ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [UnQueen] ข้าไม่ได้อยากเป็นราชินี!!

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 อาชีพที่ไม่น่าดีใจ(รีไรท์)

    • อัปเดตล่าสุด 29 ต.ค. 56


                 บทที่1
               
                “
    อ้าวเจ้าบอกว่าไม่ได้เหรอ

               

                “ก็ใช่น่ะสิ ข้าบอกท่านไปตั้งหลายรอบแล้วนะ!”

     

                “อ้าวเหรอ ข้าก็นึกว่าเจ้าพูดว่าเต็มใจอย่างมาก’ เสียอีก โฮะๆ

               

                เช้าวันที่แสนจะสดใสและสุดแสนน่าเบื่อของข้าก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกวันหลังจากที่

    เมื่อวานตามรีบบึ่งไปรับเจ้าลูกชายตัวแสบของท่านป้าข้างบ้านทั้งๆที่วันนั้นข้าก็กำชับกับท่านไไปแล้วตั้งหลายสิบครั้งว่าไปรับไม่ได้แต่สุดท้าย...ข้าก็หนีไม่พ้นอยู่ดี

                ข้ามีชื่อว่าโซน่า คลาวด์ เด็กสาวชาวทุ่งธรรมดาทั่วไปที่วันๆไม่ทำอะไรเลยนอก

    จากออกไปเก็บของป่ามาทาน เฮ้! อย่ามาทำหน้าดูถูกของป่าพวกนั้นนะ ถึงรสชาติจะ

    ไม่ได้เรื่องแต่ก็มีประโยชน์ล้นหลามเลยนะจะบอกให้

                นี่พี่โซน่า วันนี้ออกไปเล่นกับข้าได้รึเปล่า แว่วเสียงของเด็กชายจอมป่วน ปีศาจ

    ตัวที่ข้าต้องแบกสังขาญที่เหนื่อยจากการเดิน(หลง)ป่าไปรับถึงที่โรงเรียนตะโกนเข้ามาใน

    บ้าน..(อันที่จริงคือกระท่อม)ของข้าแบบไม่ดูสถานการณ์ ฮึ่ย!ข้ากำลังหงุดหงิดอยู่นะเฟ้ย

    ถ้ายังไม่อยากโดนตื้บก็อย่าเพิ่งมาทักข้าเซ่!

                โทษทีนะ วันนี้ข้าไม่ค่อยว่าง...

                อย่ามาแกล้งปฏิเสธเลยนะพี่ ถ้าวันนี้ท่านยอมมาเล่นกับข้า ข้าจะลองขอท่านแม่

    ให้พี่พักไม่ต้องมารับข้าวันนึง

                ข้อเสนอของเจ้าเด็กแสบทำเอาข้าหูผึ่งในทันที  ข้ารีบใส่รองเท้าแล้วออกไปตาม

    คำชวนอย่างเลี่ยงไม่ได้  อา..วันนี้ข้าจะได้นั่งพักอยู่บ้านสบายๆสักที

               

     

                “นี่ไง ที่นี่แหละ

                เอ่อ เจ้าแน่ใจเหรอ

                เด็กชายพาข้ามาถึงปากทางเข้าป่าแห่งหนึ่งซึ่งห่างจากหมู่บ้านที่ข้าอยู่ประมาณ

    หลายกิโลประมาณว่าต้องพกอย่านวดคลายกล้ามเนื้อติดตัวมาด้วยหากจะมาอีก ไม่งั้น

    ขาได้ม่องก่อนมาถึงแน่

                นี่ข้ายังไม่ได้บอกชื่อของเด็กชาวปีศาจจอมป่วนตนนี้เลยใช่มั้ย  เขามีชื่อว่า ซีน

    อาศัยอยู่บ้านข้างๆของข้านี่เองแหละ เอาล่ะๆ เข้าเรื่องกันดีกว่า..

                ข้าหันไปมองหน้าอันแสนมั่นใจของซีนด้วยคามวิตก ถึงข้ามักจะเข้าไปหาของป่าบ่อยๆแต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า..

               

                เจ้าป่านี่มันไม่ใช่ที่ๆข้ารู้จักทางนี่ว้อย!

