คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Heart Attack
Heart Attack
You make me glow, but I cover up
Won’t let it show, so I’m
Puttin’ my defences up
Cause I don’t wanna fall in love
If I ever did that
I think I’d have a heart attack
เคยมั้ยกับการกลัวที่จะต้องตกหลุกรักใครอีกครั้งหนึ่ง
“คุณครับ ลืมตาได้แล้วครับ” เสียงทุ้มๆฉุดความคิดที่กำลังจะออกไปนอกโลกของแบมแบมเอาไว้ทำให้ดวงตากลมโตค่อยๆลืมตาขึ้นมาทีละข้างอย่างกล้าๆกลัว เมื่อลืมตาขึ้นมาเจ้าตัวก็ถึงกับเหวอรีบลุกขึ้นจัดท่าจัดทางให้เป็นปกติ
คนที่มารับเขาไว้คือศิลปินวง GOT คนที่เขาเผลอไปสบตาด้วยนั่นแหละตอนนี้ไม่อยากจะคิดอะไรมากนอกจากก้มหน้าก้มตาขอโทษขอโพยคนที่เข้ามาช่วยเขาไว้ถึงเขาจะไม่ผิดก็เถอะ ก็นะ คนที่ผิดมันยังยืนลอยหน้าลอยตากดชัดเตอร์อยู่บนเก้าอี้เลย
“เอ่อขอโทษครับแล้วก็ขอบคุณ ขอโทษจริงๆครับที่ทำให้เดือดร้อน” ใบหน้าหวานก้มหน้าขอโทษอีกคนจนหน้าแทบจะไปจูบกับพื้นอยู่แล้วเรียกเสียงหัวเราะเบาๆให้กับเพื่อนตัวดีของตนเอง
เขาก็เดือดร้อนเหมือนกันเชื่อสิ ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้แฟนคลับของวงนี้ก็จะมาถล่มเขานั่นแหละ รู้ๆกันอยู่อนุภาคของแฟนคลับมันแรงแค่ไหน เขาก็แอบหวั่นๆอยู่เหมือนกันว่าบ้านเขาจะโดนเขวี้ยงไข่เน่าใส่หรือเปล่า ต้องมีคนตามด่าเขาในโลกโซเชียลเหมือนในข่าวมั้ย แล้วอีกอย่างที่เขาต้องมาเดือดร้อนนี่ก็เพราะไอ้เพื่อนบ้าๆของเขาที่ผลักเขาตกลงมาจากเก้าอี้นั่น
“วันหลังก็ระวังนะครับ ถ้าไม่มีคนเข้ามาช่วยคุณคงเจ็บตัวไปแล้ว” แบมแบมรีบพยักหน้าหงึกหงักเหมือนกับลูกโดนพ่อบ่นใส่ แต่นี่มันคนละสถานการณ์กันบรรดาแฟนคลับทั้งหลายก็เริ่มกรูกันเข้ามาแต่บางคนก็ส่งเสียงซุบซิบนินทามาให้คนตัวเล็กนี่ได้ยินบ้างแต่เจ้าตัวเลือกที่จะไม่ใส่ใจแล้วเดินหนีออกไปเลย
“เจอกันที่รถ” บอกกับเพื่อนตัวดีแค่นี้แล้วก็ก้มหน้าก้มตาเดินออกไปโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของยองแจสักนิด
“ย่าห์! แบมแบม! นายจะให้ฉันหิ้วของพวกนี้คนเดียวหรือไง!!” ยองแจโวยวายออกมาทันทีที่เพื่อนเดินหนีออกไปก็ของเขาเยอะนิ่
