ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อารอน-เอลันดา (ฟิคชั่น แฮรี่ พอตเตอร์ภาคอนาคต)

    ลำดับตอนที่ #1 : เจ้าชายอารอน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 537
      0
      25 ธ.ค. 49


             หมู่บ้าน อัตเทอรี่  เซนต์ แคทซ์โพล เป็นหมู่บ้านขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่  ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้กับเขตภูเขา   ที่นี่จัดได้ว่าเป็นสถานที่ที่น่าอยู่ทีเดียว   เพราะมีอากาศที่บริสุทธิ์  ทุ่งหญ้าเขียวขจี และร่มรื่น  ผู้คนในหมู่บ้านนี้  อยู่กันอย่างหนาแน่นและมีความสุขตามอัตภาพ    บางครอบครัวก็มีฟาร์มวัวและพืชไร่เป็นของตนเอง บางคนก็ต้องเดินทางจากหมู่บ้านเช้าตรู่  เพื่อไปทำงานในตัวเมืองใหญ่  ดังนั้นในทุกๆเช้า จะมีผู้คนจำนวนมากเดินขวักไขว่และรถราวิ่งไปมาตามท้องถนนของหมู่บ้าน   แต่ในยามที่อาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว    หมู่บ้านนี้เหมือนจะหลับใหลไปพร้อมกับผู้คน มีเพียงแสงไฟจากเสาไฟฟ้าข้างทางไม่กี่ต้น   และแสงสลัวๆจากหน้าต่างของแต่ละบ้านที่จะทำให้พอมองเห็นอะไรระยะใกล้ๆได้ 

    ดึกสงัดคืนหนึ่ง  ที่ในซอยเล็กๆ ซอยหนึ่งระหว่างอาคารที่ทำการไปรษณีย์ของหมู่บ้าน กับบ้านไม้สีเทาอมขาวหลังหนึ่ง   เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นในความเงียบ

     

                                                    ปัง 

     

    คนในบ้านหลังหรือสองหลังติดๆกัน แหวกม่านขึ้นมามองหาต้นตอของเสียงนั้น แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเพียงรถยนต์คันเก่าที่จอดอยู่นิ่งเฉยเท่านั้น แล้วพวกเขาก็ผลุบหายเข้าไปหลังม่าน   พวกนั้น อาจจะคิดว่าเป็นเสียงยางรถยนต์ระเบิดธรรมดาจากที่ใดสักแห่งหรือจากไอ้รถคันที่จอดอยู่นั้นก็เป็นได้ แต่แท้จริงแล้ว..

     

     

                    คนสองคนโผล่ขึ้นมา ในความมืด  หลังจากที่ชายร่างเตี้ยม่อต้อคนแรก หกคะมำไปข้างหน้า เข่ากระแทกไปกับพื้นดิน  และ อีกคนหนึ่งที่ดูสูงกว่าเล็กน้อย  และผอมกว่า นอนหงายหลังไป  เขาทั้งคู่กำลังยืนอยู่บนผ้าอะไรสักอย่างหนึ่งที่เหมือนพรมเช็ดเท้า   

     

     

                    เจ้าชาย สบายดีไหม  เสียงชายร่างเตี้ยกระซิบถามอีกคนอย่างแหบพร่าและแผ่วเบาที่สุด

                    ไม่เป็นไร  เราคงหาวิธีเดินทางที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว   อย่างน้อยหัวของฉันก็ไม่ต้องหมุนติ้วอยู่ในกองขี้เถ้าเหมือนครั้งก่อนที่แอบหนีไปดู ควิดดิชเวิลด์คัพ

     

    เอ่อ เจ้าชาย    ชายหลังเตี้ย พูดตะกุกตะกัก มือสองข้างประสานกันและบิดไปมา ชำเลืองมองอย่างหวาดหวั่นไป  ที่อีกคนหนึ่งที่ตอนนี้ สามารถเห็นได้ชัดว่าเขา เป็นเพียงเด็กชายร่างสูงเปรียว   ที่มีหน้าตาที่อายุไม่น่าเกินไปกว่าสิบสามปี

     

     

     

    พวกเราหนีออกมาแบบนี้  กษัตริย์อาจจะกริ้วมากกว่าครั้งที่แล้วนะ   เลนนอลว่าถ้ายังไงเราควรจะกล…….


