ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The ILLUSION ภาค การกลายพันธุ์

    ลำดับตอนที่ #2 : ไร้ผู้คน

    • อัปเดตล่าสุด 20 ม.ค. 63


    กริ๊ง!!! กริ๊ง!!!

    เสียงนาฬิกาปลุกของรามิลไทดังขึ้นในเวลาเก้าโมงเช้าอย่างต่อเนื่อง มันเป็นเวลาปกติของเขาที่จะตื่นไปเรียนในวันธรรมดาแบบนี้ แต่ดูเหมือนวันนี้จะไม่ใช่

    รามิลไทยกหัวของตัวเองขึ้นมาอย่างไร้เรี่ยวแรงและกดปิดเสียงนาฬิกาและทำท่าจะนอนต่อ

    ‘อรุณสวัสดิ์ค่ะ’ เสียงของหญิงสาวดังขึ้นทำเอารามิลไทสะดุ้งเล็กน้อยนัยน์ตาเปิดกว้างกว่าปกติ เขามองหาต้นตอของเสียงนั้นไปทั่วห้องและก็นึกขึ้นได้ว่าเธอคือเสียงของโอเปอเรเตอร์สาวในเครื่องอิลลูชั่นนั่นเอง เขาเอามือลูบไปที่ใบหูข้างขวาเพื่อคลำหาหูฟังอิลลูชั่นแต่ก็ไม่พบจึงทำหน้าฉงนอย่างต่อเนื่อง

    ‘เราไม่ได้สื่อสารผ่านทางหูฟังอิลลูชั่นหรอกค่ะ ตอนนี้เรากำลังสื่อสารกันผ่านสมองโดยตรง เนื่องจากเมื่อคืนนี้ที่ท่านถอดอุปกรณ์อิลลูชั่น แต่ท่านถอดจุดดอทออกไม่หมดค่ะ อันสุดท้ายมันอยู่ที่ด้านหลังศีรษะของท่าน’ รามิลไทใช้มือคลำไปที่สติกเกอร์แผ่นบางๆ ตรงท้ายทอยของเขาและพยักหน้า

    “ขนาดติดดอทแค่อันเดียวยังทำงานได้อีกนะอิลลูชั่น ฉันล่ะทึ่งจริงๆ” แม้คำพูดของเขาจะว่าไปแบบนั้นแต่ใบหน้าของคนพึ่งตื่นนอนก็ทำให้มันดูเหมือนการประชดเสียมากกว่า

    ‘โดยปกติแล้วการติดดอทลงไปบนร่างกายก็เพื่อทำให้ระบบประสาทเชื่อมต่อเข้ากับอิลลูชั่นซิสเต็ม ดังนั้นดอทที่ติดอยู่ตรงท้ายทอยของท่านจึงทำให้สามารถสื่อสารด้วยระบบประสาทผ่านสมองได้ค่ะ แต่ว่าการทำงานของอิลลูชั่นจะจำกัดลงหากติดดอทไม่ครบทุกจุดของร่างกายค่ะ’ โอเปอเรเตอร์อธิบาย แต่ดูเหมือนการรับรู้ของรามิลไทจะยังไม่ค่อยปกติเท่าไรด้วยความง่วง

    “งั้นถ้าคุยกันผ่านสมองแบบนี้ได้ ก็แปลว่าเธอก็อ่านใจฉันได้ด้วยใช่ไหมเนี่ย ล่วงละเมิดชะมัด” รามิลไทดันตัวเองขึ้นจากที่นอนและแบกร่างของตัวเองไปที่ห้องน้ำเพื่อทำการแปรงฟันล้างหน้าอย่างยากลำบาก ตาของเขาตอนนี้ยังแทบจะลืมไม่ขึ้นด้วยซ้ำไป

    ‘แม้จะคุยกันผ่านสมองได้แต่อิลลูชั่นนั้นไม่สามารถอ่านความคิดของผู้ใช้งานได้ค่ะ คล้ายกับการคุยผ่านโทรจิตมากกว่าค่ะ’ เธอบอกปัดและนั่นก็ทำให้รามิลไทรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย

    เสียงของโอเปอเรเตอร์เงียบไปและรามิลไทก็จัดการธุระส่วนตัวทุกอย่างจนเสร็จ รามิลไทรู้สึกเขินๆ นิดหน่อยตอนอาบน้ำและตอนขับถ่ายของเสียจากร่างกาย เพราะจากที่ใช้งานอิลลูชั่นมาตลอดนั้นเขารู้สึกเหมือนกับว่าอิลลูชั่นซิสเต็มสามารถมองเห็นเขาตลอดเวลา

    “เธอมองเห็นฉันตลอดเวลาเลยหรอโอเปอเรเตอร์?” รามิลไทถามขึ้นขณะกำลังเลือกเสื้อผ้าในตู้อย่างลวกๆ เขาเลือกหยิบเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงยีนสกินนี่สีขาวออกมาจากตู้และสวมเข้าไปด้วยท่าทางตลกพิลึก

    ‘ไม่ค่ะ ดิฉันจะเห็นท่านผ่านทางหูฟังสีขาวเท่านั้น’ เธอตอบเสียงราบเรียบและรามิลไทก็พยักหน้าเป็นการรับรู้ แต่ดูเหมือนรามิลไทจะมีคำถามอื่นแว่บเข้ามาในหัวกะทันหัน

    “นี่โอเปอเรเตอร์” รามิลไทเอ่ยขึ้น “เธอจะอยู่เป็นพี่เลี้ยงฉันไปตลอดเลยหรอ? หรือว่าแค่ชั่วคราว?”

