ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โพยมยอดรัก

    ลำดับตอนที่ #3 : บุบผาถูกทิ้ง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 204
      0
      24 มิ.ย. 56

                    ข้อตกลงระหว่างโอมาร์กับพอล เอ็ดการ์ด ใช่ว่าจะรู้แค่เฉพาะคนของโอมาร์กับเจ้าตัวเท่านั้น คนสนิทของเซเลโน่ ซึ่งถูกใช้ให้ติดตามพอลก็รู้เช่นกัน  รอสนั่งอยู่ตรงโต๊ะด้านหลังติดกัน ตอนที่พวกนั้นเผลอเขาแอบโยนเครื่องดักฟังไปใต้โต๊ะ เลือกจุดที่ไม่มีคนสังเกตเห็น

                    สิ่งที่ได้ยินมาถูกถ่ายทอดไปยังเจ้านายหนุ่มของเขาอีกทีในเวลาไม่ถึงชั่วโมงดี เซเลโน่ตั้งใจฟังอย่างมีสมาธิจนจบ มือก็ถือแก้วเครื่องดื่มหมุนวนไปเรื่อยๆ นานทีจะยกขึ้นมาจิบ

                    “กะแล้วเชียวว่าต้องมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น พวกผีพนันขายได้หมดแม้กระทั่งตัวเอง”

                    “แล้วนายท่านจะทำอย่างไรต่อ จะปล่อยให้พอลขายฟริกกาให้โอมาร์หรือครับ”

                    “นั่นสิ ฉันควรทำอย่างไรต่อไป ทำแบบที่นายว่าไหม ภาระที่ฉันแบกไว้อยู่จะได้จบสิ้นเสียที ก็แค่บอกพ่อฉันไปว่า หล่อนยินดีเป็นของคนอื่นแล้ว”

                    “นายท่านครับ ถ้าพูดกันง่ายแบบนั้นก็ดีสิครับ แต่ผมกลัวว่าจะไม่ใช่ นายท่านก็รู้นิสัยนายใหญ่ดี ท่านก็ไม่ได้แตกต่างกับโอมาร์สักเท่าไรหรอกครับ เวลาอยากได้ใครหรือสิ่งใดต้องได้”

                    เซเลโน่หัวเราะเบาๆ วางแก้วบรั่นดีลงบนโต๊ะ พูดเล่นน่า ขืนทำแบบนั้นโดนตัดออกจากมรดกพอดี เรื่องนี้ไม่เห็นจะแก้ยาก เงินเท่านั้นคือทางออก โอมาร์ให้สามสิบล้าน แต่ฉันให้ห้าสิบล้าน คิดว่าพอลต้องรู้ว่าควรเลือกเงินก้อนไหน”

                    “หมายความว่า นายท่านจะไปซื้อตัวฟริกกาตัดหน้าโอมาร์หรือครับ ไม่เป็นการลงทุนไปหน่อยหรือครับ”

                    “ผู้หญิงคนนี้มีค่ามากกว่านั้น เพราะเป็นคนที่พ่ฉฉันต้องการ ต่อให้ร้อยล้าน หรือพันล้านพ่อฉันก็ยอมเสียเงินก้อนนี้เพื่อเธอ ไปจัดการตามนี้นะ เสนอเงินห้าสิบล้านให้พอลไป ฉันเชื่อแน่ว่าเขาต้องยอมปล่อยฟริกกาไป เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาตามเธอแล้วเพราะเธอจะมาอยู่กับเรา”

                    “นายท่านจะทำเช่นนั้นจริงหรือครับ ซื้อตัวเธอแล้วพาเธอมาอยู่ใกล้สายตาพวกเรา ผมว่าเธอคงไม่ยอมง่ายๆ หรอกครับ”
                    “ฉันมีวิธีของฉันที่จะจัดการเธอ ขอเพียงให้พอลส่งผู้หญิงคนนั้นมาให้ฉันก็พอ”

                    ฟริกกาสังเกตเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของคนรัก ตั้งแต่ออกมาจากร้านอาหารเขาพูดได้น้อยคำมาก ดูไม่ยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนเมื่อตอนหัวค่ำคล้ายมีเรื่องในใจอยู่

                    “ลูกค้ามากดดันหรือบังคับอะไรคุณหรือเปล่าคะ เห็นคุณทำหน้าแบบนี้หลังจากพบกับพวกเขา”

                    พอลหันมาส่งยิ้มบางๆ ให้หญิงสาว หล่อนเป็นคนขี้สงสัยและช่างสังเกตอยู่เป็นนิจ แต่ไม่ใช่คนช่างซักช่างถาม ถ้าลองได้เอ่ยปากถาม แสดงว่าเธอเป็นห่วงเขาจริง

