บทสรุปของเขาและเธอ มัลฟอย เฮอร์ไมโอนี่ Draco Wedding - บทสรุปของเขาและเธอ มัลฟอย เฮอร์ไมโอนี่ Draco Wedding นิยาย บทสรุปของเขาและเธอ มัลฟอย เฮอร์ไมโอนี่ Draco Wedding : Dek-D.com - Writer

    บทสรุปของเขาและเธอ มัลฟอย เฮอร์ไมโอนี่ Draco Wedding

    โดย ithil

    และแล้วความสัมพันธ์ของคู่รักต่างขั้วทั้งสองนี้ก็มาถึงบทสุดท้าย......

    ผู้เข้าชมรวม

    5,558

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    8

    ผู้เข้าชมรวม


    5.55K

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    102
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 ก.ย. 49 / 12:55 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ




                                 Fiction: Draco Wedding

                         เดรโก มัลฟอยสะดุ้งตื่นขึ้นในกลางดึกคืนหนึ่งเขามองไปรอบๆตัวก่อจะหันไปคว้านาฬิกาปลุกที่วางไว้บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาดูเวลา หนึ่งนาฬิกาสามสิบห้านาที ชายหนุ่มวางมันลงก่อนจะลุกขึ้นนั่งและคว้าแก้วน้ำที่อยู่ข้างมาเพื่อจะดื่มเขาพบว่ามันว่างเปล่าจึงได้วางแก้วนั้นไว้บนโต๊ะตามเดิม ก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปที่หน้าต่างห้องของเขา มัลฟอยเหม่อมองดูดวงดาวบนท้องฟ้าสมองนั้นครุ่นคิดอย่างงวิตกกังวลเมื่อนึกถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ชายหนุ่มถอนหายใจหนักๆก่อนจะกลับมานั่งลงบนเตียงของเขาและร้องเรียกหาเอลฟ์ประจำบ้าน เสียงดังฟุ่บเบาพร้อมกับร่างจ้อยของด็อบบี้ที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขามันวางมือไว้ด้านหน้าอย่างอ่อนน้อมก่อนจะเอ่ยปากถาม
                          “นายท่านมีอะไรจะให้ด็อบบี้รับใช้ขอรับ”
                          “น้ำดื่มฉันหมด” มัลฟอยพูดห้วนๆ “รีบเติมให้ฉันใหม่เร็วๆเข้า”
                          ด็อบบี้ลนลานเข้ามาคว้าขวดน้ำที่ว่างเปล่าและหายตัวไปเพียงชั่วอึดใจมันก็กลับมาพร้อมกับน้ำใสสะอาดที่บรรจุอยู่เต็มขวด เจ้าเอลฟ์น้อยมองดูมัลฟอยรินน้ำใส่แก้วและยกขึ้นดื่มอย่างเอาใจใส่จนอีกฝ่ายต้องถามขึ้น
                          “หน้าฉันมีอะไรผิดไปอย่างนั้นเรอะ”
                          “ขอรับ เอ้อ….คือดูนายท่านกำลังเป็นกลุ้มใจนะขอรับ” ด็อบบี้ตอบและถามด้วยท่าทางประหม่า มัลฟอยจ้องหน้ามันนิ่ง
                          “ฉันไม่ได้ให้แกกลับเข้ามาในบ้านเพื่อตั้งคำถามกับฉันนะ” เขาสะบัดหน้าน้อยๆก่อนจะถอนหายใจ “ฉันกำลังกลุ้มใจอย่างที่แกว่าจริงๆ”
                          “ด็อบบี้ช่วยได้นะขอรับ” ด็อบบี้พูดด้วยท่าทางกระตือรือล้น “ให้ด็อบบี้ช่วยนายท่านนะขอรับ”
                          “แกจะช่วยอะไรฉันได้ ด็อบบี้” มัลฟอยพูดเสียงหน่ายๆ
                          “ด็อบบี้เคยช่วยมาหลายครั้ง” มันเริ่มสาธยาย “ทั้งแฮร์รี่ พอตเตอร์ ทั้งรอน วีสลีย์ ทั้งเ…….”
                          “พอได้แล้ว!” มัลฟอยตวาดอย่างไม่สบอารมณ์ เขารู้สึกโกรธขึ้นมาเมื่อได้ยินชื่อของแฮร์รี่ “ออกไปได้!”
                          “แต่…..” ด็อบบี้รู้สึกตกใจที่มันทำให้มัลฟอยโกรธขึ้นมา มันมีท่าทางลนลานอย่างช่วยไม่ได้
                          “ฉันบอกว่า ออก ไป!” มัลฟอยพูดด้วยสีหน้าที่นิ่งสนิท แต่ดวงตาวาวอย่างเอาเรื่อง เจ้าด็อบบี้ก้มตัวจนหัวแทบโขกพื้นก่อนจะหายตัวไป มัลฟอยถอนหายใจหนักๆอีกครั้งและมองดูดาวที่กระพริบเต็มท้องฟ้า เสียงเคาะประตูเบาๆดังจากด้านนอกเขาขมวดคิ้วก่อนจะร้องออกไป
                          “เข้ามาได้”
                          บานประตูเปิดออก นางมัลฟอยผู้เป็นมารดาเดินเข้ามาในห้อง เธอมองดูมัลฟอยนิ่งก่อนจะถามเบาๆ
                          “แม่ได้ยินเสียงเอะอะ มีอะไรหรือเดรโก”
                          “ไม่มี” มัลฟอยตอบห้วนๆอย่างนึกรำคาญ นาร์ซิสซาแม้มปากน้อยๆก่อนจะเดินมานั่งข้างๆเขา
                          “กำลังกลุ้มใจกับงานในวันพรุ่งนี้ใช่ไหม” เธอถาม มัลฟอยส่ายหน้าไปมาและไม่ได้ตอบอะไร นางมัลฟอยจึงถามตรงๆ
                          “ถ้าลูกจะเปลี่ยนใจในตอนนี้ก็ยังทันนะ”
                          “ไม่มีทาง” มัลฟอยตอบทันที นาร์ซิสซายิ้มอย่างรู้ทัน
