ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    F o o l [Kyuhyun x Seohyun & Yonghwa x Juniel]

    ลำดับตอนที่ #3 : 02. YongJune : วันธรรมดา By USER00l

    • อัปเดตล่าสุด 12 เม.ย. 56


    02. YongJune

     

    วันธรรมดา

     

     

    อ็อกซิเจนที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ ถ้าไม่ลองขาดดูสักทีก็คงไม่รู้ว่ามีความสำคัญ

     

     

     

    “จุนฮี ยัยเด็กขี้เซา”

     

    “ตื่นได้แล้ว จุนฮี”  

     

    “ได้ยินมั้ย? จุนฮี จุนฮี”

     

     จุนฮีถูกปลุกให้ตื่นจากฝันกลางวันด้วยเสียงทุ้มห้าวอันคุ้นเคย เสียงที่เธอยังไม่อยากได้ยินนักในเวลานี้ หัวคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันจนยุ่งเมื่อถูกรบกวน เปลือกบาง ๆ กลับหนักอึ้งจนไม่อยากเปิดขึ้นมองใคร แต่ก็นั่นแหละเธอทนเสียงรบเร้าและการถูกเขย่าไม่ไหว ต้องลุกขึ้นมาโวยคนก่อกวนเสียบ้าง

     

    “โอ๊ย อะไรนักหนาเนี่ย” จุนฮีดันตัวขึ้นจากโซฟาที่ใช้แทนเตียงนอน ขยี้ตาอย่างงัวเงียและหงุดหงิด ผมยาวยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ภาพนั้นกระตุกต่อมฮาของคนมองจนต้องระเบิดหัวเราะลั่นโถงรับแขก ซ้ำยังกดฝ่ามือหนัก ๆ ลงมาขยี้กลุ่มผมนุ่มนั้นให้ยิ่งยุ่งเข้าไปใหญ่ ทวีความขุ่นเคืองให้จุนฮีเป็นกำลัง คว้าอะไรใกล้ตัวได้ก็ก็ปาใส่คนตรงหน้าไม่ยั้ง ทั้งหมอนทั้งสมุด จนเกือบจะปาแจกันใส่อีกฝ่ายไปแล้ว หากไม่ถูกมือหนานั้นหยุดไว้ก่อน

     

    “ใจเย็น ๆ จุนฮี อย่าเพิ่งคลั่ง” แม้แต่ตอนห้ามเสียงทุ้มนั้นยังกลั้วหัวเราะ

     

    ยงฮวาคว้าข้อมือของจุนฮีไว้ทั้งสองข้างจนแน่นพอที่จะมั่นใจได้ว่าเธอจะไม่ปาข้าวของใส่เขาอีก จากนั้นจึงหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นจุนฮีทำตัวน่ารักและว่าง่ายเสมอแต่พออยู่กับเขาเพียงสองคนเมื่อไหร่ความน่ารักที่ว่านั่นก็อันตระธารหายไปในทันที ก็แปลกดีเหมือนกัน

     

    “ปล่อยได้แล้ว เจ็บ” จุนฮีสะบัดข้อมือจนพ้นจากพันธนาการของยงฮวา ชายหนุ่มยอมปล่อยแต่โดยดี

     

    “ปล่อยแล้ว ๆ” ยงฮวายกมือทั้งสองข้างขึ้นในระดับไหล่เพื่อบอกว่าเขายอมยุติสงครามเล็ก ๆ นี้แล้ว คนอ่อนกว่าชำเลืองมองด้วยดวงตาขุ่นขวางก่อนจัดทรงผมของตนให้ดูดีขึ้นมาหน่อย เอ่ยถามยงฮวาเสียงห้วน

     

    “มาทำไม”

     

    “มาชวนไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน”

     

    “ไปทำไมอีก ไม่เอาแล้ว” สะบัดหน้าหนีเขาอย่างขึ้งโกรธ  สาเหตุที่เธอหนีกลับมานอนกลางวันที่บ้านแทนที่จะขลุกอยู่ในสตูดิโอชั้นใต้ดินของเขาก็มาจากเจ้าตัวเองนั่นแหละ แกล้งแหย่จนเธอหัวเสียหมดอารมณ์เสวนาด้วย

     

