ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [UnQueen] ข้าไม่ได้อยากเป็นราชินี!!

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 เริ่มชีวิตใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 15 ธ.ค. 56


    ::บทที่ 2::

    ประตูบานใหญ่ขนาดมหึมาเปิดออกอย่างเชื่องช้าทำให้รูปลักษณ์ของปราสาทดูน่าเกรงขาม
    ขึ้นเป็นเท่าตัว จนชาวไร่ธรรมดาๆที่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ถึงกับอ้าปากค้างทำตัวไม่ถูก อา นี่ข้าจะ
    ได้มาอยู่ใน'ปราสาท'แสนงดงามนี่จริงๆหรือ ไม่อยากจะเชื่อเลย!
    "...น่า..ท่านโซน่าขอรับ?"
    "หือ..ทำไมเหรอ กัลเวน" เสียงนิ่งเรียบขององครักษ์สวมหน้ากากข้างหลังข้าทำให้ข้าต้อง
    หันไปตอบด้วยใบหน้าที่เก๊กสุดชีวิต 
    "..น้ำลายจะหยดถึงพื้นแล้วนะครับ..."

    เพล้ง!

    หน้าแตกไม่เหลือซากเล้ยยยย!! กระซิกๆ
    ข้ายกแขนขึ้นมาเช็ดน้ำลายที่ใกล้จะหยดลงพื้นอย่างหมดภาพ ฮือ ศักดิ์ศรีที่แทบจะไม่เหลือ
    อยู่แล้วของข้า ณ เวลานี้โดนเจ้าปีศาจสวมหน้ากากทำลายซะเกลี้ยงโหลแล้ววว
    หนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทดุจราตรีโค้งให้ข้าก่อนจะเดินไปอยู้ด้านหน้าขบวนเพื่อนำทาง
    เข้าปราสาท  ที่แท้หลังประตูนั่นก็คือสวนด้านหน้าของปราสาทซึ่งเต็มไปด้วยพืชพันธ์หลากชนิดถูกตัดแต่งอย่างปราณีต ดอกไม้หลากสีสันแข่งกันชูดอกบานสะพรั่งเต็มสวน  ตรงกลางนั้นมีน้ำพุทำมาจากหินอ่อนเบรูเนียร์ที่ได้ชื่อว่าหายากที่สุดในแดนปิศาจตั้งตระหง่านอยู่.....

    อะไรมันจะเพอร์เฟกต์เป๊ะจัดขนาดนี้เนี่ย!

    กัลเวนยังคงก้าวเท้าเดินต่อไปโดยไม่สนใจข้าที่ยืนตาค้างอ้าปากหวออยู่ข้างหลังเลยแม้แต่
    นิดเดียวจนทหารองครักษ์ตนอื่นๆต้องมาสะกิดข้าให้หลุดจากภวังค์ แหม ก็คนเค้าไม่เคยเห็นของสวยๆงามๆนี่ฝ่า ปล่อยๆบ้างจะป็นไรไป
    "ผ่านประตูนี่ไปจะเป็นด้านในของปราสาทนะขอรับ...อ้อ ที่สำคัญ..ท่านโซน่า...."  ชายหนุ่ม
    เดินมาหาข้าพร้อมกับยื่นอะไรบางอย่างให้ข้า เอ๋ เสื้อคลุมเหรอ?
    "ใช่แล้วขอรับ เพราะพวกข้าได้ลงอาคมพิทักษ์ที่แห่งนี้เอาไว้ ถ้าหากใครที่พลังเวทไม่แข็ง
    พอก็จะโดนอาคมเข้าเต็มๆเลยล่ะขอรับ.."  เอ่อ นี่เจ้ากำลังหลอกด่าว่าข้ามันอ่อนปวกเปียกสินะ หึ
    เออ ข้ามันก็แค่ชาวไร่ธรรมดาๆเองนี่จะไปมีพลังบ้าพลังบออะไรแบบนั้นได้ไงเล่า!
    ข้ารับเสื้อคลุมตัวยาวสีน้ำตาลเข้มอย่างไม่สบอารมณ์ เหอะ รอเจ้าถอดหน้ากากเมื่อไหร่เถอะ
    ข้าเนี่ยแหละจะเป็นคนแรกที่จะชกหน้าเจ้ากับมือ
    ทันทีที่ข้าสวมเสื้อคลุมของกัลเวนข้าก็เริ่มรู้สึกถึงพลังอะไรบางอย่างที่ไหลไปทั่วร่าง นี่มัน
    อะไรกันเนี่ย? แสงสีทองสว่างวาบรอบตัวข้าจนต้องหลับตาปี๋ แต่เมื่อผ่านไปได้สักพักแสงนั้นก็ค่อยๆจางลงเรื่อยๆจนเหลือแค่แสงสลัวๆเท่านั้น  ข้าหันกลับมองชายหนุ่มสวมหน้ากากสีเงินวาวด้วยสายตาซึ่งเต็มไปด้วยคำถาม 
    " เกิดอะไรขึ้นกับข้ากันเนี่ย? " ข้าเอ่ยถาม
    " แสงที่เปล่งออกมาเมื่อครู่นั้น คือมนต์ที่เอาไว้คลายอาคมลวงตา..ซึ่งองค์ราชาของพวกเรา
    ได้ร่ายมันเอาไว้ในห้องโถงแห่งนี้ขอรับ "  เขาตอบกลับอย่างราบเรียบพร้อมกับเดินนำข้าผ่านบริเวณห้องโถงขนาดใหญ่ ไม่สิ ต้องเรียกว่ายักษ์เลยล่ะ!! แถมของตกแต่งก็ยังหรูหราเกินบรรยาย
    อีกด้วย!  ถามทีเหอะพวกเจ้าไปเอางบมาจากไหนเนี่ย
    " เอาล่ะ...พ้นเขตอันตรายแล้ว ถอดเสื้อคลุมได้เลยขอรับท่านโซน่า "  
    ข้าบรรจงถอดเสื้อคลุมสีน้ำตาลเข้มออกจากตัวและยื่นมันคืนให้หัวหน้าองครักษ์ตรงหน้าข้า
    เข้ารับมันไว้ก่อนจะก้าวเท้าออกเดินต่อ เฮ้อ ปราสาทนี่มันจะกว้างไปถึงไหน ทำไมเดินตั้งนานแล้วยังไม่ถึงสักทีล่ะฟระ
    "...ถึงแล้วครับท่านโซน่า" โห พูดปุ๊ปมาปั๊ปเลยแฮะ
    กัลเวนบอกให้ข้านั่งรอไปก่อนจนกว่าเขาจะเดินกลับมาเรียก ข้าจึงทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้สีแดง
    สวยหรูแถวๆนั้นเพื่อเป็นการพักหายใจจากที่เดินมาตลอดทางโดยมีเจ้าหน้ากากเป็นผู้นำขบวน
    จะว่าไป..ก็ยังไม่หายสงสัยเรื่อง'อาชีพ'ใหม่อยู่ดี ว่าทำไมต้องเป็นข้าด้วย ข้าเป็นแค่ชาวไร่ชาวสวนธรรมดาเองไม่ใช่เรอะ? จู่ๆจะให้มาเป็นราชินีของแดนปีศาจมันก็ยังไงๆอยู่...รึว่า..ญาติฝั่งไหนสักฝั่งของข้าจะเคยเป็นเชื้อพระวงศ์? ไม่สิๆๆๆๆ ข้าเคยมีญาติกับเขาที่ไหนกันล่ะ! ปัดโธ่ เอ๊ย กรรม!!คิดเท่าไหร่ก็หาเหตุผลที่ฟังขึ้นไม่ได้เลยยยย  เฮ้อ ให้ตายสิ......
    ข้านั่งแกว่งขาไปพลางบ่นในใจไปพลางจนทหารบางคนถึงกับมองข้าด้วยสายตาแปลกๆ
    คล้ายจะบอกว่า'ช่วยอยู่นิ่งๆแบบคนปกติจะได้มั้ย'อะไรทำนองนั้น

