ตอนที่ 26 : ความลับที่ 22
ความลับที่ 22
By Shining Aun
[ทวิตเตอร์ @Shining_Aun]
[Facebook Fanpage@ShiningAun]
“แล้วพี่ก็ต้องยอมรับสารภาพด้วย”
“จีมิน...”
“ทำไมครับ รับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำลงไปไม่ได้เหรอ” คนตัวเล็กถดตัวหนีมือใหญ่ที่ทำท่าจะเอื้อมมาจับเขา มุมปากของคนอายุน้อยกว่ายกขึ้นยิ้มหยัน เลิกคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างต้องการคำตอบ
“...พี่ขอโทษ...”
คนถูกขอโทษกัดฟันกรอดด้วยความโกรธกรุ่น ยืนนิ่งสบกับแววตาสั่นไหวของจองกุกขณะที่ทั่วทั้งอกนั้นร้อนรุ่ม
มีอะไรกับน้องชายของเขา
บอกให้เพื่อนตัวเองทำเรื่องแบบนั้นกับน้องชายของเขา
แต่ยังมีหน้ามาขอโทษเขาด้วยน้ำเสียงแบบนั้นเหรอ
“ผมจะยอมรับคำขอโทษของพี่ก็ได้...”
“....”
“ถ้าพี่กับเพื่อนของพี่ยอมเข้าไปชดใช้สิ่งที่ตัวเองทำเอาไว้ในคุก”
ครืด... ครืด...
จีมินหยิบโทรศัพท์มือถือที่สั่นครืดคราดในกระเป๋ากางเกงออกมา เขาเพิ่งเห็นว่าแทฮยองทั้งโทรและส่งข้อความมาหลายครั้งแล้ว ตอนนี้นาฬิกาบนหน้าจอบอกเวลาบ่ายสามโมงกว่า เป็นไปได้ว่าอีกคนอาจจะกลับห้องมาแล้วไม่เจอเขา
จริงอยู่ว่าเขาพกคีย์การ์ดมาด้วย แต่อีกฝ่ายเป็นถึงเจ้าของห้องก็คงไม่มีปัญหาเรื่องขอคีย์การ์ดสำรองอยู่แล้ว
นิ้วหัวแม่มือกดปิดหน้าจอ ทำให้เสียงสั่นของมือถือเงียบลงไปทันใด จีมินยังคงนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ปล่อยให้ลมเย็นโบกพัดความเจ็บปวดบนร่างกายของเขาให้สลายไปทีละนิด
เสี้ยวหน้าหวานเงยขึ้นไปมองใบไม้สีสดที่กำลังปลิวไสว
ก่อนหน้านี้ไม่กี่สัปดาห์เขาได้มาหลบฝนที่ใต้ต้นไม้นี้เป็นครั้งแรก กลิ่นดินชื้นที่ลอยขึ้นมาเตะจมูกยังคงเด่นชัด แต่บรรยากาศเย็นชืดที่เคยหนาวเหน็บกลับเบาบางลง วิวหม่นสีเทาในยามที่ฝนฟ้ามืดครึ้มหายไปแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า หรือฟุตบาทที่ไม่มีผู้คนพลุกพล่านก็ดูจะเปล่งประกายไปหมด
นานแล้วเหมือนกันนะที่เขาไม่ได้รู้สึกสบายใจมากขนาดนี้
แม้ในหัวจะยังคงเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย แต่มันไม่ได้หนักอึ้งเหมือนเมื่อก่อน เพราะว่าตอนนี้เขาไม่ได้แบกมันเอาไว้คนเดียวอีกต่อไปแล้ว
ครืด... ครืด…
มุมปากสีระเรื่อยกยิ้ม หยิบมือถือขึ้นมาดูเจ้าของสายที่โทรเข้ามาก่อนจะกดรับ
‘มึงอยู่ไหน’ เขายังไม่ทันได้เอาโทรศัพท์มาแนบหูดีด้วยซ้ำ เสียงทุ้มก็ดังขึ้นอย่างกระวนกระวาย
“กูอยู่ที่สวน มึงกลับแล้วเหรอ”
‘อืม สวนไหน เดี๋ยวไปรับ’
