ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Trust me,I'm lying! เชื่อสิ...ผมโกหก [YAOI , Boy's Love]

    ลำดับตอนที่ #2 : Trust me I'm lying! : ตอนที่ 1 : ประทับใจกว่านี้(ไม่ได้หรือไง)

    • อัปเดตล่าสุด 12 ต.ค. 56


    ตอนที่ 1 : ประทับใจกว่านี้(ไม่ได้หรือไง)

     

    วันนี้มันวันอะไร... ได้แต่ถามตัวเอง เพราะตั้งแต่ตื่นมาก็มีเรื่องให้ปวดหัวไม่เว้นชั่วโมง ตั้งแต่ไปซื้อไก่ย่างหน้าปากซอยแล้วมีนกลอยปล่อยอุนจิใส่บ่า ยันเดินเข้าบ้านแล้วสะดุดประตู ยังไม่นับว่ารถเฉี่ยวกับกองขยะที่ไม่มีคนเก็บอีก แล้วก็ย้อนกลับมาถามตัวเองอีกครั้ง....นี่มันวันอะไรของผมวะเนี่ย

     

    นี่ก็ใกล้เวลานัดแล้ว ให้ตายสิ กลับมาบ้านทั้งที ได้มีเวลาอยู่กับแม่แค่แป๊บเดียว ชีวิตดารานี่มันหยั่งไม่ถึงจริงๆ ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง

     

    “อ้าว จะไปแล้วเหรอน้องอิน วันนี้แม่ว่าจะทำขนมเทียนแก้วด้วยนะ อยู่กินกับแม่ก่อนสิลูก”

     

    นั่นไง... เรื่องซวยของผมโผล่มาอีกเรื่องแล้วสิ ขนมเทียนแก้วนั่นมันขนมโปรดของผมเลย กลิ่นของควันเทียนกับน้ำลอยดอกมะลิ แค่คิดก็น้ำลายไหลแล้ว โธ่...

     

    “ไม่ได้หรอกครับแม่นัดพี่จุ๊บแจงไว้แล้วน่ะสิครับ จะ 6 โมงแล้วด้วยสิ” ผมวางกระเป๋าไว้ใกล้กับโซฟาที่แม่นั่งก่อนจะนั่งลงตาม ขอกอดคนนุ่มๆคนนี้ก่อนไปหน่อยเถอะ

     

    “อ้าว เป็นอย่างนั้นไป ไหนบอกว่าวันนี้ไม่มีคิวแล้วล่ะลูก” แม่ถามไปพลางอ่านตำราขนมชาววังเล่มโปรดซึ่งผมไม่กล้าจับหรอกครับ เล่นแยกไม่ออกระหว่างเล่มนี้กับกระดาษปาปีรัสขนาดนั้น

     

    “ไม่มีงานหรอกครับแม่ แต่เหมือนพี่จุ๊บแจงบอกว่าจะมีเปลี่ยน...เอ่อ.. เปลี่ยนอะไรสักอย่างนี่แหละครับ แต่น้องอินเดินสะดุดประตูเสียก่อนเลยฟังไม่ถนัด แหะๆ” ว่าแล้วพลางซบหัวกับบ่าของแม่ มันอุ่นกว่าที่ไหนๆจริงๆ สำหรับผม

     

    “จริงๆเลย เราเนี่ย แล้วแม่จะวางใจให้น้องอินไปอยู่คอนโดคนเดียวได้ยังไงเนี่ย หืม? แม่ว่าเอาบอดี้การ์ดไปสัก 4-5 คนดีไหมครับ?” นั่นไง ความโอเวอร์ของคุณหญิงสายรักโผล่มาอีกแล้ว

     

    “โหย แม่ก็ น้องอินไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นน้า นี่ลูกใครครับ นี่ลูกใคร! ลูกคุณหญิงสายรักนะครับ น้องอินเก่งเหมือนแม่อยู่แล้ว” ไม่ได้อยากจะแกล้งแม่เลยสักนิด แต่ก็อดจะเอาปอยผมไปคลอเคลียกับลำคอแม่ไม่ได้ ฮึ่ย หมั่นเขี้ยว