    “เป็นเด็กขี้งอนตั้งแต่เมื่อไหร่ฮะเราน่ะ” ยงฮวาดูเหมือนไม่สำนึกผิด มือข้างหนึ่งยังยื่นมากดศีรษะจุนฮีอย่างหยอกล้อ แทนที่จะหายโกรธจะยิ่งโมโหหนักกว่าเดิม จุนฮีเม้มปากแล้วปัดมือเขาออกจากศีรษะแรง ๆ

     

    “ยังจะมาพูดดีอีก” จุนฮีเหลือบมองยงฮวาด้วยหางตาก่อนยื่นมือไปหยิบแก้วโกโก้เย็นชืดที่วางอยู่บนโต๊ะหมายจะจิบสักอึก ทว่ากลับถูกยงฮวาแย่งมันไปจากมือหน้าตาเฉย ทำให้เส้นความอดทนของหญิงสาวขาดผึง

     

    “นี่! พี่จะหาเรื่องฉันจริง ๆ ใช่มั้ยวันนี้” เค้นเสียงต่ำลอดไรฟันแทนที่จะโวยวายอย่างเดิม

     

    “ไม่เห็นรึไง ฝุ่นลอยอยู่เต็มยังจะกินอีก ตั้งไว้นานเท่าไหร่ก็ไม่รู้” ยงฮวาชี้ให้จุนฮีดูฝุ่นละอองที่ลอยอยู่บนผิวของโกโก้พลางตำหนิเธอด้วยสีหน้าระอา

     

    “ถ้าหิวนักก็ไปทานข้าวที่บ้านพี่สิ” เขาเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากทะเลาะกับจุนฮี แต่มันก็กำปั้นทุบดินเกินไปในเมื่อเรื่องเดิมยังไม่ได้รับการสะสาง

     

    “ถ้าคุณป้าบอกให้มาชวนฉันถึงจะไป” จุนฮีเล่นแง่

     

    “ใช่ไง แม่ให้พี่มาชวนเธอไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน แม่ทำกับข้าวไว้รอแล้วด้วย รีบไปเถอะเดี๋ยวจะเย็นซะหมด”

     

    “ไปก็ได้ แต่ยังไม่หายโกรธนะบอกไว้ก่อน” จุนฮีคาดโทษเขาเอาไว้กันลืม มารดาของเขาอุตส่าห์ชวนทั้งทีเธอก็ไม่ควรปฏิเสธผู้ใหญ่ ส่วนเรื่องระหว่างเธอกับยงฮวานั้นก็ทดเอาไว้ในใจไปก่อน บ้านของเขาและเธอก็ใกล้กันแค่รั้วกั้นยังมีเวลาอีกมากที่จะคุยกัน

     

    “ได้ จะจดไว้เลยแล้วกัน” ยงฮวาเดินนำออกมาจากห้องรับแขกด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เขาอยากจะระเบิดหัวเราะออกมาอีกครั้งแต่เกรงว่าจะทำให้จุนฮีฟิวส์ขาดจึงเลือกที่จะเงียบไว้

     

    “จุนฮี เดี๋ยวก่อน” เรียวแขนขาวถูกคนที่แรงเยอะกว่ารั้งเอาไว้

     

    “อะไรอีกล่ะ”

     

    “จะออกไปทั้งอย่างนี้น่ะนะ” ยงฮวากวาดตามองชุดที่จุนฮีสวมใส่แล้วส่ายศีรษะ “ไม่ดีมั้ง ข้างนอกมันหนาวมากนะ ถึงจะใกล้แค่นี้ก็เถอะ ไปหาเสื้อโค้ทมาใส่ซะไป” ถึงจะทะเลาะกันบ่อยเท่าไหร่ แต่ความห่วงใยก็ไม่เคยแปรเปลี่ยน นับตั้งแต่รู้จักกันจนวันนี้ สิบกว่าปีมาแล้ว

     

    “ยุ่งจริง” ถึงจะไม่พอใจย่างไรแต่ก็เห็นจริงอย่างที่ยงฮวาพูด อยู่ในบ้านก็อุ่นดีอยู่หรอก แต่พอมองออกไปข้างนอกแล้วก็ต้องถอยหลังกรูด แต่ยังรักษาฟอร์มเอาไว้ด้วยการแกล้งทำเป็นหัวเสียใส่คนเป็นพี่ ก่อนจะเสียเวลาเดินขึ้นไปบนห้องอีกรอบเพื่อหาเสื้อโค้ดมาตัวหนา ๆ มาสวมใส่

