คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Jar of Hearts
Jar of Hearts
No I can't take one more step towards you
Cause all that's waiting is regret
And don't you know I'm not your ghost anymore
You lost the love I loved the most
I learned to live half alive
And now you want me one more time
ฉันเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตแบบคนไร้ความรู้สึกไปแล้ว
แต่อยู่ดีๆเธอกลับมาอีกครั้ง
เช้า นี้แบมแบมเลือกที่จะนอนขี้เกียจสันหลังยาวอยู่ที่บ้านและเลือกที่จะปิด เครื่องมือสื่อสารทุกชนิดยกเว้นไอพอดเครื่องบางที่เขาไม่ได้เชื่อม wifi ไว้ แต่เปิดเข้าไปฟังเพลงเท่านั้น นี่แหละคือการตัดปัญหาของแบมแบมไม่ต้องติดต่อใครและคนอื่นก็ติดต่อมาไม่ได้ เช่นกันและนั่นทำเอาเพื่อนเจ้าปัญหานามว่ายองแจถึงกับหัวเสียไม่น้อยที่โทร หาเพื่อนตัวเล็กไม่ติดถึงขนาดต้องหอบสังขารมาหาเองถึงบ้าน
ยอง แจยืนชะเง้ออยู่หน้าบ้านของแบมแบมได้สักพักก็เลือกที่จะกดออดแทนการตะโกน เรียกเพราะดูแล้วไม่มีวี่แววว่าคนตัวเล็กจะสนใจสักนิด กดออดครั้งที่หนึ่งก็ไร้สัญญาณตอบรับจากเจ้าของบ้านสุดท้ายจึงกดต่อกันถี่ ยิบต่อให้บ้านหลังนี้แปลงร่างเป็นผับก็ต้องได้ยินเสียงออดเชื่อสิ
ร่าง เล็กอันคุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในสายตาของยองแจพร้อมกับสีหน้าที่คาดเดาไม่ได้เลย ผมหน้าม้าสีชมพูปนแดงดูพันกันไม่เป็นทรงทำให้ยองแจได้รู้ว่าอีกคนคงพึ่งตื่น เพราะเขาแน่นอน
“กลัวฉันออดบ้านฉันพังหรือไงกดถี่ซะขนาดเนี้ย” แบมแบมที่พึ่งถูกเพื่อนรบกวนเวลานอนมาสองวันแล้วก็แอบเหวี่ยงเล็กน้อยซึ่งปกติไม่ค่อยจะเป็นสักเท่าไหร่หรอก
“อย่ามาประชดหน่า โทรหาก็ไม่ติดไลน์ไปก็ไม่ตอบนึกว่าตกส้วมตายไปซะแล้ว” สาบาน ได้มั้ยว่านั่นคือคำทักทายแรกที่เจอกันในรอบหนึ่งวันทำเอาแบมแบมถึงกับขยี้ ผมตัวเองเพราะระบายที่ไหนไม่ได้ก่อนจะกระแทกเท้าปึงปังเข้าบ้านไป ชเว ยองแจคงเป็นคนแรกและคนเดียวที่สามารถทำให้แบมแบมแสดงอารมณ์ที่หลากหลายได้ใน รอบหนึ่งวัน
“นี่มาหาเพราะเป็นห่วงนะแบมแบม” ตากลมโตตวัดสายตามองอย่างเคืองๆ ห่วงหรือว่าแช่งกันแน่
“อย่ามา บุกมาที่นี่มีอะไร นี่จะให้ฉันนอนเต็มอิ่มสักวันไม่ได้เลยใช่มั้ยห้ะ?” แบมแบมทำหน้ามุ่ยหลังจากยิงคำถามที่เจ็บแสบส่งไปให้ยองแจเพื่อนรักที่นั่งยิ้มหน้าบานอยู่บนโซฟาตัวยาวกลางบ้าน
“นี่มันสายแล้วสิบโมงแล้วเนี่ย” ยองแจเถียงกลับทั้งๆที่หน้ายังคงยิ้มอยู่
“สายสำหรับแกเช้าสำหรับฉัน จบนะ ขอนอนต่อแปบง่วงมากกกก” ลาก เสียงให้ดูง่วงเสร็จก็ล้มตัวลงนอนบนตักเพื่อนของเขาที่โซฟานั่นแหละ ยองแจไม่ปล่อยให้อีกคนได้หลับแน่นอนก็เขามาที่นี่มีจุดประสงค์หลักนี่ หึหึ
“ไม่ ให้ นอน!!” คิดได้ดังนั้นจึงตะโกนกรอกหูเพื่อนที่หลับตาสนิทแต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวกับเสียงแหลมสูงของเพื่อนตัวปัญหา
“โอ้ ยยยยองแจ แบมแบมจะนอนโอเคนะยองแจนะ แบมแบมง่วงมากเลยนะเนี่ยดูตาสิคล้ำแล้วเนี่ย หมดแรงสุดๆ นี่ถ้ายังไม่ได้นอนในห้านาทีนี้แบมแบมต้องเป็นลมแน่ๆ ให้แบมแบมนอนเถอะน้ายองแจอ่า” เมื่อเห็นว่ายองแจไม่ มีท่าทีว่าจะให้ตัวเองได้ล้มตัวลงนอนเป็นครั้งที่สองแน่ๆก็ถลาเข้าไปออดอ้อน ทันทีซึ่งนานๆทีจะโผล่มานะให้อารมณ์นี้ แต่ยองแจโดนบ่อยแล้วและก็ใจอ่อนทุกทีคงต้องยกเว้นครั้งนี้ไว้เพราะยองแจรีบ ส่ายหัวและผลักทุยออกจากอ้อมอกทันที
“วันนี้แกต้องไปธุระกับฉัน” เมื่อ รู้จุดประสงค์ว่าทำไมถึงไม่ได้นอนต่อแบมแบมก็ส่ายหัวพรืดจากนั้นก็ทำเป็นไม่ สนใจเดินไปที่หน้าทีวีแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเครื่องทั้งๆที่คิดไว้แล้ว ว่าวันนี้เขาจะปิดไว้ทั้งวันแต่เพื่อหลบหน้าเพื่อนเขาต้องเปิดแล้วทำเป็นกด นู่นกดนี่เล่นไปสักพักก็มีข้อความเด้งเข้ามา
Mark
วันนี้แบมมาหามาร์คได้มั้ย?