    เธอนิ่งเงียบเหมือนกำลังคิดเกี่ยวกับคำถามเมื่อสักครู่ ‘ฉันไม่ใช่โอเปอเรเตอร์หรอกค่ะ ฉันเป็นเพียงเอไอหรือปัญญาประดิษฐ์เท่านั้น -” เธอตอบด้วยน้ำเสียงปกติ แต่หารู้ไม่ว่ารามิลไทกำลังอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ‘- ฉันจะอยู่ในระบบจนกว่าเครื่องอิลลูชั่นจะหมดอายุการใช้งานค่ะ’

    “เธอเป็นแค่เอไอหรอ!? ล้อกันเล่นแน่ๆ …” เสียงของเขาเหมือนไม่อยากจะเชื่อ

    ใครจะไปคิดล่ะว่าในวันๆ นึงจะมีเอไอที่สื่อสารกับมนุษย์โดยธรรมชาติขนาดนี้ รามิลไทกำลังคิดถึงภาพยนตร์ไซไฟหลายๆ เรื่องที่เคยดูมาและรู้สึกว่าเหมือนเขากำลังอยู่ในภาพยนตร์เหล่านั้น สิ่งที่เขาเคยเห็นแต่ในหนังมันกำลังเป็นจริงในตอนนี้ มันคงไม่มีอะไรเยี่ยมไปกว่านี้อีกแล้วสำหรับคนชื่นชอบความเพ้อเจ้อในโลกจินตนาการแบบเขา แต่รามิลไทตื่นเต้นอยู่ได้ไม่นานเมื่อหวนคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานที่ผ่านมา

    ในใจของเขาเองก็ยังคงรู้ดีว่าโลกภายนอกมีอีกสิ่งหนึ่งที่น่าตื่นตะลึงมากกว่าอีกเป็นไหนๆ

    เหตุการณ์ไวรัสระบาดจากเกาหลีเหนือและอเมริกานั่นทำให้เขารู้สึกหดหู่กับภาพการตายของมนุษย์นับล้านชีวิตที่เขาได้เห็นไปในข่าวจากทั่วทุกรูปแบบของสื่อ ร่างของศพที่นอนอยู่เกลื่อนกลาดเต็มพื้นและอวัยวะสดๆ ของมนุษย์วางกองไว้ทั่วเต็มท้องถนน เหล็กยึดตามอาคารที่โผล่ยื่นออกมาหลังจากถูกสัตว์กลายพันธุ์ทำลายไปแล้วดูน่าอนาถใจ

    ตอนนี้รามิลไทรู้สึกเหมือนไม่รู้จะเริ่มทำอะไรต่อไปในชีวิตเพราะมหาวิทยาลัยเองก็หยุดกะทันหันอย่างไม่มีกำหนด กับโรคไวรัสบ้าบอนั่นที่จะแพร่กระจายมาถึงที่ๆ เขาอาศัยอยู่เมื่อไรก็ไม่มีใครรู้ ชีวิตของเขาในตอนนี้คล้ายกับกำลังถูกยมทูตที่อยู่บนฟากฟ้าคอยจ้องจะปลิดชีวิตได้ทุกเมื่อ สัตว์ประหลาดพวกนั้นที่เดินเพ่นพ่านอยู่ในเมืองที่รกร้างตายซากนั่นมันบ้าคลั่งและมีพละกำลังมหาศาล พวกมันมีจุดหมายเดียวคือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ไม่ใช่พวกมันเอง

    สายลมยามเช้าที่พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างนั้นทำให้รามิลไทรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้างเล็กน้อย ภายนอกหอพักนั้นทุกอย่างก็ยังดูเหมือนปกติเช่นทุกวัน

    เขานึกภาพของตึกรามบ้านช่องที่โดนทำลายและไฟไหม้ไปทั่วทุกหัวระแหง พร้อมกับสัตว์ประหลาดเหล่านั้นเดินคลืบคลานเข้ามาฉีกกระชากมนุษย์อย่างไม่ปรานีทีละคนๆ มันช่างเป็นภาพที่ไม่อยากจะให้เกิดขึ้นเลยจริงๆ

    รามิลไทสลัดความคิดเหล่านั้นออกไปจากหัวและสวมเครื่องมืออิลลูชั่นให้เรียบร้อยก่อนจะเดินกลับมาที่เตียงนอนอีกครั้ง และในเวลานั้นจู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น

    “ว่าไงริน” รามิลไททักขึ้นทันทีเมื่อกดรับสาย

    “รามิล! เธอเห็นข่าวหรือยัง!?” เสียงของปลายสายฟังดูร้อนรน

    “ถ้าเป็นข่าวเมื่อวานเราก็คุยกันแล้วไง อะไรของเธอเนี่ย” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความฉงน

    “ไม่ใช่! ข่าวใหม่! ด่านรักษาความปลอดภัยเขตสามถูกโจมตีโดยกลุ่มสัตว์ประหลาด! เธอรีบเปิดดูเร็วเข้า!”

