ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ในรอยภพ (พีเรียดไทย) | มี E-book

    ลำดับตอนที่ #12 : มารผจญคนจะออกเรือน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.92K
      14
      13 เม.ย. 67

    แก้วเพิ่งรู้ว่าตนเองทำห่อข้าวหายที่ไม่รู้จะไปหาจากที่ใด จึงเดินเตร่มานั่งคิดกระไรอยู่สะพานท้ายวัด มิกลับเรือนทั้งใจว้าวุ่นให้พ่อแม่ห่วง

    เธอคงถึงวัยออกเรือนแล้วจริงๆ ถึงคิดแต่เรื่องของคนที่บัดนี้หาได้เป็นดั่งพี่ชาย หากปีกลายมิไปงานบุญ และเขามิมาขอตักบาตรร่วมขันก็เห็นทีจะไม่รู้ใจกัน เป็นเหตุให้เธอตัดสินใจมาส่งเขาไปทัพ พร้อมเสบียงที่เต็มด้วยความห่วง เผยความนัยต่อกันซึ่งเขาให้คำมั่นว่าถ้ารอดกลับมาจะขอออกเรือนทันที…

    ‘พี่กับแก้วกำลังจักออกเรือนแล้ว’

    เธอควรดีใจใช่หรือไม่ที่เขาบอกแม่หญิงอย่างนี้

    ป่านนี้หลบไปอยู่ที่ใดเล่า

    “เจ้ามานั่งทำอันใดอยู่ผู้เดียวที่นี่ จักออกเรือนแล้วมิเก็บตัว?”

    แก้วสะดุ้งโหยง ใจหายวาบ หันมาเห็นเจ้าของร่างระหงที่ไม่ได้มีบ่าวติดตามมาด้วย ไม่เคยพาบ่าวมาเลยสักครั้ง เพราะคงเกรงไม่ได้อยู่กับชายรักของเธอตามลำพังเสียกระมัง

    คิดแล้วเธอไม่รู้จะมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไร พอได้มาตรองดูก็อดคิดไม่ได้ว่าหากไม่ได้เข้าใจผิด คงจะเพราะแม่หญิงเจตนาใส่ไคล้ (ใส่ร้าย ใส่ความ) ว่าเธอมีใจให้พี่กล้าทั้งที่แม่หญิงน่าจะรู้ว่าเธอมีใจแก่ชายใด

    หญิงด้วยกันย่อมมองกันออก

    ฉะนั้นหากรู้แล้ว แต่กลับพูดเรื่องเธอกับพี่กล้าก็คงแปรความได้ว่าแม่หญิงต้องการปัดเธอให้พ้นทาง…แก้วคิดเมื่อมองจ้องหญิงตรงหน้าที่พอต่างคนต่างเติบใหญ่ หลายอย่างก็เปลี่ยนไป โดยเฉพาะตางามที่นับวันมีรอยชัง หากเป็นก่อนหน้านี้ เธอคงไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่บัดนี้รู้แน่แก่ใจแล้วว่าเหตุที่ตาคู่งามเปลี่ยน คงไม่พ้นเพราะแม่หญิงพึงใจชายคนเดียวกันกับเธอ ใช่หรือไม่เล่า

    “เห็นพี่สิงหรือไม่ เห็นว่าจักมาหาปลาแต่ป่านนี้ยังมิกลับเรือน”

    คงไม่อยากรีบกลับกระมัง เธอคิดในใจ

    “ไม่เห็นจ้ะ” แก่้วตอบเท่านี้ คนถามคงลืมว่าที่นี่เขตวัดเขตวา ถือเป็นเขตอภัยทาน ห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หมายความว่าเขาไม่ได้มาหาปลาแถวนี้แน่นอน แม่หญิงเลยยิ้มว่าตนช่างถามมิเข้าท่า

    “แผลเพิ่งสมานก็หาเรื่องมาลงน้ำเสียแล้ว ดื้อจริง รอยดาบที่อกก็ลึกนักนะแก้ว ฉันจับคราใด พี่สิงก็เป็นร้องครวญ…”

    แก้วขอทำวางเฉย มิหวั่นไหวกับคำพูดที่มิรู้จริงมิจริง ใช่ ขนาดเรื่องเธอกับพี่กล้า แม่หญิงยังเอามาพูดเป็นคุ้งเป็นแควได้ หมายความว่าเธอมิควรด่วนเชื่ออะไรไปก่อน ต้องเตือนตนเองไว้

    “พอดีฉันเตรียมสำรับไว้ แต่พี่สิงไม่กลับเสียทีจึงออกมาตาม”

    หมายจะบอกเล่า หรือจงใจให้รู้กระไร

    “มิเห็นผ่านมาแถวนี้บ้างเลยรึ”

    “ไม่เห็นดอกจ้ะ คงไปช่วยพ่อเก็บแผง อีกเดี๋ยวก็พากันกลับ”

    หากมิเจ็บมาจากรบ เขาก็ทำอย่างนี้ประจำเพราะรักและห่วงชายผู้ให้กำเนิดนัก ก่อนไปเมื่อปลายปีถึงฝากเธอให้ช่วยดูแล

