คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ★ Chapter3 : วิ่ง + เปรอะ
Chapter3
วิ่ง + เปรอะ
[TyPhoon Part!]
“พวกมึงทำเหี้ยอะไรกันเนี้ยะ!!!!!!!”
ร่างเล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกผมตวาดเสียงดังเสียจนไอ้โด่งที่นั่งลูบก้นอยู่ข้างๆผมยังสะดุ้งโหยง เสียงไอ้ไวน์ร้องโอญครวญดังไม่ห่างไปจากผมเท่าไหร่นัก ข้างๆไวน์มีไอ้วินนั่งแตะๆจับๆหน้ามันอยู่ เพราะไอ้ไวน์คือฐานล่างสุดของไอ้ผีเฉพาะกิจเมื่อกี้ มันเลยโดนเต็มๆเบ้าตาเลยละครับ…
“กูถามว่าพวกมึงทำอะไร ?!” ไม่ต้องบอกใช่มั้ยครับว่าใครพูด..นั่นละครับไอ้แสบยืนอยู่ตรงที่เดิมมือทั้งสองกำหมัดแน่นแต่หน้ามันเริ่มขึ้นสีแดง นี่ถ้าเป็นการ์ตูนคงได้เห็นควันขาวๆพุงออกมาจากหูของไอ้แคระนี่ด้วยมั้ง มันมองไล่พวกผมทีละตัว ก่อนจะทำปากขมุบขมิบเหมือนสาปแช่งพวกผม
“ฝุ่น..มึงอะ รับผิดชอบเลย แผนแตกหมด” ไอ้โด่งหันมากระซิบกับผม
“แล้วจะให้กูทำไงละ ใครจะไปคิดว่าแม่งจะต่อยไอ้ไวน์จนตา..เฮ้ยย ไวน์ตาเขียวเลยหรอมึง?!” ผมตอบไอ้โด่งยังไม่ทันจบประโยค หางตาก็เหลือบไปเห็นตาข้างซ้ายของไอ้ไวน์ที่เขียวๆ ตัวแค่นั้นท่าทางจะหมัดหนักกว่าที่คิดแฮะ..
“เออ ตากูเขียว และมึง…ต้องรับผิดชอบ!!!” มันไม่พูดเปล่าแต่ค่อยๆพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นก่อนจะเดินมาหาผมที่นั่งใส่หน้ากากผีถัดจากมันมา สายตามันที่มองผมเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อผมไปอีกคน ก่อนที่มันจะ….
พรึ่บ!!!
ถอดหน้ากากผม!!
“มึง!!!”
ทันทีที่ไอ้หน้ากากผีบ้าๆนั้นถูกไอ้ไวน์ดึงออกไปจากหัวผม ร่างเล็กก็เดินตรงดิ่งเข้ามากระชากคอเสื้อผมขึ้นไปทันที ไม่อยากจะบอกว่าตูดกูลอยเลยครับ…ตัวก็เล็กเตี้ยก็เตี้ย แรงจะเยอะหาบิดามึงหรอไงวะ
ผมสบนัยน์ตากลมๆโตๆคู่นั้น อย่างไม่นึกกลัวเลยสักนิด แต่สายตาคู่นั้นมันบ่งบอกได้เป็นนัยน์ๆเลยว่า มันคงอยากจะกระทื้บผมเต็มที่แล้ว ผมหันไปมองหน้าไอ้ไวน์ตัวการที่ดึงหน้ากากผมออกทันที หาเรื่องให้กูนะสัด (ได้ข่าวว่าแกน่ะหาแต่เรื่องให้คนอื่น…)
“เออกูเอง ทำไม” ผมตอบมันกลับไป
“หึ! กูกะแล้วว่าต้องเป็นมึง มึงต้องการเหี้ยอะไรจากกูห๊ะ!!” ผมมันเขย่าคอเสื้อผม
“ก็ไม่ได้ต้องการอะไรหรอก กูแค่สะใจที่ได้ทำ ได้เห็นหมาบางตัวร้องไห้หงิงๆกลัวผีหลอก” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม ที่ตั้งใจจะยิ้มกวนส้นตีนมันไปเต็มที่ ได้ผลหน้ามันดูกระตุกวูบนิดๆ อย่าคิดว่ากูไม่เห็นนะ ว่ามึงร้องไห้ตะกี้น่ะ… ผีอย่าหลอกกูเลยครับ ฮือๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ คิดแล้วฮาในใจคนเดียวเบาๆ (ฮาข้างนอกไม่ได้เค้ากำลังดราม่าๆ)
“พ่อมึงดิ ใครร้องไห้ ฝุ่นเข้าตาหรอก..แล้วมึงเป็นเหี้ยอะไรกับกูหนักหนา กูไปทำอะไรให้มึง!!” โอ้โห นี่กูไปเข้าตามึงตอนไหนเนี้ย (ฝุ่นๆ) เหตุผลเหี้ยอะไร บอกหมาหมายังไม่เชื่อเลย แล้วถามว่ามึงมาทำอะไรให้กู? มึงเตะน้องชายกูไง แย่งที่พักพิงกูด้วย
“หึ! ผ่านมาข้ามวันมึงลืมไปเลยหรอไง ไอ้หน้าตุ๊ด ว่ามึงทำอะไรให้กู” ย้ำอีกครั้งนะครับหน้ามันไม่ตุ๊ดอย่างที่ผมบอกหรอก…แต่ผมแค่จะแกล้งยั่วมัน เท่านั้นล่ะ สนุกดี^^
“ไอ้เหี้ย!! ปากดีนักนะมึง..” มือข้างซ้ายของมันที่จับคอเสื้อผมอยู่ถูกปล่อยออกมาก่อนที่มันจะง้างหมัดเล็กๆของมันคาดว่าน่าจะง้างใส่หน้าผมนี่ล่ะ ผมไม่หลบไม่อะไรเลยนอกจากจ้องหน้ามันกลับ
“เฮ้ยยย น้องครับๆใจเย็นๆนะ” ไอ้วินครับ มันเดินไปจับแขนไอ้แสบไว้ได้ทัน
“ใครลูกแม่มึง” นั่นไงไอ้วินโดนครับ ฮ่าๆๆๆๆๆ
“อะ อ้าว…น้องทำไมพูดแบบนี้ละครับ” ไอ้วินหน้าเหวอเล็กน้อยที่โดนไอ้แสบนั่นตอกกลับมาหน้าหงาย กูบอกแล้วไง หึหึ แต่ก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นไปมากกว่านี้ อยู่ดีๆก็มีเสียงที่ทำให้พวกผม แทบอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้เลย
“ใครทำอะไรตรงนั้นน่ะ!!!!”
