ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คาสิโนเสน่หา

    ลำดับตอนที่ #10 : กำจัดมารหัวใจ

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.พ. 58


                     แอนดี้นัดแพทริเซียมาพบที่โรงแรม เขาเลือกโรงแรมซึ่งตั้งอยู่นอกเมืองริมทะเลและปลอดผู้คน ชายหนุ่มนั่งกระดิกเท้าดื่มไวน์อย่างใจเย็น รอคอยเวลาสำคัญ
                    เลยเวลานัดมาได้เกือบครึ่งชั่วโมง เสียงออดประตูถึงดังลั่น  แอนดี้ใจเย็นพอที่จะปล่อยให้เสียงออดหน้าประตูดังอยู่สามสี่ครั้งถึงจะเดินไปเปิด พอเห็นร่างอรชรยืนรออยู่หน้าห้อง เห็นรอยยิ้มอ่อนหวานยั่วยวนก็อดใจไม่อยู่ รีบกระชากร่างบางเข้ามาปิดประตูล็อกแน่นหนา  ดันหญิงสาวเข้าไปติดกำแพง เลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้พร้อมบดบี้ขยี้ริมฝีปากแดงฉานอย่างเร่าร้อน สองมือกำยำลูบไล้ไปทั่วเนินอกอวบอัด บีบเค้นสลับซ้ายขวาอย่างเมามัน
                    “อย่าเพิ่งรีบสิแอนดี้ ขอฉันอาบน้ำก่อน” เธอผละตัวเขาออกไป
                    “ไม่ต้องอาบน้ำหรอก ตัวคุณยังหอมอยู่เลย”
                    แอนดี้ไซ้ไปทั่วซอกคอระหง เลาะเล็มติ่งหูเบาๆ แพทริเซียแสร้งทำเป็นมีอารมณ์ร่วมทั้งที่รู้สึกขยะแขยงเต็มที เธอรีบผลักร่างสูงให้นอนหงายบนเตียงนอน ก่อนจะตามไปคร่อมตัวชายหนุ่ม บรรจงปลดกระดุมทีละเม็ดพร้อมใช้มือเรียวลูกแผงอกไปด้วย
                    “อ่า ดีจริง” แอนดี้หลับตาพริ้ม เพลิดเพลินกับริมฝีปากบางของหญิงสาวที่ก้มตัวลงมาจูบไปทั่วแผ่นอกหนาเลยไปถึง ซอกคอที่อุดมด้วยกล้ามเนื้อ เขาจับมือหญิงสาวไว้วางมือลงต่ำกว่าหน้าท้อง ลูบไล้จุดยุทธศาสตร์สำคัญของเขา
                     “อย่างนั้นแหละผมชอบ” เขาสอนเธอให้เรียนรู้วิธีปลุกเร้าอารมณ์ของผู้ชาย ซึ่งหล่อนก็ช่างหัวไว สอนไม่นานก็เป็น เธอเล่นไอ้หนูของเขาอย่างชำนาญจนเลือดในกายแอนดี้พลุ่งพล่านไปทั่วร่าง และคับคั่งอยู่ที่จุดสำคัญ
                    “โอ้ ไม่คิดว่าคุณจะเก่งขนาดนี้” เธอทำให้เขาตกอยู่ในห้วงแห่งเสน่หา หลงใหลในลีลาความสดใหม่จนลืมระวังตัวเอง นั่น แอนดี้ประเมินแพทริเซียต่ำไปจนไม่คิดระแวง เธอเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก
                    ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังเคลิบเคลิ้ม แพทริเซียได้เริ่มลงมือทำตามแผนการที่วางไว้ ดึงเอามีดพกสั้นซึ่งติดตัวมาด้วยออกจากเอว มีดแหลมคมความยาวหนึ่งคืบสะท้อนกับแสงไฟวิบวับอยู่เหนือศีรษะเธอในลักษณะพร้อมจะทิ่มแทงคนที่นอนอยู่
                    แอนดี้รู้สึกแปลกใจที่หญิงสาวหยุดมือ เขาลืมตาขึ้นมาทันเห็นใบมีดแหลมคมกำลังพุ่งดิ่งลงมาพอดี
                    “เฮ้ย
    !” เขารีบยกมือกันไว้ แต่ไม่ทันแล้ว ปลายมีดพุ่งปักลงท้องไปได้หนึ่งในสี่  ความจุกเสียดเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างกาย พร้อมของเหลวสีแดงฉานทะลักไหลออกมาจากปากแผล
                    “แก ตายเสียเถอะ” แพทริเซียใช้สองมือออกแรงกดด้ามมีดสู้แรงเขา แอนดี้กัดฟันทนเจ็บ ทุ่มกำลังทั้งหมดที่มี ดันหญิงสาวออกไปพ้นตัวได้สำเร็จ ร่างบางของแพทริเซียลงไปนอนกองข้างเตียง
                    “นังแพศยา” เขากุมท้องที่เลือดไหลออกมาไม่หยุด เดินลงจากเตียงเซไปพิงกับผนังห้อง แพทริเซียรีบลุกขึ้นมา แววตาหล่อนเต็มไปด้วยแรงแค้นเกินกว่าใครจะห้ามได้ เธอกำมีดในมือแน่น พุ่งตัวเข้ามาหาชายหนุ่มอีกครั้ง แอนดี้หลบฉากได้ทัน สองมือชายหนุ่มจับข้อมือเธอไว้ เกิดการยื้อยุดแย่งอาวุธแหลมคมกันจนถึงริมระเบียง แรงผู้หญิงเพียงน้อยนิดจึงเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถูกแอนดี้กดลำตัวนอนหงายกับรั้วระเบียง
                    “กล้าลองดีกับฉัน อย่าอยู่เลยนังตัวแสบ”
                    แอนดี้พยายามกดตัวเธอจนหลังเกือบหัก  แพทริเซียปวดร้าวไปทั้งตัว อีกนิดเธอจะร่วงลงไปแล้ว
                    ไม่มีวัน ฉันจะไม่ยอมแพ้แกเด็ดขาด
               
    ความแค้นทำให้เธอมีแรงฮึดสู้อีกครั้ง และพบว่าขาข้างหนึ่งของเธอเป็นอิสระและอยู่ตรงหว่างขาชายหนุ่มพอดี
    แพทริเซียชำเลืองมองต่ำ กะเล็งให้พอดี ยกขาข้างที่ว่างเตะผ่าหมากเข้าตรงกลาง
                    “โอ้ย
    !
