คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : นาดิเวีย
เอลันดากำลังฝัน เป็นฝันที่มีความทรงจำวัยเด็กรวมอยู่ เขาเห็นตัวเขาเองกำลังอยู่ในอ้อมกอดของแม่ เด็กชายตัวเล็กๆวัยสามขวบกำลังยิ้มหัวเราะอย่างร่าเริงกับแม่ของเขา แม่ก็กำลังยิ้มและจ้องดูเขาด้วยความรักใคร่ เงาทะมึนหนึ่งคืบคลานปกคลุมสองแม่ลูก แล้วแม่ของเขาก็ฟุบลงกับพื้น แม่เพียงแต่หลับไปเท่านั้น นั่นคือความคิดของเด็กชายในฝัน เขาเขย่าตัวแม่ ปากก็ร้องเรียกพร้อมทั้งร้องไห้โฮออกมา เสียงเคาะประตูดังลั่น เอลันดาสะดุ้งตื่นทั้งน้ำตา ใจคอยังหวิวๆ สั่น ไม่หาย เขาปาดน้ำตาก่อนลุกจากเตียงไปเปิดประตู
"เอลันดา นี่ยังไม่ตื่นอีกเหลอ ฉันเรียกเธอตั้งนาน ตายละ ฉันให้เวลาเธอ 30 นาทีจัดการตัวเองให้เสร็จแล้วลงไปรับประทานอาหารเช้ากัน เร็วด้วย เราควรจะได้ออกเช้ากว่านี่นะ " เซลิลีนสั่งเขา
"ไปไหน เราจะไปไหนกัน"
"ลืมแล้วหรือ เมื่อวาน อารอนบอกว่าจะพาเราไปเที่ยวรอบเมืองไง เธอเป็นไรไป ไม่สบายหรือเปล่า"
"ปะ เปล่า เธอไปได้แล้วละ ฉันจะได้ไปอาบน้ำแต่งตัวเสียที"
เอลันดาสวมเสื้อยืดคอโปโล กางกางผ้าสักหลาดสีดำ รองเท้าหนังหุ้มส้น ทั้งหมดเป็นเสื้อผ้าที่ทางนาดิเวียเตรียมไว้สำหรับเขา ดูเรียบร้อยเป็นผู้ใหญ่แต่ไม่เข้ากับตัวเขาเลย เขาลงมาห้องอาหารชั้นล่าง เซลิลีนกำลังคุยออกรสกับเสนาบดีคริสตัล โดยที่อารอนนั่งฟังอยู่เงียบๆ และเมื่อเขาไปถึง ทั้งหมดก็หันความสนใจมาที่ตัวเขา
"ขอโทษครับ ผมนอนเพลินไปหน่อยครับ"
"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ที่นี่อาจแปลกที่สำหรับเธอ นั่งสิ จะรับอะไรดี เบคอน ไข่ดาว แฮม ขนมปัง หรือข้าวต้มโอ๊คดีละ" เสนาคริสตัลถาม
"ผมขอข้าวต้มแล้วกันครับ"
เสนาคริสตัลดีดนิ้วสองที บริกรหนุ่มเข็นรถใส่ถาดอาหารเข้ามา เขาตักข้าวโอ๊คใส่ชามที่วางตรงหน้าเอลันดาจนเกือบพูน
"เรากำลังคุยเกี่ยวกับประเทศนาดิเวียกัน ฉันตื่นเต้นขนาดไหนที่ได้รู้ ฉันไม่เคยนึกมาก่อนมาก่อนเลยว่าจะเจอประเทศในฝันของฉัน มีแต่พ่อมดแม่มดทั้งประเทศ มันเป็นชุมชนของผู้วิเศษขนาดใหญ่ทีเดียว แต่ก่อนฉันคิดว่ามีแต่หมู่บ้านฮอกมี๊ดที่เดียวเสียอีกที่มีแต่พ่อมดแม่มดทั้งหมู่บ้าน" เซลิลีนเริ่มต้นโม้เรื่องที่ได้ยินมา
"ฉันเพิ่งรู้เนี่ยว่าพวกเราอยู่ใกล้รัสเซียแค่ไหน นาดิเวียมีพรมแดนติดระหว่างรัสเซียกับยูเครน เรามาตั้งไกลหลายพันไมล์เชียว ว่าแต่ เอ๊ะ พวกมักเกิ้ลละคะ มีมาตรการป้องกันเรื่องนี้ไว้หรือเปล่าคะ ถ้าพวกมักเกิ้ลหลงมาจะเป็นไงนะ ลองคิดดูสิ เอลันดา เอลันดา"
"เอ่อ นั่นสินะ"เอลันดารู้สึกตัวเมื่อถูกเรียก เขานั่งใจลอยอยู่นานสองนาน ข้าวโอ๊คไม่ได้พร่องลงไปเลย
