ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โพยมยอดรัก

    ลำดับตอนที่ #5 : ปรารถนาของโอมาร์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 150
      0
      5 ก.ค. 56

                    ไม่มีรายงานจากแม่บ้านว่าฟริกกาก่อปัญหาเพิ่มอีก เธอหมกตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่พูดไม่จากับใคร ยังดีหน่อยที่ยอมรับประทานอาหารแม้จะเหลือกลับมาทุกวัน เซเลโน่สั่งให้แม่ครัวช่วยจัดอาหารเสริมจำพวกนมและเครื่องดื่มมบำรุงสุขภาพให้เธอเพิ่มเติมเข้าไปอีก

                    เช้านี้เขาทำหน้าที่ยกอาหารไปให้ด้วยตัวเอง พอเห็นเขาเข้ามา หล่อนก็มองค้อนขวับ พร้อมหันหลังให้ 

                    “ทานข้าวกัน วันนี้ผมให้แม่ครัวทำอาหารไทยให้ กลัวจะเบื่ออาหารตะวันตก”

                    ฟริกกาชำเลือวมองสำรับกับข้าว เป็นพะแนงหมู กับน้ำพริกกะปิของโปรด ส่วนของหวานเป็นกระท้อนลอยแก้ว
     หญิงสาวสะบัดหน้าหนีทำเป็นไม่สนใจ


                    “ทำไมล่ะ หมดนี้ของชอบคุณไม่ใช่หรือ หรือว่าอยากทานอย่างอื่น”

                    เธอยังปิดปากเงียบ จนเขาต้องวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะ ก่อนทำทีจะเดินไปนั่งใกล้ๆ

                    “หยุดตรงนั้นแหละ  ห่างไปเลยหนึ่งเมตร ถ้ามาใกล้ฉันกว่านี้จะอาละวาดให้ยิ่งกว่าวันนั้น” น้ำเสียงเฉียบขาดแบบนี้ ดูท่าอารมณ์คงไม่ดี ชายหนุ่มยิ้มๆ ยกมือขึ้นแบะสองข้างพร้อมยักไหล่

                    “โอเค หนึ่งเมตรก็หนึ่งเมตร” เขาลากเก้าอี้มานั่ง ห่างจากเธอหนึ่งเมตรพอดี ฟริกกาลงจากเตียงอีกข้าง อ้อมไปที่โต๊ะเล็ก ลงมือรับประทานอาหารอย่างหิวโหย สายตาก็แอบมองชายหนุ่มไปด้วย ยังไม่ไว้เสียทีเดียว

                    “รู้ได้ไงว่าฉันชอบหรือไม่ชอบอะไร”

                    “ผมเป็นพ่อค้า ก่อนจะซื้อสินค้าก็ต้องตรวจสอบให้ดีเสียก่อน ผมก็เที่ยวถามไปเรื่อยๆ เพื่อนคุณบ้าง อดีตแฟนบ้าง แค่เนี้ยไม่เห็นยากเลย”

                    เสียงช้อนกระทบขอบจานดังเพล้ง ฟริกกายกแก้วน้ำมากระดกดื่ม ยอมไม่อิ่มดีกว่าทนกินไปเห็นหน้าผู้ชายขี้คุยคนนี้ไปด้วย  คำว่าก็ว่าเธอเป็นสินค้าของเขา สองคำก็เข้าทำนองเธอไม่ใช่มนุษย์มีหัวจิตหัวใจ เขาช่างเป็นพ่อค้าหน้าเลือดที่สุด

                    ฟริกกาลุกขึ้นยืนพร้อมถือถาดจะเดินออกจากห้องเพื่อนำไปเก็บในครัว

                    “อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ คนสวย  ไม่มีคำสั่งผมห้ามออกไปไหน จำไม่ได้หรือ”

                    ฟริกกาฉุน กระแทกถาดลงบนโต๊ะอย่างแรง “งั้นก็เชิญคุณออกไปได้แล้ว ฉันอยากพักผ่อน”

                    “จะรีบไล่ผมไปไหนล่ะ เรายังไม่ได้คุยกันเลย”

