ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : พิษริษยา
ร่างเปลือยเปล่าของธาราค่อยเยื้องย่างลุกออกจากเตียงนอน คว้าเสื้อคลุมตัวยาวเดินเข้าห้องน้ำ ปล่อยคนรักได้นอนหลับต่อโดยไม่คิดจะปลุก เมื่อคืนเขาทำให้เธอมีความสุขทั้งคืน กว่าจะพึงพอใจทั้งสองฝ่ายก็เล่นเกือบรุ่งเช้า ถ้าไม่มีเสียงโทรศัพย์มาปลุก เธอยังคงนอนต่อจนเลยเที่ยงวันแน่นอน
อิงปวัณโทรมาขอนัดทานข้าวและช้อปปิ้งด้วยกัน หลังจากไม่ได้เจอกันมานานหลายเดือน ธาราแต่งตัวเสร็จแล้วก็เข้าครัวทำโจ๊กหมูเตรียมให้โจซัวตอนตื่นนอนก่อนจะออกไปข้างนอก
“สายน้ำทางนี้”
ธารามองหาเจ้าของเสียง เห็นอิงปวัณกวักมือเรียกอยู่ตรงมุมหนึ่งของร้านอาหาร เธอรีบก้าวเท้าเข้าไปหาเพื่อน ยิ้มทักทายกันอย่างเคย จากนั้นก็เรียกพนักงานมาสั่งอาหาร
“กินกันอิ่มแล้วเราไปช้อปกันนะอิง ฉันโหยหาเวลานี้มานานแล้ว”
“แน่นอนเพื่อนรัก เราจะไม่พลาดอีกแล้ว คราวนี้ได้เดินช้อปตามใจชอบโดยไม่ต้องมีคนคอยตาม มีความสุขชะมัด”
ไม่มีใครถามถึงเรื่องเมื่อคืนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ธาราไม่อยากให้เพื่อนอารมณ์เสียตั้งแต่เริ่มต้น จึงคิดว่าจะลองหาจังหวะเหมาะๆ คุยกับเพื่อนสาวถึงเรื่องที่เธอเพิ่งรู้มา โจซัวขอให้เธอรับปากว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับอิงปวัณ แต่ธาราคิด
ว่าอิงปวัณควรได้รู้
สองสาวเดินซื้อของจนเมื่อยล้าไปทั้งตัวแต่ไม่ยอมแพ้ ได้ทั้งเสื้อผ้าแบรนเนม น้ำหอมแ ละของฝากกลับเมืองไทยไปหลายถุง หลังจากเที่ยวสนุกแบบผู้หญิงจนได้เวลา พวกเธอก็เลือกมุมนั่งเล่นพักผ่อนอยู่ที่ริมอ่าววิกตอเรียในตอนเย็นย่ำ
“วิวสวยดีเนอะอิง” ธาราชี้ชวนให้เพื่อนดูตรงนั้นทีตรงนี้
“ใช่วิวสวยมาก”
สายลมจากแผ่นน้ำกว้างพัดเอาความเย็นสบายมายังริมฝั่ง อากาศบริสุทธิ์โล่งปลอดโปร่งพลอยทำให้จิตใจสดชื่นไปด้วย ธาราคิดว่าเวลานี้เหมาะสมที่เธอจะบอกความจริงบางอย่างให้อิงปวัณได้ฟัง
“ถ้าอยู่ที่นี่แล้วมีความสุข เราอย่าเพิ่งกลับไทยเลยนะ”
อิงปวัณหันกลับมามองเพื่อน หน้านิ่วคิ้วขมวดเป็นปม
“ฉันจะไม่ถามเธอแล้วนะว่าทำไม แต่สายน้ำเราต้องกลับไปเรียนต่อให้จบ แล้วทางบ้านเราล่ะ หายมานานแบบนี้ ไม่เป็นห่วงเราแย่หรือ ดีนะที่วันก่อนฉันโทรไปหาป้าแล้ว ขออยู่ต่อโดยอ้างว่าฉันกับเธอไปพักอยู่กับเพื่อนที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเพื่อขอเรียนภาษาเพิ่มเติม ไม่งั้นป่านนี้มีคนมาตามตัวเรากลับตั้งนานแล้ว”
“ฉันรู้ และฉันก็โทรกลับไปคุยกับพ่อแม่แล้วด้วยเมื่อวานนี้ ว่าจะขออยู่ต่อจนกว่าจะเปิดเทอม”
“หา ! เปิดเทอม อีกเดือนหนึ่งเชียวหรือ ไม่เอาเธอต้องกลับกับฉันอาทิตย์หน้าเลย ฉันไม่ขออยู่ที่นี่อีกแล้ว เบื่อ”
“เบื่อจริงหรือเปล่า” ธาราหันมายิ้มๆ “ไม่ใช่ว่าอยากอยู่ที่นี่เพราะใครบางคนหรือ”
“บ้าสิ อีตามาเฟียหน้าหล่อนั่น ไม่มีอิทธิพลกับฉันหรอกย่ะ”
“ฉันยังไมได้เอ่ยชื่อเลยนะว่าใคร แหมไม่เห็นต้องรีบตอบก็ได้”
อิงปวัณแกล้งลอยหน้าลอยตาไปทางอื่น กลัวอีกฝ่ายจับสีหน้าผิดปกติของตนได้ “ไม่เห็นจะเดายากเลยว่าเธอหมายถึงใคร”
“นี่อิง เธอไม่สังเกตสายตาคุณแมทธิวที่เขามองเธอบ้างหรือไงจ๊ะ ดูเขาห่วงเธอมากกว่าคนอื่น เราว่าเขาชอบเธอล่ะ”
“บ้าสิ ใครเขาจะมาชอบเด็กกำพร้ากะโปโลอย่างฉัน อย่าเพ้อเจ้อ เอาแต่มโนหน่อยเลย”
“ฉันพูดจริงๆ นะ ฉันว่าเขาชอบเธอมาก ไม่ใช่เป็นความรู้สึกเหมือนรักแรกพบหรอกนะ เธออาจไม่สวยเท่าผู้หญิงที่เคยเป็นคู่ควงเขามาก่อน แต่เกิดจากความรักความผูกพันที่ฝังในใจมานานต่างหาก”
“เธอพูดอะไรนะสายน้ำ ไม่เห็นเข้าใจเลย” อิงปวัณหันมามองเพื่อน “มีอะไรที่เธอรู้แต่ฉันไม่รู้อีกใช่ไหม” อิงปวัณคาดคั้น ธารายิ้มเงยหน้าสบตาขี้สงสัยของเพื่อน ก่อนจะผงกศีรษะรับ
“ใช่อิงปวัณ เธอถามถูกทางแล้ว ฉันมีบางเรื่องจะเล่าให้เธอฟัง แต่สัญญานะ ต้องฟังให้จบก่อนแล้วค่อยคิดตาม อย่าเพิ่งโวยวายไปก่อน โอเคไหม”
อิงปวัณเม้มริมฝีปากบาง พร้อมพยักหน้ารับ เสียงคลื่นเบาๆ ยังลอยมาตามแรงลม ในขณะที่ท้องฟ้าเบื้องบนใกล้จะหมดแสงแห่งวัน
นอกจากกิจการคาสิโน แมทธิวยังมีธุรกิจส่งออกอยู่ในฮ่องกงด้วย ถ้าว่างเว้นจากงานคุมคาสิโนก็แวะข้ามฝั่งด้วยเรือส่วนตัวหรือไม่ก็เฮลิคอปเตอร์มาทำงานที่บริษัท การดำเนินกิจการคาสิโนเพียงอย่างเดียวดูไม่มั่นคงพอที่จะพยุงฐานะที่มั่งคั่งของตระกูลเขาไว้ได้
“คุณแมทธิวคะ มีคนต้องการขอเข้าพบค่ะ”
แมทธิวางปากกาลง เมื่อได้ยินเสียงเลขาผ่านเครื่องอินเตอร์คอมบนโต๊ะ
“ถามสิว่าใคร ผมจำได้ว่าผมไม่ได้บอกให้คุณนัดใครไว้”
“เธอบอกไม่ได้นัดคุณไว้ค่ะ แต่เธอบอกว่าคุณรู้จักเธอดี เธอว่าเป็นคนนำโชคของคุณค่ะ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วโค้งมน อิงปวัณรู้ได้ไงว่าเขาอยู่ที่นี่ แต่เขาดีใจนักที่เป็นเธอ
“เชิญเข้ามาได้ครับ ช่วยหาน้ำส้มและของว่างมารองรับด้วย”
ประตูถูกเปิดออก ร่างบางในชุดทะมัดทะแมงเดินเข้ามา เขายิ้มหวานให้เธอและก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อได้เพียงใบหน้าบึ้งตึงกลับมาแทน เขาไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจอีก
“ไม่คิดมาก่อนว่าคุณอุตส่าห์มาหาผมถึงที่ ใครบอกคุณว่าผมอยู่ที่ไหน โจซัวหรือครับ”
“ไม่สำคัญหรอกค่ะว่าฉันรู้ได้อย่างไร ความสำคัญอยู่ที่เรื่องของเราสองคนมากกว่า ทำไมคุณไม่บอกฉันว่าเราสองคนเคยพบกันมาก่อน”
แมทธิวมองหญิงสาวหน้านิ่งไป เขาคาดอยู่แล้วว่าเธอต้องรู้เรื่องนี้สักวัน แต่ไม่คิดว่าจะรู้เร็วขนาดนี้ เดาได้ไม่ยากว่าต้นตอมาจากไหน
แม่บ้านเคาะประตูขอนำอาหารว่างกับเครื่องดื่มเข้าไปในห้อง แมทธิวชวนหญิงสาวรับประทานของว่างก่อน
“มาเหนื่อยๆ นั่งก่อนแล้วค่อยคุยกัน เรื่องนี้ผมมีคำอธิบายนะ”