“ซอนยูโด”
หลังจากตกปากรับคำไปว่าจะนั่งรออยู่กับที่ แทฮยองก็หาเขาเจอในที่สุด ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงข้างเขาบนพื้นหญ้าพร้อมกับถุงกระดาษในมือ กลิ่นหอมของซุปออมุกลอยลิ่วเข้ามาเตะจมูก พาให้คนที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เช้ารู้สึกอยากอาหารขึ้นมา
“กินนี่รองท้องไปก่อน ยังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่หรือไง” คนโตกว่าว่าพลางยื่นถ้วยซุปจากถุงกระดาษมาให้ ไม้ปลาแผ่นสามสี่ไม้จุ่มอยู่ในถ้วย ดูนุ่มเด้งน่ารับประทานจนคนมองต้องรับมาโดยไม่คิดจะอิดออด
“รู้ได้ยังไงว่ายังไม่กิน”
“ไก่ก็วางอยู่ที่เดิม ในตู้ลอยกับในตู้เย็นก็ไม่มีอะไรลด แล้วมึงก็คงไม่ได้ออกมาหาอะไรกินข้าวนอกคนเดียวด้วย”
คนฟังพยักหน้าตาม หลังจากกัดปลาไม้ไปสองสามคำก็ยกถ้วยซุปร้อนๆ ขึ้นจิบตามไปด้วย
พวกเขาไม่ได้พูดคุยอะไรกันต่อ ต่างคนต่างนั่งมองผืนน้ำกว้างใหญ่ ชื่นชมกับทิวทัศน์บนเกาะเล็กๆ กลางแม่น้ำและความเงียบสงบที่ชวนให้ผ่อนคลาย แต่แล้วจู่ๆ แทฮยองก็ถอดเสื้อนอกออก เอามันมาคลุมไว้ให้คนตัวเล็กกว่าที่ไม่ได้เอ่ยปากบอกด้วยซ้ำว่าเริ่มรู้สึกหนาวขึ้นมา
“จีฮุนเป็นยังไงบ้าง”
เมื่อทั้งซุปและเนื้อปลาแผ่นหมดลง จีมินก็วางแก้วกระดาษกลับลงในถุง อดรู้สึกผิดนิดๆ ที่ไม่ได้ชวนคนโตกว่ากินด้วย แต่เขาหิวมากจนลืมไปเลย
“น้องก็ดีขึ้น พี่หมอบอกว่าผลตรวจน่าจะใช้ยืนยันว่าถูกล่วงละเมิดได้ แต่ไม่มีหลักฐานอะไรมากกว่านั้น มันหลายวันเกินไปกว่าเราจะพามาตรวจ”
“....”
“พี่ยุนกิบอกว่าให้รีบ ทางทนายจะได้รีบเก็บหลักฐาน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรเราได้มากน้อยแค่ไหน...”
คนฟังหันไปมองเจ้าของเสียงแผ่วเบาในท้ายประโยค ก่อนจะชะงักไปเมื่อมือหนาเอื้อมมากุมมือของเขาที่วางเท้าอยู่กับพื้นหญ้า โดยที่เจ้าของมือเองก็ก้มลงมองมันด้วยสายตาที่ยากจะอ่านออก
“...กูกับซอกจินคุยกันว่าอาจจะต้องปล่อยไป”
“แท—”
“เราแทบไม่มีหลักฐาน แล้วถ้าจะแจ้งความก็ต้องบอกพ่อกับแม่ กูไม่อยากให้พวกท่านโทษมึง แล้วจีฮุนเองก็ไม่ได้อยากให้พ่อกับแม่รู้”
“มึงจะบ้าเหรอ?!” จีมินสะบัดมือของคนโตกว่าออกแทบจะในทันทีที่ฟังจบ แววตาสั่นระริกในขณะที่ร่างกายสั่นสะท้าน เสื้อคลุมที่อีกฝ่ายสวมให้ก็ร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น
“กูไม่อยากเห็นมึงร้องไห้ปานจะขาดใจแบบนั้นอีกแล้ว—”
“กูทนได้แท...ต่อให้พ่อกับแม่จะว่ากูยังไง กูก็ทนได้...แต่ต้องไม่ปล่อยพวกมันไปแบบนี้...”
“ถ้ากูแน่ใจว่าจะชนะคดียังไงกูก็คง—”
“เราจะชนะ” เป็นอีกครั้งที่เสียงหวานสั่นเครือดังขึ้นขัด
“....” แววตาจริงจังที่เต็มไปด้วยความแน่วแน่ของคนตัวเล็กทำให้คนถูกพูดขัดขึ้นอดเงียบที่จะรอฟังคำอธิบายเพิ่มเติมไม่ได้
“วันนี้กูไปหาพี่จองกุกมา...”
“....”
“เขาจะยอมรับสารภาพ กูมั่นใจ”
แทฮยองยังคงเงียบมองสีหน้ามุ่งมั่นของอดีตน้องคนกลาง สายตาของคนตัวเล็กยามที่สบตากับเขามันทำให้ดวงใจที่แห้งเหี่ยวของเขาเริ่มพองฟูขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“มึงไปหาจองกุกเพื่อคุยเรื่องน้องเหรอ”
“อือ...”
สิ้นเสียงตอบรับในลำคอเบาๆ นั่น เรียวปากบางของคนเป้นพี่ก็คลี่ยิ้มขึ้น
นอกจากวันที่พวกเขากอดกันเกลียวตอนที่รู้ว่าจีฮุนถูกทำอะไรมาบ้าง คราวนี้ก็คงเป็นอีกครั้งที่พี่คนโตอย่างเขารู้สึกดีที่เห็นน้องชายทั้งสองโอบกอดกันได้ในที่สุด
“จีฮุนก็เป็นน้องกูเหมือนกันนะ...” จีมินบ่นเสียงอ้อมแอ้ม หันหน้าหนีรอยยิ้มของเขาไปมองผืนน้ำที่พลิ้วไหว
“งั้นพรุ่งนี้กูจะเข้าไปคุยกับพ่อแม่ ถ้ามึงยังไม่พร้อม เดี๋ยวกูไปคน—”
“กูไม่เป็นไร”
เป็นอีกครั้งที่เสียงเล็กเอ่ยขัด เสี้ยวหน้าน่ารักที่หลบหน้าหนีไปเมื่อครู่ก็หันกลับมามองเขาด้วย
“ถ้ามีมึงอยู่ข้างๆ กูก็คงไม่เป็นอะไรหรอก”
“....”
ปาร์ค จีมินเม้มริมฝีปากตัวเองเล็กน้อยขณะที่ก้าวลงจากรถ ตอนที่เหลือบไปเห็นรถของซอกจินเคลื่อนเข้ามาในลานจอดรถตามหลังพวกเขาก็ได้แต่ยืนใจเต้นตึกตัก
จีฮุนลงจากรถคันที่เพิ่งตามเขาเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ทั้งลูกผู้พี่ที่ตามน้องเล็กของบ้านมา และตัวแทฮยองที่เดินอ้อมตัวรถมาจับมือเขาเอาไว้ก็ดูมีสีหน้าแบบเดียวกัน
พวกเขาพากันเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูบ้าน ต่างคนต่างเงียบเพื่อจมอยู่กับความหวาดกลัวของตัวเอง
รถของพ่อกับแม่ยังคงนิ่งสนิทอยู่ในที่จอดประจำ ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าแทฮยองโทรมานัดกับพวกท่านเอาไว้โดยบอกว่ามีเรื่องสำคัญบางเรื่องจะคุยกับพวกท่านด้วย
จีมินหันไปมองจีฮุนที่ตอนนี้ร่องรอยบนร่างกายไม่เหลืออะไรแล้ว เด็กตัวเล็กจับมือซอกจินเอาไว้แน่นพอๆ กับที่เขาจับมือแทฮยอง พี่คนกลางตัดสินใจเอื้อมไปคว้ามือน้องคนเล็กมาจับเอาไว้ กระชับฝ่ามือของตัวเองแนบกับฝ่ามือของน้องเบาๆ เพื่อปลอบโยนทั้งตัวเองและคนเด็กกว่า
ในอกเล็กเสียงตึกตักเมื่อแทฮยองเป็นฝ่ายเดินนำพวกเขาเข้าไปในบ้าน จีมินเดินตามอีกคนเข้าไป ตามด้วยจีฮุนและซอกจิน วันนี้ที่ลูกผู้พี่มาด้วยก็เพราะว่าอยากจะช่วยพวกเขาอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างที่เคยบอกกับเขาเอาไว้ว่าจะคอยอยู่เคียงข้างพวกเขาเอง
เนื่องจากเลยช่วงเช้ามาแล้ว ประมุขของบ้านจึงกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่กับภรรยาในห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นพวกเขาเดินเข้ามาก็ยกรีโมทขึ้นกดปิดเสียง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นหลังจากที่เห็นว่าจีฮุนกับหลานชายของตระกูลก็เดินตามเข้ามาด้วย
“ซอกจิน?” เสียงทุ้มแหบแห้งของชายวัยกลางคนดังขึ้นเบาๆ ตามด้วยน้ำเสียงแปลกใจของหญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ
“จีฮุน? ไม่ได้ติวกับเพื่อนอยู่เหรอลูก?”
คนเด็กกว่าหันมองหน้ากัน ก่อนที่พี่ใหญ่สุดจะตัดสินใจเป็นฝ่ายนำทัพไปนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าโซฟา ตามด้วยสามพี่น้องที่อายุลดหลั่นกันลงมา
“นี่มันเรื่องอะไรกัน” จากเสียงแหบแห้งแปรเปลี่ยนเป็นทุ้มเข้ม คงเพราะเผชิญโลกมามากพอที่จะรู้ว่าหากถูกลูกหลานนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้านั่นหมายถึงว่าพวกเขามีความผิด
จากที่เคยคิดว่าลูกชายทั้งสองคนคงจะคิดได้และต้องการขอกลับมาอยู่ในบ้านก็เริ่มเปลี่ยนความคิด ยิ่งมองเด็กทั้งสี่คนนิ่งเงียบ ดูหวาดกลัวที่จะเอ่ยอะไรออกมาก็ยิ่งคิดไม่ตกว่าเด็กพวกนี้ไปก่อเรื่องอะไรใหญ่โตกันมาแล้วต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขาหรือเปล่า
“พวกผมมีเรื่องต้องบอกครับ” เมื่อพูดจบ ซอกจินก็หันหน้าไปหาแทฮยอง ทางคนถูกมองเองก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปเผชิญกับพ่อและแม่เลี้ยง
“จริงๆ แล้วจีฮุนไม่ได้ไปติวหนังสือกับเพื่อนครับ”
“....” ความเงียบงันครอบงำผู้ปกครองทั้งสอง สีหน้าของพวกท่านดูสงสัยใคร่รู้ ทว่าไม่ได้ดูตระหนกตกใจอะไรเมื่อรู้ว่าลูกชายคนโตของตัวเองโกหก
“ผมให้น้องอยู่บ้านซอกจินมาตลอดเพราะไม่อยากให้พ่อกับแม่รู้...”
“....”
“เป็นความผิดของผมเองที่น้องต้องไปเจอเรื่องแบบนั้น...”
จีมินกัดริมฝีปากเมื่อเห็นแทฮยองหลบสายตาของพ่อกับแม่ลงมาก้มหน้า มือหนากระชับฝ่าของเขาเอาไว้แน่นตอนที่เสียงทุ้มขาดห้วงไปราวกับกำลังอยากจะหาที่ยึดเหนี่ยว
“ก...เกิดอะไรขึ้นกันแน่ แทฮยอง” น้ำเสียงของแม่ตอนที่เอ่ยถามเริ่มตื่นตระหนกขึ้นมาบ้างแล้ว ทั้งสีหน้าและแววตาสั่นระริกดูเป็นกังวล เธอแทบนั่งไม่ติดเบาะเมื่อจีฮุนเริ่มส่งเสียงสะอื้น
“...น้องถูกข่มขืนครับ” เป็นอีกครั้งที่แม้พี่คนโตจะหวาดกลัวอยู่ลึกๆ แต่ก็ยังฝืนเปล่งเสียงแหบแห้งของตัวเองออกไปเต็มเสียง พร้อมกับที่เงยหน้าขึ้นมองผู้ปกครองทั้งสองคน
“....”
“...ฮึก”
ความเงียบที่ครอบงำทั้งห้องถูกทำลายลงด้วยเสียงสะอื้นของน้องคนเล็ก จีมินผละจากฝ่ามือของแทฮยองมาโอบกอดร่างน้องชายที่สั่นระริกเอาไว้ อีกฝ่ายดูหวาดกลัวจนในอกของเขามันร้อนรุ่มตามไปด้วย
“อะไรนะ...”