                    เซเลโน่ลุกจากเก้าอี้ ฟริกกากลัวว่าเขาจะรังแกเธอเหมือนวันนั้นอีก เตรียมจะเดินเปิดประตูหนี

                    “นี่คุณแอร์โฮสเตส ผมไม่ใช่ผีเปรตนะจะได้น่ากลัวขนาดจ้องจะหนีลูกเดียว บอกแล้วไงว่าผมไม่พิศวาสคุณนักหรอกจะบอกให้ก็ได้ ผมเพียงแต่จะมาบอกคุณว่า ถึงเวลาแล้วที่เราสองคนจะต้องตกลงกัน”

                    “ตกลงกัน เรื่องอะไร ใครอยากไปตกลงกับคุณไม่ทราบ”

                    “ผมไม่ได้ซื้อคุณมา ให้มานั่งนอนเล่น สบายเฉิบแบบนี้นะ ผมมีงานให้คุณทำชดใช้หนี้ทั้งหมด แต่ไม่ต้องห่วงผมคงไม่ให้คุณทำงานเสี่ยงอันตรายแน่ และไม่ใช่งานขึ้นเตียงบริการเรือนร่าง เพราะผมไม่ใช่พ่อเล้า”

                    “ให้ฉันทำงานกับคุณนะ” ฟริกกาถามย้ำเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง

                    “ผมจะไม่พูดซ้ำสองอีกแล้ว เอาเป็นว่าผมให้เวลาคุณสิบห้านาทีแต่งตัวเสียใหม่ อย่าปล่อยตัวเป็นยายแร้งทึ้งผมยุ่งเหยิงเป็นยายบ้าอย่างตอนนี้  ผมจะรอที่ห้องทำงาน ถ้าคุณพร้อมรีบตามลงไปพบผมทันที แต่ถ้ายังขัดขืนคำสั่ง ช้าเกินสิบห้านาทีผมจะมาตามคุณด้วยตัวเอง”

                    ฟริกกาอยากกรีดร้องเสียงดังถ้าทำได้ เธอกลายเป็นลิ่วล้อให้เขาออกคำสั่งตั้งแต่เมื่อไรกัน

                    “เร็วๆด้วย อย่าให้ผมรอนาน ไม่งั้นจะเจอดี”

                    เขาพูดทิ้งท้ายก่อนจะออกไปจากห้อง ร่างบางทรุดนั่งลงหน้ากระจกเงา สีหน้าเหมือนคนอยากจะร้องไห้ เวรกรรมอะไรกันนะถึงต้องมาเรื่องแบบนี้ด้วย

                    สิบห้านาทีผ่านไป เซเลโน่ยังไม่เห็นหญิงสาวลงมาตามคำสั่งเสียที รอนานจนเริ่มหงุดหงิด

                    “สงสัยอยากจะลองดีกับฉันเสียแล้วสินะ ยายตัวยุ่ง” เขาคิดจะไปตามหล่อนด้วยตัวเอง แต่ยังไม่ทันไรเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ชายหนุ่มเอ่ยปากอนุญาต ประตูก็ถูกเปิดเข้ามา

                    “ขอโทษที่ทำให้รอนาน พอดีเสื้อผ้าที่คุณนำมาให้ ใส่ไม่ได้เลยสักชุด”

                    “งั้นหรือ สงสัยแม่บ้านผมคงกะรูปร่างผิด เดี๋ยวผมให้คุณออกไปช้อปปิ้ง เลือกซื้อเองตามใจชอบแล้วกัน”

                    “ให้ฉันไปช้อปปิ้ง หมายความว่าคุณจะปล่อยฉันไปแล้วใช่ไหม” ฟริกกาหูผึ่งขึ้นมาทันที

                    “อย่าเพิ่งดีใจไปแม่สาวน้อย ใช่แล้ว ผมจะปล่อยคุณได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ แต่คุณต้องทำงานให้ผมสมกับราคาที่ผมซื้อคุณมาด้วย พูดง่ายๆคุณต้องมาทำงานกับผมที่บริษัท”

                    “อะไรนะให้ฉันทำงานกับคุณที่บริษัท งานแบบไหนกันคะ อย่าลืมว่าฉันเคยทำแต่งานแอร์โฮสเตสมาก่อน ฉันไม่ถนัดงานด้านอื่น”