     

                และยิ่งข้าเป็นคนที่ชอบหลงทิศเวลาไปที่ๆไม่เคยไปอยู่ด้วยสิ! แบบนี้จะรอดมั้ย

    เนี่ยยยย!

                “นะ..นี่ เจ้าเคยมาที่นี่มาก่อนแล้วใช่มั้ยซีน..”  ข้าถามเสียงสั่น

                อ้อ เปล่าหรอก ข้าถึงชวนพี่มายังไงล่ะ

                “….”

     

                เวรแล้วไง!

     

                ตอนนี้อารมณ์ข้าคุกกรุ่นจนแทบจะต้มบะหมี่ได้อยู่แล้ว ข้ามองหน้าเจ้าตัวแสบ

    ด้วยสายตาอาฆาตแต่รอยยิ้มไร้เดียงสาของเด็กชายทำเอาอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่านดับลง

    อย่างทันทีทันใด

                แต่พี่ไม่ต้องห่วงนะ ข้าให้ลุงฮอบบิทที่อยู่ในหมู่บ้านช่วยเขียนแผนที่ให้แล้วล่ะ

    ตราบใดที่มีเจ้านี่อยู่รับรองไม่หลงแน่นอนขอรับ”  ได้ยินดังนั้นข้าก็โล่งอกขึ้นมาหน่อยนึง

    จะว่าไปเจ้าก็ทำตัวมีประโยชน์เป็นเหมือนกันนี่ สงสัยข้าต้องมองเจ้าใหม่ซะแล้วล่ะมั้ง

                ข้าเดินเข้าป่าไปพร้อมกับเด็กชายโดยมีแผนที่เป็นตัวช่วยนำทาง แต่พอผ่านไปได้

    แค่ครึ่งทางข้าขอไปเก็บเห็ดเรืองแสงแค่ไม่กี่นาทีกลับมาอีกที…

                “เอ่อ คือว่าพี่เห็นแผนที่ของข้าบ้างมั้ย ข้าวางไว้ตรงตอไม้ตรงนู้นจู่ๆก็หายไปเลย

     

                ข้าขอถอนคำพูดที่จะมองเจ้าใหม่ตอนนี้เลยได้ม้ายย!!

     

                ข้ารู้สึกอยากจะตบกบาลเจ้าเด็กแสบจอมสะเพร่านี่ให้หัวโนไปเลยชะมัด! แผนที่นั่นเป็นทุกอย่างเลยนะเฟ้ย! ถ้าไม่มีมันแล้วเราจะกลับออกไปยังง้าย!

               

                ฟุบๆ!

     

                จู่ๆเสียงของอะไรบางอย่างก็ดังขึ้นที่พุ่มไม้ข้างหลังข้ากับซีน เด็กชายกระโดดเข้า

    มาเกาะแขนข้าแทบจะทันที พร้อมกับบรรยากาศที่ค่อยๆเงียบสงัดลงเรื่อยๆ

                 

                ฟุบๆ ฟุบๆความสงสัยของข้าบังคับให้ขาทั้งสองข้างก้าวไปข้างหน้าก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือ

    ออกไปหมายจะแหวกพุ่มไม้ออกให้มันรู้แล้วรู้รอด

                พี่จะทำอะไรน่ะ พี่โซน่า

                “เออน่า เจ้าอยู่ตรงนั้นแหละ 

               

                ฟุบๆ! ฟุบๆ!

     

                มือของข้าเริ่มสั่นเพราะความตื่นเต้นข้าจึงรีบแหวกเจ้าพุ่มไม้นั่นออก แต่สุดท้าย..

                อ๊ะ!”

                “เหวอ!”  ความคิดฟุ้งซ่านของข้าแตกกระเจิงเมื่อสิ่งที่อยู่หลังพุ่มไม้นั้นเป็นแค่

    ปีศาจตนหนึ่งที่มือข้างนึงเอากิ่งใบไม้บังไบหน้าและอีกข้างควานหาอะไรบางอย่าง มอง

    ไปมองมาก็อดขำไม่ได้

                “อา..ในที่สุดก็มีปีศาจสักตนผ่านมา ได้โปรดช่วยอะไรข้าหน่อยได้มั้ยขอรับ

                “คิก คิก..อะ..อ้อ ได้มั้ง เจ้าต้องการอะไรล่ะ..เอ่อ..

