ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fan Fiction] Quarrel

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter ::10::

    • อัปเดตล่าสุด 12 เม.ย. 51


    [Fiction] quarrel
    [Couple] Kaew X Fang Ft. Faye
    [Author] Deep
    [Warning] ระวัง... ระวัง













    ‘อยากจะล้างตาจริงๆ ให้ตายเถอะ’



    ความคิดของเฟย์เกินขึ้นเมื่อมองเห็นภาพที่ทำให้ต้องส่ายหัวไปมาอย่างนึกขัน... ถ้าวันไหนไม่กัดกัน ทะเลาะกัน หรือ... เอ่อ เล่นฉากเรทสดๆ มันจะตายให้ได้ใช่ไหม?

    เธอถอนหายใจเมื่อผลักประตูห้องเข้าไปเจอกับภาพที่ต้องใช้วิจารณญาณในการชม... ร่างโปร่งสูงของเพื่อนร่วมวงกำลังคร่อมพี่สาวแท้ที่ๆคล้องคอหนาเอาไว้ แถมสายตาก็ยังเคลิ้มอีกต่างหาก


    ...แล้วคนเห็นก็เป็นเธออีกจนได้...

    “ทีหลังล็อกได้ไหม? จะทำ... ระวังหน่อยสิ”คำกล่าวหลังจากคู่รักผละออกจากกัน ใบหน้าของฟางขึ้นสีเรื่อ หรืออาจจะพูดได้ว่าแดงก่ำก็เป็นได้ ส่วนแก้วก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆแล้วเกาหัวแก้เขิน เมื่อหาข้อแก้ตัวจากสายตาและคำพูดของเฟย์ไม่ได้ “อ่า... จะจำไว้ โอ้ย!”

    เสียงร้องโอดโอยดังปิดท้ายเมื่อคนที่นั่งหน้าแดงข้างๆอยู่ๆก็บีบจมูกของเธอซะงั้นพลา
    งตะโกนใส่ใบหูข้างซ้ายให้เธอต้องคิดว่า จะไปหาหมอจมูกดี หรือ หาหมอทางประสาทการได้ยิน ดีกว่า? “ไม่ ต้อง จำ เอา ไว้ เลย!” ใบหน้าคมหันมองคนรักที่ตอนนี้ห้มหน้างุดเพราะความอายอย่าง งงๆ


    ‘ก็เมื่อกี้ยังเคลิ้มอยู่เลยอ่ะ!’


    “อ่า ที่รักเป็นอะไรรึเปล่า เมื่... โอ้ย! ฟางมีอาชีพเป็นนักบีบจมูกเหรอ”

    “ไม่รู้! จะไม่มีเป็นครั้งที่สองอีกจำไว้!”

    คนตัวเล็กว่าพลางทิ้วตัวลงบนเตียงแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปรง สร้างรอยสงสัยบนใบหน้าของแก้วที่ยังดูเงอะๆงะๆ ส่วนคนกลางอย่างเฟย์ก็ได้แค่ถอนหายใจในความซื่อของแก้ว... ซื่อได้ทุกเรื่องซื่อได้เสมอต้นเสมอปลาย ยกเว้นเรทๆเนี่ยล่ะ!

    “ฟาง... ทำไมอ่ะ? ก็เมื่อกี้เห็นยังเคลิ้มๆอยู่เลยนิ”

    คำถามที่ถามอย่างไม่อายปาก ทำให้คนตัวเล็กต้องลุกพรวดขึ้นมามองร่างโปร่งที่ยังทำท่าสงสัยไม่เลิก ริมฝีปากเรียวขบแน่น หากนี่ไม่ใช่แก้วเธอก็อยากจะบีบคอให้ตายคาที่ ส่วนเฟย์ก็ได้แต่เอามือมากุมขมับอย่างเหนื่อยใจ พลางเดินเลี่ยงไปที่โต๊ะคอมปล่อยให้ทั้งสองคนเคลียร์กันเอง

    “แก้ว! นอนได้แล้วพรุ่งนี้มีงาน!”ฟางพูดอย่างหมดความอดทน พร้อมส่งตาดุๆไปหนึ่งทีให้แก่คนรักของตัวเอง เพียงแต่ร่างโปร่งก็ยังไมลดละเลิกความพยายามที่จะรู้คำตอบ...

