คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : The Only Exception
The Only Exception
Maybe I know somewhere
deep in my soul
that love never lasts
and we've got to find other ways
to make it alone
keep a straight face
ความรักไม่มีวันคงอยู่ตลอดไป
ตอนนี้แบมแบมก็ขึ้นมานั่งเล่นในห้องของมาร์คห้องที่แบมแบมคุ้นเคยแต่ก็นั่นมัน เมื่อก่อน เขาไม่ได้อยากขึ้นมาและมาร์คก็ไม่ได้ขอให้เขาขึ้นมาเหมือนกันแต่อาการของ มาร์คน่าเป็นห่วงเกินไป เขาอยากเป็นที่พึ่งให้มาร์คเพราะเขาก็ยังรักมาร์คอยู่อะไรที่ทำให้มาร์คสบาย ใจขึ้นได้เขาก็อยากทำ
“มาร์ค” แบมแบมเรียกอีกคนที่ยังนั่งเหม่ออยู่ที่โซฟาจนทำให้อีกคนสะดุ้งและหันมาฉีกยิ้มบางๆให้คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ
“อยากกินอะไรมั้ยเดี๋ยวแบมทำให้” เสียงหวานรีบถามขึ้นทันทีที่เห็นอีกคนมีปฏิกิริยาอย่างอื่นนอกจากนั่งเหม่อ
“แบม...มาร์คคิดถึงแบมจริงๆนะ” ไม่จริงหรอก คนตัวเล็กนั่งเถียงในใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพียงแต่ส่งยิ้มบางๆกลับไป ให้เท่านั้น ถ้ามาร์คคิดถึงแบมจริงมาร์คจะไม่มานั่งเหม่อแบบนี้หรอก
“กลับมาเหมือนเดิมได้หรือเปล่า” ร่างบางขยับตัวลงไปนั่งข้างล่างซึ่งตรงข้ามกับมาร์คที่นั่งอยู่บนโซฟาเท่ากับว่า ตอนนี้ทั้งสองคนนั่งประจันหน้าเข้าหากันอยู่ แบมแบมเอื้อมมือไปกุมมือหนาและบีบเบาๆเพื่อเรียกสติให้สนใจที่เขากำลังจะพูด
“แบ มไม่รู้หรอกนะว่ามาร์คเจออะไรมาถึงเป็นแบบนี้แล้วก็ไม่ว่ามาร์คจะเจออะไรมา แบมอยากให้มาร์คนึกถึงแบมนะเพราะแบมจะอยู่ข้างๆมาร์คเสมอ ถ้ามาร์คพร้อมเมื่อไหร่ค่อยเล่าให้แบมฟังก็ได้แล้วอีกอย่างหนึ่งอย่าทำอะไร เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบเลยนะมาร์ค” เพราะคนที่เจ็บ จะเป็นเขาเอง สิ่งที่ยืนยันได้ดีที่สุดคือเขายังตัดใจจากคนตรงหน้าไม่ได้ถ้าเขาไม่เตือน อะไรมาร์คคนที่พลาดก็คือเขา คนที่เลิกกันไปแล้วถ้ากลับมาคบกันอีกก็เหมือนกับอ่านหนังสือเล่มเดิมและตอน จบก็เหมือนเดิม แต่เขาคงพูดได้ไม่เต็มปากว่าคนที่เจ็บที่สุดคือเขา
มาร์ค ไม่ได้ตอบรับอะไรแบมแบมเพียงแค่เลื่อนตัวลงมาและสวมกอดคนตัวเล็กไว้แน่น เหมือนคนต้องการที่พึ่งพิง ถ้าแบมแบมเป็นพวกคิดเข้าข้างตัวเองและอยากจะเจ็บอยากจะลองเสี่ยงคงคิดว่า มาร์คอยากให้เขากลับไปมาก แต่แบมแบมไม่ใช่แบบนั้นเขามองทุกอย่างในแง่บวกตลอดและจะอิงความเป็นจริงด้วย เช่นกัน จะว่าเขาเป็นคนแปลกก็ได้ยองแจก็ชอบพูดอย่างงั้นว่าเขามีความคิดแปลกๆจากนั้น ก็ตามด้วยการส่ายหน้าให้เขาอย่างระอาใจ ถ้าคนอื่นมาได้เห็นแบมแบมในแง่มุมนี้คงคิดว่าน่าเบื่อซึ่งมันก็จริงใครจะมา อยู่กับคนหน้าเบื่ออย่างเขาได้ล่ะ มันทำให้เขารู้ว่า คำว่าตลอดไปมันไม่มีจริงหรอก มีแต่จะประคองความรักของกันและกันไปจนอีกคนจะตายหรือเปล่าแค่นั้นเอง