“ใครส่งข้อความมาอ่ะ” ยองแจยื่นหน้ามามองเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่ส่งข้อความมาหาแบมแบมก็ตีหน้ายุ่งใส่แบมแบมที่ส่งยิ้มฝืดๆกลับมาให้
“ไม่ได้ วันนี้แกต้องไปธุระกับฉัน” ถึงยองแจไม่บอกเขาก็พอจะเดาได้อยู่แล้วแหละว่าคงไม่ให้เขาไปหามาร์คแน่ๆ
“บอกธุระของแกมา ถ้าไม่เข้าท่าจะไม่ไป” แบมแบมจ้องหน้ายองแจเขม็ง มีธุระทีไรเขาก็เดือดร้อนทุกทีนั่นแหละ
“ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เองแหละ ไปอาบน้ำได้แล้ว” ยองแจเลี่ยงที่จะตอบคำถามและหันไปไล่เพื่อนตัวเล็กที่ยังนั่งอยู่ข้างๆให้ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว
“ไม่บอกก็ไม่ไป” ยอง แจหันขวับแถมยังตีหน้าดุใส่เพื่อนตัวเล็กที่บทจะดื้อก็ดื้อแสนดื้อ บทจะมีเหตุผลก็หาเหตุผลร้อยแปดมาคุยกับเขา บทจะอารมณ์ร้อนก็เดือดยิ่งกว่าภูเขาไฟ
“เออๆ ก็เมื่อเช้าวง GOT แถลง ข่าวเรื่องที่สนามบินเมื่อวานแล้วก็ตามที่ตกลงกันไว้ วันนี้แกก็ต้องไปกินข้าวเดินเล่นเที่ยวเล่นกับคนพวกนั้นอ่ะเพื่อไม่ให้ใครๆ ผิดสังเกต” ผลสุดท้ายยองแจก็ต้องบอกจุดประสงค์ของเขาอยู่ดี
“ยิ่งทำอย่างงี้ใครๆก็ยิ่งสังเกต ร้อยวันพันปีไม่เคยจะมีหรอกเรื่องแบบนี้” แบมแบมค้านด้วยเหตุผล เพราะการทำแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ดูเหมือนเฟค
“เพื่อตัวแกเอง” ยองแจว่าเสียงเรียบตีหน้าดุใส่
“แล้วตอนนี้ก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวซะเร็วๆ ส่วนเรื่องไอ้พี่มาร์คถ้าหมดธุระฉันให้แกไปหาก็ได้” แบ มแบมหรี่ตามองอย่างจับผิด คนอย่างยองแจน่ะหรอจะให้เขาไปหามาร์คง่ายๆมันต้องวางแผนอะไรเอาไว้แหงๆ แต่แบมแบมก็เลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจและเดินขึ้นห้องไปอาบน้ำแต่งตัวตามที่ ยองแจบอก
เมื่อ เสร็จเรียบร้อยแล้วยองแจก็ลากขึ้นรถของตัวเองทันทีไม่ให้อีกคนได้ค้าน แบมแบมก็ไม่ได้บ่นหรือว่าอะไรก็นั่งเงียบๆไปแต่พอนึกขึ้นได้ว่าลืมอะไรก็ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะกดข้อความส่งหาใครบางคน
เสร็จธุระแล้วแบมจะเข้าไปหานะมาร์ค
ยอง แจแอบเหลือบไปเห็นก็กระตุกยิ้มมุมปากนิดๆแต่อีกคนก็ไม่ได้ทันได้สังเกต มือเรียวเคาะพวงมาลัยรถอย่างอารมณ์ดีส่วนแบมแบมก็ไม่ได้คิดอะไรมากคิดว่า เพื่อนคงอารมณ์ดีที่จะได้เจอศิลปินในดวงใจแบบใกล้ชิดซะมากกว่า
มา วันนี้แบมแบมรู้สึกว่าตัวเองนึกถึงมาร์คน้อยลงกว่าแต่ก่อนมากแต่ความห่วงใย กลับยังมีเท่าเดิม เขายังคอยเป็นห่วงหรือบางครั้งก็แอบคิดมากว่ามาร์คจะไหวมั้ยอยู่ได้หรือ เปล่า อาจจะเป็นเพราะช่วงวันสองวันมานี้เขามีเรื่องอื่นๆเข้ามาให้คิดแทนจึงทำให้ เรื่องของมาร์คถูกลดลงไป แต่เมื่อเวลาไหนก็ตามที่เขาว่างหรือไม่ได้ทำอะไรสมองว่างก็จะคิดเรื่องของ มาร์คขึ้นมาแทบจะทันทีจะว่าดีสำหรับเขามั้ยก็ดีส่วนหนึ่ง แต่ลึกๆแล้วเขากลับไม่อยากให้เป็นอย่างงั้นเขายอมคิดเรื่องมาร์คดีกว่าต้อง มานั่งปวดหัวกับเรื่องอื่น...
“แบมแบมถึงแล้ว” หลัง จากปล่อยความคิดต่างๆและจมอยู่กับตัวเองสักพักก็ถึงสถานที่นัดหมายมั้ง เขาไม่รู้อะไรหรอกเพราะยองแจจัดการเรื่องต่างๆเองหมด เขาก็มีหน้าที่ทำตามคำสั่งของเพื่อนเท่านั้นแหละมาคิดๆดูแล้วมันก็คงดี เหมือนกันเหมือนได้ออกมาเปิดหูเปิดตาเพราะหลังจากที่เลิกกับมาร์คแล้วเขาก็ เก็บตัวอยู่แต่ที่บ้าน จะออกมาก็ช่วงมีเรียนเท่านั้นพอเรียนเสร็จก็กลับบ้านทันทีแทบไม่ได้ออกไปไหน เลยด้วยซ้ำ ยิ่งพอปิดเทอมยิ่งแล้วใหญ่บางอาทิตย์เขาก็อยู่แต่ในบ้านทั้งอาทิตย์จะมีก็ แต่ยองแจเนี่ยแหละที่มาหาเอาของมาฝากซื้อกับข้าวมาให้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีเพื่อนคนอื่นนะก็มีมาเยี่ยมบ้างบางคนพอปิดเทอมก็แค่ไลน์หา กันเพราะกลับบ้านเกิดตัวเองกันไปหมดเพราะส่วนมากไม่ใช่คนในโซลเหมือนเขากับ ยองแจ อาจจะมีนัดเจอกันหนึ่งเดือนหนึ่งครั้งก็ไม่ได้บ่อยอะไร
