ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Legendary Knight อภินิหารอัศวินสยบมาร

    ลำดับตอนที่ #1 : พบเจอไม่คาดฝัน

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 56


    โลกได้ถูกปกครองโดยสี่เผ่าพันธุ์ ได้แก่ เผ่าพันธุ์ของ มนุษย์ คนแคระ เอลฟ์ และ อมนุษย์ โดยเผ่าพันธุ์ของอมนุษย์ประกอบไปด้วย ก๊อบลิน ออร์ค โทรล ฯลฯ นั้นรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ เนื่องจากอยู่ภายใต้การปกครองของเจ้าแห่งโลกใต้พิภพ เดียโซผู้โฉดชั่ว

               มนุษย์ และ คนแคระ ล้วนเป็นพันธมิตรกันตั้งแต่บรรพกาลแล้ว มีการค้าขายและแลกเปลี่ยนสินค้าต่อกันมาโดยตลอด ต่างจากพวกเอลฟ์ที่อยู่อย่างสันโดษ แต่ก็ถือว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อมนุษย์ และถึงแม้ว่าพวกอมนุษย์จะเป็นเผ่าพันธุ์ที่โดดเดี่ยวแต่ก็มีกำลังอันเข้มแข็งจึงไม่ถูกทำลายโดยง่าย หลังจากมหาสงครามแห่งพิภพ ทั้งสี่เผ่าพันธุ์อยู่อย่างสันติมาได้ร่วมสองร้อยปีแล้ว  มนุษย์ คนแคระ และเอลฟ์ ล้วนไม่ต้องการสงคราม แต่เดียโซซึ่งพ่ายแพ้ในสงครามครั้งนั้นมีความต้องการเป็นเจ้าพิภพอยู่เหนือสิ่งมีชีวิตทั้งมวลอย่างยิ่ง ช่วงเวลาที่ผ่านมาที่ไม่ทำสงครามเพียงเกรงกลัวทั้งสามเผ่าพันธุ์ผนึกกำลังกันจัดการ แต่ในช่วงห้าสิบปีที่ผ่านมา เดียโซลอบสะสมกำลังทางทหาร ดำเนินแผนการชั่วร้ายต่างๆ ในหลายอณาจักรใหญ่ๆ สงครามกำลังจะเริ่มต้นแล้ว. . . .

     

    ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในอณาจักร อิมพีเรียลของมนุษย์   

    ยังมีเด็กคนหนึ่ง ซึ่งเกิดในครอบครัวชาวนา บรรพบุรุษของมันมาตั้งถิ่นฐานที่นอกป้อมเล็กๆ ในอณาจักรอิมพีเรียลมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ทวดของมันเป็นชาวนา ปู่ของมันเป็นชาวนา พ่อของมันก็เป็นชาวนา ตระกูลมันทุกรุ่นล้วนแล้วแต่เป็นชาวนา ผมและดวงตาของมันเป็นสีดำขลับ รูปร่างของมันสูงกว่าเด็กวัยเดียวกันเล็กน้อย เพียงแต่ซูบผอมไปบ้าง

    วันนี้เป็นวันที่อากาศดีท้องฟ้าแจ่มใส แสงแดดได้ทำให้น้ำที่ขังจากฝนตกค่อยๆระเหยไปอย่างช้าๆ เมฆหมอกที่ปกคลุมเมื่อหลายวันก่อน ได้กระจายหายไปแล้ว วันนี้พอดีเป็นวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 9 ปีของมัน

    “เอซิส”     เสียงลอยมาจากในบ้าน เป็นเสียงของแม่เอซิสเอง

    “ครับท่านแม่”    เอซิสตอบพร้อมกับวิ่งกลับเข้าบ้าน

    “ออกไปยืมมองอะไรอยู่นอกบ้านตั้งนานสองนาน”

    “ข้าแค่ออกไปดูให้แน่ใจว่า วันนี้ฝนจะไม่ตกอีกแล้วหนะครับ” เอซิสพูดพร้อมกับเดินกับเข้าบ้านไป

     