                    “มีนิดหน่อย ว่าแต่หน้าตาผมดูไม่ดีเลยหรือครับ”

                    “ถ้าจะให้พูดตามตรงก็ใช่นะคะ คุณดูเครียดๆจัง มีอะไรให้ฉันช่วยได้ไหมคะ”

                    “ขอบคุณมากฟริกกาแต่ไม่เป็นไรครับ ผมว่าผมแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้ คุณเป็นคนรักที่ดีของผมเสมอ ผมเสียอีกไม่เคยมีเวลาให้คุณเลย”

                    “อย่าคิดมากสิคะพอล เราสัญญากันแล้วนะ ว่าอีกไม่เกินห้าปีเราจะแต่งงานกัน ตอนนี้มีเวลาเหลือมากพอที่จะศึกษานิสัยใจคอกันนะคะ แต่เท่าที่เราคบมาสามปี  เราสองคนก็ไปด้วยกันได้ดีนี่คะ”

                    “เพราะคุณเข้าใจผมไงครับ เราเข้าใจกัน แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เดี๋ยวผมไปส่งคุณถึงห้องดีไหมครับ”

                    “อย่าเลยค่ะ ฉันไม่อยากรบกวนคุณ ถ้าไงรีบกลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่านะคะ ดึกแล้ว”


                    “ครับ คุณผู้หญิงคนสวย” พอลฝืนยิ้ม รู้สึกเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้อยู่กับเธอตามลำพังสองต่อสอง ได้ทำอย่างที่คนรักเขาทำกัน ฟริกกาเป็นผู้หญิงที่ระวังตัวมาก ไม่ยอมให้เขาได้แตะต้องเกินกว่าจับมือแขนกันธรรมดา

                    บางครั้งเขานึกเบื่อหน่าย เป็นแฟนกันแท้ๆ แต่ไม่มีโอกาสจะได้แสดงความรักด้วยการกอดจูบบ้าง สักนิดก็ยังดี เขาเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่มีความต้องการเหมือนกัน จะถนอมตัวไปถึงไหนนะแม่คนงาม

                      พอลเกิดลังเลใจขึ้น คิดว่าตัวเองน่าจะทบทวนข้อเสนอของโอมาร์ใหม่อีกครั้ง ถ้าเขาหมดหนี้สิน แล้วมีเงินสักก้อนทำทุนต่อ บางทีอาจมีผู้หญิงที่สวยกว่าฟริกกาและพร้อมสนองความต้องการของบ้างเข้ามาในชีวิต ดีกว่าทนรอเธอยอมตกลงปลงใจแต่งงานกับเขา เป็นของเขาซึ่งไม่รู้ว่าจะอีกกี่เดือนกี่ปี

                    “บ้าน่าไอ้พอล แฟนตัวเองทั้งสวยทั้งน่ารักแสนดีแบบนี้ ยังคิดจะขายเธอให้คนอื่นอีกหรือ มีความคิดเลวๆ ได้ไง”

                    เขาพยายามปัดความคิดเรื่องที่จะขายเธอให้กับเศรษฐีเชื้อสายอาหรับออกไปจากใจ เขาจะไม่มีวันทำเช่นนั้นเด็ดขาด ถึงพวกนั้นจะขู่ให้กลัว แต่เขาไม่กลัว ก็แค่คำขู่ธรรมดา พวกนั้นไม่กล้าทำอย่างที่พูดออกมาหรอก

                    พอลปลอบใจตัวเอง แต่พอรูดคีย์การ์ดเข้าห้องและเปิดประตูเข้าไปก็ต้องตกใจสุดขีด

                    ห้องนอนในคอนโดมิเนียมสุดหรูส่วนตัวของเขา ในเวลานี้เต็มไปด้วยข้าวของถูกพังรื้อกระจายเต็มห้อง เสื้อผ้า
    แบรนด์เนมแสนแพงที่ตนไปเลือกกับมือและที่คนรักซื้อให้ถูกฉีกขาดไม่มีชิ้นดี  เจ้าของห้องหนุ่มใจหายวาบ กระโดดข้ามสิ่งของที่วางระเกะระกะเกลื่อนเต็มพื้นไปยังห้องนอน รีบเดินไปที่ข้างเตียงซึ่งเป็นที่ตั้งตู้เซฟเก็บของมีค่า

                    “ค่อยยังชั่ว นึกว่าโดนขโมยหมดแล้ว”

