ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : อเลสติเนีย
มือหยาบกร้านของหญิงชราสูงวัยประคับประคองโถดินที่กำลังหมุนอยู่บนแป้นหมุน เธอบรรจงเก็บรายละเอียดแต่ละมุมได้อย่างประณีต คาย่าใช้ช่วงบั้นปลายของชีวิตมีความสุขอยู่กับงานเล็กๆ น้อยๆในบ้านริมฝั่งแม่น้ำสายหนึ่งนอกเขตชนบทของฝรั่งเศส ในเมื่อห่วงที่ต้องกังวลคือลูกชายคนเดียวก็ได้คลายลงไปได้มากเมื่อเขาได้เติบใหญ่เป็นบุคคลที่มีแต่คนรักนับถือมากมาย
"แม่ครับ"
คาย่ารู้สึกได้ถึงสัมผัสของอ้อมกอดจากมือใครสักคนโอบมาจากด้านหลัง เธอเงยหน้าขึ้นไปมอง ดวงตาหญิงชราสุกสกาวส่งรอยยิ้มสดใส เมื่อได้เห็นใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มวัยย่างเข้าสามสิบอีกครั้งหลังจากห่างกันไปนาน ทุกอย่างที่เขาคนนี้มีช่างละม้ายกับอดีตสามีเธอไม่ผิดเพี้ยน ไม่ว่าจะเป็นคิ้วที่หนา จมูกโด่งสูงได้ระดับรับกับโครงหน้า หนวดเขียวครึ้มใต้คางช่วยเสริมให้ดูคมเข้มมากขึ้น
"ดาเลียส หิวไหม เดี๋ยวแม่ไปหาอะไรมาให้ลูกทานนะ "
"ไม่ต้องหรอกครับแม่ ผมจัดการเองได้ คิดถึงแม่จังครับ เมื่อคืนก็กลับดึกไปหน่อย เลยไม่ได้คุยกัน"
ดาเลียสใช้ปลายจมูกแตะแก้มหญิงชราเบาๆ กลิ่นจากกายแม่หอมยิ่งกว่ากลิ่นสาวคนไหนที่เคยได้ใกล้ชิด จากนั้นเขาก็เดินไปที่มุมเครื่องดื่ม จัดการชงกาแฟและปิ้งขนมปังทำเป็นอาหารเช้าทานเอง คาย่าหันไปสังเกตลูกชาย เขาดูผิวคล้ำกว่าเมื่ออสองเดือนที่แล้วหลังจากต้องห่างไกลมารดาไปทำงานไกลข้ามทวีป ดูท่าคงจะหาเวลาว่างแทบไม่ได้เลยหนวดเคราถึงได้ไม่ยอมโกนให้เกลี้ยงเกลา แต่ที่เหมือนเดิมก็คือกลับมาทีไร มักจะมีรอยแผลเล็กบ้างใหญ่บ้างกลับแถมด้วย อาชีพตำรวจสายสืบสากลทำให้ลูกชายของเธอต้องเสี่ยงอันตรายอยู่หลายครั้ง
"ลูกมาเที่ยวนี้จะอยู่นานไหม ดาเลียส" เธอเอ่ยถามบุตรชาย
"คราวนี้คงนานหน่อยครับแม่ สักเดือนก่อนที่จะไปเอ่อ
.." เมื่อพูดถึงงานที่กำลังดำเนินการอยู่ ใบหน้าของเขาก็ขรึมลงทันที ไม่ใช่เพราะงานยากเกินหรือเสี่ยงเกินไป คดีที่ผ่านมาล้วนแต่ทำให้ชีวิตของตนต้องตกอยู่อันตรายมากกว่านี้ทั้งสิ้น คนที่ขอให้เขาช่วยเหลือต่างหากเล่าคือปัญหาที่ทำให้ตนต้องคิดมาก แต่เขาไม่อาจขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาได้ "เอ่อ ไปอเลสติเนีย "
ริมฝีปากอมชมพูยังอวบอิ่มของคาย่าเม้มเข้าหากัน "อเลสติเนีย" คือความทรงจำที่ฝังในหัวใจไม่เคยลืมเลือน มีทั้งความเจ็บปวดและความสุขใจทุกครั้งที่ได้นึกถึง
