ตอนที่ 38 : บท 38
หลังจากผ่านขั้นตอนการหั่นเป็นแผ่น อบแห้ง และทอด ด้วยเครื่องจักรของโรงงานและฝีมือของคนไม่กี่คน ในที่สุดข้าวเกรียบสาหร่ายสมุนไพรรสกะเพรา ตะไคร้ และอัญชันลอตแรกก็ออกมาให้ได้ชิมกัน และทุกคนต่างก็ฟันธงว่า ข้าวเกรียบสูตรใหม่นี้ต้องติดตลาดในไม่ช้าแน่
ไพศาลยังเอาข้าวเกรียบไปให้คนงานอื่นๆ ได้ชิมกันด้วย แต่ละคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยมาก
อีกทั้ง น่านฟ้ายังทำเรื่องเซอร์ไพรส์ให้แก่มัศยา ด้วยการติดต่อกับห้างสรรพสินค้าชื่อดังสองแห่งไว้แล้วในการวางขายข้าวเกรียบสาหร่ายสมุนไพร
เรื่องทั้งหมดนี้ทำให้นางวิภาอึ้ง ทึ่ง ซ้ำนัยน์ตาแสนดุยังเปี่ยมด้วยความหวังอย่างเห็นได้ชัด
ในขณะเดียวกัน นายสุกิจก็หน้านิ่ว เมื่อได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวจากภูริช มิหนำซ้ำลูกน้องมือขวายังเอาข้าวเกรียบสาหร่ายสมุนไพรมาให้ชิมอีกต่างหาก และทันทีที่ชิมคำแรก ชายวัยกลางคนก็ปาข้าวเกรียบสาหร่ายสมุนไพรในมือทิ้งอย่างหัวเสีย
“ไอ้น่านมันไปหาสูตรข้าวเกรียบสาหร่ายสมุนไพรมาได้ยังไง” นายสุกิจเค้นเสียงลอดไรฟัน
“ก็จากยายป้าแก่ๆ คนนั้นที่ผมเล่าให้ท่านฟังก่อนหน้านี้ไงครับ”
“ป้าแก่ๆ นั่นทำข้าวเกรียบอร่อยขนาดนี้เลยเรอะ” สุกิจถามอย่างไม่อยากเชื่อ
“ผมก็แทบไม่อยากเชื่อเหมือนกันครับท่าน สงสัยเราจะดูเบาทางนั้นมากเกินไป เราจะทำยังไงกันต่อดีครับ ถ้ามันทำสำเร็จ แล้วมันจะไม่กระทบกับแผนการตลาดของข้าวเกรียบสาหร่ายมันฝรั่ง โอกิมิ ของเราหรือครับท่าน”
สุกิจบดกรามแน่น หรี่ตาน้อยๆ “จะกลัวอะไร เรามีทีมที่ปรึกษาธุรกิจระดับมืออาชีพอย่างบริษัท เอ็นพีอาร์กรุ๊ป รับรองไอ้น่านไม่มีทางเอาชนะเราได้หรอก”
ภูริชพยักหน้าและยิ้มมุมปากอย่างคล้อยตาม
แล้วอีกสามชั่วโมงถัดมา สุกิจกับนายภูริช ก็มานั่งปรึกษากับหนุ่มหน้าเข้ม ผิวสองสีที่ชื่อปารณ หรือ เมเนจิงไดเร็กเตอร์ ของบริษัทเอ็นพีอาร์กรุ๊ป บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจและการตลาดชื่อดังติดอันดับหนึ่งในสิบของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ลูกค้าในมือเกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์ เป็นบริษัทชั้นนำในต่างประเทศ ทั้ง ญี่ปุ่น ฮ่องกง และประเทศในแถบยุโรปอีกหลายประเทศ
นายสุกิจก็เป็นหนึ่งในลูกค้าของบริษัทนี้ เขามีแผนรีแบรนด์ข้าวเกรียบมีโชคมานานแล้ว มาสบโอกาสก็ตอนพี่เขยของเขาเสียชีวิตไปเมื่อหลายเดือนก่อน