    ครืนนนนน

    เอ๋ อะ..อะไรน่ะนั่น ความรู้สึกประหลาดนี่....ยังกับมีรังสีประหลาดๆแผ่ไปรอบตัวเลย

    โซ...น่า.............

    ยังไม่ทันหายสงสัยเรื่องความรู้สึกประหลาด เสียงประหลาดๆก็ดังขึ้นในหัวข้าเหมือนกับ
    กำลังสนทนาอะไรบางอย่าง แถมยัง...รู้ชื่อข้าอีก!! มันอะไรกันแน่เนี่ย!

    โซ..น่า.....มาหาข้า.....เจ้าจงมาหาข้า...
     
    เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้งจนข้าแทบทนรำคาญไม่ไหว มันพูดประโยคเดิม น้ำเสียงแบบเดิม
    และก็ยังเรียกชื่อข้าเหมือนเดิม..!
    ข้ายกมือขึ้นมาปิดหูตามสัญชาตญาณพร้อมกับหลับตาปี๋ด้วยความรำคาญอย่างสุดซึ้ง  ฮึ่ย!
    เจ้าจะเป็นใครก็ช่างแต่ถ้ายังไม่เลิกกวนข้าล่ะก็ข้าจะ..เอ่อ..ข้าจะสาปแช่งให้เจ้าพูดไม่ได้ซะเลย!!
    (อันที่จริงก็ทำได้แค่นั้นล่ะนะ) ดูซิว่าจะยังพูดได้อยู่มั้ย

     
    โซน่า...........

    " อ๊าก หยุดสักทีสิว้อยยยยย!!! " ข้าร้องลั่นอย่างหมดความอดทนกับเสียงประหลาดกวโอ๊ย
    นั่น ส่งผลให้หลายๆคนในละแวกนั้นหันมามองข้าเป็นจุดเดียว เหอๆ แต่โทษนะ พอดีข้าเพิ่งไปเข้าคอร์สเสริมความหน้าหนาจนหนังหน้าที่หนาอยู่แล้วของข้าเพิ่มความหนาขึ้นเป็นเท่าทวีคูณเลยน่ะ
    " แหกปากอะไรของเจ้าเนี่ยฮะ!! " 
    " เลิกพูดกับข้าสักที!!!!!......เอ๋?..ชะอุ๊ย " ข้าซึ่งกำลังอินกับการด่าเจ้าเสียงกวนบาทานั่น
    เผลอหันไปด่าผู้มาเยือนคนใหม่อย่างหน้าไม่อาย ซวยแล้ววว เขาจะโกรธข้ามั้ยนี่
    "....! "
    " เอ่อ ขะ..ขอโทษ " จึ๋ย อย่ามองข้าด้วยสายตาอำมหิตงั้นเด้ ปีศาจอย่างข้าก็กลัวเป็นนะ
    " เจ้าเป็นใคร? "  ฟิ้ว~อย่างน้อยโชคก็ยังมาช่วยข้าทัน เจ้านั่นไม่โกรธข้าจริงๆด้วย แต่ใน
    ระหว่างที่ข้ากำลังจะอ้าปากตอบชายหนุ่มตรงหน้าเสียงอันคุ้นหูก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
    " ท่านโซน่าขอร้าบ! ได้เวลาแล้วขอร้าบ "  กัลเวนที่วิ่งมาราธอนกลับมาตามข้าตะโกน
    สุดเสียงจนข้าแทบสะดุ้ง  ทันทีที่ได้ยินเสียงของเขาชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง..อ้อ ข้าลืมบอกไปเขาเองก็สวมหน้ากากเหมือนกับหัวหน้าองครักษ์จอมเถรตรงนั่นไม่มีผิดเพียงแต่แทนที่จะสวมครอบทั้งหน้าเหมือนกับกัลเวนเขากลับสวมปิดแค่ใบหน้าครึ่งบนเท่านั้น  เขาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรีบสาวเท้าหนีทันทีที่เห็นร่างลางๆของกัลเวนวิ่งเข้ามา 
    " ไปกันเถอะขอรับ.....แฮ่ก แฮ่ก "
    " พักเหนื่อยสักหน่อยมั้ย..เจ้าน่ะ "

     
    ..................................................................................

