คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : กลับเรือนกันนะ (แผนที่โดยสังเขป)
แก้วนั่งคร่ำครวญมาสักพักก็ฉุดคิดว่าลุงมั่นคงกำลังตามหาลูกชายอยู่ พ่อกับแม่เองก็น่าจะตามหาเธอเช่นกัน เพราะทันทีที่ได้ยินว่าเหล่าตะหารกลับมาแล้ว เธอก็ทิ้งแผงไว้ไม่มีกะจิตกะใจค้าขาย
อยากแต่จะรีบเร่งมาประตูไชย…
“กลับเรือนกันเถิดนะจ๊ะ พี่สิง ฉันจะพาพี่กลับเรือนเองจ้ะ…” เธอบอกคนที่ยังไม่ยอมลืมตามาหา ก่อนจะค่อยๆ ออกแรงพาขยับแต่ก็ต้องชะงักงันทันทีที่ได้ยินเสียงร้องแหบดั่งขลุ่ยแตกลำ
มันดังอยู่ใกล้ๆ ว่า ‘ขอบใจนัก…'
อารามกลัวตนเองจะตาฝาดและหูเฝื่อน เธอเลยจับจ้องเปลือกตาของคนที่ทำคล้ายจะสะลึมสะลือ
หลายอึดใจอยู่ทีเดียวกว่าจะกะพริบช้าๆจนเผยให้เห็นนัยน์ตาคมที่มีสีแดงก่ำดั่งเลือด จนแก้วสบแล้วใจเต้นแรง…
เธอสบตาด้วยไม่ละไปไหน
อยากมองหน้าของคนบนตักให้ชัด แต่น้ำตาพลันเอ่อเสียแล้ว
แต่ครั้นจะปาดป้าย มือแกร่งก็เอื้อมมาเกลี่ยเช็ดให้ก่อนซึ่งเป็นการแตะต้องอันอัศจรรย์ เพราะมันเรียกแรงกายแรงใจทั้งหมดทั้งมวลของเธอที่มลายหายไปให้กลับคืนมาเกือบหมดในคราวเดียว เลยต้องปล่อยให้คนเพิ่งตื่นฟื้น นอนปรือตามองอยู่อย่างนี้
เพราะเธออยากแจ้งแก่ใจว่าหาได้ฝัน เธอไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่ แก้วคิดพลางจับมือแกร่งเพื่อจะตอกย้ำตนเองว่ามิได้ฝันไป
ดีใจจึงร้องไห้เสียแล้ว ไม่รู้จะพูดคำใด
“เหตุใด…ร้องไห้…เสียเล่า…”
เป็นการเอ่ยด้วยเสียงขาดๆ หายๆ ก่อนผู้พูดจะหลับตาลงทั้งสีหน้าเจ็บปวด แต่ก็ลืมมาใหม่ที่คราวนี้พยายามจะลุกด้วย ไม่อยากจะหนุนตักเธอต่อให้คนครหานินทา แก้วจึงต้องออกแรงช่วยทั้งที่ยังมึนงงและน้ำตาไหลไม่ขาดสาย หยุดร้องไม่ได้
เมื่อนั้นคนยังไม่ทันนั่งดีๆ ก็ยกมือมาลูบหัวว่าอย่าร้อง เลิกร้องได้แล้ว เขาฟื้นแล้วเลิกร้องเสียเถิด หรือเสียอกเสียใจที่ฟื้น?
