวลากำหนดส่งของกลับไม่มีของมาส่ง แล้วก็มีเรื่องไวรัสบ้าๆนี่เกิดขึ้น ตอนนี้เลยไม่มีใครสนใจสิ่งประดิษฐ์ไร้สาระนั่นหรอก” รินถอนหายใจเฮือกใหญ่และดูเหมือนรามิลไทอ้าปากทำท่าจะเถียงสุดริด แต่การกระทำนั้นก็ต้องหยุดไว้ด้วยอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้น

                    ฟึบ

                    ดวงไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในอากาศดับไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

    รามิลไทและรินลุกพรวดอย่างรวดเร็วพรางมองซ้ายมองขวา ตอนนี้พวกเขามองเห็นแต่ความมืดเต็มไปหมด เหล่าผู้คนเริ่มส่งเสียงกรี๊ดโวยวายด้วยความตกใจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รามิลไทส่งเสียงเรียกรินทันทีเพื่อหาตำแหน่งของเธอ

                    “ริน! เธออยู่ไหนน่ะ?” รามิลไทก้าวไปในทิศทางด้านหน้าอย่างมั่วซั่วในความมืด เขาเกือบเหยียบเข้ากับอะไรบางอย่างแต่ยั้งขาเอาไว้ได้ทัน มันคือเอียริ่งของอิลลูชั่นที่เขาถอดวางทิ้งไว้เพื่อชาร์จไฟนั่นเอง

                    “ฉันอยู่นี่ ฉันโอเค” แม้รินจะตอบแบบนั้นแต่น้ำเสียงของเธอเริ่มไม่สู้ดีเท่าไร รามิลไทจับต้นเสียงได้และเดินตรงไปหาเธอพรางใส่หูฟังอิลลูชั่น

    วิชั่นเลนส์เริ่มทำงานอีกครั้งและทันใดนั้นความมืดมิดก็หายไปในบัดดล

                    ปรับเป็นโหมดอิลลูชั่นเวิลด์เรียบร้อยค่ะ เสียงของเอไอดังขึ้น

    จากนั้นสิ่งที่รามิลไทเห็นต่อไปนี้ไม่ใช่โลกความจริงอีกต่อไป

    พื้นไม้ปาเก้สีเนื้อจากเดิมที่เริ่มมีรอยถลอกได้กลายเป็นไม้เนื้อดีขัดเงาสะท้อนแสงไฟจนตาจะบอด ผู้คนที่กำลังตื่นตระหนกอยู่ในตอนนี้ล้วนสวมเสื้อสูทหลากหลายสไตล์คล้ายกำลังอยู่ในงานกาล่าสุดหรู หลอดไฟสีขาวบนเพดานถูกแทนที่ด้วยโคมไฟแบบระย้าห้อยลงมาดูมีออร่าหน้าไม่หมอง ทั้งประตูหน้าต่างและเฟอร์นิเจอร์ภายในถูกรังสรรค์ให้น่ามองจนรามิลไทแอบเคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะ แต่เสียงกรี๊ดของเด็กๆก็ทำให้เขาตื่นจากภวังค์

    แสงไฟจากมือถือของผู้คนเริ่มส่องสว่างขึ้นประปรายเต็มพื้นที่ ผู้คนเริ่มเกาะกลุ่มกันมากกว่าเดิมเพราะกลัวจะพลัดหลงกันในความมืด เสียงเด็กร้องไห้ยังคงดังอยู่เนืองๆ และการประกาศก็เริ่มดังขึ้น

    “ทุกคนโปรดอยู่ในความสงบค่ะ” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังมาจากซุ้มปฏิบัติการด้วยโทรโข่ง “ตอนนี้เกิดเหตุไฟฟ้าขัดข้องและสัญญาณโทรศัพท์ก็ได้ถูกตัดขาด รวมถึงสัญญาณอินเตอร์เน็ตก็ไม่สามารถใช้งานได้เช่นกัน -- ตอนนี้เราได้ส่งคนออกไปที่อาคารสำนักงานภายในมหาวิทยาลัยเพื่อพยายามหาหนทางในการติดต่อโลกภายนอกอยู่ค่ะ กรุณาอยู่ในความสงบด้วยนะคะ”

    ผู้อพยพที่กำลังอยู่ในความมืดเริ่มวิตกกังวลมากขึ้นเมื่อสถานการณ์ยิ่งแย่ลง มีเสียงโวยวายและพูดคุยดังกว่าปกติและรวมไปถึงเสียงเด็กร้องไห้ก็ยังคงระงมไปทั่ว

    ความสงสัยที่อยู่ในใจรามิลไทตอนนี้ได้ระเบิดออกมาจนหยุดไม่อยู่แล้ว เขารู้สึกตัวแล้วว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ทั้งเรื่องการบุกเข้ามาทางปราการเขตสามเมื่อเช้านี้ และเส้นทางที่พวกมันมุ่งหน้าไป โรงงานผลิตไฟฟ้า และยังอินเตอร์เน็ตที่ขาดหาย สัตว์ประหลาดกลายพันธุ์พวกนั้นกำลังวางแผนทำอะไรสักอย่างอยู่

    รามิลไทจับแขนรินและลากเธอไปยังที่เงียบๆที่สามารถคุยได้สะดวกเพื่อจะพูดอะไรบางอย่าง และเมื่อมาถึงที่หน้าห้องน้ำซึ่งห่างไกลจากเสียงอึกทึกเหล่านั้นแล้วเขาจึงหยุดเดิน

     “ฟังนะ --” รามิลปล่อยแขนของหญิงสาวและเริ่มพูด “--ข่าวที่เธอบอกให้ฉันดู สัตว์ประหลาดพวกนั้นที่บุกเข้ามาในกรุงเทพ และจุดที่มันเข้ามาใกล้กับที่ๆพวกเราอยู่มากๆ ฉันคิดว่าตอนนี้พวกมันคงไปทำลายโรงงานไฟฟ้าและเสาสัญญาณต่างๆเพื่อให้เราหูหนวกตาบอดติดอยู่ในศูนย์อพยพนี่ และฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมเครื่องปั่นไฟสำรองเขามหาลัยเรามันถึงไม่ทำงาน แต่สาเหตุต้องมาจากตัวประหลาดพวกนั้น” น้ำเสียงของรามิลไทฟังดูหนักแน่น แต่ใครจะรู้ว่าในใจลึกๆแล้วเขากำลังกลัวอยู่ “ฉันต้องไปที่ๆหนึ่ง ไม่ไกลจากนี่ “ เขาพูดพรางคิดทบททวนเล็กน้อย “มีบางอย่างที่ฉันสงสัยและฉันต้องการคำตอบ แล้วฉันจะกลับมาให้เร็วที่สุด” เขาใช้มือทั้งสองแตะลงไปที่ไหล่ของรินและเดินจากมาโดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกของเธอ

    การตัดสินใจของรามิลไทในครั้งนี้กำลังจะทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงอีกครั้ง

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×