                “ข้ามีนามว่ากัลเวนขอรับ”  ชายหนุ่มที่เอากิ่งไม้ปิดหน้ากล่าวด้วยน้ำเสียงเป็น

    กันเองราวกับรู้จักกันมานาน หลังจากที่เจรจากันอยู่ตั้งนานสุดท้ายก็ได้ข้อสรุป

                พวกข้าจะต้องช่วยเขาหาหน้ากากที่ทำหล่นที่ไหนสักแห่งแลกกับการที่เขาจะ

    ช่วยนำทางออกจากป่านี่ก่อนค่ำ หรือก็คือถ้าหากกลับไปหลังจากเวลาโรงเรียนเลิกทั้ง

    ข้าและซีนก็จะโดนท่านป้าเฉ่งจนไม่เหลือซากฉะนั้นข้อเสนอนี่ก็ถือว่าไม่เลว

                “ถ้าอย่างนั้นข้าว่าแยกกันหาจะดีกว่านะขอรับ ขอให้พวกท่านโชคดีนะขอรับ

                กัลเวนโบกมือให้ก่อนจะกระโดดหายไปในป่าลึก ทิ้งให้ข้ากับซีนยืนงงกันอยู่สอง

    คนเสียดื้อๆ

                “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นเรามาช่วยกันหาเถอะพี่โซน่า จะได้รีบๆกลับ”  มันก็ต้องเป็น

    อย่างนั้นอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ! จะมาพูดให้ตัวเองดูดีมีความรับผิดชอบทำไมกันเล่า

                ข้าเดินไปหาตามพุ่มไม้ กองใบไม้ และที่อื่นๆที่พอจะนึกออกแต่พอลองเหลือบ

    มองไปที่กองกิ้งไม้แห้งก็เห็นแสงสะท้อนของอะไรบางอย่างสีเงินวาวซ่อนอยู่ท่ามกลาง

    ดงกิ่งไม้ ข้าจึงเดินเข้าไปแล้วหยิบวัตถุสีเงินวาวขึ้นมาแทบจะทันที มันเป็นหน้ากากสีเงิน

    แบบครอบปิดทั้งใบหน้า มีรูแค่ตรงบริเวณตาสองข้างกับปากเท่านั้นดูคล้ายกับหน้าที่

    กำลังส่งยิ้มให้อยู่ยังไงก็ไม่รู้

                ทันทีที่หาเจอข้าจึงรีบวิ่งไปบอกให้ชายหนุ่มที่ยังคงพยายามหาอะไรสักอย่างมา

    ปิดหน้าไว้ก่อนจะยื่นหน้ากากสีเงินอันแสนล้ำค่าที่สุดของเขาคืนให้

                นี่ท่านหาเจอแล้วเหรอขอรับ ขอบคุณมากนะ  เขาพูดด้วยน้ำเสียงซึ้งใจเหมือน

    อยากกระโดดกอดคอข้าทันทีที่เป็นไปได้ เพื่อไม่ให้เลยเถิดข้าจึงต้องรีบทวงสัญญาก่อนที่หมอนี่จะลืมซะก่อน

                เอาล่ะข้าหาของให้แล้วนะ พาข้ากับซีนออกไปจากที่นี่ซักทีสิ

                “อ้อ! เรื่องนั้นข้าไม่ลืมหรอกขอรับ ตามมาได้เลยขอรับ

                เอ่อ..นี่เวลาคุยกับข้าไม่ต้องมีคำลงท้ายสวยหรูก็ได้นะ

                “ขอรับ!”

                เฮ้อ เจ้าบ้านี่....

     

     

                อ้าว! กลับมากันแล้วเรอะ

                แม่จ๋าาา

                มะ..มีอะไรเหรอซีน

                “ฮืออออ แม่จ๋าาาา”  เด็กชายตัวน้อยที่เพิ่งไปผจญป่ามาแหมบๆวิ่งโผเข้าหาแม่

    หรือก็ข้าท่านป้าที่อยู่บ้านติดกับข้านั่นเอง ฮึ่ย! เจ้าแสบเอ๊ย! คนที่ควรจะร้องไห้คือข้าต่าง

    หากเล่า ทำแผนที่แสนสำคัญปลิวหายไม่พอยังทำให้ข้าเกือบโดนแม่เจ้าดุอีกแน่ะ เจ้ามัน

    ต้นเหตุรู้ม้ายยย!!