“อย่าลืมนะมาร์คแบมยังอยู่ข้างมาร์คเสมอ กลับมาเป็นมาร์คคนเดิมไวๆนะ” แบ มแบมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นกว่าเดิมเพื่อยืนยันว่าเขายังคงอยู่ข้างๆมาร์ คจริงๆก่อนจะดันตัวออกและช้อนใบหน้าคมตรงหน้าให้มองมาที่ตัวเอง
“แบมกลับก่อนนะมาร์ค มีอะไรโทรหาแบมได้เสมอนะ” เมื่อ พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืนเตรียมตัวจะกลับบ้านเพราะตอนนี้ก็เริ่มดึกแล้วเขาไม่ ชินเวลาขับรถตอนกลางคืนและมาร์คก็รู้เรื่องนี้ดีแต่แบมแบมคงลืมไปว่าวันนี้ ตัวเองขับรถของมาร์คมาส่งมาร์คที่คอนโดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“อื้อ กลับบ้านดีๆนะแบมดึกแล้วมาร์คเป็นห่วง” มาร์ค เดินไปส่งแบมแบมที่ชั้นล่างของคอนโดอย่างเคยชินและคนตัวเล็กก็ไม่ได้ค้าน อะไรจนเมื่อถึงชั้นล่างจึงนึกขึ้นมาได้ว่าแบมขับรถเขาเพื่อมาส่ง เขาก็รั้งข้อมืออีกคนที่ทำท่าเตรียมจะออกไปจากคอนโดแต่ก็ต้องตกใจเมื่อ สังเกตเห็นว่ามือของแบมแบมมีพาสเตอร์แปะแผลอยู่
“แบมจะกลับยังไงให้มาร์คไปส่งมั้ย แล้วมือแบมไปโดนอะไรมา” แบมแบมรีบส่ายหน้าและส่งยิ้มขำๆไปให้เพราะตอนนี้มาร์คเหมือนเจ้าหนูจำไมอย่างไงอย่างงั้นเลยนี่สิคือความน่ารักของมาร์ค
“เดี๋ยวแบมให้ยองแจมารับ มาร์คขึ้นไปพักเถอะนะส่วนเรื่องแผลก็แค่อุบัติเหตุน่ะ” แบมแบมเลือกที่จะโกหกออกไปและเพียงชั่วเสี้ยววินาทีที่ทำให้แบมแบมนึกถึงเจ้าของพาสเตอร์แปะแผลขึ้นมา
“มาร์คอยู่รอจนกว่ายองแจจะมารับแบมดีกว่า” อีกคนยังคงดื้อดึงที่จะอยู่เป็นเพื่อนมากกว่าขึ้นไปนอนพัก
“อย่าดื้อสิมาร์ค ขึ้นไปพักเถอะนะถือว่าทำเพื่อแบมสักครั้ง” นี่ คงเป็นวิธีการบังคับที่ค่อนข้างได้ผลดีเลยทีเดียว มาร์คคว่ำปากอย่างขัดใจและเอื้อมมือไปขยี้หัวแบมแบมอย่างเคยชินส่วนอีกคนก็ ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแค่ส่งยิ้มไปให้
“อื้อมาร์คขึ้นไปก็ได้ แต่มาร์คขออะไรอย่างนะถ้าแบมถึงบ้านแล้วส่งข้อความมาหามาร์คนะ” แบ มแบมพยักหน้ารับและดันตัวอีกคนให้หันหลังกลับขึ้นห้องไปได้แล้ว เมื่อยืนมองจนมาร์คขึ้นลิฟต์ไปแล้วเขาก็ก้าวออกนอกคอนโดทันที เขายังไม่ได้โทรหายองแจและคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคงไม่โทรไปรบกวนเขาอยากจะ เดินกลับไม่ใช่สิตอนนี้น่ะเดินกลับแต่ถ้าเมื่อยเขาคงขึ้นรถเมล์กลับนั่นแหละ เขายังอยากจะเดินให้ปลอดโปร่งเสียก่อนเพราะวันนี้เขาใช้ทั้งสมองและหัวใจ หนักไปพอสมควร