“ยองแจนะยองแจเล่นอะไรไม่รู้เรื่องเลย” หลังจากเดินจ้ำอ้าวมาได้สักระยะเขาก็ค่อยๆผ่อนเท้าลงเพราะคงไม่มีใครตามมาจิกหัวด่าเขาตอนนี้หรอก เพราะยองแจเล่นอะไรบ้าๆเขาถึงได้โดนแฟนคลับของคนพวกนั้นด่าแต่ก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่ได้สนใจปวดหัวเปล่าๆ แต่ที่เขาสนใจคือตอนที่เขาลืมตาขึ้นมาในอ้อมกอดของคนนั้นต่างหาก เขาถึงกับหายใจสะดุดใจเต้นไม่เป็นจังหวะถึงต้องรีบผละตัวเองออกมาไม่งั้นเขาต้องแย่แน่ๆ
แบมแบมเข้ามานั่งรอในรถคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปได้สักพักก็เห็นร่างคุ้นตาของเพื่อนสนิทตัวเองโผล่เข้ามาในสายตาอยู่ลิบๆ แอบสงสารเล็กๆที่ยองแจต้องหอบของทั้งหมดกลับมาคนเดียวทั้งๆที่ขามาเขาช่วยแบกแท้ๆแต่ก็นั่นแหละสมควรแล้วเล่นอะไรไม่ดูเลย
“แบมแบมนะแบมแบม !@#$%^&*$#@!@#$#@!@#$” ขึ้นรถมาได้ก็บ่นงุ้งงิ้งอยู่คนเดียวแต่เขาไม่สนใจหรอกที่ยองแจไม่กล้าบ่นเขาเสียงดังๆให้ได้ยินก็เพราะมีคดีติดตัวอยู่น่ะสิ
“โกรธจริงๆนะยองแจ” เสียงหวานพูดขึ้นเมื่อเพื่อนรักเริ่มเคลื่อนรถออกสู่ท้องถนน
“ขอโทษนะแบมแบม แค่ต้องการพิสูจน์” แบมแบมถึงกับปรี๊ดทันที ต้องการพิสูจน์แค่นั้นทำเอาเขาโดนด่าโดนนินทาทั้งสนามบินก็ดีเนอะ เหอะ!
“เหอะ อารมณ์ดีขึ้นมาก” เสียงหวานกระแทกใส่คนที่กำลังขับรถอย่างไม่เกรงใจว่าอีกคนจะสติแตกขับเสยข้างทางหรือเปล่า
“ขอโทษแล้วไง” คนฟังก็ยักไหล่แล้วเบือนหน้าหนีออกไปนอกหน้าต่างตามนิสัย
“แล้วจะพิสูจน์อะไร” ถึงจะยังงอนอยู่แต่ก็อยากรู้ว่ามันจะพิสูจน์อะไรถึงได้ผลักเขาคว่ำกลางสนามบินอย่างงั้น
“ก็อยากรู้ไงว่าเขามองแกจริงๆหรือเปล่า นี่ เขามองจริงๆด้วยนะเว่ยแจ็คสันอ่ะเขาถึงได้รีบดิ่งมารับแกเลยไง โรแมนติกชะมัด” แบมแบมหันกลับมาจ้องหน้าเพื่อนอย่างเอาเรื่อง โรแมนติกไม่ได้ปรึกษาหน้าคนโดนผลักเลยมั้ง
“ทำอะไรคิดบ้างสิ มันก็แค่บังเอิญเท่านั้นแหละ นี่ถ้าเขาไม่เข้ามารับหน้าฉันไม่แหกไปแล้วหรอ”
“โทษทีลืมคิด แต่ตอนนี้ก็ไม่เป็นไรแล้วนิ่แถมยังฟินด้วย ไปร้าน flower café ดีกว่า”
“คิดจะง้อฉันด้วยเค้กหรือไง? ไม่มีทาง”
“เปล่า เดี๋ยววง GOT ของฉันไปกินข้าวร้านนั้นน่ะ” ใบหน้าหวานหันขวับแถมทำตาขวางใส่เพื่อนตัวดีที่ไม่สำนึกแล้วยังจะให้เขาโผล่ไปที่ๆมีคนพวกนั้นอีก