    ไม่ เด็กชายตะโกนเสียงดังก่อนที่ชายร่างเตี้ยจะพูดจบ

     

    เราไม่กลับเด็ดขาด จนกว่าพวกเราจะตามหาพวกเขาให้พบ  เลนนอล นั่นแม่และพี่ชายของเรานะ  ถ้าท่านอยากกลับก็กลับไปเราไม่ว่า  อะไรทั้งสิ้น เด็กชายปฎิเสธต่อข้อเสนอของชายกลางคนร่างเตี้ยตรงหน้าเขา  คราวนี้เสียงพูดเบาลงไปกว่าเดิม  แต่ยังคงยืนยันหนักแน่น

     

    เอ่อ แล้วเราควรจะเริ่มตรงไหนดี …….พะยะค่ะ

     

    เสด็จพ่อบอกว่า เสด็จแม่พา พี่ชายเราหนีมาอยู่หมู่บ้านนี้  ใช่ ที่นี่ก็ไม่กว้างเกินไปไม่ใช่หรือ ก่อนอื่น เลนนอล เราต้องทำการตกลงกันก่อน เด็กชายมองหน้าพี่เลี้ยงของเขา  เหมือนจะออกคำสั่งทางสายตาอีกทีหนึ่ง

     

    ก่อนอื่น ท่านเลิกเรียกเราว่าเจ้าชายสักที  ให้เรียกชื่อเรา  อารอนก็พอ   และอีกอย่าง พวกเราต้องเปลี่ยนพฤติกรรมกันเสียใหม่  ที่นี่ไม่มีเจ้าชายอารอน มีแต่อารอนเด็กชายที่เป็นเหมือนเด็กทั่วไปธรรมดา  เราไม่อยากเป็นที่สังเกตของคนอื่นๆ ตกลงไหม

     

     

    พะยะคะเ อ่อ   ขอรับ  เลนนอลรีบเปลี่ยนคำพูดทันทีที่เห็นสายตาตำหนิของเจ้านายตัวเอง

     

    เอาละพวกเราควรออกจากซอยนี้ก่อนดีกว่า อย่างอื่นค่อยว่ากัน เด็กชายพูดพลางดึง พรมเช็ดเท้าที่เลนนอลยืนเหยียบไว้  เขาเกือบทำให้เลนนอลล้มหน้าคว่ำอีกหนหนึ่ง เลนนอลรีบก้าวออกไปเกือบไม่ทัน  อารอนพยายามที่จะม้วนพรมเช็ดเท้าเก่าๆ และยัดเข้าไปในเป้สะพายที่หยิบขึ้นมาจากพื้นหลังจากมันกลิ้งไปเมื่อตอนที่พวกเขามาถึง แต่ยังไง มันก็ยังโผล่ปลายออกมาหน่อย

     

    เด็กชายกับชายกลางคน เดินจ้ำออกจากซอยที่เล็กๆและมืด เลี้ยวขวาออกไปจากหัวมุมถนน  ไม่มีเสียงหรือสัญญาณใดๆว่าจะมีบ้านไหนเปิดประตูออกมาต้อนรับพวกเขา ซึ่งแปลว่าพวกเขาเป็นแขกไม่ได้รับเชิญของที่นี่ ถึงแม้จะมีแต่บ้านที่ปิดไฟนอนกันหมด แต่หลังจากเดินไปได้เกือบสุดถนน ร้านอาหารและโรงแรมเก่าๆที่ตรงข้ามกัน ยังคงเปิดอยู่ เลนนอลจัดแจงขนสัมภาระของเขาและอารอนไปที่เคาเตอร์ ที่มีพนักงานสองคนยืนอยู่ข้างหลัง    เขากำอะไรอย่างหนึ่งไว้ภายในเสื้อโค๊ดหนังสีดำ  เมื่ออารอนมองไปรอบๆด้านล่างของโรงแรมและหันกลับไปมองที่เคาเตอร์ เขาเห็นทันว่า เลนนอลสะบัดอะไรบางอย่างและทำให้พนักงานโรงแรมสองคนทำท่าเหมือนคนอยู่ในภวังค์   เขาเดินกลับมาพร้อมกับกุญแจห้องในมือที่มีป้ายหมายเลขห้องบอกไว้