การ อยู่กับมาร์คสองต่อสองมันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับแบมแบมนักหรอกคนมันคุ้นเคยแต่ มันจำเป็นเขาจึงต้องฝืน ตอนนี้มาร์คน่าสงสารเขาแค่อยากจะคอยช่วยอยู่ข้างๆคอยเป็นกำลังใจและคอยเป็น ที่พึ่งให้ถึงแม้ว่าการทำอย่างงี้มันจะยิ่งทำให้เขาตัดใจจากมาร์คได้ยากขึ้น ก็ตาม เขายังคงเดินเรื่อยๆไปตามถนนอย่างคุ้นเคยเขาชอบการเดินกลับมากกว่าขับรถกลับ มันทำให้เขาได้ปลดปล่อยหรือเขาอาจจะคิดไปเองก็ไม่รู้สินะ การเดินกลับไม่ใช่เรื่องแย่อะไรมันบอกถึงความไม่เร่งรีบการเดินไปเรื่อยๆ ซึ่งต่างจากการขับรถมันทำให้เขาหงุดหงิด จากคนที่เคยมีเหตุผลร้อยแปดพันเก้าก็เหมือนกับเปลี่ยนเป็นอีกคนมันวุ่นวาย เขาไม่ชอบอะไรที่มันวุ่นวายเหมือนวันนี้ที่สนามบิน ใช่! เรื่องวันนี้ที่สนามบินมันทำให้เขาอายมากๆ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้คิดอะไรมากไปกว่านี้โทรศัพท์ก็เข้าเสียก่อน
Youngjae
“ว่าไงยองแจ” ยองแจโทรมาเขารู้สึกแปลกๆ ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันดีหรือไม่ดี
(กลับมาจากห้องไอ้พี่มาร์คยัง!) เสียงยองแจดูร้อนรนแปลกๆ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากคงเพราะกลัวว่าเขาจะอยู่กับมาร์คนานเกินไปน่ะสิ
“ออกมาแล้วแหละ กำลังจะกลับ”
(ขอโทษนะแบมแบมฉันคงทำอะไรไปไม่คิดจริงๆนั่นแหละ) แปลก วันนี้ยองแจมาแปลกไม่เข้าใจว่าจะขอโทษทำไมในเมื่อเขาไม่ได้โกรธ เขาเข้าใจที่ยองแจห่วงเขา
“เป็นคนคิดมากอย่างงี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยยองแจ เรื่องที่ร้านน่ะไม่ได้โกรธหรอกนะอย่าคิดมากสิ” เขา คงยังเดินไปเรื่อยๆและคุยโทรศัพท์ไปด้วยเกือบจะหลุดขำออกมาด้วยซ้ำ ปกติยองแจจะปล่อยให้เรื่องมันผ่านไปและก็คุยกันเหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไร เกิดขึ้นแต่ครั้งนี้แปลกกว่าทุกครั้ง
(ไม่ใช่เรื่องนั้น ถ้าเป็นเรื่องนั้นฉันไม่มาขอโทษให้เปลืองค่าโทรศัพท์หรอก) อ้าว เท่ากับว่าเข้าใจผิดมาทั้งหมดเลยสินะ
“แล้วขอโทษเรื่องอะไรล่ะ” แบมแบมถามด้วยน้ำเสียงสงสัย
(เรื่อง ที่สนามบิน มาหาฉันที่ฟู้ดคาเฟ่ตรงข้ามตึกเจวายพีหน่อยสิ) เขารีบวางสายของยองแจและเรียกแท็กซี่ให้ไปฟู้ดคาเฟ่ตามที่ยองแจบอกทันที แต่เขาก็ฉุกคิดมาได้เรื่องหนึ่งที่เขาเกือบลืม
