ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Search your Heart
เพื่อความต่อเนื่อง
ผู้แต่งตัดสินใจนำมาลงให้จบในครั้งเดียวเลย
*****3*****
เฮอร์ไมโอนี่ยืนรอศาสตราจารย์สเปราต์อย่างกระวนกระวายใจ เธอเหลือบมองมัลฟอยที่ยืนกอดอกพิงผนังกระจกเฉยอยู่ นานๆ เขาจะเหลือบตามองเธอสักครั้งเหมือนจะรำคาญท่าทีที่ดูลุกลนของเธอ
“รอนานไหมจ๊ะเด็กๆ” เสียงศาสตราจารย์สเปราต์ดังขึ้น ดูเธอรีบร้อน
“พอดีมีประชุมอาจารย์ด่วนวันนี้” เธอพูดพลางเปิดประตูเรือนกระจก 
“เดี๋ยวฉันก็ต้องกลับขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นเธอสองคนต้องทำงานกันตามลำพัง ฉันเลยคิดว่าน่าจะให้ดูแลต้นไม้ง่ายๆ นี่ดีกว่า” เธอชี้มือไปที่ต้นไม้เล็กๆ
“เป็นพวกหญ้าปล้องม้าธรรมดา แค่พวกเธอตรวจหาต้นที่เน่าเสีย ปรับดิน แล้วรดน้ำก็พอคิดว่าแค่ราวๆ สองชั่วโมงคงจะเสร็จ ถ้าฉันยังไม่มาเธอสองคนก็กลับกันไปก่อนได้เลย”
ศาสตราจารย์สเปราต์จัดแจงเปิดตู้อุปกรณ์ จัดเตรียมอุปกรณ์ที่ต้องใช้ไว้ให้ แล้วรีบเดินออกจากเรือนกระจก เธอหันกลับมาอีกครั้ง
“ถ้างานเสร็จก่อนก็กลับกันได้เลยนะ อ้อ ห้ามใช้เวทมนตร์ช่วย แล้วก็ห้ามไปทางเรือนกระจกข้างๆ นี่ล่ะ มันปิดไม่ได้ใช้งานอะไร ฉันเกรงว่าจะมีต้นไม้แปลกๆ มาขึ้น เดี๋ยวพวกเธอจะเป็นอันตราย” เธอกำชับก่อนจะรีบเร่งเดินกลับเข้าปราสาทไป มัลฟอยมองอุปกรณ์พลางทำท่าจะหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมา
“นั่นนายจะทำอะไร” เสียงดุๆ ของเฮร์ไมโอนี่ทำให้เขาชะงัก
“คงไม่คิดจะใช้เวทมนตร์ช่วยหรอกนะ” เธอย้ำ มัลฟอยมองอย่างไม่พอใจ
“เธอคิดว่าฉันจะต้องมานั่งพรวนดินต้นไม้แบบพวกคนรับใช้งั้นเรอะ” เขาย้อน
“รีบๆ ทำงานดีกว่า วิธีไหนมันก็เหมือนกัน อาจารย์คงไม่รู้หรอก”  พลางทำท่าจะหยิบไม้กายสิทธิ์อีก
“นายคิดว่าอาจารย์ไม่รู้งั้นเรอะ”
เฮอร์ไมโอนี่หน้างอ ยกนิ้วชี้ไปทางอีกมุมของห้อง มีต้นไม้หน้าตาประหลาดขึ้นอยู่ตรงมุมห้อง รูปร่างของมันสูงชะลูด มีใบตรงปลายยอดห้าใบ ตรงกลางเป็นดอกไม้รูปร่างคล้ายหัวนกแก้วมาร์คอว์ มันส่ายไปมาเหมือนคอยมองดูเด็กทั้งสอง มัลฟอยมองอย่างไม่เชื่อสายตา
“นี่เธอคิดว่าเจ้าต้นไม้ประหลาดนั่นมันฟ้องได้อย่างนั้นหรือ”
เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบแต่กลับมองเขาด้วยสายตาดุๆ เป็นทำนอง ก็ใช่น่ะสิ พลางเริ่มหยิบอุปกรณ์ตัดแต่งต้นไม้แล้วเริ่มลงมือทำงาน มัลฟอยทำท่าทางฮึดฮัดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบเครื่องมือพรวนดินเล็กๆ มาลงมือทำงานอย่างไม่พอใจ
“ถ้าพ่อฉันรู้ คงไม่ชอบใจแน่ๆ” เขาบ่นพึมพำ เฮอร์ไมโอนี่มองเขาแล้วส่ายหน้า เด็กทั้งสองต่างคนต่างทำงานโดยไม่พูดอะไรกันนอกจากเสียงบ่นของมัลฟอยที่นานๆ จะพูดขึ้นสักครั้ง เวลาผ่านไปราวๆ สองชั่วโมงทั้งคู่จึงทำงานเสร็จ “ในนี้มีน้ำไหมนี่” มัลฟอยถามขึ้นลอยๆ พลางมองไปรอบๆ ตัว เฮอร์ไมโอนี่ปิดตู้อุปกรณ์ก่อนตอบ