                “เฮ้อ วันนี้มันวันอะไรของข้าเนี่ย มีแต่เรื่องแปลกๆทั้งนั้นเลยน้า”  ข้าบ่นกับ

    ตัวเองไปพลางระหว่างเดินกลับบ้านแต่พอข้ากำลังจะเปิดประตูบ้าน..

                สวัสดียามเย็นขอรับ

                “เย้ย!!”  ข้าแทบสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นหนุ่มหน้ากากนามกัลเวนที่เจอในป่าโผล่มา

    ทางด้านหลังแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย นี่ถ้าข้าตกใจมากกว่านี้บางทีเจ้าอาจจะโดนซัดโดยไม่รู้ตัว

    เพราะกลไกตอบโต้อัตโนมัติของข้าก็ได้นะ

                นี่เจ้ายังไม่กลับบ้านอีกเหรอเนี่ยกัลเวน?

                “เอ๋? ถามอะไรแปลกๆนะครับ กระผมไม่ได้มีบ้านซักหน่อย

                ฮะ? ข้าว่าเจ้าพูดอะไรแปลกๆมากกว่ามั้งนั่น

                ไม่แปลกหรอกขอรับ เพราะข้าไม่มีบ้าน

                “อืมๆเหรอ..เฮ้ย!เจ้าอ่านใจข้าได้งั้นเรอะ!”

                “ขอรับ  เวรล่ะสิ ข้าเผลอแอบนินทาหมอนี่ไปตั้งเยอะตอนอยู่ในป่าซะด้วยสิเนี่ย

                ..อันที่จริงที่ข้าไม่มีบ้านก็เพราะข้าเป็นหัวหน้าองครักษ์ของราชาปีศาจแห่งเร-

    นาซน่ะขอรับ

                ข้าลืมอธิบายไปอาณาจักรเรนาซเป็นชื่อของอาณาจักรที่ข้าอยู่และยังเป็นศูนย์

    กลางของแดนปีศาจอีกด้วยประมาณว่าในบรรดาอาณาจักรทั้งเจ็ดแห่งแดนปีศาจ อาณา

    จักรเรนาซจะมีอำนาจมากที่สุด รวมไปถึงราชาแห่งเรนาซด้วย เพราะฉะนั้นคำสั่งของ

    องค์ราชาแห่งอาณาจักรนี้จึงถือว่าเป็นคำขาดแม้แต่ราชาของอาณาจักรอื่นๆก็ยังคัดค้าน

    ปฏิเสธได้....แต่ไหงมันถึงฟังดูเผด็จการยังไงก็ไม่รู้แฮะ

                จากที่ข้าลองพิจารณาจากคำพูดของชายหนุ่มหน้ากากตรงหน้าแล้วงั้นก็แปลว่า

    กัลเวนต้องเก่งมากเลยทีเดียวถึงได้ตำแหน่งหัวหน้าองครักษ์มา...สงสัยข้าจะนินทาเจ้า

    นี่ไม่ได้แล้วล่ะมั้ง

                แต่เดี๋ยวนะเจ้าบอกว่าเจ้าเป็นหัวหน้าองครักษ์ไม่ใช่เหรอแล้วเกี่ยวอะไรกับไม่มี

    บ้านด้วยล่ะ?

                “ก็ข้าอาศัยอยู่ในปราสาทน่ะสิขอรับ  ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ

                ข้าและกัลเวนคุยเรื่องสัพเพเหระกันอยู่สักพักก่อนเขาจะลาหลับปราสาทเนื่อง

    จากมีเวรเฝ้ากะดึกอีก  ข้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับวันอันแสนประหลาดและการได้

    เพื่อนใหม่เป็นหัวหน้าองครักษ์ที่ชวนปวดหัวสุดๆนี้แล้วเดินเข้าบ้านทิ้งตัวลงนอนบน

    เตียงแคบๆของตัวเอง รู้ตัวอีกทีข้าก็หลับปุ๋ยไปตั้งแต่ยังไม่สองทุ่มเลยด้วยซ้ำ

                หวังว่าวันพรุ่งนี้จะไม่มีอะไรแปลกๆอีกนะ...

     

    ...............................................................

     

                โซน่า....โซน่า.....จงมาเป็น..ของๆข้าซะ

     

                เปลือกตาอันหนักอึ้งของข้าเบิกขึ้นท่ามกลางความมืดสนิท ความมืดที่มืดจน

    กระทั่งมองไม่เห็นแม้มือตัวเอง…นี่ข้าอยู่ที่ไหนกันเนี่ย!

               

                โซน่า......มาเป็น..ของข้า....!

     

                เสียงทุ้มต่ำของบุคคลปริศนาดังขึ้นในโสตประสาทของข้า มันเอาแต่เรียกชื่อข้า

    พร้อมกับพูดประโยคเดิมๆซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จักจบจักเลิก ข้าลองยกมือขึ้นมาอุดหูไว้แต่ก็

    อย่างที่คาด มันไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นเลย...ข้าจึงลองตะโกนขอให้หยุดเผื่อว่าเจ้านั่น

    จะยอมฟัง

                แต่เสี้ยววินาทีที่ข้ากำลังอ้าปากหมายจะตะเบ็งเสียง สิ่งที่ออกมาจากปากข้ากลับ

    มีแต่ความเงียบ........

               

                ตกลงนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่...แล้วข้าอยู่ที่ไหนกันล่ะเนี่ย!

               

                ข้าล้มเลิกความพยายามที่จะพูดแล้วหันมามองรอบๆตัวดูบ้าง ความสับสนในหัว

    จึงเพิ่มมากขึ้นอีกเมื่อลองกวาดสายตาไปรอบตัว...ข้ามองอะไรไม่เห็นเลย!

                รอบตัวข้ามีแต่ความมืด มองทางไหนก็มืด จะมองท่าไหนก็ไม่เห็นอะไรอย่างอื่นนอกจากตัวเอง....อย่างนี้สินะที่เขาเรียกว่ามืดแปด-

    ด้าน ข้าเพิ่งจะเข้าใจมันถ่องแท้ก็วันนี้แหละ

                สรุปที่แห่งนี้มันคือที่ไหนกันแน่ล่ะเนี่ย..สวรรค์เหรอ? คงไม่มั้ง เพราะ เท่าที่รู้มา มันควรจะดูดีกว่านี้นี่นา...หรือว่าจะเป็นนรก?  แต่ต่อให้เป็นอย่างนั้นก็เถอะ ข้าก็ยัง ไม่ได้ตายสักหน่อย จะมาที่แบบนี้ได้ไงกันเล่า

     

                โซน่า.....ชีวิตของเจ้า......อยู่ในกำมือข้าแล้ว...!

               

                เสียงไร้เจ้าของเสียงเดิมดังขึ้นขัดความคิดฟุ้งซ่านของข้าด้วยประโยคที่ชวนปวด

    ตับ  ถึงมันจะพูดติดต่อกันมามากกว่าหนึ่งครั้งก็เถอะ แต่ข้ายังก็ไม่เข้าใจสิ่งที่มันจะบอก

    อยู่ดี....

                สักพักหัวข้าก็รู้สึกปวดจี๊ดราวกับมีแท่งเหล็กมากดเข้าที่ขมับอย่างแรง  มันเป็น ความเจ็บปวดแบบที่ข้าไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน  สมองข้าเหมือนกับกำลังถูกบีบอัดอย่าง

    แรงจนแทบจะระเบิด  ถึงแม้ตาจะมองไม่เห็นอะไรเลยแต่ก็รู้สึกได้ว่าโลกมันกำลังหมุน

                แต่เพียงแค่ไม่กี่อึดใจความเจ็บปวดเหล่านั้นก็ค่อยๆจางลงอย่างน่าประหลาด  เป็น

    เวลาเดียวกับที่ตาข้ามองเห็นแสงบางอย่างจากไกลๆ

                แสงนั้นสว่างมากขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดก็เข้ามาล้อมรอบตัวข้าแทนที่ความมืด

