ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สิ่งที่ต้องเลือก มิตรภาพ ความรัก

    ลำดับตอนที่ #8 : สิ่งที่ต้องเลือก มิตรภาพ ความรัก ตอนที่ 8

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ย. 48


    *****8*****



    ใกล้วันคริสมาสต์ เด็กๆ ทุกคนดูกระตือรือร้น เพราะนอกจากจะเสร็จสิ้นการสอบแล้ว ยังเป็นฤดูปิดภาคเรียนด้วย บางคนก็ได้กลับบ้าน รอนและเฮอร์ไมโอนี่ตัดสินใจอยู่เป็นเพื่อนกับแฮร์รี่ในช่วงปิดเทอม แต่ก็มีข่าวร้ายจากแฮกริด เขาส่งนกฮูกมาพร้อมกับจดหมายบอกผลการตัดสินคดีบัคบีค คณะลูกขุนตกลงให้ประหารบัคบีคเพราะเป็นอันตรายกับเด็กๆ เฮอร์ไมโอนี่วิ่งวุ่นเข้าห้องสมุดอีกครั้งเพื่อยื่นคำร้องใหม่ แฮกริดกลับมาก่อนวันคริสมาสต์เพื่อรอฟังผลยื่นอุทธรณ์ เด็กทั้งสามลงไปเยี่ยมเขาพร้อมทั้งปลอบใจ

    “เรายังไม่หมดหวังนะคะแฮกริด” เฮอร์ไมโอนี่ปลอบ

    “บัคบีคต้องไม่เป็นอะไร” แฮร์รี่เสริม “เราก็รู้ว่าบัคบีคน่ะ ไม่ดุร้าย”

    รอนทำสีหน้าสยองเมื่อได้ยินประโยคที่แฮร์รี่พูด แฮกริดสั่งน้ำมูกพรืด

    “คงยากอ้ะ เฮอร์ไมโอนี่ แฮร์รี่ เพราะคณะลูกขุนเป็นคนของนายลูเซียสหมด” เขาเริ่มร้องไห้อีกครั้ง จนแฮร์รี่กับรอนต้องช่วยกันปลอบอยู่พักใหญ่จึงสงบใจได้

    “ขอบใจมากอ้ะ ทุกคน เดี๋ยวฉันต้องไปเตรียมของอีก ต้องไปอยู่เป็นเพื่อนบัคบีค มันต้องกลัวแน่ๆ ถ้าอยู่ตัวเดียวในที่แย่ๆ แบบนั้น” เด็กทั้งสามจึงร่ำลาแฮกริด

    “เขาพูดยังกับเจ้าบัคบีคเป็นลูกแมวแน่ะ” รอนพูด เฮอร์ไมโอนี่มองหน้า แต่ไม่พูดอะไร เธอขอตัวไปห้องสมุดอีกครั้ง

    “วันนี้น่ะเหรอ นี่มันวันคริสมาสต์นะเฮอร์ไมโอนี่” รอนร้อง เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้ามุ่ย แฮร์รี่รีบขัดขึ้น

    “วันนี้หยุดซักวันนะเฮอร์ไมโอนี่”

    “ใช่ ป่านนี้ของขวัญคงมากองเต็มห้องแล้วล่ะ” รอนรีบพูด เธอถอนหายใจหนักๆ

    “ก็ได้” เธอพูดในที่สุด

    ………………………………………………………….

    หลังรับประทานอาหาร เด็กทั้งสามรีบกลับหอนอนไปนั่งแกะห่อของขวัญจากครอบครัว รอนมองไปที่ห่อกระดาษยาวๆ ห่อหนึ่ง

    “อะไรน่ะ” เขาถามพลางยกขึ้นมาดู

    “ของนายแน่ะแฮร์รี่” เขาพูดพลางส่งห่อของนั้นให้แฮร์รี่

    ไม่มีชื่อผู้ส่ง แฮร์รี่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย พลางแกะห่อกระดาษนั้นออก ทุกคนอ้าปากค้าง เมื่อเห็นของขวัญชิ้นนั้น โดยเฉพาะแฮร์รี่..ไฟร์โบลต์..ไม้กวาดในฝันของเขา