                          “ถ้าอย่างงั้นแล้วลูกกำลังกลุ้มเรื่องอะไร”
                          “ไม่รู้สิ” มัลฟอยตอบด้วยสีหน้าไม่แน่ใจ ผู้เป็นแม่ลูบหลังเขาเบาๆ
                          “กลุ้มเพราะไม่แน่ใจว่าจะดูแลเขาได้ดีแค่ไหน กลุ้มเพราะกลัวว่าจะทำให้เขาต้องเสียใจ หรือว่ากลุ้มเพราะไม่อยากให้เขาต้องเสียเพื่อนๆของเขาไปถ้ามาอยู่กับลูก”
                          มัลฟอยมองหน้าแม่ของเขาอย่างแปลกใจเขารู้ดีว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับงานในครั้งนี้อย่างที่สุดก็คือนางนาร์ซิสซาแม่ของเขาเพราะนางรังเกียจพวกพ่อมดแม่มดที่เป็นเลือดสีโคลนและมักเกิ้ล อย่าว่าแต่พูดคุยด้วยเลย แค่เดินผ่านนางก็แทบจะเสกคาถากำจัดพวกเขาไปเสียแล้ว
                         “ทำไมแม่รู้” เขาเพียงแค่หลุดคำถามสั้นๆออกมา ทั้งที่ในใจนั้นอยากจะถามอะไรให้มากกว่านั้น นางนาร์ซิสซายิ้มอย่างอ่อนโยน มันเป็นรอยยิ้มที่นานๆเขาจะได้เห็นจากใบหน้าที่เฉยชาอยู่เสมอของผู้เป็นแม่
                         “จะว่าไป พ่อของลูกเองคงไม่เคยเกิดความรู้สึกแบบนี้กับแม่แน่ๆ” นางตอบสายตาจับจ้องไปอีกด้านหนึ่งของห้อง มันเป็นสายตาที่ล่องลอยย้อนกลับไปในอดีตที่นานแสนนาน
                        “แต่แม่จำได้ดีว่า คืนก่อนวันแต่งงานของแม่ แม่รู้สึกวุ่นวายใจแค่ไหน” นางยิ้มน้อยๆให้กับตัวเอง
                        “แม่กลัวและไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงถ้าได้มาอยู่กับพ่อของลูก แม่กลัวว่าจะดูแลปรนนิบัติเขาได้ไม่ดีพอแม่รู้สึกไม่มั่นใจว่าจะทำตัวให้เข้ากับเพื่อนๆของเขาได้หรือไม่ ตลกนะทั้งๆที่แม่ได้ชื่อว่าเป็นคนที่หยิ่งและมีความมั่นใจในตัวเองมากที่สุดแท้ๆ”
                         นางเลื่อนสายตากลับมามองดูมัลฟอย
                         “แม่เองก็ไม่เคยเห็นด้วยกับการตัดสินใจในครั้งนี้ของลูก เดรโก แต่แม่ก็ไม่อยากให้ลูกต้องตกอยู่ในสถานะเดียวกันกับแม่ ต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างไปจนชั่วชีวิต”
                        สีหน้าของนางมัลฟอยสลดลงเมื่อพูดจบ มัลฟอยบีบมือแม่ของเขาเบาๆราวกับปลอบใจ นับตั้งแต่นายลูเชียสผู้เป็นบิดาหายสาบสูญไปในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนางนาร์ซิสซาดูหมองเศร้าและเงียบขรึมลงกว่าเดิม
                        “เขาจะเข้ามาอยู่กับพวกเรานะ แม่” มัลฟอยพูดเบาๆ “ฉันรู้ว่าแม่ไม่ชอบ
      แต่เขาเองก็ยินดีและเต็มใจที่จะทำแบบนั้น”
                        “แม่คงทำใจและยอมรับเขาได้สักวันหนึ่ง” นางนาร์ซิสซาพูดเนือยๆ “แต่ตอนนี้สิ่งที่แม่ควรทำก็คือดูแลว่าที่เจ้าบ่าวให้พร้อมที่สุด ยังมีอะไรรบกวนใจลูกอีกหรือเปล่าเดรโก”
                       “ครับ” มัลฟอยตอบอย่างลังเล “คือ…..ลูกไม่รู้ว่าจะทำตัวกับเขายังไงในคืนแรก”
                       นางนาร์ซิสซาหัวเราะเบาๆอย่างนึกเอ็นดูบุตรชาย แม้ว่าในเวลานี้เขาจะเติบโตเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาและดูสง่าที่สุดในบรรดาพ่อมดเลือดบริสุทธิ์ทั้งหลายแต่เดรโกก็ยังคงเป็นเดรโกน้อยๆที่ไร้เดียงสาสำหรับนางเสมอ
                      “แล้วลูกจะรู้เอง เดรโก” นางตอบยิ้มๆ “ที่สำคัญอย่าทำอะไรตามแต่อารมณ์ตัวเองเท่านั้นก็พอ อ่อนโยนและนุ่มนวลเข้าไว้ ไม่มีผู้หญิงคนไหนหรอกที่จะชอบความรุนแรง”
                       มัลฟอยทำสีหน้าเหมือนไม่เข้าใจในคำพูดของผู้เป็นมารดาเขาทำหน้างงๆอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งนางมัลฟอยลุกขึ้น
                      “อย่ามัวแต่กลุ้มใจและวิตกกังวลอยู่เลย นอนพักผ่อนให้มากๆแม่ไม่อยากได้ลูกชายที่ดูเหมือนผีกูลแก่ๆในงานของเขาเองนะ”
                       “งั้น ราตรีสวัสดิ์ครับ แม่”
                       “ราตรีสวัสดิ์ เดรโก” นางมัลฟอยเดินไปที่ประตูและเปิดออก มัลฟอยถามขึ้นเบาๆ
                       “แม่ว่าเขาจะตื่นทั้งคืนแบบลูกไหม”
                       “แม่ไม่รู้” นางมัลฟอยตอบยิ้มๆ “แต่แม่เคยตื่นสิบสองครั้งในคืนก่อนวันแต่งงาน”
                       มัลฟอยยิ้มจางๆให้กับแม่ของเขาจนบานประตูปิดสนิทลง เขาจึงมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง
                       “เธอกำลังทำอะไรอยู่นะ เฮอร์ไมโอนี่”