“ไม่ไป” คำเดียวเน้นย้ำๆชัดๆ ถ้าคนอื่นมาได้ยินคงหักเลี้ยวกลับบ้านกันแทบไม่ทันแต่คงไม่ใช่สำหรับยองแจ เพราะเจ้าตัวไม่ทำตามแถมยังลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่สนใจสิ่งมีชีวิตที่ทำตาขวางใส่อยู่ข้างๆอีกต่างหาก มือเรียวเคาะพวงมาลัยรถอย่างอารมณ์ดี
ผ่านไปสักพักทั้งคู่ก็ได้มาถึงร้าน flower café ที่ชอบมานั่งกินกันเป็นประจำแต่ดูเหมือนว่าตอนนี้บางคนจะไม่ค่อยอยากมาสักเท่าไหร่แต่โดนเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดลากลงมาเสียไม่ได้ ใบหน้าหวานบูดบึ้งและกระแทกเท้าปึงปังเข้าร้านด้วยอารมณ์ที่ไม่คงที่สักเท่าไหร่ทำเอาเจ้าของร้านคนสนิทรีบวิ่งมาหาด้วยความเป็นห่วงเป็นใยปนเอ็นดู
“น้องแบมแบมเป็นอะไร หน้าบูดเชียว” เสียงของพี่ซูจีถามขึ้นอย่างเป็นห่วงเมื่อทั้งคู่เดินมานั่งถึงโต๊ะแล้ว
“มันปวดอึอ่ะพี่อย่าไปสนใจเลย เอาเหมือนเดิมนะ” ยองแจรีบตอบแทนกลัวว่าเพื่อนรักจะระเบิดลงไปมากกว่านี้ เมื่อเจ้าของร้านได้คำตอบก็หัวเราะคิกคักอย่างเอ็นดูก่อนไปยังลูบหัวแถมอีกต่างหาก
“เอ้อแบมแบม ไม่รู้ว่าพี่จะบอกเรื่องนี้ดีเปล่านะแต่ว่า...เฮ้อ~ เมื่อวานมาร์คมาถามหาน่ะ”
ร่างบางที่กำลังจะก้มลงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าถึงกับชะงักกับข่าวคราวของใครบางคนที่ยังคงตรึงอยู่ในใจ ใบหน้าหวานเงยขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่สดใสที่ใครหลายๆคนไม่ได้เห็นมานานแต่สักพักก็ต้องหุบยิ้มลงอย่างฉับพลัน เขาว่ากันว่าเจ็บแล้วต้องจำ
กริ้ง
ยังไม่ทันที่ใครบางคนจะได้โวยวายก็มีเสียงกระดิ่งหลายๆพวงห้อยหน้าร้านดังขึ้นมาซะก่อนพร้อมกับการมาของคนกลุ่มหนึ่งที่แบมแบมไม่อยากเจอหน้ามากที่สุดในตอนนี้ ใบหน้าหวานก้มลงแทบชิดขอบโต๊ะ มือเล็กๆก็ยุ่งอยู่กับโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูทั้งๆที่ไม่มีอะไรให้เล่น กดนู่นกดนี่ไปเรื่อยจนคนที่นั่งตรงข้ามอดแซวกับความเลิกลั่กของเพื่อนตัวน้อย
“เขินหรา” หราพ่อง แบมแบมมองเพื่อนตาขวางเหมือนที่ทำตอนอยู่ในรถแต่ก็ไม่อยากจะโวยวายออกไปเพราะกลัวจะเด่นไปมากกว่านี้ เพราะตอนนี้ร้านของพี่ซูจีคนเริ่มเยอะแล้วไม่ใช่เยอะเพราะว่าแฟนคลับของคนพวกนั้นหรอกแต่มันเยอะเป็นปกติอยู่แล้ว
“เงียบปากไปยองแจ ยอมเข้ามาด้วยก็บุญแล้วนะ” บุญของเขาด้วยที่ได้ฟังข่าวอะไรบางอย่าง...
