ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Search your Heart ตอน ความสัมพันธ์ที่สั่นคลอน
*****1*****
                      ที่ตรอกไดแอกอน เด็กชายผิวซีดกำลังเดินดูของตามร้านต่างๆ เพียงลำพัง เขาเพิ่งถูกพ่อของเขาสั่งให้ออกมาห่างๆ เมื่อเวลาที่ต้องการทำธุระสำคัญภายในตรอกน็อกเทิร์นเหมือนเช่นทุกครั้ง เขามาหยุดยืนอยู่หน้าร้านขายอุปกรณ์ควิดดิช พลางมองดูไม้กวาดไฟร์โบลต์อย่างสนใจ พ่อของเขาปฎิเสธที่จะซื้อมันให้ด้วยเหตุผลที่ว่า มันเป็นของแบบเดียวกับที่พอตเตอร์ใช้ มัลฟอยยืนจ้องด้วยความเสียดาย พลันเขาเห็นเงาที่มีผมพองฟูเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลัง เขาเพ่งมองเงาสะท้อนจากกระจกอย่างรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยก่อนหันกลับมาดูให้แน่ใจ
“เกรนเจอร์..”
เขาพึมพำเบาๆ พลางสอดสายตามองไปรอบๆ อย่างนึกแปลกใจที่ไม่มีพอตเตอร์และวีสลีย์อยู่กับเธอเหมือนทุกครั้ง มัลฟอยขยับตัวเดินเข้าไปหาเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังสนใจมองหนังสืออยู่ที่ร้านหนังสืออีกร้านหนึ่ง
“น่าแปลกใจนะที่เธอมาอยู่ตรงนี้คนเดียว เกรนเจอร์” เด็กสาวสะดุ้ง หันขวับมาทันทีเธอขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
“มัลฟอย” เธอยิ้มเล็กน้อย  “น่าแปลกใจเหมือนกันที่เห็นนายเดินอยู่ได้ด้วยตัวเองคนเดียว”
เฮอร์ไมโอนี่หมายถึงทุกครั้งเขาจะต้องมีแครบและกอยล์ตามติดอยู่เสมอ  จนเหมือนเขาเดินได้โดยการใช้สองคนนั่นช่วยพยุงตัวไว้ มัลฟอยทำหน้าไม่พอใจก่อนถาม
“แล้วคู่หูของเธอไม่มาด้วยหรือ เกรนเจอร์”
“ถ้าหมายถึงแฮร์รี่กับรอนแล้วล่ะก็ เขาจะมาตอนบ่าย” เธอยิ้ม
“เฟร็ดกับจอร์จก็มาพร้อมกันด้วย ถ้านายอยากเจอพวกเขาอีก”
มัลฟอยหน้าเสียเล็กน้อย เขาไม่พร้อมที่จะเจอกับพวกหัวแดงวิสลีย์ทั้งฝูง แล้วยังเจ้าพอตเตอร์ที่เขาแสนรังเกียจนั่นอีก แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรกับเฮอร์ไมโอนี่ต่อ มีเสียงเรียกอย่างสุภาพดังขึ้น
“รอนานไหมจ๊ะลูก” หญิงผิวขาวผมสีน้ำตาลรวบอย่างง่ายๆไว้ข้างหลัง ยิ้มอย่างอ่อนโยนมาที่เฮอร์ไมโอนี่ ข้างๆ เธอมีชายผอมสูงแต่งตัวสุภาพเรียบร้อย ในมือหอบหนังสือหลายเล่ม เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มรับอย่างอ่อนโยน
“ไม่นานหรอกค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ หนูกำลังดูหนังสือน่าสนใจอีกเล่มหนึ่งพอดี” นายเกรนเจอร์ผู้เป็นพ่อเลิกคิ้ว
“หนูคิดว่าจะอ่านมันไหวหรือ นี่มันก็มากพอแล้วนะลูก” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มอายๆ
“ก็ แหม หนูคิดว่ามันน่าอ่านมากเท่านั้น ยังไม่ต้องรีบซื้อก็ได้นี่คะ” นางเกรนเจอร์มองไปที่มัลฟอยที่ยังคงยืนเชิดปึ่งอยู่ “พ่อหนุ่มน้อยนี่คงยู่ที่โรงเรียนเดียวกับเฮอร์ไมโอนี่ซิจ๊ะ” มัลฟอยเชิดหน้าเล็กน้อย
\"ใช่”  เขาตอบเบาๆ นายและนางเกรนเจอร์มองดูเขาอย่างงงๆ เฮอร์ไมโอนี่แอบทำตาเขียวใส่มัลฟอยก่อนตอบพ่อกับแม่ของเธอแทนเขา
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะเขาอยู่ คนละบ้าน กับหนู เขาชื่อ เดรโก มัลฟอยค่ะ พ่อของเขาก็เคยเจอกับคุณพ่อคุณแม่แล้วตอนที่หนูอยู่ปีสอง จำได้ไหมคะ”
นายและนางเกรนเจอร์นึกถึงชายผมยาวสีบลอนด์ท่าทางยะโสได้ ทั้งคู่พยักหน้า
“อ้อ..” แล้วหันไปทางมัลฟอย
“แล้วคุณพ่อเธอล่ะ”
“มีธุระ” มัลฟอยตอบห้วนๆ เฮอร์ไมโอนี่รีบพูดขึ้น
“คุณพ่อ คุณแม่ก็มีธุระเหมือนกันนี่คะ หนูจำได้ตอนบ่ายมีคนไข้นัดไว้ 2-3 คน”
นายเกรนเจอร์มองหน้ามัลฟอยอย่างกังวล
“แล้วหนูจะอยู่คนเดียวได้หรือ”
“ได้ค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้ม  “เดี๋ยวแฮร์รี่กับรอนก็มาแล้ว เรานัดเจอกันที่ร้านตัวบรรจงและหยดหมึกค่ะ”