"เธอเป็นไรไป มีอะไรหรือเปล่า" เซลิลีนถามอย่างห่วงๆ
"ไม่เป็นไร ฉันสบายดี เล่าต่อสิ แล้วถ้าบังเอิญมีคนเดินทางผ่านเข้ามาละครับ เขาจะเป็นไง "
"เรื่องนี้ ทางนาดิเวียของเรา มีป้อมปราการประจำอยู่โดยรอบ มีผู้ตรวจการควบคุมอยู่ และมีเวทมนตร์กำกับทุกเส้นเขตแดน
ถ้ามีมักเกิ้ลเข้ามาใกล้ พวกเขาจะถูกทำให้ออกไปนอกเส้นทางไปเอง อาจจำเป็นต้องใช้คาถาสะกดใจ บางทีถ้าเกิดมีการผิดพลาดมีมักเกิ้ลหลุดเข้ามาได้คนใดคนหนึ่ง เราจะลบความจำเขาก่อนปล่อยกลับ" เสนาคริสตันอธิบายยาวเหยียด เอลันดาพยักหน้าเห็นด้วย แต่ในใจเขากลับไปคิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ยังค้างคาอยู่ในใจ
เมื่อรับประทานอาหารเช้าจนเสร็จสิ้น เสนาคริสตัลพาเด็กทั้งสามเดินผ่านทางเดินไปที่ประตูบานใหญ่ที่นำสู่ทางออกของปราสาท สโตนคอยพวกเขาอยู่พร้อมรถม้าคันหนึ่ง
"วันนี้สโตนจะพาพวกเธอไปทัศนาจรโดยรอบนะ ถึงแม้เจ้าชายจะสามารถเป็นไกด์พาเธอไปเที่ยวได้ แต่การมีผู้ใหญ่สักคนคงดีไม่น้อย ฉันขอตัวละเพราะมีงานที่ต้องทำ ขอให้เที่ยวให้สนุกนะ"
เอลันดาปีนเข้าไปนั่งรถม้าตาม อารอนและเซลิลีน สโตนขึ้นมาคนหลังสุด รถม้าถูกกระชากออกไป เอลันดารู้สึกว่าม้าที่ลากรถมันไม่เหมือนม้าเลยสักนิด ตัวมันสีดำ ผอมๆ มันเหมือนกับเอาม้าหมุนตามสวนสนุกมาหุ้มผ้าสักหลาดสีดำ ต่างกันที่มันมีปีกด้วย ม้าตัวนี้คงเป็นพันธุ์ที่มีแต่ในนาดิเวียเท่านั้น เขาคิด รถม้าพาพวกเขาไกลออกไปทิ้งตัวปราสาทพอร์โลเทียให้ดูเล็กลงราวกับใครจับเอาพระราชวังแวร์ซายมาวางอยู่กลางหุบเขาที่ล้อมรอบไปด้วยทะเลสาบ
ไม่นานหลังจากผ่านถนนที่มีต้นไม้สูงขนาบอยู่สองข้างทาง พวกเขาก็เห็นกลุ่มอาคารสีขาวอยู่ติดกัน มีผู้คนสัญจรไปมาด้วยรถม้าเช่นเดียวกัน รถม้านำพวกเขาทั้งหมดไปหยุดกลางชุมชนที่มี มีร้านรวงมากมายขายของแปลกๆที่เอลันดาไม่เคยเห็นมาก่อน เต็นท์ถูกกางอยู่ทุกพื้นที่ว่าง และมีของวางขายทั้งเครื่องประดับ โคมไฟ หม้อใหญ่หลายหลายขนาด มีร้านหนึ่งที่มีกรงวางซ้อนกัน ในกรงมีสัตว์ที่ไม่น่ามาขายได้อย่างพวกนกฮูก หนู หรือ คางคก
"อย่างกับได้มาตรอกไดแอกอนนะ แต่ที่นี่กว้างกว่ามากเลย" เซลิลีนอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น
"แน่นอนอยู่แล้ว มาสิ ฉันจะพาไปดูร้านขายไม้กายสิทธิ์ที่ขึ้นชื่อ ร้านนี้ส่งออกไม้กายสิทธิ์ไปทั่วโลกเลย ฉันว่าจะหาอันใหม่อยู่ทีเดียว" อารอนชวนเพื่อนทั้งสอง
เด็กทั้งสามเพลินเพลินกับการเที่ยวชมเมืองโดยรอบ เซลิลีนเหมาซื้อตำราคาถาที่หายาก ไม้พันธ์แปลกกลับไปฝากคุณปู่
อาเธอร์ และเครื่องครัวทำอาหารได้เองเพียงแค่บอกรายการอาหารไปฝากแม่เฮอร์ไมโอนี่ อารอนได้ไม้กายสิทธิ์อันใหม่เอี่ยม