     
    "ที่นี่น่ะเหรอ?"
    "ขอรับ..."
    หลังจากที่ข้าและกัลเวนเดินผ่านโถงทางเดินที่ยาวววที่สุดในโลกมาแล้ว ก็ได้มาหยุดอยู่ที่
    หน้าประตูไม้สักลวดลายแปลกตา ข้ามองประตูบานนั้นอย่างอึ้งๆ อะไรมันจะงามเยี่ยงนี้!
    "ได้เวลาแล้วล่ะขอรับ"  ข้าพยักหน้าหงึกๆเป็นคำตอบก่อนจะสาวเท้าเดินตามกัลเวนซึ่งนำ
    อยู่ข้างหน้า เมื่อประตูเปิดออกจนสุดก็เผยให้เห็นสภาพห้องข้างใน...อย่าเพิ่งเข้าใจผิดไปล่ะ ห้องนี้น่ะไม่ได้รกหรือสกปรกอะไรอย่างที่เจ้าคิดหรอกแต่เป็นห้องที่สวยหรูที่สุดในโลกเลยตะหาก!
    ตามกำแพงถูกประดับไปด้วยโคมไฟฝังผนังราคาแพง ตรงสุดห้องเป็นกระจกใสบานใหญ่
    บวกกับผ้าม่านกำมะหยี่สีม่วงเข้มขลิบทองเป็นของตกแต่ง....กัลเวนเคยบอกข้าว่าหากมองทะลุออกไปจะเห็นตัวปราสาทและสวนด้านหน้าทั้งหมด แน่ล่ะว่ารวมถึงไอ้เจ้าน้ำพุหินอ่อนเบรูเนียร์นั่นด้วย ฮิ ฮิ ไว้วันไหนว่างๆแอบแวบมาดูบ้างดีกว่าท่าจะเจ๋งไม่ใช่น้อยเลยนะเนี่ย
    "ใครกันน่ะ..กัลเวน"  ชายหนุ่มสวมหน้ากากสีขาวปิดใบหน้าด้านบนกล่าวขึ้น..อ้อ!ข้าลืมเล่า
    ไปเรื่องนึง...ตรงกลางห้องนั้นจะมีโต๊ะยาวตั้งอยู่ ด้านซ้ายและด้านขวาของโต๊ะนั้นมีปีศาจจับจอง
    ที่นั่งบนเก้าอี้ เท่าที่ดูแล้ว...ท่าจะด้านละสามตนละมั้ง ไม่ขาดไม่เกิน
    ทุกตนล้วนสวมหน้ากากสีขาวครอบใบหน้าด้านบนเหมือนกันหมดจนแทบไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
    ส่วนคนที่ถามหัวหน้าองครักษ์ข้างๆข้าก็ดันนั่งอยู่ใกล้ข้ามากที่สุดเสียด้วย! ถ้าอย่างนี้คงต้องสงบ
    สะเงี่ยมสักหน่อยแล้วมิฉะนั้นได้โดนเจ้าหน้ากากกัลเวนเชือดเหตุเพราะทำเจ้านั่นเสียหน้าแน่ๆ!
    "ข้าถามเจ้าอยู่นะกัลเวน...!"  จึ๋ย! เสียงน่ากลัวชะมัดเล้ย ยิ่งอยู่ใกล้ๆซะด้วย
    "เอ่อ ขะ..ขออภัยขอรับท่าน เด็กสาวผู้นี้มีชื่อว่าโซน่า คลาวด์..ว่าที่ราชินีแดนปีศาจองค์
    ใหม่ไงขอรับ" เจ้าหน้ากากเงินตอบอย่างละล่ำละลั่กแต่ดูเหมือนว่าจะยิ่งทำให้สีหน้าของชายหนุ่มเจ้าของคำถามแย่ลงไปอีก..เอ๋ ทำไมเจ้านี่หน้าคุ้นแปลกๆ เหมือนกับเคยเจอที่ไหน...สักแห่ง..
    "..นังเด็กนี่เนี่ยนะ?"  นังอะไรนะ
    "ขอรับ..."
    "หึ กะโปโลแบบนี้น่ะรึ.."  เอ่อ ขอโทษนะข้ารู้ว่าเจ้าตั้งใจจะไม่ให้ข้าได้ยินแต่..พอดีข้าเป็น
    พวกหูดีผิดมนุษย์มนาอ่ะนะ(ก็ไม่ใช่อยู่แล้วนี่นะ)ประโยคเมื่อครู่ของ'เจ้า'จึงเข้าหูข้าเต็มๆเลยเสียใจด้วยนะ 
    "ฮะ ฮะ อย่างน้อยเด็กกะโปโลอย่างข้าก็ไม่เที่ยวเหน็บแนมชาวบ้านเค้าแบบนี้ละกัน"
    "อึก! ว่าไงนะ!!"
    "..พอได้แล้ว..!"  จู่ๆเสียงเรียบเย็นยะเยือกก็ดังขึ้นมาจากบุคคลซึ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะตรงข้ามกับ
    ข้าพอดี  เขามองข้าสลับกับปีศาจจอมเหน็บแนมตนเมื่อกี๊ด้วยสีหน้าระอาเต็มทนคล้ายกับจะบอกว่า 'เมื่อไรจะหยุดเสียที' อะไรทำนองนั้น
    "เจ้าน่ะ...มาตรงนี้หน่อยได้มั้ย"  ชายหนุ่มเจ้าของเสียงอันราบเรียบไร้ความรู้สึกกวักมือเบาๆ
    เรียกข้าให้เข้าไปหาพร้อมกับจ้องหน้าข้าไม่เลิก
    "เจ้าเป็นใคร....เล่ามาให้ละเอียดเลยนะ" 
    "เอ่อ ขะ..ข้าชื่อโซน่า คลาวด์...มะ..มาจากหมู่บ้านทางตะวันตก.....ค่ะ"  ข้าพยายามตอบ
    คำถามให้ดูสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะดูเหมือนว่าเขาคนนี้จะเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงมากที
    เดียว ขืนพูดอะไรผิดไปมีหวังได้โดนกระทืบแหลกแน่..ดูจากสีหน้าของพี่ท่านแล้ว....ข้าก็ยิ่งต้องระวังมากขึ้นเป็นสองเท่า
    "โซน่า คลาวด์งั้นสินะ..."
    ปีศาจหนุ่มก้มหน้าลงต่ำราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือก
    ใหญ่ เอ่อ หรือไม่ก็อาจจะทำใจอยู่
    "ข้าคือเอริออธ ราชาแห่งอาณาจักรเรนาซ...ยินดีที่ได้..รู้จัก"  เขาฉีกยิ้มฝืดๆให้ข้าจนข้า
    รู้สึกอยากจะหลบมุมไปร้องไห้ตงิดๆ ฮึก! หากมันทรมานจิตใจเจ้านักก็ไม่ต้องฝืนก็ได้นะ ข้าไม่ถืออยู่แล้ว! 
    เขาหุบยิ้มฝืดๆลงก่อนจะค่อยๆถอดหน้ากากสีขาวโพลนออกอย่างเชื่องช้าเผยให้เห็น
    ใบหน้าอีกครึ่งนึงใต้หน้ากาก เขามีดวงตาสีม่วงเข้มเป็นประกายราวอัญมนีรับกับเส้นผมสั้นระคอสีดำสนิท พูดง่ายๆก็คือรัศมีความเปล่งประกายเจิดจรัสของเขาทำให้ปีศาจแสนธรรมดา
    อย่างข้ากลายเป็นไอ้ซีดจางไปในทันทีทันใด โอ้โห หล่อจนเทพบุตรต้องยกนิ้วให้เลยนะเนี่ย..! 
    อะแฮ่มๆ มาเขาเรื่องกันต่อ...
     
