ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Just love ...แค่รัก

    ลำดับตอนที่ #9 : ลาก่อน (End)

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 58





    ตอนที่ 9 : ลาก่อน


    ใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมงนิดๆเราก็เดินทางมาถึงวัดที่เราจะปฎิบัติธรรมอย่างปลอดภัย(หลังจากเกร็งมาตลอดทาง) ผมจะไม่ขอสาธยายลักษณะวัดนะเพราะมันก็เหมือนวัดทั่วๆไป แต่ถ้าใครที่ยังไม่เคยเห็นวัดผมก็แนะนำให้สมัครเข้าค่ายธรรมะแบบผมคุณจะได้เข้าใจอย่างถ่องแท้

    ตอนนี้ผมกับผู้สมัครคนอื่นๆก็ได้มานั่งหน้าสล่อนอยู่ลานหน้าวัดส่วนรถบัสก็เคลื่อนออกไปหมดตัดทางหนีเป็นที่เรียบร้อย เราก็ได้แต่มองหน้ากันแล้วยิ้มแห้งๆก่อนพี่ผู้ชายคนหนึ่งจะเดินตบมือเสียงดังเพื่อดึงความสนใจเรา


    ~แปะ!! แปะ!!~


    "น้องๆครับฟังทางนี้หน่อย!! เดี๋ยวพี่จะแนะนำตัวกันก่อนนะครับ! พวกพี่มาจากมหา'ลัย xxxl ชมรมจิตอาสา พี่ชื่อเดียว เป็นรองหัวหน้าชมรมครับ"พวกผมที่นั่งกันอยู่ตบมือทันทีที่พี่มันแนะนำตัวจบ นิ่ถ้าไม่บอกผมคงจะคิดว่าพี่มันเป็นพี่ว้ากหรือหนักหน่อยก็โจรปล้นห้างอ่ะนะ หน้าแมร่งเถื่อนกำลังดี

    "แฮ่กๆ เชี่ย โทษทีกูมาสาย"พี่คนใหม่วิ่งเข้ามาตบไหล่พี่เดียวแล้วหอบแฮ่กเหมือนวิ่งมาจากมหา'ลัย(?)ก่อนพี่เดียวจะพยักหน้าแล้วบอกให้พูดแนะนำตัว

    "สวัสดีครับน้องๆ พี่ชื่อกีม เป็นหัวหน้าชมรม ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ"พี่มันพูดจบแล้วก้มหัวลงเล็กน้อยก่อนบรรดาสิงสาราสัตว์ชะนีค่างบ่างทั้งหลายจะกรี๊ดกร๊าดกันเสียงโหยหวน เข้าใจฟิวป่ะ? หน้าตาพี่มันออกแนวเดือนมหา'ลัยแบบพวกเลวๆ(เพล์บอย)มากกว่าจะมาเป็นหัวหน้าชมรมแบบนี้ว่ะ //โบ๊ะ!!  (มึงเคยมองใครในแง่ดีบ้างไหม!?)

    "มาแค่ 6 คนจะคุมกูอยู่หรอว่ะ?"ไอ้กานมันกระซิบบอกผมแล้วหัวเราะกวนตีน แต่กูว่าถึงพวกเราจะมีเยอะกว่าพวกพี่มันแต่ทางนั้นเขาก็ใช่ย่อยที่ไหน หน้าตาดีกันทั้งฝูงแถมดูเหมือนพวกมาเฟียเลย แค่เฉียดหางตามามองก็สาวก็ละลาย หน้าตาไม่เหมือนพวกทำงานเพื่อส่วนรวมแต่น่าจะเป็นพวกสร้างกลุ่มเพื่อสนองตัณหาตัวเองมากกว่า

    "เอ้า น้องครับๆ! เลิกซุบซิบนินทากันได้แล้ว มีใครมีปัญหาอะไรไหม? ถามพวกพี่ได้นะครับ"พี่เดียวมันแหกปากถามเสียงดัง กูถามหน่อยเหอะว่าถ้ามึงพูดอย่างนั้นใครมันจะบ้าถามว่ะ??

    "...เอ่อ... ทำไมพวกพี่หล่อจังเลยล่ะค่ะ?"สาวผู้หนึ่งใจกล้าหน้าด้านยกมือถามขึ้นท่ามกลางสายตาประชาชีนับสิบกับเสียงเชียร์จากเพื่อนตัวเธอ

    "พวกพี่เป็นเดือนคณะน่ะครับ และนี้ก็เป็นกิจกรรมของมหา'ลัยเลยโดนจับมากันหมด"พี่กีมมันตอบฉะฉานแต่แอบอมยิ้มเชี่ยไรอยู่ก็ไม่รู้อยู่เนืองๆ(?)