               บ้านเอซิสอาศัยอยู่เป็นกระท่อมขนาดเล็ก สภาพภายนอกบ้านดูทรุดโทรมย่ำแย่แล้ว หลังคาที่มุงด้วยหญ้าบางแห่งหลุดไปเมื่อหลายวันก่อน เนื่องจากมีลมแรงพัดผ่าน ประตูก็ดูเหมือนว่า จะไม่แข็งแรงมั่นคงเท่าใดแล้ว แต่สภาพภายในบ้านนับว่าย่ำแย่ยิ่งกว่า ของทุกอย่างภายในบ้านเป็นของเก่าซึ่งผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าผู้ใดถ้ามาเห็นความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้  9 ใน 10 ของคนเหล่านั้นคงให้คำนิยามว่าครอบครัวนี้ "ยากจน" ดีที่พ่อและแม่ของเอซิสเป็นคนที่ขยันหมั่นเพียร ทั้งทำการเกษตรทำให้ยังพอมีอาหารรับประทานอยู่บ้าง และรู้จักปัดกวาดทำงานบ้านงานเรือนทำให้ของในบ้านถึงแม้จะเก่าแต่ก็สะอาดยิ่ง มีบางผู้คนพยายามอุตสาหะเหน็ดเหนื่อยแทบตายก็ไม่สามารถร่ำรวยได้ บางผู้คนไม่ต้องพยายามเท่าใดนักกลับร่ำรวยมหาศาล แต่ชีวิตมีใครสามารถกำหนดความร่ำรวยยากจนได้อย่างใจนึก เมื่อยากจนแล้วก็ต้องอดทนต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ เช่นนี้จึงไม่เสียทีที่กำเนิดมาเป็นผู้คน

        

    “มาๆ กินข้าวเช้า วันนี้เป็นวันเกิดเจ้า เจ้าต้องกินเยอะๆนะเอซิส” พ่อเอซิสพูดขึ้น

    “ครับ”

             เอซิสนึกในใจ ถึงแม้ว่าการที่วันนี้เป็นวันเกิดก็ไม่จำเป็นว่าต้องกินเยอะ ด้วยอาหารที่มีจำกัดทำให้ไม่สามารถกินเยอะ แต่พ่อของเอซิสก็พูดขึ้นด้วยความห่วงใย ปารถนาดี เอซิสกระโดดนั่งเก้าอี้เตรียมรับประทานอาหาร เก้าอี้พลันเกิดเสียงกรอบแกรบ น่าหวาดเสียวเนื่องจากอายุการใช้งานของมัน

            "9 ขวบแล้วนะเอซิส ยังเล่นซุกซนอยู่อีก มีมารยาทบนโต๊ะอาหารหน่อย" แม่ดุอย่างยิ้มแย้ม

     

            "ครับท่านแม่" เอซิสตอบเสียงดัง

             ทั้งหมดนั่งรับประทานผักต้มซึ่งเป็นผลผลิตทางการเกษตรของครอบครัวที่เอซิสเก็บเกี่ยวมาเมื่อวานเย็น มีบ้างบางครั้งที่ครอบครัวมีเงินไม่พอต้องขายผักทั้งหมดเพื่อชำระค่าของใช้ แม้แต่ผักต้มยังยังไม่สามารถรับประทาน เอซิสเป็นเด็กที่ดีช่วยพ่อปลูกผักเลี้ยงสัตว์ และช่วยงานในไร่เท่าที่ทำได้ เมื่อเสร็จจากงานที่ไร่เอซิสยังกลับมาช่วยแม่ทำงานบ้านด้วย เพียงแต่เอซิสเป็นเด็กที่ซุกซนคนหนึ่ง เมื่อว่างเว้นจากการทำงานในไร่เอซิสชอบไปเที่ยวเล่นในป่า ถือธนูล่าสัตว์สามารถนำเขากวางและเนื้อกวางกลับมาขายได้อยู่เป็นประจำ พูดถึงฝีมือการยิงธนู เอซิสนับเป็นมือธนูฝีมือดีคนหนึ่ง ถ้าวัดจากความแม่นยำถือว่าการยิงธนูของเอซิสแม่นยำมากทีเดียว เพียงแต่กำลังข้อยังไม่แข็งแรงเนื่องจากมันยังอายุน้อย พ่อสอนเอซิสยิงธนูตั้งแต่อายุ5ขวบ เมื่อปีที่แล้วพ่อยังเหลาธนูจากต้นไม้ใหญ่ที่หักโค่นลงมาเนื่องจากสายฟ้าให้กับเอซิสคันหนึ่ง ตอนแรกเมื่อเอซิสใช้ล่าสัตว์ยังรู้สึกขัดๆเพราะว่าคันธนูมีขนาดใหญ่ แต่ในปัจจุบันเอซิสใช้ธนูคันนี้ได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว

     

           "ข้าไปแล้วนะครับท่านแม่" เอซิสพูดพลางลุกออกจากโต๊ะ

     

           "อย่าซนให้มากหละ แล้วอย่ากลับบ้านมืดค่ำมากนะ" แม่ปรามด้วยความเป็นห่วง

           เอซิสรีบวิ่งไปเตรียมข้าวของสำหรับล่าสัตว์ในป่า เสบียงอาหารกลางวัน และที่ไม่อาจไม่นำติดตัวไปก็คือธนูคู่ใจของเอซิสนั่นเอง เมื่อเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วเอซิสบอกลาพ่อแม่พร้อมกับหมุนตัวออกจากบ้านไปในทันที

           เอซิสเดินมุ่งหน้าสู่ป่าในละแวกบ้านของเอซิสนั้นไม่มีบ้านเรือนมากนักเนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในป้อมเพราะเกรงกลัวอันตรายจากมนุษย์หมาป่าและสัตว์ร้ายต่างๆ รวมทั้งบรรดาโจรปล้นชิงทรัพย์ พอดีสบอารมณ์ของเอซิส เอซิสชอบอยู่อย่างสันโดษจึงไม่ได้คบหาสหายมากมายนัก เด็กวัยเดียวกับเอซิสก็มักจะเล่นอยู่แต่ภายในบ้าน พ่อแม่พวกมันไม่อนุญาติให้พวกมันออกไปเล่นในป่าเหมือนเอซิสเพราะกลัวพวกมันประสบอันตราย

           ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเอซิสก็เดินมาถึงโรงสีของชายชราเม็กกี้ ซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างของมนุษย์สิ่งสุดท้ายก่อนจะถึงชายป่า เอซิสพักดื่มน้ำได้สักครู่จึงออกเดินทางต่อ ต้นไม้เริ่มมีให้เห็นมากขึ้นเป็นสัญญาณว่าเอซิสเดินทางมาถึงชายป่าแล้วยิ่งเดินลึกเข้าไป ต้นไม้ข้างทางก็เริ่มอยู่ชิดติดกันมากขึ้น เดินไปได้ประมาณสองชั่วโมง เอซิสก็เจอแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งสัตว์ในป่าใช้ลงมาดื่มกิน เอซิสเลือกพุ่มไม้พุ่มหนึ่งเพื่อดักรอกวาง กลับได้ทำเลที่พอเหมาะ พุ่มไม้นี้ดียิ่งข้างหลังเป็นโขดหินใหญ่ ไม่เพียงสัตว์จะมองไม่เห็นไม่ทันระวังสงสัยแล้ว เอซิสยังสามารถเล็งธนูได้อย่างปลอดโปร่งอีกด้วย จึงถือว่าเป็นที่ซุ่มที่เหมาะสมที่สุดในการล่าสัตว์ป่า เอซิสนั่งรอประมาณหนึ่งชั่วโมงก็เริ่มร้อนใจ ครุ่นคิด

         'ทำไมวันนี้ไม่มีเหยื่อผ่านมาเลย หรือจะมาเสียเที่ยวแล้ว'

     

          ความคิดยังไม่ทันบรรลุถึงสมองทั่วสมอง ก็บังเกิดเสียงซวบซาบขึ้นเบื้องหน้า เอซิสตระเตรียมหยิบลูกธนูน้าวกับคันธนูจนตึง ช่วงเวลานี้แม้แต่หายใจเอซิสยังไม่กล้าระบายออกโดยแรง เสียงเข้าใกล้มาทุกที เอซิสน้าวธนูมากกว่าเดิมส่งเสียงดังเอี๊ยด คันศรได้ถูกน้าวเต็มที่แล้ว เอซิสลอบนับถอยหลังในใจ

            ' 3 . . . '

            ' 2 . . . '

            ' 1. . . '

     

            "ซวบ"

     

