คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ★ Chapter2 : ผีหลอก
Chapter2
ผีหลอก
ผมกำลังพยายามระงับอารมณ์ตัวเอง
“ยืนบื้ออยู่ได้จะเข้ามามั้ย”
ไม่ให้มีความรู้สึกว่า
อยากซัดหน้ามัน
ผมเดินเข้ามาในห้องพัก 466 ก่อนจะโยนของในมือทั้งหมดเข้าผนังห้องระบายอารมณ์ทันที เข้าใจอารมณ์มั้ยครับหงุดหงิดอยากซัดปากคนแต่แม่งก็ทำไม่ได้
ไอ้ไผ่อยากกัดลิ้นตัวเองตายยย
ร่างที่สูงกว่าผมหันมามองตามเสียงโครมครามทันที นัยน์ตาสีดำคู่นั้นสบมองผมนิ่งๆก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นสูง แล้วก็ร้อง ‘หึ’ ในลำคอตัวเองเบาๆ ทำไมวะ
แม่งมีอะไรน่าขำมากหรอไง!!!
เพราะผมมัวแต่กระฟักกระฟัดกระเฟียดหรือไงก็ไม่รู้ ผมจึงลืมมองสำรวจไปรอบๆห้องนี้ สิ่งแรกที่รับรู้ทันทีที่เข้ามาถึงห้องนี้เลยก็คือ
แอร์มันเย็นมากครับบ่งบอกได้ว่าไอ้เจ้าของห้องคนแรกมันต้องมาห้องก่อนแล้วแน่ๆ ภายในห้องถูกทาด้วยสีฟ้าอ่อนตัดกับสีขาวของประตู หน้าต่างห้องเป็นกระจกใสมีผ้าม่านสีฟ้าเช่นเดียวกัน พื้นห้องเป็นไม้ปาเก้อย่างดีปูด้วยพรหมผืนหนา ในห้องนี้มีตู้เย็นเล็กๆหนึ่งตู้ที่วางอยู่ชิดผนังทางด้านขวาในสุดของห้อง และมีตู้เสื้อผ้าที่ทำด้วยไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ชิดแถวๆริมหน้าต่าง โซฟาสีดำตัวใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง ทีวีจอLCDขนาดยักษ์ที่ถูกตั้งไว้ริมผนังปลายเตียงของห้อง โต๊ะเขียนหนังสือที่มีแล็ปท็อปสีขาวเครื่องบางตั้งอยู่และเตียงคิงไซส์ขนาดใหญ่เตียงเดียว
เดี๋ยวดิ่มีเตียงเดียว
“ทำไมห้องมึงมีแค่เตียงเดียว”
“ก็บอกแล้วไงว่ากูนอนคนเดียว”
ฟ๊าคคคค มีเตียงเดียว!! จะบ้ารึเปล่า แล้วปกติห้องนึงมันก็พักกันสามคนไม่ใช่หรอไง (ฟังจากเจ๊กระบังลมมา) ถึงจะรู้ว่ามันนอนคนเดียวก็เหอะ แล้วทำไมห้องไอ้บ้านี่มันมีแค่เตียงเดียว (ถึงแม้จะใหญ่มาก) แถมข้าวของที่ตกแต่งในห้องก็หยังกะคอนโดหรู5ดาว ไม่เหมือนห้องพักนักเรียนในโรงเรียนเลย
แม่งเป็นใครวะ?!
“แล้วถ้ามันมีเตียงเดียว กูจะนอนตรงไหนอะ” ผมถาม
“โซฟา
.”
“ว่าไงนะ?!”
“โซฟาไง
ห้องนี้เป็นของกูตั้งแต่แรก มึงมาที่หลังโซฟาน่ะถูกแล้ว” ไอ้หน้าปีศาจหันมาตอบผมพร้อมยักคิ้วกวนๆใส่
“ตลกเหอะ กูไม่นอนหรอกโซฟา” แคบก็แคบ
เย็นก็เย็นผมไม่ยอมหรอก!!
“งั้นมึงจะนอนตรงไหนล่ะ..เตียงเดียวกับกู
?” มันทำเป็นเอียงคอสงสัย ขอให้คอแม่งหัก - -!
“เออ
ทำไม ก็ในเมื่อมึงนอนบนที่นอนได้ ทำไมกูจะนอนไม่ได้” ผมตอบกลับไป ทำไมล่ะวะ ที่มึงยังนอนบนที่นอนได้แล้วทำไม ผมต้องยอมไปนอนบนโซฟาด้วย ผมไม่ใช่ขี้ข้าหรือคนรับใช้มันนะครับ เรื่องอะไรต้องยอมลดตัวไปนอนโซฟาแล้วให้มันสบายบนเตียงใหญ่ๆคนเดียว!!
