คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : พี่มาขอไปเป็นแม่เรือน
“ขลุกขลิกกำลังดี น้ำแกงมิข้นมิใส”
คนทำแกงเลียงครั้งแรกได้ยินสิงบอกดังนั้นก็ดีใจ รีบลงกระไดไปพร้อมแกงที่ตัดแยกไว้ จะเอาไปให้ ‘พี่กล้า’ เพราะคงคิดว่าถ้าอยู่ครัวต่อตนเองต้องคันปาก ได้บอกสิงเรื่องที่กรองแก้วกำชับว่าอย่าไปหลุดปากบอกใครเด็ดขาด อย่าให้เป็นเรื่องใหญ่
ครั้นมุกไปแล้วคนมีความลับเลยออกจากครัวเช่นกัน เธอไม่อยากอยู่ใต้ชายคากับ’คู่หมาย’ เพียงลำพัง อย่างน้อยมานั่งริมท่าก็ยังมีผู้คนพายเรือผ่านไปมา ไม่ได้ลับหูลับตาจนน่าเกลียด
“ต่อไประมัดระวังตัวให้มากเสียกว่านี้”
หรือแก้วจะจมน้ำตายที่เธอเองก็ด้วย ดวงจิตจึงมาอยู่ร่างแก้ว เพราะก่อนตายเธอนึกถึงแก้วจึงบังเกิดเรื่องมหัศจรรย์?
ถ้าเป็นอย่างนั้น สิงคงเสียใจที่ช่วยแก้วไม่ได้…ส่วนเธอจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ ได้แต่ภาวนาให้เป็นแค่ฝันเหมือนทุกทีที่พอตื่นแล้วก็ขอให้แก้วได้กลับมาอยู่ที่นี่ตามเดิม
ได้มานั่งดูตะวันดวงกลมกำลังจะจมน้ำกับสิงที่รักและห่วงแก้ว
ส่วนเธอก็ได้กลับไปหาป้าที่รักเสมือนแม่ อยู่ที่นี่ไม่ได้จริงๆมองไปทางไหนที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ของเธอเลย…
“เกิดมาเป็นหญิง ภัยมีรอบตัวรู้หรือไม่”
“…”
“อย่าไปไหนผู้เดียวอีกเลยนะแก้ว พี่ห่วงนัก”
เธอจะไปไหนได้ ไปไม่ถูกหรอก ที่นี่ที่ไหนยังไม่รู้เลย
“หากพี่มิผ่านไปใครจักช่วยแก้วไว้” สิงยังใจหายจึงมองอย่างแสนห่วงจับใจ “นึกว่าจะมิเอามาใช้เสียแล้ว”
เขาเปลี่ยนเรื่องมาเป็นผ้าแถบที่เธอห่ม พอดีตอนเปลี่ยนใหม่ มุกหยิบผืนนี้มาพันให้ที่กรองแก้วไม่สามารถทำอะไรได้ เธออายกับการยืนแก้ผ้าเลยปล่อยตามเลย
ผ้าผืนนี้ที่แก้วเก็บไว้อย่างดีจึงอยู่บนตัวเธอจนได้
เพิ่งคิดได้ตอนนี้ว่ากำลังทำอะไร ทำไมเธอถึงได้เอา ‘ของรัก’ ของคนอื่นมาเป็นของตัวทั้งที่ไม่ใช่เจ้าข้าวเจ้าของ
คงเพราะเธอกับสิงยังใจหายเลยไม่คุยอะไรอีก แค่นั่งมองนกมองฟ้าด้วยกันจนตะวันคล้อยต่ำ อีกไม่ช้าจะจมลงน้ำ เมื่อนั้นสิงถึงขอตัวไปรับพ่อตนเองมากินข้าวค่ำที่นี่ ให้กรองแก้วเพียงยิ้มๆ อดคิดไม่ได้ว่าถ้าสิงช่วยแก้วไม่ทัน เธอจะได้มาอยู่ร่างนี้หรือเปล่า
เป็นคำถามที่ไม่สามารถมีใครตอบ…
ลับหลัง 'คนตาคม' ไม่ทันไร มุกก็กลับมาชวนอาบน้ำโดยบอกว่าแสงน้อยแล้ว กรองแก้วจึงได้นุ่งกระโจมอกในสภาพหมดอาลัยตายอยากที่มีหญิงเรือนข้างๆ มารอไปอาบพร้อมกัน
เวลานี้สองฟากฝั่งคลองมีแต่เสียงโดดน้ำตูมตามของเด็กชาย ส่วนเด็กหญิงอาบริมท่า มุกเองก็ล้างตัวไป คุยกับหญิงเรือนข้างๆ ไป สงสัยจะเป็นเพื่อนบ้านที่รู้จักมักคุ้นกับทั้งมุกและแก้ว
“น่าเบื่อเสียจริงพวกผู้ชาย ชอบมาจอดเรือเล่นหูเล่นตาใส่ยามฉันหุงหา พี่สิงทำกับแก้วบ้างหรือไม่”
“จักเหลือรึ เหมือนจะเคยอยู่ครั้งสองครั้ง ฉันเห็นกับตาเทียว”
“จริงรึแก้ว” สาวเรือนข้างๆไม่เชื่อที่มุกบอกจึงจะให้เธอยืนยันซึ่งกรองแก้วไม่รู้ เธอไม่ได้ฝันเห็นทุกอย่าง
“เคยกระมัง” เธอเออออไปก่อนทั้งจิตใจที่ไม่อยู่กับตัวเท่าไหร่ สองสาวได้ยินเลยพากันอมยิ้มหวังให้เธอได้อาย