ชิบหาย ตัวเท่าประเทศไทยเลยครับ…เสียงแบบนี้มีคนเดียวในโรงเรียน “กอลิล่า” มาแล้วว!!
“เวรแล้วไง…กอลิล่ากลับมาตอนไหนวะ” ไอ้โด่ง
“เอาไงดีวะ” ไอ้วิน
“หลบดิ๊ ถามได้” ไอ้ไวน์
“อะ..อะไรวะ” ไอ้แสบที่กำคอเสื้อผมอยู่ทำหน้างงๆทันที เมื่อเจอเหตุการณ์ตรงหน้า มันคงไม่รู้ว่ากอลิล่าเป็นใครและคงไม่รู้ด้วยว่าถ้ากอลิล่ามาเจอตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้น ผมที่ถูกคนตรงหน้าปล่อยคอเสื้อทิ้งอย่างงงๆ ก็เลยค่อยๆลุกพยุงตัวเองขึ้นมา…ความรู้สึกแรกตอนที่ลุกขึ้นมาเลยก็คือ กูปวดก้นกบครับ…
“หลบตรงไหนอะๆๆๆ เร็วๆมึง กอลิล่าจะมาแล้ววว” ไอ้เชี่ยวินสติแตกแล้วครับ
“ที่เดิมๆ” ไอ้ไวน์บอกก่อนจะพยุงไอ้โด่งให้ลุกขึ้น
กริ้งงง กริ้งงง~
“เอ้า! มึงจะยืนโง่อีกนานมั้ยห๊ะ มานี่” ผมหันไปคว้าไอ้แสบที่ยืนหน้างงๆมึนๆที่เดิม เจ้าตัวก็สะดิ้งจริงๆครับ สะบัดมือผมที่จับทิ้งทันที แต่พอหันไปมองอีกฝั่งหนึ่งเสียงจักรยานกริ้งๆของกอลิล่าก็เริ่มใกล้เข้ามาขึ้นเรื่อยๆแล้ว ผมก็เลยตัดสินใจ..
ยกร่างที่เล็กกว่าไปด้วยครับ..
หึ! อย่าได้กรี๊ดหรือดีใจอะไรกันนะที่ผมยก (?) มันพาดบ่ามาด้วยเพราะไม่อยากทิ้งมันไว้ตรงนั้นคนเดียว กลัวมันจะซัดทอดมาหาพวกแล้วต้องเคลียอีกยาวต่างหาก
“เฮ้ย! มึงอุ้มกูทำไมปล่อยเดียวนี้นะ ปล่อยๆๆๆๆ” ไอ้ตัวดีดิ้นขลุกขลักๆ แล้วเอาเล็บมันจิกหลังผมใหญ่เลย อยู่กับมึงทีไรกูเจ็บตัวทุกทีสิ
“อยู่เฉยๆดิ๊! เดี๋ยวกูก็ทำแบบที่ทำบนห้องวันนั้นอีกหรอก” ผมขู่
“มึงอยากสูญพันธ์อีกหรอไง” มันสวน..
ปากดีฉิบหายย!!
แต่ก่อนที่จะได้ด่าอะไรมันต่อ ไอ้วินก็ดันให้ผมกับที่ไอ้พวกเหลือเข้ามานั่งหลบตรงกองไม้กองเดิมที่พึ่งจากมาเมื่อกี้ ทันทีที่เสียงจักยานกรุ้งกริ้งๆและไฟฉายที่พวกผมโครตคุ้นเคยใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เหมือนเสียงจักรยานจะหยุดอยู่แถวๆหน้าห้องสมุด พร้อมกับแสงไฟฉายที่ส่องสาดไปมา เมื่อก่อนพวกผมก็หนีแสงแบบนี้ออกนอกโรงเรียนตอนดึกบ่อยๆ หนีรอดบ้างไม่รอดบ้าง รอดก็โล่งไป..ไม่รอดก็ตายครับ..
กอลิล่าน่ากลัวมากจริงๆ \(- -)/ (อีโมเกรียนมากอะฝุ่น…)
“ทำไมพวกมึงต้องพากูมาหลบด้วย” ไอ้แสบ พูดขึ้นเบาๆทำลายความเงียบ ทำให้พวกผมต้องหันไปมองเด็กใหม่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง หน้าของคนที่ตัวเล็กกว่าฉายแว่วงงๆปนหงุดหงิด แต่ก็ยอมนั่งยองๆอยู่ตรงกลางพวกผมโดยที่มีผมนั่งซ้อนหลังมันไว้มีไอ้วินขนาบข้างส่วนคนที่นั่งหน้าคือไอ้ไวน์กับไอ้โด่งตามลำดับ ผมหันไปส่งสายตาให้ท่านประธานเป็นคนอธิบายให้ไอ้ตัวแสบฟัง เพราะผมเป็นพวกพูดไม่ค่อยเก่ง (แต่รักหมดไต..(ใจ)) <<ยังจะฮา
“กอลิ..เอ๊ย อาจารย์ ไกรศักดิ์ เป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองน่ะ ไม่ค่อยจะดีนักหรอกนะถ้า’จารย์แกมาเจอพวกเราตอนนี้นะครับน้อง.. น้อง? เอ่อ…น้องชื่ออะไรหรอครับ?” กูให้อธิบาย ไม่ได้ให้มาถามว่าไอ้แสบมันชื่ออะไร เหอะ..
“ใบไผ่” ไอ้ตัวแสบทำหน้างงนิดๆว่าทำไมอธิบายอยู่ดีๆก็ดันถามชื่อมันซะอย่างงั้น เจ้าตัวก็ตอบสั้นๆห้วนๆแต่เรียกรอยยิ้มให้ไอ้ไวน์ได้ดีจริงๆ ควายย ไอ้หน้าม่อ ลองเมียแม่งอยู่ตรงนี้เหอะ..จากเสือจะกลายเป็นแค่ลูกแมวเชื่องๆเท่านั้นละ หงุดหงิดว่ะ!
