ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สิ่งที่ต้องเลือก มิตรภาพ ความรัก

    ลำดับตอนที่ #6 : สิ่งที่ต้องเลือก มิตรภาพ ความรัก ตอนที่ 6

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ย. 48


    *****6*****



    แฮร์รี่และรอน เดินลงไปห้องอาหารเพียงสองคนเหมือนเคย พวกเขาตั้งใจจะไปเยี่ยมแฮกริดก่อนเข้าเรียน เมื่อไปถึงกระท่อมของแฮกริด เขากำลังเก็บถ้วยชาพอดี

    “หวัดดีฮะ แฮกริด” แฮร์รี่ทักเบาๆ แฮกริดหันมายิ้มฝืนๆ

    “หวัดดีแฮร์รี่ น้ำชาหน่อยมั้ย” เขาถามเสียงแหบพร่า ถ้าไม่มีหนวดเครารุงรัง แฮร์รี่คงสังเกตุรอยช้ำที่ขอบตาของแฮกริด

    “เฮอร์ไมโอนี่เพิ่งกลับเข้าไปเมื่อกี้เองอ้ะ” เขาพูด

    “เฮอร์ไมโอนี่มาหาคุณเหรอฮะ” แฮร์รี่ทวนถามงงๆ

    “ใช่ เธอเอาหนังสือที่ฉันจำเป็นต้องใช้ในการสู้คดีของบัคบีคมาให้อ้ะ”

    แฮร์รี่รู้สึกละอายใจมากที่เขาไม่สามารถช่วยเหลืออะไรแฮกริดได้ ซ้ำยังมัวแต่ซ้อมควิดดิชจนลืมไปอีกด้วย แต่ดูเหมือนแฮกริดจะเดาใจแฮร์รี่ออก เขาตบบ่าเด็กชายเบาๆ

    “ขอบใจที่เป็นห่วงบัคบีคอะนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก แค่ความเป็นห่วง ฉันกับบัคบีคก็ดีใจแล้ว” เขาดันหลังเด็กๆ

    “ได้เวลาไปเรียนแล้ว ตั้งใจเรียนดีๆ อ้อ แฮร์รี่ เธอต้องชนะในเกมควิดดิชวันมะรืนนี้นะ” แฮร์รี่รับปาก แล้วเขากับรอนก็เดินกลับปราสาทเพื่อเข้าเรียน เด็กทั้งสองวิ่งแข่งกันเข้าห้องเรียนวิชาแปลงร่าง ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเหลือบตามองผ่านแว่นของเธอ

    “ขอโทษครับที่มาสาย” แฮร์รี่รีบพูดพลางหอบหายใจ

    “ไม่เป็นไร มิสเตอร์พอตเตอร์ มิสเตอร์วิสลีย์ โชคดีที่ฉันยังไม่ได้เริ่มสอน” เธอพูดเสียงเยียบ จนแฮร์รี่กับรอนขนลุก พลางรีบหาที่นั่ง แฮร์รี่มองเฮอร์ไมโอนี่ที่เริ่มลงมือจดคำพูดของศาสตราจารย์มักกอนนากัล เธอดูซูบๆ ไป เขาคิด คงเป็นเพราะเธอเรียนหนักมาก แล้วยังวิ่งวุ่นเรื่องแฮกริดอีก แฮร์รี่ขยับจะถามเฮอร์ไมโอนี่ แต่พอดีเขาเหลือบไปเห็นสายตาเย็นเยียบของศาสตราจารย์มักกอนนากัลที่มองมายังเขาพอดี เลยเปลี่ยนใจ พอหมดคาบเรียนเฮอร์ไมโอนี่รีบร้อนเก็บหนังสือลงกระเป๋า แฮร์รี่เงยหน้าขึ้นมองเธออีกครั้ง ปรากฏว่าเธอหายไปแล้ว เขาขมวดคิ้วอย่างสงสัย แต่รอบตบบ่าแฮร์รี่

    “ไปซ้อมควิดดิชกันเถอะ แฮร์รี่”

    ……………………………………………………….