     

    “เรียบร้อยแล้วนะ ตามพี่มา” ยงฮวาคว้ามือจุนฮีมาไว้แล้วจับจูงออกไปจากบ้าน ลมหนาวพัดมาวูบใหญ่จนทั้งคู่สั่นสะท้าน มือเย็นจัดกระชับกันแนบแน่น เป็นความเคยชินที่มีกันและกันตลอดมา สายสัมพันธ์เสมือนพี่น้องสายร่วมสายเลือด น้องสาวตัวเล็กเติบโตขึ้นพร้อมกับพี่ชายตัวโต เดินตามหลังกันต้อย ๆ มาตั้งแต่เด็ก จนบัดนี้ก็ยังเหมือนเดิม

     

     

     

     

     

    “อิ่มมั้ยจ๊ะจุนฮี” คุณฮเยจินเอ่ยถามคนที่เปรียบเหมือนลูกสาวอีกคนด้วยรอยยิ้ม หลังจากเสร็จสิ้นมื้ออาหาร

     

    “อิ่มแปล้เลยค่ะคุณป้า กับข้าวฝีมือคุณป้าอร่อยที่สุดเลย” จุนฮียิ้มประจบ ทำให้อีกหนึ่งคนที่กำลังเก็บจานชามไปให้แม่บ้านทำความสะอาดลอบเบะปากอย่างหมั่นไส้

     

    “อร่อยก็มาทานด้วยกันอีกนะเย็นนี้ พ่อกับแม่เราอุตส่าห์ฝากฝังลูกสาวไว้กับป้าทั้งทีต้องเลี้ยงให้ดี ๆ ไม่งั้นเค้าจะว่าป้าได้” หญิงวัยกลางคนกล่าวด้วยอารมณ์ขันทำให้จุนฮีหัวเราะคิก

     

    “เดี๋ยวอ้วนเป็นหมูพอดีหรอกค่ะ”

     

    “เป็นเด็กเป็นเล็กไม่อ้วนง่าย ๆ หรอกน่า”

     

    “ว่าไม่ได้หรอกค่ะคุณป้า”

     

    “ว่าแต่ มีอะไรกันรึเปล่าเรากับยงฮวาน่ะ ได้ยินเสียงโวยวาย ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอวันนี้” หญิงสูงวัยตั้งข้อสังเกต คู่กรณีทั้งสองคนหลบสายตาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากพร้อมกับยิ้มจืดเจื่อน

     

    “ไปทำอะไรน้องเข้าอีกล่ะยงฮวา” และคำตำหนิก็พุ่งเป้าไปที่ลูกชายคนเล็กเป็นอันดับแรก

     

    “ผมเปล่านะครับ ไม่ได้ทำอะไรเลย” ยงฮวาปฏิเสธหน้าตายอย่างไร้พิรุธ จุนฮีหน้างอกับคำแก้ตัวของเขา

     

    “พ่อแม่เค้าอุตส่าฝากเราช่วยดูแล ยังจะไปแกล้งน้องอีกนะ” คุณฮเยจินบ่นยงฮวาอีกชุดใหญ่หลังจากนั้น บิดามารดาของจุนฮีไปเยี่ยมญาติที่คังวอนอีกหลายวันกว่าจะกลับ  ก่อนไปได้ฝากฝังจุนฮีไว้กับบ้านจองด้วยความที่คบหากันมานานจึงไว้ใจให้ดูแลลูกสาวเพียงคนเดียวของพวกตน คุณนายของบ้านจองดูจะรักและเอ็นดูจุนฮีเสียยิ่งกว่าเขาและยุนโฮพี่ชายคนโตเสียอีก

     

    จุนฮีลอบยิ้มเยาะให้ยงฮวาเมื่อเห็นเขาถูกตำหนิ สีหน้าเหมือนกลืนยาขมของเขาทำให้เธอรู้สึกว่าได้รับชัยชนะอีกครั้ง

     

     

     

    .

    .

    .