“ข้อแก้ตัวมากกว่าค่ะ เอาเถอะ เรื่องผ่านมาแล้ว ป่วยการที่จะรื้อฟื้น เอาเป็นว่าอดีตของเราเป็นอย่างไรไม่ต้องไปจดจำ เพราะยิ่งจำยิ่งเจ็บ เรื่องราวแต่หนหลังไม่ได้ทำให้ความรู้สึกของฉันที่มีต่อคุณในเวลานี้เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น เราก็ยังเป็นเพียงแค่คนรู้จักกัน”
“อิงปวัณ ผมขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังคุณ เพียงแต่ยังหาโอกาสบอกความจริงไม่ได้ เราเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้ไหม”
“เพื่อนร่วมโลกพอได้ค่ะ” น้ำเสียงหล่อนห้วนๆ
“คุณกำลังโกรธผม”
“ฉันไม่ได้โกรธ แค่คิดอย่างคนมีเหตุผลต่างหาก”
“ไม่จริงคุณกำลังโกรธผม ทำไงถึงจะหายโกรธ”
“เฮ้ย ป่วยการจะเถียง เอาเป็นว่าเรื่องระหว่างเราสองคนควรจบแค่นี้ พรุ่งนี้ฉันกับสายน้ำจะกลับไทยแล้ว เราสองคนไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป”
“ผมไม่ยอมให้คุณกลับ คุณยังไปไหนไม่ได้ถ้าผมไม่อนุญาต”
“เสียใจค่ะ คุณห้ามฉันไม่ได้หรอก ลาก่อนคุณแมทธิว อ้อลืมบอกไปว่าฉันจะไปแจ้งทำพาสปอร์ตชั่วคราว ส่วนพาสปอร์ตที่คุณยึดไว้ก็ทำลายซะ เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์”
อิงปวัณหมุนตัวกลับเดินออกจากห้อง แมทธิวทอดถอนใจท้อแท้ คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรถึงจะรั้งเธอไว้กับเขาให้นานที่สุด แต่ถ้าใจคิดแต่จะหนีจากเขา จะเกิดประโยชน์อะไรเล่า ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายรักเธอเพียงคนเดียว
ธาราผุดลุกจากเก้าอี้ตัวยาว หน้าตื่นเมื่อเห็นเพื่อนผลักประตูห้องเข้ามา
“เป็นไงบ้าง อิง คุณแมทธิวว่าไง”
“ฉันไม่รู้เพราะไม่ได้อยู่ฟังเขาแก้ตัว”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“อย่าถามเหตุผลได้ไหม ขี้เกียจตอบ เสียเวลา เก็บเสื้อผ้ากัน พรุ่งนี้เราจะกลับบ้าน”
“เดี๋ยวนะอิง คุณแมทธิวเขายอมให้เธอกลับแล้วหรือ”
“ยอมไม่ยอมฉันจะต้องกลับไทยให้ได้ เก็บของซะแล้วเดี๋ยวเราไปทำพาสปอร์ตชั่วคราวที่สถานทูตกัน อาจยุ่งยากแต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะหาทางกลับบ้านไม่ได้”
“แต่อิง” ธาราพยายามคัดค้านความคิดเพื่อน อิงปวัณยกกระเป๋าขึ้นวางกระแทกเตียง
“ถ้าเธอไม่อยากกลับเพราะห่วงใครบางคนก็อยู่นี่ต่อไป ฉันกลับคนเดียวได้”
ธารามองเพื่อนสายตาละห้อย เธอไม่ได้ห่วงเขาคนนั้นแต่ห่วงความรู้สึกของอิงปวัณต่างหาก ใจคอเธอไม่มีทางปล่อยให้อิงปวัณกลับคนเดียวแน่นอน ธาราเดินผละจากอิงปวัณมาจัดกระเป๋าตัวเองบ้าง ก่อนจะออกเดินทางได้โทรไปปรึกษากับโจซัว โจซัวบอกให้เธอกลับไทยไปก่อนแต่ทิ้งที่อยู่เอาไว้ แล้วเขาจะพาแมทธิวตามไปหาที่เมืองไทยทีหลัง
สองสาวเดินออกมาจากโรงแรมในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา มุ่งหน้าไปตรงไปยังรถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อต่อไปสถานทูต
ภายในทางเดินรถไฟใต้ดินคับคั่งไปด้วยผู้คนจากทุกสารทิศ การเดินทางสัญจรในประเทศนี้นิยมใช้รถไฟฟ้าเป็นส่วนมากเพราะสะดวกรวดเร็วและมีบริการเกือบทุกมุมของประเทศ นอกนั้นจะเป็นรถโดยสายประจำทางที่มีอยู่แทบทุกเส้นถนน การจะเข้าไปใช้บริการรถโดยสารรถประจำทางจำเป็นต้องเดินไปที่ป้ายตามหมายเลขโดยเฉพาะจะไม่จอดรับนอกป้ายเด็ดขาด
ธาราอาสาไปซื้อตั๋วโดยสารให้เพื่อนและตัวเอง เธอพยายามถ่วงเวลาให้นานที่สุดเผื่อว่านายแมทธิวอะไรนั่นอาจกำลังตามหาพวกเธออยู่ ทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ โจซัวบอกกับเธอทางโทรศัพย์แล้วว่าเจ้านายของเขาไม่คิดจะเหนี่ยวรั้งอิงปวัณว้หากเพื่อนเธอไม่เต็มใจจะอยู่ในฮ่องกงต่อ
“ไปเสียนานเลย ฉันรอจนเมื่อยขาหมดแล้ว” อิงปวัณบ่นอุบหลังจากยืนรอมาเกือบครึ่งชั่วโมง
“ขอโทษทีแถวยาวมาก เราได้ตั๋วแล้วไปกันเถอะ”
อิงปวัณกับธาราช่วยกันลากกระเป๋าไปที่ประตูทางเข้าชานชลา ยังไม่ทันแตะตั๋วไปที่หน้าจอใครคนหนึ่งก็เข้ามาประกบด้านหลังเธอ อิงปวัณสะดุ้งตัวเมื่อมีบางสิ่งแข็งๆ กระแทกหลัง
“อยู่เฉยๆ แล้วทำตามที่พวกผมสั่ง อย่าเอะอะทำพิรุธให้ใครจับได้ ไม่งั้นหลังทะลุแน่”
อิงปวัณหันไปมองธาราเห็นมีผู้ชายสูงใหญ่อีกคนประกบด้านหลังเช่นกัน เธอไม่รู้ว่าข้างหลังเพื่อนรักกับของเธอมีอะไรแต่เดาว่าคงเป็นปืน ทั้งสองตัวแข็งทื่อไม่กล้ากระดุกกระดิก คนอื่นที่เดินตามมาต่อท้ายบ่มพึมพำว่าทำไมพวกเธอสองคนถึงไม่ผ่านประตูเข้าไปเสียที
“ถอยหลังแล้วออกจากตรงนี้ซะเร็ว” เสียงทุ้มแหบกระซิบที่ข้างหูอีกครั้งเป็นภาษาอังกฤษ อิงปวัณไม่กล้าขัดขืน หันไปส่งสายตาบอกเพื่อนให้ทำตาม ทั้งสองเดินถอยห่างจากประตูทางเข้า มีเสียงผู้หญิงแก่ๆ บ่นตามหลังมาอีก
พวกเขาถูกปืนจี้หลังบังคับให้เดินออกจากรถไฟใต้ดิน แล้วมาหยุดอยู่ที่ริมถนน ธาราไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมอง เธอสบตาเพื่อนหลายครั้งทำท่าจะร้องไห้ออกมา อิงปวัณเองก็ยังมืดแปดด้าน ได้แต่พยักหน้าบอกให้ทำตามคนพวกนี้ไปก่อน เธอแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า แมทธิวจะเล่นสกปรกแบบนี้
รถตู้คันหนึ่งแล่นมาจอดตรงหน้า พวกเขาผลักสองสาวให้เข้าไปในรถพร้อมทั้งเข้าไปนั่งประกบซ้ายขวา อิงปวัณเพิ่งเห็นหน้าคนที่ลักพาตัวเธอชัดๆ รู้สึกแปลกใจที่ไม่คุ้นหน้าพวกเขาแม้แต่น้อย เหมือนไม่เคยเห็นในบ้านของแมทธิวมาก่อน
“คงเป็นลูกน้องอีกกลุ่มที่เลี้ยงไว้ทำงานผิดกฎหมายแหงๆ”
อิงปวัณไม่วายคิดในทางลบกับผู้ชายคนนั้น แน่ละสิ พวกอยู่กับการพนันไม่มีใครน่าเชื่อถือได้สักคน
