ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คาสิโนเสน่หา

    ลำดับตอนที่ #9 : ตกกระไดพลอยโจน (2)

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.พ. 58


                     แมทธิวกลัวอิงปวัณจะเหงาอยู่บ้านคนเดียวจึงพามาทำงานด้วย แต่กลับทำให้เธอรู้สึกเบื่อหน่ายเข้าไปใหญ่เพราะไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งมองชายหนุ่มทำงานสลับกับอ่านหนังสือจนหมดตู้
                    “คุณจะไปไหนอิง”
                    ร่างบางชะงักฝีเท้าหันหลังกลับมา สีหน้าไม่สู้ชอบใจนัก เธอไม่ใช่เด็กอมมือที่จะต้องทำตามคำสั่งเขาเสียทุกอย่าง
                    “ฉันเบื่อไม่รู้จะทำอะไร เลยจะออกไปเดินเล่นข้างนอก”
                    “เดี๋ยวก็ได้เวลามื้อกลางวันแล้ว ค่อยไปพร้อมกันดีกว่านะ” แมทธิเงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มเอกสาร ส่งยิ้มให้ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ เขาต้องรีบเคลียร์งานให้เสร็จก่อนวันสำคัญจะมาถึง
                    “แต่ฉันไม่อยากอุดอู้อยู่แต่ในนี้นี่ ไม่รู้จะพามาด้วยทำไม กลัวฉันหนีหรือไงกัน  แล้วฉันจะหนีไปไหนได้ คนของคุณหูตายังกับสัปปะรด”
                    แมทธิวไม่เข้าใจความหมายที่เธอพูด แต่อดอมยิ้มขำไม่ได้
                    “อย่าดื้อสิที่รัก รอผมแป๊บเดียวเอง” เขาวางมือจากงาน ลุกจากเก้าอี้เดินตรงเข้ามาโอบไหล่หญิงสาว อิงปวัณปัดมือเขาออกไปราวกับรังเกียจเสียเต็มประดา เธอยอมเดินกลับไปนั่งตำแหน่งเดิมเพราะเหนื่อยกับการโต้เถียง ไม่ให้ไปไหนก็จะนั่งหน้าบูดอยู่แบบนี้
                    เขาส่ายศีรษะ เธอช่างรั้นอย่างที่ป้าเธอเตือนเขาไว้จริง จากนั้นต่างคนต่างนั่งเงียบ ไม่ปริปากพูดจากันสักคำเดียว มีแต่เสียงถอนลมหายใจอ่อนล้าของเจ้าของห้องกับเสียงเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำที่ทำงานได้ดีจนทำให้อิงปวัณเผลอหลับไป
                    แมทธิววางปากกาลงหลังจากเซ็นอนุมัติเอกสารแผ่นสุดท้ายเสร็จ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ สายตาแลไปเห็น
    อิงปวัณนอนซบใบหน้ากับพนักพิงหลับสนิท
                    “หลับง่าย กินง่ายยังกับเด็กแน่ะ” เขาเดินมายืนข้างเธอ ก้มหน้ามองเธอใกล้ ยิ่งพิศนานก็ยิ่งเห็นความน่ารักจิ้มลิ้มมากกว่าเมื่อก่อน จะว่าไปรูปหน้าเธอก็ยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก คิ้วโค้งโก่งรับกับดวงตากลมโต จมูกรั้น ริมฝีปากบางอิ่มสีชมพูจางๆ ผิวพรรณเนียนขาวใสแบบสาวเหนือ
                    แมทธิวเลื่อนใบหน้าเข้าใกล้หญิงสาวทีละน้อยจนปลายจมูกแตะแก้มนวล กลิ่นกายเธอหอมกรุ่มกว่าน้ำหอมใดๆในโลก เธอไม่ได้สวยจัดจ้านอย่างผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขา แต่เธอเป็นดวงใจของเขาเพียงคนเดียวที่อยู่ในความทรงจำเขามาโดยตลอด
                    “จะจูบอีกกี่ร้อยกี่พันครั้งก็ไม่มีวันเบื่อ”
                    ชายหนุ่มเลื่อนปลายจมูกวนข้างแก้มเนียนของหญิงสาวไปจนถึงริมฝีปากบางอวบอิ่ม เจ้าของแก้มนุ่มนิ่มยังคงหลับสนิทไม่รู้เรื่อง