     

     

     

    วันนี้สภาพอากาศค่อนข้างเลวร้าย เกล็ดหิมะร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าจนขาวโพลนเต็มพื้น ตั้งแต่เมื่อเช้าก็ยังไม่หยุดตกจนบัดนี้ ลมหวีดหวิวพัดมาเป็นระรอก จุนฮีและเพื่อนสนิทไม่อยากแม้แต่จะก้าวออกไปจากอาคารเรียน เธอและสองสาวหน้าคล้ายทอดสายตามองออกไปข้างนอกอย่างเหม่อลอย สองมือไม่ซุกอยู่ในโค้ทตัวหนาก็ทาบอยู่กับแก้วกาแฟร้อน ๆ ไว้แนบแน่นเพื่อบรรเทาความหนาวเหน็บ สีหน้าของแต่ละคนดูเบื่อหน่ายสภาพที่เป็นอยู่นี่เหลือเกิน แน่ล่ะ หิมะตกหนักขนาดนี้จะออกไปเที่ยวเล่นตามประสาวัยรุ่นอย่างเดิมก็ลำบาก ทำได้แค่นั่งแกร่วรอเวลาให้พายุนั้นซาลงบ้างเท่านั้น วันสอบปลายภาควันสุดท้ายแท้ ๆ แต่สภาพอากาศกลับไม่เป็นใจเอาเสียเลย

     

    “นี่ รยง รยู แกสองคนยังอยากจะไปฉลองสอบเสร็จบ้านฉันอยู่อีกมั้ย?”  จุนฮีถามขึ้นมาลอย ๆ เหมือนไม่ได้พูดกับสองสาวฝาแฝดผู้เป็นเพื่อนสนิท

     

    ในความเป็นจริงแล้วจุนฮีรู้จักกับรยู ฮวายองแฝดผู้น้องมาก่อน เพราะเรียนคณะเดียวกัน ส่วนรยู ฮโยยองคนพี่นั้นรู้จักทีหลัง แต่ด้วยความที่ฮวายองมักจะหิ้วแฝดผู้พี่ไปไหนมาด้วยเสมอจึงทำให้จุนฮีพลอยสนิทกับฮโยยองไปด้วยอีกคน

     

    “ไปสิ ยังไงก็ต้องไป” ฮวายองเจ้าของชื่อเล่น รยงหันมาตอบด้วยสีหน้าเนือย ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นอันได้ข้อสรุปว่าทั้งคู่ตกลง เพราะไม่ว่าอีกฝ่ายว่าอย่างไรแฝดอีกคนก็มักจะเออออตามไปด้วยเสมอมา

     

    “ดูสิ หิมะตกไม่หยุดเลย พี่ชายแกจะมารับจริง  ๆ เหรอจุนฮี” ฮโยยองเปรยขึ้นมาบ้าง นัยน์ตาที่หวานและเรียวยาวกว่าคนน้องจ้องหิมะด้านนอกไม่วางตา

     

    “ใครบอกพี่ชายฉัน นั่นแค่คนข้างบ้าน”  ประโยคที่หลุดจากปากฮโยยองกระตุ้นความรู้สึกจุนฮีได้เป็นอย่างดี ดวงตากลมตวัดมองเพื่อนสนิทเมื่ออีกฝ่ายพูดผิดหู

     

    “ก็เหมือนพี่ชายแกแหละน่า”

     

    “ไม่เหมือนซักนิด” จุนฮีปฏิเสธเสียงแข็ง

     

    “พี่ยงฮวาออกจะใจดี เผื่อแผ่มาถึงพวกเราด้วย ให้เรายืมใช้ห้องอัดเสียงอีกต่างหาก” ฮวายองชื่นชมยงฮวาต่อหน้าจุนฮีโดยไม่ดูสีหน้าของเพื่อนตนเองเลยว่ากำลังเหม็นเบื่อคำยกยอปอปั้นของทั้งคู่แค่ไหน

     

    “พอ ๆ ๆ เลี่ยน” จุนฮีโบกมือห้ามสองแฝดอย่างเหลือทน

     

    “อะไรของแกเนี่ย” ฝาแฝดมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ จุนฮีไม่ได้ให้คำตอบแก่ทั้งคู่แต่กลับเลือกที่จะจิบกาแฟในแก้วไปเงียบ ๆ

     