                    แอนดี้เสียจังหวะ แพทริเซียได้โอกาสพลิกตัวหลบด้านข้าง เธอไม่รอให้แอนดี้หันกลับมาเล่นงานเธออีกครั้ง อาศัยจังหวะตอนที่เขาเอนตัวไปข้างหน้าอยู่แล้ว ยกขาข้างหนึ่งขึ้น ร่างกำยำจึงถลาไปข้างหน้า และด้วยความสูงที่เกินรั้วระเบียงทำให้ส่วนบนของร่างกายโผล่ออกพ้นรั้วระเบียง เมื่อถูกแรงผลักอีกครั้ง สองเท้าจึงลอยขึ้นจากพื้น
                    “ไม่ อ๊าก”
                    ชายหนุ่มผวาเฮือก ร้องโหยหวน ร่างแอนดี้ร่วงหล่นจากอาคารหลายชั้นลงสู้ผืนทะเลเบื้องล่าง แพทริเซียชะโงกหน้ามอง เมื่อเห็นร่างเขาจมมิดหายไปกับคลื่นที่ซัดสาด หล่อนจึงยิ้มออกมาได้อย่างโล่งใจ ในที่สุดเธอก็กำจัดไอ้สารเลวที่ทำลายชีวิตเธอได้สำเร็จไปอีกคน
                    เหลืออีกหนึ่ง อีกไม่นานหรอกนังอิงปวัณ ฉันจะไปหาเธอถึงที่แน่นอน

                    อาการใจหายวาบที่มาไม่รู้เนื้อรู้ตัวทำให้อิงปวัณเผลอปล่อยแก้วในมือหล่นแตก
                    “ตายจริงคุณผู้หญิง อย่าเพิ่งขยับนะคะเดี๋ยวแก้วบาดเท้า” แม่บ้านประจำบ้านแมทธิว กุลีกุจอรีบเรียกเด็กให้มาจัดการเก็บกวาดเศษแก้วซึ่งกองอยู่ที่พื้น
                    “ฉันเก็บเองได้จ้ะ เอาถังขยะมาให้หน่อย ฉันผิดเองที่ซุ่มซ่าม”
                    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณผู้หญิง ให้เด็กเก็บให้ดีกว่านะคะ คุณผู้หญิงไปนั่งตรงนั้นดีกว่านะคะ”
                    อิงปวัณรู้สึกตัวเองใจลอยชอบกล เหมือนมีเรื่องกังวลใจแต่เธอยังไม่รู้ว่าเรื่องอะไรเลย นี่ถ้าเพื่อนรักยังอยู่ก็พอจะปรึกษาหารือได้
                    “ป้าคะ  อิงอยากไปไหว้พระ มีที่ไหนใกล้ๆแถวนี้บ้างคะ”
                    “วัดหวังตาเซียนไงคะใกล้ที่สุด เดินทางด้วยรถยนต์ไม่กี่นาทีก็ถึง”
                    “อิงอยากไปเองคะ ไม่อยากรบกวนใคร ไปด้วยรถใต้ดินใช่ไหมคะ บอกทางอิงได้ไหมคะว่าต้องลงสถานีไหน”
                    “แต่ป้าว่าให้คนไปส่งดีกว่า ไปลำพังคนเดียวแบบนี้อันตรายนะคะคุณผู้หญิง”
                    “โธ่ป้า ใครจะมาทำอะไรอิง อิงไม่ใช่คนสำคัญเสียหน่อย บอกทางอิงมาเถอะค่ะ อิงไปเองได้ อีกอย่างอิงอยากไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระบ้าง อึดอัดกับการที่มีคนคอยตาม ได้ไหมคะป้า”
                    “จะดีหรือคะคุณผู้หญิง”
                    “ดีสิคะ  นะบอกทางอิงมา อิงจะรีบไปรีบกลับให้ทันก่อนคุณแมทธิวจะกลับมา รับรองว่าไม่ให้ใครเดือดร้อน”
                    ป้าอี้หยางสีหน้ากระอักกระอ่วน แต่สุดท้ายแล้วก็ยอมบอกทางอิงปวัณ
                    หวังตาเซียนเป็นศาสนสถานขนาดกลางไม่กว้างเหมือนวัดพระแก้วของไทย แต่ก็ไม่คับแคบจนไม่มีที่ให้คนได้มาเที่ยวเล่น วัดแห่งนี้คล้ายๆวัดเล่งเนยยี่สองแถวนนทบุรี ประกอบไปด้วยศาลาทรงธรรมอยู่ตามจุดต่างๆซึ่งมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ให้คนมากราบไหว้ อิงปวัณรู้สึกสบายใจขึ้นมากเมื่อได้มาทำบุญ
                    “สงสัยเราจะคิดถึงบ้านมาก”
                    กลิ่นควันธูปลอยละล่องฟุ้งไม่ทั่วบริเวณด้านหน้าของวัด อิงปวัณรู้สึกฉุนจมูกจึงเดินออกมาจากจุดที่ผู้คนเข้ามากราบไหว้สักการะ นอกจากเป็นวัดแล้วยังมีสวนสาธารณะให้ได้ไปพักผ่อนหย่อนใจต่างหาก