     

                    อารอนเดินตามพี่เลี้ยงของเขาไป ขึ้นบันไดไปถึงชั้นที่สอง แล้วเดินไปตามทางเดินจนถึงห้องที่ติดหมายเลข 49 เมื่อเปิดประตูเข้าไป   อารอนพบว่าเป็นห้องพักที่แคบเท่ากับห้องเก็บไม้กวาดของบ้านเขาเลย มีเพียงเตียงหนึ่งเตียง โต๊ะตัวเล็กๆอยู่ข้างๆกันตัวหนึ่งพร้อมขวดน้ำดื่มและแก้วสองใบคว่ำอยู่ 

     

    เอ่อ อาจจะแคบไปนิดหนึ่ง  แต่ก็พอนอนคืนนี้ไปก่อน พรุ่งนี้ กระหม่อมจะพาไปหาเพื่อนเก่าแก่ของกระหม่อมคนหนึ่ง  หลังจากคืนนี้ไป  เราจะไปพักที่นั่นกัน พวกเราไม่ควรใช้เวทมนต์กันบ่อยนัก

     

     เลนนอลไม่ว่าจะมีใครอยู่รอบตัวพวกเรา หรือไม่ก็ตาม  เราก็ควรใช้คำพูดธรรมดาเหมือนที่เคยตกลงกันไว้สิ  อารอนพูดอย่างรำคาญใจ

     

    พะยะค่ะ เอ่อ ครับ  เลนนอลลืมตัวทุกที

     

     

                    คืนนี้เป็นคืนแรกที่อารอนต้องนอนในสถานที่ที่ไม่ใช่บ้านของตัวเอง ถ้าไม่นับที่อยู่ที่สถาบันเดิรม์แสตงหรือเวลาเขาไปพักตากอากาศกับครอบครัว   ก่อนหน้านี้ เขาอยู่ที่บ้านของตัวเองบ้านที่ใครๆมองว่ามันไม่ใช่เพียงเป็นบ้านธรรมดา แต่มันเป็นปราสาทพระราชวังที่ใหญ่โตมโหฬารตระการตา แต่สำหรับอารอน ชีวิตที่เติบโตมากับที่นั่น เที่ยวเดินเล่นไปทั่วพระราชวัง บางครั้งก็แอบแกล้งเหล่านางข้าหลวงให้ขวัญกระเจิงด้วยการหลอกเป็นผีโพสไกด์  ทำให้พระราชวังที่ใหญ่โตดูแคบลงไปทันที

     

     

     

    อารอนถือกำเนิดมาพร้อมกับคำว่า มงกุฎราชกุมาร นำหน้าตั้งแต่เกิด   เจ้าชายที่เป็นโอรสองค์เดียวของพระราชาธิบดีเอ็ดมันส์ บลาวส์ที่ 2 กับ พระราชินีภารดีปาราวตีที่ 12  แห่ง ราชอาณาจักรนาดิเวียง  อาณาจักรที่ไม่ปรากฏบนแผนที่ของมักเกิ้ลเลย    หากแต่เหล่าผู้วิเศษทุกคนรู้ดีว่าอยู่แห่งใด และใคร่ปรารถนาจะเดินทางไปดินแดนที่สวยงาม แวดล้อมไปด้วยเทือกเขาสลับซับซ้อน กับสายลำธารที่ไหลออกมาจากเทือกเขาที่ไม่มีวันเหือดแห้งหายไป  เป็นประเทศที่มีประชากรเป็นพ่อมดแม่มดทั้งสิ้น   กระทรวงเวทมนตร์ยกให้ราชอาณาจักรแห่งนี้เป็นดินแดนที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของกระทรวง เนื่องจากเกรงในอำนาจบารมีและคุณธรรมที่ยิ่งยวดของเจ้าผู้ครองนคร

     อารอนไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้   ส่วนเลนนอลหลับสนิทเสียงกรนดัง อยู่ข้างเตียง    เขาพลิกตัวไปมาอยู่สองสามที   สายตาจับจ้องมองผ่านหน้าต่างไปยังด้านนอก อารอนถอนหายใจยาวๆ นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้สองวัน นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เขาต้องแอบหนีออกมา เดินทางมาไกลมากจากนาดิเวีย

     

    วันนั้น อารอนกำลังจะเอาม้วนกระดาษแจ้งผลการสอบที่นกฮูกจากสถาบันเดิร์มแสตง เพิ่งส่งมาให้ไปอวดเสด็จพ่อของเขา   แน่นอนเขาได้คะแนนไม่เลวทีเดียว แม้ว่าวิชาการปกครองและกฎหมายจะได้คะแนนน้อยมาก แต่วิชาคาถา และการเรียนรู้เกี่ยวกับศาสตร์มืดและการป้องกันได้เป็นที่หนึ่งของชั้นปียังพอชดเชยกันได้  เมื่อไปถึงไปประตูหน้าห้องหนังสือที่กษัตริย์มักจะอยู่เป็นประจำ และ กำลังจะเคาะประตูก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนสองคนในห้องกำลังสนทนากัน

     

    เสด็จพ่อมีแขกนี่   งั้นวันหลังก็ได้ อารอนคิดอยู่ในใจ และกำลังจะหันหลังกลับ แต่ก็ต้องหยุดเดินแล้วเหลียวหลังมาอีกครั้ง  เมื่อได้ยินคำบางคำเล็ดลอดออกมา 

     

    องค์ราชินี  ทรงพระทัยเด็ดเดี่ยวมาก   เสียงคู่สนทนาอีกคนหนึ่งดังขึ้นมาค่อนข้างชัดเจน  

    อารอนจำได้แม่นว่าเป็นท่านเสนาบดี

     

       อารอนค่อยๆย่องเท้าให้เบาที่สุด พวกเขากำลังพูดถึงเสด็จแม่ที่สิ้นพระชนม์จากเขาไปหลังจากอารอนเกิดได้ไม่นาน   เสด็จพ่อแทบไม่เคยเอ่ยถึงเสด็จแม่ให้ได้ยินบ่อยนัก    อารอนเอาหูแนบกับประตู  อะไรที่เกี่ยวกับเสด็จแม่ เขาอยากได้ยินมากกว่านี้

     

     ใช่ๆ นางเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จำได้ไหมก่อนที่จะแต่งงานกัน   แม่เราไม่อยากได้ผู้หญิงธรรมดาไม่มียศศักดิ์มาเป็นสะใภ้   ตั้งท่ารังเกียจนางทุกอย่าง   แต่ท้ายที่สุด นางสามารถเอาชนะใจแม่เราได้

    อารอนยิ้มน้อยๆ รู้สึกแช่มชื่นใจ เมื่อได้ยินเสด็จพ่อเอ่ยถึงเสด็จแม่ของเขา ว่าเป็นผู้หญิงที่น่ารักมากที่สุดในโลกคนหนึ่ง 

     

    แต่นางก็จากไปนานแล้วพะยะค่ะ

     

    ใช่นางก็จากไปๆไกลแสนไกล ไปพร้อมกลับ  ลูกชายเราอีกคน  พี่ชายของอารอน  เราไม่โทษนางสักนิด ทุกอย่างเป็นความผิดของเราคนเดียว

     

    อย่าโทษองค์เองเลยพะยะคะ ทุกอย่างเป็นชะตาฟ้ากำหนด  ทรงพยายามที่สุดแล้ว

     

             เฮ้อ  เราพยายามแล้วแต่ไม่เป็นผล เมื่อหลายปีก่อน เราเดินทางไปที่หมู่บ้าน อัตเทอรี่  เซนต์ แคทซ์โพล  ไปขอร้องให้นางกลับมาด้วยตัวเราเอง  แต่นางยังยืนยันคำเดิม  ขอยอมรับชะตากรรมนี้แต่เพียงผู้เดียว  ฉันเจ็บปวดใจเหลือเกิน

     