“อ๋อ ครับพี่ชื่อไวน์นะ” มันว่าพร้อมยิ้มหวานๆให้ไอ้ตัวแสบ..ชื่อใบไผ่เรอะ ไม่น่าละตัวแค่นี้เอง เป็นแค่ต้นไผ่สินะ หึหึ
“บอกทำไม ไม่ได้ถาม” ท่านประธานโดนแล้วว่ะ หึหึ ไอ้ไวน์ทำหน้าเอ๋อแดกอ้าปากพะงาบๆ ผมได้ยินเสียงไอ้วินหัวเราคิกๆอยู่ข้างหลัง ส่วนไอ้โด่งนี่นั่งไหล่สั่น กลั้นไว้ทำไมไอ้ห่าปล่อยๆมาเลย กูสะใจ
“หึหึ..” ผมหัวเราะในลำคอ
“ส้นตีนติดคอหรอไง” ไอ้ตัวแสบหันมาส่งเสียงเจื้อยแจ่วใส่ผมทันที หน้าตามันตอนนี้ดูกวนตีนๆผิดกับเมื่อกี้ลิบลับ หรือแม่งลืมไปหมดแล้วหรอไงวะเรื่องเมื่อกี้
“ป่าว แต่ถ้ามึงอยากแดกตีนกูจัดให้ได้นะ” ผมหันไปตอบไอ้ตัวแสบ ส่วนเจ้าตัวก็เอี่ยวคอหันมาพูดปากเปล่าแบบไม่มีเสียงใส่ผมว่า ‘ไอ้สัด’ ก่อนจะยักคิ้วกวนๆใส่
จากมุมที่ผมนั่งหัวไอ้แสบอยู่แค่หน้าอกผมเอง กลิ่นหอมอ่อนๆของแป้งเด็กและแชมพูกลิ่นสตรอเบอรี่ลอยมาแตะจมูกผม
ผู้ชายบ้าไรวะตัวหอมหยังกะผู้หญิง..
“เฮ้ย กอลิฯไปแล้วว่ะ เอาไงต่อดีวะ” ไวน์ที่นั่งอยู่ตรงมุมค่อยชะโงกมองทางข้างหน้าเป็นระยะๆ หันมาบอกพวกผม ก่อนที่ไอ้โด่งผู้พูดน้อยแต่ต่อยหนักทำหน้าครุ่นคิด ส่วนไอ้วิน ไอ้เหี้ยนี่ทำอะไร..?
“วินมึงทำอะไร?” ผมถาม
“กูจะถ่ายรูปคางคก” มันตอบ พร้อมกับกระชับแบล็คเบอรี่ทอร์ชในมือให้อยู่ในท่าพร้อมยิงสาดแฟลชทันที
“ถ่ายทำไม???” คราวนี้ไอ้ไวน์หันกลับมายิงเควสเชนมาร์ครัวๆใส่หน้าไอ้วินทันที
“คางคกแม่งอึ๊บกันอะ กูไม่เคยเห็น”
ป้าบบบ!
“ควายยยย!! ใช่เวลามั้ย” ไอ้โด่งหันไปตบกะโหลกไอ้วินเน้นๆ ก่อนจะส่ายหัวเบาๆให้กับความปัญญาอ่อนของมัน กูละอยากจะเอาตีนถีบตูดมันจริงๆ บ้าได้ไม่รู้เวล่ำเวลา
“ปัญญาอ่อน” เหมือนได้ยินเสียงความคิดตัวเองลอยออกมา แต่ไม่ใช่เสียงของผมหรือพวกเพื่อนๆผมสักตัว เป็นเสียงของไอ้ตัวแสบที่นั่งอยู่ข้างหน้าผมเนี้ยแหละ ปากเล็กๆก็อ้าด่าไอ้วินนะครับแต่ก็ชะโงกเข้าไปดูด้วย
อยากรู้อยากเห็นจริงๆ
“พวกมึงมันไม่เข้าใจชีวิตสัตว์โลก ไอ้ไร้มนุษย์ธรรม ไอ้ไอ่เอ้าใออำอะอาด! อื้อออ ” ไอ้โด่งเอามือมันอุดปากไอวินที่เริ่มพล่าม ส่วนเชี่ยวินก็ทำตาเหลือกตาโตเหมือนจะขาดใจตาย แต่ไอ้โด่งไม่สนใจมันหันหน้ามามองพวกผมก่อนจะบอกแผนการกลับหอทันที
“เดี๋ยวกูกับไอ้วินจะออกไปดูต้นทางให้ถ้ามันโอ พวกมึงก็ตามมานะแล้วค่อยๆย่องกลับหอกัน โอเค?” พวกผมพยักหน้าหงึกๆ ส่วนไอ้โด่งก็ลากวินให้ลุกตามมันไปทันที ไอ้วินมันเอาหลังแนบกำแพงก่อนจะค่อยๆย่องเหมือนในหนังตอนที่พวกผู้ร้ายหนีตำรวจแอ็คติ้งมันนี่ดีมากจนไอ้โด่งต้องหันมาด่าให้มันอยู่เฉยๆเถอะ โด่งชะโงกหน้าออกไปดูทางซ้ายทางขวาก่อนจะหันมาทำมือโอเคให้พวกผม เป็นสัญญาณบอกว่าให้ลุกตามมาได้
“ฟู่~ นึกว่าจะไม่รอดแล้ว” ไวน์ว่าเสียงโล่งๆเหมือนหลุดพ้น
“ใครบอกว่าพวกมึงจะรอด” พวกผมหันไปตามเสียงเล็กๆ ของคนที่ตัวเล็กที่สุดในขณะนี้ ตาคู่นั้นฉายแว่วอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะไล่มองพวกผมเรียงตัว
“พวกมึงทำกูไว้แสบมาก กูจะ…”
บรู้ววววววววววววววววววววววววววววววววว!
แต่อยู่ๆหมาก็ห่อน..
“ฝะ..ฝุ่น นี่อยู่ในแผนมึงปะ?” วินหันมาถามผม
“ป่าว ไม่มี” ผมตอบ
“งั้นก็..”
