ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] Music love ( JackBam , MarkBam)

    ลำดับตอนที่ #1 : Just a Dream

    • อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 57


    © themy butter
    Just a Dream






    I was thinking bout her, thinkin bout me
    Thinkin bout us, what we gon' be
    Open my eyes yeah, it was only Just A Dream
    So I travelled back, down that road
    Will she come back, no one knows
    I realize yeah, it was only Just A Dream

     

    มาร์ครักแบมนะ เสียงทุ้มกระซิบเบาๆข้างหูคนตัวเล็ก ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินอายแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรไป ไม่ใช่ว่าปากหนักเกินกว่าจะพูด แต่มันเขินจนพูดไม่ออกต่างหาก

     

    แบมไม่รักมาร์คหรอ? มาร์คถามด้วยน้ำเสียงที่ติดจะน้อยใจแบบทีเล่นทีจริง

     

    รักสิ แบมรักมาร์ค!” เสียงหวานสวนขึ้นแทบจะทันทีเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจผิด

     

    รักแค่ไหน รักมากหรือเปล่า เสียงทุ้มยังคงถามไปเรื่อยๆ

     

    แบมรักมาร์คมากๆ มากกว่าท้องฟ้าอีกนะ รักม้ากมาก ใบหน้าหวานฉีกยิ้มหวานจนตาปิด

     

    แล้วแบมจะรักมาร์คไปอีกนานแค่ไหน

     

    รักจนกว่ามาร์คจะเบื่อแบม จะรักตลอดไปเลยนะ


    เฮือก!

     

    ฝัน...ใช่เขาฝันอีกแล้วและก็ฝันถึงคนๆเดิมคนที่เขารักจนหมด หัวใจ เขามั่นใจเพราะตอนนี้ยังไม่มีอะไรหรือใครที่มาทำให้เขารักคนๆนั้นน้อยลงเลย เขายังคงบ้าอยู่กับคนเดิม เรื่องเดิม สถานที่เดิม และความรักเดิมไม่เปลี่ยนแปลงถึงจะผ่านมาได้เกือบครึ่งปีแต่เขาก็ไม่เคยลืม เลย

     

    ต้วน อี้เอิ้น

     

    ผู้ชายที่เป็นรักครั้งแรก แต่จะเป็นรักครั้งสุดท้ายหรือเปล่าเขาไม่รู้แต่ที่รู้ตอนนี้เขายังคงรักมา ร์ค เขาไม่เคยรั้งหรือหวังว่ามาร์คจะกลับมา เขาเข้าใจคนมันจะไป

     

    ใช่!

     

    เราจากกันด้วยดีถึงตอนนั้นจะไม่รู้เหตุผลของมาร์คก็ ตามเขาไม่เคยคิดที่จะตอแยหรือขอเหตุผลอะไรไปมากกว่าการที่มาร์คหมดรักเขา แล้ว แต่นั่นมันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามาร์คมีคนอื่น อาจจะก่อนหรือหลังเลิกกับเขาแต่จะทำอะไรได้ล่ะเรากลับมาอยู่ในสถานะแฟนเก่า ไม่สิ! แค่คนรู้จักเท่านั้น

     

    ไม่อยากไปให้มาร์คเห็นหน้าเพราะกลัวว่าเขาจะทะเลาะ กับผู้หญิงคนนั้น เขาไม่ได้มั่นหน้าว่าคู่นั้นเขาจะทะเลาะกันเรื่องว่าเราจะกลับไปคืนดีกันมัน เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่ไม่อยากเห็นแฟนใหม่ของมาร์คต้องมานั่งเครียดเรื่องแฟนเก่าอย่างเขา เขาเข้าใจนะ ไม่มีใครอยากให้แฟนตัวเองไปยุ่งกับแฟนเก่าหรอกจริงมั้ย ยิ่งเขากับมาร์คเรีนนคณะเดียวกันด้วย แต่คงเป็นโชคดีของเขาและแฟนใหม่มาร์คเพราะคนละปี

     

    มาร์คเรียนปีสี่แล้ว แต่เขายังเรียนอยู่ปีสอง

     

    เราคบกันมาสามปี มาร์คเป็นเพื่อนกับรุ่นพี่ที่เขาสนิทมากๆคนหนึ่งจากนั้นเราก็เริ่มคุยกัน แล้วก็เป็นแฟนกันจากนั้นก็เลิกกัน มันคงถึงจุดอิ่มตัวของมาร์ค เขาอาจจะน่าเบื่อเกินไป หรืออาจจะเพราะเขาเป็นผู้ชายและเขาก็ไม่ง่าย

     

    เรามีข้อตกลงกันเล็กๆน้อยๆ อาจจะเป็นเขาคนเดียวที่ตั้งกฎนี้ขึ้นมา หรือเพราะความที่เขาเป็นคนไทยจึงตั้งมันขึ้นมาก็ได้

     