                    ถึงเขาจะติดการพนันแค่ไหน แต่ไม่ใช่คนตัวเปล่า ยังมีทรัพย์สินบางส่วนจำพวกเครื่องเพชรและเอกสารหุ้นบริษัทอยู่ด้วย เสียอย่างที่ไม่มีมูลค่ามากพอจะนำไปใช้หนี้ได้ทั้งหมด และเขานึกเสียดายที่จะต้องขายไป สมบัติบางชิ้นเป็นของส่วนตัวที่ได้รับมรดกตกทอดจากบิดามารดา

                    พอลโมโหเดินกระแทกเท้าจะออกจากห้องไปยังชั้นล่าง เพื่อไปโวยวายกับพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ละเลยหน้าที่ปล่อยให้มีขโมยเข้าห้องตน  ก่อนจะเดินผ่านประตูหัองนอนออกไปเขามองเห็นบางอย่างบนเตียง บางสิ่งที่สะกดให้ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับถูกสะกด

                    บนเตียงนอนที่ตัวเองใช้หลับนอนทุกคืนแดงฉานไปด้วยสีแดงเหมือนสีเลือด  ตรงกลางเตียงมีภาพถ่ายของเขาขนาดเท่าโปสเตอร์โฆษณา ปักด้วยมีดสปาตาร์เล่มใหญ่ เลือดจำลองถูกราดลงไปละเลงเต็มจนแทบดูไม่ออกว่าเป็นหน้าใคร มองผ่านเลยไปยังโต๊ะแต่งตัวข้างเตียง กลางกระจกเงามีข้อความเขียนขู่ว่า “Died

                    ชายหนุ่มเหงื่อแตกพลั่ก สีหน้าซีดเผือด เข่าอ่อนหมดแรงแทบจะทันที คนที่บุกเข้ามาไม่ใช่โจรกระจอกอย่างที่ตนคิดไว้ ถ้าไม่ใช่คู่กรณีในบ่อนก็อาจเป็นเจ้าหนี้ของเขา แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า จู่ๆเสียงโทรศัพท์ในห้องก็ดังลั่นขึ้น  พอลสะดุ้งโหยง ยกมือเช็ดเหงื่อบนใบหน้าก่อนจะลุกไปรับสาย

                    ปลายสายเป็นเสียงของผู้ชายที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เสียงนั้นห้าว มีกังวาน แต่ดุดัน

                    “นายสั่งว่า ถ้าแกไม่เอาเงินมาใช้หนี้บ่อนในสามวัน สภาพแกจะเป็นเหมือนในรูปบนเตียง”

                    “ว่าไงนะ เฮ้ย ดะ
    ..เดี๋ยว” พอลตะโกนใส่โทรศัพท์ตะกุกตะกัก มือสั่นไปหมด สัญญาณถูกตัดเป็นเสียงยาวๆ แต่เขาไม่รับรู้เลย ยังคงถือหูค้างไว้ จนกระทั่งปล่อยมันหลุดมือไปเองตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้สึกตัว

                    ร่างสูงของชายหนุ่มทรุดนั่งพิงกำแพง สองมือยกมาเสยผมก่อนจะกุมขมับทั้งสองข้างด้วยความกลัดกลุ้ม เขากำลังโดนบีบคั้นอย่างหนัก ต้องเป็นฝีมือไอ้โอมาร์แน่นอน มันทำอย่างที่พูดไว้จริง

                    “ไอ้แก่ ฉันไม่ให้แกได้สมหวังง่ายๆ หรอก”

                    โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อดังอีกเป็นเครื่องที่สอง ครั้งนี้เขาไม่แน่ใจนักกว่าจะเป็นเจ้าหนี้คนเดิมหรือไม่ แต่ตัดสินใจรับเพื่อพูดให้รู้เรื่องดีกว่าปล่อยจนสายไป

                    ชายหนุ่มต้องแปลกใจอย่างยิ่ง เพราะคนที่โทรมาหาเขาไม่ใช่คนจากบ่อน แต่เป็นใครเขาก็ไม่แน่ใจนัก รู้แต่ว่าคนผู้นี้ต้องการนัดคุยธุระบางอย่างเป็นการส่วนตัวในร้านอาหารของโรงแรมในเวลานี้ ยืนยันด้วยว่าตัวเองมาดีและจะนำข้อเสนอดีๆมาให้

                    รอสรายงานผลงานของตนให้เจ้านายฟัง งานที่ให้ไปจัดการเรียบร้อยทุกอย่างตามคำสั่ง

                    “ดีมากรอส นายทำงานได้เยี่ยมสมกับเป็นเพื่อนรักฉันจริงๆ” เซเลโน่ให้เกียรติลูกน้องคนนี้เสมอเพื่อนไม่ใช่ข้ารับใช้อย่างที่คนภายนอกมองเห็น รอสกับเขาเติบโตมาด้วยกัน อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน เรียนที่เดียวกันจนจบ รอสเปรียบเสมือนเงาตามตัวของตน