บรู้ววววววววววว โฮ่งๆ บรู้ววววววววววว
เหมือนหมาในนราธรณ์จะพร้อมใจกันเห่าห่อนขึ้นมาทันที ไอ้วินทำหน้าเลิกลั่ก แต่ไอ้ตัวเล็ก (สรรพนามเริ่มเปลี่ยน..) มันเริ่มกำพระบนคอมันอีกแล้วครับ ถ้ารอบนี้จะเกิดอะไรขึ้นบอกไว้เลยว่าผมไม่เกี่ยว ถ้ารอบนี้จะเจอก็..
ของจริงครับ
ตึงงงง!!!
“แว้กกกกกกกกกกกกก” ไอ้ตัวเล็กสะดุ้งโหยงแหกปากร้องลั่นทันที่ ที่มีเสียงเหมือนอะไรสักอย่างร่วงลงมาจากด้านบนแล้วกระแทกกับพื้นเข้าอย่างจัง ส่วนไอ้วินมันสะดุ้งแล้วสัญชาติญาณก็พามันวิ่งไปแล้วครับ พอเห็นไอ้วินวิ่งไอ้ไวน์ก็เลยวิ่งตามพอไอ้ไวน์วิ่งไอ้โด่งก็งงๆแต่ก็วิ่งตามครับ ส่วนผมที่กำลังงงๆว่าจะเอายังไง มารู้ตัวอีกทีก็..
“วิ่งๆๆๆๆๆๆๆๆ ผีมาแล้วววววว” ก็ถูกคนตัวเล็กกว่าจับข้อมือก่อนจะลากใหเวิ่งออกมาแล้วละครับ ผมที่กำลังงงๆก็เลย งงๆต่อไป มือเล็กๆที่โอบข้อมือของผมไม่มิด กับกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนที่สยายไปตามแรงลมตรงหน้าทำให้ผมนึกขำคนตัวเล็กกว่าที่ขี้กลัวผีนิดๆ (ไม่นิดนะ..)
ปากดียังไงสุดท้ายก็แพ้ผีละว้า หึหึ..
ไอ้ตัวเล็กพาผมวิ่งลัดเลาะมาจากทางตึกวิทย์ ผ่านลานกวางของโรงเรียน ผ่านหอหญิงตึก1 ผ่านโรงยิม สนามเทนนิส จนตอนนี้มันลากผมกลับมาหอชายตึก4แล้วละครับ เวลาแบบนี้ลิฟต์ไม่เปิดแล้ว เพราะโรงเรียนบอกว่ามันเปลืองค่าไฟ ไอ้ตัวเล็กก็ลากผมไปกดๆลิฟท์แต่พอเห็นว่าไม่ติดก็ลากผมวิ่งขึ้นทางบันไดแทน
“มึงนี่วิ่งเก่งนะ” ผมเอ่ยเบาๆในขณะที่กำลังวิ่งขึ้นบันไดอยู่ ผมไม่เหนื่อยหรอก แต่ไอ้คนที่ลากผมเนี้ยหอบแฮ่กเลย
“หะ…ห๊ะ ฮะ แฮ่ก…เฮ้ยยย” มันร้องเฮ้ยตกใจทันทีที่มองเห็นว่าคนที่มันลากมาคือผม ผมมองมือมันที่กำลังจับมือผมอยู่ด้วยสายตาเหมือนล้อเลียน ไอ้ตัวเล็กหน้าแดงนิดๆก่อนจะปล่อยมือผมทิ้งเหมือนเป็นของร้อนที่จับต้องไม่ได้
“กะ..กูลากผิดคนหรอกน่า ไมได้อยากจะจับมือมึงหรอก” หรออ ก็ไม่ได้ว่าอะไรแล้วเกาหัวเกาคอทำไมละครับบบ
“หึหึ..” ผมไม่ตอบอะไร แต่เดินขึ้นบันไดต่อ อยากจะบอกว่าตอนนี้บันไดมันมืดๆเหมือนตรงระเบียงทางเดินที่มืดเพราะโรงเรียนปิดไฟหมดแล้ว มีแต่แสงไฟจากหลอดนีออนดวงเดียวเท่านั้นตรงบันไดในแต่ละชั้น ที่พอจะส่องให้เห็นทางบ้าง พอเห็นว่าเหมือนตัวเองถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวตรงที่มืดๆ เจ้าตัวก็ร้องโวยวายทันที
“เฮ้ย! รอกูด้วยดิ่ มันมืด กู..กู..”
“จับมือกูไว้” พอผมพูดจบก็ไม่รอให้มันมาจับมือผมก่อน ผมเอื้อมมือไปจับมือเล็กๆนั่นไว้ทันที เจ้าตัวดีก็ไม่พูดอะไรผิดวิสัยมัน นอกจากเดินตามขึ้นมาเงียบๆจนมาถึงหน้าห้อง 466 ซึ่งเป็นห้องของผม ตอนแรกก็ไม่อยากให้ใครที่ไหนมานอนด้วยหรอกแต่ถ้าเป็นมัน..
..ถ้ามันอยู่ด้วยคงสนุกดี
ผมก็แค่อยากแกล้งมันหรอกน่า..
คนตัวเล็กกว่าปล่อยมือทันทีที่เดินฝ่าความมืดมาจนถึงหน้าห้อง ส่วนผมก็ไขกุญแจเข้าห้องไปก่อนจะกดเปิดไฟห้องแต่รู้สึกเหมือนเห็นหลังไวๆของไอ้ตัวเล็กรอดใต้แขนผมเข้ามาก่อนจะ วิ่งขึ้นไปนอนเอาขาก่ายๆเตียง เหมือนแสดงความเป็นเจ้าของ
“เตียงนี้กูจองแล้ว”
หึ! เดี๋ยวก็รู้ว่าของใคร ^^
++++++++++++++
ไอแดดอุ่นๆที่ส่องแยงมาถึงลูกตาผมเป็นสิ่งแรกที่บ่งบอกในเช้าวันใหม่นี้ว่า ผมตื่นสายแล้ว…
ผมค่อยเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นช้าๆก่อนๆที่จะหรี่มองไปรอบๆห้อง นัยน์ตากระพริบปรับโฟกัสให้เข้ากับแสงของเช้าวันใหม่ หน้าต่างห้องถูกเปิดออกรับลมเย็นๆที่พัดเอื่อยเข้ามาในห้อง ก่อนที่สายตาผมมันจะสะดุดกับอะไรเขียวๆที่แปะอยู่บนหน้าผากตัวเอง ผมค่อยๆดึงมันออกมา ก่อนจะเห็นลายมือที่ถูกเขียนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ลายมือไม่คุ้นแต่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครแม่งเขียน อ๋อ! ไม่ต้องเดานิ่…เพราะเจ้าของมันลงท้ายชื่อไว้ด้วย หึ!