“หึ เจ็บแล้วจำก็พอแบมแบม อย่าเอาตัวเองไปวนอยู่กับคนเดิมๆ”
ใช่ เขารู้ว่ายองแจพูดเรื่องอะไรเพราะหน้าตาของเพื่อนคนนี้จริงจังมากจนเขาอดหวั่นไม่ได้แต่ก็เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น ก็ตอนนี้ยองแจหันไปทางคนพวกนั้นแล้วน่ะสิ แถมยังยกกล้องขึ้นมาถ่ายอย่างเปิดเผยอีกเขาอยากจะบ้าตาย
“เวลาส่วนตัวนะคุณชเว” แบมแบมเตือนเพื่อนที่ยังคงรัวชัตเตอร์อย่างไม่เกรงใจผู้จัดการวงที่มองมาทางนี้ด้วยแววตาที่ดุดัน เห็นแล้วอยากจะเอื้อมมือไปกระชากกล้องโปรตัวใหญ่ในมือเพื่อนกลับมาเก็บใส่ไว้ในกระเป๋าซึ่งเป็นที่ที่มันควรจะอยู่ในตอนนี้ แค่ชั่วคราวเท่านั้นแหละเขายังไม่อยากโดนผู้จัดการวงคนนั้นเดินเข้ามาจิกหัวหรอก
“นิดเดียว”
“พอแล้วยองแจ เมเนเขาจะงับหัวแกอยู่แล้ว” เสียงหวานเตือนเป็นครั้งสุดท้าย
“เออเห็นแล้ว เนี่ยเลิกถ่ายแล้วบ่นเป็นคนแก่ไปได้นะ” ยองแจพึมพำเบาๆเหมือนบ่นกับตัวเองแต่ไม่ใช่ ก็เพื่อนตัวเล็กที่นั่งมองอยู่ได้ยินเต็มสองรูหูเลยน่ะสิ มือบางเอื้อมไปตบหัวอีกคนด้วยความหมั่นไส้
“เจ็บนะแบมแบม!!” ยองแจโวยวายขึ้นมาเสียงดังพร้อมกับลูบหัวตัวเองป้อยๆ
คนทั้งร้านหันมามองโต๊ะของแบมแบมกับยองแจด้วยสายตาตำหนิ แบมแบมเลยต้องก้มหน้าขอโทษแบบไม่ออกเสียงเพราะอายจนแทบจะมุดโต๊ะหนีอยู่แล้ว
“เสียงดังไปแล้วยองแจ ที่ตบนี่ก็ตบให้เจ็บนะ” แบมแบมรีบปราม
“หัวคนนะไม่ใช่ลูกปิงปองถึงได้ตบเอาๆแบบนี้อ่ะ” ยองแจยังคงบ่นไปเรื่อยๆ
“ของที่สั่งได้แล้วนะเด็กๆ” เจ้าของร้านคนสวยเดินเอาขนมและเครื่องดื่มมาให้ แต่มีบางอย่างแปลกไปสำหรับแบมแบมและยองแจ เพราะมีขนมที่เขาไม่ได้สั่งมาวางที่โต๊ะของพวกเขาด้วย
“พี่ซูจี ไอซ์แพนเค้กนี่ พวกผมไม่ได้สั่งนะ ผิดโต๊ะหรือเปล่าครับ” เขารีบถามออกไปเพราะกลัวว่าถ้าเสริฟผิดโต๊ะขึ้นมาจริงๆพี่เจ้าของร้านคนสวยจะเสียเวลาทำมันใหม่เพราะไอศกรีมที่วางอยู่บนแพนเค้กนี่คงละลายก่อนที่จะถึงมือคนสั่งจริงๆ
ไอซ์แพนเค้กเป็นขนมหวานขึ้นชื่อของร้านนี้ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าคือแพนเค้กแต่ไม่ใช่แพนเค้กเย็นนะแต่เป็นแพนเค้กธรรมดาที่โปะด้วยไอศกรีมสองลูกซึ่งก็แล้วแต่ลูกค้าจะสั่ง เขาเคยกินสองสามครั้งรสชาติของแพนเค้กค่อนข้างหวานแต่ไม่เลี่ยนแถมเนื้อแพนเค้กยังนุ่มลิ้นไม่สากปากตัดกับไอศกรีมรสเปรี้ยวที่พี่ซูจีเลือกให้เอง แต่เขาไม่อยากกินมันเยอะนักหรอกเพราะราคาค่อนข้างสูง ไม่สิราคาก็ปานกลางทั่วไปแต่เขากลัวอ้วนมากกว่า เวลามาร้านของพี่ซูจีเขาจะสั่งแค่น้ำปั่นธรรมดาอย่างเดียว ผิดกับยองแจที่สั่งทั้งน้ำปั่นและขนมเค้กสองชิ้นทุกครั้งและเหมือนเดิมจนพี่ซูจีจำมันได้
“คิคิ นึกว่าจะไม่ถามซะอีก มีคนเลี้ยงน่ะ เลี้ยงเรานะแบมแบมเดี๋ยวคนแถวนี้จะแย่งไปกิน” ซึ่งคนแถวนี้ที่ว่าก็นั่งสะดุ้งอยู่ตรงข้ามเขานั่นเอง แต่ที่เขาสงสัยคือใครเลี้ยงมากกว่า
