คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Chapter ::16::
[Fiction] quarrel
[Couple] Kaew X Fang
[Author] Deep
[Warning] ระวัง... ระวัง
“แกทำตัวแกเองนะแก้ว... เขาช่วยอะไรไม่ได้”
สาวเปรี้ยวอย่างเฟย์พูดกรอกเสียงลงในโทรศัพท์ขณะเอามือดันศีรษะของใครบางคนไว้ไม่ให้เข้ามาทำร่างกายของเธอได้... ก็แหงล่ะ ใครอยากจะโดนผีเผือกข่วนตะปบหน้าบ้าง ส่วนคนที่โทรมาก็ได้แต่ถอนหายใจพลางส่ายหน้าอย่างปลงกับชีวิต ‘ใครจะไปรู้เล่า... ว่าเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อของเธอจะมีแผนร้ายขนาดนั้น’
“เฮ้อ... ตอนนี้ฟางก็เลยกลายเป็นเกลียดฉันไปซะแล้วเนี่ย”ว่าแล้วเธอก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงใหญ่ในห้องของตน แขนเรียนยกขึ้นมาก่ายหน้าผากก่อนจะผ่อนลมหายใจให้คนที่รับฟังนั้นต้องถอนหายใจตามเช่นกัน
“แล้วแก้วจะให้เฟย์ช่วยยังไงล่ะ เขาไม่ใช่พี่ฟางสักหน่อย”คนตัวเล็กที่ตอนนี้ดึงร่างบางให้เข้ามาในกอดเพื่อให้สะดวกในการคุยโทรศัพท์มากยิ่งขึ้น ทำให้คนที่โดนกอดต้องแหกปากโวยวายแต่ก็ไม่ได้มากนักเพราะมือข้างที่ว่างของเฟย์เอามาอุดปากไว้เสียก่อน
“เฟย์โทรรายงานเรื่องฟางมาเป็นระยะแล้วกัน แค่นี้ก่อนนะ”ไม่ทันได้ปฎิเสธเสียงวางสายก็ทำให้ร่างเล็กต้องสบถในใจอย่างเบื่อหน่าย... เป็นนักโทษต้องข้อหาร้ายแรงแล้วยังทำตัวแบบนี้อีก ความคิดที่ไม่ทันได้สังเกตคนที่อยู่ในอ้อมกอดของตัวเองที่เริ่มขาดอากาศหายใจ จนมือเรียวต้องตีให้เธอปล่อยเพราะความลืมตัว
...แต่พอคิดอีกทีก็ไม่น่าปล่อย เพราะว่า...
“ไอ้หัวหอม!! ไม่ตายดีแน่”คำกล่าวที่เฟย์ได้แต่ยักคิ้วกวนประสาทให้พร้อมกับหัวเราะคิกคักใบหน้าที่เริ่มแดงของ ‘จอมยุ’ ที่กำลังมีน้ำโหได้ที่เลยก็ว่าได้ “จะทำอะไรล่ะ ตะปบหน้าเฟย์เหรอ”คำเอ่ยยั่วให้ร่างบางต้องหยิบหมอนข้างฟาดหน้าให้เฟย์ต้องลงกองบนเตียงของเจ้าของบ้านที่ได้แค่ยืนยิ้มสะใจ
แต่มีหรือที่เฟย์จะปล่อยให้ตัวเองเป็นคนโดนทำร้ายอย่างเดียว ‘แค้นนี้ต้องชำระ’ ร่างเล็กยิ้มพลางหยิบหมอนที่หัวเตียงมาโยนใส่หน้าอีกผ่านที่มัวแต่หัวเราะอย่างไม่ทันตั้งตัว ‘ก็อย่างที่ใครๆว่า หัวเราะทีหลังดังกว่า’ สำนวนที่ได้แค่ยิ้มกริ่มพลางมองไปยังร่างบางที่ยืนกัดฟันกรอด
“เฮ้อ... แจม ฉันไม่เข้าใจแกเลย ทำไมแกต้องทำแบบนี้”คนที่นอนอยู่บนเตียงเปิดประเด็นถาม เหตุผลที่มาบ้านของคนต้นเหตุก็เพราะต้องการอยากจะรู้จริงๆนั่นล่ะ... เหมือนคนที่ถูกถามจะชะงักไปชั่วครู่ แต่ก็ไม่มีคำตอบที่ตอบให้คนที่รอฟังอยู่ได้รับ
...ไม่รู้เหมือนกันทำไมต้องทำแบบนี้ แค่ ‘อยาก’ ได้ ก็เท่านั้นเองหรือไง...
