ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คาสิโนเสน่หา

    ลำดับตอนที่ #1 : มาเก๊า...ดินแดนแห่งโชค

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 336
      0
      14 ม.ค. 58

                     อิงปวัณมองผ่านหน้าต่างเครื่องบิน ภาพท้องฟ้ายามเช้างดงามด้วยแสงสีทองส่องกระจายจากเส้นขอบฟ้าไกล  มองเห็นแสงวิบวับจากปีกเครื่องบินหลากหลายลำที่จอดนิ่งอยู่บนรันเวย์ของสนามบิน         
                    “ว๊าว
    !“สวยจังเลย นี่หรือมาเก๊า”
                    ธาราเผลอหลับไปตั้งแต่เครื่องเริ่มบินขึ้น เมื่อตื่นขึ้นมาเห็นทิวทัศน์นอกหน้าต่างก็อุทานน้ำเสียงตื่นเต้น
                    “มัวแต่งีบ เห็นมั้ยละ อดเห็นท้องฟ้าสวยๆเลย ว้าเสียดายอุตส่าห์ให้นั่งใกล้หน้าต่าง รู้งี้ขอสลับที่นั่งดีกว่า”
                    “แหมก็คนง่วงนี่นา”เพื่อนสาวของอิงปวัณยิ้มแหย

                    เสียงโฟนดังมาจากห้องนักบินบอกให้รู้ว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า จะถึงยังจุดหมายปลายทาง เมื่อเครื่องลงจอดพวกเขาเดินตามผู้โดยสารคนอื่นไปตามทางเดิน หลังจากตรวจหนังสือเดินทางและรับกระเป๋าเสร็จสรรพแล้ว  สองสาวพากันลากสัมภาระออกมานอกอาคาร
                    “เดี๋ยวเราจะไปรถของคาสิโนกันนะ  เห็นว่าจอดอยู่ทางนู้น”
                    อิงปวัณชี้มือไปทางซ้ายมือ พวกเขาไม่เคยเที่ยวมาเก๊ามาก่อน ข้อมูลสถานที่เที่ยวต่างๆที่ได้มาส่วนใหญ่มาจากการบอกเล่าของคนอื่นและหนังสือคู่มือท่องเที่ยวที่ได้มาจากสถานทูต
                    รถบัสสีน้ำเงินคันใหญ่จอดรอนักท่องเที่ยวอยู่ที่ท่ารถ อิงปวัณสื่อสารกับพนักงานสาวหน้าหมวยสองสามประโยค ก่อนจะหันมาพยักหน้าให้เพื่อนรัก “คันนี้ชัวร์ ไปกันได้เลย”
                    ธารารีบลากกระเป๋าตามเพื่อนมาทันที รู้สึกกระดี๊กระด๊าราวกับปลาอดน้ำมาหลายชั่วโมงแล้วมีคนมากรุณาเติมน้ำให้ การมาเที่ยวครั้งนี้เป็นความโชคดีโดยบังเอิญของธาราที่สามารถเล่นเกมชิงตั๋วเครื่องบินมาได้สองที่นั่ง แต่ทั้งบ้านไม่มีใครว่างมากับเธอ เพื่อนสนิทอย่างอิงปวัณจึงต้องมาแทน
                    “บ่อนหรูหรายังกับวังแน่ะ” ธาราร้องทักเสียงดังจนคนข้างหันมามองและอมยิ้มให้  โชคดีที่พวกเขาฟังภาษาไทยไม่ออก
                    “เรียกให้ดูดีหน่อยสิสายน้ำ  คาสิโนดีกว่านะ” อิงปวัณเรียกชื่อเล่นของธารา เหมือนที่คนในครอบครัวเธอเรียก
                    “จ้ารู้แล้ว ฉันก็แค่ชินปาก เราไปเดินเล่นหาอะไรกินก่อนไปหาเรื่องสนุกๆทำดีไหม หิวจังเลย”
                    พื้นที่ภายในคาสิโนโออ่ากว้างขว้าง เพดานด้านบนประดับด้วยโคมไฟสีทอง มองไปตรงไหนน่าชมไปหมด อาคารใหญ่หลังนี้แบ่งโซนออกเป็นสัดส่วน จำลองเอาทิวทัศน์เมืองสำคัญระดับโลกมารวมกัน นอกเหนือจากการตกแต่งที่ดูอลังการณ์ราวกับพระราชวัง ยังประกอบด้วยห้างร้านค้าแบรนเนมด์มากมายซึ่งเป็นจุดดึงความสนใจของนักท่องเที่ยวให้แห่เข้ามาเที่ยว ทำรายได้มหาศาลให้แก่คาสิโน นอกเหนือจากการพนัน
