ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    my soulmate.. เนื้อคู่ หรือคนรู้ใจ

    ลำดับตอนที่ #3 : chapter 3

    • อัปเดตล่าสุด 28 เม.ย. 54



       CHaPteR 3


    “เฮ้อ เหนื่อยเป็นบ้าเลยแก กะอีแค่ครูคนเดียวเนี่ย” ก้อย ทิ้งกระเป๋าลงบนโซฟาสีแดงตัวยาว ก่อนจะทิ้งตัวลงตาม

    “แกไปถึงไหนวะเนี่ย” เพลง ที่กำลังง่วนกับการแชท ก็หันมามองหน้าเพื่อนรัก

    “บริษัทพี่กาย”

    “โห แล้วเจอสักคนไหมล่ะ”

    “ไม่อ่ะ”

    “ฮ่าๆ เอาไว้แกค่อยไปงานคอนเสิร์ตก็ได้นี่นา อีกสองอาทิตย์เอง ไปสอยไอ้พวกที่เสียงดีตกเวทีก็น่าจะโอเคอยู่นะ” เพลงเสนอ

    “เออ จริงด้วยแฮะ วันนี้ฉันไปฟังวงดนตรีวงหนึ่งมา ร้องเพลงดีมากเลยแก”

    “แล้วยังไง ได้ขอเบอร์ติดต่อมาไหม”

    “โห แค่หน้า ฉันยังไม่อยากมองเลย หน้าโหดยังกับหมา หือ คนอะไรก็ไม่รู้ ยิ้มนิดเดียวก็ไม่ได้” เพลง พอจะนึกออกว่าคงหมายถึง คนเสียงดีที่ไม่มีรอยยิ้มให้ใครทั้งสิ้น

    “เอาน่า แกก็ไปหาคนอื่นเอาสิวะ”

    “ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นนั่นแหละแก” วันธรรมดาผ่านไปอย่างน่าเบื่อ เพลงก็จมปรักอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ยังดีที่ยังมีใจช่วย ประกาศหาครูตามเว็บต่างๆให้ ส่วนก้อยที่ดูท่าทีไม่มีหวังกับครูหน้าโหดที่เจอวันนี้ ก็ดูกระวนกระวายจัดที่ไม่ได้เขามาเป็นครู

    RRRRRRRRRR

    “ก้อยพูดสายค่ะ”

    “เราเอง ต้น”

    “อ้อ ต้น มีอะไรหรือ”

    “คนที่เธอไปเจอมาวันนี้ เป็นเพื่อนฉัน”

    “ไอ้หน้าโหดนั่นน่ะนะ”

    “ชื่อวายุ เพื่อนเก่าฉันเอง”

    “เออ นั่นแหละๆ แล้วยังไง”

    “มันบอกว่ามันมีวงรุ่นน้องอยู่วงหนึ่ง นักร้องก็ร้องเพลงเพราะดีนะ”

    “ใครอีกล่ะ”

    “น้องชายแท้ๆของมัน”

    “โอ้โห กะจะเอาทั้งพี่ทั้งน้องเลยรึไงเนี่ย”

    “คงงั้นแหละมั้ง แกสนใจมั้ยล่ะ”

    “เอามาดูก่อนก็ได้”

    “เออ งั้น ฉันจะไอ้วามันนัดให้ เดี๋ยวฉันโทรฯหาแกอีกที”

    “เออ ขอบใจนะ” ทั้งสองตัดบทสนทนาลงสั้นๆ เพลงเอ่ยถามว่าใครโทรฯมา ก้อยเล่าให้ฟังเรื่องน้องของวายุ และเตรียมตัวนัดกันมาพูดคุยก่อน เพลงพยักหน้าเห็นด้วย ไม่นานนักต้นก็โทรฯเข้ามาบอกสถานที่นัดแนะ ก่อนที่ทั้งสามจะเข้าสู่ราตรี

