คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : intro.
INTRO
ติ๊ง!
เมื่อสิ้นเสียงเตือนและไฟสัญญาณรัดเข็มขัดนิรภัยที่อยู่เหนือหัวของทุกคนดับลง เหล่าฝูงคนรอบตัวผมที่ดูราวกับนั่งอดรนทนทุกข์มานานพากันลุกฮือออกจากที่นั่ง เกิดเป็นความวุ่นวายขนาดย่อมขึ้นเมื่อทุกคนต่างรีบร้อนจะหยิบสัมภาระและพาตนเองออกจากตัวเครื่องบินให้เร็วที่สุด จนผมอดคิดไม่ได้จริงๆ เลยว่าที่ตรงหน้าประตูเครื่องนั่นแอร์โฮสเตทสาวสวยคงจะรอตบรางวัลอันทรงเกียรติให้กับคนที่ไปถึงเป็นคนแรกอยู่เป็นแน่
โชคดีเหลือเกินที่ผมได้ที่นั่งติดหน้าต่างทำให้ไม่ต้องไปร่วมวงวุ่นวายกับคนเหล่านั้น ผมเลือกที่จะค่อยๆ บรรจงเก็บสัมภาระของผมให้เข้าที ก่อนจะค่อยๆ ลุกเดินออกจากที่นั่งไปเมื่อพบว่าผู้คนบนเครื่องบางตาลงแล้ว
ผมใช้เวลาไม่นานมากเพื่อเดินมารับเอาสัมภาระของผมอีกชิ้นจากสายพาน 'พี่เบิ้ม' กระเป๋าแบ็คแพ็คสีแดงใบใหญ่ของผมถูกยกขึ้นสะพายหลัง ก่อนมือหนึ่งจะหอบหิ้วเอาสัมถาระที่เหลือแล้วพาตัวเองไปยังประตูทางออก เมื่อเดินออกมาก็พบกับกองทัพเหล่าเพื่อนญาติโกโหติกาคนรู้จักหรือจะใครก็แล้วแต่ที่มายืนโบกป้ายที่เขียนชื่อของใครที่ผมไม่รู้จัก ผมพยายามมองหาป้ายชื่อของผมบ้าง แต่มองหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอเลยซักที ความรู้สึกใจหายเข้ามาเกาะใจ เขาจะลืมผมรึเปล่านะ
ผมยังคงยืนงงอยู่ที่หน้าประตูทางออก
.
.
.
“หมอ!!”
หมับ
“เฮ้ย!”
เสียงแหบๆ ห้าวๆ ดังขึ้นข้างหลังพร้อมกับฝ่ามือที่คว้าหมับเข้าที่ไหล่ของผม ผมร้องตกใจพร้อมหันควับไปหาเจ้าของมือนั้น ง้างมือขึ้นตามสัญชาตญาณการป้องกันตัว
“โว้วๆ หมอ ใจเย็นก่อน” เจ้าตัวไหวตัวทันรีบก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว สองมือยกทำท่ายอมแพ้พร้อมกับส่งรอยยิ้มแป้นแล้นมาให้ ผมนิ่งอึ้ง
“ผมแจ็คสัน, หวัง แจ็คสันไงครับ” คนตรงหน้าแนะนำตัวด้วยท่าทางสบายๆ พร้อมยื่นมือมาให้จับ แต่ผมที่กำลังมึนงงอยู่ไม่ได้จับมือเขาตอบ เขาจึงเป็นคนที่ดึงมือข้างกายผมไปจับเสียเอง
“คุณ...แจ็คสัน” ใช่แล้ว! ผมรู้จักเขา เขาก็คือคนที่มารับผมนั่นเอง!