    ก็แหงล่ะ เมื่อตอนเฟย์ยังไม่เข้ามาฟางยังเคลิ้มๆอยู่เลย แล้วไหงมาว่าเธอ... ทั้งๆที่ตัวเองก็ยอมแท้ๆ

    “ไม่! ก็บอกเขามาก่อนสิ มันน่าน้อยใจนะ... แถมยังมาบีบจมูกเขาอีก”คนตัวสูงพูดด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดอย่างเด็กๆ มันอาจจะน่ารักในสายตาคนอื่นเช่นบรรดาแฟนคลับหรือผู้หลักผู้ใหญ่ แต่สำหรับเพื่อนร่วมวงและคนรัก มันกลับดูน่าหมั่นไส้เสียมากกว่า...

    แน่นอนคำตอบที่แก้วหวังจะได้... ก็ไม่มีวันได้กลับมาเมื่อฟางที่ใช้ไม้ตายขู่ไม่สำเร็จก็ใช้วิชานิ่งสงบสยบความเคลื่อ
    นไหวแทน “เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจดังมาจากเฟย์ทำให้แก้วต้องหันไปมองอย่างเคืองๆ พลางส่งสายตาคาดคั้นคำตอบ

    แต่ตัวช่วยที่สองกลับยักไหล่อย่างไม่หยี่ระปล่อยให้คนร่างสูงได้แต่เกาหัวให้ยุ่ง เพราะความงงบวกกับความสงสัย “แล้วเมื่อไหร่เขาจะรู้เนี่ย!”


    ...เรื่องแบบนี้ใครเขาพูดกันล่ะ แก้วเอ้ย!...













    เช้าวันใหม่มาเยือนหลังจากที่ทั้งสามคนนอนไปได้ไม่ถึงห้าชั่วโมง... หนึ่งคนรูปร่างเล็กกว่าเพื่อนกำลังนอนฟุบอยู่ที่โต๊ะกินข้าว หนึ่งคนที่เมื่อวานนั่งเล่นคอมนั่งสัปหงกไม่สนใจอาหารที่อยู่ตรงหน้า และอีกหนึ่งคนที่ตอนนี้ตาเหมือนหมีแพนด้าเพราะยังคิดไม่ตกกับเรื่องเมื่อคืน

    ‘Tru…Tu…Tu’

    เสียงโทรศัพท์มือถือของร่างโปร่งดังขึ้นแต่ไม่ได้เรียกความสนใจจากฟางและเฟย์เหมือนเ
    ช่นเคย เพราะเวลานอนตอนนี้สำคัญกว่าจะไปจับผิดใคร มือกร้านกดรับสายก่อนจะกรอกเสียงงัวเงียลงไป “ฮัล..โหล ฮ้าว~” แต่เสียงที่ได้รับตอบกลับมาทำให้จากตาที่กำลังจะปิดต้องเบิกกว้างทันที

    ‘แก้ว นี่มันจะสิบโมงแล้วนะ ทำไมยังไม่มาอีก!’


    เสียงจากปลายสายคาดเดาได้ว่าเป็นเสียงของ ‘แจม’ เพราะดังเกินพิกัดแปดสิบเดซิเบล และแน่นอนคนอย่างแก้วก็ต้องตอบกลับว่า....