นายเกรนเจอร์พยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นเราเอาของไปฝากไว้ที่ร้านนั้นก่อน ลูกแน่ใจนะว่าอยู่คนเดียวได้” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแทนคำตอบ
“ถ้าอย่างนั้นพ่อกับแม่กลับก่อน แล้วเราจะมารับลูกตอนปิดเทอม”
นายเกรนเจอร์มองดูมัลฟอยอีกครั้ง เด็กชายเหลือบมองเฮอร์ไมโอนี่เล็กน้อยก่อนพูดเบาๆ อย่างไม่ค่อยเต็มใจ
“งั้น..สวัสดีครับคุณเกรนเจอร์” เฮอร์ไมโอนี่มองดูเขาอย่างแปลกใจจนพ่อกับแม่ของเธอเดินลับไปจากสายตา
“น่าแปลกใจนะที่นายยอมพูดกับพ่อแม่ฉัน”
มัลฟอยยักไหล่ไม่พูดอะไร เขามองดูผมสีน้ำตาลฟูฟ่องของเด็กสาว มันถูกรวบไว้ด้านหลังด้วยที่ติดผมสีเขียวเหลือบเงินที่เป็นเลื่อมพรายเมื่อถูกแสง เขายิ้มเล็กน้อย
“ฉันคิดว่าเธอจะโยนมันทิ้งไปเสียแล้ว”
เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพูเธอจับที่ติดผมอย่างเขินเล็กน้อยก่อนที่จะทำหน้าขึงขัง
“ก็คิดเอาไว้เหมือนกัน” แล้วเธอก็หรี่ตาลง
“แต่พอนึกภาพตอนที่นายซื้อของแบบนี้ มันเลยทิ้งไม่ลง”
มัลฟอยหน้าเข้มขึ้นเล็กน้อย แต่ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดอะไร..
“เฮอร์ไมโอนี่”
เสียงเรียกที่ฟังดูร้อนรนดังขึ้น เขาหันกลับไปดูก่อนทำสีหน้ารังเกียจ
“เฮอะ” เขาพ่นลมออกมาทางจมูก รอนและแฮร์รี่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา
“รอนานไหม” แฮร์รี่พูดหอบเบาๆ เขาเหลือบตามองมัลฟอยอย่างไม่ไว้ใจ
“ทำไมมายืนตรงนี้คนเดียวล่ะมัน อันตราย รู้ไหม” รอนพูดพลางส่งสายตาเกลียดชังไปที่มัลฟอย
“ไม่มีที่ไหนเป็นอันตรายกับยายนี่หรอก วีสลีย์” มัลฟอยตอบเนือยๆ แต่ส่งสายตาเกลียดชังตอบไปยังรอน
“ไม่มีใครอยาก แตะ โคลนให้มือสกปรกหรอก”
“แก!” รอนร้องตั้งท่าจะกระโจนเข้าใส่มัลฟอย แต่แฮร์รี่คว้าเสื้อคลุมเขาไว้
“ฉันคิดว่ามีหนวดปลาหมึกอยู่ตรงคางนายนะ มัลฟอย” เขาพูดเสียงเย็นๆ มัลฟอยหน้าซีดด้วยความโกรธ
“ใช่” รอนพูดแยกเขี้ยวเยาะเย้ย
“ฉันว่ามันดูดีเหมาะกับหน้าซีดๆของแกมากเลย ใช่ไหม เฟร็ด จอร์จ”
รอนทำท่าพูดไปทางด้านหลังของมัลฟอย เขาสะดุ้งเล็กน้อยเหลียวหลังไปมอง เมื่อรู้ตัวว่าถูกรอนแกล้งเขาหันกลับมาด้วยสีหน้าโกรธที่ถูกรอนหลอก เขาล้วงมือไปหยิบไม้กายสิทธิ์ในเสื้อคลุม แต่ช้ากว่าเฮอร์ไมโอนี่ เธอใช้ไม้กายสิทธิ์ชี้ตรงมาที่หน้าของเขา
“เก็บไม้ของนายซะ มัลฟอย” เธอพูด “ถ้าไม่อยากให้หน้าของนายมีฝีขึ้นเต็ม”
มัลฟอยกัดฟันมองหน้าเธอนิ่ง เฮอร์ไมโอนี่คิดว่ามีแววตัดพ้ออยู่ในดวงตาสีซีดคู่นั้น เธอเม้มปากเป็นเส้นตรง เชิดหน้าเล็กน้อย มัลฟอยเก็บไม้กายสิทธิ์ด้วยกิริยาขุ่นเคือง
“ฝากไว้ก่อน..แล้วเจอกันที่โรงเรียน” เขาพูดลอดไรฟันก่อนจะมองเขม็งมาที่เฮอร์ไมโอนี่
“โดยเฉพาะเธอ ยายเลือดสีโคลน” เขาเน้นคำพูดก่อนสะบัดหันหลังเดินจากไป
“แล้วอย่าลืมมาเอาคืนล่ะ” รอนตะโกนไล่หลังเยาะเย้ยจนแฮร์รี่ต้องสะกิดเพราะผู้คนที่เดินไปมาหันมามองดูเด็กทั้งสาม
“ยอดเลยเฮอร์ไมโอนี่ เธอขู่หมอนั่นจนขวัญกระเจิง” รอนหันมาชื่นชมเฮอร์ไมโอนี่ขณะที่ออกเดินไปที่ร้านหนังสือด้วยกัน เธอยิ้มรับแต่ไม่พูดอะไร เด็กสาวยกมือขึ้นจับที่ติดผมเบาๆ อย่างลืมตัว แฮร์รี่มองท่าทางของเธอ แต่เขาเข้าใจไปอีกทาง
“เธอซื้อที่ติดผมใหม่งั้นหรือ สวยดีนะ” เขาเอ่ยชม รอนชะโงกหน้าดูแต่เบ้ปาก
“ทำไมซื้อสีแบบนี้ล่ะ ทำยังกับสีของพวกสลิธีรินแน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเบาๆ เธอยิ้มเล็กน้อย
“คือมันสวยดีน่ะ ฉันเลยไม่ทันคิดเรื่องนั้น”
“แต่มันก็รับกับสีผมของเธอดีนะ” แฮร์รี่พยายามชมเพื่อกลบเกลื่อน