                    การพนันเป็นอบายมุข อบายมุขก็คือปากทางแห่งความเลวร้าย ข้อนี้อิงปวัณรู้ดีมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ใช่เพราะการพนันหรอกหรือที่เป็นสาเหตุทำให้เธอกำพร้า  บุพการีทั้งสองของอิงปวัณต้องลาจากโลกนี้ไปด้วยน้ำมือของคนที่เกี่ยวข้องกับวงจรเถื่อนที่เธอรังเกียจและไม่คิดอยากจะกลับมาแตะต้อง  ดังนั้นในตอนแรกที่ธารามาชักชวนอิงปวัณไปเที่ยวเธอจึงปฏิเสธลูกเดียว แต่ทนแรงรบเร้าไม่ไหว ซ้ำธารารับปากว่าจะไม่ให้เธอเข้าบ่อนด้วยเด็ดขาด อิงปวัณจึงยอมมากับเพื่อนรัก
                    “ฉันจะเข้าไปในเล่นการไพ่ในคาสิโนนะ อิงไปรอสายน้ำอยู่ที่ร้านอาหารที่เราเพิ่งกินมาเมื่อกี้ก่อน”
                   

                    “อย่าช้าล่ะ เดี๋ยวเราจะเข้าที่พักไม่ทันค่ำ อย่าลืมล่ะว่าเราต้องไปช้อปปิ้งต่อที่เซเนโด้ ที่บ้านเธอฝากซื้อของยาวเป็นหางว่าวเชียว”
                    “รู้แล้วน่าอิง แป๊บเดียวเองไม่นานหรอก ขอกำไรสักสองสามร้อยดอลล่าห์ก็พอ”
                    “ขอให้โชคดีนะ แต่อย่าเล่นหนักล่ะ เอาแค่พอหอมปากหอมคอก็พอ”
                    ใจจริงอิงปวัณไม่อยากให้เพื่อนเข้าไปเล่นการพนันในบ่อนเท่าไร เพราะถ้าติดใจขึ้นมาจนถอนตัวไม่ขึ้นก็มีแต่เสียกับเสียลูกเดียว การพนันไม่เคยให้อะไรเรากลับนอกจากหายนะ
                    อิงปวัณเดินย้อนกลับไปรอเพื่อนรักที่ร้านอาหาร  หมดกาแฟไปสามแก้วขนมไปอีกสองห่อ ธาราก็ยังไม่กลับออกมาจากข้างในเสียที เธอยกข้อมือดูเวลา เข็มนาฬิกาผ่านมาได้สองชั่วโมงแล้ว
                    “เอาไงดีน้อ” อิงปวัณทนรอไม่ไหว จำเป็นต้องเข้าไปตามด้วยตัวเอง พอเดินไปถึงโซนที่จัดไว้ให้นักพนันโดยเฉพาะหญิงสาวกลับชะงักนิ่งอยู่ทางเข้าเมื่อเห็นสารพัดเครื่องเล่นต่างๆ อยู่ตรงหน้าตัวเอง ภาพความหลังที่เจ็บปวดผุดขึ้นมาในความทรงจำ เธอคิดถึงพ่อ พ่อที่เคยสอนเธอให้รู้จักเครื่องเล่นพวกนี้
                    มีเสียงบ่นบริภาสอยู่ข้างหลัง เธอเหลียวหลังกลับไปมองเห็นอาซิ้มกับอาแปะคู่หนึ่งยืนปั้นหน้ายักษ์ใส่ อาซิ้มพึมพำบางอย่างเป็นภาษาจีนกว้างตุ้งที่เธอฟังไม่ออกแต่เข้าใจว่าเขากำลังต่อว่าที่เธอขวางทางเดินด้วยการเดาจากมือไม้ที่ยกมาโบกไล่พัลวัน
                    “เชิญเข้าไปก่อน”  อิงปวัณผายมือเชื้อเชิญพวกเขาก่อนจะเดินตามหลังคู่สามีภรรยาเข้าไป “ท่าจะติดไพ่นกกระจอกคู่นี้” อิงปวัณแอบนินทาในใจเมื่อเห็นคู่อาซิ้มกับอาแปะเดินไปทางวงไพ่
                    อิงปวัณสอดส่ายสายตาหาเพื่อนรัก ไม่ยักจะอยู่ในวงไพ่ จึงเดินตามหาแถวเครื่องเล่นก็ไม่พบ “เอ้ ยัยสายน้ำไปเล่นตรงไหนนะ เจอตัวสักทีสิ อึดอัดเจะแย่แล้วอยู่ในนี้”เธออยากจะออกไปจากที่นี่เต็มที่  ไม่ชอบภาพในบ่อนแห่งนี้เลยทั้งที่เป็นภาพที่เธอชินตาตั้งแต่จำความได้แต่เป็นสิ่งที่ทำให้เธออยากจะลืมมากที่สุดในชีวิต
                    “นั่นไงอยู่นั่นเอง” 
                    เธอเห็นธารานั่งรวมอยู่กับนักพนันกลุ่มใหญ่ตรงเครื่องเล่นวงล้อหมุนสุ่มหรือที่ใครๆเรียกว่า รูเล็ต
    อิงปวัณชะเง้อมองไปที่กระดานตัวเลขสีแดงกับสีดำสลับกันซึ่งมีหมายเลขตั้งแต่หนึ่งถึงสามสิบหก ด้านล่างเขียนเป็นภาษาอังกฤษแปลออกมาว่าเลขคี่กับเลขคู่  เลขสูงต่ำ โซนตัวเลขและสีดำแดง  เธอเห็นเพื่อนรักนำชิปไปวางตรงที่เขียนว่าเลขคี่ เมื่อพนักงานคาสิโนหมุนวงกลมที่มีตัวเลขกำกับสีเดียวกับกระดานสุ่ม ลูกแก้วที่อยู่บนวงกลมจะกลิ้งไปรอบจนวงล้อหยุดหมุนแล้วกลิ้งไปตกที่หมายเลขยี่สิบ
                    “โอ้ยเสียอีกแล้ว” ธาราบ่นอุบ ก้มมองชิปตรงหน้าตัวเอง เหลืออยู่ไม่กี่อัน อิงปวัณสะกิดเพื่อน
                    “กลับได้ยัง ฉันรอนานแล้วนะ ขอโทษทีที่เข้ามาขัดจังหวะ แต่ฉันรอจนเบื่อแล้ว”
                    ธาราหันหน้าบึ้งไปมองอิงปวัณ  “จะกลับได้ไง ยังไม่ได้ทุนคืนเลย เห็นไหม เสียไปตั้งหลายพัน”
                    “รีบเลิกก่อนเถอะ เดี๋ยวจะเสียเงินมากกว่านี้”
                    “ขออีกสองสามตาฉันต้องได้ทุนคืนแน่ๆ”
                    อิงปวัณส่ายหน้าระอา ขนาดเพิ่งเล่นครั้งแรกยังติดใจขนาดนี้ น่าจะให้ได้รับบทเรียนเสียบ้างคงจะดี
                    “แล้วถ้ายายสายน้ำเล่นหมดตัว เราก็ซวยสิ ต้องออกค่าใช้จ่ายเองหมดตลอดทริปไม่มีคนช่วยแชร์ ตายแล้วยิ่งจนๆ อยู่”
                    เธอเฝ้ามองเพื่อนรักลงทุนกับรูเล็ตอีกสองสามตาอย่างที่บอก แต่วางชิปไว้มุมไหนผลที่ออกมาตรงกันข้ามหมด ลูกแก้วรูเล็ตไม่นำโชคให้เธอเสียเลย ในขณะที่คนอื่นได้คืนตลอด
                    “ห้าชิปสุดท้ายแล้วนะ” ธาราอยากจะร้องไห้เป็นภาษาจีนกวางตุ้ง เงินเก็บที่อุตส่าห์ถอนมาจากธนาคารหมดในพริบตาไปกับการพนัน เธอตัดสินใจวางชิปทั้งหมดลงไปที่ช่องเลขคี่ ระหว่างที่วงล้อหมุน จู่ๆ ก็มีคนเปลี่ยนที่วางชิปของเธอไปไว้ในโซนตัวเลข
                    “เฮ้ย อิงเธอทำอะไร”
                    “เชื่อฉันเถอะ ตานี้ต้องได้แน่ๆ”
                    สองสาวรอลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อวงล้อหยุดหมุนลูกแก้วตกลงไปช่องตัวเลขที่อยู่ในกลุ่มที่ อิงปวัณเลื่อนชิปให้ธารา พอดี เจ้าของชิปถึงกับเด้งผึงจากเก้าอี้ กรีดร้องอย่างตื่นเต้น
                    “เย้
    ! ยายอิง เธอน่าจะมาตั้งนานแล้ว ตาต่อไปฉันจะต้องลงช่องไหนบอกได้ไหม”
                   
    หา ! นี่ยังจะเล่นต่ออีกหรือ
                    “อ้าวต้องต่อสิ เราได้ทุนคืนยังไม่ถึงครึ่งเลย อิงช่วยสายน้ำหน่อยน้า นี่เอาเงินค่าโรงแรมมาเล่นหมดแล้วด้วย ขืนหยุดแค่นี้ เราอาจไม่มีที่นอนกัน”
                    ”ยายบ้าสายน้ำ ไหงไม่กันเงินส่วนนั้นไว้ ดึงมาเล่นจนหมด
    อิงปวิณนึกโมโหเพื่อนรักที่ไม่ยับยั้งชั่งใจตัวเองเสียบ้าง               “ฉันขอโทษ ตอนแรกได้มาตั้งเยอะเลยลงทุนหนักมือไปหน่อย ไม่คิดว่าจะเสียนี่นา”
                    “โอ้ย เธอนี่ไม่รู้เลยหรือไงว่า” มัวแต่เถียงกันอยู่สองคน นักพนันคุณหญิงป้าที่ยืนอยู่ใกล้สุด มองค้อนพวกเขาลูกตาแทบพลิกกลับเข้าไปข้างใน
                    “หนูจ๊ะ ถ้าไม่เล่นก็ออกไปซะ หลีกทางให้คนอื่นเขาเข้ามาบ้าง มายืนคุยกันแบบนี้เสียเวลาคนทำมาหากิน”