    “ใครส่งมาน่ะ” รอนพูด แฮร์รี่ส่ายหน้า

    “ไม่มีชื่อคนส่ง” เขาพึมพำ พลางลูบคลำไม้กวาดเบาๆ

    “ไม่อยากจะเชื่อเลย เราลองขี่มันได้มั้ยนี่” รอนพูดเหมือนเพ้อ แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่เห็นด้วย

    “เราน่าจะส่งให้ศาสตราจารย์มักกอนนากัลดูก่อนนะ” เธอพูด แฮร์รี่และรอนมองเธออย่างคิดไม่ถึง

    “ทำไม??” ทั้งคู่พูดพร้อมกัน

    “อาจจะเป็นกลลวงหรือแผนก็ได้” เธอให้เหตุผล

    “หรืออาจเป็นคนของ คุณก็รู้ว่าใคร ส่งมา บางทีอาจเป็น ซิเรียส แบล็ก ก็ได้” แต่แฮร์รี่ไม่เห็นด้วย รอนค้านขึ้นมาว่า

    “อาจเป็นศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ก็ได้นี่”

    “แต่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์คงไม่มานั่งซื้อไม้กวาดแพงๆ แบบนี้แจกนักเรียนแน่ๆ” เธอโต้เสียงแข็ง

    “ฉันไม่เข้าใจเธอเลย เฮอร์ไมโอนี่ แฮร์รี่กำลังดีใจที่ได้ไม้กวาด สุดยอด แต่เธอจะทำลายมันโดยบอกอาจารย์งั้นเรอะ” รอนตะโกนเสียงดัง เฮอร์ไมโอนี่โกรธจนหน้าแดงก่ำ

    “มันก็ยังดีกว่าเราจะปล่อยให้แฮร์รี่เป็นอะไรไปเพราะของ สุดยอด ล่ะนะ รอน” แฮร์รี่นิ่งฟังอยู่ครู่ใหญ่ เขาพูดเบาๆ

    “แต่มันก็ไม่จำเป็นไม่ใช่เหรอ เฮอร์ไมโอนี่”

    เฮอร์ไมโอนี่ถลึงตาใส่แฮร์รี่ พลางลุกขึ้นสะบัดหน้าออกจากห้องไป รอนแบะปากไล่หลัง แล้วหันกลับมาชื่นชมไฟร์โบลต์กับแฮร์รี่ต่อ

    “ให้ฉันลองขี่ได้ไหมแฮร์รี่” รอนถาม แฮร์รี่ยิ้มกว้าง

    “ได้ซิ ไปกันเลยไหม” รอนพยักหน้ารีบลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้น

    ระหว่างทางไปสนามควิดดิช ทั้งคู่พบกับศาสตราจารย์มักกอนนากัล เธอมองแฮร์รี่และพูดขึ้นเสียงเรียบ

    “ได้ข่าวว่าเธอได้รับของขวัญพิเศษใช่ไหม มิสเตอร์พอตเตอร์” แฮร์รี่มองอย่างหวั่นๆ

    “ครับ” เขาตอบอ้อมแอ้ม

    “ขอฉันดูได้ไหม” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลถาม แฮร์รี่ส่งไม้กวาดให้อย่างไม่เต็มใจ

    “คือ…ศาสตราจารย์ครับ คงไม่ยึดไม้กวาดนี่ไปนะครับ” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลตาโต

    “เราแค่จะเอาไปตรวจสอบเท่านั้นมิสเตอร์พอตเตอร์ ว่ามีใครลงคาถาอะไรร้ายแรงไว้ที่ไม้นี่หรือเปล่า เพื่อตัวของเธอเองนะ” พูดจบเธอก็หันหลังเดินกลับไปโดยถือไฟร์โบลต์ไปด้วย แฮร์รี่มองตามด้วยความรู้สึกหมดหวัง

    “เพื่อนของเราดีใจกับไม้กวาดใหม่ได้ 3 ชั่วโมง แล้วก็สูญเสียมันไปตลอดกาล!” รอนตะโกนใส่เฮอร์ไมโอนี่อย่างโกรธเคือง

    “ฉันทำเพื่อแฮร์รี่นะ” เฮอร์ไมโอนี่เถียงอ่อยๆ รอนมองเธออย่างกินเลือดกินเนื้อ

    “ใช่ หวังดี..ด้วยการทำลายความหวังของเพื่อนไง!”