                    เสียงเคาะประตูเข้ามาขัดจังหวะพอดี แมทธิวรีบผละออกห่างจากอิงปวัณได้ทันก่อนที่เธอจะตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าเขากำลังหอมแก้มเธอ อิงปวัณงัวเงียลืมตาตื่นขึ้นมา ทำหน้านิ่วสงสัยสายตาของคุณเลขาที่มองเธอแปลก
                    “มีอะไรด่วนหรือ”
                    “แขกพิเศษที่คุณให้ไปรับที่สนามบินมาถึงแล้วค่ะ เราได้จัดการพาคุณป้าไปพักผ่อนในห้องเรียบร้อยแล้ว”
                    “แขกพิเศษ” อิงปวัณทำน้ำเสียงประหลาดใจ หันขวับไปทางแมทธิวคาดคั้นคำตอบด้วยสายตา ชายหนุ่มไม่กล้าสบตาเธอ ออกคำสั่งกำชับเลขาให้ดูแลแขกของเขาให้สมกับคำว่าพิเศษ
                   
    แขกพิเศษของคุณคือใคร อิงปวัณถามทันทีที่อยู่กันตามลำพังสองคน
                    “ไปหามื้อกลางวันทานกันนะ ผมนัดแขกพิเศษเอาไว้ที่โรงแรม ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกคนกันเองทั้งนั้น”
                    “แล้วทำไมคุณไม่บอกฉันเสียแต่ตอนนี้  พูดอ้อมไปอ้อมมาอยู่ได้”
                    “เดี๋ยวก็รู้เองน่า ผมว่าคุณไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อน อีกสิบนาทีเราจะไปกันแล้ว”
                    อิงปวัณทำท่าจะไม่ยอมตามคำสั่งเขา แมทธิวจำต้องใช้ไม้แข็ง เขาแกล้งกระแอมไอ เดินเข้ามาใกล้หญิงสาว ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
                    “ถ้าคุณไม่ยอมไป ผมจะเป็นพาคุณไปเองตกลงไหม”
                    อิงปวัณส่งเสียงไม่พอใจ  แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอ เป็นคนของเขาแล้วแม้จะไม่เต็มใจนัก หญิงสาวปั้นหน้าบึ้ง คว้ากระเป๋าสะพายเดินเข้าห้องน้ำ ผ่านหน้าชายหนุ่มด้วยความสงสัย ช่างมีลับลมคมนัยอะไรนักหนาผู้ชายคนนี้
                    โรงแรมที่แมทธิวพาเธอไปอยู่ไม่ห่างจากบริษัทของเขามากนักใช้เวลาไม่นานก็มาถึง แมทธิวจองโต๊ะอาหารไว้ล่วงหน้าและได้ให้คนขับรถไปเชิญแขกพิเศษมา

                    แขกคนสำคัญก้าวผ่านประตูห้องอาหารเข้ามาตามหลังคนขับรถของแมทธิว หญิงสูงวัยร่างผอมบางเดินอย่าง กระฉับกระเฉงคล่องตัว แม้ว่าจะมีโรคประจำตัวก็ตาม รูปหน้าเธอละม้ายคล้ายกับอิงปวัณ
                    “คุณป้า” อิงปวัณยืนนิ่งหน้าชาอยู่กับที่ ป้าแท้ๆ อยู่ตรงหน้าเธอ กำลังใช้สายตาสำรวจหลานสาวตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า
                    “สวัสดีครับคุณป้า ผมชื่อแมทธิว ผมพูดไทยได้นิดหน่อยครับ การเดินทางไม่ลำบากนะครับ” แมทธิวเริ่มต้นแนะนำตัวเอง ยกมือไหว้ทักทายตามมารยาทคนไทย
                    “จ้า สวัสดีจ้ะ” บังอรหันมารับไหว้ชายหนุ่ม ส่งยิ้มใจดีให้ “ไม่ลำบากดอกนะ ขอบคุณมากที่ช่วยดูแลฉันเป็นอย่างดี”
                    “ไม่เป็นไรครับ เรามารับประทานอาหารกลางวันกันนะครับ ผมสั่งอาหารไทยไว้ให้”
                    “ฉันยังไม่หิว ขอโทษเถอะนะคุณ ขอเวลาฉันกับยายอิงหน่อยได้ไหม”
                    “ได้ครับ งั้นผมไม่รบกวน” เขาพยักหน้าเรียกคนของเขาที่ยืนอยู่ตรงนั้นให้ออกไปพร้อมกัน ปล่อยให้สองป้าหลานได้พูดจาตามลำพัง

