ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] ณ ฟาร์ม.

    ลำดับตอนที่ #2 : 1.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 44
      0
      2 ม.ค. 58



    1

     

     
     

    ไข่ดาว ไส้กรอก ขนมปังทาเนย  ซีเรียลรูปดาว โกโก้ร้อน

    ...เหมือนทุกที

    ...ทุกเช้าของเรา

     

                “หมอ...”

     

                    “...”

     

                    “หมอ เฮ้!

     

                    ผมสะดุ้งและเบนสายตามาหาเจ้าของมือที่โบกไปมาตรงหน้าของผมเมื่อครู่ แจ็คสัน หวัง ผู้เป็นเจ้าของฟาร์มชื่อเดียวกับเจ้าตัวนั่นเอง เขานั่งอยู่ตรงข้ามผม ตรงหน้ามีขนมปังปิ้งสองแผ่นวางอยู่ข้างถ้วยว่างเปล่าที่มีนมสดเหลืออยู่เล็กน้อยและแก้วกาแฟหอมกรุ่น

     

                    “หมอไม่ได้ยินที่ผมพูดเลยใช่มั้ยเนี่ย”

     

                    “...ฮะ?”

     

    ผมไม่รู้ว่าเขามานั่งตรงข้ามผมตั้งแต่เมื่อไหร่ด้วยซ้ำ คำถามที่ผมส่งกลับไปให้เขาก็ดูเหมือนจะเป็นคำตอบที่ดีที่จะทำให้เจ้าตัวถอนหายใจออกมาเบาๆ

     

    “ผมมานั่งตรงนี้เมื่อสิบนาทีที่แล้ว เผื่อหมอจะยังไม่รู้ บอกหมอด้วยว่าเดี๋ยวผมจะพาไปเดินดูฟาร์มนะ ดูหมอนั่งเคี่ยวซีเรียลแปปนึงแล้วก็ถามหมอว่าหมอตื่นยัง แต่ดูเหมือนว่าผมจะได้คำตอบแล้ว” แจ็คสันพูดพร้อมส่งยิ้มล้อมาให้ผมที่ตอนนี้หยุดคนซีเรียลในถ้วยแล้วตั้งแต่ที่เขาบอกว่าผมตั้งใจจะเคี่ยวมัน

     

    ผมกระแอมเคลียลำคอก่อนจะตอบเขาไปสั้นๆ ว่า “อืม” ถือเป็นการรับทราบสิ่งที่เขาต้องการจะบอกแล้วก็ตักซีเรียลเข้าปากไปหนึ่งคำ หยิบเนยมาทาขนมปังเพิ่มและเอาเข้าปากไปอีกคำ คนตรงข้ามจ้องมองการกระทำของผมอย่างไม่วางตาพร้อมรอยยิ้มที่ดูไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่ประดับอยู่ตรงมุมปาก

     

    “ผมล่ะสงสัยจริงๆ...”

    นั่นเป็นประโยคเปิดเรื่องที่เริ่มต้นได้ดี ทำให้ผมรู้สึกได้ว่าต้องเตรียมใจกับเรื่องที่เขาสงสัยจะถามไว้ระดับหนึ่ง ชายหนุ่มตรงหน้าขยับเปลี่ยนท่าอาการตนเองเล็กน้อยตามแบบฉบับของคนท่ามากก่อนจะเริ่มพูดต่อ

     

    “หมอมาทำอะไรไกลถึงโอเรกอน นิวยอร์กก็มีงานให้ทำตั้งเยอะแยะไม่ใช่เหรอ”

     

    ผมสะดุดการกินไปเล็กน้อยกับคำถามของเขา ฟังดูเป็นคำถามทั่วไปที่คนจะถามเมื่อเห็นคนอย่างผมพาตัวเองบินข้ามฟากประเทศมาเพื่อทำงานเช่นนี้ และในขณะที่ผมกำลังหาคำตอบดีๆ นอกเหนือไปจากคำตอบว่า อยากมาแล้วเขาก็ชิงพูดไปก่อน

     

    “แถมจบจากสถาบันสัตวแพทย์ที่ดีที่สุดของโลกด้วยนะเนี่ย ไม่คิดเลยว่าจะมีคนแบบหมอสนใจมาทำงานที่นี่ ผมล่ะรู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ”

     

    “ทำไมล่ะ ที่นี่ก็สวยดีไม่ใช่เหรอ”

     

    “แหม ไม่ทำไมหรอกครับ” เจ้าตัวยิ้มเผล่ “แต่ก็นะ ว่ากันว่าคนที่มาที่ไกลๆ นี่มีสองอย่างนะ ถ้าไม่อยากเจออะไรใหม่ๆ ก็ไม่อยากเจออะไรเก่าๆ นะ หมอเป็นแบบไหนล่ะ”

     

    “...ก็ต้องอย่างแรกอยู่แล้วสิ”

     

    ชายหนุ่มตรงหน้าหัวเราะร่ากับคำตอบของผม ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่ามันน่าตลกอะไรนักหนา แถมไม่พอยังลุกขึ้นเดินมาตบไหล่ผมประหนึ่งต้องการจะบอกผมว่า ไม่เป็นไรนะ ฉันเข้าใจนาย อีก

     

    “อะไรของนาย” และเขาหัวเราะชอบใจอีกรอบกับความสนิทสนมในอีกระดับหนึ่งที่ผมเพิ่งจะเพิ่มให้เขาไป

     

    “เปล๊า ไม่มีอะไร ว่าแต่หมอพร้อมรึยังล่ะ ผมจะได้พาไปสำรวจฟาร์ม”

     

                    ผมลุกขึ้นยืนแล้วพยักหน้าให้เขาแทนคำตอบ

     

                   

     

                

        “ที่นี่คือคอกม้าของเรา”

     

      ตอนนี้เรากำลังยืนอยู่ตรงหน้าอาคารไม้หลังคาสูงชั้นเดียวที่ชายเจ้าของฟาร์มพ่วงตำแหน่งไกด์นำเที่ยวแนะนำว่าเป็น คอกม้า มันดูค่อนข้างเก่าแต่ก็เก๋าดี ผมหมายถึง มันยังดูแข็งแรงอยู่น่ะ จากนั้นพวกเราก็เดินเข้าไปในตัวอาคาร ก่อนผมจะได้อ้าปากค้างกับสภาพที่ดูแตกต่างจากภายนอกลิบลับ ภายในอาคารสะอาดสะอ้านและดูใหม่ทันสมัย มีการแบ่งส่วนออกเป็นคอกม้าที่มีม้าตัวสูงใหญ่ยื่นหัวออกมาส่งเสียงทักทายผู้มาเยือนอยู่ประมาณสิบกว่าคอก มีส่วนแต่งตัวม้าที่มีอุปกรณ์ครบเครื่องแขวนเรียงรายอยู่บนผนัง และส่วนที่ใช้สำหรับอาบน้ำ ผู้ชายคนหนึ่งที่แต่งองค์อยู่ในชุดขี่ม้ากำลังเดินจูงม้าสีดำน่าเกรงขามเข้ามาทางประตูอีกฟากนึงของอาคาร

     

    “มาพอดีเลย” แจ็คสันกล่าวทักทายผู้มาใหม่ ชายคนนั้นจูงม้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเรา ส่งรอยยิ้มเป็นมิตรมาทักทายผม เขาเป็นชายชาวเอเชียที่มีผมสีดำร่างสูงแต่ดูบอบบาง รอยยิ้มที่เผยให้เห็นเขี้ยวทั้งสองซี่นั้นดูมีเสน่ห์ไม่น้อย

     

    “นี่มาร์ค ต้วน เป็นคนดูแลม้าของที่นี่ แล้วเขาก็เป็นนักขี่ม้าของผมด้วย” แจ็คสันแนะนำ แล้วถ้าผมฟังไม่ผิด ผมรู้สึกว่าเขาดูจะเน้นคำว่า ‘My’ เป็นพิเศษนะ

     

    “สวัสดี เรียกผมว่า มาร์ค ก็ได้ แล้วก็ใช่ ผมเป็นคนดูแลม้าของที่นี่แล้วก็เป็นนักขี่ม้าของที่นี่ด้วย ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณหมออิม” มาร์คยื่นมือมาทักทาย ผมจับตอบแล้วก็พูดบ้าง

     

    “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน เรียกผมว่า แจบอม ดีกว่าครับ”

     

    มาร์คส่งยิ้มกว้างมาให้อีกรอบ ก่อนจะขอตัวไปเอาม้ากลับเข้าคอก

     

    “มาร์ค แล้วยองแจล่ะ”

     

    แจ็คสันถามตามหลังมาร์คที่เพิ่งเดินออกไป มาร์คหันกลับมาพร้อมสีหน้าครุ่นคิด

     

    “ฉันเดาว่าเขาน่าจะไปจัดการกับสนามขี่ม้าในร่มอยู่”

     

    “พวกนายไม่ได้เดินสวนกันหรือไง”

     

    “เปล่านี่ วันนี้อากาศดีฉันเลยไปขี่รอบๆ ฟาร์มน่ะ”

     

    คาซาบรังก้าแพ้เกสรดอกไม้นายก็รู้”

     

    “แจ็คสัน... ฉันบอกนายกี่ทีแล้วว่าเป็น โอลิเวียที่แพ้ ไม่ใช่คาซซี่” มาร์คเถียงกลับมาทันควัน ผมเดาว่าชื่อสวยๆ ที่พูดถึงกันอยู่นั่นคงเป็นชื่อม้าของที่นี่