    เราจะไม่มีอะไรกันจนกว่ามาร์คจะเรียนจบ

     

    เขาไม่เห็นแก่ตัวเกินไปหรอกที่จะรอให้ตัวเองเรียนจบ ถ้ามาร์คทนได้ก็เท่ากับว่ามาร์คมีความอดทนอยู่แล้ว อาจจะมีหอมแก้ม จูบ จับมือหรืออะไรที่แบบคนเป็นแฟนเขาทำกันก็แค่นั้นแต่ไม่เคยมีอะไรกัน

     

    Rrrr

     

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจนหยุดความคิดฟุ้งซ่านหลายๆอย่างของคนตัวเล็กที่ยังนอน จมอยู่กับเรื่องราวในอดีต มือเล็กปัดป่ายไปบนโต๊ะวางของข้างเตียงเพื่อควานหาโทรศัพท์ก่อนจะกดรับมัน โดยไม่ดูชื่อของคนที่โทรเข้ามาแม้แต่น้อย

     

    ฮัลโหลเจ้าของโทรศัพท์กรอกเสียงใส่ปลายสายด้วยความงัวเงีย ถึงจะตื่นมานั่งเพ้อถึงเรื่องก่อนๆสักพักแล้วแต่เขาก็ยังคงเมาขี้ตาอยู่

     

    นี่พึ่งตื่นหรือแอบงีบเนี่ยแบมแบม!!” เสียงแว้ดจากปลายสายทำเอาร่างบางถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ ก่อนจะดูโทรศัพท์อีกทีว่าใครเป็นคนโทรมา

     

    อ่า โทษทีนะยองแจอ่า ฉันเผลอหลับ” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ

     

    ยังไม่ยกโทษให้ แต่จะยกโทษให้ถ้าวันนี้แกไปรับคนพวกนั้นเป็นเพื่อนฉันคนพวกนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกก็แค่ศิลปินที่ยองแจเพื่อนรักของเขาติดตามมา เป็นปีๆ แต่ที่เขาไม่เข้าใจอย่างหนึ่งก็คือทำไมต้องไปรับในเมื่อคนพวกนั้นก็เป็น ศิลปินของเกาหลีถึงจะมีคนต่างชาติอยู่ด้วยก็เถอะ

     

    ไม่ไปไม่ได้หรอคนเยอะ อยากอยู่เงียบๆริมฝีปากบางยู่อย่างขัดใจ

     

    ไม่ได้ จะอยู่คนเดียวให้คิดถึงเรื่องบ้าๆนั่นทำไมล่ะ ไปกับฉันแล้วจะดีเองคิ้วเข้มขมวดหากันอย่างใช้ความคิด ไปกับยองแจแล้วจะดีเอง…คล้ายๆกับยองแจใสๆไม่มีอยู่จริงใช่หรือเปล่า ถ้าใช่เขาก็ไม่อยากจะไปหาเรื่องวุ่นวายให้ตัวเองนักหรอก

     

    ถึงไปฉันก็ไม่รู้จักคนพวกนั้นหรอก ทั้งชื่อทั้งหน้าก็จำไม่ได้คนตัวเล็กรีบหาข้ออ้างกับคนปลายสาย ใช่ เขาไม่รู้จักคนพวกนั้นแม้แต่คนเดียว ถึงยองแจจะมาพูดให้ฟังบ่อยๆแต่เขาไม่เคยที่จะสนใจเลย เอาเป็นว่าฟังผ่านๆเข้าหูซ้ายแล้วทะลุออกหูขวาทันที ก็ในเมื่อตอนนั้นเขามีมาร์คอยู่จะสนใจคนอื่นทำไมล่ะ

     

    โอเคเป็นอันว่าไปนะ รีบล้างหน้าล้างตาแต่งตัวดีๆ อีกยี่สิบนาทีไปรับต้องเสร็จให้ทันนะ บายยังไม่ทันได้ปฎิเสธหรือทักท้วงอะไรอีกคนก็วางสายใส่เสียดื้อๆ ใบหน้าหวานหงิกงอเมื่อโดนขัดใจ เข้าใจว่ายองแจเป็นห่วงแต่การที่เขาจะไปรับคนพวกนั้นมันน่าเป็นห่วงกว่า แฟนคลับไม่ใช่แค่คนสองคนแต่เป็นร้อยๆ นี่มันเหมือนการเดินเข้าไปกลางสมรภูมิรบชัดๆ ถ้ามาร์ครู้ว่าเขามาทำอะไรไร้สาระแบบนี้…ไม่สิ ไม่เกี่ยวกับมาร์ค เขาไม่มีมาร์คแล้ว

     

    ส่วนหนึ่งที่เขายังลืมมาร์คไม่ได้ก็เพราะว่าเขายังคงฝันถึงมาร์คอยู่ทุกวี่ ทุกวันนี่แหละ แทบจะไม่มีวันไหนเลยที่เขาไม่ฝันถึงไม่รู้เพราะจิตใต้สำนึกหรือว่าเพราะอะไร กันแน่ แต่ที่แน่ๆเขาไม่เคยโกรธหรือเกลียดมาร์คเลย