“สวัสดีครับทุกคน” เมื่อ เดินเข้ามาในร้านยองแจก็เอ่ยทักทายศิลปินในดวงใจแทบจะทันทีต่างกับอีกคนที่ เดินมาถึงแล้วแต่กลับเหม่อออกนอกร้านซะอย่างงั้นร้อนถึงเขาที่ต้องเขย่าแขน เรียกสติอีกคนให้กลับร่างได้แล้ว ฝ่ายแบมแบมที่พึ่งรู้ตัวว่าเดินมาถึงแล้วเพราะแรงเขย่าจากเพื่อนจึงส่งยิ้ม เจื่อนๆไปให้พร้อมกับก้มหน้าขอโทษนิดๆเพราะเมื่อกี้เขาเหม่อเหมือนกับการ เสียมารยาท
“วิญญาณเข้าร่างแล้วหรอแบมแบม” จิ นยองได้ทีก็เอ่ยแซว ทั้งๆที่พึ่งรู้จักกันไม่ถึงวันด้วยซ้ำแต่ฝ่ายเขาไม่อยากให้ร่างบางที่ยืน อยู่ตรงหน้านั้นเกร็งเพราะคงได้เจอกันอีกบ่อยๆเลยแหละ
“โทษทีนะจินยอง พอดีมีเรื่องให้คิดนิดหน่อย” แบมแบมที่พอจะจำข้อตกลงการเรียกชื่ออะไรได้ก็เลยตอบกลับอย่างสบายๆ เพราะคนตรงหน้าเขาก็ดูไม่มีอะไรแอบแฝงเหมือนเพื่อนเขา
“พอดีวันนี้ว่างน่ะ มีแค่แถลงข่าวเมื่อตอนเช้าแบมแบมได้ดูพวกเราหรือเปล่า” จินยองรีบถามด้วยสีหน้าตื่นเต้นเหมือนกับกำลังลุ้นหวยอยู่อย่างไงอย่างงั้นเลยแหละ
“ขอโทษอีกทีละกันนะ พอดีวันนี้ตื่นสายน่ะ” ความจริงก็ไม่ได้อยากตื่นสายหรอกแต่อยากตื่นเที่ยงแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
“ถ้าฉันไม่ไปหานายก็คงยังไม่ตื่นหรอกตอนเนี้ย” ยองแจแอบแขวะเล็กน้อยเรียกเสียงหัวเพราะของคนในวงก็อตได้เป็อย่างดีรวมถึงใครบางคนที่แบมแบมดูจะไม่ค่อยพร้อมที่จะเจอสักเท่าไหร่
“นี่ฮยองเป็นพวกตื่นสายหรอเนี่ย” มักเน่ของวงก็อตโพล่งขึ้นอย่างตาโตแถมยังแอบเหลือบไปทางแจบอมอีกต่างหากพร้อมกับพูดอะไรออกมาเป็นการแฉคนในวงชัดๆ “เหมือนกับแจบอมฮยองเลย” ถึง จะเป็นเสียงเบาๆแต่ก็ได้ยินกันทั้งโต๊ะทำเอาแจบอมต้องลุกขึ้นมาโวยวายยูคยอม ที่ยังนั่งทำตัวโตไม่สะทกสะท้านอะไรอีกต่างหาก ถึงจะแอบหลบไปมาบ้างแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร
“คิคิ วันหยุดทั้งทีก็ต้องนอนให้เต็มที่หรือเปล่าละ ต้องใช้เวลานอนให้คุ้มค่าสิถึงจะถูก” แบ มแบมพูดไปหัวเราะไปอย่างลืมตัวว่าตอนนี้เขาไม่ได้นั่งอยู่กับเพื่อนแค่สองคน การที่แบมแบมแสดงท่าทีอย่างงี้ออกมาเรียกรอยยิ้มกว้างๆของคนในโต๊ะได้เป็น อย่างดี
“นี่แบมแบม ยิ้มอย่างงี้ก็น่ารักดีออกทำไมไม่ยิ้มบ่อยๆละ พอมองแบมแบมยิ้มแล้วโลกสดใสขึ้นทันตาเห็นเลย” จินยองไม่พูดเปล่ายังเอามือมาขยี้หัวแบมแบมอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างพอใจ ส่วนแบมแบมก็เกาท้ายทอยแก้เก้อแบบเขินๆ
“นั่นสิ ฉันชอบเวลานายยิ้มมากกว่าตอนยิ้มฝืดๆเยอะเลยนะ” แจ็คสันที่นั่งเงียบมานานก็พูดต่อจากจินยองอย่างเห็นด้วย พลางส่งยิ้มอ่อนๆกลับไปให้ทำเอาคนตัวเล็กถึงกลับหน้าเห่อแดงอย่างช่วยไม่ได้
“โหยนี่แปลว่าเวลาฮยองยิ้มคงน่ารักสุดๆแน่ๆเลย แจ็คสันฮยองเล่นชมด้วยตัวเองแบบนี้” ยูคยอมพูดขึ้นแต่ก็แอบส่งสายตาล้อเลียนไปทางแจ็คสันมากกว่าจะหันมาแกล้งแบมแบมที่ตอนนี้ก็เอาแต่ก้มหน้าลงอย่างคนที่ทำอะไรไม่ถูก
“หึหึ ก็น่ารักจริงๆนี่” จย้า นี่ถ้าเพื่อนเขาระเบิดตัวเองได้คงทำไปแล้วแหละ ยองแจแอบคิดขำๆ
“เนี่ยย งั้นต่อไปนี้เวลาแบมแบมอยู่กับพวกฉันต้องยิ้มบ่อยๆนะนี่คือคำสั่งจากจินยองคนหล่อ” จินยองยกยิ้มอย่างพึงพอใจทั้งๆที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเลย
“อยากให้มันยิ้มบ่อยๆหรอ ทำให้มันเขินสิ แกล้งมันไปเยอะๆ” ยองแจแกล้งแนะนำวงก็อตเล่นๆ ส่วนแบมแบมก็มองค้อนแถมจะยกกำปั้นขึ้นมาต่อยไหล่เพื่อนแต่ก็แค่ชูไว้เฉยๆ
“เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยยองแจ”
“อ่า ฉันอยากรู้จริงๆทำไมนายดูจริงจังกับชีวิตจังแบมแบม” แจบอมที่นั่งเงียบมานานก็ถามขึ้น แบมแบมเหลือบตาไปมองนิดหน่อยแล้วหันไปหายองแจที่เท้าคางมองเขาตาแป๋ว
“คือ...ก็แค่ทำตัวไม่ถูกเวลาอยู่กับคนแปลกหน้าเท่านั้นแหละครับ” แบมแบมส่งยิ้มฝืดๆไปให้ จะว่าไปความจริงแล้วตั้งแต่เลิกกับมาร์คเขาก็แทบไม่ได้ยิ้มเลย นั่นก็อีกเหตุผลหนึ่ง
“แต่เหตุผลหลักๆคืออกหักมากกว่า” ยองแจแกล้งโพล่งขึ้นมาเพื่อจะดูท่าทีของเพื่อนตัวเล็ก
แบ มแบมเตะเข้าให้ที่ขาด้านซ้ายของยองแจและส่งสายตาดุๆไปให้ทีหนึ่งเพื่อปราม ไม่ให้พูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมา เขาก็แค่คิดว่ายังไม่สนิทกันถึงขึ้นจะมาบอกเรื่องราวชีวิตของเขาให้ใครฟังก็ เท่านั้นเอง