“ใครหรอฮะ” ถามไปตามอย่างที่ใจนึก
“อืม แจ็คสันน่ะ วง GOT ไง รู้จักใช่มั้ยเขาฝากเอามาให้ ก็เลี้ยงเรานั่นแหละ พี่ไปก่อนดีกว่า” พูดจบซูจีก็หมุนตัวกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อทิ้งให้ใครบางคนทำหน้าเหวออยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง
“ลองเปิดใจกว้างๆก็ไม่มีอะไรเสียหายนะเพื่อนรัก” ยองแจล้อเขาเหมือนที่ชอบทำ แต่ครั้งนี้แบมแบมไม่ได้โวยวายอะไรออกมาหรอกเพราะเขารู้ว่ายังไงเพื่อนตัวดีของเขาคงไม่สะเทือนเหมือนเดิม เขาเงยหน้าและหันไปมองโต๊ะของคนที่ชื่อแจ็คสันและพบกับดวงตาอีกคู่ที่มองมาพอดี ไม่พอดีสิ...แจ็คสันคนนั้นน่าจะมองอยู่ก่อนหน้านี้แล้วด้วยซ้ำ ตอนนี้เขาไม่กล้ามองตอบมันรู้สึกวูบๆโหวงๆ หน้าร้อนๆทั้งๆที่ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อน เขาไม่โง่จนเกินไปหรอก เขารู้ว่าทำไมถึงเป็นอย่างงี้และเขาก็จะพยายามที่จะหลีกเลี่ยงมัน
ยังไม่ทันที่แบมแบมจะทำเป็นหลบสายตาไปทางอื่นก็เจอกับร่างสูงโปร่งของใครบางคนที่เขาคุ้นเคยอย่างดีเข้ามาในครองสายตาซะก่อน แต่ยังไม่ทันที่เขาและคนนั้นจะได้พูดอะไรออกมาเพื่อนรักของเขาก็รู้หน้าที่ว่าต้องทำอะไรยังไง
“มาทำไม!!!” ยองแจที่เห็นเพื่อนของตัวเองดูลุกลี้ลุกลนแปลกๆก็เงยหน้าจากเค้กก้อนสุดท้ายตรงหน้าขึ้นมาก็พบเจอกับรุ่นพี่ที่หน้าเคารพรักอย่างยิ่ง
“แบมแบม” เสียงทุ้มเอ่ยชื่อคนตรงหน้าขึ้นมาอย่างเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน ซึ่งการกระทำนั้นทำให้ยองแจเลือดขึ้นหน้ามาง่ายๆเพราะคิดว่าอีกคนกำลังกวนตีนตัวเองอยู่
“นี่กลับมาทำไม! ไปแล้วก็ไปลับสิ จะไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรกที่ไหนก็ไปแต่อย่ามายุ่งกับเพื่อนฉัน” แบมแบมมองเพื่อนด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา จะว่าโกรธก็โกรธที่ยองแจไปพูดอย่างงั้นกับคนที่มีอายุมากกว่า จะว่าเข้าใจก็เข้าใจแต่เขาบอกยองแจไปหลายรอบแล้วว่าเขาไม่ได้อะไรกับเรื่องนี้
“พอก่อนยองแจขอร้อง มาร์คมีอะไรกับแบมหรือเปล่านั่งก่อนก็ได้นะ” แบมแบมยกมือขึ้นมาห้ามไม่ให้ยองแจพูดอะไรออกมา แล้วเขยิบตัวเองเข้าไปด้านในสุดพร้อมกับมองหน้ามาร์คด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม เขาเป็นคนใจเย็นมีเหตุผล ต่างจากเพื่อนอีกคนที่อารมณ์ร้อนกล้าได้กล้าเสียก็ยองแจใสๆไม่มีจริงนี่นะ
“มาร์คอยากคุยกับแบมแค่สองคน ได้มั้ย” มาร์คหันไปขอร้องอีกคนตรงข้ามที่นั่งปั้นหน้าโหดจ้องคนรักเก่าของเพื่อนไม่วางตา ดวงตาดุตวัดไปหาเพื่อนอย่างขอความเห็นว่าเขาควรจะอยู่หรือจะไปตามที่อีกคนขอดีและคำตอบคือการพยักหน้าของแบมแบม ยองแจลุกพรวดออกไปและเดินตรงไปที่โต๊ะของวง GOT ทั้งยังทำเสียงดังๆเหมือนประชดคนบางคนที่นั่งอยู่ข้างๆแบมแบมด้วย