เป็นความเงียบที่ไม่มีใครเข้าใจ แม้แต่แจมเองก็ตาม... นัยน์ตาสีดำสนิทหรี่ลงพร้อมกับทิ้งตัวลงไปนอนข้างๆใครอีกคน ‘บางทีถ้าเธอไม่ทำแบบนี้...’ เรียวปากแสยะยิ้มสมเพชกับสิ่งที่ตัวทำลงไป คิดได้ตอนนี้สายเกินไปที่จะกลับไปขอโทษหรือเริ่มต้นใหม่
“แกเองก็ยังไม่รู้เลยว่า ที่แกทำไปน่ะแกต้องการอะไร”คำกล่าวที่แทงใจดำให้คนรู้สึกผิดต้องหัวเราะในคออย่างนึกจะฆ่าคนรู้ทันเสียนี่ “หึ... ทำเป็นรู้ไปทุกเรื่อง”ปากก็กัดจิกไปทุกเรื่องแต่ความผิดมันจุกคอให้มือเรียวนั้นต้องจับมือของอีกฝ่ายหาที่พึ่งทางใจ
“ฉันเข้าใจแก แต่ไม่รู้ว่า สองคนนั้นที่ทะเลาะกันอยู่จะเข้าใจไหม”ร่างบางพยักหน้ากับคำปลอบของอักคนอย่างยอมรับกรรมที่ก่อเอาไว้ ครั้งแรกรึเปล่าที่รู้สึกว่าเฟย์อบอุ่นขนาดนี้... ใบหน้าหวานหันไปมองอีกคนที่หลับตาพริ้มหวาน
“งั้นแกพาฉันไปเที่ยวปลอบใจหน่อยสิ เฟย์”
คำขอร้องที่ร่างเล็กได้แค่ลืมตาขึ้นมามองอีกคนที่ยิ้มจืดๆให้เธอต้องใจอ่อนยวบ ‘ถึงบอกไงว่า แบบนี้น่ารักกว่าเยอะ’ ตัดสินใจพยักหน้าตกลงให้นัยน์ตาสีดำนั้นมีประกายขึ้นมา พลางเปลี่ยนจากจับมือเป็นกอดให้ร่างเล็กนั้นใจกระตุก หน้าขึ้นสีเรื่อไปไหนต่อไหน
“ขอบใจมาก...เฟย์”
“อ...อะ...อืม”
เสียงตระกุกตระกักทำให้ร่างบางที่ขอบตาบวมช้ำนั้นต้องตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย พลางสะดุดกับร่างของน้องสาวที่ยืนอยู่หน้ากระจกจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ต่างจากวันอื่นที่หยิบเสื้อยืดกางเกงขาเดฟก็ออกจากบ้านได้
“จะไปไหนล่ะ เฟย์”น้ำเสียงแหบแห้งที่คนถูกทักได้แค่ยิ้มแหยอย่างเห็นใจกับสภาพอันแสนสุดโทรมของพี่ฟาง คำตอบที่จะตอบถูกกลืนลงไปหมดเพราะมองตาของอีกฝ่ายความรู้สึกสงสารก็จุกอยู่ที่คอเสมอ “ไปเที่ยวกับ... เพื่อน พี่ฟางนอนพักก่อนเถอะ”พยายามตัดบทสนทนาให้เร็วที่สุด คนอายุมากกว่าพยักหน้าช้าๆพร้อมกับลงไปนอนอีกรอบให้น้องสาวอย่างเธอต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก
เมื่อปิดประตูห้องนอนแล้ว ร่างเล็กก็ได้แต่รีบออกจากบ้านเพราะเวลาที่นัดคือเที่ยงครึ่ง ตอนนี้สิบเอ็ดโมงสี่สิบห้าแล้ว... “ลุงค่ะ ไปสยามค่ะ”เมื่อเรียกแท็กซี่ได้แล้วเฟย์ก็รีบบอกทางอย่างเร่งด่วน
ผิดกับคนนัดที่นั่งอยู่ในคอฟฟี่ชอปอย่างใจเย็น เพราะรู้ว่ายังไงคนแต่งตัวนานอย่างเฟย์ต้องมาสายแน่นอน จึงไม่แปลกที่เธอจะนัดที่ร้านกาแฟแห่งนี้... เรียวปากบางขยับเป็นรอยยิ้มกว้างกับความใจดีของอีกคนที่ตอบรับข้อเสนอจะมากับเธอในวันนี้
...แม้จะรู้ดีว่า ถ้าพูดชื่อเธอออกไป พี่สาวก็คงจะเสียใจอยู่ใช่น้อย...