    หลังจากที่ 'เอริออธ' แนะนำตัวพ่วงด้วยตำแหน่งเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วกัลเวนจึงเดินเข้า
    มาขัดก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ข้า...หา? อะไรอีกล่ะเนี่ย...
    "กรุณาเซ็นลงนามยืนยันการเป็นราชินี(ชั่วคราว)ของท่านด้วยขอรับ ท่านโซน่า"
    "อืมๆ เข้าใจละ แล้วข้าต้องเซ็นชื่อตรงไหนเหรอ"
    "มันก็มีอยู่ที่เดียวไม่ใช่เหรอขอรับ..? สายตาไม่ดีซะแล้วเหรอขอรับ"  เออๆ! รู้แล้วน่าไม่
    เห็นจะต้องด่าก็เลยนี่!!
    ข้าฉกกระดาษกับปากกาขนนกในมือของหัวหน้าองครักษ์แล้วเซ็นลงนามมั่วๆลงไปในช่อง
    สำหรับลงนามอย่างหงุดหงิด ฝากไว้ก่อนเถอะ กัลเวน!!
    "..การลงนามเสร็จสิ้น...."  
    ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าปริศนาภายใต้หน้ากากสีเงินวาวชวนแสบตาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียง
    แผ่วเบาจนยากจะได้ยิน แต่แล้วจู่ๆข้าก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศประหลาดๆรอบตัวจนอดเสียวสันหลังวาบไม่ได้
    ...อึก..บรรยากาศแบบนี้อีกแล้ว!!

    เจ้า.....เป็นของข้า...แล้ว.......

    น่านไง เจ้าเสียงน่ารำคาญนั่น!! เมื่อไหร่จะเลิกรังควานข้าเสียที! 