    สิ้นประโยครามิลไทรีบใช้มือขวาปัดป่ายไปบนอากาศที่มีอินเตอเฟซสีฟ้าลอยอยู่ด้วยความเร่งรีบ เขามองหาเมนูโทรทัศน์อยู่ครู่หนึ่งและทำการเปิดมันขึ้นมาทันทีซึ่งมันก็เป็นไปอย่างที่รินพูด

    ป้อมปราการของเหล่าทหารในเขตสามถูกสัตว์กลายพันธุ์ขนาดใหญ่บุกโจมตีและดูเหมือนมันจะทำได้สำเร็จ บังเกอร์สูงเกือบสองเมตรถูกทำลายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวและพวกมันก็คืบคลานเข้ามาภายในเขตเมืองหลวงได้อย่างง่ายดาย ผู้บรรยายข่าวที่อยู่บนเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์กำลังถ่ายทอดสดภาพของสัตว์ประหลาดกลุ่มนั้นที่ค่อยๆ หายตัวไปต่อหน้าต่อตา

    ‘ล่องหน’ !? พวกมันเป็นตัวอะไรกันแน่วะ!!??’ รามิลไทร้องขึ้นในใจดังๆ สีหน้าเครียดขึ้นทันตา

    “แล้วไม่มีหน่วยงานไหนของรัฐบาลมันทำอะไรได้เลยมั่งหรือไง!” ชายหนุ่มร้อนใจเมื่อสถานการณ์มันกำลังเริ่มแย่ขึ้น สัตว์ประหลาดพวกนั้นบุกเข้ามาถึงเมืองหลวงได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน “เธออยู่ไหนริน” รามิลไทถามขึ้นขณะที่สายตายังคงมองภาพข่าวที่ลอยอยู่ด้านหน้า

    “ฉันอยู่ที่ศูนย์หลบภัยแล้ว - แล้วนายล่ะอยู่ไหน? ฉันไม่เห็นนายที่นี่ นายโอเคใช่ไหม?” รินถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง และเสียงจอแจที่แทรกเข้ามาในสายก็บอกได้เลยว่าที่ศูนย์หลบภัยนั่นค่อนข้างวุ่นวายทีเดียว

    “ฉันโอเคๆ เอาไว้ฉันจะไปหา แค่นี้ก่อนนะ” รามิลกดวางสายและสไลด์มือปิดภาพทีวีที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่กลายอากาศให้หายไป

    อย่างหนึ่งที่รามิลไทรู้ในขณะนี้คือสัตว์ประหลาดพวกนั้นไม่ได้มีความน่ากลัวแค่เรื่องพละกำลังและความบ้าคลั่ง แต่มันยังมีความสามารถในการพรางตัวและมีมันสมองในการสังหารอีกด้วย มันไม่เลือกที่จะจู่โจมโดยตรงแต่เลือกที่จะพรางตัวและเข้าโจมตีกองทหารแบบฉับพลัน ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกมันไม่ได้ฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ตามสัญชาตญาณแบบสัตว์ป่า แต่พวกมันมีเป้าหมายอะไรบางอย่าง

    เท่าที่รามิลไทสังเกตเห็นภาพข่าวเมื่อสักครู่ สัตว์ประหลาดที่เข้าโจมตีในครั้งนี้มีเพียงสิบกว่าตัวเท่านั้น หากใช้กำลังทหารระดมยิงด้วยอาวุธหนักน่าจะสามารถสังหารได้ แต่ปัญหาคือการพรางตัวขั้นสมบูรณ์แบบของมัน ไม่ว่าจะเป็นกล้องจับความร้อนหรือกล้องตรวจจับแบบใดก็ไม่สามารถค้นหาพวกมันเจอ ซึ่งสิ่งที่น่าสงสัยนั้นคือมันกำลังพยายามทำอะไรกันแน่ พวกมันเข้ามาในเมืองหลวงทำไม? เพื่ออะไรกัน?