     

    แจ็คสันกระแอม “เอาล่ะหมอ จำข้อมูลนี้ไว้ให้ดีนะ” และเปลี่ยนเป้าหมายมาพูดกับผมแทน โอเค ผมจะจำไว้อย่างดีเลยว่าโอลิเวียแพ้เกสรดอกไม้ไม่ใช่คาซา ...อะไรซักอย่าง

     

    เจ้าของฟาร์มพาผมออกมาข้างนอกทางประตูฝั่งที่มาร์คเดินเข้ามา “ม้าที่นี่มีสิบสองตัว เป็นม้าสำหรับแข่งกีฬาทั้งหมด ทุกวันเราต้องพาไปออกกำลังกาย ถ้าไม่วิ่งในสนามขี่ม้าในร่ม...” เขาพูดพลางชี้มือไปยังอาคารไม้หลังใหญ่อีกหลังที่อยู่ไม่ห่างจากอาคารคอกม้าเท่าไหร่ “...ก็วิ่งรอบๆ ฟาร์มหรือไม่ก็สนามขี่ม้าตรงนู้น” ตรงนู้นที่ว่าก็คือสนามทรายขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามกับสนามขี่ม้าในร่ม

     

    “หมอก็ขี่ม้าเป็นนี่”

     

    “เป็น...นิดหน่อยเท่านั้นแหละ”

     

    คนตรงหน้าแค่นหัวเราะก่อนจะพูดต่อ “เราจะไปพบยองแจกัน”

     

     ผมเดินตามเขาเข้ามาในสนามขี่ม้าในร่ม ภายในเป็นพื้นทรายที่มีอุปกรณ์กีดขวางสำหรับการฝึกขี่ม้ากระโดดวางเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ ผมมองเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่แถวเครื่องกีดขวางไม่ห่างจากพวกผมนัก เดาว่านั่นคือ ยองแจ ที่แจ็คสันพูดถึง

     

    “ชเว ยองแจ!!” แจ็คสันเรียกเสียงดังราวกับตั้งใจจะแกล้งให้เจ้าของชื่อตกใจเล่น แล้วมันก็ได้ผลเสียด้วยเมื่อเด็กหนุ่มสะดุ้งโหยงตัวยืดตรงจนหัวไปชนเข้ากับเครื่องกีดขวาง ส่งเสียงดังมาถึงหน้าประตูที่ผมกำลังยืนอยู่จนผมอดรู้สึกเจ็บแทนไม่ได้

     

    “นี่มันเจ็บนะคุณแจ็คสัน!” เจ้าของชื่อยองแจโอดครวญพลางลูบหัวป้อยๆ

     

    “โว้ะ นายซุ่มซ่ามเอง อย่ามาโทษฉัน” แจ็คสันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เราเดินเข้าไปหายองแจ แล้วยองแจก็เดินเข้ามาหาพวกเราเช่นกัน

     

    “ฝากไว้ก่อนเถอะ ผมจะเก็บความแค้นนี้ไปลงกับเฟนซ์ซิ่ง

     

    “นายจะไม่ทำอย่างนั้น”

     

    “ใครจะไปรู้ล่ะ” ยองแจเชิดหน้าพูดอย่างไม่ยอมแพ้

     

    “ไอ้เด็กนี่... อย่าอยู่กับจินยองให้มันมากนัก นายนี่ชักจะเหมือนมันเข้าไปทุกวัน” แจ็คสันพูดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ก่อนจะบ่นพึมพำเบาๆ ที่ผมได้ยินชัดเจน แต่มั่นใจว่ายองแจคงไม่ได้ยินว่า “เมื่อก่อนยังน่ารักกว่านี้อีก” ทำเอาผมอยากจะเดินเข้าไปตบไหล่เขาซักสองทีเหมือนที่เขาทำกับผมเมื่อเช้านี้ ว่าแต่จินยองที่พูดถึงล่าสุดนี่คงเป็นชื่อคนสินะ

     

    “คุณคงเป็นคุณหมออิม แจบอม” ยองแจตรงเข้ามาหาผมพร้อมจับมือทักทาย “ผมชเว ยองแจครับ เป็นคนเกาหลีแต่พูดเกาหลีไม่ได้ แล้วก็กินแตงกวาไม่เป็นนะครับ”

     

    “นายไม่เห็นจำเป็นต้องบอกว่านายกินแตงกวาไม่เป็นหรอกน่า ใครเขาอยากรู้กัน”

     

    “มันเรื่องของผมนะครับคุณแจ็คสัน”

     

    “นาย...ฮึ้ย หมอ เอ้อ นี่เป็นเด็กเลี้ยงม้านะ มีอะไรก็ถามมันได้”

     