    "..น่า..ท่านโซน่าขอรับ? เป็นอะไรรึเปล่าขอรับ?"  ร่างข้าถูกเขย่าเบาๆโดยมือหนาของกัล-
    เวน เมื่อเห็นว่าข้ายังรวบรวมสติไม่ได้เขาก็เขย่าแรงขึ้นจนคอข้าแทบเคล็ด เฮ้ยๆ ใจเย็นๆ
    "นี่ๆๆ พอได้แล้ว!ข้าไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แค่เหม่อเท่านั้นเองน่า!"  ข้าปัดมือเพชรฆาต
    ที่เกือบจะทำให้คองามๆ(?)ของข้าต้องเป็นอันบุบสลายออกอย่างรวดเร็ว ฮู่ว จะแรงเยอะไปไหนเนี่ย
    "เฮอะ เนี่ยนะราชินี..." 
    อ้อ ข้าจำได้แล้วว่าไปคุ้นหน้าเจ้าปีศาจปากเสียนี่ได้จากที่ไหน...เขาคือคนที่เดินมาด่าข้า
    ตอนที่กำลังแหกปากด่าเจ้าเสียงสุดน่ารำคาญนั่นน่ะเอง หรือเป็นเพราะข้าดันตะโกนใส่หน้าเขา
    จนเข้าใจผิดว่าข้าคิดร้ายกับเขากันนะถึงได้ก่นด่าไม่เลิกแบบเนี้ย!
    ข้าหันไปแยกเขี้ยวใส่ปีศาจหนุ่มปากร้ายที่ยังคงใส่หน้ากากสีขาวปิดครึ่งหน้าอย่างเคืองๆ
    เอ...ว่าแต่ทำไมถึงมีแค่ราชาเรนาซที่ถอดหน้ากากออกล่ะ? งง
    "นั่นเป็นเพราะข้ายังไม่อยากให้คนอย่าง'เจ้า'ได้เห็นโฉมหน้าอันหล่อเหลาของข้าน่ะสิ"
    ..อึ๋ย! พูดมาได้!!
    "พอได้แล้วน่า เอนอร์ "  เสียงทุ้มนุ่มฟังดูขี้เล่นของชายหนุ่มอีกคนพูดขัดขึ้น ไม่สิ คงต้อง
    เรียกว่าเด็กหนุ่มด้วยซ้ำ เพราะเขาดูจากน้ำเสียงและใบหน้าเรียวเล็กของเขาแล้วก็คงจะมีอายุพอๆกับข้านั่นแหละ
    ปีศาจหนุ่มผู้ถูกตำหนิยอมสงบปากสงบคำแต่โดยง่ายจนข้าอดรู้สึกทึ่งในความเด็ดขาดของ
    เด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ได้ เขานั่งกอดอกเหมือนเด็กสี่ขวบโดนแย่งของเล่นอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าบูดบึ้งจ้อง
    เขม็งมาที่ข้าอย่างหัวเสียสุดๆคงเพราะยังไม่ได้แกล้งเด็กสาวท่าทางกะโปโลอย่างข้าให้สาแก่ใจ..เหอๆ แค่นี้มันยังไม่พออีกเรอะพ่อคู๊ณ~
    "ขอโทษทีนะ พอดีเพื่อนข้าไม่ค่อยชอบผูกมิตรกับผู้คนสักเท่าไหร่น่ะ"  เออ เห็นก็รู้
    "ข้าชื่อว่า โฮเรน ราชาแห่งเกลเซียร์(Glasier)เป็นเกียรติมากที่ได้พบเจ้านะ โซน่า คลาวด์"
    ดูเหมือนข้าจะลืมอธิบายไปบางอย่าง..ในแดนปีศาจที่พวกข้าอาศัยอยู่มีอาณาจักรทั้งหมด
    เจ็ดอาณาจักรด้วยกันซึ่งแต่ละอาณาจักรก็จะมีลักษณะและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไปอย่างเช่น โฮเรน ซึ่งมาจากอาณาจักรเกลเซียร์ก็จะมีรูปร่างที่ไม่สูงโปร่งเท่าเอริออธ สีผิวก็จะคล้ำกว่า
    เล็กน้อยส่วนสีผม..คาดว่าน่าจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลอ่ะนะ..ที่ข้ารู้ก็มีเท่านี้แหละ  เฮ้ๆอย่าเพิ่งมองข้าด้วยสายตาเอือมระอาแบบนั้นสิ! ข้าอุตส่าห์ไปค้นอ่านจากหนังสือในห้องเจ้าซีนเชียวนะ
    ..ถึงจะได้ข้อมูลไม่ครบก็เถอะ...
    เด็กหนุ่มมองข้าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มไปพักนึงก่อนจะค่อยๆถอดหน้ากากที่ปกปิดใบหน้าอยู่
    ออกช้าๆ ท่วงท่าอันสง่างามของเขาทำเอาข้าอยากจะร้องไห้ออกมาตงิดๆ ฮือ เลิกทำให้ข้ารู้สึกว่าตัวเองมันไม่คู่ควรกับอาชีพใหม่(?)เสียทีเถอะ! แค่โดนเจ้ากวนส้นนั่นด่าจนไม่เหลือชิ้นดีข้าก็บอบช้ำพอแล้ว..!
    "ถ้าหากคุยกับเจ้าโดยที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้แบบนี้ก็คงจะเป็นการไม่ให้เกียรติอีกฝ่ายสินะ...
    ขอโทษด้วย อย่าถือสาละกัน"  เมื่อหน้ากากสีขาวสะอาดตาถูกถอดออกเรียบร้อย โฉมหน้าแท้จริงของราชาแห่งเกลเซียร์ก็ประจักษ์แก่ตา  เส้นผมสีทองแซมส้มสะบัดพลิ้วเล็กน้อยตามแรงหันของศีรษะ นัยน์ตาอบอุ่นสีกาแฟจ้องมองมาที่ข้าอย่างจริงใจ อา..ในชีวิตนี้ข้าไม่เคยเจอใครทำสีหน้าอ่อนโยนและจริงใจได้ขนาดนี้มาก่อนเลย....เจ้ามันพ่อพระกลับมาเกิดชัดๆ!!
    สักพักโฮเรนจึงหันไปบอกกับหัวหน้าองครักษ์จอมเถรตรงให้นำข้าไปที่ห้องพักส่วนตัว  

    เย้! 
    ในที่สุดก็ได้พักสักที!

    เมื่อได้รับคำสั่งเขาก็รีบกุลีกุจอวิ่งออกจากห้องโดยทิ้งให้ข้ายืนทำหน้าเอ๋ออยู่ท่ามกลาง
    เหล่าราชาทั้งเจ็ดซึ่ง..ถ้าไม่นับเอริออธกับโฮเรนแล้วที่เหลือก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจข้าสักเท่าไหร่ด้วย..ขอบใจนะที่ทำตามหน้าที่แต่ช่วยดูสถานการณ์หน่อยเซ่!!! อย่าทิ้งข้าไว้ที่นี่น้า!!!!


