ตอนที่ 15 : บท 15
“ไอ้น่านอยู่ไหน! ” เสียงของนางวิภาแผดสนั่นดังก้องห้องรับแขกของนางสุกัญญา ทันทีที่นางเหยียบย่างเข้ามาในบ้านเดี่ยวหลังนี้
“เอ่อ มีอะไรหรือคะคุณพี่” มารดาของน่านฟ้าตรงเข้ามาสอบถามด้วยความตื่นตระหนกตกใจ น้ำเสียงละล่ำละลัก ท่าทางนอบน้อมต่ออีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด
“จะอะไรอีก ก็จะมาเช็กบิลล์ลูกเธอน่ะสิ รู้มั้ยมันทำอะไรไว้”
“น่านทะ...ทำอะไร...หรือคะคุณพี่”
“ก็ลูกเสเพลไม่เอาถ่านของเธอทำให้บริษัทคุณโชคกำลังจะตกอยู่ในมือของคนอื่นไง”
“อะ...อะไรคุณพี่ ดิฉันงงไปหมดแล้ว”
“ก็เพราะความเหลวไหลของมัน ตอนนี้ไอ้สุกิจมันไปล็อบบี้หุ้นส่วนกับหัวหน้าแผนกต่างๆ ให้สนับสนุนมันขึ้นเป็นประธาน แถมยังปลุกระดมพนักงานทั้งบริษัทให้ก่อม็อบประท้วงปลดลูกเธอออกและยกตำแหน่งประธานให้ไอ้สุกิจ” แม่ใหญ่เล่าด้วยความเดือดดาล
“ตายแล้ว! ” นางสุกัญญายกมือขึ้นทาบอก “น่านไม่เห็นเล่าให้ดิฉันฟังเลยค่ะ”
“มันไม่กล้าเล่าล่ะสิ แล้วตอนนี้มันอยู่ไหน ไอ้น่าน ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ! ” แม่ใหญ่ตะโกนลั่นบ้านอีกครั้ง
“ผมอยู่นี่ ไม่ต้องตะโกนก็ได้ หูจะแตกอยู่แล้ว” น่านฟ้าเดินลงมาจากชั้นบน พร้อมกับต่อว่าเสียงเอือมๆ
“ต้องตะโกนสิ แกหายไปไหนของแก ฉันด่าอยู่ตั้งนานสองนาน เพิ่งจะโผล่มา”
“ผมปวดขี้ แต่เสียงของแม่ใหญ่ทำให้ผมขี้ไม่ออกเลย” น่านฟ้าแบะปากอย่างเสียอารมณ์
“น่าน” มารดาปรามบุตรชายด้วยน้ำเสียงและแววตา
“ตอนนี้แกยังจะมีอารมณ์ขี้อีกเหรอ เพราะแกคนเดียว บริษัทของพ่อแกเลยกำลังจะตกอยู่ในมือของคนอื่น แกทำให้พ่อแกเสียใจมาไม่รู้กี่ครั้ง เมื่อไหร่แกจะสำนึกซะที ไอ้น่าน! ” หญิงสูงวัยด่าน่านฟ้าเป็นชุดๆ แบบแทบไม่หยุดเว้นวรรคหายใจ
“ก็ดีแล้วนี่ครับ ให้น้าสุกิจบริหารกิจการข้าวเกรียบมีโชค น่าจะเวิร์กดี พ่อคงนอนตายตาหลับ” น่านฟ้าประชดเสียงเนือย
หญิงสูงวัยผู้มีเรือนผมตีโป่ง แต่งหน้าเข้มจัด และมีจมูกโตๆ ทรงผลชมพู่ผ่าซีก จนเขานึกถึงเดอะไลออนคิงที่เขาเคยดูตอนเด็กๆ ทุกที นางค่อยๆ แสยะเขี้ยวเหี้ยมๆ ให้เขา นางเป็นผู้หญิงที่สุดแสนจะปากร้ายและใจแข็งสุดเท่าที่เคยเจอมา
เชื่อไหมว่า เขายังไม่เคยเห็นน้ำตาของแม่ใหญ่สักหยด นับจากสามีกับบุตรชายคนเดียวของนางเสียชีวิต รับรองเลยว่า หัวใจของนางต้องทำด้วยคอนกรีตยึดด้วยโครงเหล็กเป็นแน่
“แกมันปากดีตั้งแต่เด็กจนโตเลยนะ ไม่เคยสำนึกบุญคุณพ่อแก จนมีคนมาฮุบกิจการที่พ่อแกรัก แกยังนิ่งดูดายได้อีก แกนี่มันน่าจะถูกขี้เถ้ายัดปากตั้งแต่เด็ก”
น่านฟ้าปั้นหน้าเอือมระอาอย่างไม่คิดปิดบัง จะว่าไปก็สะใจดีเหมือนกันที่นายสุกิจฮุบกิจการข้าวเกรียบมีโชค เพราะอย่างน้อยก็ได้เห็นแม่ใหญ่เต้นเป็นเจ้าเข้า
“ด่าจบรึยังครับ”
“ยัง วันนี้ฉันจะด่าให้แกสำนึก”