“....”
“แก...แกพูดว่าอะไรนะ...”
ชายวัยกลางคนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ จีมินยกมือที่โอบแผ่นหลังเล็กเอาไว้ขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่เริ่มรินไหลอาบแก้มของตัวเอง
มันเป็นความรู้สึกที่สุดแสนจะทรมาน
ทั้งรู้สึกผิดและหวาดกลัว
กลัวว่าจะโดนตอกย้ำความรู้สึกผิดของตัวเองให้ฝังแน่นมากกว่าเดิม
กลัวจนไม่กล้าจะเอ่ยแย้งแทฮยองไปด้วยซ้ำว่ามันเป็นความผิดของเขาทั้งนั้น มันไม่เกี่ยวกับแทฮยองเลย คนที่พาจองกุกเข้าบ้านก็คือเขา คนที่ทำให้จีฮุนตัดสินใจออกไปกับผู้ชายคนนั้นก็คือเขาอีก
“ไหนแกบอกฉันว่าจีฮุนไปติวหนังสือกับเพื่อนไงแทฮยอง” คิม ยองวอนเอ่ยเสียงเข้ม หันไปมองลูกชายคนเล็กที่นั่งตักซุกหน้าสะอื้นไห้อยู่กับลูกติดของภรรยาคนใหม่อย่างไม่อยากจะเชื่อไปด้วย
“ขอโทษครับ...”
“ขอโทษเหรอ?!” คนเป็นพ่อตวาดลั่นพลางขยับตัวลุกขึ้น โน้มตัวมาคว้าคอเสื้อของลูกชายคนโตให้ลุกขึ้นยืนตาม
“คุณคะ!”
เด็กทั้งสามพรวดพราดลุกขึ้น ฮยอนอาพยายามจะเข้าไปคว้าแขนของสามีไว้ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าชายที่อายุมากกว่าเธออยู่ไม่กี่ปีจะยอมปล่อยคอเสื้อของลูกชาย
“ตั้งแต่เมื่อไหร่!” เป็นอีกครั้งที่ประมุขของบ้านตวาดลั่น เหล่าสาวใช้ที่เดินมาดูที่มาของเสียงตั้งแต่เมื่อครู่ก่อนก็ได้แต่ยืนออกันอยู่หน้าห้อง
“เกือบสองอาทิตย์ก่อนครับ”
เผี๊ยะ!!
“แท!” จีมินผละออกจากร่างเล็กกว่าไปหาแทฮยอง คนตัวสูงเซล้มไปชนกับชั้นวางหน้าทีวีแขวนผนัง
“คุณอาใจเย็นก่อนครับ!” ซอกจินเอ่ยขึ้นพลางขยับเข้าไปยืนขวางระหว่างพ่อกับลูกไม่ให้ได้เผชิญหน้ากันอีกครั้ง
“เย็นเหรอ?!”
“....”
“มันปิดเรื่องนั้นกับฉันมาเกือบสองอาทิตย์แล้วแกจะบอกให้ฉันใจเย็นเหรอซอกจิน?!”
“พ่อครับ! ฮึก! ผมผิดเอง!” เด็กตัวเล็กวิ่งไปกอดร่างของพ่อเอาไว้ สั่นสะอื้นจนหายใจหอบแต่ก็ไม่คิดจะปล่อยให้พ่อทะเลาะกับลูกผู้พี่อีก
“จีฮุนลูก...” เสียงของคนเป็นแม่อ่อนลงเมื่อเห็นลูกชายตัวเองกำลังร่ำไห้ ย่อตัวลงไปโอบกอดลูกชายเอาไว้ขณะที่สามีใหม่ยังทำได้แต่ก้มมองลูกคนเล็กของตัวเอง
“ฮึก! ผมไม่อยากให้พี่เขาบอกพ่อกับแม่เอง”
“ใครทำแกแบบนั้น จีฮุน”
คนเป็นพ่อเอ่ยถามเสียงเข้ม แต่เด็กที่จำได้ทั้งชื่อและหน้าตาของคนที่เขาขึ้นรถไปในคืนนั้นด้วยเลือกที่จะส่ายหน้าไปมาแทนการให้คำตอบ
“บอกพ่อเขาไปสิลูก...”