    นัดแรกของการแข่งขันควิดดิช กริฟฟินดอร์จะต้องแข่งกับฮัฟเฟิลพัฟ โอลิเวอร์ วู้ด กัปตันทีมกริฟฟินดอร์ ย้ำถึงแผนการเล่นและชัยชนะที่ทีมควรจะได้ เฮอร์ไมโอนี่กับรอนนั่งดูการแข่งขันด้วยความตื่นเต้น ทั้งคู่ลืมการทะเลาะกันชั่วขณะ ฉับพลัน ซีกเกอร์ของทั้งสองทีมก็พุ่งไปทางเดียวกัน แต่จู่ๆ แฮร์รี่ก็ตกลงจากไม้กวาด ท่ามกลางลมพายุ เฮอร์ไมโอนี่ส่งเสียงร้องอย่างตกใจ แฮร์รี่นอนหมดสติอยู่ที่พื้นสนามแข่ง และซีกเกอร์ทีมฮัฟเฟิลพัฟสามารถคว้าชัยชนะให้ทีมได้ แต่เฮอร์ไมโอนี่กับรอนไม่สนใจ ทั้งสองรีบตามมาดามฮูช ซึ่งนำร่างหมดสติของแฮร์รี่ไปห้องพยาบาลอย่างรีบเร่ง มาดามพอมฟรีย์ปฐมพยาบาลและตรวจร่างกายของแฮร์รี่อย่างรวดเร็ว เธออนุญาตให้เฮอร์ไมโอนี่และรอนอยู่เฝ้าได้ ทั้งสองคนยืนอยู่ข้างเตียงด้วยความเป็นห่วงแฮร์รี่จนเขาฟื้น

    “การแข่งขันเป็นยังไงบ้าง” คำถามแรกที่แฮร์รี่ถามขึ้น

    “เราแพ้” รอนบอก

    “นายตกจากไม้กวาด..เกิดอะไรขึ้นแฮร์รี่” แฮร์รี่ขมวดคิ้วทบทวน

    “ฉันเห็นผู้คุมวิญญาณ แล้วฉันก็ไม่รู้อะไรอีก หลังจากนั้น”

    “โชคดีนะที่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์มาช่วยให้เธอไม่ตกลงมากระแทกพื้นน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่เสริม

    “ท่านโกรธมากที่พวกผู้คุมวิญญาณเข้ามาวุ่นวายในสนามน่ะ” แฮร์รี่มองไปรอบๆ ห้อง รอนกับเฮอร์ไมโอนี่มองหน้ากันอย่างอึดอัดใจ

    “ใครเก็บไม้กวาดให้ฉันรึเปล่า” เขาถามขึ้นมาในที่สุด เฮอร์ไมโอนี่มองหน้ารอน

    “คือ...ลมพายุน่ะ...พัดไม้กวาดปลิวออกไปนอกสนาม ศาสตราจารย์ลูปินรีบตามออกไป แต่…….” เธอกลืนน้ำลาย พลางส่งกระเป๋าหนังสือของเธอให้แฮร์รี่

    “มันตกลงไปที่ต้นวิลโลว์จอมหวดพอดีน่ะ” แฮร์รี่มองดูไม้กวาดของเขาที่แหลกเป็นชิ้นๆ เขารู้สึกช็อคและเหมือนตัวจะแหลกเป็นชิ้นๆ ตามไม้กวาดของเขา

    ……………………………………………………….

    “ไง พอตเตอร์ เป็นลมอีกแล้วเรอะ” มัลฟอยตะโกนถามแฮร์รี่ พลางทำท่าล้อเลียนเขา เฮอร์ไมโอนี่มองดูด้วยความโกรธ คำพูดดูถูกที่เขาพูดไว้ยังคงดังก้องอยู่ในหู

    “ฉันอยากจะสั่งสอนมันซักที” รอนว่า แต่แฮร์รี่กลับไม่เห็นด้วย

    “ช่างเขาเถอะ” เขาสรุป

    แม้ในชั่วโมงวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดของศาสตราจารย์ลูปินทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่ความรู้สึกที่สูญเสียไม้กวาดยังคงมีอยู่ เฮอร์ไมโอนี่ก็แทบไม่มีเวลาปลอบใจเขา เธอเรียนหนักขึ้น และดูเคร่งเครียดขึ้น รอนเองก็หงุดหงิดกับสแคบเบอร์และครุกแชงก์ เขามักจะอาละวาดใส่เฮอร์ไมโอนี่เสมอ ซึ่งทุกครั้งจะจบลงที่เฮอร์ไมโอนี่จะเดินหนีรอนออกจากหอ

    วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เธอต้องเดินออกจากห้องด้วยอารมณ์ขุ่นมัว รอนไล่ตีครุกแชงก์ของเธอ เมื่อเธอห้าม เขากลับว่าเธอด้วยถ้อยคำรุนแรง และขู่ว่าจะโยนครุกแชงก์ให้ปลาหมึกยักษ์กิน เฮอร์ไมโอนี่เดินเรื่อยๆ มาจนถึงห้องสมุด ซึ่งวันนี้ดูจะเงียบกว่าทุกครั้ง มาดามพินซ์ยิ้มให้เธออย่างใจดี

    “อากาศหนาวนะจ๊ะ มิสเกรนเจอร์” เธอพูด เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มรับ แต่ชะงัก เมื่อมาดามพินซ์พูดต่อว่า

    “วันนี้มีคนมาใช้ห้องสมุดน้อย ฉันเลยปิดเร็วจ้ะ ต้องตรวจสภาพหนังสือ ต้องขอโทษนะจ๊ะ มิสเกรนเจอร์” เฮอร์ไมโอนี่ผิดหวังเล็กน้อย เธอยิ้ม

    “ไม่เป็นไรค่ะ มาดามพินซ์ งั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ” เธอหมุนตัวออกจากห้องสมุด แต่ยังไม่กลับหอนอน

    “ไปนั่งที่ทะลสาบดีกว่า” เธอคิดพลางเดินเรื่อยๆ จนออกจากปราสาท ตรงไปที่ริมทะเลสาบ ลมพัดมาจนเธอรู้สึกหนาว เธอเลือกนั่งตรงต้นไม้ใหญ่ที่มีใบร่มครึ้ม มองคลื่นที่พลิ้วเป็นระลอกเล็กๆ บนผิวน้ำ เด็กสาวพิงต้นไม้พลางกอดอกอย่างสบายใจกับธรรมชาติรอบๆ ตัว แล้วหลับตาลง

    “ไม่หนาวเรอะ เกรนเจอร์” เสียงยานคางดังขึ้นใกล้เธอ เฮอร์ไมโอนี่รีบลืมตามองดูต้นเสียง มัลฟอยยืนกอดอกพิงต้นไม้ ยืนดูเธออย่างสบายอารมณ์

    “แล้วนายมายุ่งอะไรด้วย มัลฟอย” เธอโต้พลางรีบลุกขึ้น มัลฟอยมองไปรอบๆ

    “แล้วพอตเตอร์กับวิสลีย์หัวแดงของเธอล่ะ ไปไหน” เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบ เธอขยับตัวจะเดินหนีมัลฟอย เพราะตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์ที่จะนั่งต่อปากต่อคำกับเขา

    “จะหนีเหรอ เกรนเจอร์” มัลฟอยพูดขึ้น น้ำเสียงเยาะเย้ย “จะรีบเข้าไปดูเจ้าพอตเตอร์เป็นลมอีกรึไง”

    “เขาไม่ได้เป็นลม!” เฮอร์ไมโอนี่เถียงเสียงดังลั่น เธอหันมาประจันหน้ากับมัลฟอยอย่างโกรธๆ

    “ออกรับแทนกันดีจริง” น้ำเสียงของมัลฟอยเหมือนไม่พอใจนิดๆ

    “ก็เขาเป็นเพื่อนรักของฉันนี่ มัลฟอย คนอย่างนายหรือพ่อของนายคงไม่รู้จักคำว่าเพื่อนแท้มั้ง” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยน้ำเสียงสมเพชแกมเยาะหยัน มัลฟอยหน้าซีดด้วยความโกรธ เขาจับไหล่ของเฮอร์ไมโอนี่อย่างลืมตัวบีบอย่างแรง

    “อย่ามาว่าพ่อของฉัน ยายเลือดสีโคลน โสโครก” เขากัดฟันแน่น “เธอไม่มีสิทธิ์” เฮอร์ไมโอนี่โต้กลับทันควัน