                    ห้านาทีผ่านไป ต่างคนต่างนั่งเงียบ อิงปวัณก้มหน้ามองมือเย็นเยียบของตัวเอง ไม่กล้าเงยหน้าสบตามอง
                    “เรื่องเป็นอย่างที่เขาเล่าให้ป้าฟังใช่ไหมอิง”
                    อิงปวัณเม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกดวงตาทั้งสองข้างร้อนผะผ่าว ถ้าบอกปฏิเสธป้าเธอคงไม่เชื่อ เห็นกับตาว่าไปไหนมาไหนด้วยกัน จะบอกไม่มีอะไรกันคงไม่ได้ หญิงสาวผงกศีรษะยอมรับผิดแต่โดยดี
                     “เฮ้อ ยายอิงเอ้ย ทำไมถึงได้ใจง่ายแบบนี้  ที่ป้าพร่ำสอนตั้งแต่เริ่มโตเป็นสาวว่าให้รักศักดิ๋ศรีของตัวเอง ไม่ได้เข้าไปในสมองแกบ้างหรือไง”
                    ป้าบังอรดุเสียงเข้ม อิงปวัณได้แต่ก้มหน้านิ่ง พยายามจะกลั้นน้ำตาเอาไว้แต่ไม่อยู่ หยาดน้ำใสๆหยดหนึ่งร่วงลงบนหลังมือ
                    “หนูขอโทษค่ะป้า แต่หนูไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนี้” น้ำเสียงเธอสั่นเครือ บังอรมองหลานสาวแล้วอดเวทนาสงสารไม่ได้
                    “ถ้าตั้งใจนี่สงสัยว่าจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ เอาเถิด ไหนๆเรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่เสียไปก็เรียกร้องกลับมาไม่ได้ แล้วนี่จะเอาไงต่อ”
                    อิงปวัณเงยหน้าขึ้น ยกหลังมือเช็ดน้ำตา “อิงอยากกลับบ้าน วันนี้เลย”
                    “จะกลับได้ไง ผู้ชายคนนั้นไม่ได้บอกหรือว่าเขาขอแกกับฉันทางโทรศัพย์แล้ว แต่วันนี้เขามาขอแกอย่างเป็นทางการเพราะยังไม่สะดวกไปทำการสู่ขอที่ไทยตามประเพณีเรา”
                    “ก็ช่างเขาสิคะ อิงไม่ได้อยากแต่งกับเขานี่  ป้าก็รู้ว่าเขาเป็นฝ่ายฉวยโอกาส อิงถูกข่มเหงน้ำใจ”
                    “แต่แกก็เป็นเมียเขาแล้วนะยายอิง เกิดกลับไปบ้านแล้วท้องไส้จะว่าไง ทีนี้ได้ขายหน้าทั้งบาง”
                    “อิงว่าอิงไม่ท้องหรอกค่ะ แค่ครั้งเดียว”
                    “ครั้งเดียวก็ท้องได้ถ้าคนมันจะซวย อีกอย่างป้าถือเรื่องนี้มาก ลูกผู้ชายทำอะไรไปต้องรับผิดชอบซึ่งเขาก็รับผิดชอบเราแต่โดยดี ส่วนลูกผู้หญิงถ้าลองเสียตัวไปแล้วไม่สามารถเรียกคืนได้ มีแต่ต้องตกกระไดพลอยโจนไปตามนั้น”
                    “แปลว่าอิงต้องแต่งงานกับเขาหรือคะ ไม่ค่ะอิงไม่รักเขา”
                    “ไม่รักก็ต้องแต่ง ในเมื่อแกไม่ระวังตัวเอง ส่วนจะอยู่ได้ไม่ได้อีกเรื่องหนึ่ง เอาแค่ทำให้ถูกต้องก็พอ”
                    “ไม่แต่ง เป็นตายยังไงก็ไม่แต่งค่ะ อิงจะกลับบ้าน”
                    “แกต้องแต่ง ในเมื่อผู้ชายเป็นฝ่ายเข้าหาแกเอง แล้วเขาก็จัดการมัดมือชกแกแล้วด้วยยายอิง เรื่องนี้รู้ถึงหูบรรดาญาติๆ ของหนูสายน้ำที่เมืองไทยด้วย เพราะหนูสายน้ำกะจะแต่งพร้อมแกเหมือนกัน ลองแบบนี้สักพักก็รู้กันทั่วหมู่บ้าน”
                    “ว่าไงนะคะ สายน้ำจะแต่งงาน แล้วพ่อแม่ของสายน้ำยอมหรือคะ ทางนั้นเขาถือเรื่องนี้จะตาย”