‘นอนน้ำลายจะไหลเต็มที่นอนกูแล้วนะ ทุเรศ
เจ้าของห้องคนแรก’
ผมขย้ำๆโพสอิทแผ่นสีเขียวในมือก่อนจะโยนทิ้งมันลงถังขยะข้างๆทันที แม่งงงงง อย่าให้พูดถึงมันเลย เรื่องเมื่อคืนยังโมโหไม่หาย!! ไม่ใช่เรื่องที่มันหลอกผีผม อันนั้นจะบอกว่าหายแล้วก็ได้ (จริงๆกำลังหาเรื่องแก้แค้นอยู่ หึหึ) แต่ไอ้เรื่องเมื่อคืนน่ะ เรื่องที่นอนน่ะแหละ..
ครับ เป็นอันทราบกันดีว่าไอ้ห้อง 466 เนี้ยมันมีแค่เตียงเดียว พอดีเมื่อวานช่วงเช้าๆผมมีโอกาสได้คุยกับคนรุ่นๆเดียวกันในโรงอาบน้ำรวมของหอ (ที่นี้มีแต่ห้องอาบน้ำรวมอะ) พวกมันก็บอกว่าห้องๆนึงของหอนอนกันแค่สามคนและทุกๆห้องจะมีสามเตียง ส่วนพวกตู้เสื้อผ้านี่ทางโรงเรียนจะมีตู้ให้คนละตู้ ขนาดพอดีๆไม่เล็กไม่ใหญ่แต่ต้องใส่ทุกอย่างตั้งแต่เสื้อผ้ายันหนังสือเรียน เพราะฉะนั้นถ้าให้ผมเดาคงมีแต่ห้องไอ้ ฝุ่นละอองจิ๊บจ๋อย (ชื่อพระเอกนิยายฉันเสียหายหมด!!) นี่ละครับที่มีเตียงเดียว มีแอร์ คิงไซส์ ใหญ่บิ๊กกว่าทุกห้อง!!!
พ่อแม่งเป็นมาเฟีย ชัวร์!! (สรุปได้เลวมาก..)
แล้วเมื่อคืนกว่าผมจะล้มหัวลงนอนได้ นานครับเพราะไอ้ฝุ่นละอองจิ๊บจ๋อยนี่แม่งเรื่องมากจะลากผมไปนอนที่โซฟาให้ได้อย่างเดียวเลย แต่แน่นอนอยู่แล้วครับ คนอย่างท่านใบไผ่ยอมก็บัฟฟาโล่แล้ว!!
“มึงไปนอนโซฟา เดี๋ยวนี้เลยนะ นี่เตียงกู”
“กูไม่ไป!! มึงทำกูไว้เยอะนะวันนี้ ต้องให้กูนอนเป็นการชดใช้!!”
“พูดเหมือนมึงไม่ทำอย่างงั้นละ ลงมานะเว้ยย ไอ้หน้าตุ๊ด!!”
“อ่อ!! มึงอยากสูญพันธ์อีกใช่มั้ย..ได้ กูจัดให้!!”
นั่นละครับตามตัวอักษรเอียงๆข้างบน หลังจากที่ผมพยายามขืนตัวเองด้วยการเกาะเตียงไว้แน่น เพราะไอ้ฝุ่นละอองมันดึงข้อเท้าผมพร้อมกระชากๆกะให้หลุดจากเตียง แต่พอมันท้าทายผมมากๆ ผมก็ลุกขึ้นล็อคคอมัน แล้วก็ดึงหัวมันไปมา เขย่าๆ กระชากๆๆ จนหัวแม่งหลุดเลย ฮ่าๆๆ (โหดไปๆ) ล้อเล่นนะครับ…ผมคนครับไม่ใช่ผีเสื้อสมุทรที่จะหักคอคนจนหลุดได้
ความจริงพอล็อคคอมันไปมากลับกลายเป็นว่าไอ้ไต้ฝุ่นนั่นมันตัวใหญ่กว่าผมเยอะ มันเลยจับผมทุ่มลงเตียงแล้วก็เอ่อ… เออๆๆ ช่างแม่งตรงนี้ข้ามไป -3-/// นั่นละๆ ผมไม่ยอมมันก็เลยบอกว่าได้ ถ้านอนเตียงเดียวกับมัน ก็นอนได้แต่ห้ามดิ้นเกินหมอนข้างที่มันกันไว้มาเท่านั้น แน่นอนอย่างผมอะ..
ทำไม่ได้อยู่แล้ว แฮร่~
แต่จะว่าไปตื่นมาก็ไม่เจอมันเลยนะ หายไปไหนอีกว่ะ …แต่ช่างแม่งๆ ไปอาบน้ำดีกว่า..ว่าแต่นี่กี่โมงแล้วนะ?
11.30
เฮ้ยยยย!! รีบอาบน้ำดีกว่า ก่อนที่จะไม่ได้อาบ TTT[]TTT!!
++++++++++++++
“ลุงครับ…ผมขอยืมจักรยานหน่อยได้ป่ะ”
ผมถามลุงยามหน้าหอที่กำลังเปิดทรานซิสเตอร์ฟัง ว่าแต่มันยังมีอยู่หรอรุ่นนี้ แต่ดูเหมือนลุงยามแกจะตกใจที่อยู่ๆผมก็มายืนเกาะป้อมแกแล้วมาขอยืมจักรยานด้วย ว่าแต่ผมจะยืมไปทำมั้ยน่ะหรอ..