“เห้ย อย่างแบมแบมเนี่ยนะอกหัก แม่งตาบอดหรอวะถ้าเป็นฉันหน่อยไม่ได้เลยจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปหรอก นี่พูดจริงนะ จีบได้ป้ะ? ฮ่าๆ” แบมแบมหัวเราะออกมาเบาๆแล้วส่ายหน้ากับท่าทีทีเล่นทีจริงของจินยองซึ่งดูก็รู้ว่าแค่พูดเล่นแกล้งแซวเขาไปอย่างงั้นแหละ
แชะ
เสียงกล้อง ถ่ายรูปจากโทรศัพท์มือถือจากฝั่งตรงข้ามของแบมแบมดังขึ้นเรียกสายตาของทั้ง โต๊ะให้หันไปมองคนนั้นก็คือแจ็คสันนั่นเอง เจ้าตัวที่เห็นว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตาก็ยักไหล่ทีหนึ่ง
“ก็บอกแล้วไงเวลานายยิ้มน่ะน่ารักก็เลยอยากถ่ายเก็บไว้ดู” แบมแบมเม้มปากเป็นเส้นตรงเพราะไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์ตรงหน้าดี แต่ตอนนี้รู้สึกว่าอากาศมันดูร้อนๆยังไงพิกลส่วนคนอื่นๆก็ยักคิ้วหลิ่วตาให้ แจ็คสันเป็นอันว่ารู้กันต้องแซวกันแบบเงียบ
“เอ้อ วันนี้คือแค่มากินของว่างแค่นี้หรอ” แบมแบมถามขึ้นแก้เก้อซึ่งผิดวิสัยมากในสายตายองแจ ปกติแบมแบมจะไม่ถามหรือชวนใครคุยก่อนแล้วยิ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะไม่มี สาระยิ่งแล้วใหญ่นอกจากคนที่สนิทเท่านั้นแหละที่แบมแบมจะชวนคุยก่อน
“จะว่าอย่างงั้นก็ได้นะหรือแบมแบมอยากไปไหนเปล่าละ นี่คนก็เริ่มสนใจแล้วแหละ” แบมแบมพอจะเข้าใจที่แจบอมพูดการที่เขามาอยู่รวมกับวงก็อตเหมือนเปิดตัวให้ รู้ว่าเขาเป็นเพื่อนกับคนในวงยิ่งมีคนสนใจมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี แต่มันก็จะวุ่นวายสำหรับแบมแบม
“เปล่าหรอก คือถ้าไม่มีอะไรก็ว่าจะไปทำธุระนิดหน่อย”
ยอง แจหันขวับมามองแบมแบมที่ทำหน้านิ่งอยู่ข้างๆ มือบางหยิกเข้าให้ที่ต้นแขนขาวของเพื่อนตัวเล็กที่เอะอะจะไปทำธุระ ธุระส่วนตัวที่ยองแจไม่ค่อยอยากให้ไปสักเท่าไหร่
“โอ้ย เจ็บนะ” แบมแบมร้องเสียงหลงเพราะโดนหยิกแบบไม่ทันตั้งตัว ส่วนตัวการก็ลอยหน้าลอยตาไม่ได้สะทกสะท้านสักนิดแถมยังพูดจาเหน็บแนมเพื่อน ตัวเล็กอีกต่างหาก
“ธุระของแกมันรอได้ให้รอถึงชาติหน้าก็ไม่เดือดร้อนอะไรหรอก อยู่กับพวกฉันก่อน”
“ฮยองจะไปธุระก่อนหรือเปล่า พวกเราเกรงใจจัง” มักเน่วงก็อตถามด้วยสีหน้าค่อนข้างสำนึกผิด
“เอ่อ...มะไม่เป็นไรพี่ไม่รีบน่ะ ค่อยไปเย็นๆก็ได้” การที่ยูคยองพูดจาเหมือนรู้สึกผิดหรือน้อยใจอะไรก็ตามทำให้แบมแบมทำตัวไม่ถูกเหมือนตัวเองเป็นคนผิดเองจนต้องรีบพูดดักขึ้นมาก่อน
ใบ หน้าหวานส่งยิ้มน้อยๆไปให้ยูคยอมเพื่อยืนยันว่าตัวเองไม่รีบจริงๆแล้วก็ไม่ ต้องตีหน้าเศร้าใส่ขนาดนั้นมันทำให้ตัวเองอยากจะตบปากสักสิบทีที่ไปพูดว่า ตัวเองมีธุระ ถึงจะไม่สำคัญมากแต่เขาก็ไม่ชอบให้ใครมารอหรืออาจเป็นเพราะว่าคนที่รอเขา อยู่คือมาร์คก็ไม่รู้สินะ
“ไปดูหนังกันมะ” ยองแจถามขึ้นแต่ก็ต้องหน้าหดลงแทบจะทันทีเมื่อฟังคำตอบของเพื่อน
“ไม่อ่ะ” แบมแบมสวนทันควัน เขาไม่ชอบไปโรงหนังเพราะว่ามันมืดหนาวแล้วเขาก็อึดอัดเวลาอยากดูหนังอะไรเขา จะซื้อเป็นแผ่นมาดูที่บ้านเองถึงจะช้าหน่อยแต่เขาก็สบายใจกว่า
“ทำไมล่ะแบมแบมมม” จินยองถามด้วยน้ำเสียงค่อนข้างงอแง
อ่า...คน ในวงนี้ขยันกันทำให้เขารู้สึกผิดจริงๆ ไม่ใช่แค่จินยองหรอกนะที่ง้องแง้งงอแงเหมือนจะเป็นทั้งโต๊ะเลยนั่นแหละ ยกเว้นแจ็คสันที่แค่ขมวดคิ้วเฉยๆ
“มันมืดแล้วก็อึดอัด” ตอบไปแล้วแก้มอูมๆก็ขึ้นสีระเรื่อ เพราะการที่เขาตอบไปว่าเขากลัวความมืดก็เหมือนกับว่าเขาเป็นสาวน้อยมากกว่าผู้ชาย
“ก็พวกเราไปด้วยนี่ไงฮยองงง ไปเถอะไม่ได้ดูหนังในโรงมานานแล้ว” แบมแบมมองไปที่ยูคยอมเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองยองแจแล้วก็ขมวดคิ้วว่าตัวเองจะทำยังไงดี
“ไปเถอะ ฉันอยู่ด้วยจะกลัวอะไร”
แจ็คสันอีกแล้ว...มาทำแบบนี้อีกแล้ว
“เอ่อ...” คนตัวเล็กยังคงทำท่าอึกอักอยู่เล็กน้อยถึงแม้จะใจอ่อนไปมากกว่าครึ่งแล้วก็ตาม
“วู้วว แจ็คสันมันพูดขนาดนี้นายจะกล้าปฏิเสธหรอ” แจบอมหรือเจบีที่เห็นท่าทีของเพื่อนร่วมวงก็อดแซวไม่ได้