                                                                *******************

                         เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ไม่ได้นอนเหมือนอย่างที่เดรโกเข้าใจ แต่เธอกำลังนั่งมองจ้องชุดแต่งงานที่สวมไว้บนตัวหุ่นที่ตั้งอยู่ในห้องโถงภายในบ้านของเธอเอง หญิงสาวจัดแจงแก้ไขตกแต่งระบาย ดอกไม้ประดับบนเสื้อหลายต่อหลายครั้งแต่ดูเหมือนมันจะไม่ถูกใจไปเสียทุกที เธอเอนตัวพิงพนักเก้าอี้และหลับตาลง
                        “นอนไม่หลับหรือลูก”
                        นางเกรนเจอร์เดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบๆพูดขึ้นหลังจากเฝ้ามองดูกิริยากระสับกระส่ายของลูกสาวอยุ่นานพอควร เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งน้อยๆและยืดตัวนั่งตรง
                       “คือหนูลงมาแก้ไขเสื้อนิดหน่อยเท่านั้นเองค่ะแม่” เธอตอบเขินๆ แม่ของเธอเดินมามองสำรวจชุดแต่งงานและพูดเบาๆ
                      “ไม่เห็นมีที่จะต้องแก้ไขตรงไหนเลยนี่นา”
                      “แต่หนูว่ามันไม่สวย” เฮอร์ไมโอนี่เถียงอ่อยๆ “มันดูแปลกๆ”
                      “ที่แปลกๆน่ะคือความรู้สึกของลูกเองมากกว่ากระมังเฮอร์ไมโอนี่” นางเเกรนเจอร์พูดยิ้มๆอย่างรู้ทัน เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงเล็กน้อย เธอเอนตัวมาข้างหน้าและประสานมือทั้งสองข้างไว้บนตัก
                      “ลูกนอนไม่หลับ” เธอสารภาพ “มันรู้สึกแปลกๆบอกไม่ถูก เหมือนกลัวก็ไม่ใช่ กังวลก็ไม่เชิง”
                      “แปลกจริงที่ได้ยินประโยคนี้จากนักเรียนดีเด่นแบบลูก” นางเกรนเจอร์ล้อก่อนจะปรับสีหน้าให้เรียบและนั่งบนเก้าอี้อีกตัวที่ตั้งข้างๆ
                      “ลูกแค่วิตกกังวลกับการเปลี่ยนในชีวิตของลูกเท่านั้นเอง” นางพูดเบาๆ”จากที่เคยอยู่คนเดียว ทำอะไรคนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียว คิดอะไรคนเดียว หลังจากวันพรุ่งนี้แล้วลูกจะมีคนอยู่ข้างๆ มีคนช่วยคิด ช่วยทำ ไปไหนมาไหนด้วยกัน ทะเลาะเบาะแว้งกัน และที่สำคัญลูกจะต้องถนอมและรักษาชีวิตใหม่นี้ไปจนตลอดชีวิต”
                      “ลูกกลัวจะทำไม่ได้” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ครอบครัวเขาไม่เหมือนกับพวกเรานะแม่”
                     “ที่ลูกเลือกคือตัวของเขา” นางเกรนเจอร์ตอบ “และที่เขาเลือกก็คือตัวของลูกไม่ใช่หรือ”
                     นางเอื้อมกุมมือของลูกสาวและบีบเบาๆ
                    “เฮอร์ไมโอนี่ ลูกอาจจะเคยตัดสินใจทำอะไรมาหลายครั้งในชีวิต
      และในหลายครั้งนั้นอาจจะมีบ้างที่ลูกตัดสินใจผิดพลาด แน่นอนมันอาจจะแก้ไขได้หรือไม่ได้ แต่ลูกก็มักจะเดินไปข้างหน้าต่อโดยไม่มีการลังเลหรือว่าเสียใจ
      แม่ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือวุ่นวายกับตัวของลูกเพราะแม่คิดว่าลูกโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ลูกมีความคิดมีความสามารถในการตัดสินใจที่ดีขึ้นและในครั้งนี้แม่เองก็คิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของลูก เขาเป็นคนดี อาจจะดูเจ้าอารมณ์ไปบ้าง แต่ก็เป็นคนดี”
                     “เขาเป็นคนเจ้าอารมณ์มากๆเลย” เฮอร์ไมโอนี่พูด ดวงตานั้นจับจ้องไปที่ชุดแต่งงาน สีหน้าแต้มรอยยิ้มน้อยๆเมื่อนึกถึงอีกฝ่าย
                     “เจ้าอารมณ์ โกรธง่าย ชอบหงุดหงิดขี้รำคาญ เจ้ายศเจ้าอย่างถือตัว แต่ก็อ่อนไหว สุภาพ ทำอะไรทำจริง เป็นคนมุ่งมั่นและมีมานะ ถึงจะดูดื้อรั้นไปบ้างก็เถอะ”
                      “แต่เขาก็เป็นคนดี และนั่นคือเหตุผลที่ลูกเลือกเขา” นางเกรนเจอร์พูดต่อประโยคให้  “สิ่งที่ลูกรู้สึกในตอนนี้มันก็แค่ความกลัวในความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่ใจในตัวเองเท่านั้น แม่เองก็เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนในคืนก่อนวันแต่งงานกับพ่อของลูก แม่นอนไม่หลับทั้งคืนเลยรู้ไหมว่าพอเช้าวันรุ่งขึ้นแม่เป็นยังไง”
                      เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าแม่ของเธอราวกับถาม นางเกรนเจอร์เอานิ้ววงรอบดวงตาของเธอแล้วยิ้ม
                      “ขอบตาแม่ดำเหมือนหมีแพนด้าในสวนสัตว์ แถมยังโทรมเหมือนเจ้าสาวศพต้องอาศัยเพื่อนๆช่วยกันโปะเครื่องสำอางค์กันเต็มที่กว่าจะดูดีและเดินเข้าพิธีได้” เธอหัวเราะเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่นั้นพลอยหัวเราะตามไปด้วย
                      “ไม่ต้องวิตกกังวลกับอะไรอีกต่อไปแล้วลูกรัก เพื่อนๆบางคนของลูกเขาอาจจะรู้สึกทำใจไม่ได้ แต่เขาก็ต้องยอมรับในการตัดสินใจของลูก เพราะชีวิตที่จะก้าวต่อไปนี้คือชีวิตของลูกกับเขาเท่านั้น ดูแลซึ่งกันและกันให้ดี รับฟังและยอมรับในความคิดของกันและกัน พูดเมื่อควรและหยุดเมื่อเห็นว่าไม่เหมาะ อาจจะมีบ้างที่เขาและลูกต้องทะเลาะกันแต่จงอดทนและให้อภัยหันหน้าเข้าหากันและปรึกษากันอย่าใช้อารมณ์มาเป็นตัวตัดสิน แม่คงไม่ได้มานั่งสอนลูกได้เหมือนตอนนี้อีกต่อไปแล้วเพราะลูกจะต้องเข้าไปอยู่ในครอบครัวของเขา จะต้องอยู่ร่วมกับพวกเขาตลอดไป อดทนให้มากๆนะลูกและระลึกไว้เสมอว่าแม่รักลูกตลอดเวลา”
                        น้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่ไหลเป็นทาง เธอคุกเข่าลงตรงหน้าแม่ของเธอและซบหน้าลงบนตัก
                         “หนูก็รักแม่ค่ะ” เธอพูดเสียงสะอื้น นางเกรนเจอร์เช็ดน้ำตาของเธอและประคองหน้าลูกสาวขึ้น
                         “อย่าร้องไห้ลูกรัก เดี๋ยวตาของลูกจะบวมนะ แม่ไม่อยากให้ลูกเหมือนหมีแพนด้าในวันแต่งงานเหมือนแม่”
                          เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนและลุกขึ้นพร้อมๆกับเฮอร์ไมโอนี่
                          “ไปพักผ่อนดีกว่านะ นอนพักให้มากๆเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่งตัวกันแต่เช้าแม่อยากเห็นลูกของแม่สวยที่สุดในสายตาของทุกๆคน”
                          เฮอร์ไมโอนี่กอดแม่ของเธอแน่นก่อนจะยอมกลับไปที่ห้องของเธอ
      นางเกรนเจอร์ยืนมองลูกสาวจนเสียงบานประตูปิดลงเธอหันกลับมามองดูชุดแต่งงานที่ตั้งอยู่กลางห้องและถอนหายใจก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องนอนของเธอ