                    “เป็นอย่างที่นายท่านคิดไว้ไม่มีผิด พอลยอมขายเธอให้กับนายท่านจริง ด้วยเงินสามสิบล้าน ทำไมนายถึงรู้ละครับว่าคนผู้นี้จะยอมรับเงินของเราแลกกับผู้หญิงของเขา”

                    “ก็ฉันบอกแล้วไง ผีพนันยอมขายได้ทุกอย่างแม้แต่ตัวเอง นับประสาอะไรกับผู้หญิงของตน เท่าที่นายเล่าให้ฉันฟัง พอลต้องโดนบีบบังคับจากคนพวกนั้นแน่ถึงยอมขายฟริกกาให้พวกเราง่ายๆ ทางเลือกที่เราให้เขาไปดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดและไม่ทำให้ฟริกกาบอบช้ำ คงดีกว่าไปอยู่กับชายแก่ตัณหากลับแบบนั้น”

                    “แล้วนายจะให้ทำอะไรต่อครับ”

                    “ตอนนี้เราคงรอให้เขาเอาเธอมาส่ง นายช่วยเดินทางไปที่เกาะ สั่งให้แม่บ้านเตรียมห้องนอนแล้วเตรียมเสื้อผ้าให้คุณผู้หญิงคนใหม่ด้วย จากนั้นเป็นธุระแทนฉันที จัดการเรื่องงานแอร์โฮสเตสที่เธอทำอยู่ที งานนี้ต้องพึ่งนายหมด เพราะฉันไม่อยากออกหน้าเอง  เหนื่อยหน่อยนะ”

                    “ยินดีครับนายท่าน  โปรดสั่งมา ผมทำให้ได้ทุกอย่าง”

                    รอสขอปลีกตัวไปทำงาน ทิ้งให้เจ้านายได้พักผ่อนตามลำพัง  เซเลโน่พยายามทำใจให้สบายด้วยการดูรายการโทรทัศน์ แต่ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ งานที่พ่อมอบหมายให้มายากเกินไป เขาจำเป็นต้องใจร้ายกับผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อปกป้องเธอตามคำสั่งบิดา

                    เรือเร็วนำพาผู้โดยสารหนุ่มสาวคู่หนึ่งมาส่งยังเกาะกลางทะเล พอลขึ้นเรือก่อนคนแรกเพื่อจะได้ยื่นมือให้ฟริกกาได้จับมือเขาขึ้นเรือตาม ชุดราตรียาวรุ่มร่ามทำให้เธอเดินลำบากทีเดียว ต้องยกชายกระโปรงขึ้นสูงเพราะกลัวจะเดินเหยียบเข้าแล้วอาจทำให้ขายหน้าคนทั้งงาน

                    ฟริกกาเปิดกระเป๋าหยิบผ้าแพรออกมาคลุมไหล่ ป้องกันความหนาวเย็นจากลมทะเล ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดพอลถึงอยากให้เธอสวมชุดนี้นักถึงกับลงทุนไปซื้อมาด้วยตัวเอง  ชุดราตรีวิบวับระยิบระยับด้วยเลื่อมสีน้ำทะเลสะดุดตา เป็นชุดซึ่งบรรดาเศรษฐีนีชอบสวมใส่เวลาออกงานกาลาดินเนอร์ใหญ่ๆ กัน แสดงให้เห็นว่างานเลี้ยงคืนนี้ต้องไม่ธรรมดา

                    บ้านหลังใหญ่สไตล์อิตาลีสีปุยเมฆตั้งตระหง่านอยู่กลางพื้นที่โล่ง ดูจะเป็นสิ่งก่อสร้างที่อลังการมากที่สุดแล้วบนเกาะ นอกนั้นจะเป็นบ้านหลังเล็กๆที่ถูกปลูกในระยะไม่ห่างกันมากนัก แต่จะเป็นของเจ้าของคนเดียวกันหรือไม่เธอไม่อาจรู้ได้

                    “พอลคะ งานเลี้ยงคืนนี้ใครเป็นคนจัดคะ ทำไมไม่ค่อยมีคนเท่าไร” ฟริกกาถามพลางกวาดสายตามองไปทั่วงาน งานเลี้ยงภายในห้องโถงใหญ่ประดับประดาด้วยแสงไฟเจิดจ้าและดอกไม้นานาชนิดดูหรูหราก็จริง แต่แขกในงานบางตามาก แทบจะนับสมาชิกได้ ส่วนใหญ่จะเป็นแขกมีระดับทั้งนั้น