                    ยายคุณหญิงป้าจีบปากจีบคอด่าเป็นภาษาจีนกลางซึ่งพวกเธอฟังออก หล่อมก้มมองอิงปวัณกับธาราตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าราวกับพวกเขามาจากนอกโลก อิงปวัณไม่ชอบสายตาดูถูกแบบนี้เลย นึกหมั่นไส้จึงเปลี่ยนใจไม่ชวนเพื่อนกลับ
                    “สายน้ำ ค่อมเลขไปเลย ยี่สิบห้ากับยี่สิบเก้า”
                    “ว่าไงนะ วางชิปค่อมสองตัวเลข ไม่เสี่ยงไปหรือ”
                    “เชื่อฉันอีกสักครั้งสิ ลองดู”
                    สายน้ำทำตามที่เพื่อนบอกทั้งที่ไม่แน่ใจนัก อิงปวัณอดตื่นเต้นไม่ได้ จับตามองที่วงล้อซึ่งหมุนติ้วอยู่หลายนาที
    ไม่กระพริบตาจนกระทั่งความเร็วค่อยๆช้าลง ลูกแก้วยังคงกลิ้งไปทั่วไม่หยุด เธอใจหายวาบเมื่อเห็นลูกแก้ววิ่งเข้าไปในช่องหมายเลขสามสิบ
                    “อุ้ยว้าย ตานี้ฉันเสีย ลูกแก้วเด้งไปยี่สิบหกได้ไงกัน”
                    ยายป้าปากมากร้องอุทานราวกับโดนล้วงกระเป๋าเงินไปหมดตัว อิงปวัณมองลูกแก้วในวงล้อสุ่มอยู่หลายนาทีให้มั่นใจว่าสายตาไม่ฝาด เธอเห็นลูกแก้วกระดอนออกจากช่องสามสิบไปช่องหมายเลขข้างกัน
                    “ได้แล้วอิง เราได้เงินคืนมาตั้งหลายเท่า โอ้ย เธอนี่เก่งจริง” ธารากระโดดปรบมือพร้อมตะโกนลั่นจนคนข้างๆ หันมามองพวกเขาเป็นสายตาเดียวกัน
                    “เบาๆ สายน้ำอายเขา”       
                    หลังจากนั้น ไม่ว่าอิงปวัณบอกให้เพื่อนลงเลขไหนจะได้เงินทุกครั้ง นักพนันคนอื่นพลอยอาศัยความโชคดีของเธอไปด้วย แต่ถ้าตาไหนไม่แน่ใจเธอจะสะกิดบอกเพื่อนไม่ให้ลง
                    “ได้กำไรมาเท่าตัว ไม่อยากจะเชื่อเลย” สายน้ำกอบชิปเดินออกมาจากวงรูเล็ต เธอยังไม่ยอมเลิกง่ายๆ อิงปวัณจำต้องลากแขนเพื่อนออกมา
                    “พอใจแล้วใช่ไหม เอาชิปไปแลกเงินแล้วออกไปจากที่นี่กัน”
                    “ยังอิง ขออีกหน่อยนะ”
                    “ทำไม นี่อย่าบอกนะว่าคิดจะกลับไปเล่นต่อ สัญญาแล้วไงว่าเล่นได้จะรีบเลิก”
                    “ใช่ฉันสัญญาแล้ว แต่อยากพิสูจน์บางอย่าง มานี่มา” เธอเข้าไปขอถุงใส่ชิปจากพนักงาน ฉุดข้อมืออิงปวัณไปทางโต๊ะไพ่ยี่สิบเอ็ด
    (ไพ่แบล็กแจ๊ค)
                    กลุ่มนี้มีคนมากกว่ารูเล็ตเสียอีก ต่างมีไพ่วางอยู่ตรงหน้าตัวเองคนละสองใบ อิงปวัณทำอิดออดถ่วงเวลาไม่อยากเข้าไปเล่น แต่ทนแรงรบเร้าเพื่อนไม่ไหว
                    “เรียกไพ่อีกใบ” เธอว่าเมื่อเห็นแต้มในมือธาราเท่ากับสิบหก แต่ของดีลเลอร์เปิดนำก่อนเป็นคิงข้าวหลามตัด ธารามองหน้าเพื่อนรักด้วยสีหน้าเป็นเชิงถามว่ามั่นใจแล้วหรือ อิงปวัณพยักหน้ารับ เธอเดาได้ว่าไพ่ของดีลเลอร์น่าจะเป็นเลขอะไรโดยดูจากไพ่ของคนอื่น
                    ธาราได้ไพ่เลขสี่โพธิ์ดำ เมื่อดีลเลอร์เปิดออกมาไพ่ของเขาเป็นสามข้าวหลามตัด ตาแรกได้เงินมาเกือบร้อยดอลล่าห์
                    “แม่นมากเลยเพื่อน”
                    ไพ่ตาต่อไปดีลเลอร์ได้เอชดอกจิก ส่วนของธาราเป็นแหม่มโพธิ์ดำกับคิงข้าวหลามตัด อิงปวัณกระซิบเพื่อนบอกว่าตานี้เธออาจต้องเสียเงินนะ เพราะดีลเลอร์น่าจะได้แต้มสูงสุด อย่าพยายามสู้ สีหน้าธาราดูไม่ค่อยเชื่อนัก