“อยู่ข้างประตูนั่นยังไง” เขารีบเดินไปเปิดน้ำล้างมือที่เปื้อนดินอย่างรวดเร็ว เฮอร์ไมโอนี่มองดูเขาอย่างเอือมระอาปนขบขัน
“ส่งมาให้ฉันบ้างซิมัลฟอย” แต่เขายังคงล้างทำความสะอาดตัวเองเฉยอยู่จนเฮอร์ไมโอนี่โมโห
“นี่นายจะล้างอีกนานไหม” เธอพูดขึ้นอย่างเหลืออด มัลฟอยชะงัก
“ก็จนกว่าจะหมดคราบโคลน” เขาก้มหน้าถูดินในมือต่อ
“ล้างเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักหมด พวกโคลน น่ารังเกียจ”  เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาอย่างนึกไม่ถึงว่าจะพูดประโยคนี้ออกมา เธอแย่งสายยางรดน้ำมาจากมือเขาแล้วฉีดใส่ทั่วตัวจนเปียกโชก
“นี่เธอจะทำบ้าอะไรยายหัวฟู” มัลฟอยร้องอย่างโกรธๆ
“ก็ช่วยนายล้างโคลนไง” เด็กสาวประชดใบหน้าแดงด้วยความโกรธ
“สะอาดพอรึยังล่ะ”  เธอประชดพลางดูมัลฟอยที่เปียกโชกตั้งแต่หัวจรดเท้า เขามองเธอด้วยความโกรธ
“ยัง!” เขาพูดห้วนๆ พลางแย่งสายยางรดน้ำคืนจากเฮอร์ไมโอนี่แล้วใช้มืออีกข้างจับคอเสื้อเธอไว้
“ยังมีโคลนเหลืออยู่อีก” เขาพูดพลางเริ่มฉีดน้ำใส่เฮอร์ไมโอนี่ “อย่าดิ้นสิ” เขาพูดเยาะๆ
“ล้างออกยากซะด้วย สงสัยจะซึมเข้าไปในเลือดแล้วแน่ๆ”
เฮอร์ไมโอนี่สะบัดตัวอย่างแรงจนหลุดจากมือของเขา เธอถอยหลังออกมายืนจ้องหน้ามัลฟอยด้วยความโกรธจัด ผมที่ฟูฟ่องเปียกน้ำชุ่มจนแนบกับศีรษะของเธอ
“จะหนีไปไหน ยังมีโคลนติดอยู่เต็มตัวเธอเลยนะ เกรนเจอร์” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงเยาะหยันที่เธอแสนเกลียด เธอหยิบไม้กายสิทธิ์ชี้ตรงไปที่เขาทันที
“ริกตัสเซมปรา”
มัลฟอยสะดุ้งตัวงอ สายยางรดน้ำหลุดจากมือ เขาเริ่มหอบหายใจเพราะพยายามกลั้นหัวเราะ
“ในเมื่อนายชอบหัวเราะเยาะคนอื่น ก็เชิญหัวเราะให้พอใจเลย มัลฟอย !” เฮอร์ไมโอนี่สะบัดหน้าเปิดประตูเรือนกระจกทำท่าจะก้าวออกไป
“เดี๋ยว” มัลฟอยเรียกอย่างเหนื่อยหอบ
“เธอจะทิ้งฉันไว้แบบนี้ไม่ได้นะ”  เขาเค้นคำพูดอย่างยากลำบาก เฮอร์ไมโอนี่เม้มปาก
“ไม่”
เธอพูดสั้นๆ ก่อนหมุนตัวกลับเดินออกไป แสงสีเขียวพุ่งตามหลังเธอออกมากระแทกกับประตูเรือนกระจกข้างๆ แตกกระจาย เด็กสาวหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว มัลฟอยชี้ไม้กายสิทธิ์ตรงมาที่เธอ
“นาย!!”
เธอร้องอย่างโกรธเคืองแต่แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ต้องร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อมีเส้นหรือหนวดสีเขียวขนาดใหญ่เลื้อยปราดเข้ามารัดตัวเธอไว้ เธอพยายามดิ้นรนและยกไม้กายสิทธิ์ขึ้น แต่หนวดเส้นนั้นออกแรงรัดและเริ่มลากเธอเข้าไปในเรือนกระจกร้างที่ศาสตราจารย์สเปราต์พูดห้ามไว้ เฮอร์ไมโอนี่ร้องเมื่อไม้กายสิทธิ์ของเธอหลุดจากมือ
“มัลฟอย!!” เธอร้องได้แค่นั้นก่อนจะถูกลากหายเข้าไปในเรือนกระจก มัลฟอยมองดูด้วยความตกใจ
*****4*****
“เกรนเจอร์!!”
เขาร้องเรียกขณะที่พยายามรวบรวมกำลังลุกขึ้นเดินอย่างลำบากตามเข้าไปในเรือนกระจก เมื่อเข้าไปเขากลับพบแต่ความว่างเปล่า
“เกรนเจอร์!”