    แจ็คสันที่โดนหมัดน็อคเอาท์จากยองแจเปลี่ยนเรื่องอีกรอบ ตอนนี้ผมลงคะแนนให้ยองแจและมาร์คในใจไปคนละแต้มแล้วล่ะ นายน่ะมันอ่อนหัดจริงๆ นะแจ็คสัน

     

    “นายน่ะ” แจ็คสันชี้ไปที่ยองแจ “พาหมอไปดูโรงพยาบาลด้วย ฉันจะออกไปซื้อของกับมาร์ค”

     

    “เถียงไม่ออกก็ทำเป็นใช้งานตลอด” นี่คือเสียงบ่นเบาๆ จากยองแจหลังจากที่แจ็คสันผละออกไปแล้ว

     

    “คุณหมอ รอแปปนะครับ ผมเหลืองานตรงนี้อีกนิดเดียว”

     

    พูดจบก็วิ่งไปจัดการงานที่เหลือตรงที่เครื่องกีดขวางที่หัวเขาเพิ่งชนไป ส่วนผมที่ไม่รู้จะทำอะไรก็ได้แต่ยืนเฉยๆ รอที่เดิม

     

    .

     

    .

     

    โฮ่ง!

     

    แบ็ค!

     

    “โอ้ะ!

     

    ผมสะดุ้งกับเสียงที่มาพร้อมกับสัมผัสชื้นแฉะตรงฝ่ามือ หันไปก็พบกับพวงหางสีทองสะบัดไปมา และจมูกฟุดฟิดๆ นั่นก็พยายามจะดมไปทั่วตัวของผม เป็นสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์นั่นเอง ส่วนเจ้าตัวเล็กพันธุ์ปอมเปอเรเนียนขนฟูอีกตัวที่วิ่งตามเจ้าตัวโตมาก็กระโดดหยองๆ ไปรอบๆ ตัวผมเช่นกัน

     

    “สวัสดี เจ้าหมา” พูดพร้อมลูบหัวตัวที่ใหญ่กว่าไปหนึ่งที “ชื่ออะไรกันบ้างล่ะ”

     

    “นั่นยูกิกับแบมบี้น่ะครับ”

     

    ผมที่กำลังจะพลิกแท็กตรงปลอกคอของเจ้าหมาทั้งสองขึ้นมาดูก็ต้องชะงักมือลงเมื่อมีเสียงจากข้างหลังตอบคำถามนั้นให้

     

    “ตัวโตชื่อ ยูกิ ส่วนตัวเล็กชื่อ แบมบี้ครับหมอ” ยองแจนั่นเอง

     

    “งานเสร็จแล้วครับ เดี๋ยวผมจะพาไปดูโรงพยาบาลนะ”

     

     

     

     

    “ฟาร์มของเรากำลังจะเริ่มเปิดรับม้าจากข้างนอกเข้ามารักษาน่ะครับ โรงพยาบาลก็เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อต้นปีนี่เองครับ หมอเป็นคนแรกเลยนะที่จะได้ทำงานที่นี่” ยองแจดูจะภูมิในนำเสนอสถานที่ตรงหน้าอยู่ไม่น้อย โรงพยาบาลที่ว่านั่นก็คืออาคารไม้ที่สร้างเหมือนกับคอกม้าไม่มีผิดเพี้ยน เพียงแต่ภายในมีการจัดสรรพื้นที่ที่แตกต่างกัน ผมเดินไปดูรอบๆ ก็พบว่ามีคอกม้าอยู่เพียงแค่สี่คอกเท่านั้น มีห้องใหญ่ๆ อีกหนึ่งห้อง เมื่อเดินเข้าไปก็พบกับเครื่องมือทางการแพทย์ครบครัน และห้องผ่าตัดอีกสองห้องอยู่ตรงสุดทางเดิน

     

    “ที่นี่ดีกว่าที่ฉันเคยทำที่นิวยอร์กซะอีก!

     

    บอกได้จากน้ำเสียงของผมเลยว่าผมตื่นเต้นแค่ไหนจากการได้เห็นสิ่งเหล่านี้

     

    “คุณแจ็คสันคงดีใจที่คุณชอบมัน”

     

    จากนั้นไม่นานยองแจก็พาผมไปยังอาคารคอกม้าอีกครั้ง เขาแนะนำม้าทั้งสิบสองตัวให้ผมได้รู้จัก ชื่อมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัว เขาบอกว่าม้าตัวเขื่องสีดำทั้งตัวที่ชื่อ เฟนซ์ซิ่ง เป็นม้าประจำตัวของแจ็คสัน และม้าสีดำอีกตัวที่อยู่ข้างกันนั้นคือ คาซาบรังก้า เป็นม้าตัวโปรดของมาร์คและคนที่ชื่อจินยอง และอีกมากมายหลายชื่อที่ผมจำได้ไม่หมด พูดก็พูดเถอะว่าถ้านี่เป็นการ์ตูนคงได้เห็นตาของผมมีวงแห่งความมึนงงหมุนไปหมุนมาแล้ว ยองแจมองมาที่ผมแล้วก็หัวเราะเบาๆ

     

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ อยู่ๆ ไปเดี๋ยวก็จำได้เอง ด้านหน้าคอกก็มีชื่อติดไว้ทุกตัว”

     

    “ปกติ...โอ้ะ!