                    “ข้อนี้ผมรู้ดีไม่ต้องห่วง ผมจะให้คนมาเทรนงานให้ก่อน ผมว่าอย่างคุณพูดได้ถึงห้าภาษานับว่ามีคุณสมบัติที่บริษัทต้องการอยู่แล้ว นอกนั้นอยู่ที่คุณ รับรองว่าผมไม่เอาเปรียบคุณแน่นอน เอ้านี่สัญญา” เซเลโน่ยื่นแฟ้มไปตรงหน้าหญิงสาว ดูเหมือนเธอลังเลใจที่จะรับไปอ่าน จนเขาต้องทำเสียงดุใส่
                    ฟริกกาอ่านสัญญาจ้างงานอย่างละเอียดถี่ถ้วน เธอยอมรับว่าเซเลโน่เป็นคนรอบคอบพอตัว เขาทำสัญญาคลอบคลุมทุกหัวข้อไม่ให้ตนมีโอกาสหลุดรอดจากเงื้อมมือเขา หญิงสาวมาสะดุดตรงข้อเสนอเรื่องของเงินเดือน


                    “มีตรงไหนสงสัย ถามได้” เมื่อเห็นคิ้วเรียวของเธอย่นชนกัน เข้าใจได้ว่าเธอคงมีบางอย่างอยากจะถามเขา

                     “ทำไมต้องให้เงินเดือนเป็นสามเท่าของที่ทำงานเก่าฉันด้วย ฉันว่านะตำแหน่งเลขานุการไม่ได้มีเงินเดือนสูงลิบขนาดนี้นี่คะ ฉันไม่กล้ารับหรอกค่ะ ความสามารถฉันไม่สมควรรับเงินเดือนมากขนาดนี้”

                    ”ผมทำให้คุณหมดอิสรภาพไปถึงสามปี ค่าตอบแทนคงต้องคุ้มหน่อยว่าไหม คุณน่าจะดีใจนะที่ได้เงินเดือนสูงขนาดนี้ จะได้มีเงินส่งกลับบ้านไปให้แม่คุณเลี้ยงดูเด็กๆ จากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไง

                    ฟริกกานิ่วหน้า คิ้วที่ย่นชิดติดกันมาก่อนหน้านี้ยิ่งย่นเข้าไปใหญ่ ผู้ชายคนนี้รู้เรื่องของเธอหมดทุกอย่าง

                    “มีเรื่องไหนบ้างของฉันที่คุณยังไม่รู้ แหมคุณน่าจะเปิดธุรกิจนักสืบอีกธุรกิจหนึ่งนะ ช่างสอดรู้สอดเห็นไปหมดทุกอย่าง”

                    “ผมถือว่านี่เป็นคำชมแล้วกัน โอเค ผมยอมรับว่าผมให้คนไปสืบเรื่องของคุณ ผมจำเป็นต้องรู้จักคนที่จะมาอยู่ใกล้ชิดกับผมทุกคน หวังว่าคงเข้าใจนะ”

                    “ฉันจะพยายามเข้าใจค่ะว่า ชีวิตฉันถูกก้าวก่ายไปหมด หวังว่าจะหยุดแค่นี้นะคะ แล้วถามอีกข้อถ้าฉันไม่ตกลงล่ะคะ  ฉันจะเป็นไง”

                    เซเลโน่ยิ้มที่มุมปาก แววตาหล่อนเวลาถามเขาบอกให้รู้ว่ากำลังท้าทายมากกว่าอยากรู้จริง  

                    “คุณก็อยู่บนเกาะนี้ต่อไป ไม่ได้ออกไปไหนเป็นเวลาสามปี ไม่แม้แต่จะได้ติดต่อกับโลกภายนอก และถ้าผมมาหาคุณ คุณก็ต้องพร้อมรับใช้ผมในฐานะทาสของผมไม่ใช่พนักงานในบริษัทของผม”

                    “หมายความว่าไง พูดมาให้ดี”

                    เซเลโน่ลุกจากเก้าอี้เดินมาข้างหลังหญิงสาว  ฟริกการะวังตัวจับตามองชายหนุ่มทุกฝีก้าว จนเมื่อเขามายืนข้างหลังเธอพร้อมก้มตัวและยื่นหน้ามาข้างแก้ม เธอจึงเอาหน้าหนีห่างด้วยความตกใจ              