“นั่นสิฮยอง แจ็คสันฮยองไม่เคยพูดแบบนี้กับใครเลยน้า” แบมแบมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
แค่ไปดูหนังนะไม่ได้ไปเดท เข้าใจอะไรกันผิดหรือเปล่าคนพวกนี้
“อื้อ ไปก็ได้” จบ ประโยคทั้งโต๊ะก็ร้องเย้กันซะดังลั่นร้าน จากที่เป็นจุดสนใจอยู่แล้วตอนนี้ก็หนักกว่าเดิมเล่นเอาคนตัวเล็กแอบทำท่าไม่ พอใจเล็กๆความรู้สึกอึดอัดเริ่มแล่นเข้ามาทีละเล็กทีละน้อย
“แล้วจะพร้อมกันเลยหรือว่าต่างคนต่างไปดี” ยอง แจถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด จริงๆแล้วยองแจอยากให้ไปด้วยกันเพราะว่ายองแจอยากฟินแบบต่อเนื่องแต่ว่าเกรง ใจกลัวว่าคนอื่นจะอึดอัด (นี่ขนาดเกรงใจแล้วนะ)
“ความจริงอยากจะให้ไปด้วยกันนะแต่ว่าเพื่อไม่ให้เสียเวลาก็ต่างคนต่างไปดีกว่าจะได้ไม่ต้องย้อนกันกลับมาเอารถอีกรอบ” แจบอมตอบแล้วส่งยิ้มหวานให้ยองแจและแบมแบม
“อืม...งั้นเจอกันที่ห้างG เลยนะ” ไม่ ต้องรีรอยองแจรีบกระชากตัวแบมแบมที่นั่งหน้ามึนอยู่ข้างๆให้ลุกตามเขาออกมา เพราะพอจะสังเกตอาการอึดอัดของเพื่อนตัวบางได้ ถึงเขาจะชอบยัดเยียดแบมแบมให้อยู่กับวงก็อตแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้อง ยัดเยียดแบมแบมกับอยู่ในสายตาคนอื่น เขารู้ดีว่าเพื่อนนิสัยเป็นยังไงชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไรแค่บางครั้งและบาง เรื่องเท่านั้นแหละที่เขาจะขัดแบมแบม
“หายอึดอัดยัง ทำตัวให้ชินหน่อยนะช่วงนี้แกต้องตกเป็นเป้าสายตาสักพักแต่เดี๋ยวก็คงดีขึ้น” เมื่อออกมาพ้นหน้าร้านที่แฟนคลับวงก็อตยืนออกันแน่นแล้วยองแจก็ถามขึ้นมาเบาๆเพราะกลัวว่าจะโดนตามมาถึงบริเวณที่เขาจอดรถ
“อืม ก็แค่อึดอัดนิดหน่อยจะพยายามปรับละกัน แต่อย่าลืมนะยองแจเย็นนี้น่ะ” ไม่ ต้องขยายความใดๆต่อทั้งสิ้นยองแจก็รับรู้ความต้องการของเพื่อนได้ แต่คิดหรอว่าคนอย่างยองแจจะยอมอะไรง่ายๆที่เกี่ยวกับเรื่องของไอ้พี่มาร์ค แต่เพื่อทำให้แบมแบมสบายใจไปก่อนก็พยักหน้ารับรู้แต่ไม่ได้บอกว่าจะพาไปส่ง นิ เขามีแผนเตรียมไว้อยู่แล้ว
แบ มแบมที่เห็นว่ายองแจพยักหน้ารับก็คิดไปเองว่าอีกฝ่ายตกลงพาไปหามาร์คแล้วก็ ยิ้มรับแล้วกระโดดขึ้นรถคันหรูของเพื่อนตัวปัญหาอย่างไม่อิดออด แบมแบมไม่ได้อยากไปหามาร์คอะไรมากมายแต่ถ้าช่วยอะไรได้ในตอนนี้เราก็สมควร ที่จะช่วยใช่หรือเปล่า ยิ่งเป็นคนที่คุ้นเคยกันแล้วยิ่งต้องช่วยใหญ่ถึงแม้ว่ามันจะเสี่ยงมากก็ตาม
เมื่อมาถึงโรงหนังที่ห้างG ยอง แจก็จัดการลากแบมแบมลงจากรถทันทีไม่งั้นคงไม่ได้ดูกันพอดีหนังเหนิงอะไร เนี่ยก็เล่นหลับซะเป็นจริงเป็นจังตลอดการเดินทางมานี่นะแถมปลุกแล้วยังพลิก ตัวหนีนอนต่ออีก ยองแจบอกได้คำเดียวเลยว่าลมจะจับ กว่าจะลากแบมแบมมาถึงจุดหมายได้นี่เล่นซะเหงื่อตกต้องมายืนขอโทษขอโพยนัก ร้องดังขวัญใจเขาเองอีกที่มาช้ากว่าคนอื่นเลย แต่ไอ้ตัวต้นเหตุยังยืนโงนเงนตาจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
“ไม่เป็นไรหรอกยองแจ แบมแบมนี่น่ารักจังเลยน้าไม่น่าละคนแถวนี้ถึง...เอ้อใช่ พวกเราซื้อตั๋วหนังเรียบร้อยแล้วนะ แหะๆ” ยังไม่ทันได้พูดจนจบก็ถูกสายตาบางคนเขม่นเข้าให้ก่อนจะเบรคตัวเปลี่ยนเรื่องแทบไม่ทัน
ยอง แจที่พอจะรู้อยู่แล้วว่าจินยองจะพูดอะไรก็ส่งยิ้มหวานไปให้เป็นอันว่ารู้กัน ซึ่งไม่ได้ต่างจากคนอื่นๆที่ลอบมองอยู่สักเท่าไหร่ เมื่อใกล้ถึงเวลาหนังฉายยองแจก็แกล้งลากจินยองออกมาบอกว่าจะไปซื้อป็อปคอน กับโค้กให้คนอื่นๆก่อนเดี๋ยวเสียเวลา ส่วนมักเน่ร่างยักษ์ก็สะกิดลีดเดอร์ของวงให้ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนเพราะ กลัวโดนดักฉุดเหลือเพียงแค่แจ็คสันกับแบมแบมอยู่ตามลำพัง
แจ็ค สันลอบมองแบมแบมที่ยืนตาปิดแหล่ไม่ปิดแหล่พิงเสาอยู่ด้วยใบหน้าที่แต่งแต้ม ไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนที่หาดูได้ยากจากคนๆนี้ แฟนคลับหลายคนก็แอบมองดูอยู่ไกลๆไม่กล้าเข้ามาขอถ่ายรูปถึงแม้ว่าร่างสูง นั้นจะอารมณ์แบบคูณร้อยมากกว่าปกติ
