ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทาสหัวใจเชลยทราย

    ลำดับตอนที่ #4 : เจ้าหญิง ชากีร่า

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ย. 53


                  เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากตึกสีขาวหลังหนึ่งภายในอาณาบริเวณรั้วรอบขอบชิดของพระราชวังหลวงอเลสติเนีย เจ้าชายปาสคาพอรู้จากคนสนิทว่า หญิงสาวคนที่กำลังหมายปองหนีหายตัวไปได้ แถมคนขับรถที่ให้ไปรับก็ถูกจับมัดมือมัดเท้าขังไว้ในห้องน้ำอีกด้วย ก็พาลกริ้วทุกคนที่อยู่แถวนั้น มองอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด

                    "เสด็จพ่อเขาเป็นอะไรของเขานะ มีลิน" ชากีร่ายื่นหน้าแหวกม่านมองผ่านหน้าต่างห้องนอนไปยังตึกที่อยู่ตรงข้ามด้วยความสงสัย โดยปกติพ่อบุญธรรมของเธอก็ออกจะขี้โวยวายอยู่แล้ว แต่วันนี้ดูหนักกว่าวันอื่น

                    "เห็นเขาว่ากันนะเพคะ คือ พระอนุชาไปติดใจนางแบบคนหนึ่งเข้า แล้วเขาไม่เล่นด้วยก็เลยออกมารูปแบบนี้ละเพคะ"

                    "อย่างนั้นเองหรือ อ๋อที่แท้ก็หลีหญิง นึกว่าอะไร'  ชากีร่าหัวเราะขำเบาๆ แต่ไหนแต่ไร เจ้าชายปาสคาก็มักมีสตรีสาวสวยไม่ซ้ำหน้าแวะเวียนมาถวายตัวให้ประจำ ส่วนเธอนะหรือ โชคดีที่เป็นแค่เด็กเก็บมาเลี้ยง เพราะพ่อแท้ๆของเธอมีบุญคุณกับพ่อบุญธรรมของเธอ  หล่อนจึงไม่ได้อยู่ในสายตาของเจ้าชายปาสคา เพราะไม่โปรดจะเสวยไก่วังเสียเอง

                    "ไปตามบาฮัทมาให้ฉันที มีลิน ถามว่าคนที่ให้ไปสืบเรื่องที่ฉันต้องการ ไปถึงไหนแล้ว"

                    "เพคะ เจ้าหญิง"

    นางข้าหลวงทูลลาแล้วก็ออกไปทำตามรับสั่ง จากนั้นชากีร่าก็เดินออกมาจากหน้าต่างมาที่โต๊ะเครื่องแป้ง สางผมลอนสลวยเล่นเบาๆ ใจก็ไพล่ไปนึกถึงใบหน้าคมเข้มที่เธอเพิ่งเห็นแบบผ่านๆ เมื่อวันก่อน "ดาเลียส ฉันหวังว่าเราคงจะได้พบกันอีกครั้ง"

    เสียงโหวกเหวกยังคงดังไม่เลิกเสียที ชากีร่าแอบฟังบ้างเป็นบางที แต่ก็เริ่มเบื่อที่จะฟังแล้ว หล่อนก็เลยออกจากห้องไปไหนก็ได้ดีให้ไกลที่สุด และก็ได้ยินประโยคสุดท้ายที่พอจะจับความได้ดังแว่วมา

                    "ทำไงก็ได้ สั่งคนไปตามหาเธอให้เร็วที่สุด"  

    ชากีร่าชักอยากรู้แล้วสิว่า ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาจะสะสวยแค่ไหนกันถึงขนาดทำให้พ่อบุญธรรมของเธอถึงกับคลั่งไม่เลิกราแบบนี้
     
                    นลนี่รู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาอย่างยากเย็น เพราะหนังตามันหนักอึ้งและสมองก็มึนงงไปหมด เธอมองเห็นใบหน้าขาวสวมหมวกคล้ายพยาบาลอยู่ในระยะใกล้ลางเลือน หญิงสาวพยายามกระพริบตาถี่สองครั้งถึงจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าที่จริงก็คือนางพยาบาลนั่นเอง

                    "หมอคะ ฟื้นแล้วคะ"