     

    “ฮ่าๆ อย่าทำแม่ขำสิ แม่แก่แล้วนะ เดี๋ยวหายใจไม่ทัน อ้าว...ตายจริง น้ำลอยดอกมะลิคงได้ที่แล้วสิเนี่ย เดี๋ยวแช่ไว้นานดอกมะลิช้ำหมด มา มาให้แม่หอมก่อนเร็ว”

     

    แม่ใครเนี่ย น่ารักจริงๆ ทุกครั้งที่ผมออกจากบ้าน แม่จะหอมแก้มผม ซึ่งมันทำให้ผมอบอุ่นอยู่ตลอดเวลาที่อยู่ไกลแม่

     

    หลังจากหอมจนพอใจแล้วแม่จึงค่อยหยิบตำราชาววังของแม่ขึ้นมาดูต่อและตั้งท่าจะลุกขึ้น

     

                “น้องอินรักแม่นะครับ”

     

    “แม่ก็รักน้องอินครับ ไปลูก เดี๋ยวพี่จุ๊บแจงว่าเอา อ้าว...แจ้งไปไหนล่ะเนี่ย ทำไมไม่มาช่วยลูกถือของหืม?” แม่ถามถึงคุณลุงคนสวนรวมถึงคนขับรถประจำตระกูลซึ่ง ผมคิดว่าลุงเขาคงรักการเป็นคนสวนมากกว่า เพราะโดยเฉลี่ยแล้งลุงใช้เวลาในสวนมากกว่าการขับรถเป็นไหน

     

                “อ๋อ ลุงแจ้งคงอยู่ในสวนตามสไตล์ลุงแหละครับ แค่นี้น้องอินถือเองได้สบายมาก สวัสดีครับแม่”

     

                “จ้ะ ดูแลตัวเองดีๆนะลูก เอ้อ! เอาข้าวกล่องแม่ไปหรือยังครับ?”

     

                “เรียบร้อยแล้วครับผม!” ใครจะไปพลาดล่ะครับ เห็นแม่ผมอย่างนี้อาหารที่แม่ทำไม่มีใครปฏิเสธได้หรอกว่ามันอร่อยมาก ทั้งหน้าตาและรสชาติ หวังว่าจะได้กลับมากินที่บ้านในไม่ช้านะครับแม่...

               

                .

                .

                .

     

    ร้านอาหาร X

                “อินมาสักที พี่นัด 6 โมง นี่มันจะทุ่มหนึ่งแล้วนะลูก” พี่จุ๊บแจงสาวล่ำ ที่มีศักดิ์เป็นผู้จัดการส่วนตัวผมพูดเสียงเนือยๆ แต่ผมไม่มีสิทธิ์คัดค้านหรอกครับ ก็มันสายจริงๆ ส่วนสาเหตุนั้น ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิด

     

                “ขอโทษครับพี่จุ๊บแจง พอดีผมรีบมาจนเกือบไปเฉี่ยวกับมอเตอร์ไซค์เข้าน่ะสิครับ ดีที่ยังไม่โดน ผมเลยรีบมาก่อน แถมรถยังติดอีก”  ไอ้ปัญหาหลังไม่ใช่สาเหตุของความรู้สึกผิดหรอกครับ สาเหตุหลักเลยก็คือผมขับรถเกือบเฉี่ยวคนน่ะสิ

     

                ป่านนี้ไม่รู้มอเตอร์ไซค์คั้นนั้นจะเป็นยังไงบ้าง ถึงจะไม่เฉี่ยวแต่ก็ทำเขาเสียหลักไปเหมือนกัน ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิด ไม่น่ารีบขนาดนั้นเลยเรา

     

                “อะๆ ไม่ว่ากัน แล้วกินอะไรมายังเนี่ย พี่เลี้ยงเอาไหม?” หือ ดูแปลกๆแฮะพี่จุ๊บแจง ปกติต้องด่าซะผมนั่งไม่ติดเก้าอี้ แต่นี่ไม่ด่าแถมยังจะเลี้ยงอีก เอ... แปลกๆ แต่ช่างมันเถอะ