    “ดูนั่นสิใครมา” ฮโยยองชี้ชวนแฝดผู้น้องให้มองออกไปนอกตัวอาคาร ร่างหนึ่งกำลังมุ่งตรงมาที่ตึกคณะนิเทศศาสตร์ที่ชุมนุมเฉพาะกิจของจุนฮีและผองเพื่อน ร่างสูงใหญ่นั้นเดินฝ่าหิมะเข้ามาอย่างเร่งรีบ สองมือสอดเข้าไปในโอเวอร์โค้ดตัวหนาหนีความเหน็บหนาว จังหวะหนึ่งฝีเท้าเขาชะงักเล็กน้อยเหมือนเขาจะมองเห็นจุนฮีและพวกแล้ว พอผ่านพ้นละอองหิมะที่โปรยปรายเข้ามาในตัวอาคารชายหนุ่มก็ปัดเกล็ดน้ำแข็งเล็ก ๆ ออกไปจากทรงผมยุ่งเหยิงและเสื้อโค้ทตัวหนา

     

    “สวัสดีค่ะพี่ยงฮวา” สองแฝดค้อมศีรษะทักทายคนอายุมากกว่าอย่างมีมารยาททันทีที่เขามาถึงโต๊ะ

     

    “สวัสดีสาว ๆ”  ผู้มาใหม่ยกมือขึ้นตอบรับคำทักทายของคู่แฝด ส่วนจุนฮียังนั่งมองคนทั้งสามอย่างเงียบ ๆ

     

    “กลับกันได้ยัง” ชายหนุ่มมองสบดวงตากลมโตอย่างรู้กัน อีกฝ่ายพยักหน้ารับหงึกหงักก่อนตอบ

     

    “กลับสิ จะอยู่ทำไม สอบเสร็จแล้วด้วย ป่ะรยง รยู” จุนฮีไม่ลืมเอ่ยชวนเพื่อนสนิทกลับที่พำนักด้วยกัน

     

    “ไปฉลองสอบเสร็จกันใช่มั้ย พอดีเลยแม่พี่เตรียมอาหารไว้รอแล้ว”

     

    “เดี๋ยว จะไปรบกวนคุณป้าทำไม ทำของกินง่าย ๆ ที่บ้านฉันก็พอแล้ว” หญิงสาวประท้วง เธอไม่อยากรบกวนคุณฮเยจินมากเกินไปนัก เท่าที่ดูแลเธอแทนบิดามารดาก็มากเกรงใจจะแย่

     

    “เถอะน่า ยังไงคุณนายก็เตรียมของไว้แล้ว ปฏิเสธไปก็เสียใจแย่สิ”

     

    “โอเค ยอมแพ้แล้ว” จุนฮีตอบตกลงอย่างจำใจ ยอมจำนนด้วยเหตุผลของยงฮวาในที่สุด

     

    “เร็ว ๆ หน่อยจุนฮี มันหนาวนะ เดินทอดน่องอยู่นั่นเดี๋ยวได้แข็งตายกันพอดี” ฮวายองหันมาเร่งจุนฮีที่เดินรั้งท้าย สำหรับเธอแยกไม่ยากหรอกว่าใครคือแฝดคนพี่ใครคือแฝดคนน้อง มองเพียงแวบเดียวก็รู้

     

    “เดินนำไปเถอะน่า ไม่ต้องสนใจฉัน” จุนฮีบอกปัดความหวังดีนั้น พลางก้มมองฝ่าเท้าที่จมลงไปบนหิมะเกือบครึ่งในระหว่างก้าวเดิน มุมปากจุดรอยยิ้มเล็ก ๆ เมื่อมีความคิดดี ๆ ปรากฏขึ้นในหัว ร่างเล็กก้มลงโกยหิมะขึ้นมาปั้นเป็นก้อนขนาดเหมาะมือจากนั้นจึงเอ่ยเรียกคนที่เดินนำหน้าไปจนถึงตัวรถ

     

    “พี่ยงฮวา”

     