     

    ตกใจอีกครั้งกับเขี้ยวที่งับมาเบาๆ ที่มือของผม ตัวการมองช้อนสายตาขึ้นมาอย่างน่าเอ็นดู

     

    “ยูกิ!! ไม่ได้นะ” ยองแจดุเจ้าตัวสีทองที่งับมือผมอยู่ “ปล่อยมือคุณหมอเดี๋ยวนี้”

     

    ปากที่คาบมืออยู่นั้นยอมปล่อยโดยดี แต่ก็...

     

    โฮ่ง! โฮ่ง!

     

    แบ็ค! แบ็ค!

     

    โฮ่ง!

     

    แบ็ค!

     

    ...ตามมาด้วยสิ่งเหล่านี้ ผมเข้าใจว่าพวกมันคงต้องการชวนผมไปเล่นด้วย

     

    “นี่พวกนาย หยุด!

     

    แล้วทุกอย่างก็หยุด ยองแจจึงเริ่มบ่นเจ้าตัวยุ่งทั้งสองที่เงียบเสียงแต่ยังมองผมตาแป๋วอย่างปิดความต้องการไว้ไม่มิด “จูเนียร์ไม่เล่นด้วยรึไง ตอนนี้คุณหมอยังไม่ว่างนะ ออกไปเล่นกันเองข้างนอกก่อนไป๊”

     

    “เดี๋ยวเสร็จจากตรงนี้แล้วจะไปเล่นด้วยนะ” ผมพูดกับเจ้าหมาทั้งสอง ตบหัวเบาๆ ไปตัวละสองที ก่อนที่ตัวยุ่งทั้งสองจะพากันวิ่งออกไปข้างนอก ตัวใหญ่วิ่งนำ และตัวเล็กก็พยายามซอยเท้าวิ่งตามให้ทัน เป็นภาพที่ดูน่าขันไม่น้อย

     

    “แสนรู้ดีนะ” ผมหันไปพูดกับยองแจ “ว่าแต่จูเนียร์ที่พูดถึงนี่คือคนดูแลเจ้าพวกนี้เหรอ” ผมสงสัยว่าผมต้องไปรู้จักเขามั้ย

     

    “อ๋อเปล่าครับ ไม่ใช่คนดูแลหรอก จูเนียร์เป็นแมวครับ เป็นเหมือนแม่ของเจ้าพวกนี้น่ะ วันนี้คงไปนอนเล่นอยู่ที่ไหนซักที่ สองตัวนี้เลยหาไม่เจอล่ะมั้ง”

     

    “น่ารักจัง”

     

    “ค..ครับ?” ยองแจถามพร้อมมองหน้าผมเหรอหรา

     

    “ฉันว่าเจ้าพวกนั้นดูเป็นคู่หูที่น่ารักดีน่ะ”

     

    “อ๋อ... ครับ”

     

     

     

     

    แจ็คสันกลับมาอีกครั้งในตอนเย็นที่พระอาทิตย์ใกล้จะลาลับขอบฟ้าแล้ว เขาไล่ให้ผมไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนเขาก็ทำการจัดเตรียม “ปาร์ตี้” (เขาบอกว่าอย่างนั้น) อยู่กับมาร์คและยองแจ ผมเดินออกมาจากห้องครัวอย่างว่าง่าย หลังจากทำงานตรวจสุขภาพสัตว์น้อยใหญ่ในฟาร์มมาทั้งวันก็ดีเหมือนกันที่จะได้แช่น้ำอุ่นซักพัก

     

    เนื่องจากในตอนเช้าที่ผมออกจากห้องนอนผมไม่ได้ปิดประตูไว้จึงทำให้เมื่อเข้าไปก็พบกับสิ่งมีชีวิตหน้าขนสีส้มนอนหลับอย่างมีความสุขอยู่บนเตียง

     

    “ถ้าให้เดา แกคงเป็นจูเนียร์”

     

    เมื่อได้ยินเสียงทักจากผมมันจึงปรือตาขึ้นมามองคนมาใหม่เล็กน้อย ก่อนจะบิดขี้เกียจแล้วก็ขยับตัวเปลี่ยนท่านอน แมวเป็นสัตว์ที่หยิ่ง ข้อนี้ผมรู้ดี แต่ในความหยิ่งนั้นมันน่าค้นหา เพราะเบื้องหลังของมันคือความขี้อ้อนประจบประแจงที่ทำให้คนหลงใหลมานักต่อนัก ซึ่งหนึ่งในคนพวกนั้นก็คือ ผมเองนี่แหละ ผมยังไม่ได้บอกใช่มั้ยว่าผมน่ะ เป็นทาสแมว...