    อากาศด้านนอกดูครึ้มฟ้าครึ้มฝน วายุบอกอัคคี น้องชายของตนว่าให้เตรียมร่มไปด้วย เวลากลับให้กลับเอง เพราะวันนี้พี่ชายมีซ้อม ถ้าไม่อยากกลับเอง ให้ไปหาที่ห้องซ้อมที่บริษัท Peak Load น้องชายกับพี่ชายแยกจากกันตรงนั้น อัคคี หรือที่เพื่อนมักเรียกว่าคีย์ เป็นผู้ชายอารมณ์ดี สนุกสนาน ต่างกันจากพี่ชายเป็นอย่างมาก พี่ของเขาไม่ค่อยชอบสังคมมากนัก เขาก็มักจะถูกพ่อกับแม่บังคับให้ออกงานแทนพี่อยู่บ่อยๆ เลยกลายเป็นหนุ่มน้อยที่ใครๆก็รู้จัก และเป็นที่ชื่นชอบ ด้วยทั้งบุคลิกและหน้าตาที่เกลี้ยงเกลา ดูเหมือนเด็กน้อยที่น่ารักเสมอๆ วันนี้อัคคี เตรียมตัวโตเป็นผู้ใหญ่ เพราะต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้นถ้าเกิดรับงานนี้แล้ว เขานัดไปเจอกับต้น ก้อย และเพลง ที่ร้านกาแฟร้านเล็กของเพื่อน ที่อยู่ไม่ไกลนักจากบริษัทที่พี่ชายไป แค่นั่งรถโดยสาร 30 นาทีก็ถึง ถ้ารถไม่ติด เขาออกจากบ้านมา กะว่ามาคุยงานกับเขา ก็ต้องมาถึงก่อนเขาสักเล็กน้อย เขามาถึงร้านกาแฟร้านเล็ก เดินเข้าไปหาเพื่อนตัวป่วนที่สนิทกันพอตัว เพื่อนรักนำทางเข้าไปยังห้องที่อยู่หลังร้าน ในห้องนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก มีโซฟาตัวยาวหนึ่งตัว เก้าอี้ทรงกลมหนึ่งตัว กับโทรทัศน์เครื่องเสียง ที่เอาไว้เปิดในร้านให้รู้สึกผ่อนคลาย เขาหย่อนก้นลงบนโซฟา ก่อนที่เพื่อนรักจะเดินออกไป หายไปสัก 3 นาทีก็กลับเข้ามาพร้อมแก้วน้ำในมือ

    “นี่มอคค่าเย็น ร้านข้าทำอร่อยมาก ลองชิมดู” เพื่อนหนุ่มเดินออกไปไม่กวน เพราะก่อนจะมาที่นี่ อัคคีได้โทรฯมาบอกไว้ก่อนแล้วว่ามีนัด เพื่อนหนุ่มจึงไม่อยากอยู่กวน ไม่นานคนที่นัดก็เข้ามาถึงในร้าน เดินมาถามพนักงานขายของหาเจ้าตัวคนนัด ก่อนที่สาวน้อยร่างเล็กจะเดินนำเข้าไป

    “เชิญค่ะ” เธอเปิดประตูรับแขก ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เพื่อนหนุ่มของเขาเห็นดังนั้นจึงเดินออกไปจากห้องนั้นทันที

    “สวัสดีครับ เชิญนั่งได้ตามสบายเลยครับ” อัคคีลุกเชิญทุกคนให้นั่ง เพราะเป็นมารยาททางสังคม

    “ค่ะ”

    “ดื่มอะไรกันก่อนไหมครับ”

    “ไม่ล่ะค่ะ คุณคือ...”

    “อัคคีครับ คุณคงรู้จักพี่ชายผม”

    “ฉันไม่รู้จักเขาหรอกค่ะ เพื่อนฉันคนนี้ต่างหากที่รู้จัก” ก้อย ชี้มือมาทางต้น ก่อนที่อัคคีจะหัวเราะเบาๆ

    “ขำอะไรหรือคะ”

    “ให้ผมเดา คุณคงเคยเจอกับพี่ชายผมแล้วแน่ๆ ใช่ไหมครับ”

    “ค่ะ มันก็ใช่”

    “แล้วคุณก็คงเจอสิ่งที่ผมเองยังไม่ชอบใช่มั้ยครับ” อัคคี พูดพลางยิ้มกว้าง

    “ที่เขาไม่ยิ้มน่ะหรอคะ”

    “ครับ”

    “เขาเป็นกับคุณด้วยหรอ”

    “อย่าเรียกคุณเลยครับ จริงๆแล้วเขาเป็นกับทุกคนแหละฮะ เรียกผมว่าคีย์นะครับ”