"นายจะเอาไม้กายสิทธิ์บ้างไหม ฉันจะซื้อให้" อารอนถามเอลันดา เพราะเห็นว่าเขาได้แต่เดินตามมาอย่างเงียบโดยไม่มีอะไรติดไม้ติดมือ
"ไม่อะ ฉันคิดว่า ฉันยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้อะ"
"ไม่เป็นไร วันหนึ่งนายต้องได้ใช้มัน ฉันซื้อแบบของฉันให้นายแล้วกัน"
เอลันดาไม่ได้คัดค้านอะไร ปล่อยให้อารอนซื้อไม้กายสิทธิ์เพิ่มอีกอัน เขาไม่รู้จะซื้ออะไรดี เลยมีแต่ขนมหวานอย่างเดียว
ทั้งเยลลีเม็ดทุกรส กบการ์ดชอคโกแล็ตกล่องใหญ่ ขนมพายกรอบรสต่าง เค้กรูปร่างจำลอง
สโตนพาเด็กทั้งสามนั่งรถม้าต่อหลังจากหอบซื้อของเต็มคัน รถม้าพาพวกเขาชมทิวทัศน์รอบประเทศ มันวิ่งได้เร็วทันใจ สักประเดี๋ยว เซลิลีนและเอลันดาถึงกับปิดปากร้องออกมา รถม้าพาเขาลอยขึ้นสูงจากพื้นดิน ทั้งหมดกำลังบินอยู่กลางอากาศ มองเห็นเทือกเขาสีเขียวม่วงสลับไปมาสวยสดงดงาม สายลมพัดปะทะเข้ามาทำให้เอลันดาเกือบเคลิ้มหลับไป แล้วเขาก็สะดุ้งเมื่อมันพาวิ่งดิ่งลงที่พื้นดิน
"พวกเรามาไกลถึงไหนกัน" เอลันดาถาม
"ที่นี่คือ ทะเลสาบอะควอเทรสที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำซาร์กับทะเลสาบเล็กๆในเขตหุบเขา มันเกือบสุดเขตชายแดนนาดิเวียครับ" สโตนช่วยตอบแทน
พวกเขาลงจากรถม้า ไม่มีบ้านเรือนผู้คนอยู่เลย มีแต่ต้นไม้สูงหนาแต่ไม่ถึงกับทึบมากนัก เมื่อเดินผ่านแมกไม้จะเห็นแผ่นน้ำกว้างสีเขียวฟ้าสะท้อนแดดวิบวับ เอลันดาสูดเอาความสดชื่นที่ลมพัดพามาจากทะเลสาบ มันกว้างสุดลูกหูลูกตา เขารู้สึกเย็นสบาย เพื่อนสองคนไปไหน เขามองหา
เซลิลีนเดินไปริมฝั่งทะเลสาบ เรือนผมหยิกบางของเธอปลิวไสวตามกระแสลม เธอกอดอก มองข้ามเส้นขอบฟ้าที่อยู่สุดปลายอีกด้านหนึ่งของทะเลสาป อารอนเดินเข้ามาหาใกล้เธอ เซลิลีนหันไปมอง ดูเหมือนเขาซ่อนอะไรบางอย่างไว้ข้างหลัง และเมื่อเขานำมันออกมายื่นให้ทำให้เซลิลีนถึงกับอึ้ง อารอนมอบกุหลาบแดงช่อใหญ่ให้เธอ
"ฉันขอโทษนะที่ต้องโกหกเธอ แถมพูดจาไม่ดีกับเธออีก และนี่คงทำให้เธอหายโกรธ เรามาดีกันนะ"
เซลิลีนกำลังงงงันอยู่ชั่วครู่ แล้วเธอก็ยิ้มกว้างออกมา ก่อนเอื้อมมือไปรับช่อดอกไม้
"ได้ ถ้าเธอสัญญาว่าจะเลิกหลอกพวกเราและเลิกเจ้าอารมณ์ด้วย"
เอลันดามองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขาโล่งใจที่เห็นเพื่อนรักเข้าใจกันได้ แต่ใจเขามันเจ็บแปลบอย่างบอกไม่ถูก เพราะอะไรเขาถึงรู้สึกเช่นนั้น
"อิจฉาเขาละสิ " เสียงหนึ่งแว่วเข้ามา เขาหูแว่วไป หรือมันคือความคิดที่ดังออกมาจากสมองเขา
"เปล่านะ ฉันไม่ได้
ทำไมฉันจะต้องอิจฉาเขาด้วย พวกเขาเป็นเพื่อนฉันนะ " เขาตอบเสียงนั่น
"แม่หนูนั่นน่ารักออก เธอก็ชอบเขาเหมือนกันใช่ไหม" เสียงนั้นถามกลับมาอีก
ความคิดเห็น