    การบอกของเธอทำให้แม่หญิงหน้าตึง ไม่ได้ตั้งใจทำให้เห็นว่าเธอรู้จักรู้ใจเขามากกว่า เพียงบอกไปตามที่รู้ ผู้ฟังจึงนิ่งไปครู่ก่อนจะมองรอบๆ ที่ตรงนี้คือท้ายวัด แก้วชอบหลบมานั่งคิดกระไรอยู่ผู้เดียวเพราะสงบ แต่บัดนี้เธอไร้แล้วซึ่งความสงบ

    โดยเฉพาะทางใจ…

    “กำลังจักออกเรือน แล้วเหตุใดมานั่งตากแดดตากลม หรือว่าเพิ่งกลับมาจากที่ใด?” แม่หญิงหน้างามเอ่ยช้าๆ ชัดๆ

    หมายถึงเธอเพิ่งกลับจากค่าย หรือรู้ว่าเธอไปแอบฟังเมื่อเช้า คิดแล้วแก้วเริ่มระแวง ต้องลุกยืนเพื่อพูดคุยด้วย

    “จะมิถามเลยรึ ว่าฉันรู้เรื่องออกเรือนได้อย่างใด”

    แม่หญิงต้องการกระไร

    “รักกับพี่สิงมานานเท่าใดแล้วเล่า”

    แก้วเพิ่งรู้สึกว่าเธอมิควรอยู่ตรงนี้ต่อ เพราะคนตรงหน้าหาใช่พี่สาวคนดีคนเดิมที่เคยรักและเอ็นดูเธอดั่งวันวาน ตางามถึงมิเป็นมิตร ออกไปทางเกลียดชังทั้งที่เธอยังไม่ได้ทำอะไรให้เลย

    “คิดไม่ถึงว่านักมวยมือดีอย่างพี่สิง ที่มีหญิงเข้าหาให้เลือกตั้งมากจะเลือกเจ้าเป็นแม่เรือน น้องน้อยผู้วิ่งเล่นกันมาแต่เล็ก ทำอีท่าไหนถึงออกเรือนกันเร็วจริง” แม่หญิงมิเพียงพูด แต่จับแขนเอาไว้ด้วย

    ความนุ่มเนียนของมือเลยทำเอาแก้วอดคิดไม่ได้ ว่ายามพอกยาให้เขาจะเบาเพียงใด ครั้นมองมือตนเอง คนเป็นแม่ค้าก็นึกอดสู เธอหาได้สุขสบาย มีบ่าวรับใช้อย่างแม่หญิงผู้คงจะล่วงรู้ถึงความคิดถึงยิ้มมุมปากแล้วค่อยปล่อยแขนเธอแรงๆ

    “สายแล้ว กะเดี๋ยวแม่เรียกหา ฉันขอตัวนะจ๊ะ” แก้วเริ่มกลัว และไม่อยากอยู่พูดคุยต่อ ไม่อยากฟัง ไม่อยากรู้กระไรอีก

    ไม่อยากคิดว่าต่อให้รักเธอแน่แท้ แต่คนที่บัดนี้ไปหาปลาก็เป็นชายและยังหนุ่มแน่น แม่หญิงพริ้มคงรู้ข้อนี้ ถึงเอาตัวไปอยู่ใกล้ราวหวังให้เขาเผลอไผล แต่พอไม่สำเร็จก็มาปั่นหัวเธอแทน

    แล้วไหนจะเรื่องบุญคุณที่แม่หญิงว่าอยากตอบแทนเขาอีก

    บุญคุณกระไร เหตุใดรู้กันอยู่เพียงสอง?

    “ถ้าว่าไปเก็บแผง ป่านนี้คงใกล้กลับแล้วกระมัง ฉันเองก็ควรกลับไปตั้งสำรับไว้รอ เห็นพี่สิงบ่นว่าอยากกินกระไรร้อนๆ ส่วนของที่เย็นชืดจนจืดเจื่อนแล้วมิอยากกินดอก”

    แก้วสบตางามอย่างนึกถึงห่อข้าวที่เธอทำหาย

    คงต้องขอตัวแล้ว พี่พริ้มรู้เสียกระมังว่าเมื่อเช้าเธอไปแอบฟัง จากคนที่กลัวแดดหนักหนา เพลานี้ตะวันตรงหัวแล้วถึงยังยืนอยู่บนสะพานด้วย ซึ่งพอเธอเดินได้ก้าวเดียวก็ต้องหันกลับเพราะมีคนจับไหล่ไว้ในกิริยาจะเป็นลม แก้วจึงนึกได้ว่าอีกฝ่ายมิใคร่แข็งแรง ตอนเด็กๆ ก็เป็นลมเป็นแล้งอยู่บ่อยๆ ชะรอยวันนี้แดดจะร้อนเหลือกำลัง

    “ไหวหรือไม่จ๊ะพี่พริ้ม ไปนั่งพักในร่มก่อนเถอะจ้ะ”