    "แล้วมีกันแค่นี้หรอครับ? ไม่มีดาวคณะหรอ?"ไอ้เด็กผู้ชายท่าทางเกรียนข้างๆผมมันถามบ้างแล้วเลิกคิ่ว มันน่าจะรุ่นเดียวกับผมนะแต่ดูตัวโตกว่า(นิดหน่อย)

    "ยังมีสมาชิกคนอื่นอีกครับแต่ดาวคณะน่ะไม่มี"พี่ไปป์ รุ่นพี่อีกคนที่ท่าทางกวนๆหน่อยตอบแล้วไอ้คนข้างๆผมมันก็ทำหน้าเซ็ง

    "แล้วชมรมพี่มีผู้หญิงไหมครับ?"ไอ้เกรียนข้างผมมันยังถามต่อ มึงอย่าทำตัวเด่นนักได้ไหมพอมึงนั่งข้างกู เขามองมึง กูก็นึกว่าเขามองกู!!

    "ชมรมพี่หรอ? มีประมาณ 2-3 คนมั้ง"พี่ไปป์มันตอบกลับ

    "สวยไหมพี่?"

    "ก็พอใช้มั้ง"พี่ไปป์มันตอบอีกแต่เคยมีอะไรที่พี่มันใจบ้างไหม มั้งตลอดเลย

    "ขอเบอร์หน่..."

    "พี่ค่ะๆ! พี่เป็นเดือนคณะอะไรบ้างอ่ะค่ะ?"ไอ้เกรียนข้างผมมันยังถามไม่ทันจบสาวใจกล้าหน้าด้านคนเก่าก็ยกมือถามพี่มันอีก

    "แรด!"ไอ้เกรียนมันด่าครับ

    "แรดแล้วหนักหัวพ่อแกรึไง!?"ทางนู้นด๋ากลับครับ

    "เออ หนักโคตรๆ ช่วยเอาแรดออกไปทีเหอะว่ะ"

    "อ๊าย! ไอ้บ้า! แกจะหาเรื่องหรอ!?"ฝั่งนู้นเขาปรี๊ดแตกแล้วแล้วยกพวกยืนขึ้นประกาศศึก

    "เพื่อนมึงหรอว่ะ?"ผมกระซิบถามไอ้เกรียนก่อนมันจะส่ายหน้าแล้วบอกว่า..

    "เปล่า"ก่อนพวกที่นั่งอยู่รอบตัวมันในรัศมี 2 เมตรจะถอยกรูดกันทันที ไอ้ห่านิ่ เพื่อนก็ไม่ใช่แล้วมึงจะไปเถียงกับเขาทำไม!?

    "น้องๆ!! หยุดทะเลาะกันได้แล้ว!! เดี๋ยวพี่จะให้ไอ้กีมตอบคำถามเมื่อกี้ให้ล่ะกัน!"ไอ้พี่เดียวมันตะโกนแทรกขึ้นก่อนจะดันพี่กีมออกมาแล้วสาวๆที่ทำท่าจะมีเรื่องก็นั่งแล้วแหกปากกรี๊ดๆปานโดนน้ำร้อนสาด

    "หึ ถ้าผู้หญิงมันแรดนัก กูเอาผู้ชายดีกว่าว่ะ"ไอ้เกรียนมันบ่นอะไรพึมพำก่อนจะหันมายิ้มให้ผม คือแบบว่างานอดิเรกมึงคือการแกว่งปากไปหาตีนใช่ไหม?

    "พี่เป็นเดือนจากนิเทศศาสตร์ พี่เดียวจากวิศวะ พี่ไปป์จากเศรษฐศาสตร์ พี่บูมจากอักษร พี่เอสจากมนุษย์ แล้วก็พี่ดิสจากสถาปัตถ์ครับ"พี่กีมมันชี้รายตั...คนพอพูดจบพวกเราก็ตบมือกันแถมด้วยเสียงกรี๊ดจากสาวๆ ถ้ากูหล่อแบบมึงบ้างกูจะสร้างกองทัพมาถล่มพวกมึงให้ดู!

    "ต่อไปเดี๋ยวพี่จะพาน้องๆเอากระเป๋าไปเก็บแล้วก็ดูที่ๆเราจะนอนกันคืนนี้นะครับ"พี่เอสบอกก่อนจะเริ่มกิจกรรมอย่างจริงจังหลังจากเล่นมานาน

    "พรุ่งนี้จะมีพี่ๆมาอีก 8 คนเพื่อคุมน้องๆทั้ง 50 คน ส่วนวันนี้พี่ก็ขอให้พวกเรารีบเอาของไปเก็บแล้วลงมาทานข้าวให้เรียบร้อย จากนั้นก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำหรือพักผ่อนตามอัธยาสัยเดี๋ยวตอนค่ำๆเราจะมีกิจกรรมสวดมนต์รอบดึกกัน แยกย้ายได้ครับ"พี่บูมพูดดูมีสาระที่สุดก่อนพวกพี่ที่เหลือจะสั่งคอยควบคุมพวกเราให้เดินไปที่ๆจะนอนคืนนี้

    ------------------------------



    ...ศาลากลางเปรียญ...