“หืมมม คิดดีแล้วหรอ
จะนอนเตียงเดียวกับกูน่ะ..” ร่างสูงกว่าพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาหาผมที่ยืนอยู่ตรงกำแพงทางประตูห้อง ผมที่กำลังงุนงงกับท่าทางของคนตรงหน้ารู้ตัวอีกทีร่างสูงกว่าก็ก้าวมาจนประชิดตัวผมแล้ว ด้วยความตกใจประจวบกับมองไม่เห็นทางข้างหลังผมเลยเสียหลักเซถอยหลัง รู้ตัวอีกทีหลังของผมก็สัมผัสกับผนังห้องเย็นๆตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
มือทั้งสองข้างของมันเท้าเข้ากับกำแพงเหมือนจะกันไม่ให้ผมหนี ก่อนใบหน้าคมคายจะจ้องมองสบกับนัยน์ตาของผมในระยะประชิด จนทำให้ผมมองเห็นนัยน์ตาสีดำดุจรัตติกาลของมันได้อย่างชัดเจน จมูกโด่งสวยได้รูปกับริมฝีปากบาง กำลังโน้มต่ำลงมาเรื่อยๆ พร้อมๆกับหัวใจของผมที่กำลังเต้นถี่แรงและเร็วขึ้น
ผมกำลังใจเต้นกับการกระทำของคนตรงหน้า
ที่สำคัญกว่า ทำไมผมใจเต้นกับผู้ชาย!!!
“ว่าไงละ หืม..ยังอยากนอนเตียงเดียวกับกูมั้ย
” ลมหายใจอุ่นๆรดที่ต้นคอของผม พร้อมกับน้ำเสียงที่ทำให้ขนตรงช่วงคอของผมลุกขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
ผมสาบานได้ว่า ขาผมกำลังสั่น
“ทะ
ทำไมกูจะนอน
ตะ...เตียงเดียวกับมึงไม่ได้” ผมพยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่นเหมือนขา ห่าเอ้ย...กูเป็นอะไร!!
“แน่ใจแล้วนะ...ถ้านอนเตียงเดียวกับกู มึงอาจจะ
ไม่รอด ก็ได้นะ” ไม่รอด ไม่รอด...เชี้ยอะไรวะ!!! ผมอยากผลักมันออกไป แต่ผมไม่มีแรง
ไม่มีแรงเอาเสียดื้อๆทั้งๆที่มันยังไม่ทำอะไรสักอย่างผมเลย
“คิด
.” แต่แล้วอยู่ๆผมก็ฮึด
“คิดจะขู่กูหรอ!!”
ผลั่ก!!
“โอ๊ยยยยย!!!”
ผมรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายของตัวเองก่อนจะจัดการเตะผ่าหมากมันไปเน้นๆ เรื่องอะไรจะยอมให้มันมาทำกับผมแบบนี้ พอเห็นว่าร่างของคนที่คร่อมผมอยู่ตอนแรกนั้นร่วงลงไปนอนอุดคุดคู้อยู่แทบเท้าแล้ว ผมก็จัดแจงเดินออกมาจากมุมกำแพง เปลี่ยนมาเป็นยืนมุมที่มันเคยยืนแล้วผมไปยืนตรงที่มันยืนแทน ก่อนจะค่อยๆย่อตัวลงมานั่งยองๆข้างๆมัน
“คิดจะขู่กูด้วยวิธีนี่หรอ? .อย่าคิดว่ากูจะกลัวเลยนะ..”ผมพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันคนตรงหน้าอย่างเต็มที่ “อย่าหวังว่า...จะได้กดกูแบบนี้อีก!!” ก่อนที่ประโยคหลังจะตะโกนใส่หน้ามันเต็มๆ
ผมพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันใส่หน้ามัน ก่อนจะค่อยๆลุกแล้วเดินออกหนีออกไปจากห้องทันทีทิ้งให้มันร้องโอดครวญอยู่ข้างในห้องคนเดียว
“ไอ้ตัวแสบ
ไอ้ ไอ้หน้าตุ๊ด
กูสัญญา กูจะไม่ปล่อยมึงไว้แน่ๆ!!!!”
++++++++++++++
Taifun Part!
ผมนอนหงายหน้าอยู่บนโซฟาโดยที่มืออีกข้างก็ค่อยๆจับเจ้าถุงน้ำแข็งที่ประคบไต้ฝุ่นน้อยลูกรักที่ถูกไอ้ตัวแสบเมื่อกี้เตะใส่มาเต็มๆแรง กูจะสูญพันธ์ปะวะ
มืออีกข้างที่ว่างอยู่ของผมก็พยายามควานหา Samsung Galaxy Sll ที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกข้างๆโซฟา เพื่อกดหาเบอร์ไอ้วิน ให้มาขึ้นมาหาผมหน่อยพอดีมี “แผน” หึหึ...เพื่อไอ้ตัวแสบเมื่อกี้โดยเฉพาะ
เห็นผมเรียกมัน “ไอ้หน้าตุ๊ด” จริงๆหน้ามันก็ไม่ได้ตุ๊ดอะไรขนาดนั้นหรอกครับ แต่ว่าแม่งหน้าหวานเหลือเกิน ผู้ชายที่ตัวเล็กๆปากแดงๆขาวๆหน้าตาหยิ่งๆ ที่มองเห็นตอนแรกถ้ามันไม่พูดจะดูน่ารักมาก แต่พออ้าพูดเท่านั้นละปากมันหยังกะรวบรวมฟาร์มสุนัขทั้งประเทศไทยไว้ ผมเห็นมันตั้งแต่ตอนที่มันตะโกนด่าพวกไอ้โอกลางโรงอาหารแล้วละ แต่ตอนนั้นใครจะไปคิดว่ามันจะเป็น ผู้มาแย่งที่พักพิงของผม..