“ฮึก ไม่เอา...”
จีมินที่ยังคงนั่งอยู่กับแทฮยองมองภาพนั้นด้วยแววตาสั่นระริก น้ำตาไหลอาบแก้มไปไม่รู้กี่หยด แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่ามันจะไหลน้อยลงบ้างเลย
จีฮุนไม่อยากบอกพ่อกับแม่ พวกเขารู้ ส่วนหนึ่งก็คงเพราะตัวเองเป็นฝ่ายยอมออกไปกับจองกุกเอง แต่อีกส่วนก็คงเพราะกลัวว่าเรื่องราวมันจะสาวมาถึงเขาเอาได้
“แฟนเก่าของผม...” ในที่สุดลูกชายคนกลางก็ฝืนเอ่ยออกไปเสียงเบา
แต่ถึงแม้ว่ามันจะแผ่วเบาแค่ไหน ทั้งพ่อและแม่ก็ยังได้ยินความผิดของเขาอยู่ดี
“แฟนเก่าของผมกับเพื่อนของเขาเป็นคนทำ...”
[70%]
“ว...ว่ายังไงนะ...” คนเป็นแม่เอ่ยถามอีกครั้ง น้ำเสียงฟังดูสั่นเครือจนแยกไม่ออกว่าตอนนี้เธอกำลังรู้สึกแบบไหน
“ไม่ใช่แค่คนเดียวเหรอ...” คราวนี้เป็นเสียงของคนที่เป็นพ่อบ้าง
ผู้ปกครองทั้งสองคนหันมองหน้ากัน ก่อนที่หญิงวัยกลางคนจะเข่าพับเข่าอ่อน ดีที่สามีของเธอกับหลานชายอย่างซอกจินรีบเข้ามาช่วยพยุงเอาไว้ ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดอุบัติเหตุก็ได้
“มาพาคุณหญิงไปพักบนห้อง” เจ้าของบ้านหันไปเอ่ยบอกกับสาวใช้ที่ยืนออกันอยู่ด้านนอก นายหญิงของบ้านถูกพาตัวออกไปแล้ว ลูกหลานที่อยู่ในบ้านเองก็อยากจะตามไปด้วย แต่ติดที่ว่าพวกเขายังคุยกันเสร็จ
“ซอกจิน แกรู้เรื่องทั้งหมดใช่ไหม” ประมุขของบ้านเอ่ยถามขึ้นอีกรอบ
“ครับ”
“งั้นไปรอฉันที่ห้องทำงาน จีฮุนด้วย” เอ่ยสั่งเสร็จก็ทำท่าจะเดินออกไป แต่สุดท้ายก็ไม่ลืมที่จะหันมาบอกกับจีมินและแทฮยองว่า
“ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว”
“พ่อครับ ฮึก” เป็นจีฮุนที่พยายามจะเรียกรั้งคนเป็นพ่อเอาไว้ แต่มีเหรอที่ท่านจะยอมหยุดฟัง หลังจากที่ไม่เหลือผู้ใหญ่ในห้อง จีมินก็หันไปหาแทฮยองอีกครั้ง
“ฮึก...”