         ที่โผล่มามิใช่กวางหรือหมูป่า กล่าวให้ถูกต้องคือไม่น่าจะใช่สัตว์ที่อาศัยในป่า เมื่อมองดูให้ถนัดตาเอซิสพลันร้องอุทาน เอ๊ะ คำหนึ่ง ที่เห็นเป็นบุรุษหนุ่มคนหนึ่งใส่ชุดเกราะน่าเกรงขาม เพียงแต่หมวกได้หลุดไปแล้ว เผยให้เห็นถึงผมสีทอง เกราะลวดลายสวยงามนั้น มีลูกธนูปักอยู่หลายรู ดูจากสภาพนั้นน่าจะเพิ่งผ่านการสู้รบมาไม่นาน บุรุษหนุ่มนั้นดูเหนื่อยล้าเหลือประมาณผ้าคลุมที่หลังขาดกระรุ่งกระริ่ง มีคราบเลือดเกาะอยู่บนชุดเกราะทำให้ชุดเกราะที่เหมือนจะเคยแวววาวดูหม่นหมองลงไป แม้ว่าจะบาดเจ็บมาขนาดนั้นมือของบุรุษหนุ่มก็ไม่ได้ปล่อยจากดาบคู่ใจเลย เอซิสเมื่อเห็นเช่นนั้นจึงเกิดความสงสาร ตะโกนออกไป

         

             " พี่ชาย !!! ท่านเป็นอย่างไรบ้าง มาหลบทางด้านนี้ก่อน "

     

          บุรุษหนุ่มตอนแรกเมื่อรู้ว่ามีคนพบเห็น จึงเกิดอาการตรึงเครียดขึ้นเตรียมตัวรับมือ กระชับดาบในมือแน่นขึ้น แต่เมื่อเห็นเป็นเด็กชายที่ยังไม่โตเท่าไหร่ บวกกับน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงคิดว่าคงไม่ใช่คนชั่วร้าย จึงได้คลายใจลงบ้าง

     

           เมื่อมองไปบนร่างกายของบุรุษหนุ่มนั้น เอซิสถึงกับตกใจเป็นการใหญ่เพราะบนร่างนั้น ประกอบไปด้วยบาดแผลมากมาย บ้างก็เป็นบาดแผลใหญ่ บ้างก็เป็นบาดแผลเล็ก รวมทั้งมีธนูปักผ่านเข้าไปในเนื้อได้ไม่ต่ำกว่าสามแห่ง โดยรวมแล้วนับว่าสาหัสยิ่ง ทำให้ในใจของเอซิสลอบสงสัยที่มาที่ไปของบุรุษหนุ่มนี้ไม่ได้จึงเอ่ยปากถาม

    "ท่านเป็นใคร...." เอซิสยังไม่ทันถามจบว่าเหตุใดถึงมีสภาพอย่างนี้
    บุรุษผู้นั้น รวบรวมแรงหยดสุดท้ายตอบว่า

    "ข้าคือเจ้าชายปีเตอร์ บุตรแห่ง เจ้าฟ้าเอ็ดเวิร์ดที่สอง นัดดาแห่งองค์กษัตริย์ เอ็ดเวิร์ด"

    บุรุษหนุ่มตอบพร้อมกับสลบไป ทิ้งให้เอซิสตะลึงตะลานอยู่กับที่


    เอซิสยืนงุนงงอยู่ท่ามกลางพุ่มไม้ พลันได้ยินเสียงโห่ร้องของกลุ่มคนดุร้านย ค้นหามาแต่ไกล ในใจบังเกิดทางเลือกสองประการ ประการแรก เร่งหลบหนีตอนที่ยังมีโอกาศ ประการที่สอง เร่งหลบหนีโดยนำเจ้าชายปีเตอร์หลบหนีไปด้วย สรุปคือทั้งสองประการสิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือหลบหนี ประการแรกนั้นง่ายดาย เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องราว ปล่อยให้เจ้าชายปีเตอร์ถูกคนเหล่านั้นนำตัวไป คาดว่าเอซิสคงหลีกเลี่ยงจากภัยครั้งนี้ได้ แต่ประการหลังโอกาศหลบรอดไปมีน้อยกว่าครึ่งต่อครึ่ง