                    พอลส่งยิ้มบางๆ ให้ ยื่นแขนให้เธอจับ “มาครับ เดี๋ยวผมจะพาไปแนะนำเจ้าของบ้าน”

                    ฟริกกาทำหน้านิ่ว ดูมีลับลมคมนัยชอบกลแต่ก็เธอก็ยอมเกาะแขนแฟนหนุ่มเดินตามเขาไป

                    เจ้าของงานหันหลังให้พวกเขาและกำลังคุยกับแขกคนอื่นอยู่  พอลโค้งตัวให้ก่อนจะเอ่ยปากทักทาย

                    “สวัสดีครับ คุณเซเลโน่”

                    เซเลโน่หันหลังกลับมาตามเสียงทักทาย รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าหล่อเหลาช่างมีเสน่ห์ทำร้ายหัวใจสาวๆที่ได้พบเห็น แต่กับฟริกกามีแต่ความประหลาดใจเต็มไปด้วยคำถามอยู่บนสีหน้า หล่อนหันไปสบตาพอล

                    “ขอโทษนะที่ผมไม่ได้บอกก่อน ผมเพิ่งรู้ว่าคุณเซเลโน่เป็นลูกค้าใหม่ของผมเมื่อไม่นานมานี้เอง เราเจอกันเมื่อวันก่อนและพูดคุยถูกคอมาก คุณเซเลโน่ออกปากเชิญผมกับคุณมาในงานเลี้ยงของเขา”

                    “งั้นหรือคะ ฉันแปลกใจมากเลยนะคะเนี่ย ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งค่ะ คุณเซเลโน่”

                    น้ำเสียงหล่อนเหมือนประชดประชัน เซเลโน่ยื่นมือให้หญิงสาวได้จับมือกันเป็นการทักทายตามมารยาทสากลแต่ฟริกกาทำเพียงแตะมือเขาพอเป็นพิธี

                    “ถ้ายังไงตามสบายนะครับ ต้องการอะไรเรียกคนรับใช้ผมได้”

                    “ขอบคุณครับที่เชิญผมมางานนี้ นับเกียรติอย่างยิ่ง”

                    “คุณและคุณฟริกกาถือเป็นเพื่อนของผมคนหนึ่ง ยินดีมากที่ได้รู้จักพวกคุณ”

                    สองหนุ่มหยอดคำหวานให้กันและกัน ฟริกกางุนงงมาก เมื่อวันที่เธอติดอยู่ในลิตฟ์และหลุดออกมาได้พร้อมเขา พอลยังทำท่าจะไม่พอใจและออกอาการหึงหวงอยู่เลย แต่วันนี้พวกเขากลับแสดงความสนิทสนมกันราวกับรู้จักกันมานาน

                    พอลพาเธอไปนั่งโต๊ะ เขาทำหน้าที่บริการเครื่องดื่มและอาหารให้เธอจนเธอแทบไม่ต้องขยับตัวไปไหน ฟริกกามีโอกาสได้พูดคุยกับแขกคนอื่นในงานบ้างเล็กน้อย ส่วนใหญ่จะนั่งฟังทำนองเพลงเพราะๆ จากนักดนตรีออเคสตราบนเวที
                   

                    เวลาผ่าน                ไปสองชั่วโมง แขกในงานเริ่มทยอยออกจากงานจนเกือบหมด แต่พอลยังไม่พาเธอกลับเสียที ฟริกกาเห็นชายหนุ่มเดินไปคุยกับคนกลุ่มนี้ทีกลุ่มนั้นที หัวเราะสนุกสนานอยู่กับเพื่อนฝูงจนเธอเองนึกน้อยใจที่เขาเอาเธอมาทิ้งให้อยู่คนเดียว

                    เขาเดินกลับมาหาเธอ ฟริกกายิ้มๆ พร้อมลุกขึ้นยืน แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยปากชวนกลับบ้าน  พอลชิงพูดขึ้นมาก่อน

                    “ฟริกการอผมหน่อยนะ พอดีเพื่อนเก่าอยากปรึกษางานกับผม อาจใช้เวลานานไปนิด” พอลรีบขอตัวออกไปจากงานโดยที่ไม่ทันได้ฟังว่าหญิงสาวจะพูดอะไร ฟริกกาทำสีหน้าเบื่อๆ นั่งลงที่เดิม ไม่มีกะใจอยากจะฟังเพลงหรือพูดคุยกับใคร 

                    แขกในงานกลับไปจนเกือบหมด ที่เหลือส่วนใหญ่จะเป็นคนของเจ้าภาพ เซเลโน่ลอบสังเกตหญิงสาวอยู่นานแล้ว ตั้งแต่ปรากฏตัวในงานจนกระทั่งตอนนี้ หล่อนเริ่มกระสับกระส่ายอยู่ไม่เป็นสุขนัก แน่นอนล่ะ คนรักทิ้งเธอไปแล้วนี่