..ผมนายวายุ อัครโยธิน ผู้ชายที่อาศัยอยู่ในห้อง 466 มาตลอดระยะเวลาสองปีกว่า แต่จริงๆต้องพูดว่าผมกินๆนอนๆเรียนๆที่นราธรณ์มาตั้งแต่ ม.1 แล้ว แล้วจู่ๆอยู่ๆวันหนึ่งกำลังเก็บของจะกลับเข้าหอ ไอ้ไวน์ท่านประธานนักเรียนก็โทรมาคาบข่าวบอกผมว่า...
(เตรียมตัวมีรูมเมทได้เลยนะไอ้ฝุ่น น้อง ม.5 ย้ายมากลางคัน...)
นั่นละครับพอรู้เรื่องจากไอ้ไวน์ผมก็รีบบึ่งรถมาโรงเรียนทันที ตอนแรกโมโหที่มันมาแย่งห้องผม ห้องอื่นมีเยอะแยะทำไมมันไม่ไปนอน แต่พอเจอเหตุการณ์หลายๆเหตุการณ์อย่างเมื่อกี้ ผมชัก
สนุกขึ้นมาแล้วสิJ
ผมกดโทรศัพท์เลื่อนลงมาเรื่อยๆจนเจอเบอร์ไอ้วิน ผมกดโทรออกทันที ฟังสัญญาณรอสายมันด่าว่าผมเป็นตุ๊ดละก็เคืองแม่ง ร้องแบบอื่นไม่เป็นไงวะ (พาล)
(หน้ามืดปะวะ โทรหากูเนี้ย)
“อย่าพึ่งกวนตีนดิเชี่ยห้อย อยู่ไหนเนี้ย”
(สัส ด่ากูห้อยกูเสียหาย..กำลังจะเลี้ยวเข้าโรงเรียนละเนี้ย ทำไม..คิดถึงกูมากไง)
“หึ
ใครจะไปคิดถึงคนปากห้อยๆอย่างมึง” ย้ำแม่งหน่อยครับ ไม่เจอนานไม่ได้ด่าใครห้อยมานาน
(ถ้าโทรมาเพื่อด่ากูปากห้อย งั้นกูวางละ ขับรถไม่ถนัด)
“หึ! ไม่ได้จะโทรมาด่ามึงหรอก แค่อยากจะบอกว่ามาถึงแล้วให้มาหากูที่ห้องด้วย พอดีกูมีปัญหาอะไรนิดหน่อยว่ะ
”
(ปัญหาห่าไรอีกละ มึงอย่าหาเรื่องมากนะฝุ่น เดี๋ยวไอ้ไวน์ก็ด่าอีก เออๆ..เดี๋ยวกูขึ้นไปหา แกร๊ก! โธ่ จารย์! ถ้าผมจะรถคว่ำคงคว่ำตั้งแต่ ลำลูกกาแล้ว
ปิ๊ป!)