ข่อยอยากชมโรงเรียนเน้~ (ติดสำเนียงจากทรานซิสเตอร์ลุงมา)
นั่นละครับ ผมเลยรีบอาบน้ำซึ่งจริงๆก็ต้องรีบอยู่แล้วนะ คือจะบอกอย่างจากที่ฟังๆจากไอ้พวกที่เคยคุยด้วยตอนอาบน้ำที่หอครั้งแรก (ครั้งที่สองไม่ได้อาบเพราะมั่วแต่วิ่ง..) เหมือนโรงเรียนนี้จะเปิดน้ำให้ใช้เป็นเวลานะ แบบช่วงเช้า 05.00-12.00 แล้วก็พักซักแป๊ป เปิดอีกทีก็ตอน 16.00 – 22.00 อะครับ คือถ้าพักแค่นั้น พักหาเตี่ยมันหรอไงว่ะ
“เอาไปทำหยัง พ่อหนุ่ม” เหมือนเสียงลุงยามหน้าหอจะช่วยเรียกให้ผมกลับสู่ปัจจุบัน ลุงแกวางทรานซิสเตอร์ลงข้างๆ ก่อนจะหันมาถามผมด้วยสำนวนติดที่ราบตะวันออกของประเทศไทย
“ก็แบบ ผมพึ่งย้ายมาอะลุง…ไม่ค่อยชินพื้นที่โรงเรียนสักเท่าไหร่ ก็เลยอยากลองปั่นออกไปดูรอบๆโรงเรียนอะครับ” ผมว่ายิ้มๆ
“โอ้ๆก็ได้อยู่แต่บักแดงมันบ่ค่อยแข็งแรงเน้อ โซมันบ่อยู่ในวงล้อจักใด๋นัก เบรคก็บ่ดี ปั่นๆแล้วระวังซิล้มแหน่ะ พ่อหนุ่ม”
บักแดง ที่ลุงว่าน่าจะหมายถึงจักรยานคันแดงมะเมื่อมที่จอดอยู่ข้างๆผมนี่ละครับ ผมมองสภาพที่มันก็ดู อื้ม…น่าจะหิ้วขึ้นไปเก็บบนพิพิธพันณ์ได้แล้วนะแต่ก็ยังพอไหวอยู่ ผมพยักหน้าหงึกหงักๆให้ลุงแกไปสองทีก่อนจะขอบคุณ ลุงบอกให้ผมรักษาจักรยานคันนี้ยิ่งชีพเพราะมันคือจักรยานที่ท่าน ผอ. ที่แกเคารพซื้อให้ไว้ก่อนท่านจะปลดเกษียนไป
ผมสัญญาครับ!! (ตะเบะตัวตรง)
.
.
ลมเย็นๆลอยปะทะเข้าใบหน้าผมให้ความรู้สึกสดชื่นได้เป็นอย่างดี ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายๆแล้วครับ อากาศช่วงปลายร้อนต้นฝนก็โอเคอยู่เหมือนกันนะเนี้ย… แดดไม่แรงมากยิ่งทำให้การปั่นจักรยานสำรวจนราธรณ์ของผมยิ่งเยี่ยมยอดมากขึ้น
นราธรณ์เป็นโรงเรียนที่ต้นไม้เยอะมากเลยละครับ ตอนเช้าๆผมว่ามันก็ให้ความรู้สึกร่มรื่นดีอยู่หรอกแต่พอตกกลางคืนก็น่ากลัวสุดๆเหมือนกัน เนื้อที่และอาณาบริเวณของโรงเรียนกว้างแต่ก็ถูกจัดสรรกันอย่างลงตัวดี ตึกเรียนของที่นี้ดูเหมือนมีมนต์ขลังเลยแฮะคงเป็นเพราะความยาวนานของการก่อตั้งโรงเรียนนี้ละมั้งเลยทำให้มันดูเหมือนมีมนต์ขลังบางอย่าง จากตอนแรกที่ผมไม่ค่อยยากจะเรียนที่นี้สักเท่าไหร่กลับกลายเป็นรู้สึกว่า มันก็น่าเรียนดีนะ…อย่างน้อยๆกับข้าวของโรงอาหารก็อร่อยอ่ะ (เห็นแก่กิน)
แต่แลดูโรงเรียนนี้เค้าจะเข้มงวดเรื่องหอพักมากเลยนะครับเพราะดูหอชายกับหอหญิงห่างกันเป็นโยชน์เลยเหอะ สงสัยกลัวว่านักเรียนจะแอบปีนขึ้นห้องกันละมั้ง คงปีนหรอกได้เนอะยามเฝ้าหน้าหอขนาดนี้ เหอๆ อ่อ! ผมปั่นจักรยานผ่านห้องที่เค้าเรียกว่าอะไรนะ.. ห้องโสตละมั้ง (คนไม่โสดห้ามเข้านะเนี้ย) เหมือนจะเป็นห้องของคณะกรรมการนักเรียน
และผมเห็นหน้าของไอ้ฝุ่นละอองจิ๊บจ๋อยกับเพื่อนมันแปะอยู่บนบอร์ดแนะนำคณะกรรมการนักเรียนด้วยล่ะ…
ไม่รู้ว่าแม่งคัดคณะกรรมการนักเรียนจากหน้าตาหรือว่าอะไร เห็นมีแต่คนหล่อๆ (น้อยกว่าผมนิดๆ) แต่มีคนนึงหน้าคุ้นๆเหมือนผมเคยเจอที่ไหนก็ไม่รู้ ชื่อมันก็คุ้นๆนี่ผมกำลังคิดอยู่ว่ามันเป็นใครแต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก เลยเลิกคิดแม่งละ เหอะๆ
ตอนนี้ผมปั่นจักรยานผ่านไอ้หน้าห้องสมุดสยองขวัญเมื่อคืน เห็นแล้วก็แค้นนิดๆ แต่ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวผมต้องได้แก้แค้นมันแน่ๆ ผมไม่ปล่อยไว้หรอกครับ หึหึ ไอ้ตึกคหกรรมที่ผมสยองๆเมื่อวานตอนนี้มันก็ดูปกติดีครับ ไม่น่ากลัวเหมือนตอนกลางคืน ปั่นไปอีกนิดก็เริ่มเห็นบึงใหญ่ๆที่มีดอกบัวลอยอยู่เต็มเลย ข้างๆก็มีศาลาให้นั่งเล่นด้วยและก็มีคนมานั่งกันนะครับนักเรียนเริ่มทยอยกันกลับเข้าหอแล้วละ สงสัยคงเป็นเพราะว่าพรุ่งนี้คงจะเป็นวันเปิดเทอมแล้วละมั่ง
ผมปั่นมาอีกนิดก็เหมือนหลุดเข้ามาในชนบทอะไรอย่างงั้น มันเป็นเหมือนแปลงเกษตรอะครับ มีผักมีต้นไม้แปลกๆปลูกเต็มข้างทางไปหมดเลยเลย แต่เหมือนสายตาผมจะสะดุดกับอะไรสักอย่าง..