เมื่อได้สติคืนมาและเมื่อได้รู้ว่าคนตรงหน้านี้เป็นใครผมก็รีบก้มหัวทักทายและขอโทษขอโพยเขาเป็นการใหญ่
“โหย ไม่ต้องพิธีรีตองขนาดนั้นก็ได้หมอ เดี๋ยวเราอยู่ด้วยกันไปอีกนาน ถ้าหมอไม่คิดจะหนีผมไปไหนซะก่อนอ่ะนะ” แล้วเขาก็เข้ามากอดคอผมโยกไปมา
เป็นกันเองสุดๆ
อดจะคิดไม่ได้จริงๆ และด้วยความที่ว่าเขาตัวเล็กกว่าผมจึงทำให้มีน้ำหนักกดลงบนไหล่เพิ่มมาจากพี่เบิ้มสีแดงที่อยู่บนหลังตอนแรก ผมนี่เข่าทรุดไปเลย แต่ก็แค่นิดหน่อยเท่านั้นแหละ เขาผละตัวออกจากผม ตบไหล่สามทีพร้อมส่งรอยยิ้มมาให้อีกรอบก่อนจะฉวยกระเป๋าในมือผมไปถือ พยักหน้าให้ผมทีนึงเป็นเหมือนสัญญาณบอกว่าให้ผมเดินตามเขาไป
แจ็คสัน หวังยังคงพูดเจื้อยแจ้วแนะนำนู่นนี่ไปเรื่อยขณะพาผมไปยังรถของเขาที่จอดอยู่นอกอาคาร รถกระบะเก่าๆ สีฟ้าครามจอดนิ่งอยู่ตรงหน้า ผมเชื่อว่าสีหน้าของผมมันคงจะแสดงออกชัดเจนว่าผมสงสัยว่ารถคันนี้มันยังใช้ได้อยู่หรือไม่ เจ้าของรถจึงลองเร่งเครื่องให้ดูเป็นการใหญ่ก่อนจะส่งยิ้มที่เรียกว่า ‘กวนๆ’ มาให้ทีนึง แน่นอนว่าหลังจากนั้นเขาก็โม้เรื่องรถสุดที่รักของเขา (เขาเรียกมันว่า โจอี้) ประมาณสิบนาทีได้หลังจากที่เราออกมาจากสนามบินแล้ว
ภาพวิวทิวทัศน์ข้างทางเริ่มเปลี่ยนจากตึกรามบ้านช่องมาเป็นท้องทุ่งสีเขียวอ่อนสุดลูกหูลูกตาสลับกับสีเหลืองของดอกไม้ที่ผมไม่รู้จักชื่อ (และลืมถามแจ็คสัน) แจ็คสันเลิกพูดไปแล้ว ผมมองภาพนั้นขณะหูก็ฟังเพลงฮิปฮอปที่แจ็คสันเปิดดังลั่นรถพร้อมกับร้องตามไปด้วย
...เกือบจะสุนทรีแล้วล่ะ
“หมอเดินทางมาเหนื่อยป่าว” แจ็คสันถาม เรียกให้ผมละความสนใจจากภาพนอกกระจกรถมามองเสี้ยวหน้าของเขา เห็นเขาเอื้อมมือไปหมุนปุ่มเบาเสียงเพลงลงนิดหน่อย ย้ำว่านิดหน่อยจริงๆ
“ไม่ค่อยเท่าไหร่หรอกครับ” ทั้งที่ความจริงคือตรงกันข้ามมากถึงมากที่สุด คนขับรถได้ยินก็จิ๊ปากอย่างรู้สึกขัดใจ
“ผมไม่เชื่อหรอก” เหล่ตามาทางผมด้วย “หมอสัปหงกไปหลายรอบเลย เหนื่อยก็นอนพักก่อนได้นะ ไม่ต้องห่วง ผมไม่เอาหมอไปขายหรอก”
บทสนทนาจบลงแค่นั้น ผมส่ายหัวให้แล้วก็มองหน้าเขาประมาณว่า รู้แล้วจะถามทำไม แจ็คสันหยักไหล่ให้ทีนึง ก่อน ส่งยิ้มกวนให้อีกรอบแล้วก็เริ่มร้องเพลงของเขาต่อไป ส่วนผมก็จมเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างง่ายดายโดยที่ไม่รอให้แจ็คสันบอกซ้ำ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อ 'แจ็คสัน หวัง' เปิดประตูรถฝั่งผมแล้วทำให้ผมที่นอนพิงประตูอยู่นั้นเกือบจะลงไปกอดพื้น ผมได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว มองไปรอบๆ ตัว ก็พบว่าข้างหน้าเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวกว้างใหญ่แซมด้วยสีเหลืองของดอกแดฟโฟดิล (แจ็คสันบอกมา) ถนนสายเล็กๆ สายหนึ่งยาวไปจนสุดทุ่งหญ้าที่มีแนวป่าสนเป็นเหมือนแนวกั้นที่บอกว่าสิ้นสุดเขตทุ่งหญ้าแล้ว ฝั่งซ้ายมือของผมเป็นบ้านไม้สีแดงสองชั้นขนาดกะทัดรัด หน้าบ้านมีสวนดอกไม้ขนาดย่อมที่แข่งกันผลิดอกอวดสีสันสดใสล้อลมอ่อนๆ ที่พัดมาเป็นระยะของฤดูใบไม้ผลิ มีรถแทรกเตอร์จอดอยู่หลังบ้าน ข้างๆ นั้นก็มีกองฟางหลายกองวางเรียงกันอยู่ ส่วนทางฝั่งขวานั้นเป็นสิ่งก่อสร้างด้วยไม้อยู่สามสี่หลัง มีรั้วกั้นเป็นแนวยาวไว้สำหรับเลี้ยงสัตว์ ผมเห็นม้าสองตัววิ่งอยู่ในรั้วนั้น เบื้องหลังที่แห่งนี้มีภูเขารายล้อม ผมไม่เคยจินตนาการว่าตัวเองจะได้มาอยู่ที่แบบนี้มาก่อนเลย อย่างกับอยู่ในความฝันหรือนิยายซักเรื่อง...
เสียงหนึ่งเรียกผมให้หลุดออกจากภวังค์ มองไปทางต้นเสียงก็พบเจ้าตัวยืนผายมือไปรอบๆ และยกยิ้มอย่างภูมิอกภมิใจอยู่
.
.
“หมออิม ยินดีต้อนรับเข้าสู่ ‘แจ็คสันฟาร์ม’ นะครับ”
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC.
ความคิดเห็น