เสียงกุกกักๆกับเสียงตะโกนเถียงกันแบบนั้น ให้เดาก็ไอ้เชี่ยวินโดนอาจารย์สักคนด่าแน่เลยที่ขับรถมือเดียว สมน้ำหน้าอยากปากห้อยดีนัก (พาลเขาไปทั่ว
)
เตรียมตัวไว้เลยไอ้แสบ
^^
++++++++++++++
นราธรณ์โรงเรียนมัธยมต้นชื่อดังอันดับต้นๆของประเทศไทย ด้วยเนื้อที่ที่กินอาณาบริเวณของซอยชื่อดังย่านกรุงเทพมหานครมากกว่า 50 ไร่ บริเวณโรงเรียนถูกโอบล้อมไปด้วยต้นไม้และรั้วสูงกันเพื่อไม่ให้เหล่าเด็กหอปีนป่ายหนีออกไปได้ ตึกเรียนสีเทาฟ้าที่ถูกแยกเป็นตึกตามสาขาของแต่ละวิชาแต่ก็ถูกเชื่อมต่อกันด้วยทางเดินยาวที่ทอดต่อกัน และหอพักชายหญิงที่ถูกจับแยกไว้คนละทิศละทางเพื่อกันไม่ให้เกิดเรื่องเสียหายขึ้น และอัฒจันทร์ขนาดใหญ่ของโรงเรียนที่เป็นสถานที่ขึ้นชื่ออีกที่หนึ่งของโรงเรียน เคยถูกใช้เป็นการจัดแข่งขันฟุตบอลระดับประเทศมาแล้วหลายครั้ง และสิ่งสำคัญที่ทำให้โรงเรียนนี้เลื่องชื่อมากที่สุดก็คือด้านวิชาการ รับรองการขัดเกลาบุคคลได้จากผู้นำประเทศ หรือนักการเมืองชื่อดังหลายๆคนล้วนแล้วแต่ก็จบมาจากโรงเรียนนี้ทั้งนั้น
เวลาพลบค่ำของนราธรณ์ในตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เด็กดีๆจะออกมาเดินเล่นกัน แต่กลับมีร่างสูงของชายหนุ่มสามสี่คนเดินทำตัวลับๆล่อๆอยู่แถวบริเวณหลังห้องสมุดของโรงเรียน
“ไต้ฝุ่น มึงเอาจะทำจริงๆหรอว่ะ” ผู้ชายหน้าตากวนๆ (ตีน) ถามด้วยน้ำเสียงกึ่งเย้ากึ่งหยอก นัยน์ตาสีน้ำตาลพราวระยับผิดกับการพูดการจาลิบลับ
“กูล้อเล่นมั้งวิน มาถึงขนาดนี้แล้ว” เจ้าของชื่อไต้ฝุ่น หันมาตอบคนถามด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่มีท่าทีบ่งบอกเลยสักนิดว่าจะเปลี่ยนความตั้งใจของตัวเอง
“แต่ถ้ามีอะไรขึ้นกูไม่เกี่ยวกับพวกมึงนะ ไม่อยากเอาตำแหน่งประธานนักเรียนมาแขวนไว้บนเส้นด้าย เดี๋ยวสองกลับมารู้กูหัวขาดแน่ๆ คิดแล้วสยอง
” คนที่ได้ชื่อว่าเป็น “ท่านประธานนักเรียน” บอกด้วยน้ำเสียงแบบเรื่องนี้กูไม่เกี่ยวใดๆทั้งสิ้นยิ่งปลายๆประโยคแล้วเจ้าตัวก็ยกแขนทั้งสองข้างที่ถือหน้ากากผีของตนอยู่ขึ้นมากอดตัวเองแล้วสั่นเบาๆให้บ่งบอกว่าตัวเองสยอง ก่อนจะโดนผู้ชายร่างที่สูงไล่เลี่ยกันแขวะกลับด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยเต็มที่...
“หึ ก็ทำเป็นพูดไปงั้นแหละ มึงน่ะ..ไอ้ไวน์ จริงๆก็แค่กลัวเมีย”
“หุปปากไปเลย ไอ้เชี่ยโด่ง แม่ง เดินเร็วๆดิ๊ ยุงจะห่ามกูไปละ” พอเห็นว่าเพื่อนเอาความจริงมาพูด (?) พอตัวเองสู้ไม่ได้เลยหันไปเร่งให้ไอ้สามตัวที่เหลือรีบๆเดินเร็วๆทันที
“เฮ้ยๆหลบก่อนมีคนมา...” วินที่เดินนำหน้าเพื่อนอยู่หันมาบอกให้ไอ้สามตัวที่เหลือหลบทันที ที่ได้ยินเสียงกรอบแกรบพร้อมกับเสียงเหมือนคนบ่นอะไรคนเดียวลอยแว่วๆมา กองไม้ที่ตั้งเรียงรายกันหลังตึกจึงถูกใช้เป็นที่กำบังสำหรับมนุษย์ตัวโตสี่คนทันที ก่อนที่ร่างทั้งสี่จะค่อยๆชะโงกหน้าออกมาดูว่าใครกำลังเดินมา