                    เป็นอย่างที่อิงปวัณบอกมา ไพ่ของดีลเลอร์เป็นยี่สิบเอ็ด อิงปวัณยิ้มๆ บอกเพื่อนรักอีกครั้งว่าตาต่อไปให้ลงไปเลยหมดกอง
                    “เฮ้ย เธอจะบ้าหรือ หมดตัวแน่คราวนี้”
                    “เอาน่าเชื่อเหอะ รับรองได้ชัวร์ แต่ถ้าเสียเราจะได้ออกไปจากที่นี่เสียที เบื่อแล้ว” พวกคนที่มานั่งอยู่ข้างเธอต่างจับตามองสองสาวด้วยความสนใจ อิงปวัณพอจะรู้ว่าคนพวกนี้เป็นคนของคาสิโนทั้งนั้น ถูกส่งมาตัดกำลังนักพนัน
                    ธาราจำต้องยอมเชื่อเพื่อน ลากกองชิปไปวางเดิมพันแต่อดมองตาละห้อยด้วยความเสียดายไม่ได้ ดีลเลอร์แจกไพ่สองใบตามปกติ ไพ่ของธาราได้สามกับสี่ อิงปวัณจึงบอกให้ธาราขอไพ่มาอีกทีละใบจนครบใบที่สี่ แต้มบนมือของเธอในตอนนี้คือสิบหก
                    “โอ้ย เราต้องเสียแน่ๆเลย” ธาราใจคอไม่ดีนัก ดีลเลอร์ขอดูไพ่พวกเธอตามกฎ อิงปวัณสะกิดเพื่อนให้หงายไพ่ขึ้นพร้อมขออีกใบเพิ่ม ถ้าครบห้าใบแต้มเธอยังไม่เกินยี่สิบเอ็ดจะถือว่าเธอได้ไพ่สูงสุดของเกมนี้ แต่ถ้าไม่ใช่พวกเขาต้องกลับบ้านมือเปล่า
                    วินาทีที่ดีลเลอร์วางไพ่ใบสุดท้ายคว่ำมาให้ก่อนจะพลิกมือหงายขึ้น  อิงปวัณชำเลืองสังเกตนักพนันด้านข้าง ต่างมีสีหน้ากระอักกระอ่วนพิกล คิดว่าพวกเขาคงรู้ว่าหน้าไพ่เป็นเลขอะไร
                    แต้มรวมไพ่ห้าใบของธาราได้ยี่สิบเอ็ดพอดี หมายความว่าเธอจะไม่เสียเงินทั้งกอง แต่จะได้เงินเพิ่มมาอีกเท่าตัว


                    ธาราลากเพื่อนไปยังตู้สลอตแมชชีนเป็นเครื่องเล่นชิ้นสุดท้ายของทริปนี้ ได้กำไรมาเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย พอเป็นค่าอาหารระหว่างท่องเที่ยวบนเกาะเกาลูนได้ถึงสองวัน
                    สองสาวกลายเป็นเป้าสายตาของนักพนันทั้งคาสิโน ไม่รู้เพราะโชคช่วยหรือเพราะอิงปวัณใช้ความสามารถของตัวเอง แต่ทำให้เจ้าของคาสิโนต้องสูญเสียรายได้ไปมากกว่าวันอื่น นอกจากพวกนักพนันจะให้ความสนใจพวกเธอแล้ว  ยังมีกลุ่มคนอีกกลุ่มคอยจับตามองอิงปวัณกับธาราอยู่ไม่ไกล ผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่ากล้องวงจรปิด
                    ชายวัยกลางคนในชุดสูทภูมิฐานดูดีกำลังยืนกอดอกทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตรงหน้าจอโทรทัศน์ซึ่งต่อกับกล้องวงจรปิดจากด้านล่างของคาสิโน เขาสั่งให้เจ้าหน้าที่ตัดภาพจากกล้องตัวที่ใกล้ผู้หญิงสองคนที่เล่นไพ่ได้เงินมากกว่าคนอื่น
                    “น่าสงสัยจริงๆ เป็นไปได้ยังไงที่พวกเธอเล่นชนะเกือบทุกตา ซ้ำยังรู้ด้วยว่าตาไหนอาจแพ้ไม่เดิมพันเงินเพิ่ม” เพื่อให้สิ้นข้อกังขา แอนโทนี่หันหลังกลับไปสั่งลูกน้องคนสนิท “ส่งคนไปตามดูห่างๆ อย่าให้รู้ตัว ถ้าจับได้ว่าตุกติก ลากตัวมานี่เลย เดี๋ยวฉันไปรายงานคุณแมทธิวก่อน”
                    “วู้ เรามีเงินช้อปปิ้งตั้งเยอะแน่ะ เห็นไหม” ธารากรีดแบงค์ฮ่องกงทีละใบ แววตาและรอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความสุข ตลอดสี่วันที่เหลือเธอจะมีเงินเหลือกินเหลือใช้อยู่ในฮ่องกงได้อย่างสบาย