     

    “จูเนียร์ เมี้ยว เมี้ยว”

     

    พอเป็นเรื่องแมวแล้วผมห้ามตัวเองไม่ได้ซักที ผมเรียกจูเนียร์ไปหลายรอบแต่สิ่งที่เจ้าตัวตอบกลับมาก็มีเพียงแต่ ความนิ่ง...

     

    เอาน่ะ! อย่าเพิ่งท้อนะอิม แจบอม นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น

     

    “เมี้ยว เมี้ยว ฉันจะเกาคางให้แกนะ ทำตัวน่ารักซะดีๆ”

     

    ไม่พูดเปล่า ผมเอื้อมมือไปแตะหัวเจ้าแมวเบาๆ มันก็ยังคงนิ่ง ไม่ได้หนีหรือขัดขืนอะไร ผมเดาว่านั่นคงเป็นสัญญาณที่ดีที่จะเริ่มผูกมิตร แต่ทว่า...

     

    โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง

     

    จู่ๆ เจ้าแมวจูเนียร์ที่นอนทำตัวน่ารักอยู่บนเตียงผมดีๆ ก็สะดุ้งตัวขึ้นยืนมาตรงสี่ขาราวกับติดโปรแกรมไว้เมื่อได้ยินเสียงของเจ้ายูกิที่ตอนนี้ยืนส่ายหางมองมาทางพวกผม (หมายถึงผมกับจูเนียร์) ด้วยสีหน้าของหมาที่กำลังมีความสุขที่สุดในโลก ก่อนจะวิ่งดุ๊กๆ เข้ามาหาเจ้าแมวสีส้มที่อยู่ถัดไปจากผม ถูกแล้วล่ะ ยูกิมาหาจูเนียร์ แถมมันยังไม่สนใจผมที่กำลังกวักมือและส่งเสียงเรียกทั้งๆ ที่อยู่ข้างๆ กันนั้นเลย ไหงเป็นงี้?! ตอนกลางวันแกยังพยายามชวนฉันไปเล่นอยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้กลับเมินใส่กันซะอย่างงั้น ...ผมนี่อากาศเลยครับ

     

    เอาเถอะ... ผมปลอบใจตัวเอง ถึงแม้ว่าผมจะชอบความรู้สึกเวลาได้สนิทสนมกับสัตว์และชอบความรู้สึกที่ว่าเราสามารถเข้าใจกันได้แม้ว่าเราจะไม่ได้พูดคุยกัน แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้มันต้องอาศัยเวลา เพราะสัตว์มีสัญชาตญาณการป้องกันตัวสูง ผมจึงต้องทำให้มันรู้ว่ามันสามารถเชื่อใจคนแปลกหน้าอย่างผมให้ได้เสียก่อน

     

    ด้วยสิ่งนี้...

     

    “ยูกิ”

     

    ผมเรียกชื่อเป้าหมายพร้อมขยำถุงขนมในมือให้เกิดเสียงกร็อบแกร็บ เจ้าของชื่อสนใจผมทันที

     

    “มาทางนี้สิเด็กดี”

     

    เจ้าสี่ขาตัวโตละความสนใจจากเจ้าแมวตรงหน้าแล้วเดินมาหาผมอย่างว่าง่ายราวกับต้องมนต์ แต่แล้วผมก็ต้องแปลกใจเมื่อไม่ได้มีแค่เจ้ายูกิที่ตามมา แต่ดันมีแมวจูเนียร์พ่วงมาด้วยนี่สิ ทั้งคู่นั่งเรียบร้อยอยู่ตรงหน้าผม ตากลมโตทั้งสองคู่นั้นก็กำลังจับจ้องมาที่ผม (ความจริงแล้วคือขนมในมือผม)

     

    ให้ตายสิ...มัน...น่ารัก...มาก

     

    ด้วยเหตุนี้ทั้งเจ้าเหมียวและเจ้าหมาก็ได้กินขนมไปตัวละสองชิ้นก่อนที่ผมเข้าไปอาบน้ำ ถึงแม้ว่าจะต้องพับเก็บโครงการที่จะแช่น้ำซักพักเนื่องจากแจ็คสันตะโกนขึ้นมาบอกว่าดินเนอร์พร้อมแล้วให้รีบลงไปซักที แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ได้อยู่กับเจ้าพวกนี้ผมก็รู้สึกหายเหนื่อยไปได้ครึ่งหนึ่งแล้วล่ะ

     

     

     

     

    “หมออออออออออ อาววววววอีกกกกกกก”

     

    “ฉันพอแล้วน่า”

     

    “อารายยยยย หมออออออยังไม่มาววววเลยยยย”