    อารอนตัวแข็งนิ่งงัน   เขาได้ยินเรื่องราวเกือบทุกอย่างกระจ่างชัด  แทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยินเลยสักนิด หากแต่เรื่องราวทั้งหมดมันมาจากพ่อของเขาเอง   อารอนเดินถอยหลังไปก้าวสองก้าวอย่างไม่รู้ตัว แขนของเขาไปชนกับกระถางต้นไม้ประดับหล่นลงมาแตก   

     

    เพล้ง   อารอนกลับรู้สึกตัวอีกครั้ง แล้วรีบหลบไปยังห้องข้างที่ประตูแง้มอยู่ทันทีทันใด

     

    นั่นใคร   กษัตริย์กับเสนาบดี เปิดประตูผลัวะออกมาอย่างเร็ว   แต่อารอนหลบได้ไวกว่า   

     

    เจ้าเห็นใครไหม  ท่านเสนบดีที่ถามเด็กใช้คนหนึ่งที่กำลังเพิ่งเดินขึ้นมา

     

    ไม่เจ้าคะ อิฉันไม่เห็นไร

     

    อารอนรีบเดินลงจากชั้นบนของปราสาทกลับมายังห้องนอนตัวเอง ความรู้สึกตอนนี้ในใจมันช่างโหวงเหวงเหลือเกิน เขาเอามือกุมหน้า นั่งทรุดลงไปข้างเตียง   ทำไมเสด็จพ่อบอกว่าเสด็จแม่ตายไปแล้วทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ ทำไมต้องปกปิดมาตั้งแต่เล็กจนโต อารอนอยากระบายให้ใครสักคนหนึ่งฟัง

     

    เจ้าชาย ทรงเป็นอะไรไป ไม่สบายหรือพะยะคะ  เลนนอลเดินเข้ามาในห้อง และนั่งลงข้างๆ เขา  สีหน้าดูวิตกกังวลที่เห็นใบหน้าซีดเผือดของเจ้าชายอารอน

     

    เลนนอล      อารอนเงยหน้ามองสบตากับพระพี่เลี้ยงของเขา น้ำเสียงฟังจนเกือบเหมือนจะร้องไห้ออกมา  

     

    ทรงเป็นไรไป เล่ามาซิพะยะคะ มีเรื่องอะไรถึงทรงดูแย่ขนาดนี้ เลนนอลรู้สึกตกใจกลัว เขารู้ว่าเจ้าชายต้องมีเรื่องไม่สบายใจร้ายแรงเป็นแน่ เจ้าชายอารอนมีแต่เสียงหัวเราะยิ้มแย้มเสมอ  แม้จะถูกดุ และเข้มงวดแค่ไหนก็ไม่เคยมีสีหน้าเหมือนอยากจะหายไปจากโลกนี้

     

    อารอนเริ่มต้นเล่าทุกอย่างที่ได้ยินมาด้วยเสียงสั่นเครือให้เลนนอล  พี่เลี้ยง ฟัง  เลนนอลนั่งฟังนิ่งเงียบ บางทีก็เอามือปิดปากไว้เป็นครั้งคราว เมื่อเล่าจบ ทุกอย่างในห้องดูเงียบงันไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา จนผ่านไปได้ชั่วสิบนาที เลนนอลจึงพูดขึ้นมาเบาๆ

     

    เจ้าชาย บางที กษัตริย์อาจมีเหตุผลส่วนพระองค์ที่ทรงปกปิดไม่ให้เจ้าชายรู้พะยะคะ  อย่าทรงกริ้วเสด็จพ่อเลย 

     

    โกรธ ใช่เราโกรธเสด็จพ่อมากเลยตอนนี้  อย่ามาแก้ต่างให้เสด็จพ่อของเราเลย  เลนนอล  รู้ไหมการที่เรารู้ว่าแม่เราอยู่ เราดีใจแค่ไหน ตั้งแต่เล็กจนโต เราได้แต่มองเด็กคนอื่นเขากอดแม่ เราอิจฉามาก เรามีทุกอย่างที่เด็กคนอื่นอยากได้อยากมี แต่เราไม่มีแม่ให้กอดเหมือนคนอื่น