                    อิงปวัณกลับไม่รู้สึกยินดีเหมือนเพื่อนรักสักนิด  เธอไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนักและสังหรณ์ใจแปลกๆ การพนันไม่เคยให้ความสุขกับนักพนันอย่างถาวรเลย ซึ่งเป็นความจริงที่เลี่ยงไม่ได้ อิงปวัณภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่คิด ยิ่งเธอกับธารากลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งคาสิโนมากเท่าไรพวกเธอก็ยิ่งมีอันตรายตามมามากเท่านั้น
                    “เรากลับโรงแรมก่อนนะ แล้วค่อยออกมาดูแสงสียามค่ำคืนของมาเก๊า ดีไหมอิง”
                    “ดีจ้ะ ดีๆ” อิงปวัณยิ้มเฝื่อนๆ ธาราแปลกใจทีเห็นเพื่อนไม่ร่าเริงเหมือนตอนลงเครื่องมาใหม่ๆ คล้ายกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เธอไม่อยากเอ่ยปากถามให้เสียบรรยากาศ
                    ขณะกำลังลากกระเป๋าสัมภาระมาที่ริมถนนเพื่อรอแท็กซี่ รถยนต์ลิมุซีนติดฟิลม์ดำสนิท เลี้ยวจากมุมถนนตรงข้ามด้วยความเร็วสูงมาหยุดตรงที่สองสาวยืนอยู่พอดี ธาราหันไปสบตามองเพื่อน ต่างคนต่างมีคำถามในใจด้วยกันทั้งคู่
                    “สายน้ำ จับกระเป๋าแน่นๆนะ”
                    “อะไรนะ ว่าใหม่” ธารามัวแต่ยืนงงจึงไม่ได้ยินสิ่งที่เพื่อนบอก
                    “ไม่ต้องพูดซ้ำแล้ว ชิ่งเลยดีกว่า” อิงปวัณคว้าข้อมือเพื่อนได้ก็ดึงให้หันหลังกลับออกตัววิ่งนำไปก่อนที่คนในรถจะลงมาจากรถแล้ววิ่งไล่ตามพวกเธอ
                    “หยุดก่อนอิง ทำไมเราต้องวิ่งหนีพวกเขาล่ะ” ธาราถามไปก็วิ่งไปด้วย กระหืดกระหอบก้าวขาแทบจะไม่ไหว
                    “ฉันไม่รู้ แต่ฉันว่านะ อย่าไว้ใจใครเลย”

                    ชายชุดดำสองคนวิ่งไล่ตามผู้หญิงสองคนที่แบกสัมภาระวิ่งรอบเมือง ผ่านตึกรามบ้านช่องที่เรียงรายอยู่สองข้างทางบนถนนสายแคบ อิงปวัณพาเพื่อนเลี้ยวลัดไปตามตรอกซอก มีทั้งแยกซ้ายขวาเต็มไปหมดจนไม่รู้ว่าจะเลือกไปทางไหนดี  
                    “มานี่ดีกว่า” อิงปวัณหันรีหันขวาง ดึงมือเพื่อนเข้าไปในร้านขายผลไม้ที่พวกเขามาหยุดยืนพอดี เจ้าของร้านมองอย่างงุนงง เธอไม่มีเวลาอธิบายมากนัก ทำได้แต่ยกมือยกไม้เป็นภาษาใบ้ ก่อนที่จะหลบเข้าไปซ่อนตัวหลังลังส้มที่เรียงสูงขึ้นเท่าศีรษะตามที่เจ้าของร้านชี้มือมา
                    พวกเขาแอบมองอยู่หลังลังส้ม เห็นชายชุดดำสองคนวิ่งผ่านไป ธาราจะลุกออกมาแต่อิงปวัณรีบห้ามไว้
                    “รอสักพักสิ เกิดพวกนั้นย้อนกลับมาอีกครั้ง โดนจับได้แน่”สายน้ำพยักหน้ารับทราบ นั่งรออยู่ตรงนั้นจนเห็นชายชุดดำวิ่งกลับมาทางเดิมอย่างที่อิงปวัณคาดไว้ไม่มีผิด เมื่อแน่ใจว่าพวกนั้นไปไกลแล้วจึงค่อยพากันออกจากที่ซ่อน
                    “หัวใจจะวาย พวกนั้นไล่ตามพวกเราทำไม อิงพอจะรู้ไหม”
                    “จะไปรู้ได้ไงล่ะ ก็มาด้วยกันนี่ ถามได้”
                    “อ้าว ก็เห็นเธอเดาเก่งจะตายไป นึกว่าจะรู้”
                    “ไม่เสมอไปหรอกน่า อย่ามาชมกันเองเลย รีบไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า ฉันไม่วางใจเสียทีเดียว”