    “นายก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าแฮร์รี่หรือรอน หรือแม้กระทั่งแฮกริด”

    “ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ว่าพวกมัน ในเมื่อพวกมันต่ำกว่าฉันทั้งนั้น” มัลฟอยพูดรอดไรฟันออกมา เขาจ้องเฮอร์ไมโอนี่เขม็ง

    “นายมันก็ไม่ดีไปกว่าพวกเราเท่าไหร่หรอกมัลฟอย แค่ชื่อตระกูลนายมันก็ฟ้องแล้วละว่าพวกนายเป็นคนยังไง” เฮอร์ไมโอนี่ไม่ยอมแพ้ มัลฟอยโกรธจัด เขาบีบไหล่ของเฮอร์ไมโอนี่อย่างแรง

    “ได้” เขาขบกรามจนเป็นสันนูน “ฉันจะแสดงให้เธอเห็นยัยหัวฟู ว่าเลวจริงๆ น่ะ เป็นยังไง”

    พูดจบเขาเหวี่ยงร่างเฮอร์ไมโอนี่กระแทกกับต้นไม้ เธอร้องออกมาอย่างเจ็บและตกใจกลัว เมื่อเห็นมัลฟอยเดินย่างสามขุมเข้ามาหา เธอลนลานลุกขึ้นอย่างเร็ว แต่แล้วก็ล้มลงไปอีกครั้ง เท้าของเฮอร์ไมโอนี่กลับไปขัดในรากไม้ เธอบิดขาออกจากต้นไม้อย่างตื่นกลัว มัลฟอยหยุดชะงัก เขาเหยียดยิ้มเมื่อเห็นกิริยาของเธอ

    “ตกใจจนลืมตัวรึไง เกรนเจอร์” เขาพูด พลางล้วงไม้กายสิทธิ์ออกมาโบก เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง ไม้กายสิทธิ์ของเธอลอยไปหาเขาอีกแล้ว เธอมองตามอย่างเจ็บใจตัวเอง พลางพยายามขยับขาให้หลุดจากรากไม้ แต่ดูเหมือนมันจะติดแน่น มัลฟอยยืนมองดูเธอด้วยสายตาแปลกๆ อยู่ครู่หนึ่ง แล้วทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ เธอ เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งสุดตัว เธอขยับหนีอย่างรวดเร็ว จนลืมไปว่าขาเธอยังติดอยู่

    “โอ๊ย!” เธอร้องออกมาเบาๆ มัลฟอยยังมองดูเธอ

    “ให้ช่วยไหม” เขาถามลอยๆ ขึ้นมา

    “ไม่ต้อง” เธอตอบห้วนๆ มัลฟอยยิ้มในที

    “อวดเก่ง” เขาเปรยขึ้นมาเบาๆ แต่ยังคงจ้องเขม็งมาที่เธอ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกร้อนวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก เมื่อโดนมัลฟอยจ้องด้วยสายตาแบบนั้น โดยไม่ทันตั้งตัว จู่ๆ มัลฟอยก็ก้มหน้าลงมาที่เธอ เฮอร์ไมโอนี่รีบหลบ แต่เขากลับจับไหล่สองข้างของเธอไว้แน่น

    “อย่า…”

    เสียงของเฮอร์ไมโอนี่ขาดหายไป เมื่อมัลฟอยใช้ปากของเขาปิดปากของเธอ เฮอร์ไมโอนี่พยายามออกแรงผลัก แต่เหมือนเรี่ยวแรงมันจะหายไปเสียเฉยๆ เมื่อมัลฟอยถอนริมฝีปากออกมา น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

    “นาย…” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงสั่น “ทำแบบนี้ทำไม..ต้องการดูถูกฉันมากขนาดนั้นเลยหรือ”

    มัลฟอยอึกอัก เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เขาเม้มปากแน่น มองหน้าเธอนิ่งครู่หนึ่ง แล้วโบกไม้กายสิทธิ์ รากไม้เหมือนมีชีวิต มันบิดตัวออกจากข้อเท้าของเฮอร์ไมโอนี่ เด็กสาวรีบชักขากลับ ขยับตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็ล้มตึงลงมาอีก