    เฮอร์ไมโอนี่จ้องหน้ารอนอย่างเหลืออด

    “เธอพูดเกินไปนะรอน ถ้าเกิดแฮร์รี่เป็นอะไรไป....”

    “แฮร์รี่ไม่เป็นอะไรเลย จนกระทั่งเธอมาวุ่นวายเฮอร์ไมโอนี่!!” รอนตะโกนลั่นปราสาท เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากตัวเอง น้ำตาคลอเบ้า เธอมองหน้าแฮร์รี่ เขาหันไปทางอื่น..

    “ก็ได้” เธอพูดสั้นๆ แล้วหันหลังเดินออกจากปราสาทไป

    …………………………………………………….

    เด็กสาวเดินย่ำไปบนหิมะอย่างใจลอย เธอเสียใจที่เพื่อนทั้งสองไม่เข้าใจในความหวังดีและความห่วงใยของเธอที่มีต่อเพื่อน เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตา พลางก้มลงมองหิมะสีขาวรอบตัว แล้วก้มลงหยิบขึ้นมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ เล็กๆ ก่อนจะขว้างไปในพุ่มไม้หนาริมทะเลสาบเหมือนจะระบายอารมณ์

    “โอ๊ย! ใครน่ะ” เสียงร้องอย่างโกรธๆ ดังสวนออกมา เด็กสาวตกใจรีบเดินเข้าไปหาเขาเพื่อจะขอโทษ พอดีกับเจ้าของเสียงเดินสวนออกมาอย่างโกรธเคือง

    “มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่อุทานเบาๆ แทบจะหันหลังกลับ มัลฟอยขมวดคิ้ว

    “นี่เป็นของสนุกของเธอหรือ ยัยเกรนเจอร์” เขาบ่นพลางปัดหิมะออกจากศีรษะ ผมสีบลอนด์ของเขาตกลู่มาข้างหน้า

    “หรือเป็นวิธีแก้เบื่อของพวกหนอนหนังสือ” เขาเสยผมให้กลับเรียบเหมือนเดิม

    เฮอร์ไมโอนี่มองกิริยาเขาด้วยใบหน้าอมชมพูเล็กน้อย นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันที่เขาอยู่ในโรงเรียนในวันปิดเทอม ทั้งที่ปกติเขาจะต้องกลับบ้านทุกปี

    “ไม่ยักรู้ว่านายรักโรงเรียน” เธอพูด เขามองเธอพลางเขย่าหิมะที่เริ่มตกปรอยๆ ลงมา ออกจากเสื้อคลุม

    “ก็แค่เบื่อๆ คนที่บ้าน” เขาทำสีหน้าเบื่อสุดขีด

    “อยู่ที่นี่มีเรื่องสนุกให้ทำเยอะกว่า” พูดพลางมองมาทางเฮอร์ไมโอนี่ เธอหลบตา รู้สึกว่าตัวเองใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

    “น่าแปลกที่เวลาแบบนี้เธอน่าจะอยู่กับเจ้าพอตเตอร์มากกว่ามาเดินตากหิมะแบบนี้” เขาพูดเสียงเหมือนประชด เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเศร้าใจขึ้นมาทันที เมื่อมัลฟอยพูดถึงแฮร์รี่และรอน เธอนิ่งจนมัลฟอยรู้สึกแปลกใจ เขาถามเบาๆ

    “เธอเป็นอะไรไป ยัยหัวฟู ทำไมเงียบนักล่ะวันนี้” ยังพูดไม่จบประโยคดี เขาก็ต้องตกใจที่เห็นน้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่ไหลออกมาอาบแก้ม เขาเอื้อมมือไปเช็ดให้เธอเบาๆ อย่างลืมตัว

    “เจ้าพวกนั้นมันทำอะไร” เขาพูดเบาๆ

    “เปล่า” เธอปฏิเสธเสียงเบาแทบจะเป็นเสียงกระซิบ “ไม่มีอะไร”