“นี่...” แจ็ค สันยกมือขึ้นสะกิดไหล่ขวาของอีกคนอย่างเบามือกลัวว่าถ้าสะกิดแรงอีกคนจะเซ แล้วล้มลงไปกองกับพื้น แต่เพราะด้วยปัจจัยอะไรหลายๆอย่างทำให้ร่างบางนั้นไม่ได้สะทกสะท้านหรือขยับ ตัวให้สัญญาณว่ารู้ตัวเลยสักนิดจึงทำให้อีกคนต้องเปลี่ยนจากสะกิดเป็นจับ ไหล่บางทั้งสองข้างไว้แทนแล้วเขย่าเบาๆ
“แบม” คนที่ต้องแบกหน้าที่ปลุกร่างบางที่หลับกลางอากาศก็เพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้อีกคนรู้ตัวแต่ก็ว่างเปล่า
“แบมตื่นได้แล้ว” ทั้งพูดทั้งเขย่าตัวจนอีกคนลืมตาขึ้นมาด้วยสีหน้ามึนงงก่อนจะผงะจนหัวทุยเขกเข้าให้กับเสาด้านหลังจนร้องโอดโอยด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“เฮ้ย แบม” แจ็ค สันร้องขึ้นอย่างตกใจรีบคว้าข้อมือบางให้ออกห่างจากเสาต้นใหญ่ที่ทำให้ร่าง เล็กต้องเจ็บตัว มือหนาลูบหัวทุยเบาๆเพื่อจะตรวจดูว่าอีกคนหัวโนหรือเปล่าเมื่อเห็นว่าไม่ เป็นอะไรก็ก้มหน้าลงมาให้อยู่ในระดับเดียวกับแบมแบมที่หน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ อย่างห้ามไม่ได้
“ไหนอาการเป็นไงบอกหมอสิ” แจ็คสันยิ้มทะเล้นแกล้งคนตรงหน้าที่ตีหน้ามุ่ยใส่เขาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บรรยากาศอึดอัดในตอนแรกๆก็เริ่มหายไปคนใครบางคนไม่รู้ตัว
“เจ็บน่ะสิถามได้ ลองโดนดูมั้ยล่ะ” แบมแบมว่าพลางทำหน้ายู่
“โอ๋ๆ ไม่งอแงนะเดี๋ยวหมอเป่าให้ เพี้ยงง” แจ็คสันเป่าเข้าให้ที่หัวทุยจนอีกคนถึงกับมองตาค้างแล้วรีบเดินหนีเข้าไปข้างในทันที
หลังจากหนังจบทุกคนก็ออกมายืนคุยกันหน้าโรงหนังเหมือนเดิมโดยมีแฟนคลับวงก็อตแอบตามมาถ่ายรูปหลังจากได้รับข่าวสารว่าวันนี้วงก็อตมาดูหนังกันที่นี่และมีเพื่อนมาด้วย แบมแบมที่เริ่มชินกับการที่ตกเป็นเป้าสายตาก็ไม่ได้แสดงอาการอึดอัดอะไรออกมาส่วนยองแจก็ไม่ได้สะทกสะท้านกับสายตาคนอื่นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“ยองแจอย่าลืมนะว่าฉันมีธุระ” เมื่อมองนาฬิกาที่ตอนนี้มันก็เริ่มจะเย็นมากแล้วจึงรีบหันไปบอกเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ทำท่าทางลุกลี้ลุกลนแปลกๆ
“โอ้ยแย่แล้วแย่แน่ๆเลยว่ะแบม คือว่า โอ้ยยย เอาไงดีเนี่ย” อยู่ดีๆยองแจก็โวยวายขึ้นมาเฉยๆจนคนอื่นๆที่อยู่บริเวณรอบๆหันมามองด้วยความสงสัย
“แย่อะไร?” แบมแบมถามเสียงเข้ม
“อ่ะใช่แล้ว! แจ็คสัน อ่า...ฉันวางไปส่งแบมแบมที่บ้านหน่อยนะคือฉันมีธุระสำคัญต้องไปให้ทันภายในสิบนาทีนี้ไม่งั้นหัวฉันหลุดออกมาจากบ่าแน่เลย แบมแกกลับกับแจ็คสันนะ อ๊ะ! แจ็คสันฝากด้วยนะส่งให้ถึงบ้านนะห้ามแวะที่ไหน ฉันไปละบาย เจอกันเมื่อชาติต้องการนะเว่ยแบมฉันมีธุระด่วนจริงๆ บาย” ยองแจพูดแบบไม่หายใจฝากฝังเพื่อนตัวเล็กไว้กับแจ็คสันแล้ววิ่งออกไปแทบจะทันทีจนคนฟังมองหน้ากันงงๆก่อนจะลงความเห็นกันทางสายตาว่า
กูงง
แบมแบมที่ฟังเพื่อนแร็ปจบก็แทบจะล้มทั้งยืนทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเพื่อนตัวปัญหามันหลีกเลี่ยงที่จะไม่ให้เขาไปหามาร์คที่คอนโดล่ะ แต่ไม่คิดว่าจะใช้วิธีนี้กับเขายองแจเป็นเพื่อนที่อันตรายรู้จุดอ่อนของเขาแทบทุกอย่าง ใช่ แบมแบมเป็นคนขี้เกรงใจยิ่งกับคนที่ไม่สนิทใจหรือคนแปลกหน้าแทบจะไม่ยุ่งหรืออะไรด้วยเลย แล้วยิ่งกับวงก็อตที่เป็นถึงไอดอลคนดังยิ่งแล้วใหญ่จนต้องเอ่ยปฏิเสธแทบจะทันที
“ฉัน...กลับเองดีกว่านะ” เสียงหวานรีบพูดดักแต่มีหรือที่คนอย่างแจ็คสันจะปล่อยโอกาสให้หลุดไปง่ายๆ
“ยองแจฝากนายไว้กับฉันแล้ว ฉันเป็นพวกไม่ชอบผิดคำพูดสักเท่าไหร่” อ่า อาจจะมีการเข้าใจผิดมีใครไปสัญญาหรือพูดอะไรกันต่อไหนหรอ มีแต่ยองแจที่พูดอยู่คนเดียวแล้ววิ่งออกไป
“นั่นสิ ให้แจ็คสันไปส่งเถอะปลอดภัยกว่าเยอะเลยนะแบม” จินยองรีบพูดสนับสนุน
“ช่ายย ให้แจ็คสันฮยองไปส่งเถอะ นี่ก็จะมืดแล้วเพื่อความปลอดภัยนะ” แบมแบมอยากจะพูดออกมาเหลือเกินว่ายิ่งอยู่กับแจ็คสันเขายิ่งไม่ปลอดภัย เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้ง่ายๆแต่ใครจะไปบอกกันล่ะเรื่องนี้ต้องมีเขาคนเดียวที่รู้