                    “ที่นี่สวยจัง” อิงปวัณเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่เนรมิตรโดยฝีมือมนุษย์ ทั้งสะพานโค้งข้ามไปยังศาลาพักร้อน สระเลี้ยงปลาโดยรอบซึ่งมีน้ำพุไหลวนตลอดเวลา พรรณไม้นานาชนิดถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ สีเขียวของใบไม้กับสีสันของดอกไม้ทำให้ทั้งสวนดูเจริญตา
                    อิงปวัณเลือกมานั่งพักที่ศาลาหลังที่สอง หญิงสาวนอนพิงเสาหลับตาลง ปล่อยความคิดให้ว่างเปล่า ให้หัวใจได้ผ่อนคลายโดยมีสายลมบางเบาพัดมาเป็นระยะช่วยทำให้เธอรู้สึกสดชื่น
                    เธอไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าขณะที่กำลังดื่มด่ำกับความสุขสงบ มีใครบางคนเฝ้าจับตาเธออยู่ทุกฝีก้าว
                    แมทธิวรีบจัดการธุระตัวเองให้เสร็จสิ้น เขาอยากกลับบ้านโดยเร็ว อยากเจอหน้าภรรยาสุดที่รัก แม้จะได้ความเย็นชากลับมาก็ตาม ก่อนที่เขาจะคว้าเสื้อสูทมาใส่ เลขาก็เดินเข้ามาในห้อง
                    “เดี๋ยวผมจะกลับไปทำงานต่อที่บ้าน คุณช่วยให้คนเอาแฟ้มทั้งหมดไปไว้ที่รถด้วย”
                    “ได้ค่ะคุณแมทธิว แต่ว่าเจ้านายคะ คุณชางมินมาหาค่ะ ตอนนี้รออยู่ห้องรับแขก”
                    “ชางมินมา ตอนนี้นี่นะ” แมทธิวก้มดูนาฬิกาข้อมือ ชางมินมาหาเขาด้วยเรื่องอะไรในเวลาใกล้เลิกงานแล้ว เขาเป็นผู้ใหญ่ที่เขาเคารพนับถือคนหนึ่ง ถ้าปฏิเสธไม่ไปพบดูจะเป็นการเสียมารยาทมาก
                    “โอเค ต้อนรับเขาให้ดี เดี๋ยวผมตามไป”
                    เลขาสาวก้มหน้ารับ แมทธิวสวมสูททับเสื้อตัวใน หันไปสำรวจตัวเองในกระจกเงาข้างตู้เอกสาร เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยก็เดินออกจากห้องทำงานมุ่งตรงไปยังห้องรับแขก สหายร่วมวงการคาสิโนผู้มากวัยกว่าลุกขึ้นยืนเป็นการให้เกียรติเจ้าของสถานที่ ทั้งสองจับมือทักทายกันตามสมัยนิยม
                    “ฉันทำธุระแถวนี้ ผ่านมาเลยแวะมาเยี่ยมเยียน อ้อมีของมาฝากด้วย” ชางมินหันไปทางลูกน้องคนสนิทให้ยกเอาไวน์ราคาแพงลิบมาให้
                    “ขอบคุณมากครับ เกรงใจคุณลุงมาก วันหลังไม่ต้องลำบากหาซื้อมาหรอกครับ อุตส่าห์นึกถึงแวะมาหากันแค่นี้ก็ดีใจจะแย่แล้ว”
                    “ไม่เป็นไรหรอกน่า ของติดมือเล็กๆน้อยๆ เองรับไว้เถอะ”
                    แมทธิวหันไปพยักหน้าให้เลขาสาวรับไวน์จากมือคนของชางมินนำไปเก็บ ทั้งสองนั่งสนทนาปรึกษาหารือกันด้วยเรื่องของธุรกิจคาสิโน และสัพเพเหระอื่น ๆ ก่อนจะวกมาเรื่องครอบครัวใหม่ของแมทธิว
                    “ว่าแต่ภรรยาคนสวยของเธอไม่มาทำงานด้วยหรือ ปล่อยไว้บ้านคนเดียวเหงาแย่”
                    “ไม่ครับ เธอยังไม่พร้อม คงต้องให้เวลาเธอปรับตัวอีกสักพัก เธอบอกยังไม่รู้อะไรมากเลย”
                    “หนูอิงปวัณออกจะถ่อมตัวไปหน่อยนะ เอาเป็นว่าฉันเป็นคนมองคนขาด อ่านโหงวเฮ้งคนเป็น แม่หนูคนนี้เป็นคนฉลาดมีไหวพริบดี พรวรรค์เป็นเลิศ ใครได้เป็นคู่ครองมีแต่จะนำความรุ่งเรืองมาให้

                    “ผมขอบคุณแทนเธอสำหรับคำชม”
                    “ฉันชมจากใจจริงนะ ไม่ได้พูดเอาใจ ว่าแต่เธอได้วางตำแหน่งผู้บริหารในบริษัทไว้ให้บ้างไหมล่ะ”