    มัลฟอยขมวดคิ้วจ้องหน้าเธอนิ่ง มือของเขายังคงอยู่ที่แก้มของเฮอร์ไมโอนี่ เขาค่อยๆ เลื่อนลงมาจับคางของเธอเบาๆ แล้วก้มหน้าลงมาที่ใบหน้าของเธอ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตัว เด็กสาวเบี่ยงตัวหลบถอยหลังอย่างเร็ว มัลฟอยเม้มปาก เขายืดตัวตรงคว้าข้อมือของเธอ

    “ตามฉันมา” เขาพูดสั้นๆ พลางออกแรงดึงมือของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ฝืนตัว

    “จะทำอะไรมัลฟอย” มัลฟอยพ่นลมอย่างขัดใจ

    “ไม่ได้พาไปฆ่าหรอกน่ะ”

    เขาพูดเสียงแข็งพลางออกแรงดึงมือเธออีกครั้ง แต่เฮอร์ไมโอนี่ยังขืนตัวและออกแรงฝืนเต็มที่ แต่เนื่องจากบริเวณนั้นถูกปกคลุมไปด้วยหิมะค่อนข้างหนา เฮอร์ไมโอนี่จึงลื่นล้มมาข้างหน้าตามแรงดึงของมัลฟอย เธอร้องอย่างตกใจ เมื่อมัลฟอยก้มลงอุ้มเธอขึ้นมา

    “ให้ไปด้วยกันดีๆ ไม่ชอบ” เขาบ่นพึมพำ แล้วเริ่มออกเดิน

    เฮอร์ไมโอนี่พยายามดิ้นเพื่อให้เขาวางเธอลง แต่ดูเหมือนมัลฟอยจะไม่ได้สนใจ เขาหันมาถลึงตาใส่เธอในทำนองว่าจะโยนเธอลงถ้ายังไม่อยู่เฉยๆ ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ต้องอยู่นิ่งๆ สะกดอารมณ์โกรธปนกับความกลัวไว้ เขาพาเธอเดินตามแนวกำแพงปราสาทด้านติดกับป่าต้องห้าม ผ่านป่าเล็กๆ ที่ไม่หนาทึบนัก หิมะที่ตกลงมาปกคลุมกิ่งก้านต้นไม้ทำให้มันดูสวยไปอีกแบบ มัลฟอยอุ้มเธอมาหยุดอยู่ตรงที่ลานกว้างแห่งหนึ่ง ล้อมรอบไปด้วยต้นสนขนาดไม่ใหญ่นัก มีหิมะปกคลุมขาวโพลน แลดูเหมือนต้นคริสมาสต์ ตรงกลางลานมีกระท่อมอิกลู ซึ่งเป็นกระท่อมทำจากน้ำแข็งของพ่อมดทางขั้วโลกตั้งอยู่ เฮอร์ไมโอนี่มองดูอย่างแปลกใจ มัลฟอยค่อยๆ ปล่อยเธอลง

    “สวยไหม” เขาถามเสียงหอบเบาๆ เพราะเดินมาไกล เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อสายตา

    “อย่าบอกนะว่านายสร้างเอง” มัลฟอยชักสีหน้าเล็กน้อย

    “ของง่ายๆ แค่นี้ ฉันจำมาจากเพื่อนพ่อที่มาจากทางเหนือ ดูหนเดียวก็ทำได้แล้ว” เขาพูดเสียงภูมิใจ

    “เข้าไปดูข้างในไหมล่ะ” เขาชวนพลางเดินนำหน้า แล้วชะงักหันกลับมามองเฮอร์ไมโอนี่ที่ยังยืนลังเลอยู่

    “ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า ยัยหัวฟู” เขาพูดเสียงเจ้าเล่ห์

    “และถ้าฉันคิดจะทำ อยู่ข้างนอกหรือข้างใน ฉันก็ไม่สนใจหรอก”

    เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง เธอรีบล้วงมือลงไปในเสื้อคลุม กระชับไม้กายสิทธิ์แน่น จึงค่อยเดินตามมัลฟอย เขามองกิริยาของเธอด้วยสีหน้าขบขันเล็กน้อย

    “กลัวฉันรึ” เขาถามด้วยท่าทางล้อเลียน

    “ไม่ได้กลัว แต่ไม่ไว้ใจ” เธอตอบสั้นๆ

    มัลฟอยกลั้นหัวเราะไว้ พลางเดินนำไปที่กระท่อมน้ำแข็ง เขานั่งลงแล้วคลานผ่านช่องประตูเล็กๆ เข้าไป เฮอร์ไมโอนี่ทำตาม เมื่อผ่านพ้นช่องประตู เธอรู้สึกว่าด้านในมันกว้างพอที่จะยืนได้ จึงลุกขึ้นยืนและมองดูรอบๆ ตัวอย่างตกตะลึง ภายในกระท่อมน้ำแข็งช่างต่างกับภายนอกอย่างสิ้นเชิง มันกว้างขนาดห้องนั่งเล่นของกริฟฟินดอร์ ด้านหนึ่งมีเตาผิงไฟเวทย์มนตร์สีฟ้าสดใสกำลังเต้นระริกอยู่ มีเก้าอี้นุ่มน่านั่งสีขาวสะอาดตาตั้งอยู่หนึ่งตัว ข้างๆ มีต้นคริสมาสต์เล็กๆ ที่ประดับด้วยลูกแก้วหลากสีส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับ

    “ถอดเสื้อคลุมออกก่อนเถอะ เกรนเจอร์” เสียงมัลฟอยดังขึ้น เขาถอดเสื้อคลุมไปแขวนไว้ใกล้ๆ เตาผิง

    “นายทำเองทั้งหมดเลยงั้นหรือ” เฮอร์ไมโอนี่ถามพลางถอดเสื้อคลุมที่เปียกหิมะออกผึ่งไว้ข้างๆ เตาผิงเช่นกัน

    “อย่างที่ฉันบอกไง มันเป็นวิธีง่ายๆ ฉันสร้างมันเป็นตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว แต่ไม่ได้ใช้เพราะต้องกลับบ้านทุกปี” เขาพูดพลางทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ด้านหนึ่ง

    “นั่งสิ” เขาชี้ลงข้างๆ ตัว เฮอร์ไมโอนี่เบ้หน้า เธอเดินไปนั่งอีกด้านหนึ่งของเก้าอี้ มัลฟอยหรี่ตามองพลางอมยิ้มเล็กน้อย

    “สบายใจขึ้นมั้ย” เขาถามลอยๆ เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาอย่างงงๆ

    “ไม่” เธอตอบห้วนๆ แต่น้ำเสียงนุ่มอยู่ในที “ยิ่งมาอยู่ใกล้นายฉันยิ่งไม่สบายใจเลย”

    เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้โต้ตอบอะไร ทั้งสองคนนั่งมองเปลวไฟสีฟ้าในเตาผิง ต่างฝ่ายต่างเงียบไม่ยอมพูดอะไรกัน

    “ฉัน...จะกลับแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่พูดทำลายความเงียบขึ้น “ฉันหิว..”

    มัลฟอยยันตัวขึ้นนั่งตรง

    “ก็เพิ่งกินไปไม่ใช่เหรอ” เขาพูดพลางเคาะมือบนโต๊ะเบาๆ ขนมเค้กที่ตกแต่งเป็นลายต้นคริสมาสต์ปรากฏขึ้น แล้วยังมีขนมอีก 2-3 ชนิด และน้ำฟักทองรวมอยู่ด้วย เขามองดูเฮอร์ไมโอนี่ที่อ้าปากค้าง เธอทรุดตัวลงนั่งตามเดิม

    “อย่าถามอีกล่ะ ว่าฉันทำได้ยังไง” มัลฟอยพูดพลางหยิบขนมชิ้นหนึ่งขึ้นมาใส่ปากเคี้ยวอย่างน่าอร่อย เขามองเฮอร์ไมโอนี่ที่ยังคงนั่งเฉยอยู่พลางส่งขนมให้

    “หิวไม่ใช่เหรอ” เขาพูด เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า เขาทำเสียงเหมือนรำคาญ โยนขนมกลับไปในจานตามเดิมพลางยกแก้วน้ำฟักทองขึ้นดื่ม