“ให้แจ็คสันไปส่งนั่นแหละ เพื่อนนายฝากไว้แล้ว” และแล้วลีดเดอร์เจบีก็ออกคำสั่งมาแบบไม่มีใครหน้าไหนกล้าปฏิเสธจนแบมแบมต้องพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้ ยืนคุยนู่นนี่กันสักพักมีแต่แบมแบมที่เป็นฝ่ายเงียบตลอดเพราะยังคงเกร็งๆกับคนพวกนี้อยู่แต่จะมีตอบบ้างเวลาพวกจินยองหันมาถามเขา จนทุกคนตกลงอะไรกันเสร็จเรียบร้อยเกี่ยวกับวงก็อตนั่นแหละเขาไม่ได้ฟังแล้วก็แยกย้ายกันกลับไม่พ้นที่ร่างเล็กต้องเดินตามร่างโปร่งของแจ็คสันต้อยๆ ในใจก็กังวลว่าจะไปที่คอนโดแจ็คสันได้ยังไง
เมื่อมาถึงรถแบมแบมก็ปิดปากเงียบไม่พูดอะไรออกมาจนอีกฝ่ายต้องลอบมองความผิดปกติ ถึงจะรู้ว่าอีกคนเป็นคนที่พูดค่อนข้างน้อยไม่ค่อยเปิดประเด็นแต่ครั้งนี้ดูเงียบเกินไปจนอึดอัดและน่าสงสัยถึงให้เป็นคนเงียบแค่ไหนแต่ก็น่าจะพูดอะไรออกมาบ้าง
“แบม เป็นอะไรหรือเปล่า” หลังจากสตาร์ทรถเรียบร้อยแล้วก็หันหน้ามาถามร่างบางที่นิ่งเงียบทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ข้างๆจนอดถามไม่ได้
“คะคือว่า...ฉัน เอ่อ แบม ไม่สิ ฉันขออะไรอย่างได้มั้ย” แบมแบมถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักและยังคงไม่ชินกับการเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อหรือว่าแค่ฉันดีให้ดูไม่น่าเกลียดหรือสนิทเกินไป
“แลกกับอะไรละ” แจ็คสันถามด้วยรอยยิ้มจนคนข้างๆหันมามองด้วยแววตาแปลกๆ ก็คงไม่คิดว่าคนอย่างแจ็คสันจะเป็นพวกเจ้าเล่หละมั้ง
“เห้อ ไม่รู้สิ อะไรก็ได้มั้ง” อะไรก็ได้ของแบมแบมคือต้องอยู่ในขอบเขตที่เขาสามารถให้ได้
“หึ พูดแล้วนะ” เสียงทุ้มถามย้ำ
“เดี๋ยว...แล้วถ้านายขออะไรที่ฉันให้ไม่ได้ล่ะ” ใบหน้าหวานงองุ้มลงแทบจะทันทีที่พึ่งนึกได้ว่าอีกฝ่ายอาจจะขออะไรที่เขาไม่สามารถให้ได้เช่น บ้านพร้อมที่ดิน หรือให้เขาไปโดดน้ำตาย มันก็คงไม่ใช่เรื่อง
“ฉันรู้หรอกหน่าว่าอะไรที่นายให้ได้แล้วอะไรที่นายให้ไม่ได้ ฉันไม่ใช่พวกบ้าขอดะไปซะทุกอย่างนิ” แจ็คสันอธิบายยาวให้คนตัวเล็กฟัง แจ็คสันเป็นคนมีเหตุผลข้อนี้แบมแบมอาจจะลืมไป
“ว่าแต่จะขออะไร” เมื่อเห็นว่าอีกคนเงียบก็ถามขึ้น
“พาฉันไปส่งที่คอนโดเพื่อนทีแล้วห้ามบอกยองแจ” แบมแบมรีบตอบ
แต่เมื่อได้คำตอบร่างสูงโปร่งก็ชะงักแล้วหันมาหรี่ตามองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างจับผิด ใบหน้าหวานฉายแววกังวลเล็กน้อยกลัวว่าอีกคนจะถามอะไรออกมา ตากลมโตกรอกไปมาอย่างมีพิรุธ แบมแบมแทบจะไม่เคยโกหกและเวลาโกหกมันก็จะไม่เนียน
“เพื่อนนายแล้วทำไมห้ามบอกยองแจ” แล้วในที่สุดแจ็คสันก็ถามออกมา
“เห้อ คือ เอ้อเอางี้จำคนที่ร้านฟลาวเว่อคาเฟ่ได้มั้ย ที่เขาเข้ามาแล้วยองแจต้องเดินไปนั่งกับพวกนายน่ะ อือคือ นั่นมาร์คแฟนเก่าฉันแล้วยองแจไม่ชอบหน้าตั้งแต่เราเลิกกันไปเผอิญช่วงนี้มาร์คมีปัญหานิดหน่อยฉันเลยต้องไปดูแต่ยองแจมันก็ขวางทุกวิถีทางไม่ให้ฉันไปหานั่นแหละ ตกลงจะพาไปส่งมั้ย?” แบมแบมจำใจเล่าออกมาในที่สุดเพราะไม่อยากโกหกอีกฝ่ายไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ถ้าเขาโกหกมันจะทำให้เขารู้สึกผิดมากแน่ๆ
“ไม่ไปส่ง” เสียงทุ้มตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนร่างบางหน้าเสีย
“อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อย่างงั้นสิ ฉันหมายถึงไม่ไปส่งให้นายอยู่กับมาร์คอะไรนั่นสองคนต่างหากฉันจะไปอยู่ด้วย ถ้านายเสร็จธุระก็จะได้กลับพร้อมกัน ตกลงตามนี้นะ โอเค ทีนี้ก็มาเรื่องข้อตกลงระหว่างเรากันแล้วแหละ”
เมื่อได้ยินคำว่าข้อตกลงระหว่างเราใจร่างบางก็กระตุกวูบและเต้นถี่จนต้องค่อยๆหายใจเข้าออกยาวๆเป็นจังหวะ แต่แจ็คสันก็ไม่ทันสังเกตถึงความผิดปกติของร่างเล็ก
“ฉันขอนายแค่สามอย่างเท่านั้นแหละ อย่างแรก...แทนตัวเองว่าแบม ส่วนข้อสองกับข้อสามถ้าฉันคิดออกแล้วจะบอกละกันนะ” แบมแบมพยักหน้ารับเบาๆ ถึงจะสงสัยว่าทำไมมันมีตั้งสามข้อแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปเพราะกลัวอีกคนจะเปลี่ยนใจไม่พาเขาไปที่คอนโดมาร์ค