                    อิงปวัณมองไปยังถนนฝั่งตรงกันข้าม ดูจะเป็นเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด  เพราะคนที่ตามเธอมาไปอีกทาง “เรากลับกันเถอะนะ
    อิงปวัณกล่างขอบคุณเจ้าของร้ายพร้อมทั้งอุดหนุนผลไม้คนละถุง ลากกระเป๋าข้ามถนนเดินไปไปยังซอยเล็กๆ ข้างหน้า
                    “ผลไม้สดๆทั้งนั้นเลย น่ากินจัง” ธาราหยิบลูกแอปเปิ้ลมาสูดดม นอกจากมีสีสันสดสวยแล้วยังมีกลิ่นหอมชวนน่ารับประทานอีกด้วย มัวแต่คุยเพลินเลยเดินสะดุดเนินเสียหลักเล็กน้อย ไม่ถึงกับหกล้มแต่ก็ทำให้แอปเปิ้ลร่วงหล่นจากมือ
                    “เธอนี่ซุ่มซ่ามไม่เปลี่ยนเลยนะสายน้ำ” ธารายิ้มแหยแก้เก้อ อิงปวัณวิ่งตามไปเก็บผลแอปเปิ้ลให้เพื่อน
                    นอกจากเห็นผลแอปเปิ้ลที่กลิ้งมาหยุดที่พื้นตอนเธอก้มเก็บแล้ว ยังเห็นรองเท้าหนังหนาสีดำคู่หนึ่งด้วย หญิงสาวย่นคิ้วสงสัย เธอค่อยเงยหน้าไล่สายตาจากปลายรองเท้าสูงขึ้นเรื่อยๆ
                    อิงปวัณอ้าปากร้องอุทานด้วยความตกใจ เพราะเจ้าของรองเท้ามีราคาเป็นหนึ่งในกลุ่มชายชุดดำที่วิ่งไล่ตามเธออยู่
                    “สายน้ำ หนีเร็ว”
                    ดูเหมือนจะสายไปแล้วเพราะเมื่อเธอหันกลับไปก็พบว่าเพื่อนสาวของเธอถูกชายสองคนจับตัวไว้อยู่ แถมยังถูกปิดปากไม่ให้ร้อง ก่อนที่เธอจะหันหลังกลับไปคิดสู้ ผ้าผืนหนึ่งก็โปะมาที่จมูก ร่างบางดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนกำยำอย่างสุดแรง อิงปวัณได้กลิ่นเหม็นฉุนของอะไรสักอย่างบนผ้าผืนนั้น เธอรู้แล้ว่าคือกลิ่นของอะไร แต่ไม่สามารถกลั้นหายใจได้ทัน หญิงสาวรู้สึกเหมือนแขนขาไร้เรี่ยวแรงลงทุกที จากนั้นแสงสว่างรอบกายค่อยๆมืดมิดดับลง

                    “ที่ไหน เรายังไม่ตายใช่ไหม” เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นเพดานห้องสีขาวสะอาดตา คำถามมากมายก็ประดังเข้ามาในสมองทันที
                    “อิงตื่นแล้ว โอ้ยดีใจจัง ฉันนึกว่าเธอจะหลับจนข้ามวันข้ามคืนเสียอีก”
                    อิงปวัณหันศีรษะไปตามเสียงเรียก ตาที่เริ่มปรือค่อยเปิดกว้างทีละน้อยจนเห็นภาพใบหน้าเพื่อนรักแจ่มชัด
                    “สายน้ำ”  เธอค่อยยันตัวลุกขึ้น สะบัดศรีษะไล่ความมึนงงออกไป “เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วที่นี่ที่ไหน ไม่ใช่นรกใช่ไหม”
                    “แหม ฟื้นมาได้ปากก็เป็นมงคลเชียว ถ้าฉันกับเธอตายแล้วจะมาพูดคุยกันได้ไง”
                    “เป็นผีก็ส่งกระแสจิตกันได้นี่”
                    “เฮอะ รู้ดียังกับเคยเป็นผีมาก่อนแน่ะ เรายังไม่ตายแต่โดนจับตัวมาขังไว้ ซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ไหน
     รู้ว่าพอตื่นขึ้นมาก็อยู่บนเตียงนอนแล้ว”
                    อิงปวัณมองไปรอบตัว บ้านหลังนี้ต้องเป็นบ้านเศรษฐีใหญ่แน่นอนดูจากเครื่องเรือนและการตบแต่งภายใน มีแต่ของดีๆ หรูหรามีราคาแทบทุกชิ้น
                     เสียงประตูเปิดเข้ามา สองสาวหยุดคุยพร้อมกับหันมองไปทางเดียวกัน หญิงวัยกลางคนแต่งกายสุภาพสะอาดสะอ้าน ท่าทางใจดีเดินถือเสื้อผ้าและผ้าขนหนูเข้ามาในห้อง