    หึ เปิดโล่งขนาดนี้ถ้าผีไม่หลอกก็ให้แมร่งรู้ไป มากันแค่ 50 คนกับอีก 6 นอนกันยังไม่ถึงครึ่งศาลาเลย หน้าต่างก็เปิดมันทุกบาน ตอนกลางคืนจะปิดไหมว่ะ? กูยิ่งกลัวๆผีอยู่

    "เฮ้ยหวัดดี! กูชื่อเซนนะ เรามาเป็นเพื่อนกันไหม?"ใครบางคนสะกิดหลังให้หันไปมองก่อนจะเจอไอ้เชี่ยเกรียนปากหมาที่เคยนั่งข้างผมกำลังยิ้มยิ้มกว้างแล้วยื่นมือมาให้จับอยู่ ผมที่กำลังมึนงงกับสถานการณ์ก็เออออจับๆมือมันไป กูเป็นเพื่อนมึงแล้วกูจะโดนตีนป่ะว่ะ??

    "กูชื่อเบียร์"ไม่รู้จะตอบอะไรมันดีเลย

    "มานิ่!"


    ~พรึ่บ!~


    "เฮ้ยๆๆ!!"ผมร้องเสียงหลงชนิดหาทางกลับไปเจอเมื่ออยู่ๆไอ้เชี่ยภูมิมันก็มากระชากมือผมให้เดินไปตามมัน

    "สาสนิ่กูหายใจไม่ออกนะเว้ย!!"

    "มึงนอนตรงนี้แหละ"ไอ้ภูมิมันพูดพร้อมกับเหวี่ยงกระเป๋าผมไว้บนเสื่อข้างกระเป๋ามัน คือมึงหายโกรธกูแล้วใช่ไหม? ผมได้แต่อมยิ้มแล้วเก็บคำถามนั้นว้ในใจ คนปากแข็งอย่างไอ้ภูมิถ้าถามว่าใจอ่อนกับผมแล้วหรอมันคงปรี๊ดแตกแล้วโวยชุดใหญ่แน่

    "กูขอนอนข้างๆมึงนะเบียร์"ไอ้เซนมันยิ้มแฉ่งแล้วโยนกระเป๋ามันลงข้างๆกระเป๋าผม นิ่มึงจะตามกูมาทำไมเนี้ย??

    "ไม่ได้!! ตรงนั้นมีคนนอนแล้ว!!"ไอ้ภูมิพูดเสียงลั่นก่อนจะโยนกระเป๋าไอ้เซนไปไว้ที่อื่น เอาแล้วโว้ยๆ มันจะต่อยกันกลางศาลาแล้วโว้ย

    "เอ้า! ใครมันนอนว่ะ!? กูไม่เห็นจะมีกระเป๋าใครมันจองไว้!"ไอ้เซนมันย้อนกลับแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าตัวเองมาวางไว้ข้างกระเป๋าผมอีกครั้ง

    "เพื่อนกูนอน! มึงไปหาที่นอนที่อื่นซิว่ะ!!"ไอ้ภูมิมันบอกหน้าด้านๆก่อนจะโยนกระเป๋าไอ้เซนออกไปอีก ถ้าเพื่อนมึงคือไอ้กานกับไอ้ดั้มกูยังเห็นมันถอดรองเท้าอยู่หน้าศาลาอยู่เลยนะมันมาจองไว้ตอนไหนว่ะ??

    "แต่เพื่อนมึงยังไม่ได้มาจองที่! ใครดีก็ได้ซิว่ะ!!"ไอ้เซนตะโกนใส่หน้าไอ้ภูมิแต่คราวนี้มันไม่ได้เดินไปเก็บกระเป๋ามาคืนที่แต่มันเดินเข้ากระชากคอเสื้อไอ้ภูมิแบบจะหาเรื่องแทน ชิบหายแล้ว พื้นที่มีเป็นร้อยล้านตารางเมตรมึงจะมาเถียงกันทำไมกะอีแค่ที่ข้างๆกูว่ะเนี้ย??

    "แล้วมึงจะมานอนทำเหี้-ไรตรงนี้ว่ะ!?"ไอ้ภูมิตอกกลับก่อนจะดึงคอเสื้อไอ้เซนมาแล้วซัดเข้าไปผวั๊ะหนึ่งต่อด้วยหมัดไอ้เซนที่สวนกลับมาทันควัน แลกกันคนละหมัดสองหมัดๆ

    "เฮ้ยๆ!! พวกมึงจะต่อยกันทำไมว่ะ!?"เสียงไอ้กานดังมาแต่ไกลก่อนมันกับไอ้ดั้มจะวิ่งเข้ามาห้ามมวยคู่เด็ด เวรเอ้ย กูจะมาสั่งสมบุญ(หร๊อ?)แต่พวกมึงดันมาสร้างบาปตั้งแต่วันแรกอย่างนี้แล้วมันจะได้บุญไหมว่ะเนี้ย!??