“ถ้าพี่สิงมิไปทัพป่านนี้คงมีลูกกับแก้วแล้วกระมัง”
“พี่สิงยังหนุ่มแน่นแข็งแรง คงมีลูกกับแก้วหัวปีท้ายปีเลยล่ะ”
งั้นดีแล้วที่สิงได้ไปทัพเพราะถ้าไม่ไป แก้วอาจมีลูกน้อยกลอยใจอย่างที่มุกกับหญิงข้างเรือนว่า เธอก็จะกลายเป็นแม่คนอย่างช่วยไม่ได้ท่าทางจะน่าปวดหัวกว่านี้เยอะ
“ฉันกับตาลน่ะมองออกนานแล้วว่าแก้วกับพี่สิงรักกัน ก็นึกว่าจักมิได้ออกเรือน เห็นอมพะนำกันอยู่นั่นทั้งที่ลุงป้าเอ็นดู อยากได้พี่สิงเป็นเขยใจจักขาดอยู่แล้ว ทำดุไปอย่างนั้นล่ะ”
“หากแก้วกับพี่สิงมีหลานให้สักคนคงพากันเห่อ”
การจ้อของสองสาว ทำให้กรองแก้วได้รู้อะไรเพิ่มเติมที่กว่าจะอาบน้ำเสร็จและพากันขึ้นจากท่า ความมืดก็มาเยือนจนเธอใจหาย…
พ่อกับแม่ตักน้ำในตุ่มอาบเสร็จก็มานั่งรับลมชานเรือน เอาผ้าปัดยุงปัดไรช่วยกัน แสงจากคบไต้ส่องสะท้อนตามลำน้ำให้คนหลงยุคได้มองความงามตามธรรมชาติ พ่อออกมาจุดไว้สักพัก
เป็นวันแล้วหรือที่เธออยู่ที่นี่ที่ไม่รู้ว่ามาได้อย่างไรจนกรองแก้วปล่อยน้ำตาไหล แต่เธอต้องรีบปาดป้ายเมื่อพ่อถามเรื่องข้าวปลาว่าเรียบร้อยหรือยัง จากที่ได้คุย ถึงพ่อคนนี้จะไว้หนวดไว้เครา แต่ก็ไม่ได้เข้มงวดเท่าพ่อคนปัจจุบัน แค่วางมาดดุให้ลูกอย่างแก้ว และหลานอย่างมุกกลัวก็เท่านั้น ส่วนแม่ก็เป็นคนยิ้มง่าย พูดเก่งสมเป็นแม่ค้าแม่ขาย แต่ว่ามีริ้วรอยเกินวัยเพราะไม่มีอะไรบำรุง
มุกเองก็หน้าตาน่ารัก ตัวเล็กไม่ต่างกันกับแก้ว ผิวนั้นแห้งทั้งคู่เพราะคงทำมาค้าขาย ตากแดดตากลมกันอยู่ประจำ ผมดำดกหยักศกไม่เรียบนักให้เธอต้องคอยเอามือสางพอสลวย
สงสัยถ้าทุกอย่างที่เห็นอยู่นี้เป็น ‘เรื่องจริง’ เธอคงต้องแปลงโฉมให้ทั้งมุกและแก้วครั้งใหญ่
“ฉันค่อยบอก ค่อยสอนไปแล้วกัน เผื่อแก้วจักนึกออกบ้าง…” มุกส่งแป้งร่ำให้ละลายน้ำ มันคือดินสอพองผสมน้ำอบ
ลักษณะเป็นกรวยแหลม ใช้สำหรับเป็นแป้งผัดหน้า
สาวน้อยบอกว่าแก้วสอนทำ
และมุกไม่คิดเลยว่าจะต้องสอนแก้วคืน…
คุยกันได้ไม่นานก็มีเสียงที่บอกว่า ‘แขก’ มาแล้ว
กรองแก้วจำต้องปล่อยวางทุกเรื่องที่คิดเอาไว้ก่อนแล้วออกมาช่วยยกสำรับที่สิงได้ขอมาตักน้ำใส่ขันเอาไว้ดื่มอย่างไม่อยากรอเฉยๆ หรือไม่ก็แค่อยากหาโอกาสอยู่ใกล้เจ้าของร่างนี้
“ลืมกระทั่งเปิบข้าวเลยรึ!” มุกกระซิบขณะบีบข้าวเกาะก้อนให้ดูแต่แม่นึกว่ามัวเล่นกันอยู่จึงส่งเสียงดุ
กรองแก้วพลอยหงอยไปด้วยคน เธอกินไม่ลง กับข้าวไม่ค่อยถูกปากมันจืดไปหมดเพราะไม่มีเครื่องปรุง คิดถึงอาหารที่ป้าทำชะมัด ถ้ารู้ว่าหลานอย่างเธอมาด่วนจาก ป้าอรจะเสียใจแค่ไหน
สิงสังเกตเห็นเธอไม่ค่อยจะกินเลยตั้งใจแกะเนื้อปลามาวางให้
“…” กรองแก้วปั้นหน้าไม่ถูก เธอไม่อยากจะต้องใกล้ชิดด้วยไปมากกว่านี้เพราะชายตรงหน้าคือคู่หมายแก้ว คือคนรักของเธอเมื่อชาติที่แล้วก็จริงแต่ทุกอย่างคือ ‘อดีต’
คิดได้ดังนั้นเธอจึงเอาแต่มองพ่อแม่ ที่กินเอร็ดอร่อยจนมุกยิ้มไม่หุบอย่างภูมิอกภูมิใจ ลุงมั่นก็กินต่อเนื่อง โกยข้าวเข้าปากไม่ได้หยุด กินอยู่เรียบง่ายกันจริง ถ้าเธอต้องอยู่ในร่างแก้วต่อไป เห็นทีคงต้องได้ปรับตัวครั้งยิ่งใหญ่ในทุกเรื่อง…!