    “มีอะไร อุ๊บ” พอเขาหันกลับไปก็ถูกก้อนหิมะเย็นจัดปาใส่หน้าเขาอย่างแม่นยำ ได้แค่โมโหแต่ยังไม่ทันได้คิดแก้แค้นแม่ตัวดีก็ชิงวิ่งเข้าไปในรถแล้วปิดประตูลงอย่างว่องไว ยงฮวาได้แต่ฮึดฮัดอยู่ครู่เดียวก็ต้องตัดสินใจก้าวขึ้นไปนั่งบนเบาะฝั่งคนขับ ด้วยยังมีสมาชิกร่วมเดินทางอีกสองคนนั่นก็คือฮโยยองกับฮวายอง หากมีแค่จุนฮีคนเดียวเขาคงลากยัยตัวแสบลงมาคลุกกับหิมะด้วยกันสักตั้ง

     

    “ฝากไว้ก่อนเถอะ” ยงฮวาคาดโทษจุนฮีที่นั่งอยู่เบาะหลัง ส่วนตัวต้นเหตุนั้นทำสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องอย่างผู้ชนะ แม้หิมะจะเย็นจนมือชาแต่ก็ถือว่าคุ้มที่ได้แกล้งยงฮวาคืนบ้าง

     

     

    .

    .

    .

     

     

     

    “พี่ยงฮวาคะ คุณป้าให้มาตามไปทานด้วยกันค่ะ อาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว” ยงฮวาเงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์จอใหญ่ท่ามกลางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับบันทึกเสียง

     

    “ขอบใจมากนะฮโยยอง” ชื่อนั้นทำเอาคนถูกเรียกทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ เหตุเพราะเขาจำผิดคนนั่นเอง

     

    “ฉันฮวายองค่ะ ไม่ใช่ฮโยยอง” แฝดผู้น้องแก้ความเข้าใจผิด ทำเอาคนเรียกชื่อนั้นเก้อไปครู่หนึ่ง

     

    “เอ้อ ฮวายอง ขอบใจมากนะพี่จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” เรื่องนั้นจะโทษเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้คลุกคลีกับคู่แฝดอย่างจุนฮีจะได้มองออกถึงข้อแตกต่างของทั้งคู่ นอกจากจะหน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะแล้วทรงผมยังตัดสั้นคล้ายกันอีก... เขาคงต้องเรียนรู้วิธีการแยกแยะแฝดคู่นี้ไปอีกนานทีเดียว

     

    ยงฮวาวางมือจากงานแล้วเดินตามหลังฮวายองขึ้นไปขั้นบน อาหารสำหรับงานเลี้ยงเล็ก ๆ วางอยู่เต็มโต๊ะจนแทบไม่มีพื้นที่ว่าง ยุนโฮพี่ชายของเขาก็นั่งร่วมวงอยู่กับเด็ก ๆ และมารดาด้วย มีกันแค่ไม่กี่คนแต่คุณนายกลับจัดเต็มอีกตามเคย นี่ถ้าเป็นงานเลี้ยงของเขาบ้างคุณแม่สุดที่รักจะใส่ใจขนาดนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้

     

    “พี่ยุนโฮ วันนี้กลับบ้านเร็วนะ” ยุนโฮหัวเราะเบา ๆ ตอบรับคำทักทายของน้องชายคนเดียว

     

    “ก็จุนฮีโทรไปบังคับ”

     

    “ไม่ได้บังคับนะ” คนถูกว่าร้อนรน รีบแก้ตัวทันควัน

     

    “พี่ล้อเล่นน่า ยงฮวา นั่งสิ มาทานด้วยกัน” ยุนโฮหันไปพูดกับคนเป็นน้อง

     

    ยงฮวาเลือกที่นั่งข้างจุนฮีเช่นทุกครั้ง แม้จะจบลงด้วยการแหย่กันไปมาจนทะเลาะกันอย่างเคยก็ตาม

     

    “ยัยเด็กโง่ไม่กินผักอีกแล้วเหรอ” ผ่านไปไม่ถึงนาทีสัญญาณแห่งความวุ่นวายก็เริ่มขึ้น เมื่อเห็นจานอาหารของจุนฮีที่มีแต่ซากผักถูกวาดไปกองอยู่บริเวณขอบจาน

     

    “เรื่องของฉันพี่เกี่ยวอะไรด้วย”

     

