ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หฤทัยพันธน์ (มีจำหน่ายในรูปแบบอีบุ๊คแล้วนะคะ)

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 ผมจะดูแลคุณ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.88K
      30
      9 ก.พ. 58

     

    ตอนที่ 3 ผมจะดูแลคุณ



     

                “บอกตามตรง พี่ไม่ชอบขี้หน้าตำรวจขี้เก๊กนั่นเลยจริงๆ”

                ปฐพีเปรยขึ้นมาหลังจากเสร็จเรื่องที่สวนปาล์ม กลับบ้านมายังไม่ทันจะนั่งให้หายร้อน ชายหนุ่มก็เปิดประเด็นขึ้นมาทันที

                “ทำไมคะ เขาก็ไม่ได้ทำอะไรให้เราเสียหน่อย”

                “ไม่ชอบหน้าก็คือไม่ชอบ เข้าใจมั้ยครับ ไม่ต้องมีเหตุผล ก็คนมันไม่ชอบ”

                “แต่เขามาช่วยเรานะคะ”

                “มันก็ต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจอยู่แล้ว พี่เองก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ต้องการให้ใครมาช่วยทั้งนั้น นี่เขาคงขี้โม้อะไรมากับน้องเพื่อนใช่มั้ย ถึงได้มองสารวัตรเขาราวกับเป็นฮีโร่เช่นนี้”

                “พี่ปราบต์ไม่มีเหตุผล เพื่อนไม่คุยด้วยล่ะ ไปดีกว่า จะไปหัดทำกับแกงใต้กับป้าพรเสียหน่อย”

                “เดี๋ยว!

                เสียงนั้นฟังดูห้วนแกมไม่พอใจ จนพิมพ์ณาราต้องชะงักฝีเท้าก่อนหันหลับไปมองด้วยความงุนงง

                “จะยังไงก็แล้วแต่ ถ้าสารวัตรเขาแวะเวียนมาอีก ซึ่งพี่ก็เชื่อว่าเขาอาจจะแวะมาเพื่อหาเบาะแสเพิ่ม น้องเพื่อนต้องอยู่ห่างๆ หมอนี่เข้าไว้ หรือไม่ก็โทรตามพี่ ถ้าหากวันนั้นพี่ไปธุระในเมือง”

                “ขอเหตุผลด้วยค่ะ ว่าทำไมต้องห้ามกันขนาดนี้ด้วย”

                “ก็ไม่ชอบ นั่นแหละเหตุผล”

                “เพื่อนก็นึกว่าพี่ปราบต์หึง”

                เหมือนถูกฮุคด้วยหมัดหนักๆ เข้าที่ใบหน้า จนคนฟังอึ้งไปชั่วครู่ เพราะเขากำลังหลอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่การหึง การหวง แต่เขาแค่ไม่ชอบหน้าสารวัตรแทนไทอย่างไม่ทราบสาเหตุเท่านั้น

                “ปะ เปล่าไม่ได้หึง ทำไมต้องหึงด้วยล่ะ”

                ประโยคสั้นๆ แต่ช่างบาดลึกใจคนฟังจนเจ็บแปลบ ทำให้พิมพ์ณาราเริ่มฟาดงวงฟาดงาไปทั่วเพราะความน้อยใจ กับการที่เขาพยายามปฏิเสธว่าคิดเช่นไรกับเธอ

    “แต่ก็อย่างว่า พี่ปราบต์จะมาหึงเพื่อนทำไม ในเมื่อทุกวันนี้พี่ก็ยังไม่ลืม

                “ไม่ลืมอะไร”

                “เพื่อนรู้นะคะ พี่ปราบต์ยังไม่ล้มเลิกความคิด ที่จะขอน้องตุลย์มาเลี้ยง”

                “น้องเพื่อนกำลังพาลรู้ตัวบ้างมั้ย ลากคนอื่นมาเกี่ยวทำไม”

                “พี่ปราบต์ยังคิดถึงแพงอยู่ทุกคืนวัน เพื่อนถามจริงๆ ตัวพี่ปราบต์อยู่ที่นี่ แล้วใจอยู่กับใคร”

                “……

                “ที่เงียบนี่คือไม่ปฏิเสธใช่มั้ยคะ”

                “ที่เงียบเพราะพี่ไม่อยากทะเลาะ ไม่อยากจะรื้อฟื้น ไม่เข้าใจว่าน้องเพื่อนจะขุดเรื่องเก่าๆ ขึ้นมาทำไม รื้อฟื้นแล้วได้อะไรขึ้นมา พี่ถามหน่อยสิ ฮึ!

                ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ก่อนเดินเข้ามารั้งร่างบางเข้าไปกอดเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ซึ่งเขาเองก็ยังตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าหัวใจที่เคยมีพิมพ์มาดานั้น ได้แบ่งมาให้คนในอ้อมกอดนี้บ้างหรือยัง แต่ที่รู้คือเขาพยายามประคับประคองชีวิตคู่เอาไว้ไม่ให้พังครืนลงมา เพราะเขาเองก็ไม่อยากทำร้ายใครให้ต้องเจ็บปวดอีก

                “ปล่อยค่ะ”

                หญิงสาวสะบัดกายจนหลุดพ้น เพราะยามที่เขากอดเธอคราใด ความเจ็บปวดก็ถาโถมเข้ามาเล่นงานเสียทุกครั้ง เพราะมันช่างเป็นอ้อมกอดที่เหน็บหนาวสิ้นดี ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา คำว่ารักเธอก็ไม่ได้ยินออกมาจากปากของคนที่เธออยากฟังแม้สักคำเดียว

                “ถ้าบอกว่าหวง แล้วน้องเพื่อนจะหายพยศหรือเปล่าล่ะครับ”

                “ไม่หายค่ะ เพราะเพื่อนรู้ทันว่าพี่ปราบต์พูดเพราะต้องการจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น”

                “ก็เป็นซะอย่างนี้”

                “พี่ปราบต์ไม่ต้องมาแคร์กันก็ได้นะคะ เพราะเพื่อนชินเสียแล้ว กับการที่นอนเตียงเดียวกัน แต่ไม่มีอะไรกัน รักก็เป็นรักหลอกๆ นี่ถ้าแพงไม่ตัดความสัมพันธ์หนีหน้าไป พี่ก็คงจะไม่หยุด”

                “หยุดลากคนอื่นเข้ามาเสียที”

                “เพื่อนคงเห็นแก่ตัวจริงๆ ที่แย่งของน้อง และน้องก็ยังเสียสละหลีกทางให้ ก็สมแล้วค่ะ ที่ต้องมานั่งรับกรรมอยู่อย่างนี้”

                พูดแล้วน้ำตาพานจะไหลออกมา เธอเกลียดตัวเองที่ไม่เลิกเป็นคนอ่อนแอ ถ้อยคำของเธอนั้นกระแทกใจคนฟังให้ต้องนิ่งอึ้ง เพราะไม่คิดว่าเธอจะคิดเช่นนั้นและพูดมันออกมา

                “แล้วพี่ถามจริงๆ น้องเพื่อนโทรหาคุณตฤณทำไม ในเมื่อเรื่องนี้มันคือปัญหาของเราสองคน”

                เขารู้

                หญิงสาวใจหายวาบ ไม่คิดว่าเขาจะรู้ว่าเธอเคยโทรหาคนที่แอบอ้างถึง หรือคุณตฤณจะเล่าให้เขาฟัง พิมพ์ณาราคิดไปเรื่อยเปื่อย

                “เพื่อนก็แค่”

                “พี่ไม่โกรธหรอกนะหากจะทำเช่นนั้น เพราะพี่คงไม่ปฏิเสธว่าส่วนหนึ่งคงมาจากตัวพี่ แต่อย่าทำแบบนี้อีก มันไม่ดี ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า น้องเพื่อนน่าจะรู้ความหมายดี”

                “……

                หญิงสาวนิ่งเงียบ เพราะที่เขาพูดนั้นก็มีส่วนถูก แต่เพราะความร้อนรุ่มใจทำให้เธอขาดสติ ถึงได้กระทำลงไปเช่นนั้น และเธอก็ไม่คิดไปถึงขั้นว่าผู้ชายจะมองไปในแง่ลบขนาดนั้น