“กูก็ไม่ได้อยากจะเข้านักหรอกมึงก็รู้อะ
กล้วย”
น้ำเสียงที่ไต้ฝุ่นคุ้นเคยเป็นอย่างดี ดีเสียจนเจ้าตัวต้องชะโงกหน้าออกมาดูเพื่อให้เห็นชัดๆว่าใช่จริงๆรึเปล่า ก่อนจะโดนไวน์สั่งให้หดหัวกลับมาหน่อยเดี๋ยวเขารู้ว่าแอบอยู่ตรงนี้กัน ร่างบางในชุดกางเกงขาสามส่วนสีฟ้ากับเสื้อยืดเข้ารูปสีขาวที่ขนาดเสื้อว่าเล็กแล้วแต่ตัวคนใส่กลับเล็กกว่า ดูได้จากความหลวมของมัน
หึ!เมื่อคืนคงนอนหลับสบายดีสินะ..ไต้ฝุ่นคิดในใจ
“นี่ละรูมเมทร่วมห้องกู” ไต้ฝุ่นเอ่ยเบาๆทำลายความเงียบ เรียกให้อีกสามร่างที่ชะโงกหน้ากันอยู่นั้นพากันหันพรึบกลับมามองหน้าคนพูดทันที “หือ?? คนนี้อะนะ??” ไวน์ถามด้วยเสียงสงสัย “น่ารักวะ
” ก่อนจะทำหน้าเพ้อๆมองร่างบางที่ยืนอยู่จุดเดิมไม่วางตา
“โอ๊ยยย โด่งตบหัวกูทำไมว่ะ” ไวน์ลูบหัวตัวเองปอยๆหลังจากได้รับรสฝ่ามือของโด่งที่โบกเข้าเต็มๆจนกลุ่มผมบนหัวไวน์กระจุยกระจายออกอย่างเห็นได้ชัด
“เก็บวิญญาณเสือของมึงหน่อยไอ้ไวน์...กูจะฟ้องไอ้สอง” โด่งว่าเสียงโหด
“อย่านะเว้ย!!! ก็แค่บอกน้องเค้าน่ารักเฉยๆ ยังไงกูก็รักสองคนเดียวแหละ..” โด่งไม่ตอบอะไรแต่ทำเพียงแค่เป็นแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ไวน์ ไวน์เลยทำแค่ถลึงตาใส่ก่อนจะหันกลับไปมองร่างบางที่ยืนอยู่ใต้หลอดไฟนีออนตรงจุดเดิม ผิวขาวๆพอต้องแสงนีออนแล้วก็ยิ่งช่วยขับให้มันดูขาวยิ่งขึ้น
“แต่น้องเขาน่ารักจริงๆนะเว้ยฝุ่น มึงจะโวยวายทำไมว่ะ..” วินว่าเสียงเคลิ้ม ก่อนจะโดนไต้ฝุ่นดีดติ่งหูไปอย่างเต็มแรง “โอ๊ยย ไอ้ฝุ่น ไอ้สัส ไอ้พ่อแม่ไม่สั่งสอน มึงดีดหูกูทำไมว่ะ” วินแหวเสียงเบาก่อนจะลูบติ่งหูตัวเองปอยๆ
“แค่นี้ต้องด่าพ่อด่าแม่กูเลยหรอ ควาย มึงก็พูดได้
เห็นหน้าตาอย่างงี้ แต่ปากนี่อย่าให้กูบรรยาย เอาไว้มึงรอดูต่อไปละกัน หึหึ” ไต้ฝุ่นหัวเราะหึหึอย่างคนที่เจอมากับตัวแล้ว ก่อนจะพยักเพยิดให้วินกลับไปมองร่างบางที่เดินวนไปวนมาโดยที่มีโทรศัพท์แนบหูอยู่
“อ๋อ ไอ้ห่าที่กูเล่าให้ฟังตะกี้อะนะ
แม่งสันดานนี่..เออ ถูกของมึงกล้วยเหี้ยสัสๆอะกูไม่อยากจะเอ่ยแม่งเหี้ยจนไม่รู้จะหาคำไหนมาด่าละคิดถึงหน้าแม่งแล้วอยากเอานันยางยัดปาก หมันหน้าแม่ง.. แล้วมึงคิดดูดิ่กล้วยกูต้องนอนห้องเดียวกับมันตั้งปีนึงเลยนะว้อย
มันอยู่ม.6ว่ะเลยได้นอนกับแม่งแค่ปีเดียว
ฟายย นอนเฉยๆดิวะ
..ฮ่าๆๆๆ ทำไมมึงพูดงั้นอะกูฮา
.ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
“เออว่ะ
ปากกับหน้าตาห่างกันลิบลับเลยว่ะ...” น้ำเสียงผิดหวังถูกเอ่ยออกมาทันที ที่ได้ยินฝีปากของคนที่เค้าพึ่งชมไปแหมบๆว่าน่ารัก “ว่าแต่เหมือนมึงโดนนินทาเลยวะฝุ่น หึหึ” แต่ประโยคหลังก็เปลี่ยนมาเป็นน้ำเสียงเย้ยๆคนข้างหน้าตัวเองแทน