                    “ยังเลยครับ ก็อย่างที่ผมบอกไว้แต่แรก เธอยังไม่พร้อมจริงๆ แล้วผมยังไม่มีเวลาฝึกงานให้เธอ”
                    “เป็นแบบนี้นี่เอง เอางี้มั้ย ถ้าเธอไม่รังเกียจบริษัทฉัน ฉันยินดีจะให้บริษัทฉันเป็นสถานที่สอนงานให้ภรรยาเธอ ตำแหน่งในบริษัทฉันยังว่างอยู่นะ และมีคนมีฝีมืออีกมากที่พร้อมจะให้ความรู้กับแม่หนูอิง”
                    “เอ่อ คือ” แมทธิวอ้ำอึง ไม่คิดว่าชางมินจะมาไม้นี้ จู่ๆมาขอผู้หญิงของเขาไปอยู่ในการควบคุมของตน ภรรยาเขาทั้งคนจะให้ห่างหูห่างตาได้อย่างไร
                    “ผมไม่ได้รังเกียจนะครับ ผมเกรงใจมากว่า กลัวเธอจะทำให้คุณลุงลำบากใจ อยู่ต่างบ้านต่างเมือง อาจทำตัวไม่ถูกใจใครหลายคน”
                    “คิดมากไปได้แมทธิว ภรรยาเธอออกจะเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดีนะ มองโลกในแง่ดีด้วย คงเข้ากับคนไม่ยาก ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ไปไหนมาไหนคนเดียวอย่างวันนี้”
                    “อะไรนะครับ ไปไหนมาไหนคนเดียวอย่างวันนี้”
                    “ก็ใช่ไง ก่อนมานี่ฉันแวะไหว้พระมาด้วย เห็นแม่หนูอิงปวัณที่วัด ฉันว่าจะเข้าไปทักเสียหน่อย หันมาอีกที เธอหายไปแล้ว”
                    “วัดไหนครับ คุณชางมิน” แมทธิวร้อนใจขึ้นมาทันทีที่ได้รู้
                    “วัดหวังต้าเซียนน่ะ นี่อย่าบอกนะว่าไม่รู้ว่าภรรยาเธอไปไหน”
                    “ใช่ครับ ผมไม่รู้จริงๆว่าเธอไปที่นั่น ขอตัวสักครู่นะครับ” แมทธิวยอมเสียมารยาท ขอตัวออกไปโทรศัพย์กลับบ้านด่วน
    ชางมินไม่อยากรบกวนแมทธิวต่อเพราะรู้ว่าเขาคงไม่มีกะใจอยากจะทำอย่างอื่นจึงขอตัวลากลับบ้าง

                    อิงปวัณสะดุ้งตัวตกใจตื่นเมื่อเจ้าหน้าที่ประจำวัดมาปลุกเธอ หญิงสาวมองไปรอบตัว หายง่วงปลิดทิ้งเมื่อเห็นว่าทั้งสวนมีแต่เธอกับเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นคุณป้าสูงวัยอยู่กันแค่สองคน
                    “ขอโทษค่ะ” เธอเอ่ยปากขอโทษคุณป้าซึ่งทำสีหน้างงๆ เดาว่าคงฟังภาษาอังกฤษไม่เข้าใจ อิงปวัณรีบออกจากวัดมุ่งตรงไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน นึกตำหนิตัวเองที่ดันเผลอหลับไปนานเสียจนได้เวลาปิดสถานที่
                    “ป่านนี้คุณป้าแม่บ้านคงบ่นเราแย่ แต่ไหนๆก็เลยเวลาแล้ว ท้องก็หิว อย่าเพิ่งกลับเลย ไปหาของอร่อยรองท้องดีกว่า” อิงปวัณเปลี่ยนใจ ออกจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินขึ้นไปยังข้างบนซึ่งเป็นฝั่งตรงกันข้ามวัด เธอตั้งใจจะออกที่ทางออกซึ่งมีศูนย์การค้าอยู่ข้างวัดแต่ดันออกผิดทางและขี้เกียจเดินย้อนกลับไปข้างล่าง จึงใช้วิธีข้ามถนนแทน
                    ถนนในฮ่องกงส่วนใหญ่ไม่มีสะพานลอย มีแต่ทางม้าลายซึ่งมีสัญญาณไฟจราจรคอยจัดการให้ เวลาไฟแดงเสียงติ๊ดๆจะดังเป็นระยะและจะถี่ขึ้นเมื่อใกล้จะหมดเวลาคนข้าม รถทุกชนิดในประเทศนี้เคารพกฎจราจรเป็นอย่างดี ไม่มีใครกล้าผ่าฝืน