                                                   ***************************

                            มัลฟอยตื่นแต่เช้าตรู่ เขายืนมองดูชุดสูทสีเข้มนิ่งอยู่นานจนแม่ของเขาเข้ามาดู เธอทำเลิกคิ้วน้อยๆเมื่อเห็นว่าเขายังไม่ได้เตรียมตัวใดๆ
                            “ลูกจะไปงานในชุดนั้นหรือ” นางนาร์ซิสซาถามยิ้มๆ มัลฟอยก้มลงมองดูตัวเองที่ยังอยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำเขายิ้มเขินๆ
                            “เอ้อ…..ก็แค่ตรวจดูชุดให้เรียบร้อยก่อนเท่านั้นเอง” เขาตอบเก้อๆ แม่ของเขาพยักหน้า
                            “ให้แม่ช่วยไหมลูก” เธอเดินเข้ามาในห้อง มัลฟอยค่อยๆสวมเสื้อผ้าของเขาอย่างช้าๆก่อนตอบ
                            “ไม่ต้องหรอกครับแม่”
                            เขามีท่าทางเกรงใจเมื่อแม่ของเขาจัดแต่งปกเสื้อสูทให้ดูเรียบร้อยและผูกหูกระต่ายที่คอให้
                            “อีกหน่อยแม่ก็จะไม่ได้ทำหน้าทีนี้แล้ว เพราะมีคนทำให้แทน” เธอมองหน้ามัลฟอย เขาดูดีที่สุดในสายตาของเธอ