มือบางล้วงโทรศัพท์ที่พึ่งยัดใส่กระเป๋าไปเมื่อกี้ขึ้นมากดยุกยิกสักแปบหนึ่งก่อนจะเก็บเข้าไปที่เดิม
แบมถึงบ้านแล้วนะมาร์ค
ผ่านไปสักพักแบมแบมก็ได้เดินทางมาถึงสถานที่ที่ยองแจนัดไว้นั่นคือฟู้ดคาเฟ่ ปกติเขาไม่ค่อยมาแถวนี้หรอกมันไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องมาถึงแม้ยองแจจะมาบ่อยก็ตามแต่เพราะอะไรหลายๆคนก็คงรู้ใช่มั้ยล่ะ? คนพวกนั้นไงล่ะ ยองแจนิ่แฟนบอยดีเด่นเลยนะ แต่คงจะไม่ใช่เพื่อนดีเด่นสำหรับเขาสักเท่าไหร่ รู้สึกช่วงนี้ชีวิตของแบมแบมจะแฟนตาซีซะเหลือเกินเพราะเพื่อนตัวดีนั่นไง
ร่างบางผลักประตูเข้าไปในร้านฟู้ดคาเฟ่ที่ตอนนี้ไม่ค่อยจะมีคนสักเท่าไหร่ ตากลมโตก็มองหาเพื่อนตัวปัญหาทันทีและก็เจอ ยองแจนั่งอยู่ที่มุมร้านค่อนข้างจะเป็นมุมอับเลยแหละแต่ไม่ได้นั่งอยู่คนเดียวแบมแบมรีบเดินเข้าไปอย่างสงสัยว่าเพื่อนตัวเองจะนัดใครมาอีก เมื่อเดินมาถึงโต๊ะก็แทบจะวิ่งออกจากร้านทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่กับเพื่อนเขาเป็นใครบ้าง
“อ่ะ แบมแบมมาเร็วนิ่หว่า” ยองแจที่หันมามองพอดีก็ทักอย่างตกใจ
“รถไม่ได้ติด แล้วตกลงมีอะไรทำไมถึงมาอยู่กับ...พวกเขาได้ล่ะ” แทนที่แบมแบมจะหาที่นั่งก่อนแล้วค่อยถามแต่เจ้าตัวกลับยืนอยู่ข้างๆเพื่อนตัวปัญหาแล้วถามกลับไปแทนก็วันนี้เล่นเจอครบชุดตั้งแต่เช้ายันเย็นไม่สิยั้นมืดต่างหากอะไรจะบังเอิญขนาดนั้น ไม่ๆ ไม่ได้บังเอิญ ยองแจมันจงใจ
“ก็เรื่องที่โทรบอกนั่นแหละ” แบมแบมพยักหน้าเข้าใจแต่ก็ส่งคำถามไป
“แล้วไง?” เขาไม่ใช่คนที่พูดน้อยอะไรมากแต่เรื่องนี้เขาอยากจะประหยัดคำพูดซะเหลือเกิน เวลาอยู่กับคนที่ไม่รู้จักเยอะๆแบมแบมก็เหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคน
“คือว่างี้ แฟนคลับวงก็อตเนี่ยเขาไม่ค่อยพอใจ” ใบหน้าหวานหันมามองเพื่อนตัวดีด้วยแววตานิ่งๆ
“ก็พอจะรู้อยู่หรอก แล้วมันเพราะใครล่ะ” แบมแบมรีบส่งค้อนวงใหญ่ไปให้ยองแจทันทีแต่ยังไม่ทันที่ยองแจจะได้แก้ตัวหรือว่าพูดอะไรก็มีเสียงทุ้มของใครบางคนดังแทรกขึ้นมาซะก่อน
“นั่งก่อนมั้ยครับ” แบมแบมหันไปมองแล้วพยักหน้านิดๆก่อนจะนั่งลงข้างๆกับยองแจ ตอนนี้เขาจะพยายามไม่มองไปทางอื่นจึงจ้องหน้าเพื่อนสนิทของตัวเองไม่วางตา
“จ้องขนาดนี้ถ้าฉันเป็นปลากัดคงท้องไปละ” ยองแจที่เห็นว่าเพื่อนตัวเองจ้องอยู่จึงบ่นออกมาเบาๆ แต่มันก็ได้ยินกันทั่วนั่นแหละ
“มีอะไรก็ว่ามา ง่วงแล้ว” ตอนนี้รู้สึกแค่อยากจะง่วงกระทันหันทั้งๆที่ก็ไม่ได้ง่วงอะไรหรอก ปกติแบมแบมเป็นคนนอนดึกตื่นสายอยู่แล้วเพราะมีเรื่องให้คิดเยอะ บางวันก็นอนแทบไม่หลับมันจึงไม่ใช่ปัญหาอะไรเพราะตอนนี้ยังหัวค่ำอยู่เลยไม่ได้ดึกอะไรมากมาย