    “ก็เมื่อคืน...ดึกอ่ะ ฮ้าว”

    คำพูดที่ทำให้สมองที่มีแผนการในหัวของแจมต้องหยุดชะงักเล็กน้อย ‘ดึก’ หมายความว่าไงกัน? ร่างบางส่ายหัวเล็กน้อย พลางริมฝีปากจะถามต่อแต่คนตัวสูงก็กลับตอบกลับมาก่อน

    “เขาล่ะไม่เข้าใจจริงๆเลยแจม ฮ้าว... ตอนนั้นก็ยังเคลิ้มๆอยู่ดีๆ แล้วก็มาแรงใส่ เฮ้อ.... เขาล่ะงง ฮ้าว”จากริมฝีปากที่จะอ้าปากถามกลายเป็นอ้าปากค้าง เพียงเพราะคำว่า ‘เคลิ้ม’ กับ ‘แรง’ แต่ก่อนจะได้พูดต่อก็มีอีกเสียงที่คุ้นหูดังเข้ามาให้โทรศัพท์

    “อย่ามานัวเนียได้ไหม แก้ว!”


    “อะไรอ่ะตัวเอง แล้วเรื่องเมื่อคืนล่ะ... ฮ้าว เขาวางก่อนนะแจมขอตัวไปเคลียร์กับสุดที่รักก่อน”คำกล่าวสุดท้ายที่ไปพร้อมกับการตัดส
    ายทันที สมองที่ใช้คิดคำนวณอื้ออึงไปหมดกับคำพูดเมื่อสักครู่... ความคิดต่างๆถูกประเมินโดยทันใด....





    ดึก.... เคลิ้ม... แรง... เรื่องเมื่อคืน เท่ากับ... ไม่! แก้วกับฟาง ไม่จริงน่า!










    “ไม่ต้องมารับทุกวันก็ได้นิ”เสียงหนึ่งมาจากทางด้านซ้ายของร่างโปร่งสูงที่ตอนนี้ทำท
    ่าจะสัปหงกได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะนั่งยืนเดิน แต่คนทางขวาก็ไม่ยอมแพ้พูดอย่างหน้าเฉยด้วยเสียงเรียบๆ “ก็แก้วเป็นเพื่อนสนิทเขานิ” ส่วนคนที่อยู่ข้างหลังตัวปัญหาสามคนก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างปลงๆ

    ...ก็บอกแล้วว่าแก้วซื่อทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องเรทๆนี่ล่ะ...


    “อย่าทะเลาะกันน้า ฮ้าว”

    “ไม่ต้องยุ่ง! / ไม่ต้องยุ่ง!”เสียงที่ดังพร้อมกันทำให้ร่างโปร่งต้องผงะ ‘ไหงตอนแรกยังทะเลาะกันอยู่เลยนิ’ ได้แค่คิดในใจ พลางหาวอีกครั้งอย่างง่วงนอน เมื่อคืนแทบจะไม่ได้นอนเพราะคิดไม่ตก ก็เธอทำอะไรผิดล่ะ ความคิดที่ได้แต่คิด เพราะคำตอบที่ได้ก็แค่แว้ดใส่ไม่ก็เงียบ แต่ก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ แล้วทำไมฟางต้องหน้าแดง?

    “แล้วจะทะเลาะกันอีกนานไหม เดี๋ยวก็เข้าสายหรอก”เฟย์พูดหลังจากที่นิ่งมานาน ทำให้สองสาวที่จ้องกันแทบจะกินเลือดกินเนื้อต้องสะบัดหน้าหนีแล้วลากแก้วที่ดูไม่ค่อ
    ยครบในตอนนี้เข้าไปในตึก ทิ้งไว้แต่เฟย์ที่ยืนมองแผ่นหลังของทั้งสามคนอย่างกังวลใจ

    นัยน์ตาจ้องไปที่คนที่อยู่ทางขวามือของร่างสูง รอยยิ้มหวานๆนั้น... มันรอยยิ้มเคลือบยาพิษชัดๆ และนั่นล่ะที่เป็นปัญหา ริมฝีปากเรียวเม้มแน่นพลางเดินตามคนทั้งสามไปอย่างเงียบๆ





    ...เธอจะทำอะไรกันแน่ แจม...