“ถ้าข้าไม่เห็นว่าไอ้สิงมันรักจริง ก็ไม่มาพูดจาสู่ขอให้มันดอก” ลุงมั่นเอ่ยหลังกินน้ำจนคนเป็นลูกชายยิ้มเก้อ
“หากวันนี้มิเกิดเรื่องฉันก็จักมาขอแก้วอยู่แล้วจ้ะ ฉันรักแก้ว”
เป็นการพูดทั้งหน้าชุ่มสีเลือดฝาด ดูจะต้องใช้ความกล้าอย่างมากกว่าจะพูดได้แต่ละคำ แม่ ลุงมั่น รวมถึงมุกเลยยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้ฟังที่คนเป็นหนุ่มพูดจนจบ
“ถ้าเอ็งรักอีแก้วจริง ข้าก็จะยกให้มิเอากระไรดอก”
“…” สิงยิ้มเต็มหน้า ก่อนจะพนมมือไหว้ว่าที่พ่อตากับแม่ยาย
“แต่ถ้าวันใดเอ็งทำให้ลูกสาวข้าเสียใจล่ะก็”
“ไม่มีวันนั้นดอกจ้ะ ลุงป้ารัก และถนอมแก้วอย่างไร ฉันจะรักและถนอมมิให้น้อยไปกว่า” สิงบอกโดยไม่รอให้ว่าที่พ่อตาได้พูดจบ ตามด้วยสบตาเธอด้วยว่าเขาพูดจริง จงเชื่อน้ำคำ
ผู้ใหญ่มองหน้ากันไปมา โดยเฉพาะแม่ที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“กระนั้นก็จำคำที่พูดไว้ แล้วเอ็งล่ะ จะว่าอย่างใด”
กรองแก้วไม่คิดว่าจะถูกถามด้วย เลยเพิ่งได้คิดทวนว่าเกือบปีที่ผ่านมาเธอมักตื่นมาพร้อมรอยยิ้ม เมื่อคืนก็ร้องไห้ที่ฝันเห็นสิงเจ็บจนเธอกลัวเขาตายไม่ได้ต่างจากแก้ว ไม่รู้สิ การฝันเห็นตลอดคงทำให้รู้สึกเหมือนว่ารู้จักกันล่ะมั้งนะ
สิงสีหน้าเป็นกังวลที่เธอนิ่งเงียบ
กรองแก้วต้องคิดคำตอบ ‘บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น’ เธอท่องในใจว่าสิงรักแก้ว แก้วรักสิง อย่างไรก็คงต้องมีเรื่องมงคล แต่ว่าขอเถอะอย่ารีบร้อนจะได้ไหมเพราะคนที่สิงกำลังขอไม่ใช่แก้ว
“ฤกษ์ออกเรือนเมื่อใดจ๊ะ” ถามเพราะตอนที่เก็บสำรับ เธอได้ยินพ่อกับลุงมั่นคุยเรื่องฤกษ์จึงอยากรู้ว่าเมื่อไรจะได้ผัดผ่อน แต่ทุกคนกลับมองเป็นตาเดียวโดยเฉพาะพ่อที่ทำหน้าดุ
ส่วนมุกเหมือนจะขำ จนกรองแก้วเย็นสันหลัง เพิ่งนึกอะไรได้
“ถามกระไรน่ะแก้ว! ลุงแค่ให้ตอบว่าพึงใจ หรือมิพึงใจพี่สิง!”
“เป็นสาวเป็นนาง ถามมาได้ว่าฤกษ์เมื่อไหร่! ใจร้อนอยากมีผัวมากนักรึไร มิได้ไว้เชิงเลยอีลูกคนนี้!”
“…!”
ความคิดเห็น