    “ค่ะ นี่ต้น ฉันก้อย นี่เพลง” อัคคีพยักหน้ารับเบาๆ

    “พี่กับน้องไม่เห็นเหมือนกันเลย น้องน่ารักกว่าตั้งเยอะ” ก้อย พูดพลางทำหน้าเซ็ง

    “อย่าถือสาเลยฮะ” ทั้งสามพูดคุยกันอยู่ร่วมๆชั่วโมง ก้อยลองให้หนุ่มน้อยที่อายดูท่าจะน้อยกว่า ร้องเพลงให้ฟัง

    “เพราะมากเลย ก้อย ฉันว่าเราได้ครูแล้วล่ะ” อัคคีรู้สึกเขินที่ถูกชม เขายกมือขึ้นเกาหัวตัวเองเบาๆ

    “น่ารักจริงๆเลยนะ น้องคีย์เนี่ย ว่าแต่คีย์อายุเท่าไหร่แน่เนี่ย” หนุ่มน้อยทำท่านึกคิดไม่นาน

    “อีก 2 เดือนก็ 16 ครับ”

    “ไม่ค่อยห่างกับฉันเท่าไหร่นี่นา พี่อีก 5 เดือนก็ 18 แล้ว” ทั้งสามนั่งพูดคุยกันเรื่องเวลา สุดท้าย พวกเขาก็ได้ครู ที่ดูออกจะน่ารักมาช่วยสอนในชมรมให้ แน่นอนว่ารุ่นน้องคงอยากเข้าชมรมนี้กันใจขาด

    ฝนเม็ดเล็กร่วงหล่นลงมาช้าๆ จนเริ่มหนักขึ้นเป็นฝนเม็ดอย่างใหญ่ ต้นกำลังจะกลับบ้านพอดี วันนี้เขามีงานต้องจัดการให้เสร็จ เพลงก็จะกลับไปหาพ่อกับแม่สักหน่อย ไม่ได้เจอท่านมานานนักแล้ว เว้นแต่ก้อย ที่ดูจะไม่มีที่ไป เห็นว่าคิดถึงพี่ชายรูปหล่อ กะว่าจะเข้าไปประจบ ชวนไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดสักหน่อย เพราะช่วงนี้เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์

    “งั้นโชคดีนะพวกแก” ทั้งสามแยกกันหน้าร้านกาแฟร้านเล็ก

    “แล้วเราจะไปไหนต่อ” ก้อย เอ่ยถามคนตัวสูงที่อายุต่ำ

    “ไปหาพี่วาครับ ที่บริษัท Peak Load

    “จริงหรอ พี่ไปด้วยคนสิ จะไปหาพี่ชาย” อัคคีฉีกยิ้มกว้าง ในใจคิดอยู่อย่างเดียวคือ ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้านี่ช่างน่ารักเสียเหลือเกิน เขาล่ะชอบผู้หญิงที่ดูเป็นผู้ใหญ่ เป็นการเป็นงานเป็นที่สุด และตอนนี้ เขาก็แอบชอบพี่สาวที่ชื่อก้อยคนนี้เสียแล้ว

    “ครับ ไปด้วยกันเลยดีกว่า อ้อ ผมมีร่มครับ เดี๋ยวเดินไปฟากนู้นแล้วหารถแล้วกันครับ” อัคคีหยิบร่มคันเล็กออกมาจากกระเป๋าที่ติดตัวมาด้วย

    “เธอรีบรึเปล่าล่ะ อัคคี”

    “ไม่เลยฮะ ผมไม่รีบหรอกครับ” อัคคีฉีกยิ้มหวานส่งให้สาวร่างเล็กตรงหน้า

    “อย่างงั้น เราเดินไปกันดีไหม พี่รู้ทางลัดอยู่นะ ไม่นานหรอก แค่ 10 นาทีเท่านั้น แต่ซอยมันเล็กเปลี่ยว”

    “มันเปลี่ยว แล้วจะไปทำไมเล่าครับ พี่ก้อยนี่ก็”

    “พี่ไปกับผู้ชายตัวสูง ไม่กลัวหรอก ใครจะกล้า” ก้อย หันมายิ้มให้อัคคี

    “ตกลงครับ ไปทางนั้นก็ได้” ทั้งสองเดินมาเรื่อยๆ อัคคีดูเหมือนจะเปียกฝนเยอะหน่อย เพราะเขาต้องดูแลผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงคนนี้ เขายิ่งต้องดูแลเป็นพิเศษ