“แต่ฉันว่าสีแดงทองเหมาะกับผมเธอมากกว่า สีเขียวเงินนี่ น่าเกลียดพิลึก” รอนยังคงวิจารณ์ต่อ เฮอร์ไมโอนี่หยุดยิ้มถลึงตามองรอน
“ถ้าเธอไม่ชอบก็ไม่ต้องมองสิ แต่ฉันชอบ!” เธอกระแทกเสียงตอนท้ายก่อนสะบัดหน้าใส่รอน เขาหน้าเจื่อน แฮร์รี่นึกขำที่รอนมักชอบหาเรื่องยั่วโมโหเฮอร์ไมโอนี่ ลงท้ายเขาก็ต้องเป็นคนไกล่เกลี่ย
“ไปหาอะไรทานกันก่อนกลับเถอะ” แฮร์รี่สรุป ทั้งรอนและเฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าเห็นด้วยทันที
.........................................................................................................
                  บนขบวนรถด่วนสายฮอกวอตส์ แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ ยังคงได้ที่นั่งตอนท้ายของขบวน ทั้งสามคนกำลังคุยถึงเรื่องที่ทำในช่วงปิดเทอมหน้าร้อนซึ่งโดยส่วนใหญ่แฮร์รี่มักเป็นฝ่ายฟังมากกว่า
“เอ้อ..ขอโทษนะ” เสียงขัดจังหวะดังขึ้นค่อยๆ เด็กชายหน้าอ้วนกลมโผล่หน้ามาอย่างหวาดๆ
“คือ  ฉันทำคางคกหาย มันอยู่แถวนี้บ้างไหม” เขาถามอย่างประหม่า แฮร์รี่ มองหน้ารอนพลางส่ายหน้า
“เธอจำได้หรือเปล่าว่ามันหายไปตอนไหน” เฮอร์ไมโอนี่ถามเนวิลล์ เด็กชายนิ่งคิด คิ้วสีดำขมวดยุ่งบนหน้ากลมๆ ของเขา
“คือ ” เขานึก “ฉันว่าน่าจะเป็นตอนฉันเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อ” เฮอร์ไมโอนี่ผุดลุกขึ้น
“เดี๋ยวฉันมานะ” เธอหันมาบอกเพื่อนทั้งสองของเธอ ก่อนเดินนำหน้าเนวิลล์ออกไป
“แล้วทำไมเขาต้องออกไปด้วย” รอนถาม แฮร์รี่ส่ายหน้า
“คงเป็นเพราะเนวิลล์ทำคางคกหายทุกครั้งที่ขึ้นรถ และ เฮอร์ไมโอนี่เป็นคนหาเจอทุกครั้งมั้ง” เขาพูดพลางหยิบกบช็อคโกแลตเข้าปากเคี้ยว รอนพยักหน้าเห็นด้วยก่อนโยนเบอร์ตี้บอตเข้าปาก แล้วคายทิ้งแทบไม่ทัน
“แหวะ” เขาร้อง “รสขี้หมา!”
                   
                  หลังจากหาคางคกของเนวิลล์ซึ่งเข้าไปแอบในท่อระบายน้ำ จนเฮอร์ไมโอนี่ต้องใช้คาถาเรียกมันออกมาแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็เดินกลับไปที่ตู้ของตัวเอง แต่ระหว่างทางเธอเจอกับกลุ่มของเด็กสลิธีรินโดยมีแพนซี่เป็นหัวหน้าเช่นเคย
“หลีก!ยัยเลือดสีโคลน” แพนซี่ตะคอกใส่เฮอร์ไมโอนี่แต่เธอกลับยืนเฉยจนแพนซี่โกรธ
“หูหนวกรึไง ยัยเลือดสีโคลนโสโครก” หล่อนตะเบ็งเสียงตวาดแต่เฮอร์ไมโอนี่กลับยิ้มอย่างเยือกเย็น
“หูฉันยังดีอยู่ พาร์กินสัน แต่มันจะฟังเฉพาะคำพูดของคนชั้นดีเท่านั้น”
แพนซี่แยกเขี้ยวเดินตรงรี่เข้ามาที่เฮอร์ไมโอนี่ แต่เธอยกไม้กายสิทธิ์ขึ้น
“โมบิลิอาร์มัส”
เก้าอี้ตัวหนึ่งเลื่อนมาขวางหล่อนซึ่งยั้งเท้าไม่ทันสะดุดจนหน้าคะมำไปกองแทบเท้าเฮอร์ไมโอนี่
“เอกซ์เปลลิอาร์มัส”
เด็กสาวโบกไม้ไปทางกลุ่มเพื่อนของแพนซี่ซึ่งเพิ่งดึงไม้กายสิทธิ์ออกมา เธอรับไม้ไว้อย่างชำนาญ พลางส่งสายตาเยาะไปที่กลุ่มเด็กสาวพวกนั้น แต่แพนซี่ซึ่งลุกขึ้นได้แล้วกระชากข้อเท้าของเฮอร์ไมโอนี่เต็มแรง เธอล้มทั้งยืน ไม้กายสิทธิ์ทั้งหมดหลุดมือรวมทั้งของเธอเองด้วย
แพนซี่นั่งคร่อมร่างของเฮอร์ไมโอนี่ใช้มือขยุ้มผมพองฟูของเด็กสาวกระชากเต็มแรง เฮอร์ไมโอนี่หน้าหงายตามแรงดึง เธอร้องด้วยความเจ็บปวด เพื่อนร่างยักษ์ของแพนซี่คนหนึ่งเดินเข้ามาฟาดมือเข้าที่แก้มของเฮอร์ไมโอนี่เสียงดังสนั่น ใบหน้าของเธอสะบัดหันตามแรง แพนซี่จิกที่ติดผมสีเขียวเหลือบเงินแล้วกระชากออกเต็มแรง
“ผมโสโครกของแก ไม่คู่ควรกับของแบบนี้หรอก” หล่อนทำท่าจะขว้างมันออกนอกหน้าต่าง
“หยุดนะ แพนซี่ !”  เสียงตวาดอย่างเกรี้ยวกราดดังขึ้น แพนซี่ชะงักทันที หล่อนมองใบหน้าที่ซีดขาว ดวงตาสีเทาวาวโรจน์ด้วยความโกรธจัดอย่างตกใจ
“พวกเธอกำลังทำอะไรกัน” มัลฟอยเดินเข้ามาด้วยท่าทางโกรธสุดขีด
“คือ..”