มัลฟอยตะโกนเรียกเฮอร์ไมโอนี่ เขารู้สึกกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก เขาสอดสายตาหาทุกมุมของเรือนกระจก ขณะที่เก็บไม้กายสิทธิ์ของเฮอร์ไมโอนี่ที่เขาหยิบมาด้วยเข้ากระเป๋าเสื้อคลุมแล้วมาหยุดที่มุมในสุดของเรือนกระจก มีโพรงขนาดใหญ่อยู่ที่นั่น เขายืนอยู่ปากโพรงอย่างลังเล มีเสียงเคลื่อนไหวและเสียงร้องของเฮอร์ไมโอนี่ดังมาแว่วๆ
“เกรนเจอร์..” เขาพูดเบาๆ ก่อนกระโดดลงไปในโพรง
ภายในโพรงมืดและอับชื้น มัลฟอยแตะผนังที่เรียบและลื่นเป็นมันเบาๆ ก่อนชักมือกลับอย่างขยะแขยง
“ลูมอส” ไฟสีฟ้าสว่างปรากฏขึ้นบนปลายไม้กายสิทธิ์ มัลฟอยค่อยๆ ก้าวเดินอย่างระมัดระวัง
“เกรนเจอร์” เขาส่งเสียงเรียกไม่ดังนัก แต่ดูเหมือนเสียงของเขาจะสะท้อนหายเข้าไปในโพรงที่ดำสนิท
เขาเดินไปได้ครู่ใหญ่ก็ได้ยินเสียงบางอย่างเคลื่อนไหวไปมาช้าๆ มัลฟอยค่อยๆ เดินอย่างระวังยิ่งขึ้น ดูเหมือนโพรงที่เดินมานั้นจะมีช่องทางออกขึ้นไปอีกทาง เขาปีนขึ้นไปอย่างลำบากเพราะความเรียบและลื่นของผนัง และเมื่อเขาออกมาพ้นปากโพรงความรู้สึกเย็นสันหลังก็แผ่ลงมาทั่วทั้งตัว
“ป่าต้องห้าม” เขาพึมพำอย่างหวาดๆ ก่อนกระชับไม้กายสิทธิ์ในมือ
เขาดับไฟบนไม้กายสิทธิ์ก่อนที่จะเริ่มออกเดินไปตามเสียง และเมื่อเดินเข้าไปในระยะใกล้ สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทำให้มัลฟอยรู้สึกเหมือนเลือดแข็งไปทั้งตัว ต้นไม้ล้มลุกขนาดมหึมากำลังขยับหนวดของมันไปมา หนวดบางเส้นกำลังลากอะโครแมนทูล่าเข้าไปในฝักสีเหลืองๆ รอบๆ ลำต้นมีซากของสัตว์ต่างๆ หลายชนิดที่อยู่ในป่าต้องห้ามเกลื่อนกลาดอยู่
เสียงแมงมุมยักษ์กรีดร้องขณะที่กำลังถูกฝักของต้นไม้กลืนลงไปทั้งตัว มัลฟอยกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก พลางรีบมองหาเฮอร์ไมโอนี่อย่างร้อนรน เขาพบร่างของเธออยู่สูงขึ้นไปและกำลังดิ้นรนให้พ้นจากหนวดที่พันรัดร่างของเธออยู่
“เกรนเจอร์” มัลฟอยรีบส่งเสียงร้องเรียก เด็กสาวเหลียวมามองอย่างไม่เชื่อสายตา
“มัลฟอย” เธอร้อง
“ช่วยด้วย”
เขาเห็นฝักต้นไม้สีเหลืองอีกฝักที่กำลังขยับมาที่เฮอร์ไมโอนี่ เขารีบเล็งไม้กายสิทธิ์ไปที่มันทันที
“สตูเปฟาย”
แสงสีเขียวพุ่งไปที่ฝักต้นไม้มันหยุดชะงักก่อนสั่นระริกและระเบิดกระจาย เขาขมวดคิ้วพลางลองใช้คาถาจี้เส้นกับหนวดต้นไม้ที่เลื้อยมาทางเขา ปรากฏว่ามันบิดเป็นเกลียวอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งขาดจากลำต้น
“เจ้าต้นไม้นี่ไม่ทนกับคาถานี่” เขาร้องอย่างดีใจ แต่จะทำยังไงถึงจะทำให้เฮอร์ไมโอนี่หลุดจากมันอย่างปลอดภัย
เขาเดินเข้าไปใกล้ต้นไม้อีก มันเริ่มขยับไปมาเหมือนรู้ว่ามีอันตรายเข้ามาใกล้ มัลฟอยเล็งไปที่หนวดเส้นที่รัดเฮอร์ไมโอนี่หลังจากเสกคาถาใส่หนวดหลายเส้นที่ตรงเข้ามาจะทำร้ายเขา
“สตูเปฟาย” หนวดแตกกระจายแต่ร่างของเฮอร์ไมโอนี่เหมือนลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ หนวดที่รัดตัวเธอคลายออกและร่วงลงบนพื้น ขณะที่ร่างของเด็กสาวค่อยๆ ลอยลงมาอย่างช้าๆ มัลฟอยรับตัวเธอไว้อย่างนุ่มนวล
ต้นไม้ยักษ์เคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง มัลฟอยรีบวางเฮอร์ไมโอนี่ลงแล้วส่งไม้กายสิทธิ์ให้เธอ ทั้งสองเสกคาถาระเบิดหนวดทุกเส้นที่ตรงเข้ามา
“แบบนี้เราไม่ไหวแน่” เฮอร์ไมโอนี่ร้องบอกมัลฟอยเธอหันไประเบิดฝักสีเหลืองที่พุ่งตรงเข้ามาหาเธอ
“แล้วมีวิธีอื่นอีกไหมล่ะ” มัลฟอยตะโกนถามก่อนชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่หนวดอีกเส้น
“ฉันจะหมดแรงอยู่แล้วนะเกรนเจอร์” เขาพูดพลางเสกคาถาระเบิดใส่หนวดเส้นนั้น เฮอร์ไมโอนี่คิดสักพัก
“นายใช้คาถาจุดไฟได้ใช่ไหม มัลฟอย”
“ได้..ทำไม”
“เล็งไปที่โคนต้นแล้วจุดไฟพร้อมกันเลยนะ”
มัลฟอยสะบัดไม้กายสิทธิ์ใส่หนวดต้นไม้อีกเส้นก่อนถอยออกมายืนข้างๆ เฮอร์ไมโอนี่ ทั้งคู่ชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่โคนของต้นไม้ซึ่งมันพยายามขยับหนี
“รัคคานัม อินฟรามาเร!!”