                    เธอพยายามขยับตัวจะลุกขึ้นนั่ง รู้สึกปวดหัวไปหมด หมอและพยาบาลพรวดเข้ามาในห้องพร้อมกัน จับที่ชีพจรและดึงเปลือกตาล่างของเธออย่างเบามือสังเกตอาการ นลนี่ถามเสียงอ่อนแรง

                    "คุณหมอคะ ฉันเป็นอะไรไป แล้วใครพาฉันมาส่งโรงพยาบาล และนี่ฉันมาได้ไงจำได้ว่า กำลังเดินทางไปที่ไหนสักแห่ง'

                    "เราไม่รู้คุณมาจากไหน มีคนขับรถมาส่งคุณค่ะ แล้วก็หายไป หมอบอกว่าอาการคุณเหมือนโดนยาสลบอย่างแรง "นางพยาบาลสาวตอบแทนหมอหมด นลนี่รู้สึกตกใจมาก

                    "ยาสลบหรือคะ แย่ละสิ ฉันไปโดนตอนไหนกัน แล้ว เอ่อ เพื่อนฉันละค่ะ อยู่ไหน'   เธอเพิ่งนึกได้ว่ายังมีนาตุลยาอีกคน
                    "เพื่อนคุณหรือคะ ไม่นี่เราเห็นคุณมาคนเดียว เราไปแจ้งเจ้าหน้าที่ไว้แล้วค่ะ เพื่อช่วยสืบทีว่าคุณมาจากไหนกัน'
                    "คนเดียว อะไรนะคะ แปลว่า ไม่มีใครเห็นเพื่อนฉันเลย ทั้งที่เรานั่งรถมาด้วยกัน หรือว่า…."  พอนึกได้ว่าตนเองโดนยาสลบหญิงสาวก็ใจหายวาบ ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงก็หมายความว่า นาตุลยาก็คงโดนวางยาด้วย แต่คงไม่มีใครเอามาปล่อยไว้หน้าโรงพยาบาลเหมือนเธอ    "ยัยนา ใช่ ต้องถูกลักพาตัวไปแน่ๆ เลย'
                    ก่อนที่จะสรุปเอาว่าความจริงมันเป็นอย่างไร ก็มีผู้ชายใส่สูทสองคนเดินเข้ามาในห้อง นลนี่มองพวกเขากึ่งสงสัย แต่เข้าใจว่าน่าจะเป็นตำรวจ
                    "เรามาจากสำนักราชวังอเลสติเนีย ขอสอบถามคุณหน่อยครับ เรื่องเกี่ยวกับการหายตัวไปของเพื่อนสาวคุณ ที่ชื่อนาตุลยา ทางเราได้รับแจ้งว่าพบรถของวังถูกจอดทิ้งไว้กลางทาง และมีคนพบคุณที่โรงพยาบาลแห่งนี้เพียงคนเดียว มีคนบอกว่าคุณไปกับคุณนาตุลยาใช่ไหมครับ เห็นบอกว่าไปกับคนขับรถของเรา แต่เท่าที่เราสืบมาได้ คืนนั้นคนขับรถของเราก็ถูกทำร้ายจนสลบอยู่ที่โรงแรม"
                    นลนี่ถอนใจเฮือก หมดแรงที่ได้ยินข่าวร้าย เกิดอะไรกับเธอและเพื่อนเธอกันแน่ ใครกันที่คิดลักพาตัวนาตุลยาไป  ทีแรกเธอเข้าใจว่าจะเป็นเจ้าชายจากอเลสติเนียที่กล้าทำแบบนี้ แต่การมาของสองคนนี้ ยืนยันได้ว่า ทางอเลสติเนียไม่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเพื่อนรักเธออย่างแน่นอน
     
     
      
    ร่างเพรียวบางค่อยพลิกตัวไปอีกด้าน เมื่อได้ยินเสียงคล้ายโลหะเล็กๆกระทบกันดังเหมือนกระดิ่ง สายลมร้อนพัดผ่านหน้าต่างเข้ามาต้องใบหน้าคมสวยของหญิงสาว เปลือกตาของเธอค่อยขยับทีละน้อยจนลืมได้เต็มตา   แต่พอเจอแสงจ้าก็จำต้องหรี่ตาลง