    แต่ไม่ทันได้เดินไปไหน แก้วก็รู้สึกเหมือนจะวูบไปอีกคนเมื่อผู้จวนเป็นลมเบียดเสียจนเธอมายืนหมิ่นขอบสะพาน ต้องร้องบอกว่า“ระวังจ้ะ!” เธอจับคนโตกว่าโดยตนเองมิได้ขยับกลับ

    รู้อีกทีก็ถูกออกแรงดันโดยมิทันระวัง

    ทุกอย่างเกิดเร็วจนแก้วรู้เพียงบัดนี้ตนเองตัวหนัก เพราะทันทีที่ตกลงมาจากสะพาน เธอก็จมดิ่งลงสู่น้ำโดยง่าย สัญชาตญาณจึงสั่งให้ผลุบโผล่มาหุบหายใจ กางแขนแหวกว่ายหมายจะพยุงตัวเอาไว้ แต่มันกลับกลายเป็นการตีน้ำจนแตกกระเด็นเซ็นซ่าน

    เธอว่ายน้ำมิแข็ง และมิได้ว่ายมานานแล้ว แม่หญิงไม่รู้หรือไรถึงยืนมองเฉย มองจนแก้วใจสั่นขวัญหาย

    เพิ่งรู้เจตนาของคนทำท่าจะเป็นลมเมื่อสักครู่…!


    “ช่วยด้วย!!!” แก้วร้องเรียกให้ช่วย ความตกใจทำให้กระเสือกกระสน ผนวกกับกลัวตาย เธอเลยทุรนทุรายจนหมดแรงแล้ว มิอาจรับรู้ความเป็นไปเหนือผิวน้ำได้อีกมีแต่ภาพทรงจำต่างๆ ผุดพรายอย่างต่อเนื่อง

    ‘ฉันรักพ่อรักแม่นะจ๊ะ อยากเกิดมาเป็นลูกพ่อกับแม่ดังเดิม…’

    ‘เอ็งกินของผิดสำแดงมารึวะ อยู่ดีๆ ถึงมากอดหอมพวกข้า!’

    ‘ฉันเพียงอยากบอกจ้ะ’

    ‘เอ็งนี่ท่าจักกินของผิดสำแดงมาจริง กะเดี๋ยวมีผัวก็ลืมพวกข้าแล้วล่ะอีแก้วเอ๊ย ถึงวัยแล้วนะเอ็ง มีชายใดในใจรึยัง’

    ‘ชายในใจฉันก็กอดอยู่นี่ปะไรจ๊ะพ่อ’

    โธ่เอ๋ย ได้โปรดเถิด ใครก็ได้ช่วยเธอที ไม่ไหวแล้ว

    แก้วปล่อยน้ำตาไหลอยู่ในน้ำ จิตใต้สำนึกร่ำร้องหาพ่อแม่ว่า

    ฉันจะมิได้อยู่ตอบคุณพ่อกับแม่แล้วรึไร กระนั้นหากชาติหน้ามีจริงขอให้ฉันได้เกิดมาเป็นลูกพ่อกับแม่อีกได้หรือไม่

    ความรู้สึกเดียวที่เธอมีตอนนี้คือทรมาน หายใจเข้าก็มีแต่น้ำและน้ำจนทุรนทุราย หวาดกลัว รู้สึกโดดเดี่ยว เดียวดาย

    ‘หายเมื่อใดพี่จะรีบพาพ่อไปขอแก้วหนา’

    ‘หากพี่หายดีวันนี้วันพรุ่ง มิพ้นเดือนเราก็คงจักได้ออกเรือน…’

    ‘ชีวิตคนเรามันสั้นนักแก้ว รู้หรือไม่ว่าเพียงดาบเดียว พี่ก็อาจสิ้นลมมิได้กลับมาหาแก้วแล้ว’

    หลายคำเหล่านี้เขาเพิ่งพูดกับเธอเมื่อมิกี่วัน ก่อนแม่หญิงหน้างามแต่ใจร้ายจะมาช่วยดูแลรักษา คิดแล้วแก้วรู้สึกหัวโล่งๆ อยากหลับใหลให้พ้นจากความทรมานนี้สักที

    ฉันไม่ไหวแล้วจ้ะพี่สิง ฉันกำลังจะตาย…

    บุญฉันมันน้อยนักที่คงจักมิอาจได้อยู่ร่วมเรือนกับพี่

    หากพี่กับฉันรักมั่นกันจริงแท้ ฉันขอให้เรา เกิดมาเจอะเจอกันอีกด้วยเถิด ให้ฉันพบ ให้ฉันจดจำพี่ได้มิว่าจะภพหน้าภพไหนหรือภพใดๆ ฉันก็จักรักพี่ รักผู้เดียวตลอดไป ขอให้เราได้ครองคู่และเคียงข้าง

    ขอให้เราต่างจดจำความหลังกันได้ ฉันหาได้อยากตายจากพี่ไปไหนดอกนะพี่สิง แต่ฉัน…ใจจะขาดแล้วจ้ะ…

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×