                             “ไม่ใส่น้ำมันใส่ผมหน่อยหรือ” นางถามเมื่อเห็นมัลฟอยหวีผมเลยขึ้นไปและปล่อยให้มันปรกลงมาที่ใบหน้าน้อยๆ เขายิ้ม
                             “อยากจะให้ดูเป็นธรรมชาติกว่าทุกครั้งน่ะแม่” มัลฟอยขยับหูกระต่ายของเขาอีกครั้งก่อนจะถามมารดา
                              “เป็นไงบ้างครับ”
                              “ลูกหล่อที่สุดในบรรดาพ่อมดทั้งหมดเลย เดรโก” นางนาร์ซิสซาพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ ขอให้แม่ได้ควงลูกเข้าไปในงานได้ไหม”
                             “ได้เลยครับ” มัลฟอยส่งแขนให้แม่ของเขาคล้อง
                               นางนาร์ซิสซายิ้มอย่างภูมิใจและเดินออกจากห้องของมัลฟอยไปยังสนามหน้าบ้านที่กำลังจัดเตรียมงานกันอยู่อย่างเอิกเกริก เหล่าเอลฟ์ประจำบ้านต่างพากันวิ่งวุ่นเพื่อจัดเตรียมอาหารสำหรับแขกเหรื่อที่จะมีมาเป็นจำนวนมาก สนามที่กว้างขวางของบ้านมัลฟอยดูเล็กลงเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนของที่นั่ง อีกด้านหนึ่ง
      พ่อมดหลายคนกำลังตกแต่งแท่นพิธีกล่าวคำสาบานของคู่บ่าวสาวอยู่อย่างวุ่นวาย
      พรมสีขาวสะอาดได้รับการปูลาดยาวตั้งแต่ทางเข้าคฤหาสถ์ไปจนถึงปะรำพิธีดอกไม้นานาชนิดถูกนำมาตกแต่งอย่างงดงามโดยฝีมือของแพนซี่ พาร์กินสันซึ่งในครั้งแรกมัลฟอยเองแทบไม่เชื่อเลยว่าคนแบบเธอจะมีฝีมือในด้านนี้ทุกๆอย่างดูพร้อมและสมบูรณ์ที่สุดในสายตาของเขาเพื่อต้อนรับผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขายินดีรับเธอเข้ามาร่วมชีวิตด้วย หัวใจของมัลฟอยเต้นระทึกไม่เป็นจังหวะ สายตานั้นคอยจ้องไปที่ประตูคฤหาสถ์ไม่ขาดระยะจนเพื่อนๆของเขาออกปากเย้า
                          “กว่าเจ้าสาวจะมา เจ้าบ่าวคงคอยาวเป็นมังกรไปแล้ว”
                           มัลฟอยหันมาถลึงตาใส่คนพูดแต่ไม่ได้โกรธอะไรนัก เหล่าบรรดาพ่อมดและแม่มดต่างพากันเดินทะยอยเข้ามาในงาน ทุกๆคนเดินเข้ามากล่าวแสดงความยินดีกับมัลฟอยและเลี่ยงไปจับกลุ่มคุยกันเองเป็นกลุ่มๆ
                          “พวกอาจารย์มากันแล้ว” แพนซี่กระซิบบอกมัลฟอยเมื่อเห็นเหล่าบรรดาอาจารย์ของฮอกวอตส์เดินเข้ามา
                         “ยินดีด้วยนะ มัลฟอย” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดขึ้น
                         “ไม่คิดมาก่อนเลยนะว่าเธอจะมีวันนี้เหมือนคนอื่นๆ” แมดอายส์ มูดดี้พูดเสียงดัง ตาปลอมของเขาหมุนไปมารอบๆงาน
                         “อย่างน้อยๆเธอก็ได้คนดีที่จะมาคอยดูแล มันเป็นโชคนะ”
                         ลูปินพูดเบาๆโดยมีท็องค์ที่เปลี่ยนผมของเธอให้เป็นสีฟ้าใสยืนอยู่ข้างๆ
      มัลฟอยรับคำอวยพรของเหล่าบรรดาอาจารย์ของเขาอย่างสุภาพ นางนาร์ซิสซาเดินเข้ามาพร้อมๆกับรอยยิ้ม
                         “พวกรัฐมนตรีมากันแล้ว” เธอบอกมัลฟอยเบาๆ เขารีบจัดเสื้อผ้าให้ดูเรียบร้อยและยื่นมืออออกไปสัมผัสกับคอร์นีเลียส ฟัจน์และรูฟัส สคริมเจอร์
                          “รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พวกท่านยอมสละเวลาอันมีค่ามาร่วมงานของผม” มัลฟอยพูดด้วยหน้าตาเป็นงานเป็นการ ฟัจน์ยิ้มน้อยๆ
                           “สำหรับลูกชายของเพื่อนเก่าแล้ว ทางผมต่างหากที่ถือเป็นเกียรติที่ได้รับเชิญ”
                           “ยินดีด้วยนะ มิสเตอร์มัลฟอย” สตริมเจอร์พูดสั้นๆ “คุณได้สุภาพสตรีที่เยี่ยมที่สุดในโลกแห่งเวทมนต์มาเคียงคู่ถือว่าเป็นโชคดีที่สุดในชีวิต”
                           “ขอบคุณครับ” มัลฟอยตอบอย่างสุภาพ เขาคุยกับรัฐมนตรีทั้งสองต่ออีกสองสามประโยคทั้งคู่จึงขอตัวไปสนทนากับเหล่าบรรดาอาจารย์จากฮอกวอตส์
      มาร์คัส ฟลิ้นท์เดินเคียงคู่มากับมิลลิเซ็นต์ บัลสโตรก เขาหลิ่วตาให้มัลฟอยก่อนจะพูด
                           “ดีใจด้วย นายเยี่ยมมากที่ชนะใจเธอได้”
                           “ขอบคุณ” มัลฟอยตอบขรึมๆ กอยล์เดินเข้ามาหาเขาและกระซิบ