"ผมไม่น่าพูดถึงเลยเรื่องนี้" ดาเลียสไม่ค่อยสบายใจที่เผลอเอ่ยถึงสถานที่ต้องห้ามให้แม่ได้ยิน ชายหนุ่มยื่นถ้วยมอลล์ให้มารดา ก่อนนั่งลงข้างตัวเธอ "ผมว่าผมจะขอถอนตัว'
"ไม่ได้นะลูก ดาเลียส ลูกต้องรับผิดชอบในงานของลูกสิถึงจะถูกต้อง ที่พ่
เอ่อ เขาอยากให้ลูกทำงานนี้ถึงขนาดติดต่อหน่วยงานของลูกเอง คงเพราะเห็นความสามารถของลูก "
"เขาคิดว่า เขาคงสำนึกผิดแล้วมั้งครับแม่ " น้ำเสียงของดาเลียสมีแววเย้ยหยัน มือที่กำถ้วยกาแฟบีบเขาหากันแน่นเหมือนอยากให้มันแตกออกมา อดีตของเขาไม่ใช่เรื่องที่น่าชื่นชมนัก
"เราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะครับ ทำให้แม่นอนไม่หลับเปล่าๆ แม่ชอบปั้นถ้วยอีกแล้ว" ว่าแล้วเขาก็หยิบถ้วยดินเผาที่ปั้นเสร็จแล้วยกมาชื่นชม ในความคิดของเขาฝีมือถ้วยดินเผาของแม่คาย่าเป็นศิลปะงดงามเทียบเท่ากับศิลปินชั้นนำเลยก็ว่าได้
"ใบนี้ผมขอนะครับแม่"
ดาเลียสชวนแม่พูดคุยเรื่องสัพเพเหระ คาย่ายิ้มอย่างความสุขมากกว่าทุกวัน ได้อยู่พร้อมหน้าลูกชายอีกครั้ง ดาเลียสเองก็ตั้งใจไว้ว่า เวลาหนึ่งเดือนที่พอมีอยู่ จะขออยู่กับมารดาคอยดูแลท่านให้ได้มากที่สุด ที่ผ่านมาแม่ต้องมีเพียงนางพยาบาลที่เขาจ้างมาเท่านั้นคอยดูแลแทนเขา แต่ก็ได้เพียงกาย ส่วนจิตใจใครจะดูแลได้ดีเท่ากับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลูก
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่นั่งเอนตัวกุมขมับหลังจากอ่านเอกสารที่ถูกส่งมาจากเมืองไทย เกือบเดือนที่ดาเลียสได้อยู่กับแม่ ใช่ว่าตนเองจะอยู่เฉยอย่างเดียว เขาได้สั่งให้ลูกน้องคนสนิทของตนช่วยสืบหารายละเอียดบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ทั้งหมด ประวัติบุคคลทางด้านลึก ภาพถ่ายและนิสัยส่วนตัวที่พอจะสืบเสาะได้ แล้วทุกอย่างตอนนี้ก็นำมากองไว้ให้เขาตรงหน้าแล้ว อันที่จริงเมื่อมีข้อมูลพร้อมมากขนาดนี้ เขาก็ไม่น่าจะมีอาการเครียดถึงขนาดต้องเก็บเอาไปคิดหลายตลบ อย่างที่คิดเอาไว้ว่ามันไม่ใช่ว่างานยากหนักหนาสำหรับเขาเลย กับการตามหาอัญมณีแห่ง"อเลสติเนีย" ที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยโดยถูกมือดีแอบสับเปลี่ยนในช่วงที่เดินสายจัดแสดงแต่ทว่า