เปลวไฟสีส้มพุ่งออกจากปลายไม้เด็กทั้งสองไปที่โคนต้นไม้ยักษ์ มันหดหนวดไปมาอย่างบ้าคลั่งเมื่อถูกไฟเผา ทั้งคู่รีบวิ่งหลบออกมายืนดูห่างๆ กลิ่นเหม็นไหม้น่าสะอิดสะเอียนคลุ้งไปทั่วบริเวณ
“เราไปกันเถอะ” มัลฟอยพูดพลางดึงมือเฮอร์ไมโอนี่
“แต่ถ้าไฟมันลามออกไปล่ะ” เด็กสาวกังวลเขาทำหน้ารำคาญ
“นี่คือป่าต้องห้าม มันมีหนทางดับของมันเองล่ะน่า” เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าก่อนเดินตามเขาย้อนกลับไปตามโพรง
“คงต้องรอให้พวกอาจารย์มาปิดโพรงนี่เอง” มัลฟอยพูดขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่ปีนออกมาอยู่ในเรือนกระจกแล้ว
“เดี๋ยวเราจะโดนหักคะแนนข้อหาทำลายข้าวของเปล่าๆ” เขาเปิดน้ำล้างมือที่เปื้อนดินจนดำไปหมดพลางเหลือบมองเฮอร์ไมโอนี่
“ส่งมือมาซิ เธอเจ็บแบบนั้นคงล้างเองไม่ได้แน่” เด็กสาวยื่นมือให้เขาอย่างลังเลมัลฟอยจับมือเล็กๆ อย่างแผ่วเบา
“แผลเต็มไปหมด” เขาบ่นเบาๆ ก่อนค่อยๆ ล้างเศษดินและยางไม้ออกจากแขนทั้งสองข้างของเฮอร์ไมโอนี่ เธอมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง
“ทำไมถึงตามไปช่วยล่ะ”
มัลฟอยชะงักเล็กน้อย
“ก็ไม่ได้ตั้งใจจะช่วย แค่ตามไปดูเฉยๆ” เขาหันไปปิดน้ำ เฮอร์ไมโอนี่สังเกตุเห็นใบหน้าที่เริ่มมีสีเข้มขึ้นเล็กน้อย
“แต่ฉันไม่ยกโทษให้หรอกนะที่นายใช้คาถาแรงๆ กับฉันน่ะ” เขามองหน้าเธออย่างงงๆ
“ฉันใช้คาถาอะไรกับเธอ”
เฮอร์ไมโอนี่นึกโมโห
“ก็ที่นายเสกใส่ฉันแต่ไปโดนเรือนกระจกไง”
มัลฟอยทำหน้าไม่พอใจ
“นั่นน่ะ ฉันเสกใส่หนวดต้นไม้ที่มันเลื้อยมาที่เธอต่างหาก” เขาพูดอย่างมีอารมณ์
“ฉันพยายามจะบอกเธอแต่คาถาที่เธอเสกใส่ฉันมันทำให้พูดไม่ออก”
เขาจ้องหน้าเธออย่างขุ่นเคือง เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง มัลฟอยมองเธอพลางทำท่าเหมือนจะขยับแขนมาที่เด็กสาวแต่เปลี่ยนใจ เขาหมุนตัวเหมือนจะกลับหอ
“เดี๋ยว” เฮอร์ไมโอนี่เรียกเขาแล้วรีบเดินมาใกล้ๆ
“ขอบใจมาก” เธอพูดด้วยใบหน้าสีชมพู มัลฟอยมองหน้าเธอก่อนตัดสินใจถาม
“ตอนที่เธอเรียก..เอ่อ..ฉันหมายถึงเธอตั้งใจเรียกฉันให้ช่วยจริงๆ หรือในตอนนั้นน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขานิ่ง  “ตอนนั้นฉันตั้งใจเรียกเธอคนเดียวจริงๆ” แล้วเธอก็ก้มหน้า
“ฉันไม่คิดว่าเธอจะไปช่วยฉันด้วยซ้ำ ก็เธอน่ะ....” เฮอร์ไมโอนี่เม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“..รังเกียจฉัน..”
มัลฟอยดึงเด็กสาวเข้ามากอดอย่างแผ่วเบา
“ฉันเองก็คิดว่าเธอเกลียดฉัน” เขากระชับวงแขนแน่นขึ้น
“แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ตั้งใจไปช่วยเธออยู่ดี” เฮอร์ไมโอนี่หลับตาขณะที่มัลฟอยลูบผมเธอเบาๆ
“มัลฟอย..”
“หือ?”
เฮอร์ไมโอนี่นิ่งคิดเล็กน้อย
“เธอจะดีแต่เฉพาะกับฉันเท่านั้นหรือ..”
มัลฟอยดันตัวเธอออกเบาๆ
“ไม่มีวันถ้าเธอหมายถึงเจ้าพอตเตอร์นั่น” เขาพูดเสียงเข้ม
“ฉันยอมเข้าไปช่วยเธอในป่าต้องห้ามนั่นอีกร้อยครั้ง ดีกว่าพูดดีๆ กับพวกมันแค่ครั้งเดียว” เขามองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลกลมโตคู่นั้นก่อนถอนหายใจ
“เธอขออย่างอื่นดีกว่านะ” เขาพูดเสียงอ่อนลง เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้าลง
“เธอลำบากใจมากใช่ไหมที่มาคบกับฉัน” มัลฟอยถามเธอเบาๆ เด็กสาวรีบส่ายหน้า มัลฟอยถอนหายใจหนักๆ
“เธอไม่ต้องกังวลหรอกเกรนเจอร์ ฉันจะไม่ให้ใครรู้ ฉันจะเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง เธอจะได้ไม่ต้องลำบากใจ”
เขามองหน้าเธอนิ่ง เฮอร์ไมโอนี่เม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนหลับตาลง มัลฟอยค่อยๆ ก้มหน้าลงจูบเธออย่างนุ่มนวล
“เกรนเจอร์” เขากระซิบเบาๆ เหนือริมฝีปาก เด็กสาวลืมตาขึ้นมอง
“เก็บรักษามันให้ดีๆ นะ”
พูดจบเขายืดตัวขึ้นหันหลังเดินออกไป เฮอร์ไมโอนี่มองตามอย่างงงๆ ก่อนฉุกคิดได้ เธอรีบยกมือขึ้นจับที่ผมของเธอแล้วยิ้มบางๆ
“ฉันจะเก็บรักษามันให้ดีที่สุด มัลฟอย”
เด็กสาวปิดประตูเรือนกระจก ก่อนรีบเดินกลับเข้าด้านในปราสาทด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข
The End
See you again at the new story . “Everything I do, I do it for you ”
.................................................................................................................................