    “ช่วยจำลองแผนที่และแสดงสถานที่สำคัญในเส้นทางของพวกมันที่มันกำลังมุ่งหน้าไปได้ไหม?” รามิลไทพูดกับเอไอเบาๆ

    ‘กำลังทำประมวลผล… เสร็จสิ้นค่ะ’ เอไอตอบทันทีพร้อมกับภาพแผนที่ซึ่งลอยคว้างออกมาในอากาศอย่างรวดเร็ว ‘สถานสำคัญในเส้นทางมีด้วยกันสามแห่งค่ะ คือโรงงานไฟฟ้า โรงเรียนมัธยมนธีวิทยา และสวนสนุกวันเดอแลน์’ สถานที่ทั้งสามที่อยู่ในแผนที่ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อยโดยอัตโนมัติ

    “เธอคิดว่าที่ไหนเป็นไปได้สูงสุดโอเปอเรเตอร์?” รามิลไทลองถามคำถามกับปัญญาประดิษฐ์เพื่อหาความคิดเห็นแม้ในหัวของตัวเองจะมีสถานที่ที่คิดว่าน่าจะใช่อยู่แล้วก็ตาม

    ‘จากการประมวลผล… โรงงานไฟฟ้ามีความเป็นไปได้สูงที่สุดค่ะ’ เธอตอบ ‘ดูจากสถิติแล้วกระทำของสัตว์ประหลาดแสดงถึงความต้องการในการทำลายล้างมนุษย์อย่างชัดเจน ดังนั้นการทำลายโรงงานไฟฟ้าเพื่อตัดกำลังมนุษย์ถือเป็นสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดค่ะ’ เธอตอบเสียงนุ่มนวลโดยมีรามิลไทพยักหน้ารับ เขาคิดว่าเอไอนั้นก็น่าจะพูดถึงต้องแล้วในเรื่องนี้ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าอาจมีเบื้องลึกอะไรบางอย่างมากกว่านี้อีกหรือเปล่านะ

    “แล้วอีกสองที่ล่ะ? คิดว่ามีสิทธิ์เป็นไปได้ยังไงบ้าง?” รามิลไทถามอีกครั้ง

    ‘โรงเรียนมัธยมนธีวิทยาในขณะนี้ได้ทำการอพยพผู้คนและปิดทำการมาเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตค่ะ – ทั้งนี้ทั้งนั้นโรงเรียนแห่งนี้ก็ไม่ได้เป็นสถานที่สำคัญในทางกลยุทธ์หากข้าศึกจะเข้าโจมตี ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ต่ำค่ะ ‘ภาพของแผนที่สีฟ้าที่กำลังลอยอยู่บนอากาศด้านหน้ารามิลไทหุบเข้าหุบออกไปมา จากนั้นมันก็แสดงภาพด้านหน้าของโรงเรียนในระยะใกล้ รามิลไทเดาว่ามันน่าจำเป็นภาพถ่ายจากจานดาวเทียมหรืออะไรสักอย่างที่ทำให้เห็นได้ชัดเจนขนาดนี้

    ‘สถานที่สุดท้ายคือสวนสนุกวันเดอแลนด์’ ภาพด้านหน้าโรงเรียนมัธยมถูกตัดออกและสลับกลายเป็นภาพจากมุมสูงของสวนสนุกที่มีเครื่องเล่นเต็มไปหมด ขนาดของสวนสนุกแห่งนี้ไม่กว้างนักแต่ก็เต็มไปด้วยอุปกรณ์สร้างความบันเทิงแก่เด็กๆ นอกจากเครื่องเล่นชวนเวียนหัวทั้งหลายแล้วก็ยังมีร้านค้าและซุ้มต่างๆ มากมาย แถมมีอาคารขนาดใหญ่ดูคล้ายเกมเซนเตอร์อีกด้วย

    ‘ภายในส่วนสนุกยังมีผู้คนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นก็ยังมีความเป็นไปได้ที่สัตว์ประหลาดพวกนั้นจะบุกโจมตีค่ะ’ เอไอตอบ

    ชายหนุ่มมองภาพของสวนสนุกลอยอยู่ด้านหน้าด้วยสีหน้าสงสัย ใช่แล้วด้านในยังมีคนอยู่มาก แต่ที่อื่นก็มีคนเยอะเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเหตุผลนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้เท่าไรนัก และสิ่งที่น่าแปลกเกี่ยวกับสถานที่นี้ก็ยังมีอยู่

    ทำไมในเวลาคับขันเช่นนี้ถึงยังมีคนไปเที่ยวสวนสนุกกันอยู่นะ? หรือว่าคนพวกนี้จะไม่เห็นข่าว? ไม่น่าจะเป็นไปได้นะ

    “ในสวนสนุกเป็นศูนย์อพยพหรือเปล่า?” รามิลไทพูดขึ้นเสียงหนักแน่น

    ‘ตามฐานข้อมูลที่เปิดเผยอยู่ทั้งหมดบนโลกไม่มีการประกาศให้สวนสนุนวันเดอแลนด์เป็นศูนย์อพยพค่ะ’ เธอตอบกลับอย่างรวดเร็วราว

    รามิลไทคิดเรื่องนี้จนหัวแทบระเบิดแต่ก็ไม่เข้าใจเลยสักนิด เขาไม่รู้ว่าไอ้พวกสัตว์ประหลาดบ้าพวกนั้นมันกำลังจะทำอะไรหรือไปที่ไหนกันแน่ แต่ที่เขากังวลที่สุดก็คือถ้าหากพวกมันไปที่สวนสนุกวันเดอแลนด์จริงๆ นั่นก็อันตรายมาก