     

                “ไม่หรอกครับ แม่ห่อข้าวกล่องให้ผมแล้วล่ะ ว่าจะเอาไปกินที่คอนโดน่ะ”

     

                “โอ้โห อาหารคุณหญิง นึกแล้วก็อยากกินอีกครั้งจัง”

     

                “ว่างๆก็มาเที่ยวบ้านผมสิครับ” พี่จุ๊บแจงถึงจะเป็นคนปากจัดไปนิด แต่ก็เป็นคนตรงไปตรงมา แล้วก็ถือว่าพี่เขาดูแลผมได้ดีเหมือนพี่เหมือนน้อง ไม่ใช่แบบประจบเพื่อเงินเหมือนที่ผ่านๆมา

     

                “จ้า ถ้ามีโอกาสพี่ไม่พลาดแน่ ฮิฮิ เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า คือว่าพี่มีทริปจะไปเที่ยวที่ยุโรปสัก 3-4 เดือนน่ะ แล้วกะ...” เดี๋ยวนะ เดี๋ยว!

     

                “หา! อ้าว...แล้วอย่างนี้ใครจะดูแลคิวงานให้ผมล่ะพี่ แล้วก็...”

     

                “เดี๋ยวๆๆ! ฟังพี่จุ๊บแจงก่อนสิจ๊ะ พี่จะบอกว่าพี่ก็มีผู้จัดการส่วนตัวมาใหม่มาแทนเหมือนกัน”

     

                ผู้จัดการใหม่ โอ ไม่ ผมไม่อยากจะคิด เด็กชายอายุเพียงแค่ 18 ต้องเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวมาแล้วไม่ถ้วน เพราะอะไรน่ะหรือ เพียงแค่เพราะคุณหญิงบอกว่า ไม่ผ่านแต่ผมก็เห็นด้วยกับแม่ เพราะคนพวกนั้นหวังแค่เงินจริงๆ พี่จุ๊บแจงคือคนที่ 2 ที่ผ่าน แล้วคนต่อไปจะเป็นยังไง เดี๋ยวก็คงรู้...

     

                “แล้ว...เขาจะรู้งานได้ยังไงล่ะครับ พี่จุ๊บแจงบอกเองไม่ใช่หรือครับว่าคิวงานผมจัดยากที่สุดในหมวดเด็กของพี่ แล้วพี่ก็รู้ว่าแม่ผมเป๊ะขนาดไหน”

     

                “ไม่หรอกค่ะ น้องคนนี้พี่คอนเฟิร์มว่าประสิทธิภาพเด็มเปี่ยม แถมยังหนุ่มยังแน่นพี่ว่าน่าจะเป็นเพื่อนคุยให้อินได้แน่”

     

                ผมชักไม่มั่นใจว่าพี่แกคอนเฟิร์มจริงๆหรือว่าอยากไปเที่ยวทริปยุโรปของแกกันแน่ ก็ดูหน้าแกสิ เคลิ้มซะตาเอียงขึ้นฟ้าขนาดนั้น

     

                “แล้ว...เขาอยู่ไหนล่ะครับ?”

     

                “เอ...นั่นสิ พี่ก็นัดเขา 6 โมงเหมือนกันนะ สายยิ่งกว่าเราอีกนะเนี่ยอิน”

     

                “แล้วอย่างนี้จะดูแลผมได้แน่เหรอพี่ มาแค่นี้ยังมาสายเลย” ผมแกล้งถามแล้วเหล่เหมือนที่คนชอบถามจับผิดในหนังที่ผมเคยเล่น

     

                “แหม พูดเหมือนตัวเองมาไม่สายอย่างนั้นแหละเจ้าอินเอ๊ย” นั่น โดนแซวกลับซะแบบนี้ เรื่องแบบนี้อย่าไปสู้ผู้หญิงคนนี้เลยจริงๆ

     

                “โหยพี่จุ๊บ ก็นิดนึงน่า เหตุสุดวิสัยน่า ก็ไอ้รถมอเตอร์...”