“…”
“พี่หาได้เป็นไรดอก เพียงแต่เหนื่อยนักแก้วเอ๋ย…”
เป็นการเอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง และกลืนลมลงคออึกใหญ่ สงสัยเหนื่อยจริงถึงเพิ่งตื่นหลังเธอปลุกอยู่นานสองนาน นึกว่าตายเสียแล้ว
โธ่เอ๋ย อย่าได้ทำอะไรอย่างนี้อีกเลย ใจหายนัก
แก้วมองหน้าคมคายขณะพยายามบอกตนเองให้หยุดร้องไห้
“พี่ขอโทษ…กลัวพี่ตายหรือไร…”
ใช่ ยังจะมีหน้ามาถามอีก เธอคิดอยู่ในใจ
“เหตุใดถึงขี้เซานัก นอนนิ่งประหนึ่งท่อนไม้ ฉันนึกว่าตาย…”
ความดีใจทำให้แก้วเอ่ยไม่เข้าท่าจนได้ แต่บนหน้าคร้ามของคนฟังกลับปรากฎยิ้มเจือจางทั้งปากแห้งขุย
“เหตุใดแช่งพี่หนอเจ้า อยากให้ตายหรือไร…”
การเอ่ยยาวของคนขี้เซาทำเอาเธอน้ำตาไหลอีกจนได้
มือแกร่งเลยยกมือเกลี่ยเช็ดให้อีกตามเคย
“ไม่ร้องแล้วหนา พี่ยังมิตายดอก…”
“ฉันเพียงดีใจจ้ะ” เธอหาได้ตั้งใจจะหมายความอย่างนั้นเขาเข้าใจผิด ไม่ได้แช่งแต่อย่างใด ว่าแต่ใครกันที่บอกว่าไม่มีเหลืออยู่ซึ่งคนรูปงาม กระมอมกระแมมกันหมด ไม่เห็นเขาจะเป็นอย่างนั้นเลย เพียงเนื้อตัวเลอะเทอะไปบ้างซึ่งเธอหาได้รังเกียจ รู้ดีว่าที่เป็นอย่างนี้เพราะเขาเสียสละไปปกป้องทุกคนที่นี่ให้ยังมีที่ซุกหัวนอน
ได้มีแผ่นดินอยู่อาศัย ไม่ต้องตกเป็นทาสเชลยใครที่มารุกราน แล้วเธอจะรังเกียจเขาได้อย่างไร
ทว่าทำไปทำมาก็กลับกลายเป็นเขาที่ขยับห่าง เหมือนเพิ่งจะรู้ว่าตนเองเนื้อตัวเลอะเทอะเปรอะเปื้อนมากเพียงไหน
ไม่อยากให้เธอเปรอะเปื้อนด้วย?
ผู้คนรอบข้างเริ่มแยกย้าย พาพี่ พ่อ ผัว กลับเรือนกันหมดแล้วจนแก้วมองและคิดได้ว่าเธอควรทำดังนั้นบ้าง จริงสิหนา เธอจะมัวมานั่งร้องไห้ทำอะไร ควรเลิกร้องอย่างเขาบอกเสียที
“พี่นึกว่าจะไม่ได้กลับมาแล้ว…”
“อย่าเพิ่งพูดกระไรเลยจ้ะ กลับเรือนกันก่อนเถิด”
เขามองเชิงจะขอบใจ หลังเห็นสภาพตนเองที่ชะรอยอยากล้างเนื้อล้างตัวและทำแผลที่อกซึ่งมีเลือด ถึงเงยมามองเธอว่ากลัวหรือไม่
รอยดาบสิหนา ช่างน่าใจหาย…
“พี่เกือบสิ้นชื่อ มิได้กลับมาหาแก้วแล้ว…”
ดีแล้วที่เขาดั้นด้นกลับมาได้ เดชะบุญ อ่อนแรงเหมือนอดข้าว อดน้ำหลายวันเช่นนี้ หากเจ็บป่วย หรือเป็นอะไรไปในป่าดงพงไพรจะมีใครช่วยหรือไร คิดได้ดังนั้นเธอจึงไม่รีรอ ไม่ปล่อยให้คนเจ็บพูดอันใดอีกเพราะยังไม่อยากฟัง ขืนทนพิษบาดแผลไม่ไหวและคราวนี้เขาจากไปจริงจะทำอย่างไร รีบไปรักษา หาหยูกยาใส่ก่อน
กลับเรือนทำแผลและกินน้ำท่าให้สิ้นกระหาย มิใช่มานั่งพูดขาดๆ หายๆ เพราะอ่อนระโหยโรยแรง
หากเป็นเด็กเล็กเธอคงตีไปแล้วที่ดื้อยิ่งนัก
“พ่อกับแม่มิว่ารึมาหาพี่…”
แก้วไม่ตอบคนอยากคุยต่อ ขอส่งเสียงว่า “ใครก็ได้วานบอกลุงมั่นทีจ้ะว่าลูกชายลุงกลับมาแล้ว พี่สิงกลับมาแล้ว…!”
____________
แผนที่ประกอบเนื้อหาใน #ในรอยภพ ค่ะ ถ้ารูปเล็กไปดูในเพจได้นะคะ ลงเอาไว้แล้วค่า
เตรียมตัวย้อนอดีตกัน
ความคิดเห็น