                    “ต้องยอมสิเพราะเพื่อนเราน่ะอ้างว่าท้อง แถมทางฝ่ายชายเสนอสินสอดให้ไม่รู้กี่ล้านต่อกี่ล้านให้ ถึงพ่อสายน้ำจะโกรธลูกสาวมากแค่ไหน แต่ในเมื่อเรื่องเลยเถิดไปไกล คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าจัดการให้ถูกต้อง แกเองก็เช่นกัน จะปล่อยให้คาราคาซังแบบนี้ไม่ได้”
                    “ไม่ค่ะ อิงไม่แต่งงานกับเขาเด็ดขาด”
                    “ถ้าไม่แต่งงานกับเขาก็ไม่ต้องเรียกฉันว่าป้า เพราะฉันอายที่มีหลานสาวไม่มีสมอง ไม่รักษาหน้าคนที่เลี้ยงดูแกมา”
                    อิงปวัณตกตะลึงระคนเสียใจ ไม่คิดว่าป้าของเธอจะยื่นคำขาดถึงขนาดตัดญาติกัน บังอรไม่อยากกดดันหลานสาวมากนัก ลึกๆเธอหวังดีต่ออิงปวัณ เมื่อมีผู้ชายดีๆมีฐานะพอจะเลี้ยงดูเธอได้อย่างสุขสบายไปตลอดชีวิตมาสู่ขอก็น่าจะเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ ส่วนนิสัยของว่าที่หลานเขย เท่าที่ฟังวาจาน้ำเสียงทางโทรศัพย์ ได้มาพบหน้าค่าตาและแอบสืบประวัติมาคร่าวๆ นับว่าไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนัก ถ้าตัดเรื่องที่เขาเป็นเจ้าของคาสิโนออกไปเสีย
                    “ยายอิงเอ้ย ป้าอายุมากแล้วนะ ไม่รู้จะอยู่ดูแลแกได้นานแค่ไหน ถ้าแกเป็นฝั่งเป็นฝาไปเสียป้าจะได้นอนตายตาหลับ”
                    “แต่ป้าคะ อิงยังไม่รู้จักเขาดีพอเลย ถ้าเราเข้ากันไม่ได้ล่ะคะ”
                    “แกก็แยกทางกับเขาซะสิ เขาคงมีทรัพย์สินให้แกมากพอตอนหย่าขาดกัน พอที่แกจะไปตั้งตัวในเมืองไทยได้ อย่าคิดว่าเป็นการขายตัว เพราะแกมีค่ามากกว่านั้น  แต่งงานกับเขาเถอะนะ คิดว่าเห็นแกป้า ป้าขอล่ะ”
                    อิงปวัณก้มหน้านิ่ง สะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้อีกครั้ง  เธอต้องแต่งงานกับเขาอย่างไม่มีทางเลือก มื้ออาหารมื้อนั้นจึงกลายเป็นหมันไปเพราะมีแต่คนรับประทานไม่ลง ป้าบังอรขอตัวกลับไปพักผ่อน เธอให้เวลาหลานสาวนำคำพูดของเธอไปคิดไตร่ตรองให้ดี
                    หญิงสาวนั่งก้มหน้านิ่งโดยมีสายตาของแมทธิวมองด้วยความเป็นห่วง หลายครั้งที่เขาอยากจะปลอบใจเธอและบอกเธอไม่จำเป็นต้องทำตามคำขอของเขา
                    อิงปวัณเงยหน้าขึ้นมาสบตาชายหนุ่มอีกครั้ง เอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมาซึ่งทำให้หัวใจเจ้าของคาสิโนหนุ่มพองตัว
                    “ตกลง ฉันยอมแต่งงานกับคุณก็ได้แต่มีข้อแม้นะ”
                   
                    การแต่งงานถูกจัดขึ้นในโบสถ์เล็กๆ แห่งหนึ่งแถวชานเมือง ธาราให้เพื่อนรักได้แต่งงานก่อนเธอ เพราะแมทธิวอยู่ในฐานะเจ้านายของโจซัว คนเป็นลูกน้องจึงไม่ควรแต่งงานตัดหน้าคนเป็นนาย อีกอย่างธาราเพิ่งเริ่มตั้งครรภ์ ถ้าเจ้าสาวแพ้ท้องกลางงานจะพากันขายหน้าทั้งครอบครัว อาจจำเป็นต้องให้คลอดลูกก่อน
                    อิงปวัณมานั่งคิดทบทวนเปรียบเทียบระหว่างเธอกับเพื่อนรัก เรื่องของธาราน่าจะมีอุปสรรคมากกว่าเรื่องของเธอ เพราะธาราดันปล่อยให้ตัวเองท้องก่อนแต่ง แต่เรื่องกับตรงกันข้าม พ่อแม่ธาราเป็นผู้ใหญ่หัวสมัยใหม่ ถึงจะโกรธเคืองลูกสาวแค่ไหน  แต่สามารถทำใจยอมรับได้ ขอเพียงฝ่ายชายจัดการรับผิดชอบทำทุกอย่างให้ถูกต้อง