รถแล่นไปตามท้องถนนมุ่งออกจากตัวเมือง ผ่านพื้นที่เนินเขาซึ่งเต็มไปด้วยป่ารกสองข้างทาง นานๆถึงจะพบบ้านคนสักหลัง แล้วมาโผล่ที่ชายทะเล เห็นท้องฟ้าสีครามสดใสตัดกับผืนน้ำสีฟ้าเข้ม ถ้าเป็นเวลาอื่นคงจะน่าชื่มชมอภิรมย์กว่านี้ แต่ไม่ใช่เวลาที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์แปลกหน้านั่งขนาบข้างซ้ายขวาพร้อมอาวุธครบมือ
“เรากำลังจะไปที่ไหนบอกได้ไหม” อิงปวัณตัดสินใจรวบรวมความกล้าถาม
ไม่มีใครให้คำตอบเธอ มีแต่สายตาดุๆกลับมาแทน เป็นอันว่าขืนถามคำถามต่อไปอาจจะเจอของแข็งเข้า
อาคารทรงสี่เหลี่ยมสีขาวติดชายหาดคือจุดหมายที่พวกเขาพาเธอมา อิงปวัณกับธาราถูกคนพวกนั้นบังคับให้เอามือไขว้หลังแล้วมัดเสียแน่นหนา ผละให้เดินไปเข้าไปในอาคาร ข้างในเป็นห้องโล่งมีเฟอร์นิเจอร์อยู่สองสามชิ้น เธอกับธาราถูกคนพวกนั้นจับมัดกับเก้าอี้กลางห้องแล้วให้นั่งหันหลังชนกัน
“พวกแกต้องการอะไรจากพวกเรา เงินใช่ไหม ฉันมีเงินอยู่จำนวนหนึ่งเอาไปได้เลยนะ ขออย่าทำอะไรฉันเลย”
พวกนั้นแผดเสียงหัวเราะราวกับสิ่งที่อิงปวัณเอ่ยปากออกไปเป็นเรื่องตลก อิงปวัณทั้งโกรธทั้งโมโห แต่ความหวั่นกลัวมีมากกว่าจึงระงับอารมณ์ไม่แสดงออกมา พยายามพูดจาดีด้วย
“พวกคุณจะเอายังไงกับฉัน ไม่บอกความต้องการมาแล้วฉันจะรู้หรือ”
หนึ่งในนั้นหยุดหัวเราะหันมาตะคอกใส่
“หุบปากซะ ไม่งั้นได้เจอดีแน่ เดี๋ยวนายเรามาก็ถามให้หายสงสัยเสียสิ”
“เจ้านายพวกคุณเป็นใครกัน แมทธิวหรือ”
“หึหึหึ คนอย่างแมทธิวไม่เอาเรามาเป็นลูกน้องหรอก เพราะเราโหดเกิน”
อิงปวัณกับธาราอ้าปากค้างตกตะลึง ถ้าไม่ใช่แมทธิวแล้วใครกันที่สั่งให้คนมาจับพวกเธอขังไว้ อิงปวัณแน่ใจว่าเธอไม่มีศัตรูที่ไหนอีก
ความเงียบเชียบเข้ามาเยือน เสียงที่ได้ยินชัดเจนในเวลานี้เป็นเสียงของคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง กับเสียงทอดถอนใจของสองสาวผู้ตกเป็นเหยื่อ ส่วนกลุ่มชายฉกรรจ์ที่จับตัวเธอมาออกไปข้างนอกกันหมด อิงปวัณไม่แน่ใจว่าพวกนั้นเฝ้าเธอกี่คนกัน แต่เธอไม่คิดจะพาเพื่อนเสี่ยงหนีออกไป ดีไม่ดีเอาชีวิตมาทิ้งไว้เสียที่นี่
“กี่โมงแล้วอิง” ธาราถามน้ำเสียงอ่อนแรง
“ไม่รู้สิ จะดูเวลาก็ดูไม่ได้ ถูกมัดอยู่แบบนี้จะทำไงเล่า เดาให้ละกัน สักสี่ทุ่มได้มั้ง”
อิงปวัณมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นหมู่ดาวระยิบระยับส่องแสงพร่างพราวเต็มผืนฟ้าสีดำสนิท คลื่นลมแรงยังคงหอบเอาไอเย็นกระทบฝั่งตลอดเวลา ไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงเฉกเช่นเดียวกับความคิดที่สับสนของอิงปวัณ
เป็นไปไม่ได้ที่ไม่ใช่ฝีมือเขาเพราะเธอแทบไม่รู้จักใครในฮ่องกงเลย
แล้วเขาจะให้คนมาโกหกเธอเพื่ออะไรให้ เพื่อให้เธอมองว่าเขาเป็นคนดีงั้นหรือ แต่ในสายตาอิงปวัณ เธอไม่เคยวางใจผู้ชายคนนี้ตั้งแต่เจอหน้าครั้งแรก แล้วเป็นอย่างที่เธอคาดไว้ เขาปิดบังความจริงอยู่ตลอดเวลาที่ได้รู้จักกัน
อิงปวัณเผลอหลับไปนอนไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าเพื่อนรักเธอหลับก่อน สะดุ้งตื่นอีกทีเมื่อแสงแดดเจิดจ้าลอดผ่านช่องลมส่องกระทบใบหน้า
“สายน้ำตื่นเหอะ เช้าแล้ว ตื่นๆ”
อิงปวัณหันไปปลุกเพื่อน ธารางัวเงียตื่นขึ้นมา อ้าปากหาวเสียงดัง
“ง่วงจัง เมื่อคืนหลับๆ ตื่นๆ นอนไม่เต็มอิ่มเลย”
“ขนาดนอนไม่เต็มอิ่มนะเนี่ย ได้ยินเสียงกรนหูแทบแตก”
“แหม ก็มีช่วงเหนื่อยเมื่อยเพลียกับเขาเหมือนกันนี่ ฉันก็ยังเป็นคนนะ”
“ชู่ว์เงียบๆ มีคนกำลังเดินมา”
ทั้งสองต่างหยุดพูด พากันเงี่ยหูฟัง สักพักได้ยินเสียงคนไขประตูห้อง อิงปวัณหายใจไม่ทั่วท้อง หรือเช้านี้จะเป็นเช้าสุดท้ายของชีวิตที่จะได้เห็นแสงตะวัน
“นี่หรือคนนำโชคมาให้แมทธิว สงสัยจะไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังจะโชคร้าย”
เสียงกระแหนะแหนคุ้นหู อิงปวัณกับธาราเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกัน พอเห็นว่าใครอยู่ตรงหน้าพวกเธอ ถึงกับอ้าปากค้าง
“คุณแพทริเซีย ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้ หรือว่าทั้งหมดเป็นฝีมือคุณ”
“ฉลาดนี่ ก็ดีจะได้ไม่ต้องอธิบายมาก”
แพทริเซียเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าธารา มองด้วยสายตาเหยียดหยาม ก่อนจะเดินวนมายืนค้ำศีรษะอิงปวัณก้มมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรเช่นกัน
“คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร จับฉันมาทำไม ฉันไปทำอะไรให้คุณ”
“นี่เธอยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าเพราะอะไร จะบอกให้ก่อนตายก็ได้ เธอเป็นตัวมารขัดความสุขของฉันไงล่ะ ตั้งแต่เธอเข้ามาในชีวิตของแมทธิว เขาแทบไม่สนใจใยดีฉันเลย ทั้งที่ฉันเป็นคนรักของเขา”
“แล้วมันเกี่ยวกับเพื่อนฉันตรงไหน คุณแมทธิวจะมีใจให้ใครหรือเมินเฉยกับใครเพราะตัวของคนๆ นั้นไม่น่าสนใจไง เชอะ ผู้ชายเขาไม่เอาแล้วเที่ยวโทษคนอื่น อ้อฉันยังไม่เคยได้ยินคุณแมทธิวบอกสักคำว่าคุณเป็นคนรักของเขา นอกจากหลงตัวเอง เป็นพวกชอบมโนเก่งต่างหาก”
ธาราตอกกลับแทนเพื่อนได้เจ็บแสบ แพทริเซียโกรธจัด ลงมือตบหน้าธาราฉาดใหญ่
“อย่าทำร้ายเพื่อนฉัน เขาไม่เกี่ยว ถ้าเกลียดโกรธฉันก็ควรลงที่ฉันคนเดียว!” อิงปวัณโมโหเลือดขึ้นหน้า ตวาดใส่เสียงดังแพทริเซียกระชากผมหญิงสาวดึงขึ้นมา
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ปล่อยใครไปสักคนแน่ อะไรที่เป็นของฉัน ฉันไม่มีวันปล่อยหลุดมือ”
“เบาๆ หน่อยสิคุณแพท เดี๋ยวแม่สาวสองคนจะหมดสวยก่อนตายนะ”
แอนดี้เดินเข้ามาพอดี อิงปวัณมองไปที่คนมาใหม่ ดูจากการแต่งกายในชุดสูทชั้นดี น่าจะเป็นหัวหน้าใหญ่สุดและเป็น
ผู้บงการทั้งหมด โดยมีแพทริเซียเป็นผู้ว่าจ้าง อิงปวัณนึกอยากรู้ค่าตัวเธอเหมือนกัน
“จะไปสนทำไมว่าจะเป็นศพสภาพไหน จัดการให้เรียบร้อย อย่าให้เหลือหลักฐานสาวมาถึงฉัน”