                    รออยู่นานจนไม่รู้จะทำอะไรก็เริ่มง่วงนอน ฟริกกาปิดปากหาว กอดอกมองไปทางซ้ายทีขวาที ยังไม่เห็นวี่แววว่าพอลจะเดินกลับเข้ามา

                    “ดูคุณเบื่อๆนะ” เซเลโน่เข้ามาทักหญิงสาวเมื่อได้จังหวะ

                    “ฉันอยากกลับบ้านแล้วค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย พรุ่งนี้บ่ายฉันต้องบินกลับไทย แต่ไม่รู้ว่าพอลไปไหน”
                    “พอลหรือครับ” เซเลโน่ยิ้มที่มุมปาก ด้วยรอยยิ้มแปลกๆแบบนี้ทำให้ฟริกการู้สึกสังหรณ์ใจชอบกล “ผมรู้ครับว่าเขาไปไหน”

                    “คุณรู้หรือคะว่าเขาอยู่ไหน ช่วยบอกหน่อยได้ไหมคะ ฉันจะไปหาเขา บอกให้เขาพาฉันกลับก่อน ฉันอยากนอนแล้วค่ะ”

                    “ผมเห็นเขานั่งเรือเร็วออกไปแล้วครับ เมื่อชั่วโมงก่อน”

                    “ว่าไงนะ” ฟริกกาเผลอลุกขึ้นยืนไม่รู้ตัว “เขาไปไหนคะ กับใคร อย่าบอกนะคะว่ากลับไปแล้ว ทั้งที่ฉันยังอยู่ที่นี่”

                    “ผมไม่ทราบ” เซเลโน่ยักไหล่กวนๆ “เขาไม่ได้บอกคุณหรือครับว่าเขาไปไหน”

                    “ไม่ค่ะ  ฉันขอตัว” ฟริกกาใจร้อนเสียยิ่งกว่าอะไร รีบรุดออกไปข้างนอกเพื่อไปตามหาพอล เธอไม่เชื่อว่าเขาจะทิ้งเธอไว้ที่นี่แล้วกลับบ้านไปคนเดียว ต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาแน่นอน

                    หล่อนยกชายกระโปรงยาวเที่ยวเดินถามพนักงานและเจ้าหน้าที่ในงาน แต่ไม่มีใครเห็นเขา จนกระทั่งพนักงานรักษาความปลอดภัยคนหนึ่งบอกว่า เห็นผู้ชายที่มีลักษณะคล้ายพอล นั่งเรือเร็วออกไปได้เกือบสองชั่วโมง

                    ฟริกกาวิ่งมาถึงชายหาด ไม่เห็นใครอยู่ที่นั่นสักคน ทั้งเงียบมืดและเปลี่ยว

                    “บางทีเขาอาจจะแกล้งเราเล่นเหมือนทุกครั้งก็ได้นะ” เธอปลอบใจตัวเองทั้งที่ใจเสีย พยายามมองหาจนทั่ว อย่าว่าแต่คนรักของเธอเลย  มนุษย์สักคนแทบไม่เห็น

                    “พอลออกมานะ อย่าแกล้งกันแบบนี้สิ ฉันยอมแพ้แล้ว ออกมาเถอะ” เธอทดลองตะโกนเรียก เผื่อเขาจะแอบซ่อนตัวอยู่แถวนี้ เผื่อเขาสำนึกผิดได้ว่าไม่ควรหยอกเธอแรง แต่ทว่าทุกอย่างรอบกายเงียบกริบ


                    “ฉันกลัวแล้วนะพอล อย่าให้ฉันใจเสียไปมากกว่านี้เลย ได้โปรด” ฟริกกาตะโกนจนหมดแรง  ทรุดร่างบางลงนั่งกับผืนทราย สะอื้นเบาๆราวกับเด็กเล็กที่กำลังพลัดหลงกับผู้ปกครอง พอลไปแล้วจริงหรือแล้วเขาไปไหน ไปชั่วคราวหรือว่าทิ้งเธอตลอดไป ทำไมถึงต้องทำเช่นนี้

                    “อย่าตะโกนหาเลยครับ ไม่มีประโยชน์ พอลเขาไม่กลับมาอีกแล้วครับ”

                    ฟริกกาหันไปตามที่มาของเสียง  เห็นเงาของผู้ชายคนหนึ่งทอดยาวอยู่บนพื้น ร่างสูงของเขายืนอยู่ไม่ห่างจากเธอเท่าไร  เมื่อเดินเข้ามาใกล้เธอจึงรู้ว่าเป็นเซเลโน่