                    “ทาสบริการเรือนร่างบนเตียงนอนไง ผมว่าอย่างคุณน่าจะทำได้ยอดเยี่ยมว่าไหม”

                    ฟริกกาเบิกตาโต ลุกขึ้นยืนพรวดพร้อมก้าวถอยไปข้างหลังจนชนโต๊ะ จะหนีออกด้านข้างก็ออกไม่ได้เพราะเขาเอามือกันเธอไว้

                    “อย่านะ ถ้าทำอะไรฉันอีกครั้ง คุณจะได้ฉันไปแค่ร่างไร้ลมหายใจ”

                    “หึหึ ขู่จะฆ่าตัวตายอีกแล้วหรือ คิดหรือว่าผมจะยอมเสียเงินฟรีๆ ผมจะขวางคุณทุกวิถีทางไม่ให้คุณตายง่ายๆหรอก เอาล่ะ ถ้าไม่อยากให้ผมทำกับคุณแบบเดิมก็อย่าดื้อและเชื่อฟังผม” เซเลโนเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มบนโต๊ะด้านหลังหญิงสาวขึ้นมา “เซ็นสัญญาและทำงานกับผมซะ นอกจากจะได้ใช้ชีวิตอิสะอย่างที่เคย คุณยังจะมีเงินทองใช้จ่ายอย่างเหลือเฟือเท่าที่ต้องการโดยไม่ต้องเอาร่างกายมาแลกเหมือนคนอื่น ว่าไงตกลงไหม”

                    ฟริกกาเม้มริมฝีปากบาง มองสลับไปมาระหว่างแฟ้มในมือชายหนุ่มกับแววตาเอาจริงเอาจังของเขา เธอมีทางเลือกอยู่แค่สองทางเท่านั้น  ซึ่งจะต้องตัดสินใจในนาทีนี้  เขาเข้ามาใกล้เธอเกินไปและดูจะทำอย่างที่พูดจริง

                    “ตกลง  ฉันยอมเซ็นสัญญา ช่วยออกไปให้ไกลจากตัวฉันหน่อย” หล่อนผละเขาออกห่างพร้อมดึงแฟ้มจากมือชายหนุ่มมาเปิด หยิบปากกาบนโต๊ะเซ็นลายเซ็นอย่างรวดเร็ว  เซเลโน่กอดอกมองหญิงสาว ยิ้มอย่างพอใจ

                    หล่อนวางปากกาลงบนโต๊ะเมื่อเซ็นเสร็จ  สะบัดหน้าบึ้ง เดินกระแทกเท้าออกไปจากห้อง เซเลโน่พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก กว่าเธอจะยอมรับข้อเสนอของเขาลุ้นจนเหนื่อย

                    เซเลโน่มองลายเซ็นบนเอกสาร ลายเซ็นที่หวัดอย่างไม่เต็มใจเซ็น นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น จากนี้เขาต้องรับมือเธออีกนานแสนนานจนกว่าพ่อของเขาจะเรียกหาเธอ

                    “นายท่านคิดดีแล้วหรือครับที่จะให้เธอไปทำงานในบริษัท” รอสถามขึ้นมาหลังจากฟังเจ้านายเล่าแผนจัดการชีวิตของฟริกกาให้ฟังคร่าวๆ

                    “ก็ดีกว่าซื้อตัวเธอมานั่งกินนอนกินเฉยๆ ป่านนี้ยังไม่รู้เลยว่า เธอมีความเกี่ยวข้องอะไรกับพ่อบุญธรรม ถึงกับออกปากให้ฉันช่วยดูแลเธอให้ บางทีนะพ่ออาจอยากกระชุ่มกระชวยอีกครั้งเอาตอนแก่ก็ได้หลังจากร้างลาผู้หญิมานาน และถ้าพ่อติดใจเธอมากถึงขนาดจะยกทุกอย่างให้ ฉันมีฐานะแค่ลูกนอกกองมรดกคงไปคัดค้านไม่ได้ ก็ได้แต่หวังว่าหากเธอได้บริษัทไปจะได้เรียนรู้และมีประสบการณ์บริหารงานต่อจากฉัน”