    “เดี๋ยวเดินไปทางซ้ายอีกหน่อย ก็ถึงแล้วล่ะ” ก้อย พาอัคคีเดินเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งสองพูดกันมาตลอดทาง ด้วยอัคคีก็สังคม ก้อยเองก็พูดเก่ง ฉะฉาน จึงทำให้ทั้งสองเข้ากันได้ดี

    ไม่นานทั้งสองก็มากันจนถึงหน้าบริษัทใหญ่ อัคคีหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมายกมันให้พี่สาวข้างๆดู

    “อะไร”

    “เราเดินมาถึงนี่แค่ 40 นาทีกว่าๆเอง”

    “ฮ่าๆๆ ครั้งหน้าเอาอีกไหมล่ะ” ก้อย พาอัคคีเข้ามาที่ที่ทำงานของพี่ชายก่อน เพราะอัคคีตอนนี้ไม่ใช่อัคคีแล้ว กลายเป็นสายธารไปแล้ว ตัวเขาเปียกอย่างกับพึ่งอาบน้ำเสร็จ ผิดกับก้อย ที่ยังดูแห้งไม่มีตรงไหนเปียกนอกจากรองเท้าผ้าใบคู่โปรด

    “ไปอาบน้ำ นี่ผ้า เดี๋ยวพี่หาชุดพี่ชายพี่ให้ ไปเร็ว” อาจเพราะระยะทางการเดินทางที่ช่างไกลแสนไกล ทำให้ทั้งสองสนิทสนมกันอย่างมาก ก้อยรื้อค้นหาเสื้อของกาย เดินไปเจอล็อคเกอร์ด้านหลังของพนักงาน โชคดีเจอพี่ที่เจอวันนั้นพอดี

    “พี่คะ ตู้ไหนของพี่กายคะ”

    “อ้าว น้อง คุณกายออกไปแล้วนะ น้องจะเอาอะไร”

    “หาชุดเพื่อนใส่ เขาเปียกฝนมา”

    “งั้นเอาชุดของพวกนักร้องไปก่อนได้ไหม เขาไม่เอาแล้ว”

    “ได้หรือคะ” เพราะกายดูแลนักร้องดังๆหลายวงที่เกิดจากเวทีของที่นี่ ชุดของนักร้องจึงมีมากในห้องแต่งตัว ก้อยเดินถือเสื้อยืดที่คุ้นตา เหมือนเคยเห็นใน MV ตัวใดตัวหนึ่ง พร้อมกับกางเกงยีนส์ขาสั้นตัดขา พร้อมกับรองเท้าฟองน้ำ ที่เจอข้างๆตู้เสื้อผ้า

    “เสร็จรึยัง” ก้อย เคาะประตูเรียกคนที่อยู่ด้านใน

    “ครับๆ ได้เสื้อรึยังล่ะครับ”

    “ได้แล้วได้แล้ว มาเอาเองละกัน” ก้อยเดินถือชุดไปวางไว้บนเก้าอี้ในห้องทำงานของพี่ชาย ไม่นานนัก หนุ่มน้อยน่ารักก็เดินออกมาหยิบเสื้อและกางเกง ก้อยที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ก็ต้องอึ้ง เพราะไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ ผ้าขนหนูสีขาวขัดกับสีผิวที่ดูจะชมพูเป็นพิเศษ กล้ามหน้าท้องลูกเล็กๆแต่ดูดี กล้ามแขนเล็กๆ ทำเข้ากับตัวเจ้าของอย่างมาก

    “เล่นกล้ามด้วยรอ”

    “ฮะ พี่วาก็เล่น สวยกว่านี้อีก เขาบอกว่าออกกำลังกายให้ปอดขยาย จะได้ร้องเพลงเพราะ”

    “อือ แต่พี่ไม่พิศวาส อยากดูของนายบ้านั่นหรอก” ก้อยวางหนังสือลง เดินออกจากห้องไป ผ่านไป 2-3 นาที อัคคี ก็เดินออกมา ก้อยรู้สึกภูมิใจมากที่เลือกชุดนี้ให้เขา ก็เสื้อยืดสีขาวเขียนว่า –ผมรัก Peak Load- มันแนบเข้ากันกับกล้ามหน้าท้องลูกเล็กได้พอดี กางเกงยีนส์ขาสั้นก็ทำให้ขายาวดูสวยขึ้น อะไรมันจะเท่ห์ปานนี้ เสียอยู่อย่าง แค่อีแตะหนีบสองข้าง ทำให้ก้อยเบือนหน้าหนี โอ้ว ฉันทำอะไรลงไป