    เมื่อครู่  แต่...แบบนี้มันสว่างเกินไปมั้ยเนี่ย

               ข้าหรี่ตาลงเพื่อปรับตาให้สู้แสงแล้วมองไปรอบๆอีกครั้งก่อนสายตาจะหยุดที่

    วัตถุรูปร่างเรียวยาวซึ่งอยู่ห่างข้าไปประมาณสามเมตร

                ดาบยาวสีนิลประดับด้วยเพชรพลอยและลวดลายที่แปลกตาทำเอาสติข้าพร่า

    เบลอไปโดยปริยาย  ไม่ว่าจะเป็นสัดส่วนหรือความปราณีตของลวดลายต่างๆที่ละเอียด

    ยิบย่อยบนตัวดาบหรือเพชรพลอยหลากสีสันที่ถูกฝังที่คมดาบสีนิลแวววาว ทุกๆอย่าง

    นั้นทำให้ข้าอึ้งตะลึงแบบบอกไม่ถูก  หากจะบอกว่าเป็นวัตถุที่งดงามที่สุดที่เคยเห็นมา

    ในชีวิตก็คงจะไม่เกินไป

                ...เพราะยังไงข้าก็คงไม่มีโอกาสได้เห็นอะไรแบบนี้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว

               

                ...โซน่า.....ซักวันเจ้าจะปฏิเสธข้าไม่ได้อีก.....

     

    ..................................................................           

                “..พี่โซน่า...พี่โซน่า..! ตื่นซักที่เซ่! นี่มันสายมากแล้วนะ”

                “อืม...อย่ามากวนน่า!”

                ข้าพลิกตัวไปทางอื่นเพื่อหลบเสียงแจ้วๆของซีนที่ตะโกนกรอกหูข้าไม่เลิกมาตั้ง

    แต่เช้า  สงสัยคงจะมาชวนข้าไปเล่นอะไรแผลงๆอีกแหงเลย

                นี่! ตื่นเถอะพี่โซน่า  มีใครบางคนอยากจะคุยกับท่านนะ”

                อย่ามาเพ้อเจ้อน่า! จะมีใครอยากคุยกับข้ากัน!”

                ข้าตะโกนออกไปอย่างเหลืออดถ้าอยากให้ไปเล่นขนาดนั้นด้วยก็บอกมาตรงๆก็ได้นี่  ไหงต้องนึกมุกอะไรห่วยแตกขนาดนั้นด้วยเล่า

                เด็กชายเงียบไปครู่นึงก่อนจะพึมพำกับตัวเองเบาๆเป็นเชิงบ่นข้าแล้วกลับหลังหัน

    เดินออกจากห้องนอนข้าไปซะเฉยๆ  อา..ค่อยยังชั่วหน่อยอย่างน้อยก็เงียบลง...

               

                ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

     

                ฮึ่ย! อะไรอีกเนี่ย จะให้ข้านอนอย่างสงบสุขไม่ได้เลยใช่มั้ย?!

                “นี่เจ้าตัวแสบ ขอข้านอนต่ออีกสักสองสามนาทีไม่ได้รึไงฮะ!”

                “เอ๋...ข้ารบกวนการนอนของท่านหรือขอรับ? ขออภัยด้วยขอร้าบ!”

                เฮ้ย..เสียงแบบนี้มัน....กัลเวนน่ะเรอะ?

                ข้าขยี้ตาตัวเองให้ตื่นแล้วพิจารณาลักษณะของบุคคลตรงหน้า หน้ากากสีเงินวาว

    กับชุดเต็มยศของพวกองครักษ์ทำเอาข้าตื่นเต็มตา

                กัลเวน!? มาทำอะไรหน้าบ้านข้าเนี่ย

                เอ่อคือ..ข้ามีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับท่านโซน่าหน่อยน่ะขอรับแต่พอดีเห็นว่า

    ท่านหลับอยู่ก็เลยไม่อยากรบกวนน่ะขอรับ..”   เหรอ..แล้วไอ้เสียงเคาะประตูสนั่นโลกา

    เมื่อกี๊มันอะไรฮึ?