    “ฉันจะกลับแล้ว ออกมานานแล้วด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบาๆ

    มัลฟอยกระแทกแก้วลงบนโต๊ะ ขนมบนนั้นหายวับไป เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ดึงมือเฮอร์ไมโอนี่อย่างแรงให้ลุกตามมา เขาเคาะเบาๆ ตรงก้อนน้ำแข็งเหนือช่องประตู พลันก้อนน้ำแข็งขุ่นขาวกลับกลายเป็นใสราวกับกระจก มองเห็นด้านนอกที่มืดสนิทได้

    “เธอคิดว่านี่มันกี่โมงแล้ว ยัยหัวฟู” เขาพูดอย่างโกรธๆ

    “ถ้าเธอจะออกไปก็ได้ แต่เดินกลับคนเดียวนะ ฉันไม่ออกไปให้แมงมุมมันกินหรอก” แล้วก้อนน้ำแข็งก็กลับขุ่นขาวเหมือนเดิม

    เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ มัลฟอยเดินกลับไปนั่งตามเดิม

    “หรือถ้าเธอจะรอเจ้าพอตเตอร์กับวิสลีย์มาช่วยล่ะก็ ขอบอกเลยว่าพวกมันไม่มีทางหาที่นี่เจอแน่ๆ”

    คราวนี้น้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่ร่วงพรูลงมา เธอเดินไปนั่งที่เก้าอี้อย่างหมดแรง

    “พวกเขาคงไม่ออกมาหรอก” เธอพูดเสียงแห้ง พลางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ มัลฟอยทำหน้าสงสัย

    “เกรนเจอร์..” เขาพูดเสียงอ่อนลง “เป็นอะไรไปน่ะ”

    พลางขยับตัวเข้ามาใกล้ๆ เธอ เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากตัวเองก้มหน้านิ่ง มัลฟอยจับไหล่เธอเบาๆ ก้มหน้าลงไปมอง

    “ไม่มีอะไร” เฮอร์ไมโอนี่รีบหันหน้าหลบ มัลฟอยดึงตัวเธอเข้ามาหาตัวเขาเบาๆ แต่เฮอร์ไมโอนี่ขืนตัว เธอเอื้อมมือไปที่เอวของตัวเองแล้วชะงัก

    “ไม้กายสิทธิ์ของเธอน่ะ อยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุมโน่น” มัลฟอยพูดเสียงเยาะๆ เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากเล็กน้อย พลางยกมือขึ้นดันอกของเด็กชายไว้

    “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะมัลฟอย” เธอร้อง เริ่มดิ้นเพื่อให้หลุดจากอ้อมแขนของเขา

    “นี่เธอจะดิ้นไปถึงไหนกัน” เขาพูดอย่างรำคาญ

    “ก็นายจะแกล้งฉันแบบนี้ไปถึงไหนกันล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่โต้กลับด้วยน้ำเสียงโกรธๆ

    มัลฟอยชะงัก เขามองหน้าเธอ เฮอร์ไมโอนี่เห็นแววตาเจ็บปวดวูบหนึ่งในดวงตาสีซีดคู่นั้น

    “เธอคิดว่าทั้งหมดนี่ฉันแกล้งเธองั้นหรือ”

    “ก็นายเคยพูดไว้เองนี่ จำไม่ได้เหรอ” เฮอร์ไมโอนี่เถียงไม่ลดละ

    มัลฟอยจ้องหน้าเธอนิ่ง เขากัดฟัน แล้วปล่อยมือจากเธอ ลุกขึ้นยืน ตบมือลงบนพนักเก้าอี้เบาๆ มันแบนราบลงกลายเป็นเตียงเล็กๆ มีผ้าห่มหนานุ่มพร้อม เขาคว้าผ้าห่มผืนหนึ่ง โบกไม้กายสิทธิ์เลื่อนโต๊ะออกไปให้พ้นทาง ปูผ้าบนพื้นหน้าเตาผิง

    “นอนให้สบายเกรนเจอร์ ฉันสัญญาว่าจะไม่ลุกขึ้นไปแกล้งเธออีก” พูดจบ เขาล้มตัวลงนอน ใช้ผ้าห่มที่ปูห่อตัวหันหลังให้เฮอร์ไมโอนี่แล้วไม่พูดอะไรอีกเลย เฮอร์ไมโอนี่มองดูมัลฟอยอย่างไม่เข้าใจ และรู้สึกเสียใจที่ตัวเองพูดรุนแรงออกไปเมื่อครู่ เธอล้มตัวลงนอน แต่ยังคงเหลือบมองมัลฟอยเป็นระยะจนหลับไป

    ……………………………………………………………….

    เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นอย่างตกใจ เธอได้ยินเสียงครางเบาๆ เด็กสาวมองไปรอบๆ ตัว ซึ่งขณะนี้ตกอยู่ในความมืด กองไฟดับไปตั้งแต่เมื่อตอนไหนไม่รู้ ทำให้อากาศเย็นลงเล็กน้อย เธอมองลงไปยังมัลฟอยที่ดูเหมือนจะหลับไม่สนิท และส่งเสียงเบาๆ ด้วยความหนาว เฮอร์ไมโอนี่นิ่งคิดเล็กน้อยก่อนลงจากเตียง ค่อยๆ เดินไปทางเขา

    “มัลฟอย” เธอเรียกเบาๆ

    “หือ” เขาลืมตาขึ้น

    “ขึ้นไปนอนบนที่นอนดีกว่า ตรงนี้มันเย็นเดี๋ยวเธอจะไม่สบาย” มัลฟอยทำหน้างงๆ เขายันตัวลุกขึ้นนั่งมองเฮอร์ไมโอนี่

    “หรือจะรอให้ฉันเปลี่ยนใจ”

    เธอย้ำแล้วลุกขึ้นเดินกลับไปที่เตียงนอน มัลฟอยรีบรวบผ้าห่มเดินตาม เขาเอนตัวลงนอนอีกด้านหนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่กระชับผ้าห่มแน่นอย่างระแวง แต่ดูเหมือนมัลฟอยจะหลับไปแล้ว เธอถอนใจอย่างโล่งอก แล้วหลับตาลง

    มัลฟอยลืมตาขึ้นเมื่อแน่ใจว่าเฮอร์ไมโอนี่หลับสนิทแล้ว เขาค่อยๆ เลื่อนตัวมาใกล้ๆ เธอ จ้องมองใบหน้าของเด็กสาวในความมืด พลางถอนหายใจเบาๆ

    “ที่ฉันทำทั้งหมดน่ะ ไม่ใช่การแกล้งเธอเลยนะ เกรนเจอร์” เขาพูดแผ่วเบาเหมือนกระซิบ พลางก้มลงไปจูบที่หน้าผากของเธอเบาๆ เด็กสาวขยับตัวเล็กน้อย มัลฟอยเอื้อมมือไปโอบเธอไว้เบาๆ เขายิ้มเล็กน้อยแล้วปิดเปลือกตาลง

    …………………………………………………………………….

    เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นแล้วหลับลงอีกครั้งอย่างงัวเงีย ที่นอนนุ่มและอุ่นสบายจนเธอไม่อยากลุก เธอขยับตัวเล็กน้อยแต่ดูเหมือนจะมีอะไรมารัดรอบเอวเธออยู่ เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นมอง ลมหายใจอุ่นๆ ของใครบางคนกำลังเป่าข้างๆ ลำคอของเธอเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เด็กสาวเหลียวหน้ามองด้านหลัง

    “มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างตกใจ พลางบิดตัวให้หลุดจากการโอบกอดของเขา มัลฟอยลืมตามองอย่างงงๆ

    “เช้าแล้วเหรอ” เขาพูดงึมงำ อ้าปากหาวน้อยๆ แล้วเอื้อมมือมาที่เฮอร์ไมโอนี่อีก

    เด็กสาวโยนหมอนใส่หน้าเขาเต็มแรง มัลฟอยสะดุ้ง ผุดลุกขึ้นนั่งด้วยความงุนงงและเริ่มไม่พอใจ

    “ทำบ้าอะไรของเธอ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

    “นั่นเป็นสิ่งที่ฉันจะถามนายต่างหาก” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง “นายทำอะไรของนาย”