แอนดี้ยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ แพทริเซียหันไปทางสองสาวอีกครั้ง โบกมืออำลาพร้อมยิ้มมุมปากด้วยความสะใจ ก่อนจะเดินออกไปด้านนอกปล่อยให้หน้าที่เชือดเหยื่อเป็นของแอนดี้
“ขอโทษนะพวกคุณ ผมจำเป็นต้องทำ แต่เพื่อให้พวกคุณตายอย่างสงบ ผมจะให้คนของผมโปะยาสลบให้หลับสบาย ก่อนจะเอาไปทิ้งกลางทะเล”
“เฮ้ย ! ไม่นะ” อิงปวัณกับธาราร้องตกอกตกใจเสียงหลงพร้อม แอนดี้หันไปผงกศรีษะให้ลูกน้องที่ติดตามมาซึ่งยืนอยู่ข้างหลังทำตามคำสั่ง อิงปวัณฮึดสู้พยายามจะลุกหนีทั้งที่ถูกผูกติดเก้าอี้ ชายคนนั้นไปที่ธาราก่อน เธอได้ยินเสียงเพื่อนร้องแอะเดียวจากนั้นก็เงียบไป คงจะหมดสติไปแล้ว
“ฉันมีข้อแลกเปลี่ยน อย่าฆ่าฉันเลยนะ เราไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกันไม่ใช่หรือ”
อิงปวัณต่อรอง แต่ไม่มีคำตอบกลับมาจากคนที่เธอขอต่อรองด้วย ผ้าผืนหนากดเข้ามาที่จมูกอย่างแรง หล่อนกลั้นหายใจสุดชีวิต รู้สึกง่วงงุน ศีรษะหนักอึ้งคล้ายมีอะไรมาถ่วง ความมืดมิดค่อยๆคืบคลานเข้ามาทีละน้อย ก่อนจะหมดความรู้สึกเธอสวดมนตร์ภาวนาในใจ ถ้ามีอันเป็นไปไม่มีปาฏิหาริ์ยใดมาช่วย ก็ขอให้มีคนพบศพเธอและพากลับบ้านเกิดด้วย
แมทธิวผุดลุกผุดนั่งอยู่ไม่เป็นสุขนัก ก่อนหน้านั้นเขาสั่งให้คนคอยตามส่งอิงปวัณกับธาราตั้งแต่ออกจากโรงแรมจนถึงสนามบิน แต่ลูกน้องเขาดันคลาดกับพวกเธอตอนอยู่ในทางเดินรถไฟใต้ดิน ซ้ำยังได้รับรายงานอีกว่าไม่พบรายชื่อผู้หญิงสองคนโดยสารไปกับสายการบินไหนในวันนี้แล้ว แล้วยังไม่มีการกลับเข้ามาโรงแรมด้วย
โจซัวเคาะประตูห้องตามมารยาท เมื่อเจ้าของห้องเอ่ยปากจึงเดินเข้ามา สีหน้าลูกน้องคนสนิทไม่สู้ดีนัก ดูเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“เราสั่งคนเช็คทุกโรงแรมในย่านนี้แล้ว ไม่มีชื่ออิงปวัณกับธาราเลยครับ”
“แล้วที่มาเก๊าล่ะ เผื่อพวกเธออยากกลับไปเที่ยวที่นั่น”
“ไม่มีในรายชื่อผู้โดยสารเรือเฟอร์รารี่เช่นกันครับ”
“ถ้ายังไม่ออกนอกประเทศแปลว่ายังอยู่ในฮ่องกงแน่นอน โจซัวสั่งคนของเราให้ตามหาทั้งเกาะเกาลูนและเกาะฮ่องกงอีกครั้ง ค้นให้ทั่วทุกตารางนิ้ว ถ้าไม่เจอตัวไม่ต้องกลับมาพบฉัน”
“ครับ คุณแมทธิว ผมตั้งใจจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะผมก็มีคนที่เป็นห่วงเหมือนกัน ผมเข้าใจดี”
ต่างผ่ายต่างถอนใจด้วยความกลัดกลุ้ม โจซัวเองก็ห่วงธาราไม่น้อยไปกว่าที่แมทธิวห่วงอิงปวัณ เธอเป็นภรรยาเขาแล้ว ทำไมเขาจะไม่ร้อนใจเล่า แต่เวลานี้มืดมนไปหมด ไม่รู้ว่าจะไปตามหาพวกหล่อนได้ที่ไหน
เลขาของแมทธิวเคาะประตูขอเข้ามาในห้อง รายงานว่ามีคนต้องการขอเข้าพบเจ้านายเธอ
“ไปบอกเขาว่าฉันไม่ว่างจะพบด้วย”
“แต่เขาบอกว่าคุณแมทธิวต้องการพบเขาอย่างแน่นอนค่ะ ถ้าได้เห็นสิ่งนี้ เขาย้ำนะคะว่าคุณแมทธิวต้องเปิดดูของข้างในซองด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้นจะเสียใจไปตลอดชีวิต”
เลขาสาวยื่นซองสีน้ำตาลให้ แมทธิวย่นคิ้วแปลกใจ ยื่นมือรับซองมาแกะเปิดออก
“นี่มัน” โจซัวรีบขอเข้ามาดูบ้าง สิ่งที่อยู่ในซองสีน้ำตาลเป็นภาพถ่ายของบุคคลที่พวกเขากำลังตามหา พวกเธออยู่ในสภาพนอนหมดสติบนเตียงนอนที่ใดสักแห่ง
“คนที่มาขอพบฉันเขาอยู่ในไหน”
“ฉันบอกให้เขารออยู่ข้างนอกค่ะ แต่เขาบอกว่าจะรออยู่ตรงร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามบริษัทเรา”
แมทธิวเดินกลับไปหลังโต๊ะแหวกมู่ลี่หน้าต่างเพื่อส่องดู เห็นมีผู้ชายคนเดียวนั่งอยู่หน้าร้านกาแฟ
“เขาเป็นใครกันนะ”
“ฉันไม่แน่ใจนัก ถ้าอยากรู้เราต้องลงไปเจอเขา”
แมทธิวออกไปพบแขกไม่คาดคิดของเขากับโจซัวแค่สองคน คนๆนี้ระวังตัวทีเดียวถึงได้ไม่ยอมเผชิญหน้ากันในบริษัทเขา
“คุณใช่ไหมที่ต้องการพบผม”
แอนดี้เงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ กระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะพับหนังสือพิมพ์โยนไว้บนโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน
“ใช่ ผมเอง ยินดีที่ได้เจอกันนะครับคุณแมทธิว” เขายื่นมือขอจับเป็นการทักทาย แมทธิวยอมรักษามารยาททั้งที่ใจร้อนเต็มที
“เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า แล้วคุณไปเอารูปผู้หญิงสองคนนี้มาจากไหน”
“เราเคยเจอกันบ่อยมาก แต่อาจยังไม่รู้จักกันอย่างเป็นทางการ ผมชื่อแอนดี้ หว่อง ภาพผู้หญิงสองคนนั้นผมเป็นคนถ่ายเองกับมือ”
“ว่าไงนะ” แมทธิวลืมตัว กระโดดเข้าคว้ากระชากคอเสื้อแอนดี้ “ถ้างั้นพวกเธอก็อยู่กับคุณนะสิ บอกมานะว่าพวกเธออยู่ที่ไหน แล้วคุณทำอะไรเธอ”
“ใจเย็นๆสิคุณแมทธิว” แอนดี้ปลดมือหนาออกจากคอเสื้อ “เธอสบายดีแล้วอยู่ในที่ปลอดภัย ส่วนเรื่องที่เธอมาอยู่กับผมได้อย่างไรนั้น ผมจะเล่าให้ฟัง แต่มีเงื่อนไขบางอย่างที่ผมอยากขอกับคุณเป็นการแลกเปลี่ยน”
“นายคิดว่านายเป็นใครถึงกล้ามาต่อรองกับคุณแมทธิว” โจซัวอดรนทนไม่ได้กับท่าทางอวดเก่งของคนๆนี้
“ผมหรือจะกล้าทำแบบนั้นกับเจ้าของคาสิโนอันดับหนึ่งของมาเก๊า ไม่หรอกผมไม่บังอาจ แต่จะว่าไปนะ ถ้าเกิดผมไม่กลับที่พำนักของผมภายในหนึ่งชั่วโมง ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้หญิงสองคนนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้เธออยู่ในความดูแลของลูกน้องผมเป็นอย่างดี พวกนั้นไม่กล้าแตะต้องเธอหรอก ยกเว้นว่าเห็นผมหายไปนานผิดปกติ”
“แกกล้าขู่พวกเราหรือ” โจซัวเกือบยั้งใจไม่อยู่ พุ่งตัวจะเข้าไปทำร้ายแต่แมทธิวรีบยกมือปรามไว้ได้ก่อน
“เอาล่ะ ตกลงทีนี้บอกความต้องการของคุณมา”
แอนดี้ยืดอก สมใจเขาแล้วนี่ในเมื่อการต่อรองได้ผลเกินคาด เขาไม่คิดจะทำร้ายผู้หญิงสองคนนั้นอยู่แล้วเพราะพวกหล่อนยังมีประโยชน์กับเขาอยู่ และไม่นึกพิศวาสอยากแตะต้อง