                    แขกในงานมีไม่ถึงร้อยคน แมทธิวเชิญเฉพาะญาติสนิทของทั้งสองฝ่ายและคนสำคัญเท่านั้น อันที่จริงเขาอยากจัดงานให้ยิ่งใหญ่สมกับความรักที่เขาให้เธอ และเป็นการให้เกียรติผู้ใหญ่ฝ่ายเธอด้วย แต่อิงปวัณขอร้องว่าไม่ต้องการให้เอิกเกริก ขอแบบเรียบง่ายที่สุด ที่สำคัญเงื่อนไขอีกข้อที่เธอขอมาและเขาจำต้องฝืนใจยอมรับก็คือ
                    การแต่งงานครั้งนี้ทำเพื่อให้ป้าเธอสบายใจ หลังจากป้าบังอรกลับไทยไปแล้ว อิงปวัณกับเขาต้องแยกกันอยู่อย่างเด็ดขาด รอเวลาอีกไม่กี่เดือนให้ป้าบังอรวางใจ เธอจึงค่อยหาทางกลับบ้านที่ไทยเอง
                    แผนการที่เขาอุตส่าห์วางไว้เพื่อรั้งหญิงสาวไม่ได้ผล สุดท้ายเธอก็เลือกจะหนีไปจากเขาอยู่ดี
                    เสียงเปียโนบรรเลงดังก้องไปทั้งห้องโถงใหญ่ ต้อนรับเจ้าสาวในชุดแต่งงานสีขาวที่เดินก้าวเข้ามาในโบสถ์อย่างสง่างาม ท่ามกลางประจักษ์พยานที่ต่างพากันมาร่วมแสดงความยินดี
                    อิงปวัณเดินมาอยู่ตรงหน้าเจ้าบ่าวและบาทหลวง พิธีเริ่มต้นด้วยการที่เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวจะต้องตอบคำถามของบาทหลวง ซึ่งเธอสามารถตอบทุกคำถามด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความหนักแน่นและเต็มใจ จบท้ายด้วยการโยนดอกไม้ให้กับสาวโสดในงาน หนึ่งในนั้นมีธาราเพื่อนรักอยู่ด้วยแต่ถูกคนอื่นแย่งตัดหน้าไป ป้าบังอรยืนมองหลานรักด้วยความปลาบปลื้มใจ ยกผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาซึม
                    “ขอให้ชีวิตคู่ของหลานทั้งสองมีความสุขมากๆนะ ถ้ามีปัญหาขัดข้องหมองใจกัน อย่าถือทิฐิล่ะ ให้ต่างเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แล้วมีหลานให้ป้าไวๆ”
                    “ครับคุณป้าผมจะรีบจัดการในวันนี้เลย โอ้ย”
                    เธอถองสีข้างเขา แมทธิวหันมามองหล่อนพร้อมยิ้มแก้มปริ เจ้าสาวแสนสวยกำลังอายอยู่ใช่ไหม หรือว่าแค่สะกิดไม่ให้เขาพูดมากไปกว่านี้
                    รถเปิดประทุนประดับตกแต่งด้วยผ้าแพรและดอกไม้นานาพรรณรอให้เจ้าบ่าวมาขับเตรียมพร้อมแล้ว อิงปวัณเดินตามหลังห่างเหมือนไม่ได้มาด้วยกัน แมทธิวไม่อยากให้คนสงสัยเอื้อมไปจับมือหญิงสาวให้เข้ามาใกล้ พร้อมกระซิบข้างหู
                    “เล่นละครกันหน่อยนะอิง ทุกคนจับตามองเราอยู่”
                    เธอเงยหน้ามองเข้าไปในแววตาลึก ยอมเผยรอยยิ้มอ่อนหวานให้เป็นครั้งแรก
                    “ดีมากที่รัก"
                    เผลอนิดเดียวเขาก็ขโมยหอมแก้มเธอไปฟอดใหญ่ อิงปวัณหันไปมองค้อนชายหนุ่ม แปลกนะแม้ว่าจะโกรธ แต่กลับรู้สึกมีความสุขดีเวลาที่ได้อยู่ใกล้ ปลอดภัยเมื่อเขาเข้ามาโอบอุ้มปกป้องเธอ หรือแท้จริงแล้ว หัวใจเธอเอนเอียงไปทางเขาเช่นกัน เพียงแต่กำแพงแห่งอดีตขวางกั้นจึงไม่ยอมเปิดใจรับเขาเข้ามาเต็มๆเสียที
                    เธอเกลียดการพนันไม่ใช่หรืออิงปวัณ เธอจะรับรักเขาไม่ได้เด็ดขาด