แพนซี่อึกอัก มัลฟอยมองดูที่ติดผมสีเขียวเหลือบเงินในมือของแพนซี่ เขาขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
“ส่งมันมาให้ฉัน” เขาพูดห้วนๆ แพนซี่มีสีหน้างง แต่ต้องสะดุ้งสุดตัว
“หูหนวกรึยังไง!”
หล่อนรีบลนลานส่งมันให้มัลฟอย เขารับมาพลางกระชากคอเสื้อเด็กสาวร่างยักษ์เหวี่ยงออกไปให้พ้นทาง
“คิดโง่ๆ อย่างคนชั้นต่ำ” เขาพูดพลางมองเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ใบหน้าบวมแดงแล้วกวาดตาไปรอบๆ
“พวกเธอก่อเรื่องแบบนี้อยากให้พวกเราเสียคะแนนบ้านรึยังไง” แพนซี่ทำท่าจะเข้าไปเกาะแขนเขาอย่างประจบแต่ต้องชะงัก
“อย่าเข้ามา ออกไปให้หมด ไปให้พ้นแถวนี้” เขาตวาดเสียงดุดัน จนกลุ่มเด็กสาวต้องค่อยๆ เดินหนีไปอย่างกลัวเกรง “เป็นยังไงบ้างล่ะ” เขาถามเฮอร์ไมโอนี่ห้วนๆ
“แค่นี้ไม่ถึงกับตายหรอกน่ะ” เธอตอบประชดเขา มัลฟอยมองหน้าเธอแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาส่งไม้กายสิทธิ์คืนให้เธอ
“ก็ดี” เขาพูดสั้นๆ ก่อนหมุนตัวหันหลังจะกลับ
“เดี๋ยว มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเรียกเขาชะงักมองหน้าเชิงถามว่ามีอะไร เด็กสาวมองไปที่มือของเขา
“คือ..ฉันขอคืนด้วย” เธอมองที่ติดผมสีเขียวเหลือบเงินเของเธอ แต่มัลฟอยกลับใส่มันเข้ากระเป๋าเสื้อคลุมก่อนจะส่งสายตาชาเย็นมาที่เธอ
“ฉันคิดว่าเธอคงไม่ต้องการมันเท่าไหร่หรอก” พูดแค่นั้น เขาก็หันหลังเดินออกไป
...........................................................................................
              “ปล่อยฉัน แฮร์รี่!” รอนร้องอย่างโกรธเคือง
“ฉันจะไปสั่งสอนพวกมัน” เขาพยายามจะวิ่งออกจากตู้ของพวกเขาแต่แฮร์รี่ออกแรงดึงตัวเขาไว้เต็มที่
“อย่าเลยน่ะ รอน” เฮอร์ไมโอนี่บอกเสียงแผ่วเบาพลางใช้ผ้าชุบน้ำเย็นโปะบริเวณรอยช้ำ
“ขืนมีเรื่องตอนนี้ จะกลายเป็นว่าเราก่อเหตุวิวาทนะ” รอนชะงัก
“แล้วที่พวกมันทำล่ะ จะปล่อยให้เป็นแบบนี้เหรอ เฮอร์ไมโอนี่” เขาร้องตะโกนเสียงสูง
“ช่างเถอะ” เด็กสาวก้มหน้า สิ่งที่เธอเสียใจกลับไม่ใช่เรื่องที่ถูกทำร้าย แต่เป็นสายตาของมัลฟอยที่มองมาที่เธอต่างหาก
น้ำตาหยดลงบนมือของเธอ รอนตกใจมากเขารีบเข้ามาปลอบใจเธอทันที แฮร์รี่นิ่งเงียบแต่ในใจของเขานั้นแทบอยากจะออกไปร่ายคาถาแรงๆ ใส่พวกแพนซี่เดี๋ยวนี้ด้วยซ้ำ เฮอร์ไมโอนี่รีบปาดน้ำตาทิ้ง
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก รอน ไม่เป็นอะไรจริงๆ ขอบใจนะ”
แต่ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เธอก็แทบไม่ได้พูดอะไรกับเพื่อนทั้งสองไปจนตลอดทาง
                      ที่ตรอกไดแอกอน เด็กชายผิวซีดกำลังเดินดูของตามร้านต่างๆ เพียงลำพัง เขาเพิ่งถูกพ่อของเขาสั่งให้ออกมาห่างๆ เมื่อเวลาที่ต้องการทำธุระสำคัญภายในตรอกน็อกเทิร์นเหมือนเช่นทุกครั้ง เขามาหยุดยืนอยู่หน้าร้านขายอุปกรณ์ควิดดิช พลางมองดูไม้กวาดไฟร์โบลต์อย่างสนใจ พ่อของเขาปฎิเสธที่จะซื้อมันให้ด้วยเหตุผลที่ว่า มันเป็นของแบบเดียวกับที่พอตเตอร์ใช้ มัลฟอยยืนจ้องด้วยความเสียดาย พลันเขาเห็นเงาที่มีผมพองฟูเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลัง เขาเพ่งมองเงาสะท้อนจากกระจกอย่างรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยก่อนหันกลับมาดูให้แน่ใจ
“เกรนเจอร์..”