ผู้หญิงที่เขาปรารถนามีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น อีกไม่นานเธอจะต้องเป็นของเขา
อิงปวัณโทรมาขอนัดทานข้าวและช้อปปิ้งด้วยกัน หลังจากไม่ได้เจอกันมานานหลายเดือน ธาราแต่งตัวเสร็จแล้วก็เข้าครัวทำโจ๊กหมูเตรียมให้โจซัวตอนตื่นนอนก่อนจะออกไปข้างนอก
“สายน้ำทางนี้”
ธารามองหาเจ้าของเสียง เห็นอิงปวัณกวักมือเรียกอยู่ตรงมุมหนึ่งของร้านอาหาร เธอรีบก้าวเท้าเข้าไปหาเพื่อน ยิ้มทักทายกันอย่างเคย จากนั้นก็เรียกพนักงานมาสั่งอาหาร
“กินกันอิ่มแล้วเราไปช้อปกันนะอิง ฉันโหยหาเวลานี้มานานแล้ว”
“แน่นอนเพื่อนรัก เราจะไม่พลาดอีกแล้ว คราวนี้ได้เดินช้อปตามใจชอบโดยไม่ต้องมีคนคอยตาม มีความสุขชะมัด”
ไม่มีใครถามถึงเรื่องเมื่อคืนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ธาราไม่อยากให้เพื่อนอารมณ์เสียตั้งแต่เริ่มต้น จึงคิดว่าจะลองหาจังหวะเหมาะๆ คุยกับเพื่อนสาวถึงเรื่องที่เธอเพิ่งรู้มา โจซัวขอให้เธอรับปากว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับอิงปวัณ แต่ธาราคิด
ว่าอิงปวัณควรได้รู้
สองสาวเดินซื้อของจนเมื่อยล้าไปทั้งตัวแต่ไม่ยอมแพ้ ได้ทั้งเสื้อผ้าแบรนเนม น้ำหอมแ ละของฝากกลับเมืองไทยไปหลายถุง หลังจากเที่ยวสนุกแบบผู้หญิงจนได้เวลา พวกเธอก็เลือกมุมนั่งเล่นพักผ่อนอยู่ที่ริมอ่าววิกตอเรียในตอนเย็นย่ำ
“วิวสวยดีเนอะอิง” ธาราชี้ชวนให้เพื่อนดูตรงนั้นทีตรงนี้
“ใช่วิวสวยมาก”
สายลมจากแผ่นน้ำกว้างพัดเอาความเย็นสบายมายังริมฝั่ง อากาศบริสุทธิ์โล่งปลอดโปร่งพลอยทำให้จิตใจสดชื่นไปด้วย ธาราคิดว่าเวลานี้เหมาะสมที่เธอจะบอกความจริงบางอย่างให้อิงปวัณได้ฟัง
“ถ้าอยู่ที่นี่แล้วมีความสุข เราอย่าเพิ่งกลับไทยเลยนะ”
อิงปวัณหันกลับมามองเพื่อน หน้านิ่วคิ้วขมวดเป็นปม
“ฉันจะไม่ถามเธอแล้วนะว่าทำไม แต่สายน้ำเราต้องกลับไปเรียนต่อให้จบ แล้วทางบ้านเราล่ะ หายมานานแบบนี้ ไม่เป็นห่วงเราแย่หรือ ดีนะที่วันก่อนฉันโทรไปหาป้าแล้ว ขออยู่ต่อโดยอ้างว่าฉันกับเธอไปพักอยู่กับเพื่อนที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเพื่อขอเรียนภาษาเพิ่มเติม ไม่งั้นป่านนี้มีคนมาตามตัวเรากลับตั้งนานแล้ว”
“ฉันรู้ และฉันก็โทรกลับไปคุยกับพ่อแม่แล้วด้วยเมื่อวานนี้ ว่าจะขออยู่ต่อจนกว่าจะเปิดเทอม”
“หา ! เปิดเทอม อีกเดือนหนึ่งเชียวหรือ ไม่เอาเธอต้องกลับกับฉันอาทิตย์หน้าเลย ฉันไม่ขออยู่ที่นี่อีกแล้ว เบื่อ”
“เบื่อจริงหรือเปล่า” ธาราหันมายิ้มๆ “ไม่ใช่ว่าอยากอยู่ที่นี่เพราะใครบางคนหรือ”
“บ้าสิ อีตามาเฟียหน้าหล่อนั่น ไม่มีอิทธิพลกับฉันหรอกย่ะ”
“ฉันยังไมได้เอ่ยชื่อเลยนะว่าใคร แหมไม่เห็นต้องรีบตอบก็ได้”
อิงปวัณแกล้งลอยหน้าลอยตาไปทางอื่น กลัวอีกฝ่ายจับสีหน้าผิดปกติของตนได้ “ไม่เห็นจะเดายากเลยว่าเธอหมายถึงใคร”
“นี่อิง เธอไม่สังเกตสายตาคุณแมทธิวที่เขามองเธอบ้างหรือไงจ๊ะ ดูเขาห่วงเธอมากกว่าคนอื่น เราว่าเขาชอบเธอล่ะ”
“บ้าสิ ใครเขาจะมาชอบเด็กกำพร้ากะโปโลอย่างฉัน อย่าเพ้อเจ้อ เอาแต่มโนหน่อยเลย”
“ฉันพูดจริงๆ นะ ฉันว่าเขาชอบเธอมาก ไม่ใช่เป็นความรู้สึกเหมือนรักแรกพบหรอกนะ เธออาจไม่สวยเท่าผู้หญิงที่เคยเป็นคู่ควงเขามาก่อน แต่เกิดจากความรักความผูกพันที่ฝังในใจมานานต่างหาก”
“เธอพูดอะไรนะสายน้ำ ไม่เห็นเข้าใจเลย” อิงปวัณหันมามองเพื่อน “มีอะไรที่เธอรู้แต่ฉันไม่รู้อีกใช่ไหม” อิงปวัณคาดคั้น ธารายิ้มเงยหน้าสบตาขี้สงสัยของเพื่อน ก่อนจะผงกศีรษะรับ
“ใช่อิงปวัณ เธอถามถูกทางแล้ว ฉันมีบางเรื่องจะเล่าให้เธอฟัง แต่สัญญานะ ต้องฟังให้จบก่อนแล้วค่อยคิดตาม อย่าเพิ่งโวยวายไปก่อน โอเคไหม”
อิงปวัณเม้มริมฝีปากบาง พร้อมพยักหน้ารับ เสียงคลื่นเบาๆ ยังลอยมาตามแรงลม ในขณะที่ท้องฟ้าเบื้องบนใกล้จะหมดแสงแห่งวัน
นอกจากกิจการคาสิโน แมทธิวยังมีธุรกิจส่งออกอยู่ในฮ่องกงด้วย ถ้าว่างเว้นจากงานคุมคาสิโนก็แวะข้ามฝั่งด้วยเรือส่วนตัวหรือไม่ก็เฮลิคอปเตอร์มาทำงานที่บริษัท การดำเนินกิจการคาสิโนเพียงอย่างเดียวดูไม่มั่นคงพอที่จะพยุงฐานะที่มั่งคั่งของตระกูลเขาไว้ได้
“คุณแมทธิวคะ มีคนต้องการขอเข้าพบค่ะ”
แมทธิวางปากกาลง เมื่อได้ยินเสียงเลขาผ่านเครื่องอินเตอร์คอมบนโต๊ะ
“ถามสิว่าใคร ผมจำได้ว่าผมไม่ได้บอกให้คุณนัดใครไว้”
“เธอบอกไม่ได้นัดคุณไว้ค่ะ แต่เธอบอกว่าคุณรู้จักเธอดี เธอว่าเป็นคนนำโชคของคุณค่ะ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วโค้งมน อิงปวัณรู้ได้ไงว่าเขาอยู่ที่นี่ แต่เขาดีใจนักที่เป็นเธอ
“เชิญเข้ามาได้ครับ ช่วยหาน้ำส้มและของว่างมารองรับด้วย”
ประตูถูกเปิดออก ร่างบางในชุดทะมัดทะแมงเดินเข้ามา เขายิ้มหวานให้เธอและก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อได้เพียงใบหน้าบึ้งตึงกลับมาแทน เขาไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจอีก
“ไม่คิดมาก่อนว่าคุณอุตส่าห์มาหาผมถึงที่ ใครบอกคุณว่าผมอยู่ที่ไหน โจซัวหรือครับ”
“ไม่สำคัญหรอกค่ะว่าฉันรู้ได้อย่างไร ความสำคัญอยู่ที่เรื่องของเราสองคนมากกว่า ทำไมคุณไม่บอกฉันว่าเราสองคนเคยพบกันมาก่อน”
แมทธิวมองหญิงสาวหน้านิ่งไป เขาคาดอยู่แล้วว่าเธอต้องรู้เรื่องนี้สักวัน แต่ไม่คิดว่าจะรู้เร็วขนาดนี้ เดาได้ไม่ยากว่าต้นตอมาจากไหน
แม่บ้านเคาะประตูขอนำอาหารว่างกับเครื่องดื่มเข้าไปในห้อง แมทธิวชวนหญิงสาวรับประทานของว่างก่อน
“มาเหนื่อยๆ นั่งก่อนแล้วค่อยคุยกัน เรื่องนี้ผมมีคำอธิบายนะ”
“ข้อแก้ตัวมากกว่าค่ะ เอาเถอะ เรื่องผ่านมาแล้ว ป่วยการที่จะรื้อฟื้น เอาเป็นว่าอดีตของเราเป็นอย่างไรไม่ต้องไปจดจำ เพราะยิ่งจำยิ่งเจ็บ เรื่องราวแต่หนหลังไม่ได้ทำให้ความรู้สึกของฉันที่มีต่อคุณในเวลานี้เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น เราก็ยังเป็นเพียงแค่คนรู้จักกัน”