“แต่ผมกลัวว่าแม่ใหญ่จะลมสว้านขึ้นซะก่อนนะครับ แล้วเวลาตาเหลือก แม่ใหญ่จะดูหน้าตาตลกมากเลยนะ”
“กรี๊ด แก...แกกล้าว่าฉันเรอะ ไอ้น่าน”
“ผมว่าตรงไหน ผมแค่ห่วงภาพลักษณ์แม่ใหญ่ อะไรที่มันดูแย่ ผมก็แค่บอกเท่านั้น” น่านฟ้ายักไหล่ สีหน้ายียวนเล็กน้อย
“งั้นไม่ต้องมาจุ้น ฉันจะตาเหลือกก็เรื่องของฉัน”
“น่าน พอได้แล้วนะ” นางสุกัญญาเอ็ดบุตรชายเสียงเข้มงวดอย่างที่ไม่ใคร่จะได้ทำนัก จนน่านฟ้ายอมหยุดที่จะต่อล้อต่อเถียงแม่ใหญ่
จังหวะนั้นนางวิภาเซไปด้านหลัง ท่าทางเหมือนจะหน้ามืด นางสุกัญญารีบตรงเข้าไปประคองให้นั่งที่โซฟาตัวใกล้ๆ “เป็นอะไรคะคุณพี่”
“ลูกแกมันจะฆ่าฉัน มันเกิดมาจองเวรจองกรรมฉัน” แม้จะเกือบเป็นลม แต่ก็ยังมีแรงเค้นเสียงด่าและชี้หน้าน่านฟ้า
“ดิฉันขอโทษแทนน่านด้วยนะคะ ดิฉันสอนลูกไม่ดีเอง”
“รู้ตัวก็ดี เธอก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วยเหมือนกัน ถ้าบริษัทของคุณโชคต้องตกอยู่ในมือของคนอื่น” แม่ใหญ่หันไปต่อว่านางสุกัญญาที่ไม่กล้าเถียงสักคำ
“ใครว่าคนอื่น น้าสุกิจก็น้องแม่ใหญ่นะครับ” น่านฟ้าเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ก็แค่น้องชายบุญธรรม ไม่ใช่น้องชายฉันแท้ๆ ซะหน่อย”
“แต่ก็พี่น้องกันนั่นแหละ”
“ไม่เหมือน สุกิจไม่มีเลือดของฉันในตัวเขาสักนิดเดียว”
“ผมก็ไม่มีเลือดแม่ใหญ่ในตัวผมสักนิดเดียว”
“แต่แก...มีเลือดของพ่อแกอยู่ในตัวแก” นี่เป็นประโยคแรกของวันนี้ที่ไม่ใช่การโวยวายด่าทอ แต่สิ่งที่ส่งผลต่อจิตใจน่านฟ้าที่สุดคงเป็นความหวั่นไหวในแววตาของหญิงสูงวัย ที่ฟ้องว่านางรักและเทิดทูนสามีของนางสักเพียงไหน
แล้วสิ่งนี้ก็ไม่ใช่การเสแสร้ง ไม่อย่างนั้นแม่ใหญ่คงไม่พยายามทำตามคำขอสุดท้ายสามี ด้วยการบังคับให้เขาดำรงตำแหน่งประธานบริษัทมีโชค
“แต่ตอนนี้ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ น้าสุกิจคุมคนทั้งบริษัทได้หมดแล้ว”
“ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้เรอะ แต่ที่สำคัญแกต้องปรับปรุงตัวใหม่ ไม่มีใครทนรับประธานบริษัทไม่เอาไหนได้หรอก” แม่ใหญ่พูด
น่านฟ้ายังไม่ตอบทันที ทำเหมือนกำลังครุ่นคิดด้วยความลังเล ฝ่ายแม่ใหญ่ก็ลอบสะกิดนาง
สุกัญญา
“น่าน” เสียงเรียกของมารดา ทำให้น่านฟ้าหันไปประสานสายตากับท่าน แลเห็นประกายความวิงวอน “แม่ขอร้องนะน่าน ถือว่าทำเพื่อพ่อเขาสักครั้งนะ แล้วแม่จะไม่ขออะไรน่านอีกเลยได้มั้ย”
บุตรชายอึ้งไปกับคำขอของมารดา หญิงสูงวัยทั้งสองคนล้วนจ้องมองเขาเป็นตาเดียวอย่างรอคอยด้วยความหวัง
ไม่กี่วินาทีถัดมา ชายหนุ่มก็ตอบกลับเสียงหนักแน่นว่า
“ครับ ผมจะเอาตำแหน่งประธานบริษัทกลับคืนมา...ผมสัญญาว่าจะเอาบริษัทพ่อกลับมาให้ได้”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