    “ดูเหมือนข้อเท้าเธอจะเจ็บ” น้ำเสียงมีแววเยาะๆ เจือปน

    เขาก้มลงมองข้อเท้าที่เริ่มบวมของเธอ เด็กสาวนิ่วหน้าอย่างเจ็บปวด มัลฟอยยิ้มอยู่ในหน้า เขามองเธอเป็นเชิงถามว่า จะให้ช่วยไหม เฮอร์ไมโอนี่กัดฟัน เมินหน้าไปอีกทาง ดันตัวลุกขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ล้มโครมลงมาอีก มัลฟอยหัวเราะเบาๆ ในลำคอ เมื่อเห็นท่าทางเหมือนตุ๊กตาล้มลุกของเธอ เขายื่นมือมาที่เธอ เฮอร์ไมโอนี่มองมือนั้นอย่างงงๆ ระคนหวาดระแวง

    “หรือเธออยากนอนหนาวตายอยู่ข้างนอกนี่ ยัยหัวฟู” เขาถามเสียงไม่พอใจนิดๆ เฮอร์ไมโอนี่ส่งมือให้เขาอย่างลังเล

    มัลฟอยพยุงเฮอร์ไมโอนี่โดยใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวเธอไว้หลวมๆ เธอหน้าเป็นสีชมพูพยายามฝืนตัว

    “เดินไหวมั้ย” มัลฟอยถามเบาๆ ข้างๆ หูของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ลองขยับขาเดินอย่างลำบาก มัลฟอยพยุงเธอเดินอย่างยากลำบาก ครู่ใหญ่ก็ยังไปไม่ถึงไหนจนเขารำคาญเลยหยุดเดินเสียเฉยๆ เฮอร์ไมโอนี่ชะงักตามพลางมองหน้าเขาอย่างสงสัย แต่แล้วก็ต้องอุทานอย่างตกใจเมื่อมัลฟอยอุ้มเธอแทน

    “ปล่อยฉันลงนะมัลฟอย!” เธอร้องโวยวายพลางดิ้น

    “นึกว่าฉันอยากจะอุ้มเธองั้นเรอะ ยัยหัวฟู” เขาพูดอย่างรำคาญ

    “แต่ขืนมัวแต่เดินอยู่แบบนั้น ฉันมีหวังหนาวตาย”

    “ถ้านายกลัวหนาวตายก็เดินเข้าไปก่อนซิ ฉันเดินเองได้” เฮอร์ไมโอนี่เถียง  เขาหยุดมองหน้าเธอ

    “เอางั้นเรอะ แน่ใจนะ ฉันจะได้ โยน เธอทิ้งไว้ตรงนี้” เขาทำท่าจะทำอย่างนั้นจริงๆ เฮอร์ไมโอนี่เผลอยึดเสื้อคลุมเขาแน่นโดยไม่รู้ตัว เขาหัวเราะเบาๆ พลางขยับแขน

    “เกรนเจอร์ ฉันเจ็บแขน เธอช่วยโอบแขนคล้องคอฉันได้มั้ย” เฮอร์ไมโอนี่มองอย่างงงๆ เขารีบพูดต่อ

    “รู้ว่าเธอเกลียด ฉันเองก็ไม่ชอบ แต่ถ้าทำแบบนั้นมันจะช่วยพยุงตัวของเธอไม่ให้หนัก ฉันจะได้อุ้มเธอไหว” เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า พลางยืดตัวขึ้นเล็กน้อย ยกแขนสองข้างโอบรอบคอของมัลฟอย เขาออกเดินต่อ

    “ตัวเล็กกว่าที่คิดแฮะ” เขาพูดเบาๆ

    “อะไรนะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างระแวง

    “เปล่า” หน้าของเขาเริ่มเป็นสีชมพูน้อยๆ ซึ่งก็ไม่ต่างจากเฮอร์ไมโอนี่ในตอนนี้

    “เกรนเจอร์ เธอช่วยหายใจเบาๆ หน่อยได้ไหม หรือไม่ก็หันไปหายใจทางอื่น มันโดนคอฉัน” เฮอร์ไมโอนี่แทบกลั้นหายใจตอบ

    “ขอโทษ ลมหายใจฉันมันคงทำให้คอเธอสกปรกล่ะซิ”

    มัลฟอยบ่นอุบอิบเบาๆ

    “ใครบอกล่ะ..”