เขาพึมพำเบาๆ พลางสอดสายตามองไปรอบๆ อย่างนึกแปลกใจที่ไม่มีพอตเตอร์และวีสลีย์อยู่กับเธอเหมือนทุกครั้ง มัลฟอยขยับตัวเดินเข้าไปหาเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังสนใจมองหนังสืออยู่ที่ร้านหนังสืออีกร้านหนึ่ง
“น่าแปลกใจนะที่เธอมาอยู่ตรงนี้คนเดียว เกรนเจอร์” เด็กสาวสะดุ้ง หันขวับมาทันทีเธอขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
“มัลฟอย” เธอยิ้มเล็กน้อย  “น่าแปลกใจเหมือนกันที่เห็นนายเดินอยู่ได้ด้วยตัวเองคนเดียว”
เฮอร์ไมโอนี่หมายถึงทุกครั้งเขาจะต้องมีแครบและกอยล์ตามติดอยู่เสมอ  จนเหมือนเขาเดินได้โดยการใช้สองคนนั่นช่วยพยุงตัวไว้ มัลฟอยทำหน้าไม่พอใจก่อนถาม
“แล้วคู่หูของเธอไม่มาด้วยหรือ เกรนเจอร์”
“ถ้าหมายถึงแฮร์รี่กับรอนแล้วล่ะก็ เขาจะมาตอนบ่าย” เธอยิ้ม
“เฟร็ดกับจอร์จก็มาพร้อมกันด้วย ถ้านายอยากเจอพวกเขาอีก”
มัลฟอยหน้าเสียเล็กน้อย เขาไม่พร้อมที่จะเจอกับพวกหัวแดงวิสลีย์ทั้งฝูง แล้วยังเจ้าพอตเตอร์ที่เขาแสนรังเกียจนั่นอีก แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรกับเฮอร์ไมโอนี่ต่อ มีเสียงเรียกอย่างสุภาพดังขึ้น
“รอนานไหมจ๊ะลูก” หญิงผิวขาวผมสีน้ำตาลรวบอย่างง่ายๆไว้ข้างหลัง ยิ้มอย่างอ่อนโยนมาที่เฮอร์ไมโอนี่ ข้างๆ เธอมีชายผอมสูงแต่งตัวสุภาพเรียบร้อย ในมือหอบหนังสือหลายเล่ม เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มรับอย่างอ่อนโยน
“ไม่นานหรอกค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ หนูกำลังดูหนังสือน่าสนใจอีกเล่มหนึ่งพอดี” นายเกรนเจอร์ผู้เป็นพ่อเลิกคิ้ว
“หนูคิดว่าจะอ่านมันไหวหรือ นี่มันก็มากพอแล้วนะลูก” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มอายๆ
“ก็ แหม หนูคิดว่ามันน่าอ่านมากเท่านั้น ยังไม่ต้องรีบซื้อก็ได้นี่คะ” นางเกรนเจอร์มองไปที่มัลฟอยที่ยังคงยืนเชิดปึ่งอยู่ “พ่อหนุ่มน้อยนี่คงยู่ที่โรงเรียนเดียวกับเฮอร์ไมโอนี่ซิจ๊ะ” มัลฟอยเชิดหน้าเล็กน้อย
\"ใช่”  เขาตอบเบาๆ นายและนางเกรนเจอร์มองดูเขาอย่างงงๆ เฮอร์ไมโอนี่แอบทำตาเขียวใส่มัลฟอยก่อนตอบพ่อกับแม่ของเธอแทนเขา
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะเขาอยู่ คนละบ้าน กับหนู เขาชื่อ เดรโก มัลฟอยค่ะ พ่อของเขาก็เคยเจอกับคุณพ่อคุณแม่แล้วตอนที่หนูอยู่ปีสอง จำได้ไหมคะ”
นายและนางเกรนเจอร์นึกถึงชายผมยาวสีบลอนด์ท่าทางยะโสได้ ทั้งคู่พยักหน้า
“อ้อ..” แล้วหันไปทางมัลฟอย
“แล้วคุณพ่อเธอล่ะ”
“มีธุระ” มัลฟอยตอบห้วนๆ เฮอร์ไมโอนี่รีบพูดขึ้น
“คุณพ่อ คุณแม่ก็มีธุระเหมือนกันนี่คะ หนูจำได้ตอนบ่ายมีคนไข้นัดไว้ 2-3 คน”
นายเกรนเจอร์มองหน้ามัลฟอยอย่างกังวล
“แล้วหนูจะอยู่คนเดียวได้หรือ”
“ได้ค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้ม  “เดี๋ยวแฮร์รี่กับรอนก็มาแล้ว เรานัดเจอกันที่ร้านตัวบรรจงและหยดหมึกค่ะ”
นายเกรนเจอร์พยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นเราเอาของไปฝากไว้ที่ร้านนั้นก่อน ลูกแน่ใจนะว่าอยู่คนเดียวได้” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแทนคำตอบ
“ถ้าอย่างนั้นพ่อกับแม่กลับก่อน แล้วเราจะมารับลูกตอนปิดเทอม”
นายเกรนเจอร์มองดูมัลฟอยอีกครั้ง เด็กชายเหลือบมองเฮอร์ไมโอนี่เล็กน้อยก่อนพูดเบาๆ อย่างไม่ค่อยเต็มใจ
“งั้น..สวัสดีครับคุณเกรนเจอร์” เฮอร์ไมโอนี่มองดูเขาอย่างแปลกใจจนพ่อกับแม่ของเธอเดินลับไปจากสายตา
“น่าแปลกใจนะที่นายยอมพูดกับพ่อแม่ฉัน”