ผมเพ่งมองไปข้างหน้าเมื่อเห็นกลุ่มก้อนมนุษย์เป็นหย่อมๆกำลังนั่งเรียงกัน มีเสียงเป่านกหวีดและเสียงกลองตีมาเป็นระยะๆ เห็นมีเด็กนักเรียนในชุดเครื่องแบบสีเทาฟ้าของโรงเรียนเต็มไปหมดเลย บนคอของทุกคนจะมีป้ายชื่อแขวนไว้ด้วย จากการคาดการของผมนี่น่าจะเป็นการรับน้องละมั้ง
“แจวมาแจวจ้ำจึกน้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว โอ้ว~ แจวมาแจวจ้ำจึกน้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว แจวเรือไปซื้อสาคูเอ้อ~ แจวเรือไปซื้อสาคูของเชิญน้องลูกหมูลุกขึ้นมาแจว~”
เสียงเพลงที่ผมพอจะคุ้นๆอยู่ดังลอดมาจากลำโพงขยายเสียงหรือโทรโข่งก่อนที่ผู้หญิงที่เหมือนจะชื่อลูกหมูลุกขึ้นไปยืนแจวข้างๆไอ้รุ่นพี่ผู้ชายหน้าตาคุ้นๆ คุ้นจนผมต้องเพ่งมองเข้าไปให้เห็นชัดๆ ว่าใช่รึเปล่า
มันคือเพื่อนไอ้ฝุ่นละอองที่ดูคากคกโด๊ะกันเมื่อวานนั่นเอง - -
พอหันไปมองข้างๆก็เห็นไอ้ฝุ่นละอองจิ๊บจ้อยนั่นยืนทำหน้านิ่งๆปรบมืออยู่ข้างๆ ว่าแต่มันหาทำเลมารับน้องตรงนี้เลยเรอะ ดีเนอะข้างๆมันเป็นเหมือนบ่อเก็บขี้โคลนที่น่าจะเอาไปทำปุ๋ยใส่พวกต้นไม้ต่างๆที่อยู่ในโรงเรียน ถัดไปอีกนิดก็เป็นคอกที่มีหมูสองสามตัวกำลังนอนคลุกโคลนอยู่ คงหอมพิลึกๆ
ด้วยความอยากเห็นว่าพวกมันกำลังทำอะไรกันบ้าง (แถวบ้านเรียกเสือก) ผมเลยไถจักรยานลงจากถนนไปตามเนินข้างๆ แต่เพราะสงสัยมันเป็นเนินที่ชันพอสมควร ตอนลงมันเลยลงแรงมาก มากซะจนผมต้องรีบปั่นเพื่อไม่ให้เสียการทรงตัว มือก็พยายามกดเบรกเพราะกลัวจะเสียหลัก แต่แบบว่ากดไปกดมา..
บะ..เบรคข้างขวาหลุดแล้วครับ T_T!!
“เฮ้ยๆๆๆ..”
ผมร้องลั่นจนเสียงกลองที่กำลังตีกันอย่างสนุกสนานหยุดลง แต่ผมยังหยุดไม่ได้ ผมพยายามปั่นบังคับบดเบียดไม่ให้มันล้ม เหมือนที่ลุงยามบอกเลยครับจักรยานมันเก่าแล้ว ไอ้ผมก็ลืมไปเลยอ้ะ ออกแรงไปซะเยอะ บักแดงอยู่เฉยๆดิว่ะ ฮะ…เฮ้ย ชะ เชี่ย..แล้ว โซ่หลุดครับพี่น้อง T T!!
“หลบปายยยยยยยยยย”
ผมตะโกนเสียงดังสี่สิบแปดหลอดบอกให้คนตรงนั้นหลบทันที พวกเด็กๆน้องๆที่นั่งกันอยู่ก็หลบกันสล่อน มีแต่พวกไอ้ไต้ฝุ่นนี่ละที่ยังยืนอยู่ เชี้ยหลบดิ่ว่ะ โซกูหลุด กูจะดิ่งลงแล้วนะเว้ยย
ไอ บีลีฟ ไอ แคนฟายยยยยยยยย TT[]TT!!
“เฮ้ยย ไอ้แสบ…มึงทำอะไรว่ะ?!”
“กะ..กูไม่รู้ กูรู้แต่ว่า..”
“รู้เหี้ยอะไร?!!”
“โซ่หลุดแล้ว สาสสสสสสสส”
“ไอ้ฝุ่น หลบบบบบบ”
“เฮ้ยยยยยย!!”
เสียใครต่อใครก็ไม่รู้ตะโกนกันไปมา แต่ผมไม่ได้มองหน้า ตอนนี้ที่รู้คือ ปล่อยแล้วครับ ผมคงทำอะไรไม่ได้แล้วต้องปล่อยมันไปตามยถากรรม ผมหลบตาปี๋ก่อนจะรู้สึกว่าจักรยานมันไถไปข้างหน้าเร็วขึ้นเรื่อยๆ
แกรกๆๆ แถ่ดๆๆ แคร่กๆๆๆ
เหมือนจักรยานมันจะไปชนเข้ากับอะไรนิ่มๆสักอย่างก่อนที่ร่างของผมกับสิ่งนิ่มๆนั่นจะพากันตีลังกาหงายหลังลงไปบน..
แผละ!
อู๊ดๆๆๆๆๆๆ
โคลนครับ..
“โอ๊ย…”
ผมได้ยินเสียงเหมือนคนร้องโอ๊ยเบาๆตรงหน้า และรู้สึกว่าตัวเองนอนทับอยู่บนอะไรสักอย่างที่นิ่มๆ ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาก่อนจะพบว่า
ผมนอนอยู่บนตัวไอ้ไต้ฝุ่นครับ!