เขาเห็นแววตาเจ็บปวดในท่าทีนิ่งงันของอีกฝ่าย
เห็นความอ่อนแอที่ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ไม่เคยได้เห็น
“ชู่ว...อย่าร้อง...” แต่ถึงอย่างนั้นแทฮยองก็ยังแสดงออกอย่างเข้มแข็ง เอื้อมมาคว้าร่างของเขาไปกอดหลวมๆ เอาไว้ก่อนที่น้องคนเล็กจะลงมานั่งกอดพวกเขาด้วย
“ผมขอโทษ...” เด็กตัวเล็กว่าเสียงเบา จีมินรู้สึกได้เลยว่าน้องกำลังสั่นสะอื้น
“ไม่เป็นไร เงียบเถอะ...ก็แค่ให้ซอกจินจัดการต่อ”
“อืม เดี๋ยวกูจัดการต่อเอง คุยกับอายองวอนเสร็จก็คงไม่มีอะไรแล้ว พวกมึงกลับไปพักเถอะ”
แทฮยองพยักหน้ารับ สองแขนกอดปลอบเด็กทั้งสองคนเอาไว้ เขาเองก็อยากจะพูดปลอบอะไรน้องๆ มากกว่านี้ เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาเองก็แทบจะปลอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
การที่โดนพ่อแท้ๆ ไล่ออกจากบ้านถึงสองครั้งติดกันมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
ในครั้งแรกนั้นมันเต็มไปด้วยโทสะ ถึงจะเสียใจบ้างที่ถูกไล่ แต่ก็ยังรู้สึกโกรธมากกว่า โกรธพี่พวกท่านไม่ยอมเข้าใจ โกรธที่ท่านทั้งสองคนดันทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ทั้งที่เขากับจีมินก็แค่รักกัน
แต่กับครั้งนี้มันมีอะไรมากกว่านั้น พวกท่านก็น่าจะรู้ว่าตอนนี้เขาคงทั้งรู้สึกผิดและกำลังหวาดกลัว แต่คนเป็นพ่อก็ยังกลับเอ่ยปากไล่ออกมาราวกับว่าพวกเขาไม่ใช่ลูกอีกต่อไปแล้ว
“จีฮุน มาเถอะ” เสียงของลูกผู้พี่ดังขึ้นพร้อมกับที่ร่างของน้องเล็กผละออกไป จีมินเลยผละออกจากอ้อมกอดของแทฮยองบ้าง
“ฝากด้วยนะครับ...” เสียงเล็กเอ่ยขออย่างสั่นเครือ ซอกจินเลยพยักหน้ารับด้วยแววตาหนักแน่น ก่อนจะพาน้องชายคนสุดท้องในบ้านหลังนี้ออกไปจากห้องนั่งเล่น
จีมินหันกลับไปมองแทฮยองอีกครั้ง ร่างสูงเองก็กำลังมองเขาอยู่
นัยน์ตาคู่สวยสั่นระริกอย่างเห็นได้ชัด มือหนาเอื้อมมาปาดน้ำตาของเขาออกอย่างแผ่วเบา คนตัวเล็กเองก็พยายามจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ เพราะจำได้ว่าก่อนหน้านี้อีกฝ่ายกลัวแค่ไหนที่เขาจะต้องร้องไห้อีก
“กลับบ้านกัน...” เอ่ยออกไปแผ่วๆ พลางยกมือขึ้นแนบไว้กับหลังมือของคนโตกว่า เอียงใบหน้าไปซบฝ่ามือใหญ่ที่ยังคงจับอยู่บนแก้มเขา มุมปากของอีกฝ่ายมีรอยแตกช้ำ ดูก็รู้ว่าคนเป็นพ่อคงไม่ได้ยับยั้งความโกรธเอาไว้เลย
“อืม กลับกัน...” แทฮยองตอบรับเบาๆ เพียงเท่านั้นก่อนจะลุกขึ้น พาเขากลับไปที่รถแล้วตรงดิ่งกลับคอนโดใหญ่
ตลอดทางไม่มีใครเอ่ยพูดอะไร ต่างคนต่างพากันจมเข้าสู่ห้วงความคิดของตัวเอง เมื่อขึ้นมาถึงห้องจีมินก็เข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ พอออกมาก็เห็นคนโตกว่าเอาแต่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟา เขาไม่รู้จะพูดอะไรเพื่อปลอบให้คนตัวใหญ่รู้สึกดีขึ้น จึงทำเพียงแค่เดินไปนั่งคร่อมลงบนตักแกร่ง กอดคออีกฝ่ายเอาไว้แล้วซบหน้าลงกับไหล่กว้าง
“รักมึงนะ...”