     

    “ฉันยัง แต่นายน่ะเมาแล้วนะ พอได้แล้ว”

     

    “หมอออออออออออออออีกแก้วววววว”

     

    แล้วก็มาพร้อมกับแก้วที่เอียงได้องศาจ่ออยู่ที่ปากผมพอดี ผมรับแก้วที่บรรจุเครื่องดื่มสีอำพันตรงหน้ามายกดื่มจนหมดอย่างเสียไม่ได้

     

    “เมื่อหร่ายยยยยจะมาววววเนี่ยยยยย”

     

    “อะไรๆ นายคิดจะมอมเหล้าฉันรึไง”

     

    แทนที่จะตอบคำถามของผม แจ็คสัน หวัง กลับเหล่ตาที่เยิ้มได้ที่พร้อมกับจิ๊ปากและส่ายหน้าเบาๆ

     

    “คุณแจ็คสันผมว่าคุณขึ้นไปนอนเถ้อะ” ยองแจที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากพวกผม ผู้ที่เป็นพยานรู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่ต้นพูดขึ้น

     

    “ม่ายยยปายยยยย”

     

    “ถ้าคุณไม่เห็นแก่ตัวเองก็ช่วยเห็นแก่ลูกจ้างอย่างผมที่ต้องมาเห็นสภาพ...แบบนี้ด้วยเหอะ”

     

    ผมแอบซี้ดปากอยู่เงียบๆ กับดีกรีความเจ็บแสบของคำพูดของยองแจเพิ่มขึ้นอย่างรู้สึกได้เมื่อเหล้าเข้าปาก ผมเดาว่าถ้าคำพูดนั้นสามารถตบหน้าแจ็คสันได้ ป่านนี้เขาคงได้สร่างเมาไปแล้วล่ะ

     

    “แกกกกกกก ไอ้ยองแจจจจจ” แจ็คสันทำได้แค่นั่งคอพับคออ่อนคำรามและชี้หน้ายองแจเท่านั้น

     

    “แจ็คสัน”

     

    เป็นมาร์คนั่นเอง เขาเรียกคนเมาข้างผมด้วยเสียงนิ่งๆ

     

    “ไปนอนได้แล้ว”

     

    “ไม่เอาน่า มาร์คคคคคคคค” เอ่อ...ท่าทางออดอ้อนนี่คืออะไรกัน!

     

    “แจ็คสัน” มาร์คกล่าวเสียงเย็นขึ้นกว่าเดิม

     

    เจ้าของชื่อที่ตอนนี้คอตกไปเรียบร้อยแล้วบ่นพึมพำอะไรซักอย่างที่ผมฟังไม่ถนัด

     

    “จะไปไม่ไป”

     

    “อือออออ ปายยยยยยส่งหน่อยนะมาร์คคคคค”

     

    ผมได้ยินมาร์คถอนหายใจเบาๆ แต่ก็ยอมเดินไปประคองแจ็คสันให้ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล ผมส่งสายตาไปถามมาร์คว่าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ คำตอบที่ได้คือการส่ายหน้า มาร์คปั้นปากบอกผมว่าเขาจัดการเองได้ ไม่ต้องห่วง ดังนั้นผมจึงถอยออกมายืนข้างยองแจ เราทั้งคู่ต่างยืนมองมาร์คที่แบกแจ็คสันเข้าไปในตัวบ้านสีแดงไปจนลับสายตา

     

    เกิดเป็นความเงียบขึ้นหลังจากนั้น ยองแจที่ตอนปกติก็หน้ามึนอยู่แล้ว พอได้ดื่มก็ยิ่งทำตัวงงๆ เข้าไปอีก เนื่องจากสีหน้าของเขาที่มองมาทางผมดูว่างเปล่าซะจนผมอดถามไม่ได้ว่าเขายังไหวอยู่ไหม ยองแจตอบกลับมาเพียงว่าเขาโอเค แค่มึนนิดหน่อยเท่านั้น ผมตั้งใจจะไล่ให้เขาไปนอนบ้างแต่เด็กหนุ่มก็ชิงพูดขึ้นมาซะก่อน

     

    “ผมดีใจนะที่หมอมาอยู่ที่นี่”

     

    “ฉันก็ดีใจเหมือนกัน”

     

    “ทำไมหมอเลือกมาที่นี่ล่ะ” คำถามนี้อีกแล้ว...