มัลฟอยยักไหล่ไม่พูดอะไร เขามองดูผมสีน้ำตาลฟูฟ่องของเด็กสาว มันถูกรวบไว้ด้านหลังด้วยที่ติดผมสีเขียวเหลือบเงินที่เป็นเลื่อมพรายเมื่อถูกแสง เขายิ้มเล็กน้อย
“ฉันคิดว่าเธอจะโยนมันทิ้งไปเสียแล้ว”
เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพูเธอจับที่ติดผมอย่างเขินเล็กน้อยก่อนที่จะทำหน้าขึงขัง
“ก็คิดเอาไว้เหมือนกัน” แล้วเธอก็หรี่ตาลง
“แต่พอนึกภาพตอนที่นายซื้อของแบบนี้ มันเลยทิ้งไม่ลง”
มัลฟอยหน้าเข้มขึ้นเล็กน้อย แต่ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดอะไร..
“เฮอร์ไมโอนี่”
เสียงเรียกที่ฟังดูร้อนรนดังขึ้น เขาหันกลับไปดูก่อนทำสีหน้ารังเกียจ
“เฮอะ” เขาพ่นลมออกมาทางจมูก รอนและแฮร์รี่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา
“รอนานไหม” แฮร์รี่พูดหอบเบาๆ เขาเหลือบตามองมัลฟอยอย่างไม่ไว้ใจ
“ทำไมมายืนตรงนี้คนเดียวล่ะมัน อันตราย รู้ไหม” รอนพูดพลางส่งสายตาเกลียดชังไปที่มัลฟอย
“ไม่มีที่ไหนเป็นอันตรายกับยายนี่หรอก วีสลีย์” มัลฟอยตอบเนือยๆ แต่ส่งสายตาเกลียดชังตอบไปยังรอน
“ไม่มีใครอยาก แตะ โคลนให้มือสกปรกหรอก”
“แก!” รอนร้องตั้งท่าจะกระโจนเข้าใส่มัลฟอย แต่แฮร์รี่คว้าเสื้อคลุมเขาไว้
“ฉันคิดว่ามีหนวดปลาหมึกอยู่ตรงคางนายนะ มัลฟอย” เขาพูดเสียงเย็นๆ มัลฟอยหน้าซีดด้วยความโกรธ
“ใช่” รอนพูดแยกเขี้ยวเยาะเย้ย
“ฉันว่ามันดูดีเหมาะกับหน้าซีดๆของแกมากเลย ใช่ไหม เฟร็ด จอร์จ”
รอนทำท่าพูดไปทางด้านหลังของมัลฟอย เขาสะดุ้งเล็กน้อยเหลียวหลังไปมอง เมื่อรู้ตัวว่าถูกรอนแกล้งเขาหันกลับมาด้วยสีหน้าโกรธที่ถูกรอนหลอก เขาล้วงมือไปหยิบไม้กายสิทธิ์ในเสื้อคลุม แต่ช้ากว่าเฮอร์ไมโอนี่ เธอใช้ไม้กายสิทธิ์ชี้ตรงมาที่หน้าของเขา
“เก็บไม้ของนายซะ มัลฟอย” เธอพูด “ถ้าไม่อยากให้หน้าของนายมีฝีขึ้นเต็ม”
มัลฟอยกัดฟันมองหน้าเธอนิ่ง เฮอร์ไมโอนี่คิดว่ามีแววตัดพ้ออยู่ในดวงตาสีซีดคู่นั้น เธอเม้มปากเป็นเส้นตรง เชิดหน้าเล็กน้อย มัลฟอยเก็บไม้กายสิทธิ์ด้วยกิริยาขุ่นเคือง
“ฝากไว้ก่อน..แล้วเจอกันที่โรงเรียน” เขาพูดลอดไรฟันก่อนจะมองเขม็งมาที่เฮอร์ไมโอนี่
“โดยเฉพาะเธอ ยายเลือดสีโคลน” เขาเน้นคำพูดก่อนสะบัดหันหลังเดินจากไป
“แล้วอย่าลืมมาเอาคืนล่ะ” รอนตะโกนไล่หลังเยาะเย้ยจนแฮร์รี่ต้องสะกิดเพราะผู้คนที่เดินไปมาหันมามองดูเด็กทั้งสาม
“ยอดเลยเฮอร์ไมโอนี่ เธอขู่หมอนั่นจนขวัญกระเจิง” รอนหันมาชื่นชมเฮอร์ไมโอนี่ขณะที่ออกเดินไปที่ร้านหนังสือด้วยกัน เธอยิ้มรับแต่ไม่พูดอะไร เด็กสาวยกมือขึ้นจับที่ติดผมเบาๆ อย่างลืมตัว แฮร์รี่มองท่าทางของเธอ แต่เขาเข้าใจไปอีกทาง
“เธอซื้อที่ติดผมใหม่งั้นหรือ สวยดีนะ” เขาเอ่ยชม รอนชะโงกหน้าดูแต่เบ้ปาก
“ทำไมซื้อสีแบบนี้ล่ะ ทำยังกับสีของพวกสลิธีรินแน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเบาๆ เธอยิ้มเล็กน้อย
“คือมันสวยดีน่ะ ฉันเลยไม่ทันคิดเรื่องนั้น”
“แต่มันก็รับกับสีผมของเธอดีนะ” แฮร์รี่พยายามชมเพื่อกลบเกลื่อน
“แต่ฉันว่าสีแดงทองเหมาะกับผมเธอมากกว่า สีเขียวเงินนี่ น่าเกลียดพิลึก” รอนยังคงวิจารณ์ต่อ เฮอร์ไมโอนี่หยุดยิ้มถลึงตามองรอน
“ถ้าเธอไม่ชอบก็ไม่ต้องมองสิ แต่ฉันชอบ!” เธอกระแทกเสียงตอนท้ายก่อนสะบัดหน้าใส่รอน เขาหน้าเจื่อน แฮร์รี่นึกขำที่รอนมักชอบหาเรื่องยั่วโมโหเฮอร์ไมโอนี่ ลงท้ายเขาก็ต้องเป็นคนไกล่เกลี่ย
“ไปหาอะไรทานกันก่อนกลับเถอะ” แฮร์รี่สรุป ทั้งรอนและเฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าเห็นด้วยทันที
.........................................................................................................