                    “นายท่านคิดไกลไปไหมครับ อาจไม่เป็นแบบนั้นก็ได้ หรือถ้าจะเป็นจริง ผมว่านายใหญ่คงไม่กล้ายกบริษัทให้เธอดูแลหรอกครับ และไม่ใจร้ายกับนายท่านถึงกับไม่ยกอะไรให้เลย”

                    “รอส ฉันเป็นแค่ลูกบุญธรรมเท่านั้นนะ ไม่ใช่สายเลือดแท้ๆ ฉันเจียมตัวตลอดมา ถ้าหากวันใดวันหนึ่งพ่อไม่ต้องการฉันแล้ว ฉันจะกลับไปไทย ส่วนนายก็คอยรับใช้พ่อฉันกับนายผู้หญิงคนใหม่ให้ดีด้วย”

                    “ไม่ครับ นาย ผมจะตามนายไปด้วย นายไปไหนผมจะติดตามตลอดไป เพราะเป็นผู้มีพระคุณของผม”

                    “บ้าน่ารอส ถึงตอนนั้นฉันคงเหลือแต่ตัวเปล่าๆ ไม่มีปัญญาจ้างนายหรอก อีกอย่างฉันคงไม่ต้องการคนรับใช้แล้ว เพราะต้องแปรสภาพไปเป็นคนถูกใช้แทน”

                    “ผมไม่เอาค่าจ้างก็ได้ ผมยินดีรับใช้ฟรีๆ”

                    “ไม่ล่ะ ฉันไม่ชอบเอาเปรียบใคร ไว้วันนั้นมาถึงก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีนะ ยังอีกยาวไกล เรามาทำวันนี้ก่อนดีกว่า ว่าแต่คุณนายแมรี่จะมาเมื่อไร”

                    เซเลโน่เอ่ยถึงพนักงานบริษัทเก่าแก่คนหนึ่ง คุณนายแมรี่เป็นสาวใหญ่จอมเฮี๊ยบ ใส่แว่นตาหนาเตอะ เธอทำหน้าที่ดูแลและอบรมพนักงานทั้งบริษัทมาเป็นเวลาเกือบสามสิบปี

                    “พรุ่งนี้ผมจะให้คนมาพามาส่งครับ คุณฟริกกาจะได้รับการฝึกฝนในหลายด้านทั้งเรื่องงานและการเข้าสังคม”

                    “ขอบใจมาก นายไปพักผ่อนก่อนหรือมีอะไรทำก็ไป ตอนนี้ขอฉันอยู่คนเดียวสักพักนะ”            

                    เมื่อบอกว่าต้องการอยู่คนเดียวแปลว่ามีเรื่องต้องครุ่นคิด รอสจึงโค้งตัวลาออกจากห้อง ชายหนุ่มหลับตาลงเป็นการผ่อนคลาย ปัญหาแรกสำเร็จไปด้วยดี ต่อไปนี้เขาไม่ต้องทิ้งงานที่บริษัทหรือหาควานหาคนที่ไว้ใจได้เพื่อติดตามเธออีก เพราะเธอมาอยู่ในสายตาเขาแล้ว แต่เขาไม่รู้หรอกว่าเค้าลางความยุ่งยากกำลังตามมาหลังจากนี้

                    คุณนายแมรี่ขยับแว่นหนาเตอะพิจารณามองลูกศิษย์สาวตรงหน้าเธอ เด็กสาวคนนี้หรือที่เธอต้องมาสอนงานให้ รวมไปถึงมารยาทในการเข้าสังคม ดูจากภายนอกก็เรียบร้อยดี แววตาชาญฉลาด

                    “คงไม่ให้ฉันมาสอนฉลามว่ายน้ำหรอกนะ รอส” คุณนายสูงวัยหันไปถามคนสนิทของเจ้านาย

                    “เป็นเช่นนั้นครับ แต่เธอเป็นฉลามที่ยังไม่รู้เรื่องธุรกิจมากนัก คุณแมรี่แค่ช่วยแนะนำเธอพอครับ คิดว่าไม่เกินอาทิตย์เธอคงพร้อมเข้าไปทำงานในบริษัทได้”