    "พวกมึงทำอะไรกันว่ะ!!?"เสียงเข้มๆของไอ้พี่เดียวดังก้องไปทั้งศาลาตามด้วยพวกรุ่นพี่คนอื่นๆที่วิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์ แค่เรื่องที่นอนมันทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตได้ขนาดนี้เลยหรอว่ะ??

    "พวกน้องกำลังทำอะไรกันครับ?"พี่กีมมันถามย้ำทั้งๆที่ก็เห็นๆกันอยู่ว่าพวกมันทะเลาะกัน

    "ต่อยกันครับ พวกเราต่อยกัน"ไอ้ภูมิมันรับหน้าตายแล้วเช็ดเลือดที่มุมปาก ไอ้เรื่องศักดิ์แบบนี้เชี่ยภูมิมันเคยยอมใครซ่ะที่ไหนล่ะ

    "ต่อยกันเรื่องอะไร?"พี่กีมถาม

    "เรื่องที่นอนครับ"ไอ้เซนตอบบ้างก่อนจะมองไอ้ภูมิแบบจะกินเลือดกินเนื้อ มึงยังไม่จบ?

    "แค่เรื่องที่นอนพวกมึงทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตได้ขนาดนี้เลยหรอว่ะ??"ไอ้พี่ไปป์ถามบคำถามเดียวกับผมเป๊ะแล้วทำหน้าซี๊ดเหมือนเจ็บแทน

    "พวกมึงนิ่มัน.."

    "เดี๋ยวไอ้เดียว เรามาทำบุญนะ คราวนี้พวกกูจะไม่เอาเรื่องพวกมึงแต่อย่าให้มีอีกไม่งั้นพวกมึงเจอหนักแน่"พี่ดิสที่ผมไม่เคยเห็นพูดซักคำ บัดนี้พี่มันได้เข้ามากันพี่เดียวไว้แล้วเอ่ยคำชวนขนลุกไปถึงปลายเส้นขน ผมว่าพี่เดียวมันโหดแล้วนะแต่ไอ้พี่ดิสมันโหดแบบสยองกว่าเยอะเลย หลังจากเคลียร์กันจบพวกพี่มันก็กลับไปจัดการที่นอนของตัวเองต่อ คนอื่นๆที่มามุงดูเหตุการณ์ก็ทะยอยกันไปด้วย

    "พวกมันทะเลาะอะไรกันว่ะ?"ไอ้เฮียไวน์ที่ไม่รู้หายไปไหนแล้วเพิ่งโผล่มาถามผมก่อนจะวางกระเป๋ามันทับกระเป๋าผม

    "ไม่รู้ดิ่เฮีย ไอ้เซนมันจะนอนตรงนี้แต่ไอ้ภูมิมันไม่ยอมให้นอน ไอ้เซนมันก็ไม่ยอมไป มันเลยต่อยกันเนี้ย ตี๋โคตรงงเลยว่ามันจะต่อยกันทำไม??"ผมตอบแล้วเกาหัวแกรกๆ จนปานนี้มันยังทำท่าจะฟัดกันต่ออยู่เลย

    "เออๆ มึงก็ระวังๆหน่อยล่ะกัน อย่าทำให้ใครเขาเสียใจ แยกความรู้สึกของมึงให้ดีๆ"เฮียมันตบไหล่ผมแปะๆก่อนจะเดินออกไปหาพี่เบสที่ยืนรออยู่หน้าศาลา แล้วสรุปว่ามันหมายความว่ายังไงว่ะ??

    -----------------------------



    ~แกร่ก แกร่ก แกร่ก~


    เสียงกวาดใบไม้ดังไปทั่วลานวัด วันนี้มันก็ไม่มีอะไรพิเศษหรอกนะนอกซ่ะจากไอ้หมาสองตัวข้างๆผมที่กำลังทำท่าเหมือนจะฟัดกันซ่ะให้ได้ รุ่นพี่ที่อยู่หรือมาใหม่ยังเอาไม่อยู่เลย

    "เฮ้ย! ตกลงพวกมึงจะมาต่อยกันหริอจะมาทำบุญว่ะ!?"ผมแทบจะโยนไม้กวาดใส่หัวไอ้ภูมิกับเชี่ยเซนให้มันแตกกันไปข้างด้วยความรำคาญ เพื่อนคนอื่นๆเขาก็รำคาญพวกมันนะแต่แค่ไม่พูดอะไร พวกมึงจะทะเลาะอะไรกันนักหนาว่ะ??