                “เคยคิดบ้างมั้ยว่าคุณตฤณเขาจะมองยังไง ผู้ชายไม่ใช่ฝ่ายเสียหาย แต่เราเป็นผู้หญิงมีแต่เสียกับเสีย แล้วคุณตฤณเขาจะพานเข้าใจคนอื่นผิดเอาได้”

                “คนอื่นซึ่งก็หมายถึงแพงใช่มั้ยคะ”

                “เฮ้อ

                “ลึกๆ แล้วพี่ปราบต์ก็ยังห่วงเธอ ขนาดกลัวว่าคุณตฤณจะเกลียดเธอ”

                “พี่ก็ห่วงทั้งสองคนนั่นแหละ แต่ ณ เวลานี้ความห่วงอาจจะมาจากความรู้สึกคนละอย่าง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพี่ก็ต้องดูแลน้องเพื่อนอย่างดีที่สุดอยู่แล้ว”

                เขาทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยคำพูดกำกวม แล้วเดินหนีไป ปล่อยให้คนฟังยืนนิ่งเพราะกำลังครุ่นคิดกับถ้อยคำของเขา เขาห่วงเธอแบบไหนนั้น คือคำตอบที่อยากจะได้ยินออกมาจากปากของเขายิ่งนัก

                “แค่พูดใครจะเชื่อ การกระทำต้องควบคู่กันไปด้วย”

                หญิงสาวตะโกนไล่หลังตามไป เหมือนอีกฝ่ายจะได้ยินเพราะเธอเห็นเขาหันกลับมามองแต่ไม่พูดอะไร ก่อนจะเดินตรงไปยังบ้านพักคนงานเพื่อคุยเกี่ยวกับเรื่องคดีที่เพิ่งเกิดขึ้น  ยามนี้ยากจะเดาว่าเขาคิดอะไรอยู่ภายในใจ แต่สิ่งหนึ่งที่พิมพ์ณาราพอจะเดาออกคือ เขาทำเหมือนแสลงใจเมื่อมีการเอ่ยถึงพิมพ์มาดาขึ้นมา และพยายามหลีกเลี่ยงเสียทุกครั้ง

     

                เสียงรถที่แล่นเข้ามาจอดอยู่หน้าบ้าน ทำให้พิมพ์ณาราแง้มม่านออกไปมอง เพราะคิดว่าเป็นปฐพีที่อาจลืมเอกสารแล้วย้อนกลับมา แต่แล้วรถยนต์ที่ไม่คุ้นตา ก็ทำให้หญิงสาวต้องวางหนังสือเล่มโปรดในมือไว้บนโต๊ะ แล้วเดินออกไปหน้าบ้าน เพราะอาจเป็นแขกของปฐพีที่มาโดยไม่นัดแนะกันไว้ก่อน

                “อะ อ้าว สารวัตร”

                ชายหนุ่มที่ลงมาจากรถกลับไม่ใช่ใครอื่น เป็นสารวัตรแทนไทที่มาเยือนถึงหน้าบ้านโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว เขามาพร้อมรอยยิ้มกว้าง ก่อนทักทายราวสนิทสนมคุ้นเคยกันมานาน

                “สวัสดีครับ คุณพิมพ์”

                “สวัสดีค่ะสารวัตร เอ่อ นัดพี่ปราบต์ไว้เหรอคะ”

                “อ๋อ ไม่ได้นัดไว้ครับ พอดีผมว่าง ก็เลยแวะมาหาเบาะแสเพิ่มเติม”

                “อะ อ้าว เหรอคะ”

                หญิงสาวยิ้มเฝื่อน เมื่อคำพูดของปฐพีแว่วเข้ามาในหู เขาเคยบอกเอาไว้ว่าไม่ให้สารวัตรแทนไทเข้าใกล้ แล้วอีกฝ่ายกลับโผล่มาจริงๆ เช่นนี้ ครั้นจะไล่กลับไปก็กระไรอยู่ แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไป หญิงสาวคิดด้วยความว้าวุ่น