หลังจากบอกชื่อคอนโดเรียบร้อยแล้วแจ็คสันก็ออกรถมุ่งหน้าไปที่คอนโดที่มาร์คอยู่ทันทีเพราะกลัวว่ารถติดแล้วมันจะดึกมากไปกว่านี้ กว่าทั้งสองคนจะตกลงกันเสร็จตะวันก็ตกดินแล้วไหนจะธุระของแบมแบมที่ไม่รู้ว่าจะเสร็จตอนไหนอีกจึงต้องออกรถมาอย่างไว ผ่านไปไม่ถึงสามสิบนาทีทั้งสองคนก็มาถึงคอนโดของมาร์คเรียบร้อยแล้ว แบมแบมมีท่าทีเกร็งเล็กน้อยที่ต้องพาแจ็คสันมาด้วยแล้วยังไม่รู้ว่าจะให้เหตุผลกับมาร์คว่ายังไงอีกแต่ก็สะบัดความคิดนั้นออกอย่างรวดเร็วเมื่อมาถึงหน้าห้องแล้วก็คงจะใช้วิธีแถแบบเนียนๆแทน
มาร์ครู้อยู่แล้วว่ายองแจไม่ค่อยชอบหน้าตั้งแต่เลิกกับเขาไป แต่ก็ไม่อยากให้รู้ว่าถึงขนาดกันเขาออกมาโดยหาร้อยแปดวิธีมาไม่ให้เขามาเจอกับมาร์ค ไม่อยากให้มาร์ครู้สึกโดดเดี่ยวหรือแย่มากไปกว่านี้แต่เขาก็ไม่อยากจะว่าอะไรยองแจเหมือนกันเพราะรู้ว่าเพื่อนของเขาก็มีเหตุผล
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
มือเรียวเคาะห้องสามครั้งตามมารยาททั่วไป รอได้ไม่นานเจ้าของห้องก็เปิดประตูออกมาด้วยสีหน้างงงวยก่อนจะยิ้มกว้างจนอีกคนใจกระตุกเมื่อเห็นว่าใครมาหา แต่ก็ต้องตีหน้านิ่งเมื่อเห็นว่าร่างบางไม่ได้มาคนเดียวเหมือนเมื่อวานแต่พาชายหนุ่มที่เขาพอจะคุ้นหน้าคุ้นตาทางทีวีมาด้วย
“ขอโทษนะมาร์คที่แบมพา เอ่อ...พาเพื่อนมาด้วยน่ะ” เมื่อเข้าห้องมาแบมแบมก็รีบพูดขอโทษอีกคนแทบจะทันทีเมื่อเห็นว่ามาร์คไม่ยอมยิ้มเลยหลังจากที่เห็นแจ็คสันอยู่ข้างหลังเขาตรงหน้าประตู
“พอดีผมรับหน้าที่มาส่งแบมแทนยองแจ คุณคงไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ยครับ” แจ็คสันที่เห็นว่าอีกคนเงียบไม่ยอมตอบอะไรร่างบางก็ถามขึ้นเพื่อหยั่งเชิงอีกฝ่าย
ได้ผลเมื่อมาร์คตวัดสายตามามองแจ็คสันอย่างไม่เป็นมิตรเท่าไหร่แต่ก็พยักหน้าออกมาเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันมาคุไปมากกว่านี้ แค่เห็นว่าร่างบางยอมมาหาตัวเองตามที่บอกไปเมื่อเช้าก็ดีแล้ว
“วันนี้เป็นไงบ้างมาร์ค ตั้งแต่เช้ากินอะไรหรือยังแบมหาอะไรให้กินมั้ย” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีตอบสนองออกมาบ้างแบมแบมก็รีบยิงคำถามแล้วทำท่าจะเดินไปที่ครัวโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ แต่มือหนาก็รั้งเอาไว้ก่อน
“ไม่ต้องหรอก แค่แบมมามาร์คก็ไม่หิวอะไรแล้ว” มาร์คตอบด้วยน้ำเสียงนุ่ม ทางด้านแจ็คสันที่ยืนมองมานานก็เพียงแค่แค่นยิ้มออกมาแล้วเดินไปนั่งเล่นที่โซฟา
“เห้อ อย่าพูดอย่างงี้สิมาร์ค กินอะไรบ้างสิ” แบมแบมพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ
“อื้อ แต่ตอนนี้มาร์คต้องการแค่แบมนะ มาร์คคิดถึงแบมนะ” เมื่อมาร์คเหลือบมองไปที่แขกอีกคนที่เริ่มตัดตัวเองออกจากโลกภายนอกก็ดึงร่างบางเข้ามากอดอย่างคิดถึงแต่แบมแบมก็รีบผลักออกเบาๆ ไม่ใช่ว่ารังเกียจแต่ว่ามันไม่เหมาะสม
“แบมไม่อยากจะพูดซ้ำนะมาร์ค เมื่อวานแบมก็พูดไปแล้ว” เขาไม่ได้ต้องการย้ำอีกฝ่ายแต่เขาต้องการที่จะย้ำตัวเองว่าคนตรงหน้าไม่เหมือนเดิมแล้ว ไม่ว่าจะแสดงท่าทีออกมาแค่ไหนแต่ดูยังไงมันก็ไม่เหมือนเดิมและมันก็คงไม่มีทางเป็นเหมือนเดิมได้อีกถ้าเขาไม่อ่อนแอเกินไป...
“แบมไม่รักมาร์คแล้วใช่มั้ย” จบประโยคทั้งแบมแบมและแจ็คสันก็หันกลับไปมองมาร์คด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน แบมแบมเม้มปากเป็นเส้นตรงไม่ได้ตอบอะไรออกมา ส่วนแจ็คสันก็เหลือบมองเพราะก็อยากรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะตอบว่ายังไง
“แบม...”
Talk
กลับมาละจ้าาา
ตอนต่อไปนี่คัมมิ่งซูนน้ออออ
ถ้ามีอะไรแนะนำหรืออยากพูดคุยตามทวงฟิคก็นี่เลย
ทวิตเค้าเองพึ่งสมัครอีกอันเพื่อการนี้โดยเฉพาะ จะได้สะดวกๆ
หรือจะติดแท็กฟิค #ficmusiclove ก็ได้นะ ยาวไปป่ะ
นี่พึ่งคิดตอนนี้เลยนะ เพราะช่วงนี้อาจจะหายไปนานๆเลย
จะทิ้งกันมั้ยอ่ะ เพราะมอใกล้เปิดแล้ว กิจกรรมรับน้องอีกเยอะเลย
อย่าทิ้งกันไปน้า อย่าลืมไปพูดคุยกันในทวิตได้นะคะ บายย
เม้นโหวตเป็นกำลังใจให้คนแต่งด้วยน้า จุ้บบบ
ความคิดเห็น