                .

                .

                .

                .

                “ขอโทษนะครับ! พอดีมาสายไปนิด เผอิญว่ารถมอไซค์ผมโดนเฉี่ยวนิดหน่อย”

     

                “เฮ้ย! คุณ...”

     

                เชี่ยแล้วไง! จำได้ใช่ไหมครับที่ผมบอกว่าผมเกือบไปเฉี่ยวมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง แล้วมันก็ช่างบังเอิญอะไรขนาดนี้ ผมจำเสื้อยืดสีขาว กางเกงเล แบบเรกเก้นี้ได้ ชัดเลย...ผู้ชายคนนี้แหละที่ผมเฉี่ยว!

     

                “หือ มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

     

                สาธุ! อย่าจำผมได้เลยนะครับท่าน อินยังไม่อยากโดนยึดใบขับขี่นะ

     

                “เอ่อ... เปล่าครับ แหะๆ สวัสดีครับ คุณคือผู้จัดการคนใหม่ของผมหรือครับ?” แถไปเรื่อยนะตู แต่ก็เอาเถอะ ดูท่าเขาจะจำไม่ได้จริงๆแหะ

     

                “ใช่จ้ะ! นี่ก้องนะอิน ส่วนก้องนั่นก็อิน เอ่อ..พี่ว่าก้องคงรู้จักอยู่แล้วล่ะเนอะ”

     

                “หึ รู้จักสิครับ  น้องเขาดังเสียขนาดนี้”

     

                พูดจบนายคนนั้นก็เดินดุ่มๆ มานั่งข้างผมหน้าตาเฉย อยู่ใกล้แบบนี้รู้สึกได้เลยว่าผู้ชายคนนี้ตัวใหญ่กว่าผมเยอะมาก เห็นแล้วมันอิจฉา แต่ก็ยังเห็นหน้าไม่ชัดอยู่ดี เพราะบรรยากาศร้านอาหารที่ค่อนข้างตกแต่งและใช้ไฟสลัว

     

                “โอเค ทีนี้ก็ครบแล้วสินะ เซ็นสัญญากันเลยดีกว่า” ผมว่าผมดูไม่ผิดแน่ วันนี้พี่จุ๊บแจงดูอเลิร์ตจริงๆ แถมยังดูออร่าความสุขรอบตัว ซึ่งผมเคยเห็นแบบนี้ครั้งเดียวคือตอนได้เงินจากโฆษณาชิ้นแรกที่พี่แกทำงานร่วมกับผม ซึ่งพี่แกบอกว่าไม่คิดว่าเงินมันจะได้มาง่ายขนาดนี้ นึกแล้วก็ขำ

     

                “โห จะรีบไปไหนพี่ ให้คุณก้องเขาพักก่อนก็ได้ ไอ้ยุโรปมันไม่เดินหนีหรอกพี่

     

                “อะไรยะ พี่ไม่ได้จะรีบไปไหนสักหน่อย พี่ก็แค่นัดแฟนพี่ไว้อีกร้านนึง ก็เลยกลัวเขาจะรอ เอ่อ... จริงๆนะ เชื่อฉันสิอิน~

     

                “อ่ะๆ เชื่อก็ได้ เอามาเลยก็ได้ คุณก้องเขาคงอยากกลับจะแย่แล้ว”  รีบๆกลับไปเถอะพ่อคุณ เดี๋ยวถ้าเกิดเห็นรถผมแล้วจำขึ้นมาได้ล่ะก็...ซวย

     

                “ฮ่าๆ ไม่ต้องเป็นทางการขนาดนั้นก็ได้ เรียกพี่ว่าพี่ก้องก็ได้ครับคุณอิน

     

                “โหย พี่ก็เหมือนกันแหละ เรียกผมว่าอินเฉยๆก็ได้”

                แต่คิดไปคิดมา ถึงยังไงก็ต้องทำงานร่วมกันอีกตั้งหลายเดือน ถ้าเกิดพี่เขาจำรถได้จริงๆล่ะ โบกแท็กซี่กลับไปเอารถอีกคันดีกว่าไหมตู  แต่ถ้าทำแบบนั้นมันก็เท่ากับหนีความผิด แม่บอกว่าถ้าเราทำผิดก็ต้องรับผิด.... เอาวะอิน ถ้าเขาจำได้เราก็ต้องรับผิดชอบสิ

                .