                “แล้วนี่คุณปฐพีไปไหนเหรอครับ ผมว่าจะแวะมาคุยเสียหน่อย”

                “ไปธุระค่ะ หากรอเกรงว่าจะนานน่ะค่ะ”

                “ถ้าอย่างนั้น คุณพิมพ์พอจะมีเวลามั้ยครับ เพราะผมว่าจะไปหาดูร่องรอยที่สวนเพิ่มเติม เลยอยากให้ไปด้วยกัน”

                “เอ่อ

                พิมพ์ณารายืนหันรีหันขวาง หวังที่จะให้คนงานไปกับเธอสักคน เพราะดูท่าแล้วจะปฏิเสธก็ใช่ที่ แต่วันนี้วันหยุดเธอเองก็ไม่อยากรบกวน เพราะเข้าใจว่าทุกคนก็อยากจะพักผ่อนกันให้เต็มที่กันทั้งนั้น

                “สะดวกมั้ยครับ”

                หญิงสาวละล้าละลัง แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นตำรวจ และขอความร่วมมือมาเช่นนี้ เธอเองในฐานะเจ้าของพื้นที่ จะปฏิเสธก็คงจะไม่เหมาะสักเท่าไหร่นัก

                “สารวัตรรอสักครู่นะคะ เพื่อนไปหยิบหมวกก่อน”

                หญิงสาวตกลงที่จะไปกับสารวัตรแทนไท ขณะคิดหวาดหวั่นอยู่ในใจ หากปฐพีรู้เข้าคงจะต้องโกรธที่เธอไม่เชื่อฟังแน่นอน แต่อีกใจหนึ่งเธอก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าเขาจะมีท่าทีอย่างไร หากได้รู้ว่าสารวัตรแวะมาจริงๆ

     

                บรรยากาศภายในสวนปาล์มวันนี้เงียบสงัดจนดูวังเวงพิลึก เนื่องจากไร้เงาของคนงานเพราะเป็นวันหยุด สารวัตรแทนไทเดินนำพิมพ์ณาราเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุ ขณะหญิงสาวเดินตามเข้าไปติดๆ ความเงียบงันทำให้เธอเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเสียดื้อๆ จนต้องเดินหันรีหันขวางเพราะความหวาดระแวง

                “กลัวเหรอครับ”

                หญิงสาวสะดุ้งจนสุดตัว เมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา

                “กะ กลัวค่ะ เงียบจังเลยนะคะ”

                “วันนี้วันหยุดพอดี ก็เลยเงียบหน่อย”

                “แต่ก่อนเพื่อนไม่กลัวนะคะ พอมีคนตายทำไมมันดูน่ากลัวขึ้นขนาดนี้ก็ไม่รู้”

                แทนไทจับจ้องดวงหน้าหวาน แลเห็นความหวาดวิตกฉายอยู่ในแววตาของเธอ ก่อนเขาจะส่งยิ้มอบอุ่นกลับมา

                “คุณพิมพ์ไม่ต้องกลัวนะครับ หากเกิดอะไรขึ้นผมจะดูแลคุณเอง”

                “สารวัตร

                 ถ้อยคำของเขาทำให้คนฟังถึงกับนิ่งอึ้ง รอยยิ้มและท่าทีของเขาทำราวกับว่าเธอคือคนรักก็ไม่ปาน ทั้งๆ ที่เขาเองอาจพูดออกมาโดยไม่คิดอะไร แต่เธอกลับรู้สึกแปลกๆ อยู่ในหัวใจ ความเป็นสุภาพบุรุษของชายหนุ่มตรงหน้า กำลังทำให้เธอมองเขาด้วยสายตาชื่นชม

                หากรอยยิ้มและคำพูดหวานหูเปลี่ยนเป็นมาจากปฐพีก็คงจะดี หญิงสาวคิดพลางหลุบตาลงต่ำ เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่จับจ้องใบหน้าของเธอโดยที่ไม่ยอมละสายตา

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×