                    “คุณ” ฟริกกากลืนก้อนสะอื้นลงคอ ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา “คุณรู้ไงว่าเขาจะไม่กลับมาแล้ว”

                    “คำตอบง่ายๆ เขาทิ้งคุณไปแล้วไง”

                    “ทิ้งฉันไปนี่นะ ขอร้องอย่ามาล้อเล่นกับฉัน ฉันไม่มีอารมณ์จะเล่นด้วย บอกมานะว่าพอลไปไหนหรือว่า พวกคุณทำร้ายเขาใช่ไหม”

                    เซเลโน่หัวเราะลั่น ผู้หญิงหนอผู้หญิง เวลาหวาดกลัวมักจะลืมคิดไปให้ไกลกว่านี้ “ถามจริงเธอ นายพอลของคุณมีอะไรดีนักหนาผมถึงต้องทำร้ายเขาหรือเอาเข้าไปแอบซ่อน ไร้สาระน่าคุณผู้หญิง ถ้าเป็นคุณว่าไปอย่าง”

                    “หมายความว่าไง ฉันไม่เข้าใจ”

                    “หมายความอย่างที่คุณเข้าใจ พอลพาคุณมาที่เกาะแห่งนี้โดยไม่บอกว่ามางานเลี้ยงใคร พอมาถึงก็ทิ้งคุณไว้ หนีคุณออกจากเกาะคนเดียว ปล่อยคุณให้อยู่กับผมตามลำพังในเวลานี้ พูดแค่นี้พอจะจับต้นชนปลายถูกไหม”

                    “แปลว่าเขาจงใจจะทิ้งให้ฉันอยู่กับคุณ เป็นไปไม่ได้ เขาจะทำแบบนั้นทำไม ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ”

                    “คุณนี่ซื่อและเชื่อคนง่ายจริงๆนะ ฟริกกา เอาล่ะผมไม่พูดอ้อมค้อม พอลขายคุณให้ผมด้วยจำนวนเงินถึงสามสิบล้านดอลล่าห์ยูเอส”

                    “ว่าไงนะ ขายฉัน จะบ้าหรือไงคุณ โกหกอะไรให้แนบเนียนหน่อย คนทั้งคนจะซื้อขายกันได้ลงคอเชียวหรือ แล้วเขาจะทำแบบนั้นเพื่ออะไร”
                    “ผมก็ไม่อยากเชื่อ แต่เป็นไปแล้ว คุณไม่เคยสงสัยในตัวคนรักของคุณบ้างหรือไง ว่าระหว่างที่คุณไม่อยู่เขาทำอะไรบ้าง กับใคร”

                    “คุณพูดเหมือนว่าพอลทำเรื่องไม่ดีไว้ ฉันกับเขารู้จักกันมานานกว่าห้าปี มากกว่าที่คุณรู้จักเขาไม่รู้กี่เท่า ฉันเชื่อใจเขาว่าเขาจะไม่มีวันหักหลังฉันเด็ดขาด ฉันไม่รู้จุดประสงค์ของคุณที่พยายามเข้ามาตีสนิทกับพวกเรา ฉะนั้นอย่ามาใส่ร้ายกัน”ทั้งที่ใจคอไม่สู้ดี แต่ยังเชิดหน้าต่อปากต่อคำไม่ลดละ

                    “หึ หึคุณผู้หญิงครับ ผมอยากจะบอกให้คุณตาสว่าง หัดฉลาดเสียที ใช่คุณพูดถูก พอลเขาไม่มีใคร ชีวิตเขามีสองสิ่งเท่านั้นก็คือคุณกับการพนัน ได้ยินชัดแล้วใช่ไหมครับ”

                    “การพนัน หมายความว่าไง เป็นไปไม่ได้แน่นอน พอลมาจากครอบครัวที่ดี  ตั้งใจทำงานจนได้เป็นถึงผู้บริหาร เขาไม่มทางไปยุ่งกับอบายมุขแบบนั้นหรอก ฉันถามจริง คุณเกลียดอะไรเขานักหนาถึงได้ตั้งแง่กับเขา”

                    เซเลโน่ถอนใจหลายตลบ ผู้หญิงนี่ถ้ายึดมั่นอยู่กับใครหรือสิ่งใดแล้ว ต่อให้คนๆ นั้นเลวร้ายแค่ไหนก็มองไม่เห็น หรือไม่ยอมรับรู้อะไรทั้งนั้น เขาตัดสินใจเอามือออกจากการไขว้หลัง มือข้างหนึ่งถือแฟ้มเอกสารมาด้วย