                    คุณนายแมรี่พยักหน้าแสดงว่าเข้าใจ ฟริกกาทำสีหน้างุนงง

                    “เดี๋ยวนะคะคุณรอส อย่าบอกนะคะว่าคุณยายแก่ๆคนนี้จะมาสอนงานให้ฉัน”

                    “ตายแล้วแม่คุณ พูดจาตรงๆแบบนี้ไม่งามเลย โอ้ยฉันก็หลงว่าเธอเป็นสาวชั้นสูงมาจากไหนเสียอีกที่แท้ไม่ต่างจากพวกพนักงานใหม่ที่ฉันอบรมด้วยตัวเอง เห็นทีแค่แนะนำเรื่องงานอย่างเดียวไม่พอแล้วล่ะ รอสเดี๋ยวเธอช่วยให้คนไปขนแฟ้มเอกสารเข้ามาในห้องทีนะ  ระหว่างนี้ ฉันสอนบทเรียนแรกให้เธอ ”

                    “บทเรียนแรก หมายถึงอะไรหรือคะคุณยาย”

                    คุณนายแม่รี่แทบกระโดดเนื้อเต้นที่ได้ยินฟริกกาเรียกเธอว่าคุณยาย  “ก็มารยาทไงย่ะหน่อย เธอต้องเรียกฉันว่าคุณนายแม่รี่นะไม่ใช่คุณยาย ดูปากของฉัน  คุณ.. นาย..แม..รี่”

                    ฟริกกาเกือบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ แต่ไม่อยากเห็นคุณนายแมรี่โกรธจนเส้นเลือดในสมองแตกแล้วเธอจะกลายเป็นคนบาปที่ไปหยอกล้อคนแก่เล่น

                    รอสมองสองสาวต่างวัยคุยกัน นึกกลุ้มแทนเจ้านายเหลือเกิน แม่สาวน้อยตาคมจะสร้างเรื่องวุ่นวายอีกไหมนะ

                    สองอาทิตย์ต่อมา ฟริกกาได้รับอิสระ สถานที่แรกที่เธอก้าวออกจากเกาะคือศูนย์การค้าชั้นนำ แต่ยังอยู่สายตาคนของเซเลโน่ตลอดเวลา  ถึงจะยังอึดอัดใจอยู่แต่ยังดีว่าอุดอู้อยู่แต่ในห้อง เซเลโน่ให้เครดิตการ์ดสีทอง หมายความว่าเธอสามารถเลือกซื้อหาทุกอย่างได้ไม่จำกัดจนกว่าจะพอใจ 

                    “อยากอวดรวยดีนัก จะช้อปให้หมดห้างเลยคอยดู” เมื่อแก้แค้นตรงๆไม่ได้ก็หาทางเอาคืนทางอ้อม อยากรู้นักถ้าจะเหมาซื้อของทั้งห้าง เขาจะยอมเสียเงินจ่ายให้เธอไหม แต่สุดท้ายเธอก็เลือกซื้อแค่เฉพาะของใช้ที่จำเป็น

                    “พวกคุณช่วยเอาของไปเก็บให้ทีได้ไหมคะ แล้วค่อยมาเฝ้าฉันต่อที่ร้านกาแฟ ฉันอยากพักดื่มกาแฟซะหน่อย”

                    ชายหนุ่มสองคนที่ถูกสั่งให้ตามติดและคอยรับใช้เธอมองหน้ากันอย่างลังเล

                    “ฉันไม่หนีไปไหนหรอกน่า  ถึงหนีก็ไม่รอด ฉันไม่มีเงินแม้แต่จะขึ้นรถประจำทาง แล้วไอ้รถสาธารณะไม่รับบัตรด้วย ไม่ต้องกลัวหรอกว่าฉันจะไปไหน หูตาเจ้านายพวกเธอยังกับสัปปะรดจะหนีไปได้สักกี่น้ำ ไปเถอะรับรองว่าฉันไม่ทำให้พวกเธอสองคนเดือดร้อน แค่อยากอยู่คนเดียวบ้สง”

