ตอนที่ 32 : บท 32
“แหม อีตานั่นก็เนรคุณเหลือเกิน เป็นแค่น้องชายบุญธรรม จะมาสู้ลูกชายแท้ๆ ของเขาได้ยังไง คนสมัยนี้มันโลภโมโทสัน มา ป้าช่วยเอง รับรองสูตรข้าวเกรียบของป้าอร่อยเด็ด ไม่มีใครสู้ได้แน่”
“ป้าจะยอมช่วยเราหรือคะ” มัศยายิ้มปริ่ม
“แน่นอน สมใจเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตของป้า แล้วคุณโชคก็มีบุญคุณกับสมใจ งานนี้ยังไงป้าก็ต้องช่วย” หญิงสูงวัยยืนยัน
สองหนุ่มสาวหันสบตาและฉีกยิ้มกว้างให้กันด้วยความดีใจสุดขีด
หลังจากป้ามะลิตกปากรับคำจะไปช่วยดูแลเรื่องสูตรการผลิตข้าวเกรียบสาหร่ายสมุนไพร โดยอีกสองวัน น่านฟ้าจะส่งคนมารับหญิงสูงวัย ทั้งสองก็ล่ำลาป้าและเดินทางกลับกรุงเทพฯ
“บ้านเจ๊อยู่ตรงไหน เดี๋ยวผมไปส่ง” น่านฟ้าถามขึ้น เมื่อขับเข้าสู่กรุงเทพฯ ได้สักระยะ
“ไม่ต้อง ส่งตรงที่มีป้ายรถเมล์ก็พอแล้ว เดี๋ยวฉันกลับเอง”
“ไม่ได้ยังไงผมก็ต้องไปส่งเจ๊ที่บ้าน”
“ทำไม มันมีอะไร”
“ผมก็จะไปขอบคุณแม่เจ๊ไง งานนี้ถ้าไม่ได้แม่เจ๊ ป้ามะลิคงไม่ยอมรับปากว่าจะช่วยเราหรอก”
“ขอบคุณฉันก็เหมือนกันแหละ”
“แต่ผมว่าไม่เหมือนนะ เพราะป้ามะลิแทบจะฆ่าเราสองคน นี่ถ้าไม่เอ่ยชื่อแม่เจ๊ขึ้นมา ผมว่าเจ๊คงได้หน้าเขียวไปทั้งแถบ ไม่ได้แค่ข้างขมับหรอก”
หญิงสาวค้อนและแบะปากใส่ชายหนุ่ม “ฉันอุตส่าห์เข้าไปรับด้ามไม้กวาดให้ นอกจากจะไม่ขอบคุณแล้วยังมาซ้ำเติมอีก อย่างนี้มันชาวนากับงูเห่าชัดๆ ”
“เปรียบเทียบซะผมไม่เหลือชิ้นดีเลย ผมล้อเล่น ผมห่วงเจ๊จะตาย อุตส่าห์รุนไปด้านหลัง เจ๊ก็ยังพุ่งออกมารับไม้กวาดแทนผมอีก รู้มั้ยตอนที่ด้ามไม้กวาดตีเข้าที่ขมับเจ๊ ผมตกใจแทบแย่ กลัวเจ๊จะมึนจนสลบ แล้วผมจะอุ้มเจ๊กลับมาไหวได้ยังไง เจ๊ดูน้ำหนักน้อยซะที่ไหน”
“บ้า น้ำหนักฉันมาตรฐานหญิงไทยย่ะ หุ่นน้องคิมเบอร์ลี่ชัดๆ ทำไมจะอุ้มไม่ไหว แล้วขอโทษ ไอ้หุ่นนางแบบอโนเร็กเซียเหมือนกิ๊กคุณ ฉันไม่เอาหรอก นึกว่าผีตายซาก” มัศยายอกย้อนเขาอย่างหมั่นไส้เต็มแก่ นึกอยากขยุ้มผมเขาแรงๆ ด้วยซ้ำ แต่นึกถึงถ้อยคำกำชับของมารดาทีไร ก็ต้องหยุดความคิดบ้าระห่ำพวกนั้นไว้