     

    อารอนพูดอย่างรวดเร็ว  หายใจแทบจะไม่ทัน เลนนอล หน้าหดลงไป ไม่กล้าปริปากอะไรออกมา

     

    เราอยากอยู่คนเดียวสักพัก ไม่ต้องตามเรามา อารอนลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากห้องไปเขาเดินไปบนปราสาทอีกครั้งที่ห้องหนังสือ  ผลักบานประตูเบาๆ ไม่มีใครอยู่ในห้องนี้แล้ว    ห้องหนังสือมีหนังสือมากมายจากทุกประเทศทุกภาษา  อารอนชอบเข้ามาหลบซ่อนตัวจากเหล่าพี่เลี้ยงและนางข้าหลวงในนี้ประจำ   บางครั้งก็แอบมาอ่านหนังสือเวทมนต์คาถาคนเดียว เขาสามารถจำคาถายากและร้ายกาจได้หลายคาถา เหตุผลหนึ่งที่ทำให้อารอนชอบมาอยู่ในนี้ นั่นคือ  ภาพถ่ายขนาดใหญ่ที่ติดผนังห้อง ด้านหน้า ภาพผู้หญิงผมยาวสลวย  และสวยมากคนหนึ่ง  นางอยู่ในชุดฉลองพระองค์ของพระราชวงศ์นาดิเวียเต็มยศ  อารอนเห็นภาพเสด็จแม่ของเขาตั้งแต่เล็กจนโต    เสด็จแม่มักมองมาทางเขา และยิ้มให้เขาเสมอเวลาที่เขามาอยู่ใกล้ ๆ  วันนี้ก็เช่นกัน แม้จิตใจจะหดหู่   แต่รอยยิ้มที่ปรากฏมาให้เห็นทำให้อารอนสบายใจขึ้นมาบ้าง  เมื่อเขามองดูแม่ของเขา อารอนจึงรู้ว่าตัวเองมีรูปหน้าและสีผมน้ำตาลแดงเป็นรอนเหมือนพ่อ  ดวงตาดำและคิ้วโค้งเข้มจรดกลางหน้าผากเหมือนแม่ไม่มีผิดเพี้ยน  

     

    ยังไม่นอนอีกหรือ อารอน  เสียงทุ้มกังวานดังมาจากด้านหลัง อารอนหันไปมองเห็น กษัตริย์เอ็ดมันส์ กำลังเดินมาเคียงข้างเขา และมองไปยังภาพวาดเช่นกัน อารอนก้มหน้าลงไม่ให้เห็นความกังวลใจบนใบหน้า  สักพักหนึ่งเขาก็เงยหน้าไปมองภาพเสด็จแม่อีกครั้ง แล้วตั้งคำถามกับพ่อของเขา

     

    ท่านพ่อ   ท่านแม่เป็นไงบ้างฮะ……. แม่ ……   สวยมากไหม ตอนที่ท่านพ่อเจอท่านแม่ 

     

    กษัตริย์เอ็ดมันส์หันมายิ้มน้อยให้กับอารอน  แล้วหันหลับไปมองภาพวาดด้วยแววตาอ่อนโยนลึกซึ้ง

     

    แน่นอน แม่ของลูกงดงามมากในทุกๆเวลา และพ่อก็รักแม่ของลูกมากเหลือเกิน  อารอน

     

    ถ้าแม่ยังอยู่ คงจะดีมากเลย อารอนลอบชำเลืองมอง  เห็นสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นตึงเครียดขึ้นมาทันที  

     

    อารอน ลูกควรไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้เรามีงานที่ต้องทำมากมายนะ

     

    ครับ ราตรีสวัสดิ์ แล้ว ท่านพ่อไม่ไปพักผ่อนบ้างหรือฮะ

     

    พ่อจะอยู่ตรงนี้สักพักหนึ่ง    อารอนหันหลังกลับไปที่ประตูห้อง กำลังจะดึงเปิดขึ้นมา เขานึกคำถามอะไรบางอย่างได้

     

    ท่านพ่อฮะ พ่อมีผมเป็นลูกคนเดียวใช่ไหมฮะ 

    ดูเหมือนกษัตริย์เอ็ดมันส์จะสะดุ้งนิดเมื่อได้ยินคำถามนี้   

     