                           “พวกนั้นมากันแล้ว”
                           มัลฟอยมองออกไปด้านหน้า ที่นั่นเหล่าบรรดานักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์กำลังทะยอยเดินกันเข้ามาเป็นกลุ่มโดยมีเฟร็ดและจอร์จ วีสลีย์เป็นผู้นำ
      มัลฟอยนิ่วหน้าน้อยๆเมื่อเห็นแฮร์รี่และรอนแต่ไม่ได้แสดงอะไรมากไปกว่านั้น
                          “ยินดีด้วยนะ” เนวิลล์ ลองบัตท่อมซึ่งบัดนนี้โตเป็นชายหนุ่มที่มีหน้าตาดีจนสาวๆเหลียวมามองพูดขึ้น เขาทำงานอยู่ในกระทรวงเวทมนต์และมีความมั่นใจมากกว่าตอนเป็นนักเรียนมาก
                          “ในนามของชาวกริฟฟินดอร์ ขออวยพรให้นายกับเฮอร์ไมโอนี่มีความสุขอยู่ด้วยกันตลอดไป”
                           “ขอบใจ” มัลฟอยตอบสั้นๆ เขามองไปที่แฮร์รี่กับรอนที่ยังคงมีสีหน้ามึนตึงอยู่ เฟร็ดกับจอร์จเดินเข้ามาหาเขาด้วยใบหน้าที่ร่าเริง
                           “นี่” ทั้งคู่ส่งห่อของขวัญชิ้นเล็กๆให้กับเขา” เปิดดูตอนเข้าหอนะ มันมีประโยชน์แน่ๆ”
                           “ได้” มัลฟอยตอบพลางรับกล่องนั้นมาเก็บเข้ากระเป๋า เขาสัญญากับตัวเองในใจว่าจะไม่ยอมเปิดเจ้าห่อประหลาดนี่ในคืนนี้อย่างแน่นอน
                           “ได้เวลาพิธีแล้ว เดรโกรีบไปยืนประจำที่ของลูกเร็วๆเข้า” นางนาร์ซิสซาเดินเข้ามาเตือนเขามัลฟอยกล่าขอตัวกับเพื่อนๆและรีบเดินไปที่แท่นพิธี เขาหยุดยืนนิ่งที่หน้าแท่นนั้นมือข้างหนึ่งล้วงลงไปในกระเป๋าเสื้อสัมผัสของกล่องใบจิ๋วๆที่ภายในบรรจุแหวนทองวงน้อยๆนั้นทำให้หัวใจของชายหนุ่มเต้นระทึก เสียงฮือฮาดังขึ้นเมื่อรถของเจ้าสาววิ่งเข้ามาเทียบในงานมัลฟอยนั้นไม่กล้าขยับตัวหรือเหลียวไปมอง เสียงพูดคุยดังพึมพำใกล้เข้าตามการเดินของเจ้าสาวกลิ่นหอมที่แสนอ่อนโยนราวกับกลิ่นของฤดูใบไม้ผลิโชยมากระทบจมูกของเขาจนในที่สุดมัลฟอยก็บังคับให้ตัวเองหันหน้าไปมองดูเจ้าสาวที่กำลังเดินเข้ามาหาได้ในที่สุด
                           “สวยเหลือเกิน”
                           หัวใจของมัลฟอยพร่ำพูดประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่ในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดเดินอย่างช้าๆโดยมีนายเกรนเจอร์เป็นผู้จูงมือของเธอ
      เขาหยุดยืนตรงหน้าและส่งมือของเฮอร์ไมโอนี่ให้กับมัลฟอยพร้อมกับพูดสั้นๆ
                           “ฝากลูกสาวของฉันด้วยนะ”
                           นายเกรนเจอร์จ้องหน้ามัลฟอยนิ่งราวกับกำชับ เขายิ้มรับก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
                            “ครับ”
                             นายเกรนเจอร์ผงกศีรษะก่อนจะมองหน้าลูกสาวของตัวเองอีกครั้งและเดินไปยืนด้านหลังรวมกับแขกคนอื่นๆศาสตราจารย์ฟลิตวิคซึ่งได้รับเกียรติให้เป็นผู้กล่าวนำคำปฏิญาณกระแอมขึ้นเบาๆก่อนจะพูด
                             “พวกเราได้มาร่วมชุมนุมกันในวันนี้เพื่อเป็นสักขีพยานต่อชายหญิงที่นับแต่นี้ไปจะใช้ชีวิตร่วมกันอยู่ร่วมกัน ทุกข์และสุขร่วมกัน ก่อนจะกล่าวประกาศยอมรับทั้งสองคนมีผู้ใดในที่นี้บ้างที่จะกล่าวคัดค้านการแต่งงานในครั้งนี้”
      ศาสตราจารย์ฟลิตวิคมองไปรอบๆ ไม่มีเสียงใดๆดังตอบกลับมา ไม่มีใครขยับตัวเคลื่อนไหวเขาจึงกระแอมและพูดขึ้นอีกครั้ง
                              “ถ้าอย่างนั้นขอถือว่าทุกๆคนยอมรับพิธีแต่งงานในครั้งนี้” เขาหันไปทางเดรโก มัลฟอยและถามเสียงดัง
                              “นายเดรโก มัลฟอย คุณยินดีที่จะรับนางสาวเฮอร์ไมโอนี่เกรนเจอร์เข้ามาร่วมในชีวิตของคุณหรือไม่ คุณจะสาบานว่านับตั้งแต่นี้ต่อไปคุณจะรักและเอาใจใส่ ห่วงใย ยินดีรับฟังในทุกๆอย่างที่เธอพูด ปกป้องเธอจากอันตรายทั้งหลายและให้อภัยทุกๆอย่างต่อเธอยามที่เธอทำผิดพลาด ดูแลเธอยามที่เธอเจ็บป่วย
      และยืนอยู่ข้างๆเธอตลอดไปหรือไม่”
                              “ผมยินดี” มัลฟอยตอบ