ผู้ที่ไหว้วานขอร้องหน่วยของเขาต่างหากที่ทำให้เขาอึดอัดที่จะรับงานนี้ เขาไม่อยากจะพบพูดจาหรือเกี่ยวข้องแต่อย่างใดกับคนผู้นี้อีกแล้ว การได้กลับมายังอดีตอีกครั้งไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเอาเสียเลย ดาเลียสนอนหงายหลับตาลงสักพักก็ถอนใจลุกขึ้นมานั่งอ่านเอกสารใหม่ พลันสายตาก็ปะทะเข้ากับดวงตาคมสวยของใครคนหนึ่งที่ปรากฏบนภาพถ่าย ชายหนุ่มหยิบรูปนั้นขึ้นมาพิจารณาใกล้ๆ ยิ้มและพึมพำกับตนเอง
"ไม่อยากเชื่อจริงๆ ให้ตายเถอะ'
สองอาทิตย์ต่อมา
.สนามบินนานาชาติ อเลสติเนีย
ผู้โดยสารพากันทยอยลงจากเครื่องโบอิ้ง74XX หลังจากล้อของเครื่องแตะลงรันเวย์และจอดสนิทเรียบร้อยแล้ว ทุกคนที่โดยสารมายังที่แห่งนี้ต่างล้วนมีจุดหมายปลายทางที่แตกต่างกันไป บ้างก็มาเพื่อท่องเที่ยว ธุรกิจ ไม่ก็หน้าที่การงาน เช่นเดียวกับหญิงสาวสวยร่างเพรียวสองคนที่กำลังก้าวลงมาจากบันไดเกือบจะเป็นกลุ่มสุดท้าย รูปร่างและใบหน้าที่ดูเด่นแต่สวยเฉี่ยวแบบสาวเอเชียทำให้ดูเตะตาคนที่บังเอิญหันมาเห็นพวกเธอพอดี
"นนนี่ ร้อนจังเลย" หญิงสาวผิวขาวผมลอนยาวสลวย ใบหน้าอมชมพูสวยหันมาบ่นใส่เพื่อนของเธอที่มาด้วยกัน นนที่เลิกคิ้วก่อนถอดแว่นตาออกเผยให้เห็นดวงตาสีฟ้าสดใสยามสบมอง
"บ่นทำไม บ้านเธอก็ร้อนพอๆกัน " นนนี่ว่า ก็แน่นอน ลูกครึ่งเกาหลีอย่างเธออยู่แต่ต่างประเทศมาแทบครึ่งชีวิต ย่อมจะพานพบกับอากาศต่างบ้านต่างเมืองที่แตกต่างกันไปเป็นประจำ ผิดกับนาตุลยาที่เพิ่งเข้ามาวงการนางแบบไม่กี่ปี และไม่ค่อยได้ออกต่างประเทศมากนักเพราะเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง เธอจึงอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา
"ก็นี่มันร้อนซะแห้งเลย บ้านเมืองฉันยังร้อนชุ่มชื้นอยู่บ้าง" นาตุลยายังบ่นไม่เลิกจนเพื่อนเธอต้องรีบตัดบทก่อน
"อย่าบ่นนักเลย รีบไปเถอะ ข้างในเป็นห้องแอร์ ทีนี้พอเย็นแล้วจะได้สงบปากสงบคำเสียทีนะยัยนานา"
กระเป๋าสัมภาระใบโตเมื่อผ่านการตรวจจากเจ้าหน้าที่ประจำสนามบินเรียบร้อยแล้ว กำลังไหลผ่านสายพานออกมาให้เจ้าของกระเป๋าได้ฉวยหยิบของตนไป นาตุลยามัวแต่คุยกับเพื่อนนางแบบเพลินจนเกือบลืม พอนึกได้กระเป๋าเดินทางเจ้ากรรมของเธอก็เกือบเลยไปแล้ว
"อุ้ย" เธอรีบคว้าหูกระเป๋า แล้วก็ต้องแปลกใจที่มีมือหนาของผู้ชายมาคว้าจับด้วยเช่นกัน หญิงสาวหันไปมองคนที่ใจตรงกัน เธอเห็นว่าเขาเป็นชายหนุ่มหน้าคมคายใส่แว่นตาสีดำสนิท หน้าตาออกคล้ายชาวตะวันออกกลาง แต่ผิวค่อนข้างขาวกว่า แต่ตัวเขาสิโตยังกับนักบอลต่างประเทศก็ไม่ปาน เขาผู้นั้นก็มองเธออย่างุนงงเช่นกัน