    "ที่ไหนกันนะ"

    "แคร็ก แคร็ก"เสียงกระแอมไอที่ดังอีกด้านของห้อง ทำให้เธอรีบพลิกตัวหันกลับมาดู พอเห็นว่าเป็นใคร ก็ตกใจลุกพรวดทันที การเปลี่ยนอิริยาบถกะทันหันทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน หญิงสาวจึงรู้สึกสมองมึนชาหน้ามืด

    "โอ้ย"

    "เบาหน่อยสิคุณ เพิ่งฟื้นจากยาสลบ อย่าเพิ่งรีบลุก"  ดาเลียสลุกจากเก้าอี้เดินตรงมาที่นาตุลยา หลังมือหยาบของเขาแตะที่หน้าผากเธออย่างแผ่วเบา "นึกว่าจะไม่สบาย เพราะเมื่อคืนน้ำค้างแรงมาก"

    "อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!" หญิงสาวปัดมือเขาออกไปอนอย่างรวดเร็วราวกับรังเกียจเสียเต็มประดา พร้อมทั้งตวาดเสียงดังใส่ "คุณเป็นใครกัน แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ไง" หญิงสาวหันมองรอบตัว เธอเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนอยู่ที่ไหน

    "หึ หึ"  ดาเลียสหัวเราะเบาๆ เดินกลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิม สองมือประสานกันข้างหน้า สายตาคมของเขาเฝ้าสังเกตเธออยู่ห่างๆ

    "นี่ฉันถามว่า คุณกับฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไง ทำไมไม่ตอบ หรือว่า คุณลักพาตัวฉันมาใช่ไหม"  นาตุลยาถามอีกครั้ง   ชายหนุ่มระบายลมหายใจยาวเหยียดก่อนจะตอบกลับมา  

    "ขอโทษนะครับ คุณนางแบบ เราจำเป็นต้องพาตัวคุณมา ด้วยเหตุผลบางอย่าง เกี่ยวกับพ่อของคุณ เราก็หวังว่าพ่อคุณคงให้ความร่วมมือกับเราเป็นอย่างดีนะครับ"

    หญิงสาวอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าการถามออกไปแบบไม่ได้ตั้งใจจะเป็นเรื่องจริง และไม่นึกมาก่อนเลยว่าผู้ชายหน้าตาดีคนนี้ธาตุแท้จะเป็นโจร แม้จะรู้สึกหวั่นกลัว แต่นาตุลยาก็ทำเป็นเชิดหน้าขึ้นไม่เกรงกลัว

    "แล้วมันเกี่ยวกับพ่อฉันได้ไง หรือว่า พวกคุณคิดจะจับฉันเรียกค่าไถ่ใช่ไหม  งั้นว่ามาเลย จะเอากี่สิบล้านยังไงเสียพ่อฉันยอมจ่ายให้คุณแน่" นาตุลยาท้าทาย ที่แท้ก็พวกอยากรวยทางลัด

    คนนั่งฟังออกอาการขำเล็กน้อย แต่ไม่อยากจะหัวเราะออกมาเสียงดังเพราะยังเห็นแก่หน้าตัวประกันของตน "โอ้ย คุณหลงตัวเองเป็นเหมือนกันนะ ขอโทษผมว่าค่าตัวคุณ เอาเงินมากองท่วมหัว ก็คงไม่พอ คุณมีค่ากว่านั้นมาก ก็สมแล้วที่ชอบตีราคาตนเอง  เอาล่ะ ผมจะไม่อ้อมค้อม จะเข้าเรื่องล่ะนะ พ่อของคุณกำลังจะตกเป็นผู้สงสัย ว่ามีส่วนโจรกรรม แซนฮาร์ทไดมอล  ไป"

    "จะบ้าหรือไงคุณ แซนฮาร์ทไดมอล  ก็ยังอยู่ที่อเลสติเนียอยู่นี่ ฉันไม่ได้เชยขนาดไม่รู้ว่า เพชรงามระดับโลกอยู่ที่ไหน พ่อฉันจะไปขโมยมาได้ยังไง จะใส่ความกันให้มีเหตุผลหน่อยได้ไหม แล้วคุณเป็นใครกัน ตำรวจหรือ ทำไมต้องมายุ่งเรื่องของชาวบ้านแบบนี้ด้วย" นอกจากนาตุลยาไม่เชื่อ เธอก็รู้สึกโกรธไม่พอใจอีกด้วย เรื่องอะไรมากล่าวหากันอย่างเลื่อนลอย