                .

     

                “โอเค คราวนี้ก้องก็เป็นผู้จัดการส่วนตัวของอินเต็มรูปแบบแล้วนะจ๊ะ”

     

                เพิ่งเห็นพี่ก้องชัดๆก็คราวนี้แหละ หน้าขาวจั๊วะอย่างกับฝรั่ง โครงหน้านั่นยิ่งเหมือนดาราฝรั่ง จมูกก็โด่งซะจนไม่กล้ายืนอยู่ใกล้ ติดอยู่ที่หนวดเคราที่ไม่รู้จักโกนนั่นแหละ น่ากลัวอย่างกับโจร ถ้าเขารู้ว่ารถผมไปเฉี่ยวเขาแล้วผมจะตายไหมเนี่ย

     

                “แหม ดูลั้นลาจังเลยนะพี่จุ๊บ”

     

                “ก็พี่บอกแล้วไงจ๊ะว่านัดแฟนไว้ เดี๋ยวมันฟาดก้านคอเอา พี่ไปล่ะ โชคดีนะจ๊ะจุ๊บๆ”

                .

                .

                .

     

                และแล้วโต๊ะนี้ก็มีเหลือแค่ผมกับพี่ก้องแค่สองคน.... อะไรจะกดดันขนาดนี้ โอ้ย อินเอ๊ย แล้วนี่จะต้องอยู่ไปตลอด 4 เดือนเนี่ยนะ

     

     

                “เอ่อ พี่ก้อง ผมว่าผมจะกลับแล้วล่ะแล้วพี่..?”

     

                “พี่ก็ว่าจะกลับเหมือนกันครับ แต่...รถมอไซค์พี่เนี่ยสิ มันพังไปแล้วน่ะ อีกอย่าง พี่ก็ไม่มีบ้านด้วย

     

                “หา! หมายความว่าไงพี่?”

     

                “ปกติพี่อยู่หอน่ะ แต่เผอิญเดือนนี้เงินมันหมุนไม่ทันน่ะ แหะๆ” อย่าหัวเราะแหะๆ แบบนั้นเลยครับพี่ มันไม่เหมาะกับหน้าโหดๆของพี่หรอก

     

                “เอ่อ... งั้นเดี๋ยวผมให้ยืมก่อนก็ได้นะ เอาเท่าไหร่ครับพี่?”

     

                “ไม่ต้องหรอกครับลำบากเปล่าๆ”

                พูดกันเดินไปเรื่อยๆก็มาถึงหน้าร้านอาหารนี้แล้ว ดีที่พี่จุ๊บแจงเลี้ยงจริง ไม่งั้นคงมีพนักงานมาขวางให้หน้าแตกแน่

     

                “อ้าวแล้วจะทำไงล่ะพี่”

     

                “พี่ขอไปอยู่กับน้องอินคืนนึงดิ

     

                “เฮ้ย! จะบ้าเหรอพี่ เอ่อ....”

                .

                .

                .

                .

                “หรือจะให้พี่บอกตำรวจเรื่องรถล่ะครับ” รอยยิ้นซาตานผุดขึ้นมาท่ามกลางหนวดเคราของคนตรงหน้าผม มันดูหล่อ...ไม่! นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ

     

     

    ซวยอีกแล้วไงตู...



    -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- --



    มุมคุยกันสักนิด
    มาต่อตอนที่ 1 แล้วเนอะ ไม่รู้ว่ายาวเกินไปหรือสั้นเกินไป หรือยังไง(?) 555+ น้องอินซวยแล้วสิ เอาใจช่วยน้องอินกันมั้ยยยย ?

     


     

               

               

    Minor!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×