    "ก็ไอ้เชี่ยนี่มันมากวนตีนกูอ่ะ!"ไอ้เซนเข้าดึงแขนผมแล้วชี้หน้าไอ้ภูมิเหมือนจะหาเรื่อง

    "ทำไม? หน้ามึงมันกวนตีนเอง"ไอ้ภูมิก็ไม่น้อยหน้า มันดึงแขนผมอีกข้างแล้วผลักไหล่ไอ้เซนออก ถ้ามึงจะต่อยจะตีกันอย่าเอาก็อย่าเอากูไปเป็นไม้กันหมาซิว่ะ!!

    "พวกมึงปล่อยกูเลยๆ กูเจ็บนะเนี้ย"ผมสะบัดแขนออกจากมันสองตัวแล้วทำหน้าดุก่อนจะวางไม้กวาดแล้วเปลี่ยนไปล้างห้องน้ำวัดแทน พอหันไปมองพวกมันก็ยังทะเลาะกันอยู่เลย แมร่งจะว่าเด็กหรือปัญญาอ่อนดีว่ะ...

    "..."ผมยืนมองไอ้ภูมิที่กำลังทะเลาะกับไอ้เซนอยู่ห่างๆ ทุกครั้งที่ผมเห็นไอ้ภูมิ..ผมไม่เคยเจ็บปวดขนาดนี้มาก่อนเลย ความรู้สึกบางอย่างมันกำลังตีกันอยู่ข้างใน บางอย่างที่ผมปิดมันมาตลอด..

    "..เบียร์.."ใครบางคนเอื้อมมือมาแตะไหล่ผมเบาๆแล้วพอผมหันกลับไปมองก็กับไอ้กาน หึ หายไปซ่ะนาน กูก็เกือบลืมมึงไปซ่ะแล้ว

    "มีไร? จะพากูโดดไม่ร่วมกิจกรรมรึไง?"ผมถามมันแล้วยักคิ้วกวนตีนแต่ดูเหมือนมันจะไม่เล่นด้วย มันทำหน้าเครียดแล้วกวักมือเรียกให้ผมเดินตามมันไปแทน

    "..."

    "มีไรว่ะ?"ผมถามไอ้กานอีกครั้งเมื่อมันเอาแต่เงียบไม่ยอมพูดอะไร ทำไมบรรยากาศมันตึงเครียดแปลกๆว่ะ

    "กูถามอะไรมึงอย่างได้ไหมเบียร์?"

    "อะไร?"ถ้ามึงไม่ถามเกี่ยวกับคณิต วิทย์ ไทย อังกฤษ สังคม และวิชาอื่นอีกบลาๆๆกูก็คงตอบได้อยู่มั้งนะ

    "...มึงรู้สึกยังไงกับไอ้ภูมิ?"

    "...  ทำไมมึงถามยังนั้นว่ะ?"ผมพยายามเค้นเสียงหัวเราะออกมาเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกในใจ ไม่เคยมีใครถามผมแบบนี้..แม้แต่ตัวผมเอง ทำไมไอ้กานมันถึง...

    "กูไม่รู้นะว่าทำไมมึงถึงแอบรักไอ้ภูมิมานานขนาดนี้ กูไม่เคยสงสัยหรืออยากรู้เลยจนกระทั่ง.."

    "..จนกระทั่งอะไร?.."

    "จนกระทั่งเฮียไวน์ฝากให้กูมาย้ำมึงว่าแยกความรู้สึกของมึงให้ออก อันไหนคือความรัก อันไหนแค่ความรู้สึกดี เฮียมันเล่าให้กูฟังหมดแล้ว มันจริงรึเปล่าว่ะ? มึงอยู่กับความสับสนแบบนี้นานถึง 3 ปีเลยหรอว่ะ?"กานมันถามผมแล้วเอามือกุมหัวตัวเอง ผมไม่รู้หรอกนะว่ามันเป็นอะไรแต่ผมรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ มันไม่จำเป็นต้องมายุ่ง

    "ไหนมึงบอกว่าขอถามอย่างไง กูขอไม่ตอบคำถามอื่นล่ะกันนะ กูไปล้างห้องน้ำก่อน มึงก็ไปช่วยกันทำบ้างนะอย่าเอาแต่อู้"ผมบอกมันแล้วยิ้มก่อนจะตบไหล่มันแปะๆแล้วเดินออกมา


    ..ไม่อยากคุย ไม่อยากตอบอะไรทั้งนั้น..


    "มึงไม่ได้กำลังหลอกตัวเองอยู่ใช่ไหมเบียร์?"ไอ้กานมันพูดลอยๆทำให้ผมต้องชงักแล้วหยุดฟังมัน ผมหันหลังให้มัน มันเองก็หันหลังให้ผม...ตอนนี้มันไม่มีแล้วคำว่าความเชื่อใจน่ะ..

    "..."