“สัส กูได้ยินแล้ว ไหนๆเหยื่อก็มาหาถึงตรงนี้แล้ว พวกมึงใส่หน้ากาก!!” ถึงจะไม่ใช่เสียงที่ดังมากจนเหมือนขู่ แต่มันก็เรียกให้สามคนที่เหลือหันมามองหน้ากันเลิกลั่ก
“เฮ้ย! ตรงนี้เลยหรอมึงไหนบอกว่าจะกลับไปหลอกที่หอไง..” ไวน์ว่าด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ ผีบ้าตัวไหนเข้าสิงเพื่อนเขา
“เออ!! ตรงนี้ล่ะกูเปลี่ยนใจละ” ไต้ฝุ่นว่าพร้อมกับหยิบ “หน้ากากผี” ที่ซ่อนไว้ในเสื้อตัวเองออกมาใส่ จากหน้าหล่อๆเลยกลายเป็นผีหน้าตาประหลาดๆที่มีลูกกะตาโบ้ข้าง ห้อยออกมาข้าง ไต้ฝุ่นหยิบวิกผมสีดำยาวที่ซ่อนไว้ในผ้าคลุมสีดำพื้นใหญ่ออกมา ก่อนจะยืนมันไปให้วินที่นั่งยองๆอยู่ข้างหลัง “ของมึง”
“ห๊ะ!!! กูต้องใส่วิกผมยาวด้วยหรอ กูไม่อยากใส่
เออแม่งๆ ใส่ก็ได้วะ” ถึงปากจะบนว่าไม่อยากใส่แค่ไหน แต่พอเจอไต้ฝุ่นที่ถลึงตาใส่วิกผู้หญิงผมยาวก็ถูกรับมาสวมแทนผมซอยสั้นของวินทันที ก่อนที่โด่งกับไวน์จะใส่หน้ากากในมือของตัวเองตามและเอาผ้าสีขาวผืนใหญ่มาคลุมตัวเองกันทันที ตอนนี้หลังกระดานไม้กองโตที่ตอนแรกมีชายหนุ่มรูปหล่อสี่คนนั่งอยู่ กลับกลายเป็นมีแต่ผีตาปูดตาโปนและผีผู้หญิงผมยาวนั่งอยู่แทน
“มึงออกไปก่อนเลยวิน”
“อ้าว ทำไมให้กูออกก่อนอะฝุ่น มึงเป็นคนคิดแผนมึงก็ออกดิ..”
“มึงไม่รู้หรอ ผีผู้หญิงมันต้องออกก่อนเว้ย แล้วผีสมุนอย่างพวกกูค่อยตามออกมาไง” ฝุ่นว่า (แถ) อย่างมีเหตุผล
“เออ มึงพูดถูก” โด่งพยักหน้าเห็นด้วยหงึกหงัก
“เหตุผลห่าไร เกิดมาไม่เคยได้ยิน...เออๆๆไปก็ไปว่ะ แต่ก่อนไปกูขอพูดอะไรหน่อยได้มั้ย” วินถอนหายใจยาวๆอย่างปลงๆชีวิต ก่อนจะขยับวิกให้เข้าที่เข้าทางและจัดแจงเช็คชุดคลุมสีขาวที่มีเลือดสาดเปรอะเปื้อนของตัวเองให้เข้าที่ ส่วนเพื่อนอีกสามคนก็หันมามองหน้ามันก่อนจะทำหน้าสงสัยกัน
“อะไร”
“กูว่าแผนนี้แม่งปัญญาอ่อนว่ะ”
++++++++++++++
ผมเก็บบีบีของตัวเองใส่กระเป๋ากางเกงหลังจากวางสายจากไอ้กล้วยเพื่อนรัก มันโทรมาถามสารทุกข์สุกดิบผมน่ะ มันบอกว่าจริงๆกะจะโทรมาชวนไปกินเหล้าแต่ผมเข้าหอมาได้สองวันแล้ว เสียดายจริงๆอย่างน้อยๆได้เจอหน้าพวกมันอีกสักครั้งก่อนเปิดเทอมก็ยังดี
หึหึ ตอนนี้ผมใช้ชีวิตอยู่ที่นราธรณ์มาได้สองวันแล้วละครับ สงสัยละสิว่าผมนอนยังไง
ก็ไม่มีไรมากหรอก แค่รูมเมทร่วมห้องผมหายหัวไปตั้งแต่เมื่อวานที่โดนผมเตะลูกน้อยของมันจนหน้าเขียวหน้าคล้ำไปเลยทีเดียวเชียว พูดแล้วสะใจ ก๊ากกกก ผมเลยยึดเตียงนอนคิงไซส์เตียงนั้นไว้คนเดียว สบายโครตๆอะครับบบ ไม่อยากจะบอก หุๆ
ตอนนี้ผมอยู่ เอ่อ
น่าจะแถวๆห้องสมุดของโรงเรียน อากาศตอนนี้อากาศเริ่มเย็นๆแล้วละครับ สัมผัสได้จากลมเอื่อยๆที่ปะทะเข้าใบหน้าและแขนของผม ผมยังไม่ได้ขึ้นห้องเลย เพราะออกมาเดินเล่นเมื่อตอนเย็นๆแล้วก็คุยโทรศัพท์กับไอ้กล้วยเพลินไปหน่อย ตอนนี้ก็
เฮือก!! สะ..สามทุ่มแล้วหรอ ทำไมมันเร็วจังเลยวะ..