     

    “แล้วทำไมนายถึงมาทำงานที่นี่ล่ะ”

     

    “แน่ะๆ อย่าทำเนียนเปลี่ยนเรื่องสิหมอ ผมถามหมอก่อนนะ”

     

    ผมเหล่ตามองคนรู้ทันอย่างเซ็งๆ โอเรกอนเป็นรัฐที่สวย เช่นเดียวกับเมืองพอร์ตแลนด์ ,เมืองใหญ่เมืองหนึ่งของรัฐนี้ ที่ซึ่งผมกำลังทำงานอยู่นี่แหละ แต่แน่นอนว่าเหตุผลที่พาผมบินลัดฟ้าจากนิวยอร์กมาไกลถึงที่นี่ไม่ได้มีแค่นั้นหรอก ผมแค่ไม่อยากแม้แต่จะคิดถึงมันเท่านั้น

     

    “อกหักรึเปล่าน๊า”

     

    “ไร้สาระน่ะ ฉันว่านายควรจะตามแจ็คสันไปนอนด้วยนะ” พอเมาแล้วนอกจากจะเพิ่มดีกรีความปากร้ายแล้วยังพูดไม่รู้เรื่องอีกนะเจ้าเด็กนี่

     

    “ผมไม่นอนกับคุณแจ็คสันนะ!

     

    “ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันหมายถึงว่านายควรจะไปนอนได้แล้ว”

     

    “ผมยังไม่ง่วงซักหน่อย ผมอยากคุยกับหมอ อยากรู้เรื่องหมอ”

     

    “นายจะอยากรู้เรื่องของฉันไปทำไมล่ะ”

     

    “ก็...ก็ แบบว่ารู้จักกันไว้ก็ดีไม่ใช่เหรอ” ผมถอนหายใจกับคำตอบ

     

    “งั้นเล่าเรื่องของนายสิ ฉันก็อยากรู้จักนายบ้าง”

     

    “ฮื่อได้สิหมอ” เด็กหนุ่มหน้ามึนพูดอย่างกระตือรือร้น “ว่าแต่หมอรู้ถึงไหนแล้วนะ เอ้อ เรื่องที่ผมกินแตงกวาไม่เป็นใช่มั้ย คือจริงๆ นะ ผมไม่ชอบมันมากๆ เลย รสชาติมันแบบ...แหวะอ่ะ" ไม่พูดอย่างเดียวยังทำท่าประกอบด้วยก่อนจะพูดต่อ "ห้ามเอามาให้ผมกินเด็ดขาดนะ! แล้วก็หมออยากรู้เรื่องที่ผมมาทำงานที่นี่ได้ยังไงใช่ม๊า คือ ผมน่ะ... ไม่สิ คือจริงๆ แล้วพ่อผมน่ะตอนแรกก็ทำงานที่นี่แหละ แต่ตอนนี้ไม่สบายอยู่ แม่ก็ต้องดูแลพ่อ ไม่มีใครหาเงิน ผมก็เลยต้องมาทำงานแทนไง” ยองแจเว้นช่วง “...คุณแจ็คสัน เห็นเป็นคนอย่างนั้นแต่จริงๆ แล้วใจดีมากๆ เลยนะ เขาให้ผมทำงานแถมยังให้เรียนทางไกลจนตอนนี้ขึ้นปีหนึ่งแล้ว ผมน่ะ...รู้สึกขอบคุณเขาจริงๆ” พูดจบก็ยิ้มบางๆ ให้ตัวเอง

     

    “เห็นทะเลาะกันอย่างนั้นก็นึกว่านายถูกบังคับให้มาทำงานซะอีก” ผมพูดแกมหัวเราะด้วยท่าทางเหลือเชื่อ ยองแจก็หัวเราะตาม

     

    “เปล่านะหมอ ฮ่าๆ นั่นมันเป็นวิธีแสดงความขอบคุณของผมต่างหากล่ะ”

     

    ยองแจพูดจบแค่นั้นตัวของเจ้าตัวก็เริ่มโงนเงนไปมา ผมจึงไล่เขาไปนอนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เด็กหนุ่มยอมลุกขึ้นยืนอย่างว่าง่าย ก่อนจะบอกลาผมแล้วก็เดินเข้าตัวบ้านไป

     

    ผมถอนหายใจเบาๆ รอยยิ้มจางปรากฏบนใบหน้า จบไปแล้วสินะสำหรับวันแรกของการเริ่มต้นทำงานที่นี่ แม้จะรู้สึกเก้ๆ กังๆ ไปหน่อยแต่ผมรู้สึกว่าตัดสินใจไม่ผิดเลยกับตัวเลือกนี้ ผมทอดสายตามองไปรอบๆ ฟาร์มจนไปสะดุดกับภาพของหมาสองตัวที่นอนขดอยู่ด้วยกันโดยมีแมวสีส้มนอนหลับตาพริ้มอยู่บนตัวของหมาตัวใหญ่ ผมมองภาพนั้นแล้วยิ้มกว้างอย่างห้ามไม่อยู่

     

    แค่คิดว่าต่อจากนี้จะได้เจออะไรอีกบ้างก็รู้สึกสนุกขึ้นมาแล้วสิ!

     

     
     

     

    TBC
    ฮี่ฮี่ :D

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×