                    ห้องหอกระจ่างตาด้วยโทนสีชมพูอ่อน เตียงนอนโปรยด้วยกลีบกุหลาบ ถ้าเป็นประเพณีที่ไทย ป้าและผู้ใหญ่ทางฝ่ายเจ้าบ่าวจะต้องเป็นฝ่ายมารอส่งบ่าวสาวเข้าหอพร้อมทั้งให้โอวาท แต่งานแต่งที่ฮ่องกงไม่มี แมทธิวบอกกับป้าบังอรว่า ขอเวลาจัดการงานที่คั่งค้างให้หมดสิ้นเมื่อไรจะกลับไปจัดงานแต่งที่ไทยให้ยิ่งใหญ่สมฐานะเจ้าของบ่อน
                    “คืนนี้เราจะนอนกันอย่างไรดีน้า เอางี้คุณนอนบนเตียงแล้วกัน ผมนอนข้างล่าง” เขามองเตียงตรงหน้าแล้วยิ้มๆ
                    “ใครบอกล่ะ คุณนอนบนเตียงต่างหาก ห้องนี้เป็นของคุณ เตียงนอนก็เป็นของคุณนี่ ฉันจะไปไล่คุณนอนข้างล่างได้ไง”
                    “งั้นแปลว่าให้ผมนอนบนเตียงกับคุณใช่ไหม” คราวนี้แมทธิวยิ้มกว้างเสียจนเกือบถึงใบหู
                    “ไม่ใช่ค่ะ คุณนอนบนเตียงอยู่ในห้องนี้ ส่วนฉันจะขอไปนอนข้างนอกบนโซฟา โอเคนะ” อิงปวัณดึงเอาผ้าห่มกับหมอนเตรียมจะออกไปนอนห้อง
                    “ได้ไง เราเป็นสามี ภรรยากันนะ”
                    “เราแต่งงานกันในนามเท่านั้นไม่ใช่หรือคะ อย่าลืมสัญญาของเราสิ”
                    “แล้วคืนที่เราสองคน เอ่อ” แมทธิวไม่กล้าพูดต่อเมื่อเห็นสายตาขึ้งโกรธของหญิงสาว เขานึกอยากตบปากเสียของตัวเองนักที่เผลอพูดไม่เข้าหู เธอยังไม่รู้ตัวว่าถูกเขาหลอก เขาจึงยังเป็นผู้ชายชอบฉวยโอกาส ไม่เป็นสุภาพบุรุษในสายตาของเธอ
                    “ตามใจคุณนะ ถ้าเราจะแยกห้องกันเสียตั้งแต่เข้าหอวันแรก แต่คุณไม่ต้องไปนอนข้างนอกหรอก” แมทธิวดึงเอาผ้าห่มและหมอนหนุนจากมือของหญิงสาวมาถือไว้เอง “ผมจะเป็นฝ่ายไปเอง”
                    อิงปวัณรู้สึกใจแป้วชอบกล ที่เห็นสายตาผิดหวังของเขา
                    ไม่ได้นะยายอิง เธอจะใจอ่อนไม่ได้ ถ้าเกิดเธอกับเขาเผลอมีอะไรกัน แล้วท้องขึ้นมาจะว่าอย่างไร ครั้งเดียวไม่น่าพลาด แต่ถ้ามีหนสองหนสามอาจไม่แน่
                    งานวิวาห์ระหว่างอิงปวัณกับแมทธิวผ่านไปได้ด้วยดี จากนี้ไปใครต่อใครรับรู้ว่าอิงปวัณคือคุณนายเจ้าของคาสิโนอันดับต้นๆ ของมาเก๊า สาวน้อยสาวใหญ่ต่างพากันอิจฉาอิงปวัณ เปรียบเทียบว่าเธอช่างเหมือนซินเดอเรลลา แต่อิงปวัณกลับรู้สึกว่าเธอเหมือนนางไอ่ในหอคำมากกว่า หน้าที่ภรรยาของเจ้าของคาสิโนต้องวางตัวเช่นไร เธอยังไม่รู้เลย
                    ป้าบังอรพักอยู่ในฮ่องกงได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ก็ขอตัวกลับบ้านที่เมืองไทย
                    “ป้าน่าจะอยู่ต่อสักเดือนนะคะ“ อิงปวัณอาลัยอาวรณ์อยากจะขอตามกลับด้วย
                    “อยู่นานไม่ได้หรอกยายอิง ป้าเป็นห่วงบ้าน ห่วงเจ้าปุ๊กปิ๊กมันด้วย” เจ้าปุ๊กปิ๊กก็คือสุนัขสายพันธุ์บางแก้วตัวโปรดของอิงปวัณ
                    “เจ้าปุ๊กปิ๊ก โอ้ย พูดแล้วก็คิดถึง เคยจูงวิ่งเล่นด้วยกันทุกวัน” อิงปวัณน้ำตาคลอคิดถึงบ้าน  
                    “ร้องไห้เป็นเด็กไปได้ยายอิง ไม่เอาน่าอีกไม่นานสามีก็พากลับไทยไม่ใช่หรือ”
                    “ใช่ค่ะ อิงลืมไปเลย” อิงปวัณเช็คน้ำตา เริ่มยิ้มออก “ช่วงที่อิงไม่อยู่ ป้าดูแลตัวเองดีๆ นะคะ”