“อิงปวัณ ผมขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังคุณ เพียงแต่ยังหาโอกาสบอกความจริงไม่ได้ เราเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้ไหม”
“เพื่อนร่วมโลกพอได้ค่ะ” น้ำเสียงหล่อนห้วนๆ
“คุณกำลังโกรธผม”
“ฉันไม่ได้โกรธ แค่คิดอย่างคนมีเหตุผลต่างหาก”
“ไม่จริงคุณกำลังโกรธผม ทำไงถึงจะหายโกรธ”
“เฮ้ย ป่วยการจะเถียง เอาเป็นว่าเรื่องระหว่างเราสองคนควรจบแค่นี้ พรุ่งนี้ฉันกับสายน้ำจะกลับไทยแล้ว เราสองคนไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป”
“ผมไม่ยอมให้คุณกลับ คุณยังไปไหนไม่ได้ถ้าผมไม่อนุญาต”
“เสียใจค่ะ คุณห้ามฉันไม่ได้หรอก ลาก่อนคุณแมทธิว อ้อลืมบอกไปว่าฉันจะไปแจ้งทำพาสปอร์ตชั่วคราว ส่วนพาสปอร์ตที่คุณยึดไว้ก็ทำลายซะ เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์”
อิงปวัณหมุนตัวกลับเดินออกจากห้อง แมทธิวทอดถอนใจท้อแท้ คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรถึงจะรั้งเธอไว้กับเขาให้นานที่สุด แต่ถ้าใจคิดแต่จะหนีจากเขา จะเกิดประโยชน์อะไรเล่า ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายรักเธอเพียงคนเดียว
ธาราผุดลุกจากเก้าอี้ตัวยาว หน้าตื่นเมื่อเห็นเพื่อนผลักประตูห้องเข้ามา
“เป็นไงบ้าง อิง คุณแมทธิวว่าไง”
“ฉันไม่รู้เพราะไม่ได้อยู่ฟังเขาแก้ตัว”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“อย่าถามเหตุผลได้ไหม ขี้เกียจตอบ เสียเวลา เก็บเสื้อผ้ากัน พรุ่งนี้เราจะกลับบ้าน”
“เดี๋ยวนะอิง คุณแมทธิวเขายอมให้เธอกลับแล้วหรือ”
“ยอมไม่ยอมฉันจะต้องกลับไทยให้ได้ เก็บของซะแล้วเดี๋ยวเราไปทำพาสปอร์ตชั่วคราวที่สถานทูตกัน อาจยุ่งยากแต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะหาทางกลับบ้านไม่ได้”
“แต่อิง” ธาราพยายามคัดค้านความคิดเพื่อน อิงปวัณยกกระเป๋าขึ้นวางกระแทกเตียง
“ถ้าเธอไม่อยากกลับเพราะห่วงใครบางคนก็อยู่นี่ต่อไป ฉันกลับคนเดียวได้”
ธารามองเพื่อนสายตาละห้อย เธอไม่ได้ห่วงเขาคนนั้นแต่ห่วงความรู้สึกของอิงปวัณต่างหาก ใจคอเธอไม่มีทางปล่อยให้อิงปวัณกลับคนเดียวแน่นอน ธาราเดินผละจากอิงปวัณมาจัดกระเป๋าตัวเองบ้าง ก่อนจะออกเดินทางได้โทรไปปรึกษากับโจซัว โจซัวบอกให้เธอกลับไทยไปก่อนแต่ทิ้งที่อยู่เอาไว้ แล้วเขาจะพาแมทธิวตามไปหาที่เมืองไทยทีหลัง
สองสาวเดินออกมาจากโรงแรมในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา มุ่งหน้าไปตรงไปยังรถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อต่อไปสถานทูต
ภายในทางเดินรถไฟใต้ดินคับคั่งไปด้วยผู้คนจากทุกสารทิศ การเดินทางสัญจรในประเทศนี้นิยมใช้รถไฟฟ้าเป็นส่วนมากเพราะสะดวกรวดเร็วและมีบริการเกือบทุกมุมของประเทศ นอกนั้นจะเป็นรถโดยสายประจำทางที่มีอยู่แทบทุกเส้นถนน การจะเข้าไปใช้บริการรถโดยสารรถประจำทางจำเป็นต้องเดินไปที่ป้ายตามหมายเลขโดยเฉพาะจะไม่จอดรับนอกป้ายเด็ดขาด
ธาราอาสาไปซื้อตั๋วโดยสารให้เพื่อนและตัวเอง เธอพยายามถ่วงเวลาให้นานที่สุดเผื่อว่านายแมทธิวอะไรนั่นอาจกำลังตามหาพวกเธออยู่ ทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ โจซัวบอกกับเธอทางโทรศัพย์แล้วว่าเจ้านายของเขาไม่คิดจะเหนี่ยวรั้งอิงปวัณว้หากเพื่อนเธอไม่เต็มใจจะอยู่ในฮ่องกงต่อ
“ไปเสียนานเลย ฉันรอจนเมื่อยขาหมดแล้ว” อิงปวัณบ่นอุบหลังจากยืนรอมาเกือบครึ่งชั่วโมง
“ขอโทษทีแถวยาวมาก เราได้ตั๋วแล้วไปกันเถอะ”
อิงปวัณกับธาราช่วยกันลากกระเป๋าไปที่ประตูทางเข้าชานชลา ยังไม่ทันแตะตั๋วไปที่หน้าจอใครคนหนึ่งก็เข้ามาประกบด้านหลังเธอ อิงปวัณสะดุ้งตัวเมื่อมีบางสิ่งแข็งๆ กระแทกหลัง
“อยู่เฉยๆ แล้วทำตามที่พวกผมสั่ง อย่าเอะอะทำพิรุธให้ใครจับได้ ไม่งั้นหลังทะลุแน่”
อิงปวัณหันไปมองธาราเห็นมีผู้ชายสูงใหญ่อีกคนประกบด้านหลังเช่นกัน เธอไม่รู้ว่าข้างหลังเพื่อนรักกับของเธอมีอะไรแต่เดาว่าคงเป็นปืน ทั้งสองตัวแข็งทื่อไม่กล้ากระดุกกระดิก คนอื่นที่เดินตามมาต่อท้ายบ่มพึมพำว่าทำไมพวกเธอสองคนถึงไม่ผ่านประตูเข้าไปเสียที
“ถอยหลังแล้วออกจากตรงนี้ซะเร็ว” เสียงทุ้มแหบกระซิบที่ข้างหูอีกครั้งเป็นภาษาอังกฤษ อิงปวัณไม่กล้าขัดขืน หันไปส่งสายตาบอกเพื่อนให้ทำตาม ทั้งสองเดินถอยห่างจากประตูทางเข้า มีเสียงผู้หญิงแก่ๆ บ่นตามหลังมาอีก
พวกเขาถูกปืนจี้หลังบังคับให้เดินออกจากรถไฟใต้ดิน แล้วมาหยุดอยู่ที่ริมถนน ธาราไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมอง เธอสบตาเพื่อนหลายครั้งทำท่าจะร้องไห้ออกมา อิงปวัณเองก็ยังมืดแปดด้าน ได้แต่พยักหน้าบอกให้ทำตามคนพวกนี้ไปก่อน เธอแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า แมทธิวจะเล่นสกปรกแบบนี้
รถตู้คันหนึ่งแล่นมาจอดตรงหน้า พวกเขาผลักสองสาวให้เข้าไปในรถพร้อมทั้งเข้าไปนั่งประกบซ้ายขวา อิงปวัณเพิ่งเห็นหน้าคนที่ลักพาตัวเธอชัดๆ รู้สึกแปลกใจที่ไม่คุ้นหน้าพวกเขาแม้แต่น้อย เหมือนไม่เคยเห็นในบ้านของแมทธิวมาก่อน
“คงเป็นลูกน้องอีกกลุ่มที่เลี้ยงไว้ทำงานผิดกฎหมายแหงๆ”
อิงปวัณไม่วายคิดในทางลบกับผู้ชายคนนั้น แน่ละสิ พวกอยู่กับการพนันไม่มีใครน่าเชื่อถือได้สักคน
รถแล่นไปตามท้องถนนมุ่งออกจากตัวเมือง ผ่านพื้นที่เนินเขาซึ่งเต็มไปด้วยป่ารกสองข้างทาง นานๆถึงจะพบบ้านคนสักหลัง แล้วมาโผล่ที่ชายทะเล เห็นท้องฟ้าสีครามสดใสตัดกับผืนน้ำสีฟ้าเข้ม ถ้าเป็นเวลาอื่นคงจะน่าชื่มชมอภิรมย์กว่านี้ แต่ไม่ใช่เวลาที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์แปลกหน้านั่งขนาบข้างซ้ายขวาพร้อมอาวุธครบมือ