    แน่นอน พ่อขอยืนยัน   อารอนทำไมลูกถึงได้ถามคำถามแบบนี้ขึ้นมา

     

    ไม่มีอะไรฮะ บางทีลูกก็อยากมีพี่ชายกับเขาบ้าง   ราตรีสวัสดิ์ฮะ อารอนดึงประตูออก  แล้วเดินออกไปจากห้อง ทิ้งความสงสัยบนพระพักตร์ของกษัตริย์เอ็ดมันส์

     

     

    อารอนเดินกลับมาในห้อง เสียงฝีเท้าของเขาทำให้เลนนอลที่กำลังนอนเอาหัวพาดเตียงข้างหนึ่ง น้ำลายไหลยืด ตื่นขึ้นมา

     

    เสด็จพ่อ พูดปด เรารู้ เสด็จแม่ยังไม่ตาย  อารอนมีสีหน้ามึนตึงและทิ้งตัวลงไปเตียงนอน เลนนอลเฝ้ามองเจ้าชายอารอน  เหมือนจะคาดคะเนอะไรบางอย่าง

     

    เราตัดสินใจเด็ดขาด  คืนพรุ่งนี้เราจะออกเดินทางทันที  ไปตามหาเสด็จ

     

    อย่านะพะยะคะ   มันอันตราย ถ้ากษัตริย์รู้ กระหม่อมแย่แน่ เลนนอลลืมตากว้าง

     

    งั้น ท่านก็ไปกับเราตกลงไหม  ถ้าท่านขัดขวางเราละก็.. อารอนชักไม้กายสิทธ์มาจากด้านหลัง ชี้ไปทางพระพี่เลี้ยงคนสนิท

     

    อย่าพะยะคะ เลนนอลกลัวแล้ว เขาตกใจกลัวลนลาน เลนนอลเคยถูกเจ้าชายอารอนเสกให้เขางอกออกมาจากก้นครั้งหนึ่งแล้ว  เมื่ออารอนถูกขัดใจเรื่องไปดูควิดดิชเวิลด์คัพ    

     

    โฟโรกัส   แสงจากปลายไม้กายสิทธิ์พุ่งออกไปที่เลนนอล   เขาตกใจกลัวสุดขีด แต่ปรากฏว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    ถ้าพยายามขัดขวางฉัน โดยการไปบอกใครต่อใครละก็ จะมีเขางวงช้างออกมาจากจมูกท่านน่าเกลียดน่าขยะแขยงมากๆ  ไม่เชื่อก็ลองดู อารอนขู่พี่เลี้ยงของเขา และมันได้ผลซะด้วย 

    เช้าต่อมาอีกวัน  เป็นวันเฉลิมฉลองการก่อตั้งราชอาณาจักรนาดิเวียครบหนึ่งพันเก้าร้อยยี่สิบปี มีงานเลี้ยงรื่นเริงทั้งประเทศ ในตัวปราสาทพระราชวังประดับประดาไปด้วย ผ้าแพรพรรณหลากหลาย โคมไฟทรงกลมห้อยระย้าลงจากด้านบนเป็นพันๆลูก    บรรดาพ่อมดแม่มดจากทุกสารทิศหลั่งไหลเขามาอย่างไม่ขาดสาย  อารอนต้องตื่นแต่เช้าตรู่ แต่งตัวในชุดเจ้าชายนาดิเวียอย่างสง่างาม (แต่ดูเหมือนอยากจะถอดออกตลอดเวลา)   คอยไปต้อนรับแขกเหรื่อที่จะมาร่วมงานเฉลิมฉลองในคืนนี้  ซึ่งก็มีคนจากกระทรวงเวทมนตร์ และราชวงศ์ที่เป็นพ่อมดและแม่มดของประเทศต่างๆ คหบดีที่ผู้มั่งคั่งและมีเชื่อเสียงอยู่ทุกมุมโลก มากันอย่างเนืองแน่น

                   