    เสียงหัวเราะดังมาจากทั่วทุกสารทิศ เมื่อแก้วสะดุดล้มหน้าคว่ำลงกับพื้นเหตุเพราะเพื่อนสนิทอย่างแจมสกัดขานั่นเอง... ร่างโปร่งจ้องไปยังเพื่อนสนิทอย่างเคืองๆกับการกระทำเมื่อครู่ พลางพลางยันตัวลุกขึ้นมาแต่ก็ต้องล้มลงไปอีกครั้งเพราะรู้สึกปวดตรงข้อเท้าอย่างเลี่
    ยงไม่ได้...

    มือกร้านกุมข้อเท้าก่อนจะสรุปอาการว่าแพลงชัวร์ๆ แล้วตอนนี้คนอื่นๆก็ไปซ้อมเสียแล้วไม่ได้สังเกตอาการของเธอเลยสักนิด แก้วโคลงหัวไปมาอย่างหงุดหงิดพลางพยายามลุกขึ้นมาอีกครั้ง แต่กลับมีมือยื่นเข้ามาตรงหน้า ใบหน้าคมเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองคนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน

    “ฟาง...”

    “เอ้า ลุกขึ้นมาสิ จะนั่งเท้าแพลงอีกนานหรือไง”คนตัวเล็กพูดพลางส่งมือให้อีกรอบ ร่างโปร่งทำตามแต่โดยดี แต่สิ่งที่ผิดแปลกไปคือแววตาที่กรุ่มกริ่ม จนร่างบางต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นสายตาที่คนรักส่งมาให้แต่ก่อนจะได้คิดมากไปกว่านั้น.
    .. “อ๊ะ!”ฟางอุทานเล็กน้อยด้วยความตกใจเมื่ออยู่ดีๆคนตัวสูงก็ดึงเธอลงมา แล้วตอนนี้สภาพก็...

    “ทำอะไรน่ะ แก้ว!”

    “ก็... กอดไงจ้ะ ที่รัก ฮ่าๆ”คำพูดที่ทำให้ฟางอยากจะฆ่าคนตรงหน้าแบบไม่มีเงื่อนไข ใบหน้าคมจ้องมองเธออย่างมีเล่ห์นัยน์ พลางโน้มเข้ามาใกล้จนเธอสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นๆ ริมฝีปากของร่างโปร่งขยับเป็นคำพูดที่ทำให้เธอหน้าขึ้นสีเรื่อ “ต่อจากเมื่อคืนเป็นไง”

    ว่าแล้วริมฝีปากนุ่มของร่างสูงก็ประทับริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ลิ้นร้อนแทรกผ่านกลีบปากบางอย่างชำนาญ ทุกอย่างเชื่องช้าแต่เนิ่นนาน ก่อนที่ร่างเล็กจะดันอีกฝ่ายออก “เดี๋ยวคนอื่นก็เห็นหรอก... ตรงนี้” นัยน์ตาที่ดุเปลี่ยนกลับมาหวานเชื่อม

    “แล้วถ้าไม่ใช่ตรงนี้ล่ะ... หืม?”เสียงกระซิบแหบพร่าก่อนที่จะจับให้คนตัวเล็กลุกขึ้นพลางพยายามยันตัวขึ้นมา ก่อนจะส่งเสียงบอกคนอื่นๆว่าจะไปพักที่ห้องพยาบาลเพราะเท้าแพลง

    แต่ก็มีเสียงของตัวปัญหาดังขึ้นมาอีกรอบ เสียงที่ตอนนี้แก้วกับฟางอยากจะฆ่าให้รู้แล้วรู้รอด

    “ให้เขาไปด้วยไหม? แก้ว”

    “เฮ้! แจม ครูเรียกแล้ว พื่ฟางพาแก้วไปห้องพยาบาลเลยนะ เดี๋ยวมันแพลงไปมากกว่านี้”เฟย์ที่เข้ามาช่วยแก้สถานการณ์พลางผลักพี่สาวกับเพื่อนร่
    วมวงให้รีบออกไป ไม่วายจะขยิบตาเล็กน้อยให้แก้วต้องหัวเราะร่วนกับความเจ้าเล่ห์ของเฟย์ ก่อนจะเดินกะเผลกๆให้คนตัวเล็กพยุงออกไป ท่ามกลางเสียงโวยวายของแจม






    ...ช่วยไม่นะแจม พอดีฉันอยู่ข้างพี่ฟาง หึหึ...