พอมองไปรอบๆก็มีโคลนและหมูวิ่งอู๊ดๆไปมา กลิ่นเหม็นๆของโคลนซึ่งผมไม่อยากจะเดาว่ามันผสมกับอะไรบ้าง ลอยเตะจะมูกผม ตัวผมน่ะไม่เลอะเท่าไหร่หรอกแต่ไอ้คนที่ผมนอนทับนี่สิ
ท่าทางจะไม่รอด คึ…
“ไอ้แคระ!!! ไอ้แสบ!!! มึงลุกออกไปจากตัวกูเดี๋ยวนี้นะ” มันสะบัดตัวผมออกจากตัวมัน ทำให้ผมเสียหลักตกจากตัวมันทันที..
แผละ!!
กูนั่งทับโคลนเต็มๆเลยครับ TT__TT
“เฮ้ย ฝุ่นมึงเป็นไงบ้างวะ..อุ๊บ…นั่นหัวหรือกองขี้ว่ะนั่น ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะจากไอ้คนดูคางคกโด๊ะกันคนเดิมเลยครับ มันหัวเราะเพื่อนมันจนตัวงอ เรียกให้ผมต้องเงยไปดูหัวของไอ้ฝุ่นละอองจิ๊บจ้อยนี้แล้วก็
“ กร๊ากกกกกกกกกกกกก ฮ่าๆๆๆๆๆๆ “
ขำหัวมัน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ หัวหยังกะขี้เลยอะครับ เส้นผมสีดำของไอ้ไต้ฝุ่นมีขี้โคลนที่คาดว่าน่าจะผสมขี้หมูด้วยปนๆกันอยู่เต็มเลย มันหันมามองหน้าผมตาเขียวปั๊ด..อะ อะไร รอบนี้กูไม่ได้ตั้งใจนะ…
“หัวเราะกูหรอไอ้แสบ เอาไปแดกเลยมึง”
ฟิ้วว! แผละ!
เสียงฟิ้วน่ะมันปา.แต่พอเสียงแผละน่ะเต็มๆหน้าผมเลยครับ..
“เชี่ยย ปามาทำเหี้ยไรเนี้ย ถุย แบะ ถุยๆ “ผมถุยโคลนที่หลุดเข้าปากมานิดๆออกทันทีก่อนจะค่อยๆปาดโคลนที่ไหลลงมาตรงตาผมออกจากหน้า เสียงหัวเราะดังไปรอบด้าน อยากบอกว่ากูอายครับ จักรยานเฮ่งซวย ฟักยูววววววววววววววว ฮืออออออ
“ฮ่าๆๆๆ น้องใบไผ่ครับ โคลนอร่อยมั้ยครับ ก๊ากกก” เสียให้คนดูคางคกโด๊ะกัน หรือไอ้แวน หรือไอ้วิน นั่นละๆ หันมาหัวเราะเยาะใส่ผม หึ! หัวเราะกูนักใช่มั้ยได้
ฟิ้ว! แผละ!
ผมกอบโคลนใส่มือก่อนจะปาใส่ไอ้วินหน้าหมาที่หัวเราะผมจนตัวสั่น โดนหน้ามันเต็มๆๆเลยครับ ฮ่าๆๆๆ หัวเราะเยาะกูดีนัก แบร่ๆ ;P
“โอ๊ยยย เชี่ยย อ้วกก แหยะ ถุยๆ”
“สมน้ำหน้าไอ้ควายวิน” ไอ้คนที่ชื่อโด่งหันมาด่าเพื่อนมัน ก่อนที่ไอ้วินจะทำหน้าแค้นๆผม มันเดินมาตรงไม้ไผ่ที่กั้นเล้าไว้ครับก่อนจะกอบโคลนใส่มือมันแล้ว
แผละ!
จับแปะใส่หน้าเพื่อมันเต็มๆ
“หล่อดีนะไอ้โด่ง ก๊ากกกกกกกกก”
หลังจากนั้นผมก็ว่ามันเหมือนสงครามปาโคลน(ผสมขี้หมู) เลยละครับ เสียงหมูในเล้าร้องอู๊ดผสมไปกับเสียงคนตะโกนด่ากัน ผมได้ที่ก็กอบโคลนปาใส่ไอ้ไต้ฝุ่นด้วยความเคียดแค้น เอาใส่ปากได้ผมคงทำไปแล้ว หึหึหึหึ
ไม่อยากจะบอกว่าเละว่ะ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก
“ใบไผ่? ใบไผ่ใช่มั้ย…?”
ระหว่างที่ผมกำลังเมามันส์กับการปาโคลนใส่ไอ้ไต้ฝุ่นสลับกับหลบโคลนจากมัน ผมก็ได้ยินเสียงคนเรียกผมก่อนที่จะหันไปเจอ ผู้ชายหน้าตาคุ้นๆคนเดียวกับที่ผมคุ้นๆบนหน้าบอร์ดคณะกรรมการนักเรียน ก่อนที่ผมจะร้องอ๋อในใจเบาๆ
”เฮ้ยยย ไอ้ไม้โท!!”
****************************************
อะแฮ่มม!!น้องโม้โทของคนเขียนออกมาแล้ว แอร้ยยย~
แบบว่ามีโอกาศได้คุยกับหน้าม้า(?)ของคนเขียนหลังไมค์...
หน้าม้าเค้าถามคนเขียนว่าอย่างไอ้ไผ่จะมีเพื่อนคบเร้อออ
ไม่ต้องห่วงงง!! มีแน่นอนค่ะ55555555
หวังว่าคงจะชอบตอนนี้กันเนอะ….
อยากจะบอกว่า เห็นยอดวิวแล้วมันขึ้น..
แต่เหมือนจะไม่ค่อยมีคนเม้นท์..
ขอย้ำอีกครั้งนะว่าคนเราน่ะ ‘อยู่ได้ด้วยกำลังใจ’
อ่านแล้วก็ช่วยเม้นท์กันสักนิด แล้วไอ้ไก่จะชื่นใจที่สุดT/\T
และขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์ของทุกๆคนที่มาอ่านด้วยนะคะ
ได้อ่านหมดเลย มีความสุขมากๆ ขอให้สนุกเน้อออ
ความคิดเห็น