    เพราะบริเวณอาศัยของรามิลไทอยู่ห่างจากสวนสนุกแห่งนั้นไม่ถึงห้ากิโลเมตร…

    เขาตัดสินใจเก็บข้าวของที่จำเป็นและมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยของเขา ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นศูนย์อพยพไปแล้วเป็นอันดับแรก

    เสียงของตัวเครื่องและสายพานรถมอเตอไซค์ของเขาดังกว่าปกติ นั่นอาจเป็นเพราะความเงียบสงัดที่เข้าครอบคลุมพื้นที่อยู่ในตอนนี้จึงทำให้ไม่ว่าเสียงอะไรก็ดังไปหมดซะทุกอย่าง รามิลไทไม่เคยรู้สึกว่าถนนมันจะร้างได้มากขนาดนี้แม้จะเป็นเวลากลางคืนของเมื่อวานก็ยังไม่เทียบเท่า ไร้วี่แววสิ่งมีชีวิต

    ติ๊ด!

    เสียงของเอียริ่งที่ติดอยู่กับหูของรามิลไทร้องขึ้นเบาๆ

    ‘พบไอเทมพิเศษที่ข้างทางค่ะ’ เอไอสาวพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาเริ่มจอดรถทันทีแม้จะอยู่กลางถนนก็ตาม

    “ไอเทมพิเศษอะไรกัน?” รามิลไทมองไปที่ด้านซ้ายมือของตัวเองก็เห็นเพียงต้นไม้ต้นใหญ่สูงชะลูดขึ้นไปอายุราวสี่สิบปี รอบๆ ก็มีแต่ผืนหญ้าเขียวขจี “ไอเทมที่เธอหมายถึงคือไอเทมจากอิลลูชั่นเวิลด์งั้นหรอ?” รามิลไทเกือบลืมไปแล้วว่าอิลลูชั่นซิสเต็มมีระบบพวกนั้นอยู่ด้วย ฟังก์ชันที่คล้ายกับการเล่นเกมบทบาทสมมุติ แล้วก็การสร้างภาพที่ไม่มีอยู่จริงอะไรทำนองนั้น

    ‘ใช่ค่ะ… เพราะในขณะนี้วิชั่นเลนส์ของท่านยังเป็นการแสดงผลจากโลกความจริงอยู่ ดังนั้นจึงยังไม่เห็นสิ่งที่อยู่ในอิลลูชั่นเวิลด์ค่ะ – จะทำการเปลี่ยนเป็นอิลลูชั่นโหมดไหมคะ?’ เสียงจากหูฟังเอ่ยขึ้น

    รามิลไทนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้าที่เขาจะออกจากบ้านเขาได้ทำการปรับเปลี่ยนการแสดงผลของวิชั่นเลนส์ให้เป็นแบบโลกปกติเอาไว้เพราะรู้สึกยังไม่ชินตา ดังนั้นตอนนี้รามิลไทก็เห็นโลกด้านหน้าเป็นโลกปกติเช่นเดิมทุกประการ ไม่มีความแฟนตาซีปรากฏให้เห็นเช่นเฟอรนิเจอร์เปลี่ยนรูปร่างแบบเมื่อคืนก่อนหน้านี้ – รามิลไทพยักหน้าหนึ่งครั้งเป็นการสื่อว่าให้โอเปอเรเตอร์หรือเอไอทำการปรับเปลี่ยนโหมดให้วิชั่นเลนส์กลายเป็นการแสดงผลจากโลกอิลลูชั่นได้เลย

    วี๊ด…

    เสียงเล็กแหลมแบบเดิมดังขึ้น แต่ดูเหมือนคราวนี้จะไม่มีอาการเจ็บปวดเหมือนครั้งก่อน อาจเป็นเพราะคราวที่แล้วเป็นครั้งแรกจึงทำให้มีอาการเจ็บปวดเล็กน้อย เช่นนั้นรามิลไทก็รู้สึกดีขึ้นหน่อยว่าการเข้าสู่อิลลูชั่นเวิลด์จะไม่ต้องเจ็บปวดอยู่บ่อยๆ สินะ

    ภาพของถนนหนทางและตึกร้างอาคารเก่าด้านหน้าหายไปและกลายเป็นความอลังการงานสร้างที่เขาไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเองมาก่อน

    ขณะนี้อิลลูชั่นได้เปลี่ยนให้เมืองๆ นี้กลายเป็นโลกแห่งอนาคตไปเรียบร้อยแล้ว – ไม่ว่าจะเป็นรถราที่จอดอยู่จากเดิมได้กลายเป็นยานที่ไม่มีล้อและจอดลอยค้างอยู่กลางอากาศ และอาคารที่เก่าซอมซ่อกลายเป็นตึกสูงชะลูดที่มองแทบไม่เห็นชั้นบนยอดเลยสักนิด ถนนพื้นคอนกรีตสีเทาที่แสนจะธรรมดา บัดนี้ได้กลายเป็นพื้นกระจกเงาวับดูสวยงามสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเช้าจนดูเหมือนเกล็ดน้ำแข็งในโลกนิยาย …ใช่แล้วฉันกำลังอยู่ในโลกนิยายสินะ