ผู้แต่งตัดสินใจนำมาลงให้จบในครั้งเดียวเลย
*****3*****
เฮอร์ไมโอนี่ยืนรอศาสตราจารย์สเปราต์อย่างกระวนกระวายใจ เธอเหลือบมองมัลฟอยที่ยืนกอดอกพิงผนังกระจกเฉยอยู่ นานๆ เขาจะเหลือบตามองเธอสักครั้งเหมือนจะรำคาญท่าทีที่ดูลุกลนของเธอ
“รอนานไหมจ๊ะเด็กๆ” เสียงศาสตราจารย์สเปราต์ดังขึ้น ดูเธอรีบร้อน
“พอดีมีประชุมอาจารย์ด่วนวันนี้” เธอพูดพลางเปิดประตูเรือนกระจก 
“เดี๋ยวฉันก็ต้องกลับขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นเธอสองคนต้องทำงานกันตามลำพัง ฉันเลยคิดว่าน่าจะให้ดูแลต้นไม้ง่ายๆ นี่ดีกว่า” เธอชี้มือไปที่ต้นไม้เล็กๆ
“เป็นพวกหญ้าปล้องม้าธรรมดา แค่พวกเธอตรวจหาต้นที่เน่าเสีย ปรับดิน แล้วรดน้ำก็พอคิดว่าแค่ราวๆ สองชั่วโมงคงจะเสร็จ ถ้าฉันยังไม่มาเธอสองคนก็กลับกันไปก่อนได้เลย”
ศาสตราจารย์สเปราต์จัดแจงเปิดตู้อุปกรณ์ จัดเตรียมอุปกรณ์ที่ต้องใช้ไว้ให้ แล้วรีบเดินออกจากเรือนกระจก เธอหันกลับมาอีกครั้ง
“ถ้างานเสร็จก่อนก็กลับกันได้เลยนะ อ้อ ห้ามใช้เวทมนตร์ช่วย แล้วก็ห้ามไปทางเรือนกระจกข้างๆ นี่ล่ะ มันปิดไม่ได้ใช้งานอะไร ฉันเกรงว่าจะมีต้นไม้แปลกๆ มาขึ้น เดี๋ยวพวกเธอจะเป็นอันตราย” เธอกำชับก่อนจะรีบเร่งเดินกลับเข้าปราสาทไป มัลฟอยมองอุปกรณ์พลางทำท่าจะหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมา
“นั่นนายจะทำอะไร” เสียงดุๆ ของเฮร์ไมโอนี่ทำให้เขาชะงัก
“คงไม่คิดจะใช้เวทมนตร์ช่วยหรอกนะ” เธอย้ำ มัลฟอยมองอย่างไม่พอใจ
“เธอคิดว่าฉันจะต้องมานั่งพรวนดินต้นไม้แบบพวกคนรับใช้งั้นเรอะ” เขาย้อน
“รีบๆ ทำงานดีกว่า วิธีไหนมันก็เหมือนกัน อาจารย์คงไม่รู้หรอก”  พลางทำท่าจะหยิบไม้กายสิทธิ์อีก
“นายคิดว่าอาจารย์ไม่รู้งั้นเรอะ”
เฮอร์ไมโอนี่หน้างอ ยกนิ้วชี้ไปทางอีกมุมของห้อง มีต้นไม้หน้าตาประหลาดขึ้นอยู่ตรงมุมห้อง รูปร่างของมันสูงชะลูด มีใบตรงปลายยอดห้าใบ ตรงกลางเป็นดอกไม้รูปร่างคล้ายหัวนกแก้วมาร์คอว์ มันส่ายไปมาเหมือนคอยมองดูเด็กทั้งสอง มัลฟอยมองอย่างไม่เชื่อสายตา
“นี่เธอคิดว่าเจ้าต้นไม้ประหลาดนั่นมันฟ้องได้อย่างนั้นหรือ”
เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบแต่กลับมองเขาด้วยสายตาดุๆ เป็นทำนอง ก็ใช่น่ะสิ พลางเริ่มหยิบอุปกรณ์ตัดแต่งต้นไม้แล้วเริ่มลงมือทำงาน มัลฟอยทำท่าทางฮึดฮัดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบเครื่องมือพรวนดินเล็กๆ มาลงมือทำงานอย่างไม่พอใจ
“ถ้าพ่อฉันรู้ คงไม่ชอบใจแน่ๆ” เขาบ่นพึมพำ เฮอร์ไมโอนี่มองเขาแล้วส่ายหน้า เด็กทั้งสองต่างคนต่างทำงานโดยไม่พูดอะไรกันนอกจากเสียงบ่นของมัลฟอยที่นานๆ จะพูดขึ้นสักครั้ง เวลาผ่านไปราวๆ สองชั่วโมงทั้งคู่จึงทำงานเสร็จ “ในนี้มีน้ำไหมนี่” มัลฟอยถามขึ้นลอยๆ พลางมองไปรอบๆ ตัว เฮอร์ไมโอนี่ปิดตู้อุปกรณ์ก่อนตอบ
“อยู่ข้างประตูนั่นยังไง” เขารีบเดินไปเปิดน้ำล้างมือที่เปื้อนดินอย่างรวดเร็ว เฮอร์ไมโอนี่มองดูเขาอย่างเอือมระอาปนขบขัน