"ขอโทษค่ะ ใบนี้มันกระเป๋าฉัน" เธอบอกเขาเพื่อเขาจะได้ปล่อยมือออกไปเสียที
"อ่อ ครับ ขอโทษทีผมจำผิด"
ดาเลียสก็รีบปล่อยมือออกไปยืนก้มหน้ากลบอาการเก้อ เจ้าหล่อนพอได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ก็ปรายตามองเขาด้วยหางตาแวบหนึ่งก่อนจะเดินหันหลังจากไปกับเพื่อนสาวของเธอ เขาคงไม่ใช่คนที่น่าสนใจสำหรับเธอเท่าไรนัก แต่ดาเลียสต่างหากที่สนใจเธอแต่ไม่ได้ใช่ด้วยเหตุผลเพราะหน้าตาสวยคมเพียงอย่างเดียว ชายหนุ่มกดขาแว่นให้ต่ำลงพอมองเห็นเต็มสองตา เธอสวยสง่าเหมือนในรูปทั้งรูปร่างก็ได้ทรวดทรงอวบอิ่มเฉพาะส่วน สมกับอาชีพนางแบบ
"เสียดายนะ ที่เราต้องอยู่ตรงข้ามกัน' เขาพึมพำเบาๆให้กับตนเอง ยิ้มที่มุมปากอย่างมีความหมาย อีกไม่กี่นาทีหรอกถึงอย่างไรเสียเราก็ต้องพบกัน คุณนางแบบคนสวย
นาตุลยาท้าวคางมองออกไปนอกหน้าต่าง ชมเมืองหลวงของอเลสติเนียอย่างสนอกสนใจ เธอไม่เคยรู้เลยว่ามีประเทศนี้อยู่ในตะวันออกกลางด้วย คงเพราะเป็นประเทศขนาดเล็กมาก จึงยังไม่เป็นที่รู้จักของใครนักในตอนแรกทีได้ยิน แต่หากพูดถึงเรื่องแหล่งแร่เพชรและทองคำที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งจึงทำให้นึกออกขึ้นมาได้ "อเลสติเนีย" กลายเป็นประเทศที่ผู้คนเข้ามาท่องเที่ยวหรือแสวงหากำไรให้ตนเองมากขึ้นทุกปี
"โอ้ย เบื่อจัง ฉันล่ะไม่อยากมาที่นี่จริง เมืองไรไม่รู้ ตรงกลางก็เจริญดีอยู่หรอก ออกไปหน่อยมีแต่ทรายกับทราย ดีนะที่เขาว่ากันว่าทางใต้มีแม่น้ำตัดออกไปทะเลไม่งั้นคงแล้งน่าดู" นนนี่เพื่อนนางแบบของเธอเริ่มบ่นบ้างแล้ว นาตุลยาหันไปอมยิ้มให้
"ไหนว่า ไม่อยากให้ฉันพูดมากไง ตนเองก็พูดแทนหมด'
"แหมใครจะเหมือนเธอล่ะ ทีแรกทำท่าไม่อยากมาไม่ใช่หรือ เป็นไง พอมาเห็นบ้านเมืองเขา เกิดติดใจแล้วสิ ฉันบอกแล้วที่นี่น่าเที่ยวจะตาย ถ้าไม่ติดมีทะเลทรายที่ร้อนเอาเสียตับแลบ ดูๆ บ้านเมืองเขาสวยสะอาดแถมทันสมัย แต่ว่าบางส่วนก็มีบ้างที่มันไม่น่ามองนักอย่างหมู่บ้านไกลๆ ยังไม่เจริญเลย ฉันเคยได้ยินว่ามีกลุ่มโจรทะเลทรายอยู่ด้วย"
นนนี่เล่าไปเรื่อยเปื่อย ขณะที่พวกเธอทั้งสองคนกำลังนั่งรถที่ทางโรงแรมจัดมาให้เพื่อไปยังสถานที่พักผ่อนของตน ปีนี้ทางประเทศอเลสติเนียได้เป็นเจ้าภาพจัดแสดงอัญมณีระดับโลก มีการเดินแบบแสดงเครื่องเพชรโดยใช้นางแบบหลายชาติซึ่งก็รวมทั้งนาตุลยาและนนนี่ด้วย
"เอี๊ยด!"