    มัลฟอยขมวดคิ้ว

    “ฉันทำอะไร..” เขานึก “ก็เมื่อคืนเธอมาชวนฉันให้ขึ้นมานอนด้วยเองนี่”

    “ฉันเรียกเพราะสงสาร กลัวนายจะหนาวตายต่างหาก” เฮอร์ไมโอนี่เถียง แต่ใบหน้าเธอเริ่มแดง

    “แล้วใครให้นายมากอดฉัน” มัลฟอยชะงักเล็กน้อย เขาเลิกคิ้วแล้วยิ้ม

    “ชอบไหมล่ะ” เขาถามจ้องหน้าเฮอร์ไมโอนี่

    ตอนนี้ใบหน้าเด็กสาวเป็นสีแดงเข้ม เธอโยนหมอนอีกใบใส่หน้ามัลฟอยพลางรีบลุกขึ้นไปปลดเสื้อคลุมที่เตาผิงมาใส่ แต่เธอก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมัลฟอยเข้ามากอดเอวเธอเบาๆ จากทางด้านหลัง

    “ปล่อยฉันนะ” เธอพูด พลางแกะมือของเขาออกจากการเกาะกุม

    “ไม่..”

    มัลฟอยกระซิบเบาๆ ข้างๆ หูเฮอร์ไมโอนี่ เขากระชับวงแขนแน่นขึ้นแล้วไล้จมูกไปบนแก้มของเธอเบาๆ หัวใจของเฮอร์ไมโอนี่เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาข้างนอก มัลฟอยค่อยๆ หมุนตัวของเฮอร์ไมโอนี่ให้หันมาตรงกับหน้าของเขา ดวงตาสีซีดจ้องลึกลงไปในตากลมโตของเธอที่จ้องกลับมา

    “เกรนเจอร์” เขาพูดเสียงเบาแทบกระซิบ “ฉัน...”

    คำพูดต่อไปเหมือนจะจุกอยู่แค่คอของมัลฟอย เขากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น แล้วค่อยๆ ก้มหน้าลงไปหาเฮอร์ไมโอนี่ ริมฝีปากเขาสัมผัสกับริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา เฮอร์ไมโอนี่หลับตาลง เธอรู้สึกเหมือนกับลืมหายใจ ใบหน้าร้อนผ่าว มัลฟอยค่อยๆ เงยหน้าขึ้น จ้องหน้าเฮอร์ไมโอนี่ด้วยใบหน้าสีชมพูเข้ม เขาเม้มปากเหมือนพยายามจะหาคำพูด แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับถามเขาเบาๆ ขึ้นมาก่อน

    “เธอทำแบบนี้ทำไมมัลฟอย” น้ำเสียงเหมือนตัดพ้อ จนเขารู้สึกใจหาย เด็กสาวดันตัวของเขาออก เธอก้มหน้าพูดเบาๆ

    “ฉันจะกลับแล้ว”

    เธอเดินตรงออกไปทางช่องประตู ลอดผ่านออกไป มัลฟอยรีบสวมเสื้อคลุมเพื่อตามเธอให้ทัน เด็กทั้งสองเดินตามกันอย่างเงียบๆ จนเกือบจะถึงประตูทางเข้าปราสาท

    “เดี๋ยวก่อน เกรนเจอร์” มัลฟอยเรียกเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่ชะงัก หันกลับมาทางเขา มัลฟอยยื่นกล่องของขวัญส่งให้เธอ

    “สุขสันต์วันคริสมาสต์” เขาพูดเบาๆ

    หิมะเริ่มโปรยละอองลงมาช้าๆ เฮอร์ไมโอนี่รับของขวัญจากเขา เธอมองมัลฟอยแบบเต็มตาเป็นครั้งแรก พร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ ที่มีต่อเขา

    “สุขสันต์วันคริสมาสต์เช่นกัน มัลฟอย” เธอตอบเบาๆ เขาเหมือนจะยิ้ม เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าซึ่งมีละอองสีขาวละลานตาไปหมด

    “หิมะเริ่มตกแล้ว เราเข้าไปในปราสาทกันเถอะ” เขาพูด แล้วทั้งสองก็พากันเดินกลับเข้าปราสาทไปด้วยกัน



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×