    “ทำไมคราวนี้ไม่เลี่ยงล่ะ... หืม”

    ร่างโปร่งพูดอย่างอารมณ์ดีขณะไล้มือไปตามใบหน้าของคนรัก แต่คำตอบที่ได้กลับมาคืนรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าของฟางที่ตอนนี้เธอแทบจะคลั่งให้รู้แล้ว
    รู้รอด “ก็อย่างนี้ไม่ดีเหรอไง... หรือจะเลิกกลางคันก็ได้นะ” ฟางพูดด้วยน้ำเสียงติดตลกให้ดังก้องห้องพยาบาลที่ไม่มีใครอยู่

    ร่างบางทำท่าจะลุกหนีคนตัวสูงที่คร่อมเธอไว้ แต่มือกร้านก็ผลักไหล่กดลงไปอีกครั้ง นัยน์ตาสีน้ำตาลฉายแววร้อนรุ่ม พลางโน้มใบหน้าลงไปประทับริมฝีปากของอีกฝ่ายที่นอนหลับตาพริ้มหวาน ลิ้นชื้นทั้งสองเกี่ยวกระวัดไปมา อาจเป็นเพราะแอร์เย็นฉ่ำหรือความต้องการที่ทำให้คนตัวเล็กต้องกอดร่างสูงไว้แน่น

    พลางใบหน้าคมก็ผละออกก่อนจะซุกไปตามซอกคอ... เรียกเสียงครางจากในลำคอของคนตัวเล็ก สร้างความพอใจแก่คนกระทำเป็นอย่างยิ่ง... มือกร้านเปะป่ายไปตามตัวร่างบางพลางค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของคนตัวเล็กที่ตอนนี้เหมือน
    จะไม่รับรู้อะไรอย่างอื่น... นอกจากตอนนี้

    ริมฝีปากเรียวเริ่มไล้ไปตามใบหูอีกครั้งก่อนจะค่อยๆเลื่อนไล่ลงมา... ลิ้นร้อนกวาดความหอมหวานจากร่างกายของคนรักอย่างไม่รู้เบื่อ “อะ... อืม อย่าแกล้งสิ”คนตัวเล็กบ่นงึมงำสร้างความพอใจแก่ร่างสูงมากยิ่งขึ้น แต่คนขี้แกล้งก็ยังเป้นคนขี้แกล้ง

    แก้วถอนตัวขึ้นมากระทันหัน ทำให้คนตัวเล็กเกิดอาการมึนงง ริมฝีปากของร่างสูงคลี่ยิ้มหวานก่อนจะกระซิบเบาๆด้วยเสียงแหบพร่า... “ใส่เชิ้ตสองชั้นมันร้อนถอดตัวนอกให้หน่อย” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมามองอย่างขัดใจก่อนจะโน้มใบหน้าของคนรักลงมาจูบอีกครั้ง มือเล็กพยายามปลดกระดุม... แต่เหมือนยิ่งรีบก็ยิ่งช้า


    “ใจเย็นก็ได้ที่รัก... เวลาเหลือเฟือ”

    แก้วพูดด้วยเสียงเย็นๆกระเซ้าคนตัวเล็กที่ตัวนี้หน้าแดงอายไปไหนต่อไหน... สุดท้ายเชิ้ตตัวนอกก็ถูกถอดออก คราวนี้ไม่ได้อ่อนหวานเหมือนเริ่มแรกแต่จูบครั้งนี้กลับร้อนแรงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ... แม้ว่าจะเนิบช้า... แต่กลับทำให้คนที่อยู่ข้างใต้แทบจะหลอมละลายทันใด