“ขอโทษครับ พอดีว่าโต๊ะอื่นมันเต็ม!! ขอนั่งด้วยแค่ชั่วคราวนะครับ” ซึ่งโต๊ะของคนพวกนั้นอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะของแบมแบมเท่าไหร่จึงได้ยินที่ยองแจประชดเต็มสองหูเลย โดยเฉพาะคำว่าชั่วที่เน้นหนักเกินความจำเป็นแต่อีกคนไม่ได้ฟังหรอกเพราะเอาแต่จ้องหน้าเขานี่ไง
แบมแบมแกล้งทำเป็นไม่สบสายตาของมาร์คและหันไปมองโต๊ะของคนพวกนั้นเป็นระยะๆ และทุกครั้งที่มองไปก็เจอกับสายตาคู่หนึ่งที่ยังคงมองมาทางโต๊ะของเขาอยู่ตลอดซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ยองแจ เพราะรายนั้นไม่ได้ละสายตาไปจากเขาเลย
“มาร์คมีอะไรจะคุยกับแบมหรือเปล่า” เมื่อเห็นว่าอีกคนยังเงียบอยู่จึงตัดสินใจถามอีกรอบหนึ่ง
“แบมกลับมาเหมือนเดิมได้มั้ย” ได้ ไม่สิไม่ได้ เขาไม่ใช่ของตายของใคร ดวงตากลมโตเบนมาสบตากับอีกคนตรงๆ ถึงใจจะรู้สึกหวั่นๆกับการที่ต้องสบสายตากับอีกคนตรงๆก็เถอะแต่เขาจำเป็น
“แบมขอเหตุผลดีๆสักข้อนะมาร์ค” แบมแบมก็ยังคงเป็นแบมแบม คนซึ่งเหตุผลต้องมาก่อนอะไรทั้งหมด มือบางเอื้อมไปจับมืออีกคนอย่างให้กำลังใจ เขารู้ว่าตอนนี้มาร์คกำลังสับสนใจอ่อนแอดูจากร่างกายที่ดูโทรมกว่าแต่ก่อนและแววตาที่ไม่มั่นคง มันเดาได้ไม่ยากเลยว่าคนตรงหน้าต้องการอะไร
“มาร์คแค่...มาร์คขอโทษนะแบม มาร์คยังรักแบมนะ” แบมแบมส่ายหน้าไปมาพร้อมกับรอยยิ้มที่มาร์คเคยได้เห็นบ่อยๆ เป็นรอยยิ้มที่เวลามาร์คไม่มีกำลังใจจะทำอะไรต่อแล้วแบมแบมอยากให้อีกคนรู้ไว้ว่ายังมีเขาอยู่แบมแบมก็จะยิ้มแบบนี้ให้เสมอ
“นั่นไม่ใช่เหตุผลดีๆสำหรับแบม แบมไม่รู้หรอกนะว่ามาร์คมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าหรือว่าอาจจะทะเลาะกับคนนั้นมา แต่แบมอยากให้มาร์คคิดให้ดีๆและใช้เหตุผลเยอะๆนะ แบมว่าตอนนี้มาร์คกลับไปพักก่อนดีกว่า ให้แบมไปส่งมั้ย” เขาอยากจะเข้มแข็งเวลาที่มาร์คอ่อนแอแบบนี้ ถามว่าตอนนี้เขาหวั่นไหวกับคนตรงหน้ามั้ยก็บอกได้เลยว่ามาก ถ้าเขาก้าวพลาดไปแค่ก้าวเดียวทุกอย่างก็จบ
“อื้อ ไปส่งมาร์คทีนะแบม ตอนนี้มาร์คไม่เหลือใครแล้ว” ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมาและบีบมือหนาเบาๆอย่างให้กำลังใจ
“งั้นนั่งรอแบมที่นี่แปบนะมาร์ค เดี๋ยวแบมไปเข้าห้องน้ำแล้วก็ไปบอกยองแจก่อน” เมื่อเห็นว่าอีกคนพยักหน้ารับแบมแบมก็ลุกขึ้นยืนและเดินไปหาเพื่อนสนิทที่นั่งหน้าบูดหน้าบึ้งอยู่ท่ามกลางวง GOT แต่ดูท่าว่ายองแจจะอารมณ์ดีขึ้นมานิดนึง