เขาเตรียมจะโละข้าวเกรียบมีโชคทิ้ง และปลุกปั้นข้าวเกรียบสาหร่ายมันฝรั่งทอด ‘โอกิมิ’ โดยใช้บริการเรื่องการวางแผนการตลาดของบริษัทที่ปรึกษาอย่างเอ็นพีอาร์กรุ๊ป
หลังจากแม่บ้านได้นำเครื่องดื่มมาให้ และออกไปจากห้องรับรองลูกค้าระดับวีไอพี ปารณก็เอ่ยขึ้นว่า “วันนี้คุณสุกิจกับคุณภูริชคงมีธุระด่วน เลยมาหาผมถึงที่นี่”
“ก็ไม่ถึงกับด่วน แต่ผมแค่อยากตัดไฟแต่ต้นลม” สุกิจตอบ
“หมายถึงอะไรครับ” ปารณเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ตอนนี้เรามีปัญหานิดหน่อยครับ คุณเป้” คราวนี้ภูริชเป็นฝ่ายตอบ และเขาก็เล่าสรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับแผนงานการกระตุ้นยอดขายข้าวเกรียบมีโชคของน่านฟ้าที่เหมือนจะไปได้สวยเกินไปสักหน่อย
ผู้บริหารระดับสูงของเอ็นพีอาร์กรุ๊ป หรี่ตาอย่างครุ่นคิด “ลูกชายคุณโชคติดต่อเรื่องการวางขายสินค้าในห้างสรรพสินค้าใหญ่ ได้สองแห่งแล้วหรือครับ”
“ครับ แถมรสชาติข้าวเกรียบสาหร่ายสมุนไพรก็...อร่อยมากด้วย” ภูริชตอบ
“ไม่น่าเชื่อว่าคนไม่เอาไหนแบบนั้นจะทำงานได้รวดเร็วแบบนี้ อืม นี่คือที่คุณอยากจะตัดไฟแต่ต้นลมใช่มั้ย”
สุกิจพยักหน้า “อีกสามเดือนผมก็จะเริ่มดำเนินการการผลิตข้าวเกรียบ ‘โอกิมิ’ และผมไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดใดๆ ทั้งสิ้น”
“แต่ทำไมจู่ๆ ลูกชายคุณโชคถึงลุกขึ้นมาบริหารงานอย่างเป็นเรื่องเป็นราวละครับ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เป็นแบบนี้”
“ตรงจุดนี้ผมชะล่าใจไปหน่อย นายน่านขอเวลาสามเดือนเพื่อกระตุ้นยอดขายให้ได้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ผมมองแล้วว่ายังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ก็เลยให้มันทำดู”
“แปลว่าคุณน่านไม่ได้เหยาะแหยะอย่างที่เราคิดกันอย่างนั้นหรือเปล่า” ปารณถาม
“ก็ไม่เชิง มันอาจจะท่าดีทีเหลวก็ได้ แต่ผมอยากป้องกันไว้ก่อน” สุกิจตอบ
“แล้วพวกคุณอยากจะจัดการกับปัญหานี้ยังไงดีครับ”
สุกิจหันสบตากับภูริช ลูกน้องมือขวาก็ทำหน้าที่ตอบทันที “เราอยากหาวิธีทำให้งานของคุณน่านสะดุด เพื่อลดความเชื่อมั่นของคุณวิภาและพนักงานคนอื่นที่มีต่อเขา”
“และเพื่อป้องกันไม่ให้คุณน่านทำงานได้สำเร็จตั้งแต่เนิ่นๆ ” ปารณต่อให้อย่างรู้ใจ
สุกิจยิ้มมุมปาก “ก็ประมาณนั้น”
“แปลว่าพวกคุณก็กลัวลูกชายคุณโชคไม่น้อยเหมือนกัน”
“เปล่า คนไม่เอาไหนอย่างนายน่านไม่มีอะไรน่ากลัวขนาดนั้น แต่ผมเป็นพวกชอบกันไว้ดีกว่าแก้”