“ส่งมาให้ฉันบ้างซิมัลฟอย” แต่เขายังคงล้างทำความสะอาดตัวเองเฉยอยู่จนเฮอร์ไมโอนี่โมโห
“นี่นายจะล้างอีกนานไหม” เธอพูดขึ้นอย่างเหลืออด มัลฟอยชะงัก
“ก็จนกว่าจะหมดคราบโคลน” เขาก้มหน้าถูดินในมือต่อ
“ล้างเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักหมด พวกโคลน น่ารังเกียจ”  เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาอย่างนึกไม่ถึงว่าจะพูดประโยคนี้ออกมา เธอแย่งสายยางรดน้ำมาจากมือเขาแล้วฉีดใส่ทั่วตัวจนเปียกโชก
“นี่เธอจะทำบ้าอะไรยายหัวฟู” มัลฟอยร้องอย่างโกรธๆ
“ก็ช่วยนายล้างโคลนไง” เด็กสาวประชดใบหน้าแดงด้วยความโกรธ
“สะอาดพอรึยังล่ะ”  เธอประชดพลางดูมัลฟอยที่เปียกโชกตั้งแต่หัวจรดเท้า เขามองเธอด้วยความโกรธ
“ยัง!” เขาพูดห้วนๆ พลางแย่งสายยางรดน้ำคืนจากเฮอร์ไมโอนี่แล้วใช้มืออีกข้างจับคอเสื้อเธอไว้
“ยังมีโคลนเหลืออยู่อีก” เขาพูดพลางเริ่มฉีดน้ำใส่เฮอร์ไมโอนี่ “อย่าดิ้นสิ” เขาพูดเยาะๆ
“ล้างออกยากซะด้วย สงสัยจะซึมเข้าไปในเลือดแล้วแน่ๆ”
เฮอร์ไมโอนี่สะบัดตัวอย่างแรงจนหลุดจากมือของเขา เธอถอยหลังออกมายืนจ้องหน้ามัลฟอยด้วยความโกรธจัด ผมที่ฟูฟ่องเปียกน้ำชุ่มจนแนบกับศีรษะของเธอ
“จะหนีไปไหน ยังมีโคลนติดอยู่เต็มตัวเธอเลยนะ เกรนเจอร์” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงเยาะหยันที่เธอแสนเกลียด เธอหยิบไม้กายสิทธิ์ชี้ตรงไปที่เขาทันที
“ริกตัสเซมปรา”
มัลฟอยสะดุ้งตัวงอ สายยางรดน้ำหลุดจากมือ เขาเริ่มหอบหายใจเพราะพยายามกลั้นหัวเราะ
“ในเมื่อนายชอบหัวเราะเยาะคนอื่น ก็เชิญหัวเราะให้พอใจเลย มัลฟอย !” เฮอร์ไมโอนี่สะบัดหน้าเปิดประตูเรือนกระจกทำท่าจะก้าวออกไป
“เดี๋ยว” มัลฟอยเรียกอย่างเหนื่อยหอบ
“เธอจะทิ้งฉันไว้แบบนี้ไม่ได้นะ”  เขาเค้นคำพูดอย่างยากลำบาก เฮอร์ไมโอนี่เม้มปาก
“ไม่”
เธอพูดสั้นๆ ก่อนหมุนตัวกลับเดินออกไป แสงสีเขียวพุ่งตามหลังเธอออกมากระแทกกับประตูเรือนกระจกข้างๆ แตกกระจาย เด็กสาวหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว มัลฟอยชี้ไม้กายสิทธิ์ตรงมาที่เธอ
“นาย!!”
เธอร้องอย่างโกรธเคืองแต่แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ต้องร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อมีเส้นหรือหนวดสีเขียวขนาดใหญ่เลื้อยปราดเข้ามารัดตัวเธอไว้ เธอพยายามดิ้นรนและยกไม้กายสิทธิ์ขึ้น แต่หนวดเส้นนั้นออกแรงรัดและเริ่มลากเธอเข้าไปในเรือนกระจกร้างที่ศาสตราจารย์สเปราต์พูดห้ามไว้ เฮอร์ไมโอนี่ร้องเมื่อไม้กายสิทธิ์ของเธอหลุดจากมือ
“มัลฟอย!!” เธอร้องได้แค่นั้นก่อนจะถูกลากหายเข้าไปในเรือนกระจก มัลฟอยมองดูด้วยความตกใจ
*****4*****
“เกรนเจอร์!!”
เขาร้องเรียกขณะที่พยายามรวบรวมกำลังลุกขึ้นเดินอย่างลำบากตามเข้าไปในเรือนกระจก เมื่อเข้าไปเขากลับพบแต่ความว่างเปล่า
“เกรนเจอร์!”