    ................................................................
     

    กัลเวนนำข้า(อีกแล้ว)มาถึงห้องๆหนึ่ง ประตูเป็นไม้สักแต่ลวดลายไม่ปราณีตเท่ากับที่ห้อง
    ประชุม ทันที่ข้าก้าวขาเข้าไปในห้องกัลเวนก็รีบปิดประตูดังปังอย่างรวดเร็ว นี่! อยากจะไล่ให้ข้าไป
    นอนเร็วๆหรือไง หา! แต่ด้วยสังขารขนาดนี้ข้าก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆนั่นแหละ
    ข้าทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแสนนุ่มอย่างเหนื่อยอ่อนจากการที่ตะลอนๆมาทั้งวัน ตั้งแต่เดินข้าม
    เขายันสงครามประสาทของเอนอร์ เฮ้อ มันช่างเป็นอะไรที่เหนื่อยได้ใจจริงๆ.....

    โซน่า.................

    จึ๋ย!เสียงนี้อีกแล้วเหรอ ขอร้องล่ะ....
    "ได้โปรดเถอะเลิกกวนใจข้าสักที มันเหนื่อยนะ!"  โชคดีที่ข้าอยู่ในห้องส่วนตัวเลยพูดอะไร
    ลอยๆได้ตามใจชอบ
    '...ก็เจ้าไม่ฟังเองนี่....'
    หา อะไรเนี่ย? ปกติมันต้องมีบรรยากาศประหลาดๆแถมมาด้วยไม่ใช่เหรอ? ไหงถึงมีแต่
    เสียงชายหนุ่มเฉยๆล่ะ..ฮะ! ชายหนุ่มเรอะ
    เดี๋ยวนะเสียงน่ารำคาญนี่มันจะต้องเข้มกว่านี้ไม่เหรอ ไหงถึงอ่อนลงได้เนี่ย
    'เจ้านี่มันสมองช้าหรืออะไรกันแน่เนี่ย?'
    นั่นไงๆเห็นมั้ยมันอ่อนลงจริงๆด้วย! เจ้าเป็นใครมาจากไหนกันแน่เนี่ยฮ้า!
    ดูเหมือนคำถามในใจของข้าไม่ยักจะมีเสียงตอบกลับมา ข้าจึงได้แต่นั่งเกาขมับแกรกๆอยู่
    บนเตียง โอย ให้ตายเถอะ การเป็นราชินีมันต้องเจออะไรแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย...
    "ท่านโซน่า! ทุกอย่างเรียบร้อยใช่มั้ยขอรับ?"  ไม่นานเสียงเจื้อยแจ้วอันคุ้นหูของบุรุษนาม
    กัลเวนก็ดังออกมาจากด้านนอก จนข้าถึงกับหัวคะมำตกเตียงด้วยความตกใจสุดฤทธิ์
    ปัดธ่อ! เลิกมาระรานความเป็นส่วนตัวของชาวบ้านเขาจะได้ม้าย!
    "ไม่เป็นไรๆเจ้าไปไกลๆได้แล้ว!"
    "แต่..."
    "ข้าต้องการความเป็นส่วนตัวนะ!"  
    "....."  พอได้ยินประโยคอันเฉียบขาดของข้าเขาก็นิ่งเงียบไปสักพักก่อนพูดออกมาด้วยน้ำ-
    เสียงร่าเริงผิดปกติ
    "เข้าใจแล้วล่ะขอร้าบ ถ้าอย่างนั้นกระผมก็จะไม่ยุ่งกับ'ความเป็นส่วนตัว'ของท่านละกันนะ
    ขอร้าบ เชิญตามสบายลยนะขอร้าบ" 

    ข้าถึงบอกไงล่ะว่าเจ้านี่มันจอมเถรตรง!!

    หลังจากไล่กัลเวนออกไปห่างๆห้องข้าสำเร็จ ข้าก็ล้มตัวลงบนหมอนใบใหญ่ทันทีหวังจะ
    หลับให้เต็มอิ่มจนถึงพรุ่งนี้เช้า ดีเหมือนกันจะได้ไปไล่ถามชื่อและตำแหน่งของอีกห้าคนที่เหลือด้วย  เผลอๆอาจจะจับถอดหน้ากากเลยก็เป็นได้.....หาววววว~
     '....เจ้านี่น้า......'
    เสียงเดิมจากจิตใต้สำนึกของข้าเอ่ยขึ้นก่อนที่ข้าจะดำดิ่งสู่ห้วงนิทราอัน(น่าจะ)ยาวนาน

     

    ......................................................................

     

    แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก...
    ข้าพยายามวิ่งหนีอย่างสุดกำลังกับบางสิ่งบางอย่างที่กำลังคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆบางสิ่งที่น่า
    กลัวเกินกว่าจะทำใจหันกลับไปมองได้
    อ๊า!! ออกไปนะ!!
    อา..แย่แล้ว ไม่นะมันใกล้เข้ามาอีกแล้ว..!
    ข้าเร่งฝีเท้าเต็มอัตราแล้ววิ่งต่อไป หมอกหนาเริ่มเข้าปกคลุมบริเวณที่ข้าวิ่งไปจนแทบไม่เห็น
    ทาง แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคอย่างสูงจริงๆก็คือ...ตรงหน้าของข้ามีหน้าผาอยู่!

    ตึก! ตึก! ตึก!...

    เสียงฝีเท้าเริ่มใกล้เข้ามาแล้วอีกไม่นานก็คงตามทัน ด้วยความที่หมดทางหนีข้าจึงกระโดด
    ลงหน้าผาอย่างไม่คิดชีวิต  ร่างบางๆของข้าพุ่งตรงดิ่งไปข้างล่างอ้วยความเร็วที่เหลือเชื่อจากแรง
    โน้มถ่วง ลมแรงปะทะใบหน้าจนแสบผิวไปหมด  ไม่นะ ข้ายังไม่อยากตายอนาถแบบนี้!!
    ...แต่แล้วความคิดเมื่อครู่ของข้าก็ต้องยุติแค่นั้นเมื่อรอบตัวข้าถูกห้อมล้อมไปด้วยห้วงมิติ
    ประหลาด สภาพแวดล้อมรอบๆตัวค่อยๆบิดเบี้ยวก่อนจะหายไปราวกับถูกดูดกลืนด้วยบางสิ่งบางอย่าง  อะไรกันน่ะ นี่มันคืออะไรกันเนี่ย?!
    ฉับพลันภาพๆหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าข้า มันค่อนข้างที่จะเลือนรางจนแทบจะดูไม่ออกแต่
    ที่พอมองออกแน่ๆก็คือ......
    มันมีรูปร่างเหมือนดาบ!


    กริ๊งงงงงง!!
    "...ท่านโซน่า ท่านโซน่า! ตื่นได้แล้วขอรับ!"
    ข้าพยายามเปิดเปลือกตาอันหนักอย่างสุดกำลังโดยมีกัลเวนยืนบ่นอยู่ข้างๆ

    หือ? นี่ข้าฝันไปหรอกเรอะ??

    ข้าขยี้ตา บิดขี้เกียจสองสามครั้งแล้วลุกขึ้นเดินไปยังห้องน้ำด้วยความงัวเงียอย่างที่สุด เฮ้อ..
    อะไรกันนี่ ความฝันที่เห็นเมื่อคืนมันคืออะไรกันแน่นะเนี่ย....
    "ท่านโซน่าาา..! พวกเราใกล้จะสายแล้วนะขอรับ!"
    "หือ?? สายสำหรับอะไรเหรอ"
    "ถามมาได้นะขอรับ ก็พิธีอภิเษกองค์ราชินีคนใหม่ไงขอรับ!" 
    หา!! ยังจะมีพิธีอภิเษกอะไรนั่นอีกเรอะ ไหนบอกว่าข้ามารับตำแหน่งแค่ชั่วคราวไม่ใช่เหรอ
    ทำแบบนี้ก็เหมือนกับกำลังประกาศตัวเองต่อสาธารณะชนเลยนะ!
    "ยังจะทำหน้างงอีกเหรอขอรับ..! รีบๆไปแต่งเนื้อแต่งตัวสิขอรับ!!"
    "ว้ากก! ไปแล้วเจ้าค่า ไปแล้วเจ้าค่าาาา"   


    หลังจากถูกเจ้าหน้ากากกัลเวนลากไปลากมาระหว่างลานพิธีกับห้องพักข้าก็เริ่มเกิดอาการ
    'สับสนในชีวิตระยะสุดท้าย'  ก็ดูที่เจ้าบ้านั่นทำกับข้าเซ่ อย่างกับเห็นข้าเป็นของใช้ที่หิ้วไปไหน
    มาไหนได้ยังงั้นแหละ!
    เมื่อเสร็จการเตรียมงานที่ลานพิธีกัลเวนก็พาข้ากลับมาแต่งองค์ทรงเครื่องที่ห้อง สรุปก็คือ
    ที่เจ้านั่นไล่ให้ข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตั้งแต่เช้าก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย...เพราะสุดท้ายเจ้านั่นก็หา
    ชุดงามๆมาให้ข้าใส่ไปร่วมพิธีอยู่ดี
    นี่เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตของข้าที่ได้ใส่อะไรสวยๆงามๆขนาดนี้เลยนะนี่ แถมกัลเวน
    ยังแต่งหน้าให้ข้าซะหนาจนแทบไม่เหลือรอยเดิม...อ้อ..ไม่ต้องตกใจไป เจ้านั่นไม่ได้เป็นคน
    แต่งหน้าให้ข้าหรอก อันที่จริงต้องพูดว่าเขาเป็นคน 'สั่ง' ให้คนมาแต่งหน้าให้ข้าต่างหากถึงจะถูก   
    "เอาล่ะแค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะขอรับ"
    ..ข้ามองตัวเองในกระจกอย่างอึ้งๆ  โอ้โฮ..นี่มันตัวข้าจริงๆรึเนี่ย? บุคคลในกระจกนั่น..คือ
    ข้าจริงๆงั้นเรอะ??
    ผมสีน้ำเงินที่เคยรกรุงรังปรกหน้าถูกหวีให้เรียบแล้วต่อให้ยาวเฟื้อยถึงสะโพก(เพื่ออะไรก็
    ไม่รู้) ใบหน้าขาวเนียนของข้าจึงเด่นขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนชุด...ไม่ต้องพูดถึง......

    ...มันงดงามจนข้าไม่กล้าใส่เลย!

    "...เอ่อ ว่าแต่ข้าต้องทำอะไรบ้างเวลาอยู่ในพิธีล่ะ?"
    "อ้อ เรื่องนั้นท่านไม่ต้องเป็นห่วง ท่านก็ทำเพียงแค่ นั่งให้สง่าๆ ส่งยิ้มให้เหล่าตากล้อง 
    และหายใจตามปกติก็พอขอรับ"    อื้ม ถ้ามันง่ายขนาดนั้นละก็ทำไมต้องจัดให้เปลืองงบด้วย....
    "ถ้างั้นก็...ไปกันเลยละกันนะขอรับ"
    "อ๊ะ! ดะ..เดี๋ยวสิ! ข้ายังไม่....เหวอออ..!"
    ยังไม่ทันที่ข้าจะพูดจบร่างแสนบางของข้าก็ถูกกระฉุดกระฉากโดยองครักษ์จอมเถรตรงนั่น
    อย่างไม่ไยดี  นี่!! ไม่ห่วงข้าน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่อย่างน้อยๆช่วยห่วงชุดนี่หน่อยได้มั้ย! ไม่ใช่ถูกๆนะเฮ้ยยยย!