แอร์ในร้านเย็นสบายตัดกับกาแฟร้อนตรงหน้าเธอที่ถูกยกขึ้นมาจิบบ้างแล้วดูได้จากปริมาณที่ลดน้อยลงเห็นเป็นคราบเด่นชัด เสียงกระดิ่งหน้าร้านพร้อมกับเสียงซุบซิบทำให้คนที่รออยู่รู้ว่า ‘คนมาสาย’ มาแล้วแน่นอน มือเรียวถอดแว่นตาแล้วมองอีกคนที่เดินมานั่งฝั่งตรงข้าม
“สายสิบนาที... เร็วกว่าวันอื่นนะ”คำกล่าวเสียงกลั้วหัวเราะให้เฟย์ต้องถลึงตาใส่ ก็ใครล่ะชวนเธอออกมาวันนี้แถมยังเป็นคนก่อเหตุอีกมันน่านัก...ชลธร ว่าแล้วก็สั่งเครื่องดื่มกับพนักงานให้หลายร้อนเสียบ้าง เพราะอากาศด้านนอกแทบจะเรียกว่าทะเลทรายก็ยังได้
“นัดมาสยามแล้วแกจะพาฉันไปทัวร์ไหนล่ะ”
“ใครบอกว่าฉันจะพาแกไปสยาม”
คิ้วเรียวเลิกขึ้นกับคำพูดของคนชวนมาวันนี้...ใบหน้าหวานของอีกฝ่ายได้แค่ระบายยิ้มให้เธอถอนหายใจอย่างอ่อนล้าที่ตามเกมไม่ทัน ‘ถึงทันก็ใจอ่อนอยู่ดี’ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกรอกไปมาก่อนจะดูดกาแฟเย็นที่อยู่ในแก้วเพื่อดับความร้อน
“ฉันจะพาแกทัวร์รอบกรุงเทพฯวันนี้”
คำกล่าวที่ทำให้เฟย์แทบจะสำลักน้ำหากไม่รีบกลืนลงไปก่อน “แกพูดเล่น?”คนที่ได้รับฟังคำตอบยังไม่เชื่ออยู่ดีว่าอีกฝ่ายจะพาทัวร์รอบกรุงเทพฯจริงๆ หากแต่สีหน้าที่จริงจังขึ้นทำให้ร่างบางแทบจะประสาทดีที่ใส่รองเท้าผ้าใบกับเสื้อผ้าสบายๆมาไม่งั้นล่ะก็...
ข่าวหน้าแรกของหนังสือพิมพ์คงเป็น นักร้องสาว เฟย์ดับคากลางกรุงเทพฯเพราะอากาศร้อน... ความคิดที่แสนจะปัญญาอ่อนตามด้วยกาแฟคำสุดท้ายพร้อมกับแจมที่มองนาฬิกาแล้วหันมาจ้องเธอให้รู้ว่าไปได้แล้วก่อนที่จะสายไปมากกว่านี้
แท็กซี่เป็นพาหนะที่ใช้เดินทางไปที่แรก แน่นอนคนนำทริปนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ‘แจม’ ที่เที่ยวมาเกือบหมดทุกที่ ‘วัดพระแก้ว’ ที่แรกที่สาวน้อยหนึ่งในวง siska พาอีกคนมา... ร่างเล็กได้แค่มองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่น่าเชื่อว่า ‘ผีเผือก’ จะเข้าวัดได้
สุดท้ายก็เข้าไปอยู่ดี... กลิ่นธูปและควันลอยฟุ้งจนแจมต้องขยี้ตาอยู่บ่อยครั้งให้ลูกทัวร์ต้องหัวเราะแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดตาให้อีกฝ่ายอย่างที่อดขำไม่ได้ “พามาเองก็เป๋อเองเหรอเนี่ย”ไม่วายที่จะกัดเล็กน้อยให้แจมหน้าบึ้งแต่ไม่สามารถโวยวายได้เพราะอยู่ในสถานที่ที่ควรสำรวม
เมื่อออกจากวัดแล้วที่ต่อไปก็คือ ‘จตุจักร’ ตลาดนัดที่พวกเธอยังไม่เคยเดินทั่วสักที... “ยัยหัวหอม อย่าเดินเร็วสิ!”คนพาทัวร์บ่นอุบเมื่อเฟย์นั้นเดินไม่ดูของอะไรสักอย่าง แถมยังเดินเร็วอีกต่างหาก
...แบบนี้เหรอที่เขาเรียกว่าเดินชอปปิ้ง?...