    "ก็คงใช่ ผมเป็นตำรวจสากล ชื่อดาเลียส ผมรับงานนี้มาสืบสวนกันอย่างลับๆ ตามคำขอร้องของทางการอเลสติเนีย แซนฮาร์ทไดมอล  ที่อยู่ในอเลสติเนียตอนนี้ไม่ใช่ของจริงเป็นของปลอม มีเพียงคนภายในเท่านั้นที่ล่วงรู้ ส่วนของแท้ เท่าที่สืบทราบได้ มีการถูกสับเปลี่ยนไปตอนมาจัดแสดงเครื่องเพชรที่ไทย ท่านรองวิชาญพ่อของคุณ รู้เรื่องนี้ดี ใบสั่งโจรกรรมแซนฮาร์ทไดมอล ไม่ใช่มาจากโจรกระจอกธรรมดา แต่เป็นพวกระดับผู้มีอำนาจทางการเมืองทั้งสิ้น คุณนาตุลยา ผมว่าทางที่ดี คุณรอฟังข่าวที่ถูกต้องจะดีกว่าไหม"


    "ไม่จริง คุณโกหก ฉันไม่เชื่อ ปล่อยฉันไปสิ ฉันก็อยากกลับไปถามพ่อให้รู้แล้วรู้รอดเหมือนกัน"


    "เห็นจะไม่ได้ ตัวคุณแลกสามารถ แซนฮาร์ทไดมอล ได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพ่อของคุณ  ผมก็อยากรู้ว่าเขาจะเห็นแก่เพชรเม็ดเดียว ยอมทิ้งลูกสาวสุดที่รักหรือไม่"

    "คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉันนะ" นาตุลยากัดริมฝีปากบางแน่นด้วยเจ็บใจที่หลงกลผู้ชายแปลกหน้า

    "ผมทำตามหน้าที่ เสียใจด้วยนะครับ คุณนางแบบ อ้อ ผมจะต้องขอตัวก่อนล่ะ คนของผมคงมารายงานการเคลื่อนไหวของพ่อคุณ แล้วเราจะเจอกันอีกครับ ก่อนอื่นผมอยากจะขอคุยกับพ่อคุณเสียหน่อย บอกท่านรองว่าลูกสาวของท่านสบายดี  เดี๋ยวผมจะให้คนเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน แล้วเอาอะไรมาให้คุณทานนะ คงหิวแล้วสิท่า หลับไปทั้งคืน"

    ดาเลียสลุกขึ้นยืนปัดแขนขา มองหญิงสาวตรงหน้าพร้อมยิ้มที่มุมปาก ออกจะสนุกที่เห็นท่าทางโกรธของเธอ เวลาผู้หญิงคนนี้หน้าบึ้ง ก็น่ารักแปลกตาไปอีกแบบ
      
    "ฉันไม่ทำอะไรทั้งนั้น ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้" ความโมโหทำให้เธอลืมตัวลุกขึ้นแล้วกระโดดลงจากเตียงทั้งเสื้อชั้นในบางเบาเห็นผิวเนียนสวยชวนมอง หล่อนตรงเข้าไปทุบตีชายหนุ่ม ดาเลียสคว้าข้อมือเธอไว้บีบแน่น จนหญิงสาวหน้านิ่ว

    "โอ้ย เจ็บ ปล่อยมือฉันนะ" หญิงสาวพยายามจะบิดข้อมือให้หลุด แต่เขากลับพาตัวเธอลากกลับมาที่เตียง พร้อมทั้งเหวี่ยงร่างบางลงกลางที่นอนนุ่ม

    "อยู่เฉยๆ อย่างว่าง่าย นาตุลยา แล้วผมจะไม่ทำอะไรคุณกับพ่อของคุณ แต่ถ้าหากคุณดื้อดึง ผมคงไม่ปรานีอีกแล้ว"ดาเลียสพูดปรามเธอเอาไว้ เหยื่อสาวของเขาคนนี้ ท่าทางจะหัวแข็งเข้าใจอะไรยากเหมือนกัน พอเขาเดินออกจากห้องไปแล้ว เมื่อประตูถูกปิดลง วัตถุแข็งๆหลายชิ้นก็ถูกขว้างมาตามหลังกระแทกเสียงดังโครมครามลั่นห้อง

    "ไอ้สารเลว ไอ้บ้า อย่าให้ฉันออกไปได้นะ ฉันจะฆ่าแกให้ดู!"