พอก้มมองนาปัดนาฬิกาลายสีเขียวลายเบ็นเทนของผมแล้วก็ต้องตกใจ สามทุ่มแล้ว
มืดขนาดนี้แล้วหรอเนี้ย ผมมองไปรอบๆตัวเองทันที นราธรณ์เป็นโรงเรียนที่มีต้นไม้เยอะมากไม่เว้นแม้แต่บริเวณแถวๆห้องสมุด ต้นไม้สูงใหญ่ยามค่ำคืนดูน่ากลัวพอๆกับห้องสมุดที่ถูกปิดล็อคด้วยลูกกุญแจดอกใหญ่บ่งบอกว่ายังไม่เปิดให้ใช้บริการ มองผ่านประตูกระจกใสๆของห้องสมุดก็มีเพียงแสงจากหลอดไฟนีออนพอให้เห้นโต๊ะเก้าอี้และตู้หนังสือเห็นได้รางๆเท่านั้น ส่วนตัวผมตอนนี้ก็ยืนอยู่ตรงซอกตึกที่มองไปข้างหลังก็เห็นแต่เพียงกองไม้สูงพะเนินเทินทึก และ
.
ร่างของผู้หญิงผมยาวในชุดขาว!!!!
ผมขยี้ตาตัวเองแรงๆทันที ด้วยกลัวว่าตัวเองจะจิตหลอนและตาฝาดจนจินตนาการไปเอง ผมหันหลังกลับทันที หัวใจผมเต้นแรงๆพอๆกับตอนที่ขึ้นรถไฟเหาะเลย แต่อันนั้นมันแรงเพราะเสียว..อันนี้มันแรงเพราะกลัวT_T ผมสูดลมหายใจเข้าปอดตัวเองลึกๆก่อนจะตัดสินใจหันหลังกลับไปดูทางเดิมอีกครั้ง ไม่มีอะไรหรอกผมคงแค่ตาฝาด ไปเอง อาจจะเป็นแค่ป้าภารโรงก็ได้ เนอะๆผีไม่มีจริงบนโลกใบนี้หร (ล) อก
“อึก
” (เสียงใบไผ่กลืนน้ำลาย)
“ฉันหิว
หิวเหลือเกิน
” เสียงที่เหมือนแว่วดังมาจากข้างหลังผมทำให้ขนในกายลุกชันทันที ขาที่กำลังจะก้าวหันหลังกลับไปดูเป็นอันต้องชะงักค้างทันที เมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงสำเนียงแปร่งๆ ร้องบอกว่าตัวเองหิว อยู่เหมือนไม่ใกล้ไม่ไกลจากผมเท่าไหร่ มาถึงตรงนี้แล้วผมอยากบอกอะไรกับบางอย่างกับทุกคนครับ
ไอ้ใบไผ่กลัวผี TTTT [] TTTT!!!!!
ฟึ่บ!!
เหมือนหางตาผมมองเห็นอะไรบางอย่างแว้บๆหายไปทางด้านซ้ายมือของผม ก่อนจะได้ยินเหมือนฝีเท้าทางด้านหลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ..เรื่อยๆ
“มีอะไรให้ฉันกินมั้ย
.หิวเหลือเกินนนนน” เสียงของมันโหยหวนและเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย ถึงผมจะดื้อไม่ค่อยตั้งใจเรียนเท่าไหร่ ชอบทำให้ป๊าลำบากใจ ติดเกมส์ แต่ผมก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนนะ ช่วยผมด้วยยยย!!!!
“อะระหะโตสัมมาสัมพุธทสะ ใช่ปะวะ... (มั่วแล้ว) สงสัยบทนี้จะไม่ใช่ เปลี่ยนๆ นะโมตะสะภะคะวาตัมธัมโมสังฆังนะมามิ โว้ยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!! “ตีกันมั่วไปหมดแล้ว กลัว กลัวเว้ยยยย ฮืออออออออออ
ผมยกมือขึ้นมาพนมแล้วท่องคะถาบทสวดต่างๆนาๆที่นึกออกในหัวแต่เหมือนมันจะมั่วแล้วเอามารวมกัน ทางสุดท้ายที่ผมคิดก็คือผมต้องวิ่ง ใช่ๆ!! ผมต้องวิ่ง แต่มองไปข้างหน้าแม่งก็มืดน่ากลัวเกิน..ผมเลยตัดสินใจจะวิ่งไปทางขวาแทนแต่พอเงยหน้ามองก็เห็นตึกคหกรรมมืดๆยิ่งน่ากลัว งั้นกูวิ่งไปทางซ้ายกลับหอก็ได้วะ
แต่จังหวะที่ผมกำลังจะหัน
แฮร่!!!!!!!!!!!!