    “เป็นไงบ้างครับ พี่ผมจะว่าว่าผมเป็นเกย์รึเปล่านี่”

    “ถ้าพี่นายว่า บอกฉันมา ฉันจะจัดการเองเลย ฮ่าๆ” ก้อยเดินไปส่งเด็กนุ่มที่ตึกซ้อม

    “ขอบใจมากนะ ที่มาเป็นครูให้ มีอะไรสงสัยก็โทรฯมาล่ะ”

    “ฮะ พี่ก้อย ผมก็ต้องขอบคุณพี่ ที่ช่วยทำให้ผมได้พิสูจน์ว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น” ทั้งคู่ส่งยิ้มให้กันก่อนจะแยกย้าย ก้อยผิดหวังที่พี่ชายไม่อยู่ เธอไม่ได้ไปหาพ่อแม่บ้างเลย

    เธอนั่งเล่นอะไรเพลินๆ หาเพลงเพราะๆฟัง หาคลิปนักร้องเด็ดๆดู จนฝนหยุดตก เธอลาพี่ๆที่อยู่ในสตูดิโอ ทุกคนเริ่มรู้จักเธอมากขึ้น ไม่มีใครนัก ที่กล้ามาเล่นกับน้องของหัวหน้า หัวหน้าบ่นออกบ่อยว่าหวงน้องสาว แต่ไม่ใช่พี่แท้ๆเลยไม่มีสิทธิ์มากนัก ก้อยนั่งรถแท็กซี่ มาจนถึงหอพักนักศึกษาที่เธอพักอยู่ วันนี้เธอรู้สึกเหนื่อยอ่อนไปหมด กว่าเพลงจะกลับมาก็คงจะดึก เพราะพ่อกับแม่เธออยู่แถบๆรังสิตนู่น ไม่นานนักเธอก็เผลอหลับไป

    .

    .

    “แม่หนู แม่หนูเชื่อฉันสิ เนื้อคู่ของแม่หนู มีสระสองตัวในชื่อ ลองหาดูนะแม่หนู”

    ก้อย สะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก เธอมองดูเวลาที่นาฬิกา ตอนนี้พึ่งจะสามทุ่ม เธอโทรฯหาเพลงเพื่อถามหา

    “แกอยู่ไหนเนี่ย เพลง”

    “อีกสิบนาทีเจอกัน ก้อย ฉันซื้อของกินมาเพียบเลย”

    “เออ รีบมานะ” ก้อย วางสายจากเพลงไป เธอยกแขนขึ้นปาดเหงื่อบนหน้า อะไรกัน ฝนพึ่งตก ทำไมอากาศร้อนอย่างนี้ ก้อยเดินไปเดินมาทบทวนความคิดความฝัน ไม่น่า อาจแค่ฝันกลางวันธรรมดาๆ อย่าคิดเป็นตุเป็นตะไปน่า

    “ฮัลโหล มีใครอยู่มั้ยจ๊ะ” เสียงที่ฟังดูอาจจะเปลี่ยนไปเล็กๆ ของนายต้น มาพร้อมกับเจ้าของเสียงที่เดินมาพร้อมขนมมากมาย

    “ทำไมเสียงเป็นอย่างนี้ล่ะแก”

    “ตากฝน เป็นหวัด พอดีตอนกลับบ้าน ไม่มีคนมารับ เดินเข้าไปแล้วฝนมันตก เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ”