                    “เสื้อผ้าของคุณๆ ค่ะ นายท่านสั่งให้อิฉันนำมาให้ผลัดเปลี่ยน”
                    “ป้าพูดไทยได้ดัวยหรือคะ” ธาราอดถามไม่ได้
                    “ป้าเป็นคนไทยนี่คะ มาทำงานเป็นแม่บ้านฮ่องกงมาเกือบสิบปีค่ะ”
                    “คนไทย โอ้ยดีใจจังเลย นึกว่าจะต้องกลายเป็นใบ้ไปเสียแล้ว แล้วป้าบอกได้ไหมคะ นี่บ้านของใคร แล้วนายท่านของคุณป้าจับตัวพวกเรามาทำไม”
                    หญิงสูงวัยยิ้มอย่างอ่อนโยนแต่ไม่ตอบคำถาม วางเสื้อผ้าไว้ที่ปลายเตียงพร้อมทั้งบอกว่าจะมีคนนำอาหารเข้ามาให้ในห้อง ให้รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสร็จ
                    ถึงแม้จะรู้สึกหวั่นใจแค่ไหน แต่จำเป็นต้องจัดการกับร่างกายที่เหนียวเหนอะเพราะไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เมื่อวานเสียก่อน พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็ได้อยู่ในชุดใหม่สบายตัว จากนั้นมีคนนำอาหารมาให้ ตอนแรกไม่มีใครกล้ารับประทานเพราะกลัวมียาพิษ แต่อิงปวัณฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าถ้าพวกนั้นจะฆ่าพวกเธอจริงคงจัดการไปตั้งนานแล้ว จะมาเสียเวลาใส่ยาพิษในอาหารทำไม
                    อาหารทุกจานหมดเกลี้ยงในเวลาไม่ถึงชั่วโมง รสชาติอาหารจีนออกจะจืดไปนิดแต่ความหิวทำให้ไม่ได้คิดถึงรสชาติมากนัก ป้าแม่บ้านคนเดิมกลับเข้ามาอีกครั้ง บอกให้ธารากับอิงปวัณตามเธอไปพบเจ้านายของเขาข้างล่างด้วยกัน
                    “เขาจะพาเราไปไหน” ธาราแอบกระซิบถามเพื่อนน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก กลัวจนต้องจับมือเพื่อนไว้แน่น
                    “เขาบอกแล้วจะไปหานายเขา เธออย่าแสดงอาการกลัวออกนอกหน้าสิ เดี๋ยวพวกนั้นก็ยิ่งขู่เราเข้าไปกันใหญ่ กล้าๆเข้าไว้”
                    “ใครจะเก่งเหมือนเธอล่ะอิง เจอเรื่องแบบนี้กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ลงคอ”
                    “ฉันไม่ได้เก่งมาจากไหนหรอก กลัวเหมือนกันแหละ แต่จะให้ทำไงได้เล่า“
                    มัวแต่หันมาคุยกันจนเกือบเดินชนกับหญิงสูงวัย พวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้าประตูโค้ง มองไปข้างในเป็นห้องโถงกว้างมีตู้ไม้ประดับมุกอยู่ตรงมุมหนึ่ง เฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นเท่าที่มองเห็นผ่านประตูล้วนทำด้วยไม้ทั้งสิ้น รสนิยมเจ้าของบ้านหลังนี้คงชอบของเก่าหายาก
                    “รอก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปรายงานนายท่านให้ทราบก่อน”
                    ป้าแม่บ้านเดินเข้าไปก่อนคนแรกแล้วออกมาในอีกไม่กี่นาที พยักหน้าให้สองสาวตามเข้าไป ต่างหันมามองหน้ากันเกี่ยงว่าใครจะเข้าไปก่อน
                     “เข้าไปพร้อมกันแหละค่ะ อย่าช้านะคะ ถ้านายท่านโมโหป้าไม่รู้ด้วย”
                    ฮิงปวัณสูดลมหายใจลึกๆ  ก่อนจะดึงมือเพื่อนเข้าไปด้วยกัน มาถึงป่านนี้แล้วจะต้องกลัวอะไรอีกเล่า 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×