“เรากำลังจะไปที่ไหนบอกได้ไหม” อิงปวัณตัดสินใจรวบรวมความกล้าถาม
ไม่มีใครให้คำตอบเธอ มีแต่สายตาดุๆกลับมาแทน เป็นอันว่าขืนถามคำถามต่อไปอาจจะเจอของแข็งเข้า
อาคารทรงสี่เหลี่ยมสีขาวติดชายหาดคือจุดหมายที่พวกเขาพาเธอมา อิงปวัณกับธาราถูกคนพวกนั้นบังคับให้เอามือไขว้หลังแล้วมัดเสียแน่นหนา ผละให้เดินไปเข้าไปในอาคาร ข้างในเป็นห้องโล่งมีเฟอร์นิเจอร์อยู่สองสามชิ้น เธอกับธาราถูกคนพวกนั้นจับมัดกับเก้าอี้กลางห้องแล้วให้นั่งหันหลังชนกัน
“พวกแกต้องการอะไรจากพวกเรา เงินใช่ไหม ฉันมีเงินอยู่จำนวนหนึ่งเอาไปได้เลยนะ ขออย่าทำอะไรฉันเลย”
พวกนั้นแผดเสียงหัวเราะราวกับสิ่งที่อิงปวัณเอ่ยปากออกไปเป็นเรื่องตลก อิงปวัณทั้งโกรธทั้งโมโห แต่ความหวั่นกลัวมีมากกว่าจึงระงับอารมณ์ไม่แสดงออกมา พยายามพูดจาดีด้วย
“พวกคุณจะเอายังไงกับฉัน ไม่บอกความต้องการมาแล้วฉันจะรู้หรือ”
หนึ่งในนั้นหยุดหัวเราะหันมาตะคอกใส่
“หุบปากซะ ไม่งั้นได้เจอดีแน่ เดี๋ยวนายเรามาก็ถามให้หายสงสัยเสียสิ”
“เจ้านายพวกคุณเป็นใครกัน แมทธิวหรือ”
“หึหึหึ คนอย่างแมทธิวไม่เอาเรามาเป็นลูกน้องหรอก เพราะเราโหดเกิน”
อิงปวัณกับธาราอ้าปากค้างตกตะลึง ถ้าไม่ใช่แมทธิวแล้วใครกันที่สั่งให้คนมาจับพวกเธอขังไว้ อิงปวัณแน่ใจว่าเธอไม่มีศัตรูที่ไหนอีก
ความเงียบเชียบเข้ามาเยือน เสียงที่ได้ยินชัดเจนในเวลานี้เป็นเสียงของคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง กับเสียงทอดถอนใจของสองสาวผู้ตกเป็นเหยื่อ ส่วนกลุ่มชายฉกรรจ์ที่จับตัวเธอมาออกไปข้างนอกกันหมด อิงปวัณไม่แน่ใจว่าพวกนั้นเฝ้าเธอกี่คนกัน แต่เธอไม่คิดจะพาเพื่อนเสี่ยงหนีออกไป ดีไม่ดีเอาชีวิตมาทิ้งไว้เสียที่นี่
“กี่โมงแล้วอิง” ธาราถามน้ำเสียงอ่อนแรง
“ไม่รู้สิ จะดูเวลาก็ดูไม่ได้ ถูกมัดอยู่แบบนี้จะทำไงเล่า เดาให้ละกัน สักสี่ทุ่มได้มั้ง”
อิงปวัณมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นหมู่ดาวระยิบระยับส่องแสงพร่างพราวเต็มผืนฟ้าสีดำสนิท คลื่นลมแรงยังคงหอบเอาไอเย็นกระทบฝั่งตลอดเวลา ไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงเฉกเช่นเดียวกับความคิดที่สับสนของอิงปวัณ
เป็นไปไม่ได้ที่ไม่ใช่ฝีมือเขาเพราะเธอแทบไม่รู้จักใครในฮ่องกงเลย
แล้วเขาจะให้คนมาโกหกเธอเพื่ออะไรให้ เพื่อให้เธอมองว่าเขาเป็นคนดีงั้นหรือ แต่ในสายตาอิงปวัณ เธอไม่เคยวางใจผู้ชายคนนี้ตั้งแต่เจอหน้าครั้งแรก แล้วเป็นอย่างที่เธอคาดไว้ เขาปิดบังความจริงอยู่ตลอดเวลาที่ได้รู้จักกัน
อิงปวัณเผลอหลับไปนอนไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าเพื่อนรักเธอหลับก่อน สะดุ้งตื่นอีกทีเมื่อแสงแดดเจิดจ้าลอดผ่านช่องลมส่องกระทบใบหน้า
“สายน้ำตื่นเหอะ เช้าแล้ว ตื่นๆ”
อิงปวัณหันไปปลุกเพื่อน ธารางัวเงียตื่นขึ้นมา อ้าปากหาวเสียงดัง
“ง่วงจัง เมื่อคืนหลับๆ ตื่นๆ นอนไม่เต็มอิ่มเลย”
“ขนาดนอนไม่เต็มอิ่มนะเนี่ย ได้ยินเสียงกรนหูแทบแตก”
“แหม ก็มีช่วงเหนื่อยเมื่อยเพลียกับเขาเหมือนกันนี่ ฉันก็ยังเป็นคนนะ”
“ชู่ว์เงียบๆ มีคนกำลังเดินมา”
ทั้งสองต่างหยุดพูด พากันเงี่ยหูฟัง สักพักได้ยินเสียงคนไขประตูห้อง อิงปวัณหายใจไม่ทั่วท้อง หรือเช้านี้จะเป็นเช้าสุดท้ายของชีวิตที่จะได้เห็นแสงตะวัน
“นี่หรือคนนำโชคมาให้แมทธิว สงสัยจะไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังจะโชคร้าย”
เสียงกระแหนะแหนคุ้นหู อิงปวัณกับธาราเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกัน พอเห็นว่าใครอยู่ตรงหน้าพวกเธอ ถึงกับอ้าปากค้าง
“คุณแพทริเซีย ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้ หรือว่าทั้งหมดเป็นฝีมือคุณ”
“ฉลาดนี่ ก็ดีจะได้ไม่ต้องอธิบายมาก”
แพทริเซียเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าธารา มองด้วยสายตาเหยียดหยาม ก่อนจะเดินวนมายืนค้ำศีรษะอิงปวัณก้มมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรเช่นกัน
“คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร จับฉันมาทำไม ฉันไปทำอะไรให้คุณ”
“นี่เธอยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าเพราะอะไร จะบอกให้ก่อนตายก็ได้ เธอเป็นตัวมารขัดความสุขของฉันไงล่ะ ตั้งแต่เธอเข้ามาในชีวิตของแมทธิว เขาแทบไม่สนใจใยดีฉันเลย ทั้งที่ฉันเป็นคนรักของเขา”
“แล้วมันเกี่ยวกับเพื่อนฉันตรงไหน คุณแมทธิวจะมีใจให้ใครหรือเมินเฉยกับใครเพราะตัวของคนๆ นั้นไม่น่าสนใจไง เชอะ ผู้ชายเขาไม่เอาแล้วเที่ยวโทษคนอื่น อ้อฉันยังไม่เคยได้ยินคุณแมทธิวบอกสักคำว่าคุณเป็นคนรักของเขา นอกจากหลงตัวเอง เป็นพวกชอบมโนเก่งต่างหาก”
ธาราตอกกลับแทนเพื่อนได้เจ็บแสบ แพทริเซียโกรธจัด ลงมือตบหน้าธาราฉาดใหญ่
“อย่าทำร้ายเพื่อนฉัน เขาไม่เกี่ยว ถ้าเกลียดโกรธฉันก็ควรลงที่ฉันคนเดียว!” อิงปวัณโมโหเลือดขึ้นหน้า ตวาดใส่เสียงดังแพทริเซียกระชากผมหญิงสาวดึงขึ้นมา
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ปล่อยใครไปสักคนแน่ อะไรที่เป็นของฉัน ฉันไม่มีวันปล่อยหลุดมือ”
“เบาๆ หน่อยสิคุณแพท เดี๋ยวแม่สาวสองคนจะหมดสวยก่อนตายนะ”
แอนดี้เดินเข้ามาพอดี อิงปวัณมองไปที่คนมาใหม่ ดูจากการแต่งกายในชุดสูทชั้นดี น่าจะเป็นหัวหน้าใหญ่สุดและเป็น
ผู้บงการทั้งหมด โดยมีแพทริเซียเป็นผู้ว่าจ้าง อิงปวัณนึกอยากรู้ค่าตัวเธอเหมือนกัน
“จะไปสนทำไมว่าจะเป็นศพสภาพไหน จัดการให้เรียบร้อย อย่าให้เหลือหลักฐานสาวมาถึงฉัน”
แอนดี้ยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ แพทริเซียหันไปทางสองสาวอีกครั้ง โบกมืออำลาพร้อมยิ้มมุมปากด้วยความสะใจ ก่อนจะเดินออกไปด้านนอกปล่อยให้หน้าที่เชือดเหยื่อเป็นของแอนดี้