                    “เราก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะอิง  คุณแมทธิวคะ ป้าฝากอิงด้วยนะ”
                    “ครับคุณป้า ผมรับปากจะดูแลอิงให้ดีที่สุด”
                    แมทธิวโอบไหล่ภรรยาพร้อมส่งยิ้มหวานให้ อิงปวัณต้องแกล้งเล่นละครต่อหน้าป้า แต่สายตาที่สื่อออกมาตรงกันข้าม พอป้าบังอรเข้าเกตไปแล้ว หล่อนก็ปัดมือเขาออก สะบัดหน้าเดินหนีไปเสียดื้อๆ  ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าอย่างไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรดี
                    โชคดีที่เธอยังมีธาราเป็นเพื่อนจึงคลายความเหงาไปได้บ้าง แม้ว่าแมทธิวพยายามจะหาเวลามาเอาใจเธอ ชวนเธอเที่ยวแต่หญิงสาวเอาแต่ปฏิเสธเขามาโดยตลอด กำแพงที่อิงปวัณก่อขึ้นมาในใจหนาแน่นเกินกว่าที่เธอจะมองเห็นความดีงามของชายหนุ่ม
                    “ฉันจะกลับไทยนะอิง ล่วงหน้าไปก่อนเพราะพ่อฉันขอมา ส่วนเรื่องแต่งงานพ่อแม่ฉันเห็นว่าฉันดันพลาดท้องก่อน แต่ง เกรงว่าถ้าเจ้าสาวโอ๊กอ๊ากกลางงานจะไม่ดี เลยว่าจะให้มายกน้ำชาจัดแต่งตามประเพณีแบบเรียบง่ายในครอบครัวก่อน พอคลอดลูกแล้วค่อยจัดงานใหญ่  ตอนแรกที่พ่อรู้แทบล้มหมอนนอนเสื่อด้วยความอับอายเลยรู้ไหม แต่เพราะคุณแมทธิวให้ผู้ใหญ่ที่นับถือในไทยไปช่วยพูดให้ เรื่องเลยง่ายเข้า”
                    ธาราเอ่ยปากบอกเพื่อนในวันที่ทั้งสองนัดกันมาทานมื้อค่ำด้วย อิงปวัณชะงักรวบช้อนก่อนยกน้ำขึ้นมาจิบ
                    “
    งั้นฉันกลับด้วยคน”
                    “ไม่ได้นะอิง เธอต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน ถ้าจะไปเมืองไทยเธอต้องไปพร้อมกับคุณแมทธิว เห็นว่าหลังการประชุมใหญ่ของบรรดาเจ้าของคาสิโนเสร็จสิ้นในเดือนหน้า เขาจะพาเธอไปจัดงานแต่งงานที่ไทยอีกครั้งไม่ใช่หรือ”
                    “ก็เรื่องของเขาสิ อยากจะจัดงานที่ไหนเมื่อไร  ตามไปทีหลังก็ได้นี่ ทีเธอยังทำได้”
                    ธาราส่ายศีรษะระอา นิสัยประชดประชันของเพื่อนรักเป็นมาแต่ไหนแต่ไรแก้ไม่หายเสียที เวลาพูดหรือทำอะไรมักตรงกันข้ามกับหัวใจเสมอ
                    “เราไม่เหมือนกันอิงปวัณ คุณแมทธิวเขาเป็นถึงเจ้าของคาสิโน เป็นเศรษฐีใหญ่มีหน้ามีตา เป็นที่จับตาของคนในสังคม ฉะนั้นเธอต้องไม่ให้ใครเขามองว่าเธอกับเขามีปัญหากัน”
                     “ยุ่งยากจริง รู้งี้ไม่แต่งด้วยก็ดี”
                     “ไม่แต่งได้ไง ในเมื่อเธอกับเขาล้ำเส้นไปไกลพอๆกับคู่ฉัน” ธาราแกล้งเย้าแหย่ แต่อาจจะแรงไปหน่อยจนอีกฝ่ายหน้างอ ธาราไม่กล้ากระเซ้าต่อ “ไม่งอนน่า ฉันกลับก่อนเธอหนึ่งเดือนเอง เดี๋ยวเราก็ไปเจอกันอยู่ดี”
                    อิงปวัณหน้างอ ก่อนจะพูดว่า
                      “โอเคๆ กลับก่อนก็กลับก่อน ไปเจอกันที่ไทยในอีกเดือนนะ”
                    “ต้องแบบนี้สิ อย่าอารมณ์เสียนะ เดี๋ยวฉันพลอยไม่สบายใจไปด้วย ไม่ดีต่อหลานตัวน้อยๆนะ”
                    ธาราก้มมองที่ท้องน้อย ลูบเบาๆ แม้รู้ตัวว่าทำผิด แต่เธอก็มีความสุข
                    “นั่นสินะ ฉันไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้เธอเครียดด้วยเลย ไม่เอาละ เราคุยเรื่องอื่นกันดีกว่า”

                    หลังจากความผิดพลาดครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต แพทริเซียก็เอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้อง นานครั้งๆจะออกไปข้างนอก เธอสั่งเด็กในบ้านให้บอกกับคนที่โทรมาหาเธอว่า ไม่อยู่บ้านบ้าง ไม่สบายบ้าง แพทริเซียไม่ต้องการติดต่อกับใครเลย โดยเฉพาะแอนดี้  ไอ้สารเลวที่ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพนี้
                    แต่คนที่เธอแค้นใจที่สุดไม่ใช่แอนดี้ กลับเป็นผู้หญิงอีกคนมากกว่า
                    นังอิงปวัณ ฉันจะต้องทำให้เธอเจ็บแสบที่สุดในชีวิต

                    ”คุณแพทคะ มีแขกมาหาค่ะ บอกว่าต้องการพบกับคุณแพท ดิฉันบอกไปแล้วว่าคุณแพทไม่อยู่ แต่เขาขอรอคุณแพทที่ห้องรับแขก คุณแพทจะให้ดิฉันไล่กลับไปอีกครั้งไหมคะ”
                    “ไม่เห็นน่าถาม” แพทริเซียกระแทกวางขวดน้ำหอมกับโต๊ะเครื่องแป้ง น้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ “นักข่าวใช่ไหม ถ้าใช่ก็บอกไปว่าขออภัยที่ต้องให้กลับไปเพราะฉันไม่มีเวลาให้สัมภาษณ์เรื่องส่วนตัว”
                    “ได้ค่ะ คุณแพท” สาวใช้ออกไปทำตามคำสั่ง กลับมาอีกครั้งพร้อมซองสีชมพูอ่อน “เขากลับไปแล้วค่ะ แต่ฝากสิ่งนี้ไว้ด้วยค่ะ”
                    “เอาวางไว้บนโต๊ะ แล้วช่วยไปหาน้ำส้มมาให้ดื่มแก้วด้วย”
                    “ค่ะคุณแพท” สาวใช้วางซองที่คนฝากมาไว้บนโต๊ะ ก่อนไปเธอย้ำกับเจ้านายสาวน้ำเสียงอ้อมแอ้ม “คุณแพทคะ เขาบอกว่าเขาชื่อแอนดี้ค่ะ กำชับดิฉันให้บอกคุณแพทด้วยค่ะว่าให้เปิดซองสีชมพูให้ได้ก่อนค่ำนี้ ไม่งั้นคุณแพทจะเสียใจ”
                    แพทริเซียหยุดแต่งหน้า หันมามองซองสีชมพูเจ้าปัญหา คิ้วโค้งมนขมวดมุ่น เธอรู้สึกสังหรณ์ชอบกล
                    “ไม่ต้องเอาน้ำส้มมาให้ฉันแล้ว ฉันไม่ดื่ม ถ้าไม่จำเป็นอย่าให้ใครมารบกวนฉัน”
                    หลังจากสาวใช้ไปแล้ว แพทริเซียรีบคว้าซองมาเปิดดู แทบกรีดร้องด้วยความโกรธแค้นระคนตกใจ ไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายคนนี้จะกล้าส่งภาพที่เธอกับเขาร่วมรักกันมาแบล็กเมล์ มีกระดาษจดโน้ตมาด้วยหนึ่งฉบับ บอกให้เธอเลิกหลบหน้าเขาเสียทีและให้รีบไปหาเขาตามนัดก่อนที่ภาพทั้งหมดจะถูกส่งต่อไปยังนักข่าว
                    ภาพทุกภาพที่เธอได้เห็น โดยเฉพาะภาพร่างเปลือยเปล่าที่ถูกกระทำย่ำยีตอกย้ำว่าเธอเป็นของผู้ชายคนนี้แล้ว ไม่มีสิทธิ์ไปหาใครได้อีก แพทริเซียกล้ำกลืนน้ำตาลงคอ บ่มเพาะความแค้นไว้ในใจ ครุ่นคิดหาวิธีการจะเก็บงำความลับนี้ไว้กับตัวเพียงผู้เดียว
                    “ฉันไม่มีทางยอมแกง่ายๆ หรอก ไอ้แอนดี้”
                    แพทริเซียเลือกชุดที่คิดว่าเซ็กซี่ที่สุด แต่งหน้าโทนสีบาดตาบาดใจที่สุด เธอตั้งใจจะไปยั่วยวนให้แอนดี้หลงใหลวางใจ จากนั้นเธอจะให้บทเรียนอันแสนเจ็บปวดชนิดที่เขาไม่กล้ากลับมาข่มขู่เธอแบบนี้อีก
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×