“พูดซะเสียเลย หุ่นเธอออกจะเซ็กซี่”
“เซ็กซี่ตาย แล้วอีกอย่าง แหม พูดเหมือนห่วงฉันซะเต็มประดา เมื่อคืนจะไถ่โทษด้วยการให้ฉันหนุนหัวไหล่ทั้งคืนที่ไหนได้ ปล่อยให้ฉันนอนคอห้อย ส่วนตัวเองนอนหนุนตักฉัน ทุเรศมาก”
“ผมขอโทษ ก็เมื่อคืนนี้ผมเมื่อยจริงๆ นะ แล้วก็ง่วงมากเลย อีกอย่างตักเจ๊ก็นุ๊มนุ่ม ก็เลยอดใจไม่ไหว” น่านฟ้ายิ้มอ้อนๆ
“ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย ฉันเมื่อยคอแค่ไหนรู้มั้ย” น้ำเสียงของหล่อนอ่อนลงอย่างใจอ่อน ถึงน่านฟ้าจะยียวนกวนประสาท ดูเหมือนเด็กไม่รู้จักโต แต่เขาก็ไม่ใช่เป็นคนจิตใจร้ายกาจหรือเป็นพิษเป็นภัยกับใคร
“เดี๋ยวผมนวดต้นคอให้ก็ได้”
“แน่ใจนะว่าจะนวดต้นคอให้” หล่อนหรี่ตาน้อยๆ ขณะถาม
“เอ่อ เดี๋ยวจะนวดให้สักห้านาที”
“ฉันขอครึ่งชั่วโมง”
“ไม่นานไปหน่อยหรือเจ๊” น่านฟ้าโวยวาย
“นานอะไร ทีคุณนอนตักฉันทั้งคืนล่ะ”
น่านฟ้าปั้นหน้ามู่ทู่ เมื่อเถียงไม่ออก “โอเคๆ ครึ่งชั่วโมงก็ครึ่งชั่วโมง”
“ดีมาก สรุปคุณติดหนี้นวดให้ฉันครึ่งชั่วโมงนะ”
“เอ่อ รู้แล้ว จะย้ำคิดย้ำทำเป็นป้าไปถึงไหน” ชายหนุ่มบ่น
“ทำมาเป็นพาล ถ้าฉันเป็นป้า คุณมันก็เด็กไม่รู้จักโต ถ้ามีใครบอกว่าอายุสมองคุณสิบขวบ ฉันเชื่อเลยนะ” จนถึงตอนนี้หล่อนก็ยังรู้สึกเหมือนเขาเป็นเด็กหนุ่มวัยไม่ถึงยี่สิบ เพราะนอกจากเขาจะมีพฤติกรรมไม่เป็นโล้เป็นพาย แม้เขาจะพยายามกอบกู้สถานการณ์ยอดขายตกต่ำของข้าวเกรียบมีโชคอยู่ก็ตาม รวมกับใบหน้าแสนอ่อนเยาว์ของเขาอีกล่ะ ยิ่งเวลาเขายิ้ม แววตาจะส่องประกายวิบวับ เหมือนเด็กขี้เล่นแสนซนสักคน
เฮ้อ น่าเป็นห่วงอนาคตของข้าวเกรียบมีโชคเสียจริง
“เล่นแรงนะเจ๊ ผมจะฟ้องแม่เจ๊” เขาแกล้งทำเสียงจริงจัง
“เอาเลย ฟ้องเลย”
“งั้นบอกมาเลยนะว่าบ้านเจ๊อยู่ซอยไหน หลังไหน ผมฟ้องแน่”
พอโดนท้า มัศยาก็รีบบอกทางไปบ้านตัวเองทันควัน
ฝ่ายชายหนุ่มยิ้มพราย “ในที่สุด เจ๊ก็ยอมบอกทางไปบ้านเจ๊”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สนุกค่ะ วันอาทิตย์ไม่มีแถมอีกนิดหนึ่งเร้อค้า ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบ