ตอนที่ 22 : บท 22
หัวค่ำวันนั้น น่านฟ้ายังอยู่ทำงานในห้องทำงานที่เป็นห้องทำงานเก่าของบิดา
ชายหนุ่มไม่ได้ละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์มาร่วมสองชั่วโมงแล้ว ภายในสามเดือนนี้เขาคงต้องทำงานหนักหน่วงมากเอาการ
เสียงติ๊งดังขึ้นไม่รู้กี่ครั้งจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่น่านฟ้าไม่คิดสนใจจะเปิดดูว่าแม่สาวหุ่นนางแบบคนไหนส่งข้อความหรือภาพสติ๊กเกอร์มาให้
คิ้วเข้มๆ ของเขาขมวดเข้าหากันเป็นระยะ ฟ้องว่าเขาจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากสักแค่ไหน
อีกเจ็ดชั่วโมงถัดมา น่านฟ้าก็บิดคอไปมาด้วยความเมื่อยล้า และเมื่อมองไปยังนาฬิกาบนผนัง ก็ถอนหายใจเบาๆ
นี่เขาทำงานจนเกือบตีสามแล้วหรือ
น่านฟ้าปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์พกพา ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน ปกติเขานอนดึกกว่านี้อยู่บ่อยครั้ง แต่คืนนี้คงเพราะทำงานติดกันหลายชั่วโมง ความอ่อนเพลียเลยถามหา
เขาเดินไปเปิดประตูที่เชื่อมระหว่างห้องทำงานกับห้องแต่งตัวขนาดเล็กๆ ที่มีห้องน้ำอยู่ด้านใน
บิดาของเขาต่อเติมห้องแต่งตัวนี้ไว้ เพราะบ่อยครั้งที่ท่านทำงานจนถึงรุ่งเช้าหรือไม่ก็ดึกดื่นค่ำคืน จนต้องอาศัยอาบน้ำแต่งตัวที่นี่ และอาศัยงีบหลับที่โซฟาด้านนอก
แล้วเชื่อได้เลยว่าบิดาคงจะนอนบนโซฟาตัวนี้บ่อยกว่าเตียงนุ่มๆ สบายๆ ที่บ้านของท่านเสียอีก
ทุกคนที่รู้จักบิดาของเขา จะรู้ว่าท่านเป็นคนขยันทำงานและทำงานหนักมาก จนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต แล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำก็เพื่อบริษัท และเพื่อผลักดันให้ข้าวเกรียบมีโชคกลับมาผงาดในตลาดอีกครั้ง
เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะต้องเข้ามาในห้องแต่งตัวนี้ ด้วยความง่วงงุน ตอนกลางดึก หลังจากทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมง ประหนึ่งวิญญาณของบิดาเข้าสิง
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ คงแทบเป็นไปไม่ได้ ที่เขาจะยอมทำงานหนักเพื่อบริษัทมีโชค ถึงขั้นต้องนอนค้างที่นี่
แต่เรื่องเกินความคาดหมายก็เกิดขึ้นในโลกใบนี้อยู่บ่อยครั้ง
เหมือนสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ในตอนนี้
น่านฟ้าเข้าไปในห้องน้ำเพื่อแปรงฟัน จากนั้นก็เดินออกไปนั่งที่โซฟา ตั้งใจจะงีบหลับสักสองสามชั่วโมง แต่ขณะที่กำลังจะล้มตัวลงนอน ก็เหลือบมองไปยังลิ้นชักใต้โต๊ะกลางตรงหน้า ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาเอื้อมมือไปดึงลิ้นชักออกมา
อัลบัมรูปเล่มหนึ่งทอดวางอยู่ในนั้น เขาเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาเปิดดู ข้างในเป็นภาพของบิดากับครอบครัวของท่านตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แน่นอนเขาหมายถึงแม่ใหญ่กับบุตรชายคนโต
หลังจากพลิกดูไปได้ไม่กี่หน้า ก็เห็นภาพนเด็กชายตัวน้อยที่เปลือยทั้งตัวและอยู่ในอ้อมแขนของบิดา ความอ่อนไหวบางๆ ฉาบเคลือบดวงตาของเขา
ใช่แล้ว เด็กคนนั้นคือเขาในวัยเยาว์
เขาค่อยๆ เปิดไล่ไปทีละภาพ เห็นว่ามีทั้งภาพของเขา บิดา และมารดาของเขา ถ่ายรวมกันบ้าง แยกกันบ้าง
แล้วหลังจากดูอัลบัมรูปไปได้สักพัก ก็เห็นความแตกต่างระหว่าง ภาพถ่ายสองบ้านของบิดา นั่นก็คือ ในส่วนของบ้านเล็ก จะมีแต่รูปในวัยเยาว์ของเขา จนถึงช่วงประมาณแปดเก้าขวบ ไม่มีรูปถ่ายของเขากับบิดาหลังจากนั้น และที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า พอเขาเริ่มเติบโต เขาก็โกรธบิดา และชังแม่ใหญ่มากขึ้นตามลำดับ
เขาเริ่มกลายเป็นเด็กก้าวร้าวและดื้อรั้นสำหรับบิดา สัมพันธภาพระหว่างพ่อลูกเริ่มไม่ลงรอยกัน เขารู้สึกนานมากเหลือเกินจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าครั้งสุดท้ายเขาถ่ายรูปกับบิดาตอนไหน
ความทรงจำระหว่างเขากับท่านในช่วงยี่สิบปีหลัง แทบจะว่างเปล่า และไม่มีอะไรให้น่าจดจำนัก
แต่ ณ วินาทีนี้ ความทรงจำในวัยเยาว์ ที่เขาคิดว่าได้เลือนรางไปตามกาลเวลา กลับแจ่มชัดขึ้นมาอีกครั้ง เขาอดยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ เมื่อเปิดไปเห็นรูปท่านกำลังอุ้มเขาขี่คอ ใบหน้าของสองพ่อลูกแย้มยิ้มไม่ต่างกัน
บ่อยครั้งที่มารดามักบอกว่าเขามีรอยยิ้มเหมือนบิดาไม่ผิดเพี้ยน
มารดายังบอกอีกว่า ในวัยหนุ่มบิดาเป็นคนหล่อเหลาเชียวแหละ แล้วท่านก็ถ่ายทอดสิ่งนี้ให้บุตรชายคนเล็ก ส่วนพี่ชายของเขานั้นเหมือนมารดาของเขาอย่างกับแกะ
เขาก็ไม่แน่ใจนักว่าที่เขากับพี่ชายห่างเหินกันมากมายขนาดนี้ เพราะทุกครั้งที่เข้าใกล้พี่ชายก็รู้สึกเหมือนอยู่กับแม่ใหญ่หรือไม่ และเขาเกลียดการอยู่ใกล้รัศมีแม่ใหญ่เดอะไลออนคิงมาตั้งแต่เด็ก
น่านฟ้าไล่พลิกดูภาพถ่ายจนมาถึงช่วงท้ายอัลบัม ซึ่งเป็นรูปเก่าๆ ของบิดาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นภาพของท่านที่ถ่ายในโรงงานผลิตข้าวเกรียบมีโชค ถ่ายกับเครื่องจักรบ้าง คนงานบ้าง
น่านฟ้าเปิดจนมาถึงภาพสุดท้าย เป็นภาพของบิดาในวัยประมาณสี่สิบกว่า ถือห่อข้าวเกรียบมีโชคชูขึ้นเหนือศีรษะยืนอยู่หน้าโรงงานของท่าน
ใบหน้าของท่านเปื้อนรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด
เขาจ้องมองภาพนั้นนิ่งนาน ก่อนปิดมันลงช้าๆ และเก็บไว้ในลิ้นชักตามเดิม
น่านฟ้าทอดมองอัลบัมรูปนั่น ที่หน้าปกของมันเก่ายับเยินราวกับผ่านการพลิกเปิดดูเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง ก่อนจะค่อยๆ ดันลิ้นชักแห่งความทรงจำนั้นให้ปิดลง
หลังจากทอดตัวนอนลงบนโซฟา ชายหนุ่มก็ทอดมองเพดานอยู่อย่างนั้นนานร่วมชั่วโมง...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ถ้าจะได้แง่คิดไรบ้าง กลับมานะคะเนี้ย