     
    ................................................................


     
    แชะ! แชะ! แชะ!

    เสียงกดชัตเตอร์กล้องของปีศาจช่างภาพดังอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุดหย่อน  เฮ้อ..ไม่เหนื่อย
    กันบ้างหรือไง ข้าได้ยินเสียงแล้วเหนื่อยแทนจริงๆ 
    "..ยิ้มให้เป็นธรรมชาติหน่อยสิครับ ท่านโซน่า..."   กัลเวนแอบกระซิบข้างหูข้าด้วยน้ำเสียง
    ตำหนิเล็กน้อย
    "รู้แล้วน่า...แต่มันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าพูดนี่นา"
    มันก็แน่อยู่แล้ว ปีศาจที่ไหนเขายิ้มกันเป็นชั่วโมงแบบนี้บ้างล่ะ ว่าแต่เมื่อไหร่เจ้าพิธีอภิเษก
    ราชินีจะจบสักทีเนี่ย! ข้าจะตะคริวกินทั้งตัวอยู่แล้วนะ
    ข้านั่งฟังพิธีกรกล่าวสุนทรพจน์ต่างๆนานาด้วยความเซ็งอย่างสุดๆ แต่พอหันไปมองพวก
    ราชาทั้งหลายที่นั่งขนาบข้างข้าแล้ว..ก็ได้บรรลุว่า...

    เจ้าราชาพวกนี้มันเป็นพวกประสาทไม่ทำงาน..!

    ทั้งทีข้านั่งจนชาด้านไปทั้งตัวราชาสวมหน้ากากทั้งหกก็ยังคงความสง่าได้อย่างไร้ขีดจำกัด
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...เอนอร์  เขาพยายามหันมาทำท่าตำหนิข้าตั้งหลายครั้งแต่ด้วยความที่ข้าเป็นพวกหน้าหนาแต่กำเนิดจึงไม่เกิดผลอะไรมากนัก
    "..และในเวลานี้ก็ได้ถึงเวลาอันสมควรยิ่งแล้วที่ข้าพเจ้าจะขออัญเชิญ..องค์ราชินี โซน่ามา
    รับมงกุฏตำแหน่งต่อหน้าสักขีพยานทั้งหลาย..."
    อา..ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ข้ารอคอยมานาน มงกุฏตำแหน่ง..มาให้ข้าสวมเร็วๆเข้าข้าจะได้กลับ
    ไปนอนพักและถอดชุดนี่ทิ้งเสียที!
    ข้าลุกขึ้นจากบัลลังค์เดินย่างกรายเข้าไปหาพิธีกรดำเนินงานซึ่งในมือถือมงกุฏสีเงินประดับ
    เพชรพลอยหลากสีสัน 
    "ขอเชิญองค์ราชาแห่งเรนาซสวมมงกุฏให้ราชินีองค์ใหม่ด้วยขอรับ"
    อะ..อ้าวไหงจู่ๆมาให้ราชาแห่งเรนาซมาสวมเสียอย่างนั้นเล่า ไอ้เราก็นึกว่าพิธีกรจะเป็นคน
    สวมให้ซะอีก! เอ้ย นี่ไม่ใช่เวลาจะบ่นอะไรไร้สาระสักหน่อยต้องรีบปั้นหน้าสงบเข้าไว้จะได้ไม่โดน
    ดุอีก ยิ่งถ้าเป็นราชาเอริออธยิ่งไม่ได้ใหญ่
    ผู้ถูกเชิญลุกขึ้นจากบัลลังค์แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าข้า เนื่องจากสวมหน้ากากปิดใบหน้า
    ครึ่งบนไว้จึงทำให้ข้าไม่สามรถเห็นสีหน้าแท้จริงของเขาได้ แต่ที่แน่ๆ..เขาไม่ได้ยิ้มอยู่แน่นอน
    เอริออธรับมงกุฏมาถือไว้ก่อนจะนำมาสวมลงบนศีรษะข้าอย่างอ่อนโยนแล้วพูดกับข้าเบาๆ
    "ต่อไปนี้ก็ขอให้เจ้าทำหน้าที่นี้ดีๆละกัน..."
    เขากระซิบข้างหูข้าโดยไม่ให้ผิดสังเกต น้ำเสียงของเขาช่างราบเรียบแต่เหมือนกับความ
    อ่อนโยนอยู่ลึกๆ สรุปแล้วข้าไม่รู้เลยว่าเขาพูดด้วยอารมณ์ไหนกันแน่
    "เฮ เฮ!!"  เสียงโห่ร้องยินดีของเหล่าสักขีพยานนับพันที่ยืนอยู่บริเวณลานหินด้านล่างดังขึ้น
    ทันทีที่ข้าสวมมงกุฏ ข้าขอบอกตามตรงเลยว่าทั้งชีวิตไม่เคยมีใครมาแสดงความยินดีกับข้ามาก
    ขนาดนี้มาก่อนแต่ถึงอย่างนั้น..ก็ยังอดรู้สึกแปลกๆกับตำแหน่งที่เพิ่งได้มานี้ไม่ได้....
    แต่ถึงอย่างนั้นในเมื่อข้ารับมันมาแล้ว..สงสัยคงต้องรับผิดชอบไปตามระเบียบล่ะนะ
     
    .............................................................
     





     
     
     

     
     
     
     
    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×