“ขอโทษนะพวกคุณ ผมจำเป็นต้องทำ แต่เพื่อให้พวกคุณตายอย่างสงบ ผมจะให้คนของผมโปะยาสลบให้หลับสบาย ก่อนจะเอาไปทิ้งกลางทะเล”
“เฮ้ย ! ไม่นะ” อิงปวัณกับธาราร้องตกอกตกใจเสียงหลงพร้อม แอนดี้หันไปผงกศรีษะให้ลูกน้องที่ติดตามมาซึ่งยืนอยู่ข้างหลังทำตามคำสั่ง อิงปวัณฮึดสู้พยายามจะลุกหนีทั้งที่ถูกผูกติดเก้าอี้ ชายคนนั้นไปที่ธาราก่อน เธอได้ยินเสียงเพื่อนร้องแอะเดียวจากนั้นก็เงียบไป คงจะหมดสติไปแล้ว
“ฉันมีข้อแลกเปลี่ยน อย่าฆ่าฉันเลยนะ เราไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกันไม่ใช่หรือ”
อิงปวัณต่อรอง แต่ไม่มีคำตอบกลับมาจากคนที่เธอขอต่อรองด้วย ผ้าผืนหนากดเข้ามาที่จมูกอย่างแรง หล่อนกลั้นหายใจสุดชีวิต รู้สึกง่วงงุน ศีรษะหนักอึ้งคล้ายมีอะไรมาถ่วง ความมืดมิดค่อยๆคืบคลานเข้ามาทีละน้อย ก่อนจะหมดความรู้สึกเธอสวดมนตร์ภาวนาในใจ ถ้ามีอันเป็นไปไม่มีปาฏิหาริ์ยใดมาช่วย ก็ขอให้มีคนพบศพเธอและพากลับบ้านเกิดด้วย
แมทธิวผุดลุกผุดนั่งอยู่ไม่เป็นสุขนัก ก่อนหน้านั้นเขาสั่งให้คนคอยตามส่งอิงปวัณกับธาราตั้งแต่ออกจากโรงแรมจนถึงสนามบิน แต่ลูกน้องเขาดันคลาดกับพวกเธอตอนอยู่ในทางเดินรถไฟใต้ดิน ซ้ำยังได้รับรายงานอีกว่าไม่พบรายชื่อผู้หญิงสองคนโดยสารไปกับสายการบินไหนในวันนี้แล้ว แล้วยังไม่มีการกลับเข้ามาโรงแรมด้วย
โจซัวเคาะประตูห้องตามมารยาท เมื่อเจ้าของห้องเอ่ยปากจึงเดินเข้ามา สีหน้าลูกน้องคนสนิทไม่สู้ดีนัก ดูเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“เราสั่งคนเช็คทุกโรงแรมในย่านนี้แล้ว ไม่มีชื่ออิงปวัณกับธาราเลยครับ”
“แล้วที่มาเก๊าล่ะ เผื่อพวกเธออยากกลับไปเที่ยวที่นั่น”
“ไม่มีในรายชื่อผู้โดยสารเรือเฟอร์รารี่เช่นกันครับ”
“ถ้ายังไม่ออกนอกประเทศแปลว่ายังอยู่ในฮ่องกงแน่นอน โจซัวสั่งคนของเราให้ตามหาทั้งเกาะเกาลูนและเกาะฮ่องกงอีกครั้ง ค้นให้ทั่วทุกตารางนิ้ว ถ้าไม่เจอตัวไม่ต้องกลับมาพบฉัน”
“ครับ คุณแมทธิว ผมตั้งใจจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะผมก็มีคนที่เป็นห่วงเหมือนกัน ผมเข้าใจดี”
ต่างผ่ายต่างถอนใจด้วยความกลัดกลุ้ม โจซัวเองก็ห่วงธาราไม่น้อยไปกว่าที่แมทธิวห่วงอิงปวัณ เธอเป็นภรรยาเขาแล้ว ทำไมเขาจะไม่ร้อนใจเล่า แต่เวลานี้มืดมนไปหมด ไม่รู้ว่าจะไปตามหาพวกหล่อนได้ที่ไหน
เลขาของแมทธิวเคาะประตูขอเข้ามาในห้อง รายงานว่ามีคนต้องการขอเข้าพบเจ้านายเธอ
“ไปบอกเขาว่าฉันไม่ว่างจะพบด้วย”
“แต่เขาบอกว่าคุณแมทธิวต้องการพบเขาอย่างแน่นอนค่ะ ถ้าได้เห็นสิ่งนี้ เขาย้ำนะคะว่าคุณแมทธิวต้องเปิดดูของข้างในซองด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้นจะเสียใจไปตลอดชีวิต”
เลขาสาวยื่นซองสีน้ำตาลให้ แมทธิวย่นคิ้วแปลกใจ ยื่นมือรับซองมาแกะเปิดออก
“นี่มัน” โจซัวรีบขอเข้ามาดูบ้าง สิ่งที่อยู่ในซองสีน้ำตาลเป็นภาพถ่ายของบุคคลที่พวกเขากำลังตามหา พวกเธออยู่ในสภาพนอนหมดสติบนเตียงนอนที่ใดสักแห่ง
“คนที่มาขอพบฉันเขาอยู่ในไหน”
“ฉันบอกให้เขารออยู่ข้างนอกค่ะ แต่เขาบอกว่าจะรออยู่ตรงร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามบริษัทเรา”
แมทธิวเดินกลับไปหลังโต๊ะแหวกมู่ลี่หน้าต่างเพื่อส่องดู เห็นมีผู้ชายคนเดียวนั่งอยู่หน้าร้านกาแฟ
“เขาเป็นใครกันนะ”
“ฉันไม่แน่ใจนัก ถ้าอยากรู้เราต้องลงไปเจอเขา”
แมทธิวออกไปพบแขกไม่คาดคิดของเขากับโจซัวแค่สองคน คนๆนี้ระวังตัวทีเดียวถึงได้ไม่ยอมเผชิญหน้ากันในบริษัทเขา
“คุณใช่ไหมที่ต้องการพบผม”
แอนดี้เงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ กระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะพับหนังสือพิมพ์โยนไว้บนโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน
“ใช่ ผมเอง ยินดีที่ได้เจอกันนะครับคุณแมทธิว” เขายื่นมือขอจับเป็นการทักทาย แมทธิวยอมรักษามารยาททั้งที่ใจร้อนเต็มที
“เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า แล้วคุณไปเอารูปผู้หญิงสองคนนี้มาจากไหน”
“เราเคยเจอกันบ่อยมาก แต่อาจยังไม่รู้จักกันอย่างเป็นทางการ ผมชื่อแอนดี้ หว่อง ภาพผู้หญิงสองคนนั้นผมเป็นคนถ่ายเองกับมือ”
“ว่าไงนะ” แมทธิวลืมตัว กระโดดเข้าคว้ากระชากคอเสื้อแอนดี้ “ถ้างั้นพวกเธอก็อยู่กับคุณนะสิ บอกมานะว่าพวกเธออยู่ที่ไหน แล้วคุณทำอะไรเธอ”
“ใจเย็นๆสิคุณแมทธิว” แอนดี้ปลดมือหนาออกจากคอเสื้อ “เธอสบายดีแล้วอยู่ในที่ปลอดภัย ส่วนเรื่องที่เธอมาอยู่กับผมได้อย่างไรนั้น ผมจะเล่าให้ฟัง แต่มีเงื่อนไขบางอย่างที่ผมอยากขอกับคุณเป็นการแลกเปลี่ยน”
“นายคิดว่านายเป็นใครถึงกล้ามาต่อรองกับคุณแมทธิว” โจซัวอดรนทนไม่ได้กับท่าทางอวดเก่งของคนๆนี้
“ผมหรือจะกล้าทำแบบนั้นกับเจ้าของคาสิโนอันดับหนึ่งของมาเก๊า ไม่หรอกผมไม่บังอาจ แต่จะว่าไปนะ ถ้าเกิดผมไม่กลับที่พำนักของผมภายในหนึ่งชั่วโมง ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้หญิงสองคนนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้เธออยู่ในความดูแลของลูกน้องผมเป็นอย่างดี พวกนั้นไม่กล้าแตะต้องเธอหรอก ยกเว้นว่าเห็นผมหายไปนานผิดปกติ”
“แกกล้าขู่พวกเราหรือ” โจซัวเกือบยั้งใจไม่อยู่ พุ่งตัวจะเข้าไปทำร้ายแต่แมทธิวรีบยกมือปรามไว้ได้ก่อน
“เอาล่ะ ตกลงทีนี้บอกความต้องการของคุณมา”
แอนดี้ยืดอก สมใจเขาแล้วนี่ในเมื่อการต่อรองได้ผลเกินคาด เขาไม่คิดจะทำร้ายผู้หญิงสองคนนั้นอยู่แล้วเพราะพวกหล่อนยังมีประโยชน์กับเขาอยู่ และไม่นึกพิศวาสอยากแตะต้อง
ผู้หญิงที่เขาปรารถนามีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น อีกไม่นานเธอจะต้องเป็นของเขา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น