    โชคดีที่ตลอดทางเดินที่ทั้งสองผ่านไปไม่มีใครอยู่เลย อาจเป็นเพราะเป็นเวลาค่ำ และอากาศก็เย็นมาก ส่วนมากจึงจะอยู่ในหอนอนกัน

    “โชคดีจริงๆ ที่ไม่มีใครเดิน” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบาๆ พลางมองไปรอบๆ

    “ทำไม เธออายเรอะที่ถูกฉันอุ้มแบบนี้” มัลฟอยถามเสียงสูง

    “ที่อายน่ะ นายมากกว่า” เฮอร์ไมโอนี่ย้อน “ต้องมาอุ้มเลือดสีโคลนแบบนี้น่ะ” เธอประชด มัลฟอยพ่นลมหายใจพรืด

    “เดี๋ยวฉันค่อยขอยาฆ่าเชื้อที่ห้องพยาบาลล้างมือก็ได้” เขาพูดอย่างกระแทกแดกดัน

    “เธอน่าจะขอบใจฉันมากกว่านะ ยัยหัวฟู ที่ฉันกรุณาอุ้มเธอนี่น่ะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงประชด ทำนองว่า คนอื่นไม่มีทางมีโอกาสดีแบบนี้

    “เป็นพระคุณน่าดูเลย คงต้องตอบแทนเธอสิ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบกลับ มัลฟอยจ้องหน้าเธอ แต่ในระยะใกล้ขนาดนี้ มันทำให้เฮอร์ไมโอนี่ใจเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้

    “เธอต้องตอบแทนฉันแน่” มัลฟอยพูดพลางจ้องตาเธอแล้วยิ้มอย่างเจ่าเล่ห์ เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงจัด ก้มหน้าหลบสายตาของเขา ทำไมต้องไปใจเต้นกับคนแบบนี้ด้วยล่ะ เธอคิด ที่เราเจ็บก็เพราะเขานี่นา เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก มัลฟอยอุ้มเธอเดินมาจนถึงห้องพยาบาล เขาร้องเรียกมาดามพอมฟรีย์ พลางอุ้มเฮอร์ไมโอนี่มาวางนอนบนเตียง

    “เธอสองคนอีกแล้ว คราวนี้เป็นอะไรอีกล่ะ” มาดามพอมฟรีย์กระวีกระวาดเข้ามาดู

    “ข้อเท้าแพลงครับ สะดุดรากไม้” มัลฟอยตอบแทน เดินเลี่ยงหลบมาดามพอมฟรีย์ไปอีกด้านของเตียง เธอรีบถอดรองเท้าถุงเท้าเฮอร์ไมโอนี่ออก จับเบาๆ

    “กล้ามเนื้อฉีก เส้นเอ็นอักเสบนิดหน่อย ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หาย” เธอพูด มัลฟอยมองดูข้อเท้าของเฮอร์ไมโอนี่ที่บวมเป่งเป็นสีม่วงเขียว เขามีสีหน้ากังวลเล็กน้อย

    “เธอ..จะเดินได้ไหมครับ” เขาถามเบาๆ มาดามพอมฟรีย์ยิ้ม

    “ได้แน่นอนจ้ะ พรุ่งนี้ก็วิ่งได้แล้ว” เธอพูดอย่างขบขัน พลางเดินไปเตรียมยาให้เฮอร์ไมโอนี่ เด็กสาวมองหน้ามัลฟอยอย่างงงๆ

    “ไม่ยักรู้ว่านายห่วงฉัน”

    “ใครบอกล่ะ” เขาตอบทันควัน

    “ฉันขี้เกียจมาอุ้มเธออีกต่างหาก” เฮอร์ไมโอนี่นึกฉุนกึกในคำตอบของเขา

    “แล้วนายไม่ไปขอยาฆ่าเชื้อล้างมือหน่อยรึไง” เธอประชด มัลฟอยเลิกคิ้ว

    “นั่นสิ ขอบใจนะที่เตือนฉัน เกรนเจอร์” เขาขยับตัวจะเดิน

    “ถ้าให้ดีนะ ต้มน้ำร้อน แล้วลวกทั้งตัวเลยดีกว่า” เฮอร์ไมโอนี่พูดต่อ เขาชะงัก หันกลับมามองเธอ

    “ฉันอุตส่าห์อุ้มเธอมาส่ง จะไม่พูดดีๆ กันเลยรึไง เกรนเจอร์” เขาพูดเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าเบ้

    “แล้วที่ฉันเจ็บนี่เพราะใครล่ะ” เธอย้อนพลางเบือนหน้าหลบไปอีกทาง มัลฟอยอ้าปากจะโต้ แต่ก็เปลี่ยนใจ เขาหมุนตัวจะเดินออกจากห้องพยาบาล

    “เดี๋ยว มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเรียกเบาๆ เขาชะงักอีกครั้ง หันมามองอย่างขัดใจ

    “ขอบคุณนะ” เธอพูดอุบอิบเบาๆ หน้าแดง เขามองดูเธอพลางเม้มปาก

    “ไม่เป็นไร” เขาตอบเบาๆ พลางก้าวเท้าเดินออกไป

    มาดามพอมฟรีย์เดินถือถาดยาเข้ามา เธอมองไปรอบๆ

    “มิสเตอร์มัลฟอยไปไหน” เธอพูดพลางหันมามองเฮอร์ไมโอนี่เป็นเชิงถาม

    “เขากลับไปแล้วค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบเบาๆ

    “อะไรกัน ฉันต้องตรวจดูแผลนั่นก่อนว่ามันเป็นอะไรรึเปล่า ไปฝืนอุ้มเธอมาแบบนั้น” เธอพูดอย่างไม่พอใจ พลางลงมือทายาและพันขาให้เฮอร์ไมโอนี่

    “เอ้อ..” เฮอร์ไมโอนี่อึกอัก

    “แผลของเขา..หนักมากหรือคะ”

    “แน่นอน ลึกเกือบถึงกระดูกเลย” มาดามพอมฟรีย์ส่งเสียงจึกจักอย่างไม่สบอารมณ์

    “เมื่อวานตอนฉันตรวจ แผลมันยังปิดไม่สนิทดีเลยด้วยซ้ำ ทำไมชอบทำอะไรที่มันฝืนกันนักนะ มิสเตอร์พอตเตอร์ก็ด้วย บอกให้นอนพักก่อนก็ไม่ยอม ดึงดันจะออกจากห้องพยาบาลให้ได้ ถ้าเป็นอะไรกลับมาฉันไม่รู้ด้วยแล้ว” เธอบ่นพลางส่งถ้วยยาให้เฮอร์ไมโอนี่ดื่ม

    “ดื่มเสีย แล้วนอน มันอาจจะปวดมากคืนนี้ แต่พรุ่งนี้ก็จะหายดีเลยล่ะ” เธอมองดูเฮอร์ไมโอนี่ดื่มยาจนหมดถ้วย แล้วเก็บถาดยา

    “ถ้าปวดมากก็เรียกฉันได้นะ ฉันอยู่ในห้องทำงาน”

    เธอพูดพลางยืนรอดูจนเฮอร์ไมโอนี่ล้มตัวลงนอนเรียบร้อย จึงดับไฟเดินออกจากห้องพยาบาล ทิ้งให้เฮอร์ไมโอนี่นอนลืมตาโพลงในความมืด เธอคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่อย่างไม่เข้าใจ มัลฟอยดูแปลกๆ เธอขมวดคิ้ว ขาของเธอปวดตุบๆ ขึ้นมาแล้วตอนนี้ เขาจะมาไม้ไหนอีกนะคราวนี้ เธอคิด แล้วแผลที่แขนเขาล่ะ เห็นมาดามพอมฟรีย์บอกว่าแขนเขายังไม่หายดี แล้วยังมาทำเก่งอุ้มเธออีก คิดถึงตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงขึ้นมาอีกแล้ว ข้อเท้าเธอเริ่มร้อนผ่าว และปวดมากขึ้น ยาคงเริ่มออกฤทธิ์แล้ว เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตาเริ่มหนักอึ้ง เธอพยายามปัดความคิดที่อยู่ในหัวตอนนี้ออกไป แต่มันก็ยังวนเวียนอยู่ จนเธอผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×