    รามิลไทได้แต่อึ้งกับความตระการตาตรงหน้าจนเอไอเริ่มพูดทักเขาอีกครั้งเพื่อเรียกสติกลับมา ‘ไอเทมพิเศษอยู่บนกิ่งไม้ของต้นไม้ต้นนั้นค่ะ’

    รามิลไทหันควับไปตามทิศทางที่เธอว่าทันที ต้นไม้ต้นนั้นเองก็ยังคงลักษณะเป็นต้นไม้คล้ายกับโลกความจริงอยู่แต่ดูสะอาดตาขึ้นเล็กน้อย เขามองขึ้นไปบนกิ่งไม้ในจุดที่เอไอบอกเขาและก็พบกับกล่องสมบัติโบราณสีน้ำตาลทองดูสวยไม่หยอก

    “มันคืออะไรน่ะ?” รามิลไทเอ่ยถาม และแน่นอนว่าเอไอสาวก็ตอบกลับทันทีเหมือนปกติ

    ‘กล่องสมบัติของไอเทมพิเศษที่จะปรากฏขึ้นอยู่บนโลกใบนี้ค่ะ ซึ่งพวกมันจะมีอยู่ทั้งหมดเก้าแสนกล่องทั่วโลก – ด้านในอาจเป็นไอเทมชั้นสูงระดับตำนานหรือไอเทมทั่วไปที่เอาไปขายก็ไม่มีใครอยากได้ก็มีค่ะ’

    รามิลไทไม่คิดว่าระบบเกมของอิลลูชั่นมันจะค่อนข้างซับซ้อนและละเอียดขนาดนี้ หากเป็นเวลาปกติเขาเองคงจะรู้สึกอยากสนุกกับมันมาก แต่ในเวลานี้ก็คงจะไม่ควร

    กล่องสมบัติบนต้นไม้ถูกลากลงมาด้วยมือทั้งสองข้างของเขา แต่เหมือนรามิลไทจะดูไม่ตื่นเต้นเท่าไรนัก และเมื่อเปิดกล่องสมบัติอันนั้นออก – ฟิ้ว! – แสงสีรุ้งทะยานพุ่งออกมาเหมือนกับน้ำพุที่ถูกเปิดสวิทซ์ รามิลไทผงะถอยกรูดมาด้านหลังและโยนกล่องนั่นทิ้งลงไปที่พื้นกระจกอย่างไม่ตั้งใจ แสงสีรุ้งนั่นพุ่งทะลุเข้ามาที่ตัวเขาอย่างรวดเร็ว แม้มันจะไม่รู้สึกเจ็บอะไรเท่าไร แต่ความเย็นวาบนั่นมันก็ชวนให้รามิลไทอยากลองโดนแบบนั้นอีกสักครั้ง

    ติ๊ง!

    เสียงสัญญาณของหน้าต่างอินเตอเฟซดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับข้อความสีแดงขนาดพอประมาณลอยติ้วออกมาตรงหน้าเขาเขียนว่า ได้รับไอเทมใหม่! และเมนูที่เขียนเอาไว้ว่ากระเป๋าสัมภาระก็กะพริบขึ้น รามิลไทใช้มือขวายื่นออกไปด้านข้างเอวเพื่อกดปุ่มเมนูอันนั้นทันที

    “เอ่อ… อะไรกันล่ะนั่น” หน้าต่างกระเป๋าสัมภาระปรากฏขึ้นมาเป็นช่องสี่เหลี่ยมยาวพรืดขนาดเก้าคูณเก้าช่องและดูเหมือนจะเลื่อนเปลี่ยนหน้าได้อีก กระเป๋าสัมภาระมีขนาดใหญ่พอควรเลยทีเดียว – ด้านบนสุดของหน้าต่างที่กำลังลอยอยู่ด้านหน้านี้มีหัวข้อแยกย่อยประเภทไอเทมไว้เป็นหมวดหมู่อย่างเรียบร้อย และประเภทไอเทมที่เขากำลังเปิดอยู่ในตอนนี้ถูกระบุเอาไว้ว่า ‘รวม’

    วัตถุรูปร่างแปลกตาปรากฏอยู่ในช่องสัมภาระทั้งหมดสามชิ้นและมีตัวหนังสือเล็กๆ กำกับไว้ว่า ‘ไอเทมใหม่’