                    “หลักฐานอยู่ในมือผม เขาเพิ่งเซ็นให้ผมหมาดๆ ดูซะ” เซเลโน่โยนแฟ้มมาตรงหน้าหญิงสาว ฟริกกาเหลือบสายตามองเขาอย่างไม่ไว้ใจ ก่อนจะหยิบมาเปิดมาอ่าน  

                    ทุกบรรทัดที่เรียงร้อยเป็นประโยคยาวเหยียดจนกระทั่งสุดกระดาษล้วนเป็นข้อตกลงที่มีขึ้นมาเพื่อเธอกับพอลและผู้ชายที่ยืนอยู่เหนือตนตอนนี้เท่านั้น เป็นสัญญาซื้อขายมนุษย์ที่ขาดความเป็นธรรมที่สุดและไม่มีที่ไหนในโลกจะทำกัน ฟริกกาแทบไม่อยากพลิกกระดาษหน้าต่อไปอ่านเลย แต่เธอจำเป็นต้องรู้ความจริงให้ได้

                    “ลายเซ็นพอลจริงๆด้วย ” น้ำเสียงหญิงสาวสั่นเครือ  ไม่อยากจะเชื่อว่าพอลทำแบบนั้นจริง ดวงใจปวดร้าวแทบทนไม่ไหว อะไรไม่เจ็บเท่าการถูกทรยศ

                    “คุณบังคับเขาใช่ไหม” หล่อนยังไม่เชื่อสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า

                    “ลายเซ็นที่มีน้ำหนักมองออกว่าไม่ใช่จับมือหรือบังคับเซ็น เขาติดหนี้พนันบอลและโดนขู่ฆ่า ตอนแรกเขาตัดสินใจจะขายคุณให้โอมาร์ เศรษฐีอาหรับ แต่เมื่อผมเสนอเงินที่มากกว่าสองเท่าให้ เขาจึงเปลี่ยนใจขายคุณให้ผม”

                    “แล้วคุณจะซื้อตัวฉันไว้ทำไม ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันไปกับโอมาร์” คำตัดพ้อประชดชีวิตพรั่งพรูออกมาพร้อมหยาดน้ำตาไหลพรากราวกับสั่งได้ ปากก็บอกไม่เชื่อ ไม่จริง แต่ในใจเธอรู้แน่แล้วว่าคือความจริง พอลหักหลังเธอเพียงเพื่อเงินสามสิบล้าน ชีวิตของเธอมีค่าแค่นั้นจริงหรือ

                    เซเลโน่รู้สึกเวทนาหญิงสาวจับใจ ถ้าเป็นเขาโดนคนรักกระทำแบบนี้ก็คงเจ็บปวดไม่แพ้กัน แต่ให้ทำอย่างไรได้ เธอต้องอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา ในฐานะสักอย่างที่พ่อเขาจะมอบให้เธอ

                    คลื่นทะเลยังทำหน้าที่ตามธรรมชาติต่อไป ไม่ได้สนใจสองชีวิตบนชายหาด เซเลโน่เฝ้ามองหญิงอย่างเงียบเชียบ ไม่รู้จะปลอบใจอย่างไรดี

                    “ขอฉันอยู่คนเดียวสักพักได้ไหม” เธอร้องขอชายหนุ่ม หลังจากต่างคนเงียบเป็นใบ้กันมาหลายนาที

                     “ก็แล้วแต่คุณนะ อย่านานนัก ข้างนอกลงเย็นเดี๋ยวจะไม่สบาย ถ้างั้นเดี๋ยวผมขอตัวก่อน จะไปสั่งคนให้จัดที่นอนให้คุณ คงกลับเรือเร็วไม่ได้แล้ว เท่าที่ผมรู้มาคืนนี้มีมรสุม ไม่ค่อยเหมาะเดินเรือดึกๆ”

                    เซเลโน่ ยังไม่วายเหลียวกลับไปมองหญิงสาวหลายรอบขณะกำลังเดินกลับเข้าไปในบ้าน รู้สึกเป็นห่วงอย่างไรไม่รู้

                    
    ฟริกกาหมดอาลัยในชีวิต ตัวเบาโหวงคล้ายวิญญาณจะออกจากร่างไปแล้ว ถ้าเป็นแช่นนั้นจริงยังจะดีเสียกว่า เธอทำอะไรผิดถึงต้องเจอกับโทษทัณฑ์สาหัสเกินจะทนรับได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอมองคนผิดมาตลอด ไม่รู้เลยหรือว่าตัวตนที่แท้จริงของพอลเป็นผู้ชายประเภทไหน กว่าจะรู้ก็สายเกินไป 

                    น่าสมน้ำหน้าตัวเองเสียจริง โง่เป็นเหยื่อให้เขาหลอก  !

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×