                  บนขบวนรถด่วนสายฮอกวอตส์ แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ ยังคงได้ที่นั่งตอนท้ายของขบวน ทั้งสามคนกำลังคุยถึงเรื่องที่ทำในช่วงปิดเทอมหน้าร้อนซึ่งโดยส่วนใหญ่แฮร์รี่มักเป็นฝ่ายฟังมากกว่า
“เอ้อ..ขอโทษนะ” เสียงขัดจังหวะดังขึ้นค่อยๆ เด็กชายหน้าอ้วนกลมโผล่หน้ามาอย่างหวาดๆ
“คือ  ฉันทำคางคกหาย มันอยู่แถวนี้บ้างไหม” เขาถามอย่างประหม่า แฮร์รี่ มองหน้ารอนพลางส่ายหน้า
“เธอจำได้หรือเปล่าว่ามันหายไปตอนไหน” เฮอร์ไมโอนี่ถามเนวิลล์ เด็กชายนิ่งคิด คิ้วสีดำขมวดยุ่งบนหน้ากลมๆ ของเขา
“คือ ” เขานึก “ฉันว่าน่าจะเป็นตอนฉันเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อ” เฮอร์ไมโอนี่ผุดลุกขึ้น
“เดี๋ยวฉันมานะ” เธอหันมาบอกเพื่อนทั้งสองของเธอ ก่อนเดินนำหน้าเนวิลล์ออกไป
“แล้วทำไมเขาต้องออกไปด้วย” รอนถาม แฮร์รี่ส่ายหน้า
“คงเป็นเพราะเนวิลล์ทำคางคกหายทุกครั้งที่ขึ้นรถ และ เฮอร์ไมโอนี่เป็นคนหาเจอทุกครั้งมั้ง” เขาพูดพลางหยิบกบช็อคโกแลตเข้าปากเคี้ยว รอนพยักหน้าเห็นด้วยก่อนโยนเบอร์ตี้บอตเข้าปาก แล้วคายทิ้งแทบไม่ทัน
“แหวะ” เขาร้อง “รสขี้หมา!”
                   
                  หลังจากหาคางคกของเนวิลล์ซึ่งเข้าไปแอบในท่อระบายน้ำ จนเฮอร์ไมโอนี่ต้องใช้คาถาเรียกมันออกมาแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็เดินกลับไปที่ตู้ของตัวเอง แต่ระหว่างทางเธอเจอกับกลุ่มของเด็กสลิธีรินโดยมีแพนซี่เป็นหัวหน้าเช่นเคย
“หลีก!ยัยเลือดสีโคลน” แพนซี่ตะคอกใส่เฮอร์ไมโอนี่แต่เธอกลับยืนเฉยจนแพนซี่โกรธ
“หูหนวกรึไง ยัยเลือดสีโคลนโสโครก” หล่อนตะเบ็งเสียงตวาดแต่เฮอร์ไมโอนี่กลับยิ้มอย่างเยือกเย็น
“หูฉันยังดีอยู่ พาร์กินสัน แต่มันจะฟังเฉพาะคำพูดของคนชั้นดีเท่านั้น”
แพนซี่แยกเขี้ยวเดินตรงรี่เข้ามาที่เฮอร์ไมโอนี่ แต่เธอยกไม้กายสิทธิ์ขึ้น
“โมบิลิอาร์มัส”
เก้าอี้ตัวหนึ่งเลื่อนมาขวางหล่อนซึ่งยั้งเท้าไม่ทันสะดุดจนหน้าคะมำไปกองแทบเท้าเฮอร์ไมโอนี่
“เอกซ์เปลลิอาร์มัส”
เด็กสาวโบกไม้ไปทางกลุ่มเพื่อนของแพนซี่ซึ่งเพิ่งดึงไม้กายสิทธิ์ออกมา เธอรับไม้ไว้อย่างชำนาญ พลางส่งสายตาเยาะไปที่กลุ่มเด็กสาวพวกนั้น แต่แพนซี่ซึ่งลุกขึ้นได้แล้วกระชากข้อเท้าของเฮอร์ไมโอนี่เต็มแรง เธอล้มทั้งยืน ไม้กายสิทธิ์ทั้งหมดหลุดมือรวมทั้งของเธอเองด้วย
แพนซี่นั่งคร่อมร่างของเฮอร์ไมโอนี่ใช้มือขยุ้มผมพองฟูของเด็กสาวกระชากเต็มแรง เฮอร์ไมโอนี่หน้าหงายตามแรงดึง เธอร้องด้วยความเจ็บปวด เพื่อนร่างยักษ์ของแพนซี่คนหนึ่งเดินเข้ามาฟาดมือเข้าที่แก้มของเฮอร์ไมโอนี่เสียงดังสนั่น ใบหน้าของเธอสะบัดหันตามแรง แพนซี่จิกที่ติดผมสีเขียวเหลือบเงินแล้วกระชากออกเต็มแรง
“ผมโสโครกของแก ไม่คู่ควรกับของแบบนี้หรอก” หล่อนทำท่าจะขว้างมันออกนอกหน้าต่าง
“หยุดนะ แพนซี่ !”  เสียงตวาดอย่างเกรี้ยวกราดดังขึ้น แพนซี่ชะงักทันที หล่อนมองใบหน้าที่ซีดขาว ดวงตาสีเทาวาวโรจน์ด้วยความโกรธจัดอย่างตกใจ
“พวกเธอกำลังทำอะไรกัน” มัลฟอยเดินเข้ามาด้วยท่าทางโกรธสุดขีด
“คือ..”