    “อืม... หวานจริงเลยนะ แฟนใครเนี่ย ฮ่าๆ”

    คำกล่าวล้อๆแต่คนที่ถูกล้อกลับปรือนัยน์ตาหวานขึ้นมามอง...อย่างรักใคร่ ริมฝีปากบางฉ่ำขยับเป็นคำพูดที่ทำให้หัวใจของแก้วเต้นรัว...เพราะมันน้อยครั้งที่จะไ
    ด้ยินนัก

    ‘รักแก้วนะ’


    ถ้อยคำหวานที่กระซิบเป็นเพียงคำพูดเบาๆที่แทบจะไม่ได้ออกเสียง แต่มันก็มีความหมายมากเหลือเกิน...

    “เขาก็รักฟางเหมือนกัน”








    ‘แกร๊ก’

    เสียงประตูเปิดที่ทำให้สองร่างต้องเบิกตากว้าง ก่อนจะรีบจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อยแม้ว่าจะยังดูยุ่งเหยิงก็ตาม...

    “อ้าว แก้วเป็นอะไรล่ะ? ฟางด้วย?”เสียงของชายหนุ่มผู้มีหน้าที่เป็นหมอดังขึ้น แม้ว่าจะยังดูงงๆกับสภาพเครื่องแต่งการของทั้งสองคนที่ดูยุ่งเหยิงผิดปกติแถมยังยับย
    ู่ยี่ไม่เป็นชิ้นดีอีกต่างหาก ส่วนหัวฟางก็ดูกระเซอะกระเซิงกว่าวันไหนๆ

    จนเขาแปลกใจว่า... สองคนนี้ไปผ่านศึกไหนมา?

    “อ่อ...คือ แก้วกับฟางเล่นกับจนหกล้มน่ะค่ะ แล้วเอ่อ... ขาแก้วก็เลยแพลง”

    ร่างโปร่งพูดก่อนจะชี้ไปที่ข้อเท้าที่ดูท่าจะบวมตุ่ยกว่าปกติ เหตุเพราะไม่ได้รับการปฐมพยาบาลมาล่วงหน้า ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะให้คนตัวเล็กพยุงคนที่ตัวสูงกว่าไปนั่งบนเตียง... ที่เขาก็สงสัยอีกเช่นกันว่าทำไมมันถึงเละขนาดนั้น?



    ...หรือว่าเขาจะคิดมากไป?...


    “เอ้าๆ ไหนมาดูสิ เฮ้อ... แพลงเลยนะเนี่ย ไปเต้นพลาดท่าไหนมาล่ะ”

    “ก็โดนเพื่อนสกัดขามากกว่าค่ะ...”ร่างโปร่งตอบอย่างนึกแค้นเมื่อเพื่อนสนิทของตนมาขั
    ดขาแกล้งซะงั้น... แต่ก็ถือว่าได้กำไรมามากโข เพราะดูเหมือนฟางจะได้แต่ก้มหน้างุดอายลูกเดียว มีเพียงเธอที่เป็นคนไม่ค่อยพูดตอบอยู่เท่านั้น

    “เฮ้อ! แล้วนี่หมอมาช้าไปใช่ไหม... มันถึงบวมขนาดนี้นิ?”

    คำถามที่ทำให้ร่างโปร่งส่ายหน้าดุ๊กดิ๊ก ก่อนจะตอบคำถามให้คนตัวเล็กที่ชอบประทุษร้ายจมูกเธอได้อายยิ่งขึ้นกว่าเดิม...














    “ไม่หรอกค่ะ เร็วเกินไปด้วยซ้ำ เพราะ... แก้วกำลังเพลินๆพอดี”




















    TBC
    ...................................
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×