“ช่วยเป็นเดือดเป็นร้อนเหมือนที่ฉันเป็นหน่อยสิ แบบว่าเอ้อตกใจมีแฟนคลับวงก็อตมาด่าในเน็ตทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ผิดไรงี้” แบมแบมส่ายหน้าอย่างระอา
“จะให้ฉันไปด่ากลับมั้ยละ” แบมแบมถามทีเล่นทีจริง ก็ไม่แปลกอยู่แล้วที่แฟนคลับจะมาด่าก็ไม่เห็นจะต้องเดือนร้อนอะไรใครทำอะไรก็รู้อยู่แก่ใจอะไรจริงอะไรหลอก ถ้าไปร้อนตัวตามเรื่องก็ไม่จบง่ายๆน่ะสิ
“นิ่เอาจริง?” ยองแจถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ไม่อ่ะ ไม่ได้เดือดร้อน” คำตอบที่ใครหลายๆคนในโต๊ะได้ฟังก็แทบจะเอาหัวโขกโต๊ะ แต่ยกเว้นกับคนๆหนึ่งที่นั่งยิ้มบางๆกับคำตอบของคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“ช่วยเดือดร้อนหน่อยเถอะครับคุณ แฟนคลับพวกเราก็ร้อยพ่อพันแม่เราไม่รู้หรอกว่าเขาจะโกรธหรือว่ามองข้ามจุดนั้นไป สำหรับพวกเรามันคืออุบัติเหตุแต่สำหรับคนที่มองจากภายนอกมันอาจจะไม่ใช่นะครับ” ใครสักคนในวงก็อตพูดขึ้นมาจนแบมแบมต้องหันไปมอง คนนั้นก็นั่งอยู่ข้างๆกับแบมแบมนั่นแหละ เขามีผมสีเงิน ตาเรียวรีที่ดูดุดัน ถ้าเป็นคนอื่นมองคงมองว่าน่ากลัวแต่นี่เขาไม่รู้จักก็ไม่รู้จะกลัวไปทำไม
“ที่คุณ...เอ่อ นั่นแหละที่คุณพูดมันก็จริง แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าจะเดือดร้อนไปทำไมยิ่งออกไปตอบโต้หรือทำอะไรมันก็จะยิ่งวุ่นวายกว่าเดิมสู้อยู่เงียบๆแบบนี้ไม่ดีกว่าหรอครับ แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเพราะผมก็เป็นผู้ชาย” แบมแบมแจงให้คนข้างๆฟัง ความคิดเขามันอาจจะดูเหมือนขวางโลกใครพูดอะไรมาก็แย้งหมดแต่มันไม่ใช่เขาพูดตามหลังความเป็นจริงถ้าเราเงียบเขาเบื่อก็เลิกด่ากันไปเอง
“ให้ตายเถอะนี่เสียชื่อยองแจหมด เนี่ยคนเนี้ยแจบอมแต่เรียกว่าเจบีก็ได้ง่ายๆเป็นลีดเดอร์วงก็อต ส่วนข้างๆเจบีอ่ะชื่อจินยองแต่เรียกว่าจูเนียร์ก็พอ ส่วนคนตัวใหญ่ๆนั่นชื่อยูคยอมเป็นรุ่นน้อง ส่วนคนที่แกล้มไปแล้วเขาช่วยไว้ชื่อแจ็คสัน” แบมแบมก็มองตามที่เพื่อนแนะนำแล้วส่งยิ้มให้นิดๆ แต่ไอ้นี่คนสุดท้ายนี่เขาอยากจะแก้ซะเหลือเกินว่าไม่ได้ล้มแต่โดนหมาผลัก
“สรุปก็คือคุณจะไม่ทำอะไรเลยใช่มั้ย?” คนชื่อจินยองชะโงกหน้าเข้ามาถามพร้อมกับรอยยิ้มสดใสที่ดูจะประดับอยู่บนใบหน้าอยู่ตลอดเวลา
“ไม่หรอกครับ เรื่องแค่นี้เอง” แบมแบมพูดแบบไม่ค่อยใส่ใจในประเด็นนี้สักเท่าไหร่