                              “นางสาวเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ คุณยินดีที่จะรับนายเดรโก มัลฟอยเข้ามาร่วมในชีวิตของคุณหรือไม่ คุณจะสาบานว่านับตั้งแต่นี้ต่อไปคุณจะรักและเอาใจใส่ ห่วงใย ยินดีรับฟังในทุกๆอย่างที่เขาพูด ปกป้องเขาจากอันตรายทั้งหลายและให้อภัยทุกๆอย่างต่อเขายามที่เขาทำผิดพลาด ดูแลเขายามที่เธอเจ็บป่วย
      และยืนอยู่ข้างๆเขาตลอดไปหรือไม่”
                              “ฉันยินดี” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ  ศาสตราจารย์ฟลิตวิคยิ้มกว้างก่อนจะกล่าว
                              “ถ้าอย่างนั้นขอเชิญเจ้าบ่าวจงสวมแหวนให้เจ้าสาว และเจ้าสาวจงสวมแหวนให้กับเจ้าบ่าวเพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งสักขีพยานว่าต่อไปนี้ทั้งคู่จะเป็นของกันและกันตลอดไป”
                              มัลฟอยค่อยๆบรรจงสวมแหวนวงน้อยเข้าที่นิ้วมือของเฮอร์ไมโอนี่อย่างนุ่มนวลในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เองก็สวมแหวนให้กับเขาด้วยท่าทางอ่อนโยนเช่นเดียวกัน ศาสตราจารย์ฟลิตวิคจึงพูดขึ้น
                              “เชิญเจ้าบ่าวจุมพิตเจ้าสาวด้วย”
                              มัลฟอยมองหน้าที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมของเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังก้มมองดูพื้นด้วยความขวยเขินอยู่เขาค่อยๆเปิดผ้าคลุมหน้าที่เป็นลูกไม้โปร่งบางออกช้าๆพร้อมๆกับเชยคางของเธอขึ้นอย่างนุ่มนวล ดวงตาของหญิงสาวกำลังทอประกายแวววาว ริมฝีปากอิ่มที่แต่งแต้มสีสวยสดเผยอน้อยๆ หัวใจของมัลฟอยพองโตแทบจะคับอก เขายอมรับกับตัวเองว่าเฮอร์ไมโอนี่นั้นสวยที่สุด สวยกว่าผู้หญิงทุกๆคนในโลกที่เขารู้จัก ชายหนุ่มค่อยๆบรรจงประทับริมฝีปากของเขาลงไปบนริมฝีปากของเธออย่างอ่อนโยน เสียงปรบมือดังขึ้นโดยรอบพร้อมๆกับเสียงร้องตะโกนแสดงความยินดี
                               “ข้าพเจ้าขอประกาศว่า คนทั้งสองนี้เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องนับตั้งแต่นี้และตลอดไป!”
                               เสียงโห่ร้องแสดงความดีใจดังขึ้นไม่ขาดสาย เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มให้กับเพื่อนๆของเธอทุกคนก่อนจะชูช่อดอกไม้ในมือขึ้น เหล่าบรรดาแม่มดสาวๆต่างพากันชะเง้อเพื่อรอแย่ง เสียงกรีดร้องดังขึ้นเมื่อช่อดอกไม้ถูกโยนขึ้นไปในอากาศมันตกลงไปในมือของท็องค์ที่กำลังยืนมองดูอยู่ข้างๆลูปินโดยที่เจ้าตัวเองยังงงๆอยู่
      เสียงร้องอย่างผิดหวังดังมาจากหมู่พวกผู้หญิงที่รับช่อดอกไม้ไม่ได้และมองดูท็องค์อย่างอิจฉาเธอหันไปทางลูปินที่กำลังทำสีหน้าแปลกๆและยิ้ม
                              “คุณไม่มีทางหนีฉันไม่พ้นแล้ว รีมัส”
                              “ตัดเค้กเร็วๆเข้า!” เสียงใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นมันฟังดูคล้ายๆเสียงของแฝดวีสลีย์ในความรู้สึกของเฮอร์ไมโอนี่ เธอยิ้มและเดินเคียงคู่ไปกับมัลฟอยและหยุดยืนตรงหน้าเค้กหลายชั้นก้อนโตบนยอดของเค้กนั้นมีตุ๊กตาเจ้าบ่าวเจ้าสาวกำลังเต้นรำกันอยู่ครีมสีขาวกำลังไหลไล่ระดับลงมาจากชั้นบนสุดมาสู่ชั้นล่างราวกับน้ำตก ดอกไม้ที่ทำจากน้ำตาลหลากสีกำลังผลิบานและส่งกลิ่นหอมระรวยออกมา
      มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่หยิบมีดตัดเค้กขึ้นมาพร้อมๆกันและจรดปลายมีดลงที่เค้ก
      สองชิ้นแรกมัลฟอยยินดีที่จะให้เฮอร์ไมโอนี่นำไปให้พ่อกับแม่ของเธอ และชิ้นต่อไปสำหรับนาร์ซิสซาแม่ของเขา จากนั้นจึงเริ่มตัดแจกแขกเหรื่อในงาน แฮร์รี่เดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับรอยยิ้ม
                              “ยินดีด้วยนะ เฮอร์ไมโอนี่” เขาหันไปทางมัลฟอย “อย่าทำให้เธอต้องร้องไห้เชียวนะ มัลฟอย ไม่อย่างนั้นล่ะก็” คำพูดชะงักค้างคาไว้แค่นั้นมัลฟอยยิ้มให้กับเขาก่อนจะยื่นมือออกมาให้แฮร์รี่จับ
                              “เฮอร์ไมโอนี่จะไม่มีวันเสียน้ำตาเพราะฉันแน่นอน ฉันให้สัญญา”

                                                  **********************

                              เสียงเฮฮาจากงานเลี้ยงฉลองที่สนามหน้าบ้านค่อยๆเงียบลง หลังจากส่งแขกคนสุดท้ายกลับไปแล้ว ทั้งเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยก็เหนื่อยจนแทบจะหมดแรง ทั้งคู่ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงที่ปูด้วยผ้าสีขาวสะอาดตาเฮอร์ไมโอนี่ก็พูดขึ้นเบาๆ
                              “เหนื่อยจังเลยนะวันนี้”
                              “ใช่” มัลฟอยตอบสั้นๆ
                              เขามองดูเฮอร์ไมโอนี่ในชุดเจ้าสาวและยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปกอดเอวของเธอไว้หญิงสาวสะดุ้งน้อยๆ
                              “ทำอะไรน่ะ” เธอถามเบาๆ มัลฟอยไม่ตอบแต่กลับดึงเธอเข้ามากอดไว้แนบอกเฮอร์ไมโอนี่ดิ้นน้อยๆอย่างเอียงอาย
                               “ปล่อยนะมัลฟอย”
                               “เรียกเดรโกสิ” เขากระซิบเบาๆ “เราเป็นสามีภรรยากันแล้วนะ”
                                หญิงสาวมีท่าทางขัดเขินขึ้นมาในทันที เธอบิดตัวน้อยๆเพื่อที่จะให้หลุดจากอ้อมกอดของเขาแต่ไม่สำเร็จ
                                “ฉันขออาบน้ำก่อนได้ไหม..เอ้อ..เดรโก”
                                “เดี๋ยวค่อยอาบก็ได้”มัลฟอยตอบพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
                                “แต่ฉันเหนียวตัวนี่ มีแต่เหงื่อทั้งนั้น”
                                “ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” เขาพูดเบาๆพร้อมกับซุกใบหน้าไปที่คอของหญิงสาว “อีกเดี๋ยวเหงื่อก็ออกอีกอยู่ดีแหละค่อยอาบหลังจากนั้นก็ได้”
                                 หน้าของเฮอร์ไมโอนี่แดงจัดทันที เธอดันมัลฟอยออกเบาๆพร้อมกับพูดอย่างอายๆ
                                 “บ้า”
                                 มัลฟอยอมยิ้มและดึงหญิงสาวกลับเข้ามาหาอีกครั้ง เขากอดเธอแน่นและค่อยๆจูบเธออย่างนุ่มนวล หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก
                                “ฉันรักเธอ เฮอร์ไมโอนี่” เขากระซิบก่อนจะค่อยๆดันร่างของหญิงสาวให้นอนลงบนเตียงที่อ่อนนุ่มเธอปรือตามองดูเขาและโอบแขนรอบคอของเขาไว้
                                “ฉันก็รักเธอ เดรโก” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่แผ่วพร่าเธอหลับตาลงเมื่อมัลฟอยโน้มร่างลงมาหาและจูบเธออย่างอ่อนโยน เขาค่อยๆเลื่อนมือไปทางด้านหลังของหญิงสาวและค่อยๆปลดเสื้อของเธอออกอย่างช้าๆ
                                “อย่า….นะ” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่เบาหวิวเมื่อถูกอีกฝ่ายรุกเร้า
      มัลฟอยเริ่มถอดเสื้อของตัวเองและโน้มตัวลงไปหาเธอ
                                “เป็นของฉันเถอะนะ เฮอร์ไมโอนี่” เขาพูดเบาๆ มือที่เลื่อนไล้ไปตามร่างกายของหญิงสาวนั้นสั่นระริกน้อยๆ เขาได้ยินเสียงครางเบาๆมาจากหญิงสาวเมื่อใบหน้าของเขาวนเวียนอยู่เหนือเนินอกของเธอ มัลฟอยค่อยๆขยับตัวอีกครั้ง ร่างของเฮอร์ไมโอนี่แอ่นสะท้าน ดวงหน้าฉายความเจ็บปวดน้อยๆ เธอครางเบาๆ
                                 “เจ็บจัง”
                                 มัลฟอยชะงักเขามองดูเธออย่างเป็นห่วงก่อนจะพูดเบาๆ
                                 “ให้ฉันเลิกก็ได้นะ”
                                 “ไม่…ไม่ต้อง” เฮอร์ไมโอนี่รีบตอบและยกมือขึ้นโอบรัดตัวของมัลฟอยไว้เขาจูบเธออีกครั้งก่อนจะค่อยๆเคลื่อนไหวร่างกายอย่างช้าๆ ทุกจังหวะที่เขาขยับนั้นมันทั้งอบอุ่นและเร่าร้อนแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความผูกพันความรู้สึกของทั้งสองกระเจิดกระเจิงและล่องลอยไปไกลแสนไกลจนในที่สุดทั้งคู่ก็ไปหยุดที่ฝั่งฝันยังเส้นขอบฟ้า เสียงหอบหายใจดังออกมาจากร่างชุ่มเหงื่อที่อ่อนแรง
      มัลฟอยกอดเฮอร์ไมโอนี่แน่นแนบอกและจุมพิตเธอที่หน้าผากเบาๆ
                                   “ฉันรักเธอ และจะเป็นของเธอ ตลอดไป เฮอร์ไมโอนี่”


                                                                       END

                                                         ********************
       
      แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นชุดสุดท้ายสำหรับฟิคชั่นแนวแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่เราเขียนเอาไว้นานพอดู ภาษาอาจจะกระด้างและไม่สละสลวยไปบ้าง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×