แพนซี่อึกอัก มัลฟอยมองดูที่ติดผมสีเขียวเหลือบเงินในมือของแพนซี่ เขาขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
“ส่งมันมาให้ฉัน” เขาพูดห้วนๆ แพนซี่มีสีหน้างง แต่ต้องสะดุ้งสุดตัว
“หูหนวกรึยังไง!”
หล่อนรีบลนลานส่งมันให้มัลฟอย เขารับมาพลางกระชากคอเสื้อเด็กสาวร่างยักษ์เหวี่ยงออกไปให้พ้นทาง
“คิดโง่ๆ อย่างคนชั้นต่ำ” เขาพูดพลางมองเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ใบหน้าบวมแดงแล้วกวาดตาไปรอบๆ
“พวกเธอก่อเรื่องแบบนี้อยากให้พวกเราเสียคะแนนบ้านรึยังไง” แพนซี่ทำท่าจะเข้าไปเกาะแขนเขาอย่างประจบแต่ต้องชะงัก
“อย่าเข้ามา ออกไปให้หมด ไปให้พ้นแถวนี้” เขาตวาดเสียงดุดัน จนกลุ่มเด็กสาวต้องค่อยๆ เดินหนีไปอย่างกลัวเกรง “เป็นยังไงบ้างล่ะ” เขาถามเฮอร์ไมโอนี่ห้วนๆ
“แค่นี้ไม่ถึงกับตายหรอกน่ะ” เธอตอบประชดเขา มัลฟอยมองหน้าเธอแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาส่งไม้กายสิทธิ์คืนให้เธอ
“ก็ดี” เขาพูดสั้นๆ ก่อนหมุนตัวหันหลังจะกลับ
“เดี๋ยว มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเรียกเขาชะงักมองหน้าเชิงถามว่ามีอะไร เด็กสาวมองไปที่มือของเขา
“คือ..ฉันขอคืนด้วย” เธอมองที่ติดผมสีเขียวเหลือบเงินเของเธอ แต่มัลฟอยกลับใส่มันเข้ากระเป๋าเสื้อคลุมก่อนจะส่งสายตาชาเย็นมาที่เธอ
“ฉันคิดว่าเธอคงไม่ต้องการมันเท่าไหร่หรอก” พูดแค่นั้น เขาก็หันหลังเดินออกไป
...........................................................................................
              “ปล่อยฉัน แฮร์รี่!” รอนร้องอย่างโกรธเคือง
“ฉันจะไปสั่งสอนพวกมัน” เขาพยายามจะวิ่งออกจากตู้ของพวกเขาแต่แฮร์รี่ออกแรงดึงตัวเขาไว้เต็มที่
“อย่าเลยน่ะ รอน” เฮอร์ไมโอนี่บอกเสียงแผ่วเบาพลางใช้ผ้าชุบน้ำเย็นโปะบริเวณรอยช้ำ
“ขืนมีเรื่องตอนนี้ จะกลายเป็นว่าเราก่อเหตุวิวาทนะ” รอนชะงัก
“แล้วที่พวกมันทำล่ะ จะปล่อยให้เป็นแบบนี้เหรอ เฮอร์ไมโอนี่” เขาร้องตะโกนเสียงสูง
“ช่างเถอะ” เด็กสาวก้มหน้า สิ่งที่เธอเสียใจกลับไม่ใช่เรื่องที่ถูกทำร้าย แต่เป็นสายตาของมัลฟอยที่มองมาที่เธอต่างหาก
น้ำตาหยดลงบนมือของเธอ รอนตกใจมากเขารีบเข้ามาปลอบใจเธอทันที แฮร์รี่นิ่งเงียบแต่ในใจของเขานั้นแทบอยากจะออกไปร่ายคาถาแรงๆ ใส่พวกแพนซี่เดี๋ยวนี้ด้วยซ้ำ เฮอร์ไมโอนี่รีบปาดน้ำตาทิ้ง
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก รอน ไม่เป็นอะไรจริงๆ ขอบใจนะ”
แต่ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เธอก็แทบไม่ได้พูดอะไรกับเพื่อนทั้งสองไปจนตลอดทาง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น