“ฮยองผมว่านะ...ก็บอกแฟนคลับไปว่าฮยองคนเนี้ยเป็นเพื่อนกับพวกฮยองก็ได้นิ่” หาเรื่องให้ปวดหัวอีกแล้วสิเนี่ย แบมแบมคิดในใจแต่ก็ไม่ได้ค้านหรือทำท่าเห็นด้วยตามเด็กที่ชื่อยูคยอมอะไรนี่
“อืม เข้าท่า” แบมแบมรีบส่ายหัวพรืดเมื่อเพื่อนตัวปัญหามันไปเห็นด้วยกับมักเน่ของวงก็อต
“ไม่เอาหน่าแบมแบม เอาตามนี้เนอะ” ทุกคนพยักหน้าตกลงเกือบหมดยกเว้นแบมแบมที่นั่งปลงตกอยู่กับที่และแอบเหลือบตาไปมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามที่ไม่ได้ทำท่าเห็นด้วยอะไรกับคนในวงตัวเองแต่กลับส่งยิ้มบางๆมาให้เขาแทน
คนชื่อเจบีได้ลุกขึ้นและเดินไปหาเมเนเจอร์ของวงที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไปแล้วไปคุยอะไรกันนิดหน่อยจากนั้นเมเนเจอร์ก็หันมายิ้มให้เขา มันดูเป็นยิ้มที่น่ากลัวพิลึกก็น่าตาของเมเนเจอร์วงนี้อย่างโหดแต่เขาทำอะไรไม่ได้ก็คงทำเพียงส่งยิ้มกลับไปให้เท่านั้น
“ตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนกันแล้ว จากที่ผมทราบมาเราก็เรียนที่มหาลัยเดียวกันแต่คนละคณะถ้ายังไงอาจจะต้องมีเจอกันบ้างเพื่อไม่ให้แฟนคลับสงสัย ที่เหลือพวกผมจะจัดการเองแล้วต่อไปนี้เรียกชื่อพวกเราแทนคำว่า คุณ นะครับแบมแบม” เจบีเดินกลับมาชี้แจงรายละเอียดให้เข้าฟังอีกรอบหนึ่ง คือแบมแบมอยากจะตอบกลับไปเหลือเกินว่าเขายังไม่ได้ตกลงอะไรด้วยเลยนี่มันมัดมือชกชัดๆ สมใจยองแจแล้วสิ
“เอ่อครับ” แบมแบมทำเพียงแค่พยักหน้าและตอบรับกลับไปเท่านั้น
“ถ้าเราจะขอความร่วมมืออะไรจากแบมแบมเดี๋ยวพวกเราจะติดต่อผ่านทางยองแจละกันนะ พวกเรามีช่องทางการติดต่อกันแล้ว” จินยองเด้งจากเก้าอี้และมากอดคอคนตัวเล็กที่นั่งเหรอหราอยู่ข้างๆยองแจ
แบมแบมหันหน้าไปทางยองแจที่ตอนนี้ส่งยิ้มแบบเจ้าเล่ห์มาให้ บอกได้คำเดียวเลยว่ายองแจมันร้ายกาจมาก แบมแบมอยากจะก้มลงกราบสักสามครั้ง จากนั้นทุกคนก็เริ่มแยกย้ายกันกลับและแน่นอนแบมแบมติดรถของยองแจกลับอยู่แล้วเหตุผลว่าขี้เกียจขึ้นแท็กซี่และเราก็เป็นเพื่อนกัน ยองแจมันก็ปฎิเสธอะไรไม่ได้อยู่แล้วไง แต่ก่อนจะออกจากร้านก็มีมือใครบางคนมารั้งไว้ก่อนจนต้องหันกลับไปมอง
แจ็คสัน...
“กลับไปอย่าลืมล้างแผลด้วยนะ”
TALK
ตอนนี้มาแบบสั้นๆเนอะ สั้นไปปะวะ? เดี๋ยวตอนหน้าจะยาวกว่าชาวบ้านเขาละแบบเรื่องเข้าสู่ช่วงปกติไม่ต้องแนะนำอะไร นี่พึ่งจะแนะนำวงก็อตจบไปเอ๊งง ที่เหลือก็จะดำเนินเรื่องแบบจัดเต็มละ กิกิ ความวุ่นวายกำลังจะตามมาแหละ งุงิ
แจ็คสันนิ่ใส่ใจทุกรายละเอียดเนอะ จะสู้พี่มาร์คได้หรือเปล่าหว่า?
เม้น โหวต เป็นกำลังใจให้เก๋าาาาาาาาาาหน่อยเส้ บรัยยส์
ความคิดเห็น