                    อิงปวัณเดินข้ามถนนตามปกติ รั้งท้ายคนอื่นเพราะเธอวิ่งมาถึงเกือบเป็นคนสุดท้าย นึกชอบใจความเป็นระเบียบเรียบร้อยของประชาชนในประเทศนี้ ข้ามมาเกือบจะสุดถนนอีกด้านอยู่แล้ว รถยนต์คันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็วสูงพุ่งตรงมาที่อิงปวัณ หญิงสาวหยุดค้างอยู่กับที่ด้วยความตกใจไปชั่วนาที
                    แมทธิวออกมาตามหาอิงปวัณ เมื่อได้ไต่ถามเอากลับเจ้าหน้าที่ประจำวัดจึงรู้ว่าเธอเพิ่งเดินออกจากวัดมาได้ไม่กี่นาที เขารีบวิ่งมาหาเธอ และทันเห็นเธอกำลังข้ามถนนพอดี
                    “อิง” ชายหนุ่มดีใจ เกือบตะโกนเรียกถ้าไม่คิดว่าเป็นสถานที่สาธารณะ แต่เมื่อเห็นรถสปอร์ตคันหนึ่งวิ่งออกมาจากโค้งของถนนมุ่งตรงมายังอิงปวัณและไม่มีทีท่าว่าจะแตะเบรก เขาจึงตัดสินใจรีบกระโจนเข้าหาหญิงสาวพร้อมทั้งตะโกนสุดเสียงให้เธอหลบ
                    อิงปวัณเพิ่งรู้สึกตัวและกำลังจะกระโดดหลบไปข้างหน้าเพื่อหนีให้พ้นแนวรถ แต่แล้วกลับชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนเรียก ถ่วงเวลาให้เธออยู่ตรงนั้นสองสามนาทีซึ่งหมายความว่าโอกาสจะถูกชนมีสูงหากเจ้าของรถไม่ได้แตะห้ามล้อ
                    “เอี๊ยด
    ! โครม !”    
                    เสียงกระหึ่มของเครื่องยนตร์ดังก้องมาพร้อมเสียงหวีดร้องของผู้คนแถวนั้น วินาทีต่อมาอิงปวัณรู้สึกเหมือนถูกผลักอย่างแรงจนเสียหลักเซล้ม เจ็บแสบตามแขนขาบริเวณที่ครูดไปกับพื้นถนน ได้ยินเสียงเบรกลั่นดังเอี๊ยดตามมาเสียงปึงคล้ายชนอะไรบางอย่าง
                    เหมือนภาพรอบกายเคลื่อนไหวไปอย่างเชื่องช้านานนับนาที  หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาจากพื้นถนน ดวงตาคมโตเบิกโพลงอ้าปากค้างด้วยความตกใจสุดขีด เธอเห็นแมทธิวนอนจมกองเลือดท่ามกลางฝูงชนที่พายืนกันมุงดูส่วนหนึ่ง อีกสองสามคนนั่งล้อมวงดูใกล้
                    “แมทธิว ไม่นะ คุณต้องไม่เป็นอะไร”
                    อิงปวัณไม่มีแรงจะลุก เจ็บแปลบที่แขนข้างขวาทุกครั้งที่ขยับ กระดูกอาจจะหักหรือเคลื่อนที่ แต่เธอไม่ยอมแพ้ ต่อให้คลานไปหาเขาเธอก็ยอม มือใครสักคนเข้ามาช่วยพยุงจับ อิงปวัณหันไปมอง เธอไม่รู้ว่าคนมาช่วยเธอหน้าตาเป็นอย่างไรเพราะภาพทุกอย่างตรงหน้าเริ่มลางเลือนไม่แจ่มชัด จากนั้นความมืดมิดก็เข้ามาห้อมล้อม
                    เสียงพูดคุยของคนสองคนแว่วเข้ามาในโสตประสาท เปลือกตาบางขยับเขยื้อนและเปิดขึ้นทีละน้อย แสงสีขาวเจิดจ้าสาดเข้ามาในดวงตาจนต้องหลับตาลงอีกครั้ง
                    “โรงพยาบาลใช่ไหม” อิงปวัณได้กลิ่นยาและเห็นพยาบาลสาวอยู่หน้าประตูห้อง หญิงสาวรู้สึกเพลียและหนักศีรษะ อยากจะลุกขึ้นแต่แรงที่มีหายไปหมด
                    “ฟื้นแล้วหรือคะ อยากได้น้ำไหม” มีเสียงหวานถามเธอ อิงปวัณพยักหน้ารับ สักพักพยาบาลสาวก็นำน้ำหนึ่งแก้วพร้อมหลอดมาให้ เมื่อน้ำไหลผ่านคอจึงรู้สึกดีขึ้นมาก
                    “ผู้ชายที่ถูกรถชนพร้อมกับฉัน ตอนนี้อาการเป็นอย่างไรบ้าง” หล่อนถามสีหน้าไม่สู้สบายใจนัก
                    “ถ้าหมายถึงคุณแมทธิว ตอนนี้ยังอยู่ในห้องไอซียูค่ะ พ้นขีดอันตรายแล้วก็จริง แต่ต้องอยู่ในความดูแลของหมอตลอดเวลา”
                    “อาการหนักขนาดนั้นเลยหรือคะ ขอฉันไปเยี่ยมได้ไหม” อิงปวัณทำท่าจะลุกแต่ถูกพยาบาลห้าม