    ถึงแม้ว่าท่านพ่อของเอซิสจะไม่ได้เป็นวีรบุรุษที่ประกอบความดีความชอบในศึกสงครามอันใด แต่ก็นับว่าท่านพ่อของเอซิสเป็นลูกผู้ชายที่เข้มแข็งคนหนึ่ง ตั้งแต่เล็กจนโตได้ปลูกฝัง พร่ำสอนให้เอซิสเป็นคนซื่อสัตย์ กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว ตั้งแต่เอซิสรู้ความ เอซิสไม่เคยลืมเลือนคำสอนของพ่อ รวมถึงนำคำสอนมาปฏิบัติอีกด้วย

    เมื่อถึงในสถาการณ์คับขันเช่นเวลานี้เอซิสก็ยังไม่ลืมคำสั่งสอนของท่านพ่อ เลือกหนทางที่ยากลำบากแต่สามารถช่วยชีวิตนัดดาแห่งกษัตริย์โดยที่ไม่นึกถึงอันตรายส่วนตัว เอซิสจัดแจงพยุงเจ้าชายปีเตอร์ขึ้นมาด้วยความยากลำบากเนื่องด้วยกำลังกำลังอันจำกัดของเด็กวัยเก้าขวบ กึ่งพยุงกึ่งลากเจ้าชายหลบเข้าที่ซุ่มซ่อนสำหรับล่าสัตว์ พลันเห็นกลุ่มคนดุร้ายกลุ่มใหญ่ไล่ตามมาพอดี หลายคนถือดาบขนาดใหญ่ มือธนูหลายสิบคนตระเตรียมนำธนูขึ้นมาพาดสายอยู่ในสภาพเตรียมพร้อมเต็มที่ อีกทั้งยังมีบางคนแต่งกายคล้ายพ่อมด นับว่าเป็นกองกำลังขนาดใหญ่กองกำลังหนึ่ง เอซิสฉุกคิดว่าหากชักนำกลุ่มคนดุร้ายนั้นเข้าสู่หมู่บ้าน โดยที่เหล่าอัศวินในป้อมปราการไม่ทันระวังจะเกิดความเสียหายใหญ่หลวงขึ้นได้ พลันเกิดไหวพริบ ไม่รีบหลบหนีไปในบัดดลแต่จะหาที่ปลอดภัยให้กลุ่มคนดุร้ายนั้นค้นหาจนสายตัวแทบขาด เฝ้ารอจนฟ้าค่ำมืด สุขสบายแทนลำบาก ค่อยพาเจ้าชายที่บาดเจ็บหนีไป เพื่ออาศัยความมืดที่ปกคลุมทิ้งระยะห่างในการหลบหนีจนสามารถไปบอกให้อัศวินในป้อมเตรียมการรับมือ จึงจะเพิ่มโอกาสให้ทหารในป้อมปราการรบชนะอยู่หลายส่วน

               เอซิสเข้ามาเล่นในป่าและล่าสัตว์อยู่บ่อยครั้งจนอาจเรียกป่าแห่งนี้ว่าบ้านหลังที่สองของเอซิสก็ได้ จึงไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงที่เอซิสจะหาที่ปลอดภัยใช้หลบซ่อนตัวชั่วคราว เพียงแต่น้ำหนักตัวของเจ้าชายเอซิสและน้ำหนักของชุดเกราะนั้น ไม่ใช่น้ำหนักที่น้อย เอซิสจึงต้องกี่งดีงกี่งลากเจ้าชายปีเตอร์อย่างทุลักทุเล พอดีพบสถานที่หนึ่งเป็นโพรงเล็กๆ คาดว่าเป็นที่อยู่ของสัตว์บางชนิดมาก่อน แต่สัตว์ชนิดนั้นได้ทิ้งโพรงแห่งนี้ไป ทางเข้าพอให้คนสองคนเข้าไปได้พอดีมีต้นไม้ พุ่มไม้ และโขดหินเป็นที่กำบังอย่างมิดชิด เอซิสไม่รอช้ารีบพาเจ้าชายปีเตอร์เข้าไปซ่อนตัวในบัดดล

                เอซิสพึ่งจะเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในที่หลบซ่อน ก็ปรากฏชายดุร้ายสองคนวิ่งเข้ามา เอซิสสามารถหลบได้ทันถือว่าเอซิสโชคดียิ่ง