    "ไม่ใช่มึงนะที่เจ็บ ระหว่างที่มึงกำลังหลอกตัวเองอยู่ ไอ้ภูมิมันกำลังเสียใจ"

    "..."

    "กี่ครั้งแล้วว่ะ? ที่มึงทำมันเสียใจจนต้องร้องไห้แค่ความรู้สึกที่ไม่แน่นอนของมึง กี่ครั้งแล้วว่ะ? ที่มันให้อภัยมึงและเข้าไปช่วยมึงตลอด ...แต่มึงกลับทำมันเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า มึงเคยนับครั้งไหมเบียร์?"

    "..."เสียงไอ้กานเงียบหายไปพร้อมๆกับร่างของมันที่เดินหายไปอีกทาง ผมเองก็ได้แต่ก้มหน้ามองพื้นที่ไม่น่าจะมีอะไรให้มองแต่บนนั้นมันกลับมีภาพเรื่องราวต่างๆฉายวนไปวนมา



    - 3 ปีที่แล้ว ก่อนที่ผมจะรักมัน ก่อนที่ผมจะเริ่มรักไอ้ภูมิ ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าเรื่องผู้ชายรักผู้ชายมันจะเกิดขึ้นกับผม...


    ทุกอย่างมันเหมือนผิดพลาด..แต่ผมก็ไม่อยากโทษว่ามันผิด


    'ร้องไห้ทำไม?'

    '...'ผมปาดน้ำตาแล้วมองกลับไปเห็นเด็กผู้ชายอายุใกล้เคียงกัน มันมองผมแล้วขมวดคิ้วสงสัย เหงื่อไหลอาบแก้มเหมือนมันวิ่งมาจากที่ไหนไกล

    'อย่าป๊อดดิ่ว่ะ แค่นี้เอง มึงเป็นลูกผู้ชายรึเปล่าเนี้ย?'มันพูดด้วยใบหน้าติดรอยยิ้มนิดๆแล้วดึงผมขึ้นมาจากความมืด มันดึงผมขึ้นมาจากความหวาดกลัว กลัวที่ต้องถูกคนอื่นแกล้งอยู่บ่อยๆ แต่ผมมันโง่ โง่ที่ดันเผลอคิดไปเองว่ารอยยิ้มและมืออุ่นๆนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อผมจนลืมคิดไปว่ามันกับผมเป็นผู้ชายทั้งคู่


    แค่คำพูดกับการกระทำไม่กี่อย่างของมันทำให้ผมตกหลุมรักมันอย่างช่วยไม่ได้แต่ถ้าลองมานึกดูดีๆ มันไม่ใช่ความรัก...


    ...ผมแค่ปลอบใจตัวเองมาตลอดว่าผมยังรักไอ้ภูมิอยู่ ผมแค่คนที่ยังกลัวความโดดเดี่ยว ผมยังกลัวว่าถ้าผมไม่มีที่พักพิงใจแล้วผมจะล้มลงไปอีก...


    ..ผมมันก็แค่พวกขี้แพ้ ที่ชอบโกหกตัวเอง..


    'ตี๋ กูว่ามึงควรกล้าบ้างนะ เพราะความกลัวของมึงนั่นแหละที่จะทำให้มึงเสียทุกอย่าง มึงกำลังทำร้ายคนอื่นแค่เพราะความกลัวของมึง!!'


    'คิดว่ามันผิดหรือเปล่า?'

    '...ครับ มันผิด'

    'แล้วกลัวไหม?'

    'ครับ? ...ก็..ครับ'

    'แล้วกลัวอะไรล่ะ?'

    'ก็กลัว..'



    คำพูดต่างๆดังก้องอยู่หูผม เฮียไวน์พูดถูก ผมกำลังทำร้ายคนอื่นและผมก็รู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าอะไรคือสิ่งที่ผมกลัว เพียงแค่ผมไม่กล้าที่จะยอมรับมัน


    ...ผมกลัวที่ต้องกลับไปโดดเดี่ยว..ผมกลัวความรู้สึกของตัวเองมาตลอด...


    "เบียร์ มึงให้ไอ้กานไปเรียกกูมาทำไมว่ะ?"เสียงไอ้ภูมิดังมาจากด้านหลังผม ผมถึงกับตัวสั่นร้าวไปทั้งตัวแล้วจู่ๆน้ำตามันก็พลันไหลออกมา เชี่ยกานมึงจะให้กูทำยังไงว่ะ กูทรมานมาตลอด 3 ปีแล้ว กูควรทำยังไงต่อ...

    "เฮ้ย! ร้องไห้ทำไม?"ไอ้ภูมิเดินเข้าจับผมให้หันไปมองมันก่อนมันจะตกใจแล้วรีบปาดน้ำตาออกให้ผม

    "เป็นไรว่ะ? กูพูดแค่นี้เอง มึงเป็นลูกผู้ชายรึเปล่าเนี้ย?"ภูมิมันพูดก่อนผมจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองหน้าที่มีเหงื่อไหลอาบแก้มเหมือนมันรีบวิ่งมา ...เหมือนเดิมเลย เหมือนทุกครั้ง ทุกครั้งที่ผมร้องไห้ มันทำแบบเดิมทุกครั้งจนผมต้องหลงไปกับความใจดีนั้น...

    "..กูขอโทษ.."ผมบอกมันเสียงสั่นพร่าด้วยน้ำตา ยิ่งอยากจะพูดผมยิ่งอยากจะร้องไห้

    "... เรื่องอะไร?"ไอ้ภูมิถามกลับแล้วมองผมอย่างไม่เข้าใจ

    "ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมแล้ว"

    "อะไร? อะไรที่ไม่เหมือนเดิม?"

    "...ตัวกู.. ความรู้สึกกู.. ความคิดกู.. แล้วก็..หัวใจกู.."

    "มึงหมายความว่ายังไง?"

    "ภูมิ ...กูรักมึงไม่ได้อีกแล้ว"

    "..."

    "..กูเป็นคนทรยศความรักของเรา..ตั้งแต่ต้น กูขอโทษ.."

    "..แต่ว่ากู..แต่ว่ากู..กูรักมึงนะเบียร์!!"ภูมิมันพูดเสียงสั่นแบบที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน มันจับไหล่ผมแล้วเขย่าเหมือนคนบ้าจนผมเจ็บไปหมด

    "..มึงจะพูดทำไมว่ะ? ถ้าคนมันหมดใจต่อให้มึงพูดคำไหนยังไงกูก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อยู่ดี"ผมบอกมันแล้วก็สั่นไปทั้งตัว ผมยังรักมันอยู่แต่ผมต้องตัดใจ ผมไม่อยากหลอกตัวเองอีกแล้ว ผมไม่ได้รักมันเหมือนแต่ก่อน

    "แต่กูรักมึงมานานมากแล้วนะเบียร์.. กูแอบรักมึงมาตั้งแต่ม. 1 แล้ว ทุกครั้งที่มึงโดนแกล้งกูก็คอยตามไปล้างแค้นพวกมันให้มึง กูไม่เคยกล้าคุยกับมึงจนวันนั้น วันที่มึงโดดเรียนแล้วไปแอบร้องไห้หลังโรงเรียน กูรู้ว่ามึงคิดยังไงกับกู แต่กูก็อยากแน่ใจก่อนว่ากูจะดูแลมึงได้จริงๆ กูไม่อยากทำมึงเสียใจ.."ภูมิมันพูดก่อนจะล้มลงไปคุกเข่ากับพื้นด้วยน้ำตา ผมไม่เคยเห็น ผมไม่เคยรู้เลย ...มันรักผมก่อนที่ผมจะรักมัน... ทำไมมันเพิ่งมาบอกเอาป่านนี้...

    "มันนานไปรึเปล่าว่ะ? ระหว่างที่มึงกำลังไม่แน่ใจ กูก็รู้สึกไม่เหมือนเดิมแล้ว มันสวนทางกัน"พอมึงแน่ใจว่าจะดูแลกูได้ กูก็หมดใจกับมึงไปแล้ว...

    "..."

    "กูขอโทษ"พูดจบผมก็เดินหันหลังออกไปทันที ได้ยินแค่เสียงร้องไห้ของคนข้างหลังกับเสียงหัวใจผมที่ดังจนแทบจะสลาย

    "..เบียร์.."


    ...มันก็จริงอย่างที่เฮียไวน์เคยบอกว่าความรักไม่จำเป็นต้องมีความสุขเสมอไป ก็เพราะว่ามันไม่จำเป็นต้องมีความรักนั้นอีกแล้วไงมันถึงไม่จำเป็นต้องมีความสุข...


    ..ความรักไม่ใช่เรื่องเล่าสนุกหรือนิทานหลอกเด็ก ถ้าลองอ่านตอนจบดีๆ ก็จะรู้ว่าไม่มีหรอกที่จบบริบูรณ์...


    "ถ้ามึงกับกูเป็นคู่กัน ต่อให้รออีก 10 ปี มึงก็เป็นของกูอยู่ดี ...กูจะรอมึง"ภูมิพูดแล้วเช็ดน้ำตามองตามด้ายสีแดงบนนิ้วนางของเขาที่เชื่อมไปกับนิ้วของใครอีกคนที่กำลังเดินจากไปก่อนเขาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม กลับมายิ้มอีกครั้งแล้วลุกเดินตามไป



    - 3 ปีก่อน -


    ~ตุ้บ!! ตุ้บ!!~


    ~แอ่กกก!!~


    ~เอื้อก!!~


    "กูบอกพวกมึงกี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับไอ้เบียร์?"เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนหลุดรุ่ยพูดเสียงเรียบก่อนจะคว้าคอเสื้อหัวโจกใน 3-4 คนนั้นขึ้นมาแล้วมองหน้าด้วยสายตานิ่งงัน

    "กูแค่แกล้งขำๆ..."