              นี่คือรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนต์คนปัจจุบัน เซอร์อาราฟัด บลอนนี่    เสนาบดีคริสตันเป็นคนกล่าวแนะนำแขกทุกคนที่มาร่วมให้อารอนรู้จัก

     

                    ถวายพระพรเจ้าชายอารอน นี่คือ คิงลี่ย์ ชักเกิลโบล ผู้ช่วยของกระผม รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนต์ยิ้มและกล่าวทักทาย 

     

    ยินดีต้อนรับสู่ ราชอาณาจักรนาดิเวียครับ เจ้าชายอารอนจับมือทักทายกับรัฐมนตรี

     

    อารอนต้องทำซ้ำๆแบบนี้จนกว่าจะครบหมดทุกคน แขนเขาชักเมื่อยล้า ขาเริ่มยืนเกือบไม่ไหว  จนเกือบพลบค่ำ อารอนเปลี่ยนเป็นชุดราตรีเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงฉลอง   และเมื่อถึงเวลาที่กษัตริย์เสด็จออกมาร่วมเปิดงานเลี้ยง เขาเฝ้ารอเวลาในขณะที่ทุกคนกำลังอยู่ในงานเลี้ยง และเสด็จพ่อกับท่านเสนาบดีกำลังพูดสนทนากับแขกในงาน   เขาแอบหนีออกมา  โดยมีเลนนอลตระเตรียมดูต้นทางให้   อารอนเปลี่ยนเป็นชุดเดินทางกางเกงยีนส์เก่ากับเสื้อแจ๊คเก็ตที่เขามักใส่ตอนอยู่เดิร์มแสตง เป็นประจำ สะพายเป้ใส่เสื้อผ้าและของใช้จำเป็น

     

    เจ้าชาย เราจะไปยังไงดี จะเดินดุ่มๆออกไปแบบนี้โดนจับได้แน่ เลนนอลถาม

     

    ใครบอกเล่า เราจะบินไป แต่ไม่ใช้ไม้กวาด จริงๆ เรียกว่าหายตัวมากกว่า แต่ว่าเรายังไม่ได้ฝึกหายตัว และ เลนนอล ท่านก็ไม่สามารถนำเรากับสิ่งของหายตัวไปได้ง่ายนัก นี่ไงเรามีนี่อยู่ อารอน ดึงม้วนพรมเช็ดเท้าเก่ามากๆ ขึ้นมา

     

    มันเป็นพรมบินได้ของพ่อเราไง  มันอยู่ในห้องนอนเสด็จของเราและเราแอบเอามาเมื่อกี้นี้

     

    ว่าไงนะพะยะคะ โอ้ยตาย เคราเมอร์ลินเป็นพยาน อันนี้มันของรักของหวงของกษัตริย์  แต่ทรงรู้ เลนนอลตายแน่

    อารอนทำหน้าเบื่อหน่าย ที่เห็นทีท่าหวาดกลัวของพระพี่เลี้ยงคนสนิท เขากับเลนนอลกำลังยืนอยู่บนพรมเช็ดเท้าบินได้ รอคอยเวลาจุดพลุและดอกไม้ไฟเฉลิมฉลอง เสียงจากพลุที่ดังและแสงสว่างจากดอกไม้ไฟ จะทำให้ไม่มีใครทันสังเกตพวกเขาได้เพราะมัวแต่เพลิดเพลินกับดอกไม้ไฟอยู่  เมื่อเสียงพลุลูกแรกดัง อารอนใช้ไม้กายสิทธิ์เคาะเบา

     

    "หมู่บ้าน อัตเทอรี่  เซนต์ แคทซ์โพล

     

    พรมบินได้ลอยขึ้นมาแล้วพุ่งฉิวออกนอกหน้าต่าง เหมือนจรวดทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า อารอนเห็นพลุจุดสว่างเจิดจ้าบนท้องฟ้า และมองเห็นหัวคนอยู่เบื้องล่าง สักพักภาพนั้นก็เบลอๆ และรางเลือนหายไป กลับกลายมาเป็นสถานที่มืดๆ สลัวๆแทน นั่นคือซอยเล็กๆในหมู่บ้าน อัตเทอรี่  เซนต์ แคทซ์โพล นั่นเอง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×