                "เมื่อครู่ เจ้าชายปีเตอร์ใช่หลบหนีมาที่นี่รึป่าว แล้วหายไปไหนแล้ว" ชายดุร้ายคนแรกพูดด้วยเสียงเกรี้ยวกราด ใบหน้าเหี้ยมเกรียม คล้ายมีรังสีอัมหิตปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง มีเคราสีดำสนิทปกคลุมอยู่บนใบหน้า ใช้เสื้อกั๊กหนังสัตว์และผ้าคลุมลายเสือปกคลุมร่างกาย เผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแรง มีรอยแผลเป็นนับสิบแห่งอยู่บนร่างกายที่ไม่ได้ถูกปกคลุม ไม่ทราบว่าในร่มผ้าจะมีรอยแผลเป็นอีกมากน้อยเพียงใด

                "ท่านแบล็คเบียดอย่าพึ่งโมโห เจ้าชายปีเตอร์บาดเจ็บสาหัสนักคาดว่าคงหนีไปได้ไม่ไกล" เสียงชายคนที่สองตอบอย่างสุขุม คาดว่าคงเป็นคนมีความคิดความอ่านไม่เบา บนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ตลอดเวลา ใต้รอยยิ้มนั้นประดับด้วยเคราสองแฉก ดวงตาและคิ้วเฉียงขึ้น ทำให้หน้าตาดูชั่วร้ายอยู่ไม่น้อย

               "ถ้าปล่อยให้เจ้าชายปีเตอร์หลบหนีไปได้ ท่านเดียโซคงไม่เชื่อถืออีกแล้ว ท่านดรัมมอนคิดว่าควรทำเช่นใด?" แบล็คเบียดถาม

                "คาดว่าเจ้าชายปีเตอร์ต้องมีคนมาช่วยเหลือ แต่อาการบาดเจ็บของเจ้าชายปีเตอร์สาหัสนักคงหนีไปได้ไม่ไกล ขอเพียงท่านแบล็คเบียดมีคำสั่งออกไปให้ลูกน้องค้นหาในรัศมีห้าไมล์คาดว่าเจ้าชายปีเตอร์ย่อมต้องไม่รอดพ้นเงื้อมมือของท่านเป็นแน่" ดรัมมอนตอบพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

               "ท่านดรัมมอนมีปัญญาเฉียบคมยิ่งนัก มิน่าหละท่านเดียโซจึงท่านมาเป็นที่ปรึกษา" แบล็คเบียดเริ่มยิ้มออกแล้ว เพียงแต่เป็นรอยยิ้มที่เหี้ยมเกรียม

              "ขอบคุณท่านแบล็คเบียดที่ชมเชย" ดรัมมอนรับคำชม

              ทั้งสองไม่ทราบว่าเหยื่อที่คาดคิดว่าเป็นลูกไก่ในกำมือกลับหลบซ่อนอยู่เพียงใต้จมูกนี้เอง

              แบล็คเบียดและลูกน้องเป็นโจรที่ดุร้าย ป่าเถื่อนยิ่งนัก กลุ่มโจรเหล่านี้เคลื่อนไหวอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอณาจักรมนุษย์ ทั้ง ปล้น ฆ่า ข่มขืน บ้างดักปล้นระหว่างทางขนส่งสินค้า จนบริษัทคุ้มกันภัยไม่กล้ารับงานที่ต้องเดินทางในเขตของพวกมัน บ้างก็บุกเข้าไปปล้นในหมู่บ้าน ทั้งบุรุษและสตรี ทั้งเด็กและคนชรา ถ้าพวกมันเห็นเป็นที่ขัดตา พวกมันล้วนฆ่าจนหมดสิ้น ไม่ใช่ว่าทางบ้านเมืองจะไม่หาทางจัดการ เพียงแต่กองโจรแบล็คเบียดนี้ไม่สามารถถูกกำจัดได้โดยกองกำลังขนาดเล็ก ครั้นทางการส่งกองกำลังขนาดใหญ่มาปราบ กองโจรแบล็คเบียดก็หนีหายไปแล้ว ยิ่งตอนนี้ได้รับการสนับสนุนจากเดียโซด้วยและ จึงไม่น่าแปลกใจที่แบล็คเบียดจะมีกำลังขวัญเพียงพอที่โจมตีขบวนเสด็จของเจ้าชายปีเตอร์ ดีที่อัศวินที่อารักขาขบวนเสด็จมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวพากันสละชีวิต เพื่อให้เจ้าชายปีเตอร์หนีรอดมาจากวงล้อมพร้อมทั้งยังสามารถถ่วงเวลาได้อีกเล็กน้อยด้วย แบล็คเบียดและลูกสมุนขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้ายอยู่แล้วจึงไม่ปล่อยปละละเว้นชีวิตของบรรดาอัศวินเลยแม้แต่คนเดียว