    ดาเลียสส่ายหน้าด้วยความระอา ก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ เขาพาหญิงสาวมาหลบซ่อนอยู่ในบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านที่ใกล้กับเมืองหลวง คงจะใช้เป็นที่พักชั่วคราวได้สักระยะหนึ่งก่อนจะพาไปยังสถานที่ลับตาที่เตรียมพร้อมไว้แล้ว
     
    แสงไฟหลายสีวูบวาบกับเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มในผับกลางแจ้งแห่งหนึ่งใกล้ชายหาดซูตา ทำให้บรรดานักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติพากันดิ้นเต้นดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน ชายหนุ่มในชุดเสื้อลำลองธรรมดา ผิวคร้ามเดินแทรกผ่านผู้คนมายังเคาเตอร์ 

    "เบียร์" ดาเลียสสั่งเครื่องดื่มรอฆ่าเวลา เขานัดกับลูกน้องคนสนิทเพื่อมารายงานเรื่องที่ให้ไปสืบมา สักพักชายหนุ่มที่ดูอ่อนวัยกว่าเขา ก็เดินมานั่งข้าง ๆ พร้อมทั้งสั่งเบียร์เหมือนกับเขาด้วย

    "ข่าวว่าไง เจส" ดาเลียสตั้งคำถามขึ้นมาลอย ๆ ใบหน้าและสายตาของเขาไปคนละทาง ไม่ได้หันมาทางคนที่อยากจะถามเลย  เหมือนไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าพวกเขากำลังคุยกัน

    "สิ่งที่เราตามหากันอีกไม่นานคงใกล้เวลาจะเดินทางมา อยู่กับอีกคนหนึ่ง เข้าใจว่า นั่นแหละตัวการสำคัญอีกคน แต่ว่าไม่ใช่ปัญหา ในเมื่อเรามีคนสำคัญอยู่ในมือก็ต้องใช้เป็นเครื่องมือบังคับกันได้" ชายหนุ่มที่ชื่อว่าเจสตอบเขา มือก็ยกแก้วเบียร์กระดกขึ้น

    "งั้นเดินตามแผนเดิม พรุ่งนี้นายไปเมืองไทยอีกครั้ง รอฉันอยู่ที่นั่น แล้วฉันจะตามไป"

    "ได้โอเค งั้นเราพบกัน" เจสวางเงินไว้บนเคาเตอร์ ก่อนจะเดินจากไปเหมือนคนที่มาเที่ยวแล้วกลับบ้านปกติทั่วไป ดาเลียสยังคงอยู่ที่นั่น รอคอยเวลาจะกลับไปยังบ้านกลางเก่ากลางใหม่ที่ขังนางแบบคนงามเอาไว้ และเมื่อมีแก้วไวน์ใบหนึ่งเลื่อนมาข้างๆพร้อมร่างอรชรในชุดเปิดไหล่เข้ารูปมานั่งถัดจากเขาซ้ายมือ ชายหนุ่มก็อดจะชำเลืองมองไม่ได้ เธอเป็นหญิงสาวโฉบเฉี่ยวหุ่นดี ใบหน้าหวานสวยคมรับกับทรงผมสลวยเป็นลอน แต่ท่าทางจะเล่นหูเล่นตาไม่เบา หล่อนหันมายกแก้วไวน์ให้เขาพร้อมส่งยิ้มทักทาย

    "สวัสดีค่ะ  คุณดาเลียส จำฉันได้ไหม"

    ชายหนุ่มหันมามอง คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะคลายตัวออก "คุณ อ่อ เหมือนเราพบกันวันก่อนใช่ไหม เอ่อ ขอโทษครับ ถ้าผมจะบอก ผมไม่รู้จักคุณจริงๆ"

    "ฉัน ชากีร่าค่ะ " หล่อนแนะนำตนเอง

    "ชากีร่า อะ… อะไรนะครับ" ดาเลียสนึกได้แล้วว่าเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหน เขาถึงกับเปลี่ยนท่ามานั่งตัวตรงปกติทันที ชื่อชากีร่าแถมไปเจอในวังของอเลสติเนียด้วยก็คงมีอยู่คนเดียว เขาก้มตัวลงมากระซิบใกล้ๆ   "เจ้าหญิงชากีร่า"

    ชากีร่าอมยิ้มขำในท่าทีที่แปลกไปของเขา ดูเขาจะเกร็งๆกลัวๆ ก็เพราะรู้แล้วว่า เธอเป็นใคร "ทำตัวเหมือนเดิมก็ได้ค่ะ คิดซะว่าเราเป็นเพื่อนกัน"

    "เจ้าหญิงมาในสถานที่แบบนี้ไม่สมควรเท่าไรนะครับ" ชายหนุ่มหันซ้ายทีขวาที หญิงสาวยังคงขำอยู่ไม่เลิกรา

    "ฉันมาของฉันเหมือนเคย ไม่มีใครรู้หรอกค่ะ ว่าฉันเป็นใคร ฉันก็แกล้งบอกชื่อนั้นชื่อนี้ไปเรื่อยๆ ก็คงมีคุณคนแรกที่ฉันกล้าบอกความจริง เอาเป็นว่าฉันไว้ใจคุณมั้งคะ คุณดาเลียส นายตำรวจต่างชาติ คนโปรดขององค์ราซีม

    "เจ้าหญิงก็รู้อะไรดีๆ มาเยอะเหมือนกันนะครับ" ดาเลียสยิ้มบางอย่างชอบใจ ไม่เบาเหมือนกันเจ้าหญิงองค์นี้  เขาคิดว่าการมาที่นี่ของเขาน่าจะเป็นความลับแต่กลับมีคนรู้จนได้ "  คงงั้น ครับผมมันหัวดื้อเสียด้วย ไม่รู้ทำไมองค์ราซีมถึงได้เลือกผมมาช่วยงาน  ผมก็เป็นแค่นายตำรวจสากลธรรมดาคนหนึ่ง  ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าหญิงแห่งอเลสติเนีย'

    "เช่นเดียวกันค่ะ คุณตำรวจ' เธอชูแก้วไวน์สูงขึ้น  ดวงตาสวยคมที่มองเขาอยู่ราวกับจะฉกลักเอาหัวใจผู้ชายไปเป็นของตัวเองทั้งดวง ดาเลียสพยายามไม่มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยรู้ว่าฐานะอย่างเธอไม่ได้เป็นแค่ผู้หญิงชอบเที่ยวรักสนุกทั่วไปเหมือนที่เขาเคยผ่านมา แต่ก็อดไม่ได้ เธอคนนี้เสน่ห์แรงเหลือเกิน เสียงเพลงเปลี่ยนจากจังหวะเร็วเป็นเนิบช้า จากที่ดิ้นกันอย่างสนุกสนาน บรรดาผู้คนที่อยู่ในที่นั้นก็เปลี่ยนมาเป็นจับคู่ชายหญิงโอบกอดเต้นไปตามทำนองหวานซึ้งแบบเบาๆ

    "เอ่อ เต้นรำกันสักเพลงไหมครับ"  ฤทธิ์แอลกอฮอล์ ทำให้ดาเลียสทำใจกล้าเอ่ยปากชวนหญิงสาวออกไปเต้นรำแถม เธอก็ไม่ปฏิเสธอีกด้วย

    "ได้ค่ะ แต่ฉันเต้นไม่ค่อยเก่ง เสด็จพ่อฉันมักบ่นเรื่องที่ฉัน ฉันไม่ชอบไปงานที่วังจัดให้ เบื่อค่ะ ขี้เกียจปั้นสีหน้า"

    "เสด็จพ่อหรือ อืม" ดาเลียสพอจะรู้ว่า "เสด็จพ่อ" ที่เธอกล่าวถึงก็คือเจ้าชายปาสคา ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยอันดับต้นๆ ของเขา เจ้าหญิงองค์นี้เป็นพระธิดาบุญธรรมของพระอนุชาที่รับมาเลี้ยงดูแต่เล็ก  การเข้าหาทางนี้ก็ดูจะไม่เลวเหมือนกัน
    "ผมขอเชิญ เจ้าหญิงครับ"  ดาเลียสโค้งตัวให้ ชากีร่าโปรยยิ้มหวานเชื่อม ก่อนจะยื่นมือให้ชายหนุ่มสัมผัส จากนั้นทั้งสองก็เดินเคียงคู่ไปกลางฟลอร์เต้นรำ ดาเลียสออกจะสั่นนิดๆ เวลาที่เอื้อมมือจะไปโอบเอวหล่อนกับจับมือนุ่มๆ ของเธอ เพราะผู้หญิงที่อยู่กับเขาตอนนี้ไม่ใช่แค่คนสามัญธรรมดา เธอเป็นถึงเจ้าหญิง สวยสง่าน่าทะนุถนอม แต่ที่นอกเหนือจากนั้น เจ้าหญิงชากีร่าน่าจะพาเขาไปพบกับเงื่อนงำที่กำลังสงสัยอยู่
    "ไหนว่าเต้นรำไม่เป็นไงครับ เก่งกว่าผมอีก เจ้าหญิง" ชายหนุ่มออกปากชม ขณะกำลังก้าวขาเดินไปข้างหน้าหลังวนในฟลอร์ 
    "ฉันก็เต้นแบบธรรมดาเองค่ะ แหมไม่ได้เก่งอะไรเลย หรือถ้าจะเก่งก็เพราะมีครูดีมั้งคะ"
    "หรือครับ ชมกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ ผมก็ทำตัวไม่ถูกเลยนะครับนี่" 
    รอยยิ้มและสายตาเย้ายวนของหล่อนมัดใจเขาอยู่หมัด ยิ่งมองใบหน้างดงามใกล้ๆ ใจก็อยากจะให้ราตรีนี้อยู่อีกยาวไกล ไม่มีเช้าเลยได้ยิ่งดี เสียงเพลงกังวานซึ้งยังคงขับกล่อมคู่เต้นรำคู่อื่นรวมทั้งคู่ของเขาช่วยเพิ่มอารมณ์ของคนกำลังมีความสุขให้มากขึ้นจนกลายเป็นความปรารถนามากกว่าที่จะได้เพียงโอบกอดกัน ดาเลียสรู้สึกว่าตนเองอยากจะก้มหน้าลงดูเธอให้ชิดใกล้มากกว่านี้ อยากเห็นแววตาคู่นั้นว่ามันจะคิดเหมือนเขาไหม ปลายจมูกชายหนุ่มเลื่อนเข้าแตะแก้มเนียนของหญิงสาวจนหล่อนเขินหลับตาพริ้ม เขารู้สึกได้ถึงลมหายใจเย้ายวนของเธอ
    ไฟถูกเปิดสว่างขึ้นมาพร้อมเสียงเพลงเปลี่ยนจังหวะเร่งเร็วขึ้น ดาเลียสจำต้องผละใบหน้าห่างจากเธออย่างเสียดาย อีกนิดเดียวเขาก็จะได้ลิ้มลองริมฝีปากสีกุหลาบแล้วว่าจะหอมหวานเหมือนกลิ่นกายหรือไหม ดีเจประจำงานประกาศเรื่องอะไรสักอย่างที่เขาก็ไม่ได้ฟังเพราะมัวแต่จ้องมองหล่อน
    "เขาบอกว่า ผับกลางแจ้งนี่จะต้องยุติแล้วค่ะ เพราะมันดึกมากแล้ว ทางการของอเลสติเนียให้จัดได้แค่ครึ่งคืนเท่านั้น"
    "ครับ แล้วคุณมายังไงครับ"
    "รถของวังค่ะ แต่ว่า"  ชากีร่าขยับตัวเข้ามาใกล้อีกนิด กระซิบเบาๆ "แต่คืนนี้อยากเปลี่ยนคนขับรถคิดว่าจะดีไหมคะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×