    “ไม่อยากมีน้องโง่ ๆ” ยงฮวาว่าพร้อมหยิบผักมาใส่จานของอีกคนเป็นการใหญ่ จุนฮีเหลือบมองอย่างไม่พอใจเพียงแต่ไม่ตอบโต้ด้วยคำพูด เพียงแต่ก้มหน้าก้มตาตักผักในจานกลับคืนไปให้ยงฮวา

     

    “เอาคืนไป”

     

    “เอามาทำไม พี่ฉลาดแล้ว ไม่กิน” ยงฮวากับจุนฮียังโยนผักใส่จานกันไปมาจนผู้อาวุโสกว่าชักเริ่มรู้สึกรำคาญ

     

    “นี่พวกแกสองคนหยุดทะเลาะกันได้แล้ว เกรงใจฮวายองกับฮโยยองซะบ้าง” ยุนโฮตำหนิทั้งคู่ผ่านทางคำพูดและสายตา แต่ดูเหมือนว่าจะสายจนเกินไปเมื่อจานของจุนฮีถูกมือของใครสักคนป่ายปัดจนร่วงหล่น แน่นอนว่าคนที่ได้รับผลเสียจากเหตุการณ์นั้นมากที่สุดก็คือเจ้าของจานอาหารนั่นเอง

     

    “นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำ พาน้องไปล้างตัวซะไปยงฮวา แล้วค่อยมาทานต่อ” คุณฮเยจินออกคำสั่งแกมบังคับ ซึ่งยงฮวาและจุนฮีก็ยอมทำตามโดยไม่อิดออด

     

    “ครับแม่ มาสิจุนฮี” ชายหนุ่มฉุดมือคนเป็นน้องตรงไปยังห้องครัว

     

    “เพราะพี่นั่นแหละเป็นต้นเหตุ” พออยู่ด้วยกันตามลำพังจุนฮีก็เริ่มต้นสงครามน้ำลาย ปัดความรับผิดชอบไปให้ยงฮวาแต่เพียงผู้เดียว

     

    “เธอก็ด้วยแหละ ยืนนิ่ง ๆ จะเช็ดให้” ยงฮวาเปิดก๊อกน้ำใช้ผ้าผืนเล็กชุบน้ำจนชุ่มแล้วซับเอาคราบเปื้อนจากอาหารออกไปจากเสื้อผ้าที่จุนฮีสวมใส่

     

    “ถ้าพี่ไม่แกล้งฉันก่อนมันคงไม่เป็นหรอก”

     

    “แกล้งที่ไหน พี่หวังดีกับเธอต่างหาก”

     

    “หวังดีประสงค์ร้ายน่ะสิไม่ว่า ฉันเคยแตะซักกี่ครั้งกันผักน่ะ” จุนฮีก้มมองยงฮวาด้วยแววตาตำหนิ ยื่นชามที่อยู่ใกล้ซิงค์ล้างจานไปรองน้ำที่ไหลเอื่อย ๆ จากก๊อกที่เปิดไม่สุด

     

    “มิน่าถึงได้โง่อย่างงี้ไง”

     

    “ปากดีนักนะ”

     

    ซ่า!.....

     

    “เฮ่ย! ทำอะไรของเธอน่ะ”

     

    น้ำในชามที่รองไว้จนเต็มถูกเทลงไปบนแผ่นหลังของยงฮวาจนเปียกโชกก่อนที่จุนฮีจะวิ่งหนีไปหาที่พึ่งบนโต๊ะอาหาร แน่นอนว่ายงฮวาทำอะไรเธอไม่ได้อย่างแน่นอน

     

    “เรียบร้อยแล้วเหรอจุนฮี มาทานต่อมา” ยุนโฮเอ่ย

     

    “ค่ะ” จุนฮีพยักหน้ารับแล้วเดินอย่างสงบเสงี่ยมไปนั่งประจำที่ของตน ไม่กี่อึดใจยงฮวาก็เดินออกมาจากห้องครัวในสภาพเปียกมะลอกมะแลก

     

    “ยงฮวา ไปทำอะไรมา ทำไมเปียกแบบนั้น”

     

    “ท่อแตกมั้งครับแม่ ผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ” พูดจบก็เดินปึงปังไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบนชั้นสองของบ้าน ตัวต้นเหตุนั่งลอยหน้าลอยตาอยู่ที่โต๊ะอาหารอย่างย่ามใจ



     


    02. YongJune : วันธรรมดา By USER00l


     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×