มัลฟอยตะโกนเรียกเฮอร์ไมโอนี่ เขารู้สึกกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก เขาสอดสายตาหาทุกมุมของเรือนกระจก ขณะที่เก็บไม้กายสิทธิ์ของเฮอร์ไมโอนี่ที่เขาหยิบมาด้วยเข้ากระเป๋าเสื้อคลุมแล้วมาหยุดที่มุมในสุดของเรือนกระจก มีโพรงขนาดใหญ่อยู่ที่นั่น เขายืนอยู่ปากโพรงอย่างลังเล มีเสียงเคลื่อนไหวและเสียงร้องของเฮอร์ไมโอนี่ดังมาแว่วๆ
“เกรนเจอร์..” เขาพูดเบาๆ ก่อนกระโดดลงไปในโพรง
ภายในโพรงมืดและอับชื้น มัลฟอยแตะผนังที่เรียบและลื่นเป็นมันเบาๆ ก่อนชักมือกลับอย่างขยะแขยง
“ลูมอส” ไฟสีฟ้าสว่างปรากฏขึ้นบนปลายไม้กายสิทธิ์ มัลฟอยค่อยๆ ก้าวเดินอย่างระมัดระวัง
“เกรนเจอร์” เขาส่งเสียงเรียกไม่ดังนัก แต่ดูเหมือนเสียงของเขาจะสะท้อนหายเข้าไปในโพรงที่ดำสนิท
เขาเดินไปได้ครู่ใหญ่ก็ได้ยินเสียงบางอย่างเคลื่อนไหวไปมาช้าๆ มัลฟอยค่อยๆ เดินอย่างระวังยิ่งขึ้น ดูเหมือนโพรงที่เดินมานั้นจะมีช่องทางออกขึ้นไปอีกทาง เขาปีนขึ้นไปอย่างลำบากเพราะความเรียบและลื่นของผนัง และเมื่อเขาออกมาพ้นปากโพรงความรู้สึกเย็นสันหลังก็แผ่ลงมาทั่วทั้งตัว
“ป่าต้องห้าม” เขาพึมพำอย่างหวาดๆ ก่อนกระชับไม้กายสิทธิ์ในมือ
เขาดับไฟบนไม้กายสิทธิ์ก่อนที่จะเริ่มออกเดินไปตามเสียง และเมื่อเดินเข้าไปในระยะใกล้ สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทำให้มัลฟอยรู้สึกเหมือนเลือดแข็งไปทั้งตัว ต้นไม้ล้มลุกขนาดมหึมากำลังขยับหนวดของมันไปมา หนวดบางเส้นกำลังลากอะโครแมนทูล่าเข้าไปในฝักสีเหลืองๆ รอบๆ ลำต้นมีซากของสัตว์ต่างๆ หลายชนิดที่อยู่ในป่าต้องห้ามเกลื่อนกลาดอยู่
เสียงแมงมุมยักษ์กรีดร้องขณะที่กำลังถูกฝักของต้นไม้กลืนลงไปทั้งตัว มัลฟอยกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก พลางรีบมองหาเฮอร์ไมโอนี่อย่างร้อนรน เขาพบร่างของเธออยู่สูงขึ้นไปและกำลังดิ้นรนให้พ้นจากหนวดที่พันรัดร่างของเธออยู่
“เกรนเจอร์” มัลฟอยรีบส่งเสียงร้องเรียก เด็กสาวเหลียวมามองอย่างไม่เชื่อสายตา
“มัลฟอย” เธอร้อง
“ช่วยด้วย”
เขาเห็นฝักต้นไม้สีเหลืองอีกฝักที่กำลังขยับมาที่เฮอร์ไมโอนี่ เขารีบเล็งไม้กายสิทธิ์ไปที่มันทันที
“สตูเปฟาย”
แสงสีเขียวพุ่งไปที่ฝักต้นไม้มันหยุดชะงักก่อนสั่นระริกและระเบิดกระจาย เขาขมวดคิ้วพลางลองใช้คาถาจี้เส้นกับหนวดต้นไม้ที่เลื้อยมาทางเขา ปรากฏว่ามันบิดเป็นเกลียวอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งขาดจากลำต้น
“เจ้าต้นไม้นี่ไม่ทนกับคาถานี่” เขาร้องอย่างดีใจ แต่จะทำยังไงถึงจะทำให้เฮอร์ไมโอนี่หลุดจากมันอย่างปลอดภัย
เขาเดินเข้าไปใกล้ต้นไม้อีก มันเริ่มขยับไปมาเหมือนรู้ว่ามีอันตรายเข้ามาใกล้ มัลฟอยเล็งไปที่หนวดเส้นที่รัดเฮอร์ไมโอนี่หลังจากเสกคาถาใส่หนวดหลายเส้นที่ตรงเข้ามาจะทำร้ายเขา
“สตูเปฟาย” หนวดแตกกระจายแต่ร่างของเฮอร์ไมโอนี่เหมือนลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ หนวดที่รัดตัวเธอคลายออกและร่วงลงบนพื้น ขณะที่ร่างของเด็กสาวค่อยๆ ลอยลงมาอย่างช้าๆ มัลฟอยรับตัวเธอไว้อย่างนุ่มนวล
ต้นไม้ยักษ์เคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง มัลฟอยรีบวางเฮอร์ไมโอนี่ลงแล้วส่งไม้กายสิทธิ์ให้เธอ ทั้งสองเสกคาถาระเบิดหนวดทุกเส้นที่ตรงเข้ามา
“แบบนี้เราไม่ไหวแน่” เฮอร์ไมโอนี่ร้องบอกมัลฟอยเธอหันไประเบิดฝักสีเหลืองที่พุ่งตรงเข้ามาหาเธอ
“แล้วมีวิธีอื่นอีกไหมล่ะ” มัลฟอยตะโกนถามก่อนชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่หนวดอีกเส้น
“ฉันจะหมดแรงอยู่แล้วนะเกรนเจอร์” เขาพูดพลางเสกคาถาระเบิดใส่หนวดเส้นนั้น เฮอร์ไมโอนี่คิดสักพัก
“นายใช้คาถาจุดไฟได้ใช่ไหม มัลฟอย”
“ได้..ทำไม”
“เล็งไปที่โคนต้นแล้วจุดไฟพร้อมกันเลยนะ”
มัลฟอยสะบัดไม้กายสิทธิ์ใส่หนวดต้นไม้อีกเส้นก่อนถอยออกมายืนข้างๆ เฮอร์ไมโอนี่ ทั้งคู่ชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่โคนของต้นไม้ซึ่งมันพยายามขยับหนี
“รัคคานัม อินฟรามาเร!!”