“สำหรับผม ถือเป็นแนวความคิดที่ชาญฉลาดมาก หัวใจสำคัญของการทำการตลาดให้สำเร็จอย่างสวยงามก็คือการไม่มีคู่แข่งเลย และวิธีการกำจัดคู่แข่งที่ดีที่สุดก็คือฆ่าให้ตายตั้งแต่เนิ่นๆ ” ปารณยิ้มเหี้ยมๆ ในแววตาอย่างเข้าใจ
สุกิจยิ้มอย่างพอใจ ขณะสบประสานสายตากับอีกฝ่าย “ผมคิดไม่ผิดที่เลือกใช้บริการบริษัทนี้ ที่นี่เป็นมืออาชีพด้านการให้คำปรึกษาด้านธุรกิจจริงๆ ”
“เราไม่มีทางทำให้ลูกค้าผิดหวังแน่นอน และอย่างแรกที่ผมอยากจะแนะนำก็คือ คุณต้องหาทางทำให้ข้าวเกรียบสาหร่ายสมุนไพรของคุณน่านเป็นหมันให้ได้ ไม่อย่างนั้นมันอาจส่งผลต่อข้าวเกรียบสาหร่ายมันฝรั่งทอด ‘โอกิมิ’ ของพวกคุณแน่”
“ถ้าอย่างนั้นเราแอบลักพาตัวยายป้านั่นดีมั้ยครับ ท่านสุกิจ รับรองงานมันสะดุดแน่” ภูริชเสนอทันที
“แต่ผมไม่แนะนำวิธีนั้นนะ” ปารณเสนอขึ้น “เพราะคุณน่านจะรู้ทันทีว่าเป็นฝีมือกลั่นแกล้งของพวกคุณ แล้วการลักพาตัวก็ผิดกฎหมาย วิธีนี้จะสร้างปัญหาให้พวกเราทีหลัง”
ทั้งสุกิจและภูริชพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “งั้นคุณพอมีไอเดียดีๆ มั้ย” สุกิจถาม
ปารณเอนตัวพิงพนักโซฟา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เปื้อนดวงหน้า “คุณบอกว่าคุณน่านติดต่อเรื่องการวางสินค้าในห้างสรรพสินค้าได้สองแห่งแล้วใช่มั้ย ผมอยากให้เขาเสียเครดิตตั้งแต่แรกด้วยการส่งสินค้าลอตแรกให้คู่ค้าของเขาไม่ทัน และพวกคุณจะต้องทำให้เขาผลิตสินค้าส่งไม่ทัน ด้วยวิธีการที่แนบเนียนมากๆ อาทิเช่น เครื่องจักรในการผลิตข้าวเกรียบเสีย”
ประกายวิบวับอย่างพึงพอใจผุดวาบในดวงตาของสุกิจและลูกน้องมือขวาของเขาทันที...
“ผมคิดไม่ผิดจริงๆ ที่มาปรึกษาคุณ”
“การฆ่าคู่แข่งของลูกค้าเป็นงานถนัดของเราอยู่แล้วครับ” ปารณตอบ ประกายในดวงตาวาววับไม่แพ้กัน
ระหว่างนั้นปารณกดรับสายจากโทรศัพเคลื่อนที่ และสนทนากับปลายสายด้วยภาษาอังกฤษอยู่ครู่หนึ่ง พอกดวางสายก็เอ่ยขึ้นว่า “ขอโทษทีครับ มิสเตอร์คิน โทร. มาสั่งงานนิดหน่อย”
“เจ้าของที่นี่ใช่มั้ยครับ” ภูริชถาม
“ครับ มิสเตอร์คินเป็นซีอีโอของที่นี่ ท่านกำชับให้ผมดูแลลูกค้าอย่างคุณสุกิจให้ดีที่สุด”
“มิสเตอร์คินรู้จักท่านสุกิจด้วยหรือครับ” ภูริชพูดแทรกขึ้น ท่าทางสอพลออย่างเห็นได้ชัด ส่วน
สุกิจยืดอกด้วยความภาคภูมิใจอย่างอัตโนมัติ
“นักธุรกิจคนดังมีวิสัยทัศน์อย่างคุณสุกิจ ไม่มีใคร ไม่รู้จักหรอกครับ” ปารณเยินยอ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