สองร่างนั่งกอดกันเงียบๆ อยู่อย่างนั้นไม่รู้กี่ชั่วโมง กว่าใครคนหนึ่งจะรู้สึกตัวก็คงเป็นตอนที่ทรศัพท์มือถือของแทฮยองดังขึ้น
คนเป็นเจ้าของเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมารับสาย ก่อนจะมองว่าใครเป็นคนโทรมาก็ไม่ลืมที่จะดูเวลาด้วย
“ฮัลโหล”
‘กูคุยกับพ่อมึงเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ส่งต่อเรื่องให้ทนายแล้วนะ’
“อืม ขอบใจ” เสียงทุ้มตอบกลับสั้นๆ ก่อนจะเหลือบมองคนบนตักที่หลับตาพริ้มซุกอยู่กับอกเขา
‘ไม่เป็นไร แล้วพวกมึงเป็นยังไงบ้าง’
“ก็ดี” ตอบกลับไปเบาๆ พลางผ่อนลมหายใจ เขารู้สึกดีขึ้นบ้างอย่างที่พูดหลังจากที่ได้นั่งเงียบๆ ทบทวนเรื่องต่างๆ ไหนจะมีกำลังตัวเล็กๆ ที่มานั่งปลอบเขาอยู่บนตักตั้งนานจนเผลอหลับไปแล้วอีก
‘อืม...’
คนถือสายรอขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะซอกจินเงียบไปเหมือนมีบางอย่างจะพูด ท่าทีลังเลของอีกฝ่ายทำให้เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่ค่อยอยากฟังนัก เพราะถ้ามันเป็นเรื่องดี ลูกผู้พี่ของเขาก็คงไม่กรอกเสียงถอนหายใจหนักๆ ผ่านลำโพงมาแบบนั้นหรอก
“มีอะไร” แต่เพราะว่ายังไงก็ต้องรู้เลยตัดสินใจเอ่ยถาม
คนในสายนั่นถอนหายใจแรงๆ อีกครั้งก่อนจะเอ่ยตอบ
‘คุณอาบอกว่า...ถ้ามึงพร้อม...ให้ไปเซ็นใบลาออก...’
“....”
‘เดี๋ยวเขาจะโอนเงินให้พวกมึงคนละก้อน...’
“....”
‘…แล้วเขาก็บอกว่าอย่ากลับไปที่บ้านอีก...’
“...อืม” ฝืนเปล่งเสียงในลำคอตอบกลับไป เขารู้แล้วว่าที่พ่อเอ่ยไล่เขาได้แบบนั้นก็เพราะท่านตัดสินใจตัดขาดกับเขาไปแล้ว
‘แต่เดี๋ยวกูจะลองไปคุยกับเขาให้—’
“ไม่ต้องหรอก มึงไปบอกเขาแค่ว่าไม่ต้องโอนเงินมาก็พอ”
‘….’
“กูฝากดูแลจีฮุนด้วย” เอ่ยคำขอสุดท้ายเอาไว้ก่อนจะกดตัดสาย วางโทรศัพท์ลงบนโซฟาข้างกายก่อนจะก้มลงมองจีมินอีกรอบ
เขาบอกพ่อกับแม่ไว้แล้วว่าเขาจะดูแลน้องเอง
เพราะงั้นเขาก็ไม่ต้องการตัวช่วยอะไรจากพวกท่านหรอก
[100%]
เครียดมากก ฮืออ แต่ฮึบๆ ไว้ก่อนนะคะ ใกล้จะจบแล้วว // ที่มาอัพช้าเราไม่ได้อู้นะคะ ถึงจะมีดราฟท์ที่เขียนไว้ตั้งแต่ตอนนู้นแต่ก่อนจะอัพก็มีแก้เยอะเหมือนกันค่ะ แก้ดราฟท์ยากกว่าเขียนใหม่อีกนะ ฮื่อ
ปล. ปวดไหล่และข้อมือมากๆ ค่ะ นอกจากทำกายภาพ ทานยาแก้ปวด ใช้หมอนรองข้อมือแล้วมีคำแนะนำอะไรอีกมั้ยคะ T^T ว่าจะพักสักอาทิตย์ก็ทำไม่ได้ เสดกิดช่วงนี้ทำพิษกับที่บ้านหนักมาก เราต้องหาเงินผ่าน รอร นี่แหละค่ะเพราะออกไปทำงานข้างนอกไม่ได้ แต่คิดว่าหลายคนก็คงเจอปัญหาเหมือนกัน มาผ่านมันไปด้วยกันนะ รักนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แต่คุมไรท์สู้ๆนะงับ เป็นกล.ใจให้นะงับบบ
ยังไงก็จะปีใหม่แล้วก็ขอให้คุณไรท์เจอแต่เรื่องดีๆในชีวิต และเราจะร่วมเดินทางไปกับคุณไรท์ในเรื่อง#ข้าวผัดแทนคุณแน่นอนค่ะ