เปลวไฟสีส้มพุ่งออกจากปลายไม้เด็กทั้งสองไปที่โคนต้นไม้ยักษ์ มันหดหนวดไปมาอย่างบ้าคลั่งเมื่อถูกไฟเผา ทั้งคู่รีบวิ่งหลบออกมายืนดูห่างๆ กลิ่นเหม็นไหม้น่าสะอิดสะเอียนคลุ้งไปทั่วบริเวณ
“เราไปกันเถอะ” มัลฟอยพูดพลางดึงมือเฮอร์ไมโอนี่
“แต่ถ้าไฟมันลามออกไปล่ะ” เด็กสาวกังวลเขาทำหน้ารำคาญ
“นี่คือป่าต้องห้าม มันมีหนทางดับของมันเองล่ะน่า” เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าก่อนเดินตามเขาย้อนกลับไปตามโพรง
“คงต้องรอให้พวกอาจารย์มาปิดโพรงนี่เอง” มัลฟอยพูดขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่ปีนออกมาอยู่ในเรือนกระจกแล้ว
“เดี๋ยวเราจะโดนหักคะแนนข้อหาทำลายข้าวของเปล่าๆ” เขาเปิดน้ำล้างมือที่เปื้อนดินจนดำไปหมดพลางเหลือบมองเฮอร์ไมโอนี่
“ส่งมือมาซิ เธอเจ็บแบบนั้นคงล้างเองไม่ได้แน่” เด็กสาวยื่นมือให้เขาอย่างลังเลมัลฟอยจับมือเล็กๆ อย่างแผ่วเบา
“แผลเต็มไปหมด” เขาบ่นเบาๆ ก่อนค่อยๆ ล้างเศษดินและยางไม้ออกจากแขนทั้งสองข้างของเฮอร์ไมโอนี่ เธอมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง
“ทำไมถึงตามไปช่วยล่ะ”
มัลฟอยชะงักเล็กน้อย
“ก็ไม่ได้ตั้งใจจะช่วย แค่ตามไปดูเฉยๆ” เขาหันไปปิดน้ำ เฮอร์ไมโอนี่สังเกตุเห็นใบหน้าที่เริ่มมีสีเข้มขึ้นเล็กน้อย
“แต่ฉันไม่ยกโทษให้หรอกนะที่นายใช้คาถาแรงๆ กับฉันน่ะ” เขามองหน้าเธออย่างงงๆ
“ฉันใช้คาถาอะไรกับเธอ”
เฮอร์ไมโอนี่นึกโมโห
“ก็ที่นายเสกใส่ฉันแต่ไปโดนเรือนกระจกไง”
มัลฟอยทำหน้าไม่พอใจ
“นั่นน่ะ ฉันเสกใส่หนวดต้นไม้ที่มันเลื้อยมาที่เธอต่างหาก” เขาพูดอย่างมีอารมณ์
“ฉันพยายามจะบอกเธอแต่คาถาที่เธอเสกใส่ฉันมันทำให้พูดไม่ออก”
เขาจ้องหน้าเธออย่างขุ่นเคือง เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง มัลฟอยมองเธอพลางทำท่าเหมือนจะขยับแขนมาที่เด็กสาวแต่เปลี่ยนใจ เขาหมุนตัวเหมือนจะกลับหอ
“เดี๋ยว” เฮอร์ไมโอนี่เรียกเขาแล้วรีบเดินมาใกล้ๆ
“ขอบใจมาก” เธอพูดด้วยใบหน้าสีชมพู มัลฟอยมองหน้าเธอก่อนตัดสินใจถาม
“ตอนที่เธอเรียก..เอ่อ..ฉันหมายถึงเธอตั้งใจเรียกฉันให้ช่วยจริงๆ หรือในตอนนั้นน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขานิ่ง  “ตอนนั้นฉันตั้งใจเรียกเธอคนเดียวจริงๆ” แล้วเธอก็ก้มหน้า
“ฉันไม่คิดว่าเธอจะไปช่วยฉันด้วยซ้ำ ก็เธอน่ะ....” เฮอร์ไมโอนี่เม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“..รังเกียจฉัน..”
มัลฟอยดึงเด็กสาวเข้ามากอดอย่างแผ่วเบา
“ฉันเองก็คิดว่าเธอเกลียดฉัน” เขากระชับวงแขนแน่นขึ้น
“แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ตั้งใจไปช่วยเธออยู่ดี” เฮอร์ไมโอนี่หลับตาขณะที่มัลฟอยลูบผมเธอเบาๆ
“มัลฟอย..”
“หือ?”
เฮอร์ไมโอนี่นิ่งคิดเล็กน้อย
“เธอจะดีแต่เฉพาะกับฉันเท่านั้นหรือ..”
มัลฟอยดันตัวเธอออกเบาๆ
“ไม่มีวันถ้าเธอหมายถึงเจ้าพอตเตอร์นั่น” เขาพูดเสียงเข้ม
“ฉันยอมเข้าไปช่วยเธอในป่าต้องห้ามนั่นอีกร้อยครั้ง ดีกว่าพูดดีๆ กับพวกมันแค่ครั้งเดียว” เขามองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลกลมโตคู่นั้นก่อนถอนหายใจ
“เธอขออย่างอื่นดีกว่านะ” เขาพูดเสียงอ่อนลง เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้าลง
“เธอลำบากใจมากใช่ไหมที่มาคบกับฉัน” มัลฟอยถามเธอเบาๆ เด็กสาวรีบส่ายหน้า มัลฟอยถอนหายใจหนักๆ
“เธอไม่ต้องกังวลหรอกเกรนเจอร์ ฉันจะไม่ให้ใครรู้ ฉันจะเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง เธอจะได้ไม่ต้องลำบากใจ”
เขามองหน้าเธอนิ่ง เฮอร์ไมโอนี่เม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนหลับตาลง มัลฟอยค่อยๆ ก้มหน้าลงจูบเธออย่างนุ่มนวล
“เกรนเจอร์” เขากระซิบเบาๆ เหนือริมฝีปาก เด็กสาวลืมตาขึ้นมอง
“เก็บรักษามันให้ดีๆ นะ”
พูดจบเขายืดตัวขึ้นหันหลังเดินออกไป เฮอร์ไมโอนี่มองตามอย่างงงๆ ก่อนฉุกคิดได้ เธอรีบยกมือขึ้นจับที่ผมของเธอแล้วยิ้มบางๆ
“ฉันจะเก็บรักษามันให้ดีที่สุด มัลฟอย”
เด็กสาวปิดประตูเรือนกระจก ก่อนรีบเดินกลับเข้าด้านในปราสาทด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข
The End
See you again at the new story . “Everything I do, I do it for you ”
.................................................................................................................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น