“!!!!!!!!!” ผมสะดุ้งโหยงทันทีที่หันไปข้างๆแล้วเจออผีตาปูดตาโปนตัวนึงที่ยืนแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกผมอยู่ มันสูงมากสูงกว่าผมเยอะเลยด้วย หรือมันจะคือเปรตขนาดมินิ ไม่เอา อย่ามาหลอกกูววววววววววว
“เลือดด ข้าต้องการเลือดดด วะฮ่าๆๆๆๆ” มือของมันยาวเฟื้อย พอๆกับขาที่เริ่มก้าวสูงเข้ามาใกล้ผม ประจวบกับผีผู้หญิงผมยาวที่แม่งมึงจะมาอยู่ตรงนี้เมื่อไหร่วะ ช่วยด้วยยยยย ฮือออ
“ผีเหี้ยยย อย่ามาหลอกกูเลยค้าบบบบ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะทำบุญกรวดน้ำไปให้นะ ฮือๆๆๆๆ ผีก็อยู่ส่วนผีคนก็อยู่ส่วนคนสิค้าบบบ ฮืออ ฮึกๆๆ” ผมยกมือขึ้นไหว้พนมจรดแทบหัวเลยครับ น้ำตาที่เริ่มไหลลงมาพร้อมกับความกลัวที่เริ่มทวีคูณขึ้น ผมจะทำยังไงดีวะ
“ผี!!!! มึงอย่าเข้ามานะกูมีพระ!!!” ผมขู่ผี
“ฮ่าๆๆๆๆ อุบ๊ะ กูไม่กลัวพระเว้ยย!!” เสียงของมันกึ่งก้องไปทั่ว ขายาวๆของมันก้าวเข้ามาหาผมช้าๆจนผมต้องถอยหลังหนี แต่พอหันไปข้างๆก็มีอิผีผู้หญิงยืนชูมือมาทางผมอยู่ เลยทำให้ผมต้องวิ่งกลับไปด้านหน้า แต่ไอ้ผีเปรตแม่งก็กำลังเดินไล่ผมมา เอาไงดีวะ
“ย๊ากกกกกกกกกกกก!!” ผมหลับหูหลับตาปล่อยหมัดสะเปะสะปะไปทั่วเผื่อมันจะโดนผี (คิดได้..)
ในช่วงแว้บนึงตอนที่ปล่อยหมัดออกไป ผมรู้สึกกเหมือนหมัดที่กำไว้แน่นของตัวเองสัมผัสเข้ากับอะไรแข็งๆที่เหมือนกระดูก
“โอ๊ยยยยยยยยยย!!!”
หือ? ผีร้องโอ๊ย?? O_o?!!!
“เชี่ยย กูจะ ร่วงงงงง”
“เฮ้ยยยยยยย / เฮ้ยยๆๆๆๆๆๆ”
ยังไม่ทันที่ความสงสัยของผมจะหมดไป อยู่ดีๆร่างของผีเปรตก็ค่อยๆแยกออกจากกันเริ่มจากหัวมันร่วงลงมา ตามมาด้วยตรงกลางที่หล่นตามมาและเหลือเพียงขาสั้นๆของมันที่ร่วงตามๆกันลงไป ผมที่ยืนกำพระในคอถึงกับปล่อยรพระในมือทิ้งทันที ก่อนที่จะยืนมองภาพตรงหน้า ด้วยความงุนงง
“ชิบหายแล้วไง
”
ผมหันไปตามเสียงทันทีก็พบว่าผีผู้หญิงตนเดิมที่เคยยืนยื่นมือมายาวๆของมันมาหลอกผมอยู่ตกี้ กลับกลายเป็นเสียงของผู้ชายแมนๆแทนลยครับ เหมือนในใจผมมันจะร้องอ๋อขึ้นมาเบาๆ
ผมกำหมัดตัวเองแน่น
“พวกมึงเป็นไงบ้างวะ”
“โอ๊ย เชี่ยตากู “
“ไอ้เชี่ยฝุ่น ถ้ากระดูกหลังกูหลุด มึงรับผิดชอบด้วยนะ”
“กูก็ไม่ต่างจากพวกมึงหรอก
”
“พวกมึงทำเหี้ยอะไรกันเนี้ยะ!!!!!!!!!!”
*********************************
มาอัพแล้วจ้า *[]*!!!
หลังจากโดนน้องๆหลายๆคน(หน้าม้า..ส่วนตัว)
เมนชั่นในทวิตเตอร์มากดดันบอกให้อัพไว้ๆ อัพแล้วเน้อ
แก้ๆลบๆอยู่หลายอย่าง จนออกมาได้แบบนี้ละ
ติ๊งต๊องป่ะ ก๊ากกกก 555555555555
อ่านตอนแรกเหมือนนิยายจะแรงๆใช่มะ
ไม่จริงอ้ะ โดนหลอกแล้วพวกเธอ หุหุ
ตอนต่อไปคงไม่นานแล้วจ้า เป็นกำลังใจให้กันต่อไปด้วยนะ
(ไม่ใช่ว่าเลิกอ่านเพราะตอนนี้นะพวกเธอออ TT__TT)
See u again and again *เต้นท่าทูพีเอ็มออกนอกหน้านิยาย*
**Edit** มาแก้คำผิดแล้วสำนวนแปลกๆ ตอนนี้รีบลงไปหน่อยขอโทษด้วยค่า T/\T!!
ความคิดเห็น