                ข้ามุ่ยหน้าใส่กัลเวนหนึ่งทีก่อนจะเชิญเขาเข้ามานั่งข้างในบ้านด้วยอาการหงุด-

    หงิดปนง่วง  เมื่อชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็ไม่รีรอเดินมานั่งที่เก้าอี้แล้วเริ่มเข้าประเด็นเพื่อ

    ไม่ให้เสียเวลา

                ท่านโซน่าขอรับ...ท่านคงจะรู้ว่าอาณาจักรเรนาซของเรากำลังต้องการราชินี

    ปีศาจองค์ใหม่แล้วใช่มั้ยขอรับ

                เอ่อ..ก็ได้ยินมาเหมือนกันนะ...

                ขอรับ  ข้าอยากจะให้ท่านช่วยเรื่องนี้หน่อยน่ะขอรับ

                อ้าว...ไหงเป็นข้าเฉยเลยอ่ะ

                ....ก็ท่านเป็นคนที่ข้าสนิทที่สุดนี่ขอรับ   เจ้าจะอ่านใจข้าไปถึงไหนเนี่ยกัลเวน

                เหรอ? แล้วจะให้ข้าช่วยยังไงล่ะ

                พอข้าเอ่ยปากถาม ชายสวมหน้ากากตรงหน้าข้าก็แสดงท่าทีกระอักกระอ่วน

    แบบแปลกๆจนต่อมสงสัยของข้าเริ่มทำงาน  แต่พอถามอีกรอบเขาก็ยังคงนั่งนิ่งเหมือน

    เดิมแล้วตกลงเมื่อไหร่ข้าจะได้คำตอบล่ะเนี่ย

                “เอ่อ...คือ”   เจ้าหน้ากากนี่ ข้าชักจะหงุดหงิดแล้วนะ

                ท่านช่วยเป็นราชินีชั่วคราวไปก่อนจะได้มั้ย..ขอรับ?

     

                เอ๋???!!!

               

                มันอาจจะฟังดูแปลกไปสักนิดแต่ไม่ต้องห่วงขอรับ ท่านแค่ไปเป็นราชินีชั่วคราว

    เท่านั้นเองขอรับ”

                “ไอ้ชั่วคราวมันหมายความว่ายังไงกันเล่า!”

                “ก็แค่เป็นออกสื่อเฉยๆน่ะขอรับ  ทันทีที่พวกข้าหาคนมาเป็นราชินีได้เมื่อไหร่

    ท่านโซน่าก็กลับมาใช้ชีวิตปกติได้เหมือนเดิมแหละขอร้าบ    กัลเวนอธิบายให้ข้าฟังด้วย

    น้ำเสียงรู้สึกผิด ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะข้าช็อกไปตั้งแต่ประโยคแรกแล้วล่ะ

                “แต่ยังไงวันนี้ท่านก็ต้องไปรายงานตัวกับราชาทั้งเจ็ดก่อนอยู่ดีแหละขอรับ

               

     

                สุดท้ายข้าโซน่า คลาวด์ผู้ได้ถูกรับเลือกเป็นราชินี ‘ชั่วคราวก็ต้องนั่งรถม้าที่

    องครักษ์สวมหน้ากากเตรียมมาให้  โอย...ไอ้พูดมันก็ง่ายอยู่หรอกแต่ข้าที่เคยเป็นชาวไร่

    ชาวสวนมาก่อนต้องมากลายเป็นราชินีเนี่ยนะ  กัลเวนนี่เจ้าตาบอดหรืออะไรกันฮะ!

                ก็แหมกระผมต้องรีบราชินีให้ได้ภายในวันนี้นี่ขอรับ ครั้นจะให้ไปถามความ

    เห็นของหญิงสาวทั่วอาณาจักรก็กระไรอยู่นะขอรับ

                เฮ้อ...แล้วนี่ข้าจะเอาตัวรอดยังไงล่ะเนี่ย..ไม่เป็นไรๆอย่างน้อยก็แค่ชั่วคราวล่ะน้า

    คงไม่หนักมากนักหรอก......

               

                ...หวังว่านะ..

     

     

               

               

               

     

                (จบบทที่1)

     

               

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×