“ยองแจเดี๋ยวฉันไปส่งมาร์คก่อนนะแล้วคงเลยกลับบ้านเลย” ไม่ต้องอ้อมค้อมให้วุ่นวายถ้าเขาพูดออกไปตรงๆคือการที่เขาบริสุทธิ์ใจจริงๆ แต่อะไรบางอย่างทำให้เขาแอบเหลือบไปมองคนบางคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆกับยองแจซึ่งมองมาที่เขาอยู่แล้ว ดวงตาคู่นั้นมันดูอบอุ่นเวลามองมาแต่เขาก็เลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจและเบนความสนใจทั้งหมดมาที่เพื่อนของเขาแทน
“มันเป็นง่อยหรอ” ยองแจตวัดเสียงใส่เขาด้วยความโมโห ใช่เขารู้ว่ายองแจคงไม่เข้าใจอะไรง่ายๆหรอกถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเขาและมาร์ค
“ทำไมพูดจาแบบนี้ยองแจ ก็เห็นอยู่ว่าสภาพมาร์คเป็นยังไง” สภาพดูไม่จืดเลยล่ะ ตอนนี้มาร์คยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้มองมาทางเขาแต่มองออกไปข้างนอกซึ่งถ้าเดาไม่ผิดคงทอดสายตาออกไปเหมือนคนไร้จุดหมายนั่นแหละ เขาแทบไม่เคยเห็นมาร์คเป็นอย่างงั้นมาก่อนเลยมีแต่เขาที่เป็น
“แล้วไง สภาพแบบนั้นก็แค่โทรมไม่ได้พิการนิ” แบมแบมมองเพื่อนด้วยสายตาที่นิ่งและเขาเลือกที่จะเงียบฟังยองแจแดกดัน
“...”
“มันไม่ตายง่ายๆหรอกคนแบบนั้น!” ยองแจยังคงขึ้นเสียงใส่เขาและแอบแขวะมาร์ค เขารู้ว่ายองแจเป็นห่วงแต่นี่ก็เกินไป มาร์คก็ไม่ได้ทำอะไรผิดและเขาก็ไม่ได้ผิดอะไรเหมือนกัน
“ไว้อารมณ์เย็นกว่านี้ค่อยคุยกัน” พูดจบแบมแบมก็เดินเลยเข้าไปเข้าห้องน้ำในร้านของพี่ซูจีเลย เขาไม่ได้อยากจะหนีปัญหาหรืออะไรทั้งนั้นเพราะเขาไม่ใช่คนแบบนั้นแต่ถ้าเขายังคงยืนอยู่ตรงนั้นทั้งเขากับยองแจต้องได้ทะเลาะกันแน่ ตอนนี้เขาต้องการที่จะสงบสติอารมณ์ก่อนออกไปเจอหน้ามาร์ค ถ้าเขาเครียดอีกคนก็คงจะเครียดมากกว่าเดิม เขาใส่ใจคนรอบข้างเสมอ
ตอนนี้เขาเดินเข้ามาในห้องน้ำและเปิดก็อกน้ำให้มันแรงที่สุด เสียงน้ำกระทบกับอ่างล้างหน้าดังก้องไปทั่ว ดีที่ตอนนี้ในห้องน้ำไม่มีคน มือบางกำเข้าหากันแน่และชกเข้ากับผนังสีครีมอย่างแรงเป็นการระบายอารมณ์อย่างหนึ่งที่ได้ผลค่อนข้างดีสำหรับแบมแบม เพราะมือมันเจ็บจนชาและเลือดก็ออกมาเล็กน้อย
“เหอะ!” แบมแบมมองมือตัวเองที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเลือดด้วยสายตาที่เหยียดเล็กน้อย เขาแคร์คนรอบข้างมากเป็นห่วงทุกความรู้สึกยิ่งคนที่สนิทเขาจะแคร์มากและเก็บมาคิดมากเป็นพิเศษ ยิ่งตอนนี้ยองแจดูจะไม่พอใจเขาเขายิ่งเครียด แต่พอได้ระบายอย่างงี้มันก็โล่งนิดหน่อย เขาเลือกที่จะล้างแผลด้วยน้ำเปล่าเพราะเป็นแผลเล็กๆแต่เลือดก็ยังไม่หยุดไหล
“ทำแผลมั้ย” แบมแบมสะดุ้งสุดตัวที่เห็นแจ็คสันโผล่เข้ามาแบบเงียบๆและมาเห็นเขาในสภาพนี้ มือบางเอื้อมไปปิดน้ำและคว้าทิชชู่มาสองแผ่นเพื่อปิดแผลไม่ให้เลือดไหลออกมาชั่วคราว
“ไม่เป็นไรครับแผลแค่เล็กน้อย” เขาเลือกที่จะปฎิเสธเพราะไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดกับคนตรงหน้า
หมับ!