“แล้วแกจะดูอะไรนักหนาล่ะ แกพาฉันมาเที่ยวไม่ใช่เหรอ ตามใจฉันหน่อย”หัวหอมที่หันกลับมาทำปากยื่นปากงอนใส่อีกฝ่ายที่หมดอารมณ์กับการเดินซื้อของไปแล้วก็ได้แค่พยักหน้าแล้วเดินตามอีกฝ่ายที่เหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่... แต่ก็ไม่กล้าที่จะถามออกไป
เดินมาได้สักระยะทั้งคู่ก็หยุดที่ร้านดอกไม้ที่ดูเหมือนจะตั้งไว้เพื่อขายแต่กุหลาบที่ร่างบางไม่เคยเห็นมาก่อน “สนใจกุหลาบนางฟ้าเหรอครับ”ชายหนุ่มเจ้าของร้านพูดก่อนที่เฟย์จะเลือกดอกสีชมพูให้พร้อมกับธนบัตรสีส้ม กระถางใบน้อยกับกุหลาบถูกใส่ลงในถุงพลาสติกใบใหญ่
จะเหนื่อยที่เดินตามแต่ก็คุ้มที่เห็นเฟย์ยิ้ม... บางอย่างที่ทำให้เธอต้องคิดอย่างอ่อนโยนเช่นนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็น ‘บางอย่าง’ นั้นคืออะไร ได้แค่เดินตามอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ คนพาทัวร์คงไม่ใช่เธอแล้วล่ะมั้ง... ทริปที่ว่าจะพาเที่ยวรอบกรุงเทพฯ เอาแค่รอบจตุจักรก็คงพอ
มือที่ว่างเปล่าตอนนี้กลับเต็มไปด้วยถุงใบเล็กและใหญ่... ให้ทั้งสองคนที่ขึ้นบนรถแท็กซี่ต้องถอนหายใจพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ก่อนจะหัวเราะเมื่อมองสิ่งของที่อยู่รอบกาย ทั้งเสื้อผ้าและของจุกจิกแต่มีบางอย่างในมือของคนตัวเล็กที่ถือไม่ยอมปล่อยสักที
“ไว้มาเที่ยวกันอักนะ”
ร่างโปร่งพูดให้คนตัวเล็กพยักหน้าขณะมองออกไปนอกกระจกแสงแดดที่สว่างจ้าเมื่อตอนบ่าย ตอนนี้เป็นแค่แสงสีส้มให้รู้ว่าเย็นมากแล้ว เปลือกตาของคนที่ดอกไม้อยู่นั้นค่อยๆปิดลงเพราะความเหนื่อยล้า ให้อีกคนต้องยิ้มกว้างแล้วหันไปอีกทาง
ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกลับไปคุยกับพี่ฟางได้อีกครั้งรึเปล่า ทุกอย่างมันบิดเบี้ยวยากที่จะแก้ไข ได้แค่ภาวนาให้เพื่อนสนิทที่กลับมาคิดเหมือนเพื่อนง้อฟางให้ได้ในเร็ววัน ส่วนเธอ... ความคิดบ้าๆพร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอ
‘สงสัยจะเพี้ยนเกิน’
น้องสาวของพี่ฟางที่ใครต่างพาบอกว่าน่ารักซึ่งตอนแรกเธอก็ไม่เห็นด้วยแต่ตอนนี้...น่าแปลกที่เริ่มคล้อยตามคนอื่น บางทีเธออาจจะต้องกลับไปเช็คสมองตัวเองเพราะตอนนี้ไม่ว่ามองมุมไหน ยัยหัวหอมก็ดูดีไปซะทุกมุมที่จับจ้อง
...เพิ่งจะรู้ว่าชื่อ ‘Faye’ แปลว่า นางฟ้า จริงๆก็วันนี้...
ความคิดเห็น