                    คนของเซเลโน่ยอมทำตามที่หญิงสาวขอร้อง หิ้วสารพัดถุงนำกลับไปเก็บที่รถ ฟริกกาสั่งกาแฟใส่ครีมมาหนึ่งแก้ว พร้อมขนมหวานสองสามอย่าง ขณะกำลังนั่งทานอย่างเพลิดเพลิน ผู้ชายดูมีอายุแต่งกายภูมิฐานเข้ามาทักทาย
                     “ขอผมนั่งตรงนี้ได้ไหม”


                    ฟริกกาเงยหน้าขึ้น อ้าปากตกใจเกือบทำขนมหล่นจากมือ

                    “ดะ..ได้ค่ะ คุณโอมาร์ เชิญตามสบาย”

                    หล่อนเชื้อเชิญให้เขานั่งตามมารยาทแม้จะไม่ค่อยไว้ใจนัก โอมาร์ตั้งใจจะเดินเลือกซื้อเครื่องเพชร แต่บังเอิญได้เจอกับผู้หญิงที่เขาตามหามาหลายวันจึงหยุดอยู่ที่เธอคนนี้ไม่ไปไหน สั่งลูกน้องให้คอยคุมเชิงอยู่ด้านนอกเพื่อไม่ให้เธอตกใจ

                    “ขอบใจนะที่ยังจำฉันได้”

                    “จำได้สิคะ ก็คุณเป็นลูกค้าของฉัน”

                    “และคงจำได้ด้วยว่าครั้งล่าสุดเราเจอกันแบบไหน”

                    เขาพยายามจะรื้อฟื้นคดีเก่า ฟริกกาก้มหลบสายตามองไปที่พื้น คิดใหม่อีกทีแล้วนึกสงสัยตัวเองว่าทำไมต้องกลัวอีตานี่ด้วย ก็เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด เขาต่างหากที่ต้องละอาย หญิงสาวยอมเงยหน้ามาประสานสายตากัน

                    “จำได้แม่นค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ ตอนนั้นฉันต้องทำตามกฎอาจไปทำให้คุณไม่พอใจเข้า”

                    “ฉันไม่โกรธเธอหรอก เข้าใจดี แต่ใช่ว่าจะลืมในไม่กี่วัน ว่าแต่เราไม่ได้เจอกันนาน ตอนนี้เธออยู่ไหนล่ะ สบายดีไหม”

                    “คุณถามฉันหรือคะว่าฉันอยู่ไหน” หล่อนย้อนถามกลับ เรื่องอะไรที่เขาจะต้องรู้ด้วยว่าเธออยู่ที่ไหน กับใคร

                    “เธอกับฉันคุยกันแค่สองคน ฉันคงไม่ไปถามถึงคนโต๊ะข้างเรามั้ง”

                    “ถ้างั้นฉันคงไม่ขอตอบนะคะ เพราะคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องตอบคุณ”

                    สีหน้าของโอมาร์มึนตึง ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธไม่ตอบคำถามเขามาก่อน

                    “ต้องขอโทษจริงๆนะคะ ฉันต้องรีบกลับแล้วค่ะ มีธุระพอดี” เธอขอตัว ทางที่ดีควรอยู่ห่างจากคนๆ นี้จะปลอดภัยต่อชีวิตมากที่สุด โอมาร์รีบคว้าข้อมือหญิงสาวไว้ได้ก่อน

                    “จะลากันไปโดยที่ไม่ยอมให้ฉันรู้จักเธอหน่อยหรือ”

                    “คุณโอมาร์คะ ขอร้องปล่อยมือฉัน” ฟริกกาพยายามบิดมือตัวเองออกจากมือหนาที่กำรอบข้อมือเธอเสียแน่น ชำเลืองมองคนข้างโต๊ะเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ดูเหมือนไม่มีใครอยากเข้ามายุ่ง

                    “เจรจากันก่อนสิ ฉันมีเรื่องอยากจะตกลงกับเธอ”

                    “ไม่ค่ะ ขอร้องปล่อยมือฉัน มีคนกำลังรอฉันอยู่นะคะ”