แจ็คสันทำเป็นหูทวนลมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่อีกคนพูดจึงคว้าข้อมือเล็กไว้และดึงกระดาษทิชชู่สองแผ่นที่ตอนนี้มีเลือดชุ่มอยู่ เขาเอื้อมมือไปเปิดน้ำและล้างแผลให้แบมแบมอย่างนิ่มนวลเมื่อเห็นว่าเลือดไหลน้อยลงแล้วจึงปิดน้ำและคว้าที่แปะแผลลายดาบน่ารักๆในกระเป๋าขึ้นมาปิดที่แผลของแบมแบม จากนั้นก็ปล่อยมือบางให้เป็นอิสระพร้อมกับรอยยิ้มที่ใครๆเห็นก็คงลงไปกองกับพื้น
“ระวังอย่าให้แผลอักเสบล่ะ”
“เอ่อครับ ขอบคุณมากๆนะครับ ขอบคุณจริงๆ” แบมแบมก้มหน้าขอบคุณเหมือนกับตอนที่ทำที่สนามบินเป๊ะๆ เรียกรอยยิ้มขบขันปนเอ็นดูของแจ็คสันได้เป็นอย่างดี มือหนาเอื้อมไปขยี้หัวตามที่ตัวเองอยากทำเพราะความเอ็นดูนั่นแหละแต่แบมแบมกลับชะงักและถอยหลังออกไปหนึ่งก้าวจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มเก้อๆที่ไม่ค่อยหลุดออกมาสักเท่าไหร่นักเพราะมันจะยิ้มแบบนี้เฉพาะเวลาที่เขินหรือทำอะไรไม่ถูกเท่านั้น
“อย่าทำให้เป็นห่วงนักสิ” จบประโยคแบมแบมก็พรวดพราดออกนอกห้องน้ำไป มือบางทาบเข้าที่อกข้างซ้ายตรงตำแหน่งของหัวใจที่ตอนนี้เต้นแรงและไม่เป็นจังหวะ ริมฝีปากบางเม้นเข้าหากันจนแดงเถือก
อย่านะแบมแบม
นายไม่เหมาะที่จะมีความรักหรอก
TALK
ครบแย้ววว สั้นเนอะ? เออช่างมันเถอะ
ชี้แจงหน่อย นิสัยแบมแบมมันค่อนข้างจะชัดเจนนะแต่กลัวคนอื่นจะตีไปว่าแบมแบมโรคจิตไม่ใช่นะเว่ย
แบมแบมจะมีนิสัยที่ค่อนข้างใจเย็น มีเหตุผล แคร์คนอื่น เก็บทุกอย่างไว้คนเดียว คิดมาก พอหลายๆเรื่องมารุมแบมแบมก็จะหาทางระบายแบบนี้เพราะมันเห็นผลเร็วสุดนะ ไม่ใช่ว่าแบมแบมโรคจิตนะเออ
แล้วนิสัยแจ็คสันก็เท่าที่เห็นๆกันมานั่นคือนิสัยของแจ็คสัน มันจะชัดขึ้นเรื่อยๆต้องค่อยๆตามกันไป
ส่วนยองแจก็นั่นแหละ กล้าได้กล้าเสีย ใจร้อนพูดอะไรไม่คิด มีเหตุผลเป็นบางเวลาเท่านั้น
และสุดท้ายพี่มาร์คอันนี้ขอให้ตามดูเองดีกว่าเนอะ? ขอให้ดูไปเรื่อยๆอย่าพึ่งตัดสินพี่มาร์คที่ตอนนี้เลย หึหึ
เนี่ยรีบปั่นให้จนดอง Pretty Boy มาครึ่งเดือนละ ก็คงดองไปก่อนตอนนี้อยากแต่ง Music Love เพราะอารมณ์มันมาครัชชช
เม้นกันสิคะเม้นนน กำลังใจน่ะมีมั้ยมีมั้ยอย่าเป็นนักอ่านเงาดิฟระเดี๋ยวแม่ปั๊ดเหนี่ยว! ย้อเย่น บรัยส์
ความคิดเห็น