    “งานล่ะ เสร็จแล้วหรอยะ” ก้อย เอ่ยถามเสียงใส

    “เสร็จแล้ว โชคดีที่ทำไว้ตั้งแต่เมื่อสองสามวันก่อนแล้ว” ทั้งสองพูดคุยกันตามประสาเพื่อน ไม่นาน เพลงก็กลับมาจากไปเยี่ยมพ่อกับแม่ เธอถือของเข้ามาเยอะแยะ ทั้งถุงเสื้อผ้า และข้าวของเครื่องใช้สารพัดอย่าง ไม่เว้นแม้กระทั่งรองเท้า ที่ตอนนี้เธอมีอยู่มากกว่าถุงเท้าในตู้เสียอีก มีถุงกับข้าวถุงใหญ่อยู่ 3 ถุง มีพะโล้หมู ผัดพริกหวาน และแกงส้มชะอม ข้าวสวยถูกเทออกมาจากถุงพลาสติกใส ลงบนจานกระเบื้องสีขาวลายดอกไม้กะจุ๋มกะจิ๋ม ทั้งสามนั่งทานข้าวด้วยกัน หลังจากทานเสร็จ ก้อยอาสาเก็บโต๊ะล้างจานแทนเพลง เพราะเห็นว่าค่ากับข้าวนั้นเพลงจ่ายไปแล้ว ต้นขอช่วยอีกแรง

    “นี่ แกคิดว่าชมรมฉันจะเป็นยังไงบ้างวะ” ก้อยเอ่ยถาม ยิ้มระรื่น

    “ก็คงออกมาได้สวย แต่ กล้าพูดนะ ว่าชมรมแก ชมรมแกกับฉัน และเพลงต่างหาก ชมรมของเรา” ทั้งสองยืนล้างจานไปเรื่อย ทั้งคู่ตกอยู่ในความเงียบ เพลงเดินมาหาทั้งสองหน้าบาน ก่อนจะหยิบแผ่นการ์ดแผ่นเล็กออกมา นั่นคือบัตรประชาชนของต้น

    “ฮ่าๆ ต้น หน้าแกตลกชะมัดเลยว่ะ นายวีรภาพ วงศ์เดช กรุ๊ปเลือด โอ” ต้น วิ่งไล่เพลงเพื่อจะเอาสิ่งในมือเพลงคืนมา เขาเขินจนหน้าแดง ก้อยหัวเราะเบาๆในลำคอ ก่อนจะล้างจานต่อพลางนึกไป วีรภาพ – เนื้อคู่แม่หนู ชื่อของเขามีสระสองตัวเท่านั้น- วีรภาพ สระ สอง ตัว หรือว่า...

    “ก้อย ก้อย” ก้อยที่ล้างจานอยู่สะดุ้ง ฟองความคิดบนหัวแตกกระจาย จานกระเบื้องในมือร่วงลงสู่พื้น จนแตกออกทันที

    “เห้ย ฉันขอโทษ เดี๋ยวฉันเก็บเอง” ก้อย ทรุดตัวลงนั่งเก็บเศษจาน ต้นที่ยืนมองอยู่ก็รีบลงมาช่วยเก็บทันที

    “มา เดี๋ยวฉันทำให้” ต้นยิ้มหวาน ก้อยเงยหน้ามองเพื่อนหนุ่มตรงหน้า จนทำให้จานในมือของเธอพลาดบาดเข้าให้ เลือดไหลเป็นทาง เธอไม่ร้องอะไร รู้แค่ว่า ไม่เคยจ้องหน้าใครแล้วใจเต้นขนาดนี้มาก่อนในชีวิต หรือว่าต้น ที่เป็นเนื้อคู่เธอ ไม่น่า เธอคงจะเพ้อ

    “นี่ ก้อย เป็นอะไรของแก เจ็บแผลรึเปล่า ตอนราดแอลกอฮอล์ แกไม่รู้สึกอะไรเลยหรอวะ” เพลงเอ่ยถามเพื่อนสาวที่ยังนั่งนิ่ง

    “ไม่” ก้อยลุกไป หน้าเธอแดงก่ำ ต้นเป็นห่วงจึงตามเข้าไปดู

    “เป็นอะไรของแก ก้อย”

    “เปล่านี่นา นายล่ะ เข้ามาในห้องฉันทำไม”

    “แกเมาอะไรวะ ช็อกเพราะเห็นเลือดรึไงเนี่ย”    

    “เปล่า” ก้อยก้มหน้าหนี เธอโกรธตัวเองที่ใจเต้นเพราะเพื่อนของเธอ

    “เออ งั้นฉันกลับแล้วนะ อีก 2 วันเจอกัน” ก้อยโบกมือลาไอ้ผู้ชายตรงหน้า ที่เธอพึ่งรู้สึกว่าเขาน่ารัก เพราะหนึ่ง เขาดูอบอุ่นเหลือเกิน สอง เขาทำให้เธอใจเต้นแรง และสาม เขาตรงกับแบบเนื้อคู่ของเธอ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×