"ว้าย!!" สองสาวตกใจร้องอุทานเสียงดังพร้อมกันเมื่อรถหยุดกะทันหัน นนนี่หน้าเสียหันไปต่อว่าคนขับทันที "ขับรถประสาอะไรกันคะเนี่ย อันตรายมากรู้ไหม"
"ขอโทษครับคุณทั้งสอง มีคนมาตัดหน้ารถเรา" คนขับรถของพวกเธอสองคนค่อนข้างมีอายุ และขับไม่เร็วเท่าไร แต่ก็มีเรื่องให้ต้องอกสั่นขวัญแขวนจนได้ "เดี๋ยวผมจะลงไปคุยเอง ไม่รู้ยังไง จู่ ๆ ก็ปาดหน้าเรา"
พอเขาพูดจบก็เปิดประตูรถลงไปทันที รถที่มาตัดหน้ารถของพวกเธอคล้ายจะเป็นลีมูซีนสีดำ นาตุลยาชะโงกหน้ามองจึงเห็นผู้ชายเจ้าของรถก้าวออกมาจากรถของเขา หญิงสาวอ้าปากค้าง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะบังเอิญขนาดนี้ เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่อยู่ในชุดสูทมาดเข้ม ไว้หนวดเคราเขียวครึ้มภายใต้กรอบแว่นตาสีดำ เธอจำเขาได้ดีเพราะเพิ่งเจอหน้ากันไม่ถึงชั่วโมงแม้ได้พูดกันเพียงไม่กี่คำ
"จะนานไหมนี่ เสียเวลาพักผ่อนพอดี" นนนี่ยังคงพึมพำบ่นกับตนเอง นาตุลยาตัดสินใจเปิดประตูรถออกไปเจรจาด้วยอีกคน "เอ้า ยัยนา จะออกก็ไม่บอกกันด้วย" นนนี่รีบออกตามเธอไป พอเห็นชายหนุ่มหล่อเหลาตรงหน้าก็อดยืนมองตาค้างไม่ได้
นาตุลยาได้ยินเสียงคนขับรถของเธอต่อว่าคู่กรณีเสียมากกว่าทั้งที่รถของเธอก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยอมรับผิดแต่โดยดี
"ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมพยายามจะบีบแตรเรียก แต่ว่าลุงเขาขับหนี เลยต้องทำแบบนี้"
"แล้วคุณจะขับตามพวกเรามาทำไมคะ หรือว่าเราขับช้าเกะกะรถหรูๆ ของคุณ จนต้องถึงกับบี้ไล่กันด้วย'
ดาเลียสหันไปมองทางหญิงสาว ส่งยิ้มที่มุมปาก หลังกรอบแว่นตาสีดำใครจะรู้เลยว่าได้ซ่อนประกายความยินดีเอาไว้
"คือแบบนี้ครับ ต้องขอโทษอีกครั้งจริงๆ" ชายหนุ่มหันหลังกลับไปที่รถ เปิดประตูท้าย และลากเอากระเป๋าใบโตออกมา "กระเป๋าใบนี้ของคุณครับ ใบที่อยู่กับคุณมันเป็นของผมต่างหาก มันหน้าตาเหมือนกันมาก เลยจำกันสลับ ถ้ายังไงขอคืนด้วยนะครับ"