                    ยื้อกันอยู่หลายอึดใจ จนกระทั่งบอดี้การ์ดส่วนตัวกลับมาจากลานจอดรถ พอเห็นฟริกกาถูกลวนลามก็รีบวิ่งเข้ามาช่วย ลูกน้องของโอมาร์ เตรียมจะชักปืนออกมาสู้ แต่คนของเธอชิงพูดขู่ขึ้นมาก่อน

                    “เธอเป็นแขกของคุณเซเลโน่ ประธานบอร์ดยักษ์ใหญ่ของ โทโร คอมมิวเคชั่น  ผมว่าทางที่ดีอย่ามีปัญหากับคุณเซเลโน่ดีกว่าครับ”

                    “แขกของเซเลโน่”

                     ชื่อของคนที่นำมาอ้างได้ผล โอมาร์ยอมปล่อยมือหญิงสาวแต่โดยดี เขาเป็นพ่อค้า อยู่ในแวดวงธุรกิจมาหลายปี ทำไมจะไม่รู้จักรองประธานกรรมการบริษัทคมนาคมยักษ์ใหญ่อย่าง โทโรคอมมิวนิเคชั่นเล่า แต่ที่เขาแปลกใจก็คือ เซเลโน่มาเกี่ยวข้องอะไรด้วย

                    “ขอโทษทีนะครับคุณผู้หญิงที่ถือวิสาสะมากไป หวังว่าเราคงจะได้พบกันอีกครั้งนะครับ”

                    “เราคงได้พบกันอีกครั้งในไม่ช้าแน่นอนค่ะ แต่คงไม่เป็นแบบวันนี้นะคะ”

                    “ฉันให้สัญญาจะรักษามารยาทมากกว่านี้”

                    ฟริกกาบีบกล้ามเนื้อตรงข้อมือเมื่อรู้สึกเจ็บ เธอคว้ากระเป๋าถือเดินนำออกไปก่อน โดยมีสมุนของเซเลโน่คอยระวังหลังให้นายหญิง เฝ้ายังกับแมวหวงปลาย่าง

                    โอมาร์ขบกรามแน่น หันไปส่งสายตาเหี้ยมเกรียมทางลูกน้อง ต่างคนต่างก้มหน้าไม่กล้าปริปาก

                    “ใครก็ได้ไปสืบมาทีสิ ว่าทำไมฟริกกาถึงกลายคนของเซเลโน่ไปได้ หวังว่าจะได้คำตอบในสามวันนะ ไม่งั้น พวกแกไม่ต้องมาให้ฉันมาเห็นหน้า !

                    คำตอบในสามวันมาตามต้องการ โอมาร์โกรธจัด ระบายอารมณ์ด้วยการหัดยิงปืนโดยเลือกเป้าเป็นภาพถ่ายเท่าตัวจริงของอดีตคนรักเก่าของฟริกกา

                    “ไอ้พอล แกหักหลังฉัน” เสียงปืนดังตามมาหลายนัดติดๆ กันแม่นยำไม่มีพลาด ถ้าเป้าเป็นคนจริง เลือดคงไหลอาบหมดร่างไปแล้ว โอมาร์วางปืนลง หายใจหอบเหนื่อย ถึงภายนอกจะดูแข็งแรง แต่อายุก็ไม่ใช่น้อย

                     “นายท่านจะให้ทำอย่างไรต่อไปดี”

                    “ฉันต้องหาทางแย่งฟริกกากลับคืนมา ไม่คิดเลยว่าพอลจะกล้าขายเธอให้กับเซเลโน่และนำเงินมาคืนให้สหายเจ้าของบ่อนเพื่อนฉันได้ทันเวลา ฉันเข้าใจว่าไอ้พอลโดนเก็บไปแล้วด้วยซ้ำ”

                    “แต่ผมว่าเซเลโน่คงไม่ยอมให้เราเข้าไปเอาลูกเสือในถ้ำเขาหรอกนะครับ”

                    “ฉันรู้ ไม่ต้องมาย้ำ ในเมื่อเข้าไปเอาลูกเสือแสนสวยในถ้ำไม่ได้ ก็ต้องหาทางล่อลูกเสือออกมา ให้ฉันได้เจอหล่อนอีกสักครั้ง ฉันจะซื้อด้วยเงินที่มากกว่าเซเลโน่เคยให้ถึงสิบเท่า !

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×