               เอซิสพอทราบสถานการณ์คร่าวๆ ก็ทราบว่าสถานการณ์นี้ขับขันอันตรายยิ่งนัก ถ้าดำเนินการผิดพลาดไปเพียงนิดเดียวนั่นหมายถึงชีวิตน้อยๆของตนเองและเจ้าชายปีเตอร์ วันนี้ในปีหน้าจะเป็นวันครบรอบวันตายของมันและเจ้าชาย ความอดทนของเอซิสนับว่าเกินวัยนัก เฝ้ารอจนฟ้ามืดค่ำ ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะแก่การหลบหนี หากให้รอนานกว่านี้เกรงว่าอาการของเจ้าชายปีเตอร์จะทรุดหนักกว่าเดิม ซึ่งอาการในตอนนี้ก็ต้องนับว่าย่ำแย่มากแล้ว เจ้าชายปีเตอร์มีอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น มีไข้สูงเนื่องจากอาการอักเสบของบาดแผล เอซิสแข็งใจพยุงเจ้าชายปีเตอร์ขึ้นอาศัยม่านความมืดในยาววิกาล วิ่งหลบไปตามแนวต้นไม้ บัดเดี๋ยวซ้าย บัดเดี๋ยวขวา จนกองโจรของของแบล็คเบียดจับทางไม่ถูก จนเอซิสสามารถพาเจ้าชายปีเตอร์ออกมาจากป่าได้แล้ว เอซิสรีบตรงไปที่โรงสีของชายชราเม็กกี้เพื่อขอความช่วยเหลือโดยทันที

                "ปัง ปัง ปัง ปัง!!!!!!" เอซิสทุบประตูโดยแรง

              

                "มีคนบาดเจ็บ โปรดช่วยเปิดประตูด้วย" เอซิสตะโกนอย่างร้อนใจ

               "มาแล้วๆ ใจเย็นๆ เดี๋ยวประตูก็พังกันพอดี" ชายชราพูดพลางเปิดประตู

               "บุรุษผู้ที่คือเจ้าชายปีเตอร์ โปรดให้ที่พักเพื่อให้เจ้าชายปีเตอร์ได้รับการรักษาด้วยเถิด" เอซิสอ้อนวอน

               ไม่ต้องรอให้เอซิสอธิบายมากความ ด้วยประสบการณ์ชายชราเม็กกี้ก็รู้ว่าสถานการณ์หนักหนาเพียงใด สีหน้าเปลี่ยนเป็นปั้นยากทราบว่าหากให้เจ้าชายปีเตอร์พักอยู่ที่โรงสีซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ใกล้ป่าที่สุด พวกที่ตามล่าเจ้าชายปีเตอร์อาจจะเข้ามาค้นได้ทุกเมื่อจึงกล่าว

              "ที่นี่ไม่ปลอดภัย เจ้าจงนำเกวียนและม้าลากเกวียนเราไปที่ป้อมปราการ"

              "ท่านไม่ไปด้วยกันหรือ?" เอซิสถามด้วยความเป็นห่วง

               "โรงสีของเรา เราจะดูแลเอง เจ้ารีบไปในบัดดล!!!" เสียงของชายชราเม็กกี้คล้ายมีมนขลังชนิดหนึ่งทำให้เอซิสมิอาจไม่ปฏิบัติตาม

                เอซิสจัดแจงนำเจ้าชายปีเตอร์นอนลงบนเกวียนพร้อมกับจูงม้าเพื่อใช้ลากเกวียน เมื่อตรวจสอบความเรียบร้อยของเกวียนเสร็จก็รีบเร่งควบม้าให้ลากเกวียนออกไปมุ่งหน้าสู่ป้อมปราการในบัดดล ในใจอดเป็นห่วงโชคชะตาที่จะเกิดขึ้นกับชายชราเม็กกี้ไม่ได้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×