สีหน้าของนาตุลยาแลดูยุ่งยากใจ นี่มันอะไรกัน อีตานี่ต่างหากที่คิดจะคว้ากระเป๋าผิดไป "งั้นหรือคะ แต่ว่าฉันจำของๆ ฉันได้ดี"
"ผมว่าครั้งนี้คุณคงจำผิดไปแล้วครับ ไม่เชื่อดูที่ป้ายแท็กติดเบอร์ดูสิครับ คนละใบก็น่าคนละชื่อ หรือว่าไงครับ คุณเอากระเป๋าคุณออกมาดีกว่า แล้วเราค่อยมาว่ากัน"
หญิงสาวชักไม่มั่นใจเสียแล้ว เธอจึงขอให้ลุงคนขับรถช่วยเปิดท้ายและลากกระเป๋าออกมาดู จริงอย่างที่เขาว่า กระเป๋าสองใบเหมือนกันเปี๊ยบ แต่ว่าป้ายชื่อไม่ใช่ของตนเอง นาตุลยาอึ้งสนิทที่รู้ว่าตนเองหน้าแตกจำผิดเองและยังไปว่าเขาอีกต่างหาก แต่เธอก็ไม่คิดจะเอ่ยปากขอโทษสักคำ เพราะชักหมั่นไส้ผู้ชายคนตั้งแต่แรกเห็นแล้ว
"ท่าทางจะกวนประสาทน่าดู" หญิงสาวคิดในใจ แล้วลากกระเป๋าที่จำผิดไปให้เขาและขอคืนของตนเองกลับมา "ขอบคุณค่ะ ที่อุตส่าห์ขับตามมาคืนกันได้ทัน ไม่งั้นคืนนี้ฉันก็ไม่รู้จะเอาที่ไหนใส่" นาตุลยาคิดว่าควรขอบคุณสักหน่อยตามมารยาท
"อ๋อ ครับ ผมก็กลัวตนเองเหมือนกัน ขืนเดินแก้ผ้าเดินโทงๆ เดี๋ยวได้แตกตื่นทั้งเมือง" ดาเลียสพูดติดตลกหวังจะเห็นเธอหัวเราะหรือยิ้มเสียหน่อยก็ยังดี แต่ทว่าทำไมคนสวยหยาดเยิ้มเอาแต่ปั้นหน้าเฉยชา
"ถ้าไม่มีอะไร ขอกลับก่อนนะคะ พวกเรามีงานหลายอย่างต้องทำ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับกระเป๋า" หญิงสาวเอ่ยลาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ลากกระเป๋าและเพื่อนสาวไปด้วยกัน นนนี่ไม่วายแอบเหลียวกลับมาส่งสายตาและโบกมือทักทายให้
"คนอะไรหล่อชะมัด ทำไมไม่คว้ากระเป๋าฉันผิดไปบ้างนะ" นนนี่เอาแต่ชื่นชมปลาบปลื้มชายหนุ่มคมเข้มหน้าหล่อคนนั้นที่เพิ่งรู้จักไปตลอดทาง ส่วนเพื่อนสาวของเธอตอนนี้ตรงกันข้าม นาตุลยานั่งปั้นหน้าบึ้งมาที่นี่วันแรกงานก็เข้าเสียแล้ว
"คนบ้าละสิไม่ว่า กวนชะมัดยากต่างหาก"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น