                    “ยังไม่ได้ค่ะ คุณยังบาดเจ็บอยู่นะคะ อีกอย่างคุณแมทธิวก็ยังไม่ฟื้น ไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เชื่อฉันนะคะ รออีกสองสามวันพอคุณแมทธิวออกจากห้องไอซียูแล้ว ฉันจะพาไปเยี่ยมค่ะ”
                    เหตุผลของพยาบาลบวกกับความอ่อนเพลียที่มีอยู่ทำให้อิงปวัณยอมเชื่อฟัง แค่รู้ว่าแมทธิวปลอดภัยก็อุ่นใจแล้ว
                    สามวันผ่านไปอิงปวัณอาการดีขึ้นและเริ่มมีแรง แต่ยังทำอะไรด้วยตัวเองไม่สะดวกนักเพราะแขนขวาใส่เฝือก จนป่านนี้แล้วเธอยังไม่ได้ข่าวชายหนุ่มเลย และยังไม่มีใครพาเธอไปหาเขาด้วย
                    “ลองเดินไปเองก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องง้อขอความช่วยเหลือจากคนอื่น”


                    อิงปวัณแอบออกจากห้องพักผู้ป่วย ถามหาห้องพักพิเศษของแมทธิว โชคดีที่เขายังไม่ออกจากโรงพยาบาลไปที่อื่น
                    ผู้ชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีเธออยู่ที่นั่น นอนอยู่บนเตียงซึ่งมีสายระโยงระยางพันเต็มไปหมด อิงปวัณมองผ่านประตูกระจก ใจชื้นเมื่อเห็นเขาเต็มตาแต่ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ เธอแง้มประตูเข้าไปก่อน เพิ่งสังเกตว่ามีคนอยู่ข้างใน
                    “หมอขอโทษด้วยนะที่ช่วยได้เท่านี้ อุบัติเหตุรุนแรงเกินไป หมอไม่แน่ใจว่าร่างกายส่วนล่างของคุณแมทธิวจะกลับมาใช้การได้เหมือนเดิมเมื่อไร”
                    “ขนาดนั้นเลยหรือครับ”
                    เสียงหนึ่งคาดว่าเป็นเสียงของหมอที่มีอายุมากพอสมควร ส่วนอีกเสียงอิงปวัณจำได้ดีว่าเป็นเสียงของโจซัว หญิงสาวผลักประตูเข้าไปในห้อง  พวกเขาทั้งสองหยุดพูดและหันมามองทางอิงปวัณพร้อมกัน
                    “คุณอิง คุณบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่หรือ แล้วมาได้ไง”
                    อิงปวัณไม่ตอบคำถาม สายตาเธอจับจ้องอยู่ที่ร่างของแมทธิว ซึ่งนอนหลับสนิทบนเตียง โจซัวไม่ห้ามเธอ ปล่อยให้อิงปวัณเข้าไปใกล้เจ้านายของเขาอย่างที่เธอต้องการ
                     สีหน้าแมทธิวซีดเผือดริมฝีปากไร้สีเลือด  อิงปวัณวางมือไว้ที่หน้าขาชายหนุ่ม มืออีกข้างยกปิดปากกันไม่ให้เสียงร้องไห้ดังออกมา เขาเป็นแบบนี้เพราะต้องการปกป้องเธอ เอาชีวิตเข้าแลกเพื่อให้เธอปลอดภัย เขาไม่เพียงแค่รักเธอเท่านั้น แต่ยอมเสียสละได้แม้กระทั่งชีวิตของตน
                    อิงปวัณทรุดกายลงข้างเตียง รู้สึกหน้ามืดหมดแรงคล้ายจะเป็นลม ความเครียดทำให้ร่างกายอ่อนแอทวีคูณ คุณหมอเห็นท่าไม่ดีจึงกดกริ่งเรียกพยาบาลให้มาพาตัวเธอออกไป

                      ทั้งสองต้องอยู่โรงพยาบาลต่อเพื่อรักษาตัวเกือบสองสัปดาห์  งานที่บริษัทจึงกลายเป็นหน้าที่ของโจซัวและหุ้นส่วนอีกคนช่วยดูแลไปโดยปริยาย
                    แมทธิวนอนสลบไปถึงสี่วันเต็มๆ พอฟื้นได้สติ คนแรกที่เขาถามหาไม่พ้นภรรยาสุดที่รัก เมื่อรู้ว่าหล่อนอาการดีวันดีคืนและมาเยี่ยมเขาทุกวันก็โล่งอก แต่ทว่าเขากลับไม่รู้อาการตัวเองว่าผิดปกติ จนกระทั่งวันที่ห้าหลังจากฟื้น เขาถึงเพิ่งสังเกตว่าขาทั้งสองขาไม่มีความรู้สึก
                    “หมอครับ บอกความจริงกับผมมาเถอะว่าผมเป็นอะไร มาปิดบังกันแบบนี้ รู้ไหมผมไม่สบายเลยสักนิด และกลัวตลอดเวลาที่ไม่รู้ แค่เพียงผมได้รู้ว่าผมอาจเจอโชคร้าย บางทีผมอาจจะทำใจได้”
                    คุณหมอสูงวัยสบมองแววตาอ้อนวอนของผู้ป่วยในความดูแลของตนแล้วถอนใจเฮือกใหญ่ อันที่จริงโรงพยาบาลไม่มีนโยบายผิดบังคนไข้อยู่แล้ว เพียงแต่ต้องรอให้ผู้ป่วยอาการทุเลาลง และกำลังใจดีกว่านี้ก่อน แต่เมื่อผู้ป่วยมาขอเองจะถ่วงเวลาต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ ช้าหรือเร็วต้องรู้อยู่ดี
                    “เอางี้คุณแมทธิว เดี๋ยวจะให้พยาบาลช่วยพาคุณไปที่ห้องทำงานผมแล้วกันนะ ผมจะให้คุณดูบางอย่างพร้อมทั้งบอกความจริงกับคุณทั้งหมด แต่คุณแน่ใจนะว่าทำใจรับได้”
                    “แน่ใจครับหมอ” น้ำเสียงของแมทธิวหนักแน่น แต่เริ่มหวั่นใจ
                    อิงปวัณมาไม่เจอชายหนุ่มที่ห้องพักผู้ป่วยจึงเข้าไปถามกับนางพยาบาลประจำตึก เมื่อรู้ว่าเขาไปไหนก็ตามไปหา เธอมาทันรับรู้ความจริงอันแสนเจ็บปวดของเขาพอดี
                    เธอได้ยินหมอบอกกับชายหนุ่มว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นรุนแรงพอที่จะทำให้ขาทั้งสองข้างของเขาไม่สามารถเดินได้ในเวลานี้ ต้องทำการรักษาด้วยการทำกายภาคบำบัด ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าจะกลับมาเป็นปกติหรือไม่หรือใช้เวลานานเท่าไร
                    อิงปวัณเข็นรถพาแมทธิวไปเดินเล่นในสวนข้างโรงพยาบาล หลังออกมาจากห้องเอ็กเรย์ ท่าทางของเขาซึมเศร้าจนเธอเองพลอยไม่สบายใจตามไปด้วย
                    “คุณกลับไทยไปอยู่กับป้าคุณเหมือนเดิมได้นะอิง ผมไม่เห็นแก่ตัวพอที่จะรั้งคุณไว้ให้อยู่กับชายพิการคนหนึ่ง”
                    “อย่าพูดแบบนี้อีกนะ” อิงปวัณหยุดเข็นรถ ล็อกล้อแล้วออกมานั่งตรงหน้าชายหนุ่ม สองมือเรียวกุมมือเขาไว้แนบแน่น
    “คุณเป็นแบบนี้เพราะฉันแท้ๆ แล้วจะให้ฉันทิ้งคุณลงคอได้อย่างไร”
                    “ไม่มีใครอยากให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นแบบนี้หรอกครับ อย่าโทษตัวเองเลย แล้วก็อย่าอยู่กับผมเพราะสงสารหรือคิดว่าเป็นความผิดตัวเอง คุณยังมีโอกาสเจอคนที่ดีกว่าผมนะ อิงปวัณ”
                    “ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอกแมทธิว ไม่ว่าจะอยู่ที่นี่กับคุณหรือไม่ก็ตาม ฉันก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี ให้ฉันได้ทำอะไรเพื่อคุณบ้างได้ไหม”
                    “อิงปวัณ ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคุณจะดีกับผมขนาดนี้ ไม่ว่าเมื่อไร คุณก็ยังเป็นเด็กหญิงใจดีคนเดิมไม่เปลี่ยน”
                    หญิวสาวก้มหน้ารับรู้ ส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจเป็นกำลังใจให้ชายหนุ่ม แมทธิวทำสำเร็จ เขาทำให้เธอไม่จากเขาไปไหนก็จริง แต่ทำให้หญิงสาวต้องตกที่นั่งลำบากมาดูแลเขาแทนที่จะมีความสุขอย่างที่ใครๆ อิจฉา ชีวิตคุณนายคาสิโนไม่เลิศหรูอย่างที่ควรเป็น

                    อิงปวัณมาขอปรึกษากับโจซัวและชางมิน ผู้ใหญ่ที่แมทธิวให้ความเคารพว่าควรจะพาสามีไปพักฟื้นที่ไหนดี
                    “แมทธิวมีเกาะส่วนตัวอยู่ระหว่างมาเก๊ากับฮ่องกง ผมว่าไปรักษาตัวทำกายภาพบำบัดอยู่ที่นั่นดีกว่านะครับ ผมจะจ้างนักกายภาคบำบัดไปประจำคน เลือกที่พอไว้ใจได้ อันที่จริงผมอยากจะให้บินไปลอนดอนด้วย แต่เชื่อว่าเจ้านายผมคงไม่ไป”โจซัวเสนอความเห็น
                    “ทำไมล่ะ โจซัว เมืองนอกน่าจะดีกว่านะ หมอเก่งกว่าด้วย”
                    “คนอย่างแมทธิวไม่ไปไหนง่ายๆหรอก ถ้ายังไม่แน่ใจในสถานการณ์ เวลานี้มีแต่คนอยากโค่นเขาทั้งนั้น รอวันที่พลาดเพียงอย่างเดียว อุบัติเหตุครั้งนี้เราช่วยกันปิดสื่อไม่ให้ใครรู้ด้วยเงินก้อนใหญ่ทีเดียว การที่เขาอยู่ๆ บินไปเมืองนอกกะทันหัน อาจทำให้ใครสงสัย”
                    “ถ้าเป็นแบบนั้นจริง อิงก็เห็นด้วยค่ะ แล้วเราจะไปกันเมื่อไรดีคะ ควรบอกแมทธิวก่อนไหม”
                    “เร็วที่สุดได้ยิ่งดี ส่วนเรื่องที่จะอธิบายให้แมทธิวเข้าใจ ปล่อยเป็นหน้าที่ฉันเอง ไม่ต้องห่วง” ชางมินรับอาสา แปลกนะที่เขารู้สึกถูกชะตาแม่หนูคนนี้เหมือนกับเคยผูกพันกันมาก่อน

                    เกาะส่วนตัวของแมทธิวอยู่ทางตอนใต้ของเกาะฮ่องกง ห่างจากตัวเกาะไปหลายร้อยกิโลเมตร แมทธิวซื้อเกาะแห่งนี้ไว้นานแล้วและได้ปลูกบ้านเล็กๆ อยู่หลังหนึ่ง ไว้สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ
                    “ทีนี่สวยจัง” อิงปวัณเอ่ยปากชมเมื่อได้เห็นครั้งแรก ดูภายนอกไม่คิดว่าจะน่าอยู่ขนาดนี้ บ้านไม้สีขาวสะอาดตา ยกสูงจากพื้นขึ้นมาสองสามเมตรเพื่อหนีน้ำทะเลหนุน  ตัวบ้านออกแบบให้มีหน้าต่างโดยรอบบ้านรอรับลมทะเล ที่สำคัญมีการฉลุลายไม้ตามขอบหน้าต่าง หลังคาและระเบียง เหมือนบ้านทางเหนือที่เธอเคยคุ้นตา
                    “ผมสร้างบ้านหลังนี้โดยเห็นมาจากบ้านที่เชียงใหม่ ผมไปเที่ยวเมื่อปีก่อน ผมชอบและประทับใจมากครับ”
                    “มิน่าล่ะ ฉันก็ว่าทำไมคุณไม่ยักสร้างคฤหาสน์หลังใหญ่เหมือนบ้านคุณที่มาเก๊า”
                    “ผมรู้สึกว่าบ้านหลังนี้ดูน่าอยู่กว่า สบายตากว่า และทำให้ผมได้กลับสู่อดีตอีกครั้ง”
                    เขาเงยหน้าขึ้นสบตามองเธอย่างมีความหมาย ภาพเด็กหญิงและเด็กชายวัยประมาณสิบขวบวิ่งเล่นรอบใต้ถุนบ้านแย่งของเล่นกันบ้าง ของกินบ้าง เสียงเจื้อยแจ้วแจ่มใสยังคงลั่นอยู่ในโสตประสาท
                    ความสุขของวัยเยาว์กลับมาอีกครั้ง แม้เป็นช่วงสั้นๆ แต่เป็นความทรงจำที่ดี  พวกเขาเคยเจอหน้ากัน ผูกพันกันมานานมาก แล้วก็จากกันไปตามวิถีชีวิตแต่ละคน การได้กลับมาเจอกันอีกครั้งอาจจะเป็นเพราะบุญกรรมหรือพรหมลิขิตไม่มีใครรู้ได้
                    “เดี๋ยวฉันพาคุณไปพักผ่อนที่ห้องนอนก่อนนะคะ แล้วจะทำอะไรมาให้ทาน”
                    อิงปวัณเข็นรถเข้าไปข้างในบ้าน โจซัวมองตามเจ้านายกับภรรยาสายตาละห้อยเพราะคิดถึงภรรยาตนเช่นกัน ป่านนี้คงชะเง้อคอรอเขาทุกวัน
                    “เดี๋ยวสองสามวันเราก็เจอกันแล้วนะสายน้ำ ฉันจะไปรับตัวเธอมาอยู่ด้วยกันอย่างถูกต้องเสียที ส่วนเจ้านายเรา” โจซัวยิ้มกริ่มเมื่อมองลอดผ่านประตูแล้วเห็นอิงปวัณกำลังช่วยประคองตัวแมทธิวขึ้นเตียง
                    หวังว่าแผนการที่วางไว้จะสัมฤทธิ์ผล อยากเอาชนะใจเมียถึงกับลงทุนแกล้งพิการเชียวหรือ
                   
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×