    ~ผวั๊ะ!~


    "ภูมิ! มึงปล่อยพวกกูไปเถอะนะ กูจะไม่ทำแล้ว กูสัญญา!"หัวโจกพูดเสียงสั่น พยายามวิงวอนคนที่เหนือกว่าอย่างกลัวตาย


    ~ผลั๊ก!~


    "..ไปซ่ะ"เด็กหนุ่มผลักร่างอีกฝ่ายลงไปกับพื้นก่อนคนพวกนั้นจะรีบพากันวิ่งหนีไปแล้วเขาก็รีบวิ่งไปที่หลังโรงเรียนทันที

    "โอ้ยยย!!"

    "เฮ้ย ลุง! เป็นไรไหมครับ!?"เด็กหนุ่มหยุดชงักไปเมื่อเห็นชายชราคนหนึ่งล้มลงไปกับพื้นก่อนเขาจะวิ่งเข้าไปช่วย

    "ไม่เป็นไรๆ ขอบคุณมากๆ"ชายชราบอกแล้วยิ้มก่อนจะเก็บแอปเปิ้ลที่ตกเข้าถุงโดยมีเด็กหนุ่มคอยช่วยอยู่

    "อ่ะนี่ครับ"เด็กหนุ่มพูดแล้วยื่นแอปเปิ้ลลูกสุดท้ายให้ชายชราแต่เขากลับยิ้มแล้วส่ายหน้า

    "เก็บไว้เถอะ ลุงให้"

    "ไม่เป็นไรครับ ลุงเอาไปเถอะ"

    "ไม่เอาๆ ถือว่าเป็นคำขอบคุณล่ะกัน รับไว้เถอะนะ"

    "ผมไม่เอาครับ ลุงเอาคืนไปเถอะ"

    "ลุงให้ เอาไปเถอะ"

    "คือ..ผมไม่ชอบกินแอปเปิ้ลอ่ะครับ ลุงเอาคืนไปเถอะ"เด็กหนุ่มพูดแล้วยุติการยื้อยุดโดยการเอาแอปเปิ้ลใส่เข้าถุงไปทันที

    "เฮ้อ แล้วแต่เราล่ะกันนะ"

    "โทษทีนะครับ งั้นผมขอตัวก่อน พอดีมีธุระอ่ะครับ"เด็กหนุ่มบอกก่อนจะยิ้มแล้วรีบวิ่งไปยังที่ๆต้องไปแต่โดนชายชราดึงไว้ซ่ะก่อน

    "ถ้าแอปเปิ้ลไม่เอางั้นลุงให้ของอันอื่นล่ะกัน"ชายชรายิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนร่างนั้นจะหายไปต่อหน้าต่อตาเด็กหนุ่มเหลือไว้เพียงคำพูดส่งท้าย

    "ถ้าเชื่อเรื่องด้ายแดงก็จงเชื่อว่าปลายอีกด้านของเจ้าคือรักแท้"สิ้นเสียงพูดก็มีด้ายสีแดงโผล่ขึ้นมาบนนิ้วนางของเด็กหนุ่ม เขาแทบจะไม่เชื่อสายตาหรือหูที่ได้ยินแต่ทันทีที่สมองนึกถึงคนที่ต้องรีบไปหาสองเท้าก็รีบออกวิ่งทันที

    "ร้องไห้ทำไม?"เด็กหนุ่มมองอีกฝ่ายแล้วขมวดคิ้วสงสัย เหงื่อก็ไหลอาบแก้มด้วยความเหนื่อย

    "..."อีกฝ่ายหนึ่งก็เงยหน้าขึ้นมามองแล้วนิ่งไป น้ำตาไหลเป็นสาย

    "อย่าป๊อดดิ่ว่ะ แค่นี้เอง มึงเป็นลูกผู้ชายรึเปล่าเนี้ย?"เด็กหนุ่มพูดด้วยใบหน้าติดรอยยิ้มนิดๆแล้วดึงอีกฝ่ายขึ้นมาแต่จู่ๆด้ายแดงก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง อีกคนดูเหมือนจะไปเห็นแต่เขาเห็น...เห็นว่าปลายด้ายอยู่บนนิ้วนางนั้น ด้ายของเขากับคนๆนี้มันเชื่อมกัน...



    "มึง..."


    ~พรึ่บ~


    "...เป็นคู่แท้กู"ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะพูดจบคนตรงหน้าก็ล้มสลบไปในอ้อมแขนของเขา



    ...ไม่ต้องหา ไม่ต้องเหนื่อย มึงเป็นของกูมาตั้งแต่เริ่มแล้ว...



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×