    รามิลไทไม่สามารถมองรูปทรงไอเทมที่บรรจุอยู่ในช่องเล็กๆ เหล่านั้นได้ชัดเจนนักเพราะมันอยู่ในรูปแบบย่อซึ่งเล็กซะเหลือเกิน เขาจึงทดลองใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งจิ้มไปที่หน้าต่างสัมภาระและถ่างนิ้วออกต้องการให้หน้าต่างนี้ซูมเข้าหรือขยายให้มันใหญ่ขึ้น และดูเหมือนมันจะได้ผล – ปิ๊ง! – เสียงอินเตอเฟซดังขึ้นอีกครั้งและหน้าต่างสัมภาระก็ถูกขยายจนสามารถมองเห็นไอเทมเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน

    ชิ้นแรกที่อยู่ในช่องสี่เหลี่ยมนั้นมีลักษณะคล้ายกับเศษผงอะไรบางอย่างซึ่งมีคำอธิบายกำกับไว้ว่า ‘ใช้สร้างน้ำหมึก’ และชิ้นที่สองเป็นขวดน้ำทรงสวยงามขนาดหนึ่งลิตรมีน้ำข้างในเป็นสีแดงเข้มพร้อมกับคำบรรยายที่เขียนว่า ‘ใช้เรียกมอนสเตอร์’ ถัดมาที่ชิ้นสุดท้ายเป็นเหมือนกับกระดานหรือแผ่นอะไรบางอย่างสีขาวไร้ลวดลาย – รามิลไทไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรว่าไอเทมพวกนี้คืออะไรกันแน่ กระนั้นเขาก็คิดว่าในตอนนี้พวกมันซึ่งเป็นแค่ไอเทมอิลลูชั่นหรือไอเทมที่ไม่มีจริงบนโลก คงจะไม่มีประโยชน์กับเขาสักเท่าไร

    เขาเดินกลับมาคร่อมรถมอเตอไซค์และบิดกุญสตาร์ทเครื่องเรียบร้อย ทว่าไม่รู้ว่าจะเริ่มไปทางไหนก่อนดี เพราะสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปกลายเป็นเมืองแบบโลคอนาคตนี่ทำให้สับสนไม่น้อย

    “มาแบบนี้ฉันงงเลยแฮะ” เขาพยายามมองเส้นทางข้างหน้าว่าถนนเส้นไหนที่จะพาเขาไปสู่ศูนย์อพยพในมหาวิทยาลัยได้ แต่ตึกและอาคารที่เปลี่ยนไปทำให้เขาจินตนาการได้ยากจริงๆ

    ‘เปิดระบบนำทางเรียบร้อยค่ะ’ ปัญญาประดิษฐ์แสนฉลาดรู้หน้าที่ว่าเธอควรจะทำอย่างไร เธอเปิดระบบนำทางเพื่อบอกเส้นทางให้กับรามิลไทว่าเขาจะต้องขี่รถไปในทิศทางไหน

    ปิ๊ง!

    ลูกศรขนาดเล็กถูกเสกวับออกมาปรากฏตรงหน้าของรามิลไท จากรถมอเตอไซค์คันเล็กของเขาลากจากพื้นกระจกที่ปลายล้อด้านหน้ามุ่งตรงไปยังถนนที่ไกลออกไป แสงสีแดงขนาดใหญ่พุ่งไปเส้นตรงไปตามเส้นทางตามถนนเพื่อบอกเส้นทางที่ถูกต้อง รามิลไทสวมหมวกกันน็อคทันทีพร้อมกับยิ้มเล็กๆ ในใจคิดขอบคุณเจ้าระบบอันชาญฉลาดอันนี้

    ถนนกระจกโล่งกว้างในเมืองอันศิวิไลซ์นี้ยังคงไม่มีผู้คนเช่นเดิมแม้จะเป็นการแสดงผลจากภาพในโลกอิลลูชั่น รามิลไทขี่รถไปพลางและใช้อินเตอเฟซสีฟ้าซึ่งลอยล่องอยู่ไปพลางอย่างสบายใจโดยไม่ต้องกลัวจะชนกับอะไร เพราะถนนโล่งขนาดนี้ต่อให้หลับตาขี่ก็คงจะไม่มีอะไรมาขวาง

    “ไอเทมพวกนี้มันคืออะไรกันนะ” ดูเหมือนเขารู้สึกติดใจกับไอเทมที่ได้รับมาจากกล่องสมบัติเมื่อครู่อยู่นิดหน่อย เขาเอียงคอเล็กน้อยแต่ก็คิดว่าเอาไว้ค่อยจัดการทีหลังคงจะไม่เสียหาย เขาทำท่าจะปิดหน้าต่างแสดงผลของกระเป๋าสัมภาระแต่แล้วสายตาของรามิลไทก็ต้องสะดุดหยุดอยู่กับหมวดหมู่ของไอเทมชนิดหนึ่งเข้า นั่นก็คือไอเทมประเภทที่ระบุเอาไว้ว่า ‘อุปกรณ์เอไอ’

    “มันคืออะไรล่ะเนี่ย อุปกรณ์เอไอ” รามิลไทตะโกนขึ้นขณะที่รถกำลังแล่นฉิวด้วยความเร็วหนึ่งร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง เสียงของเขาถูกลมที่สวนเข้าปะทะพัดจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง

    ‘ไอเทมประเภท อุปกรณ์เอไอ เป็นไอเทมที่เอาไว้ใช้ตกแต่งค่ะ ซึ่งโดยปกติแล้วเอไออย่างดิฉันจะสามารถพูดคุยกับท่านผ่านทางอิลลูชั่นซิสเต็มโดยเป็นเสมือนโอเปอเรเตอร์ที่คอยให้คำปรึกษาอยู่ในหูฟังเท่านั้น ซึ่งหากท่านใช้ไอเทมในหมวดอุปกรณ์เอไอจะทำให้เอไออย่างดิฉันสามารถมีรูปร่างได้ค่ะ นอกจากนั้นก็ยังมีอุปกรณ์เพิ่มเติมอย่างอื่นนอกจากเปลี่ยนรูปร่างอีกด้วย เช่น บุคลิกของเอไอ หรือไอเทมสวมใส่ของเอไอ ค่ะ’

    รามิลไทเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความตกใจ เขาไม่คิดว่าจะมีลูกเล่นแบบนั้นด้วย เขาสามารถทำให้ปัญญาประดิษฐ์ที่มีความฉลาดสูงที่กำลังคุยกับเขาอยู่ในขณะนี้ให้มีรูปลักษณ์และมีบุคลิกแบบอื่นนอกจากแข็งทื่อแบบนี้ได้ด้วยหรอ? แต่เมื่อเขาลองมาคิดดูอีกทีก็เริ่มมีคำถามในหัวอีกครั้ง เขาลองกดเลือกไปที่ไอเทมประเภทอุปกรณ์เอไอในกระเป๋าสัมภาระของเขาแต่ก็ไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลย มีเพียงช่องสี่เหลี่ยมเปล่าๆ เรียงเต็มไปหมดเท่านั้น

    “แล้วฉันจะหาไอเทมประเภทนี้ได้จากที่ไหนล่ะ?” รามิลไทพูดพลางเลื่อนดูอินเตอเฟซไปมาเพื่อลองหาว่าเผื่อจะมีไอเทมอื่นๆ แอบซ่อนอยู่แต่ก็ไม่มี

    ‘ท่านสามารถเลือกซื้อไอเทมประเภทนี้ได้ที่ อิลลูชั่นโซน หรือปลดล็อกด้วยภารกิจค่ะ’ เธอตอบ

    “อิลลูชั่นโซน? มันคืออะไรกัน?” น้ำเสียงของเขาดูสงสัยมากขึ้น

    ‘อิลลูชั่นโซนเป็นสถานที่ซึ่งรองรับระบบอิลลูชั่นซิสเต็มอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งแต่ละโซนจะประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ค่ะ – หากเทียบง่ายๆ ก็เหมือนกับเป็นเมืองๆ หนึ่งภายในเกมค่ะ’ เธอเว้นช่วงคล้ายหยุดหายใจและพูดต่อ ‘ในอิลลูชั่นเวิลด์มีการซื้อของขายของด้วยระบบเงิน นอยซ์ ค่ะ – วิธีหาเงินก็มีด้วยกันมากมาย อาทิเช่น นำของที่ดรอปจากมอนสเตอร์ไปขาย ทำภารกิจ หรือพบเจอตามกล่องสมบัติเป็นต้นค่ะ’

    รามิลไทพยักหน้าขณะที่กำลังชะลอรถให้เบาลงเมื่อพบกับสัญญาณไฟจราจร แม้เขาจะรู้ย่านอาศัยแถวนี้จะไม่มีรถแล้วแต่นั่นก็ช่วยไม่ได้ที่เขาจะติดนิสัยเคารพกฎหมาย เขาขยับหมวกกันน็อคเล็กน้อยก่อนจะเริ่มพูดกับเอไอสาวอีกครั้ง

    “แปลว่าถ้าฉันมีเงินฉันก็สามารถไปซื้อของในอิลลูชั่นซิสเต็มได้สินะ” เขาเหม่อมองไปที่สัญญาณไฟบนยอดเสาที่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้และมีรูปทรงสวยงามเกินจริง “แล้วอิลลูชั่นโซนที่ใกล้ที่สุดอยู่ตรงไหนล่ะโอเปอเรเตอร์” ชายหนุ่มเอ่ยถาม

    ไฟสีแดงที่กำลังสว่างจ้าอยู่ตรงนั้นค่อยๆ หายวับไปและกลายเปลี่ยนเป็นไฟสีเขียว รามิลไทยกขาขึ้นจากพื้นและใช้มือบิดไปที่แฮนด์มอเตอไซค์อย่างไม่เร่งรีบ ยานพาหนะที่ปกติแล้วเป็นแค่รถมอเตอไซค์ออโตเมติคธรรมดาได้กลายเปลี่ยนเป็นบิกไบค์กำลังเร่งเครื่องขึ้นด้วยเสียงคำรามที่ดังสนั่น และเอไอสาวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

    ‘สวนสนุกวันเดอแลนด์ค่ะ’ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×