     

    ร่างบางยังคงคิดเรื่อยเปื่อยแต่มือก็หยิบจับแปรงสีฟันขึ้นมาแปรงตามคำสั่ง ของเพื่อนสนิท หลังจากทำอะไรเสร็จเรียบร้อยก็เดินลงมารอด้านล่าง เขาอยู่บ้านหลังนี้คนเดียวเพราะทั้งพี่ชายและน้องสาวของเขาต่างก็ยืนกรานที่ จะเรียนกันที่ไทย เหตุผลสั้นๆคือไม่อยากปรับตัว เขาเลยได้มาอยู่คนเดียว ในฐานะที่กล้าบ้าบิ่นมาอยู่เกาหลีคนเดียวตั้งแต่เด็กๆพ่อกับแม่ของเขาจึง ตัดสินใจซื้อบ้านหลังเล็กๆให้แทนที่จะอยู่คอนโดหรือหอ เพราะพ่อแม่คิดว่าค่าใช้จ่ายรวมๆแล้วก็ซื้อบ้านได้หลังหนึ่งและเขาก็ไม่คิด ที่จะปฎิเสธอะไร

     

    รอได้ไม่นานรถมินิคันขาวดำก็มาจอดอยู่หน้าบ้านตามเวลาที่บอกไว้เป๊ะ ยี่สิบนาที

     

    เวลาที่ไม่ได้อยู่กับฉันได้กินข้าวบ้างปะวะเมื่อคนตัวเล็กขึ้นรถมาปุ๊บก็โดนยิงคำถามจากเพื่อนที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถชั่วคราวทันที

     

    ถ้าไม่ลืมก็กินตอบกลับแบบไม่ได้อะไรมาก เขามีเรื่องให้คิดเกินกว่าจะมานั่งคิดเรื่องกินข้าวด้วยซ้ำ ถึงใครๆจะบอกว่าอาหารสำคัญต่อสุขภาพร่างกายก็เถอะ แต่เขาก็มักจะลืมบ่อยๆเวลาที่ไม่มีเพื่อนมาคอยนั่งคุมว่าต้องกินอะไรยังไง

     

    เดี๋ยวรับคนพวกนั้นเสร็จฉันจะพาแกไปหาอะไรใส่ท้องเองเขาเพียงแค่พยักหน้าเบาๆเพราะยังไงก็ขัดคนข้างๆไม่ได้อยู่แล้ว

     

    สนามบินอินชอน

     

    หลังจากวนหาที่จอดรถร่วมๆสามสิบนาทีพวกเขาทั้งสองคนก็หอบหิ้วร่างกายไปรอรับ คนพวกนั้น เฉพาะยองแจต่างหากที่มารับเขาแค่โดนบังคับมา เมื่อยองแจหาทำเลที่จะส่องคนพวกนั้นได้แล้วก็กวักมือเรียกเขาให้เดินไปหา พร้อมกับกล้องอันเท่าควายที่ถูกยองแจบังคับให้ถือไว้อีกนั่นแหละ ยองแจบอกว่ามาก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์ แต่ไม่ใช่ปะวะคือนี่ถูกบังคับมาไง

     

    ตอนนี้เขาก็ได้แต่ยืนมองบรรดาแฟนคลับที่ในมือมีทั้งผ้าเชียร์ กล้องโปรตัวใหญ่ ผ้าโพกหัว แบนเนอร์บ้านต่างๆ สแตนดี้ นู่นนี่นั่นเต็มไปหมด บางคนก็มีครบทุกอย่างในคนเดียวนั่นแหละ ยกเว้นยองแจละมั้งที่อินดี้ใส่มาแต่เสื้อแบรนด์หรูที่คนพวกนั้นใส่กับกล้อง ขนาดเท่าควายที่เขาแบกอยู่ แต่ก็มีเขียนตรงตัวกล้องว่า GOT นี่แหละคือชื่อวงของคนพวกนั้นสั้นๆง่ายๆ

     

    ทำไมไม่ใส่ผ้าโพกหัวของคนพวกนั้นด้วยล่ะ แบนเนอร์ไม่มีหรอเสียงหวานถามขึ้นอย่างสงสัย

     

    ฉันเป็นแฟนบอยมีระดับใส่แค่นี้ก็หล่อแล้วไม่เกี่ยวกับความหล่อปะวะ

     

    เมื่อไหร่คนพวกนั้นจะมา วุ่นวายสรุปง่ายๆคือวุ่นวาย เสียงดัง และน่ารำคาญ

     

    ใบหน้าหวานเริ่มบึ้งตึงหลังจากที่รอมาได้สักพัก ถ้าเขาเป็นพวกมองคนในแง่ลบคงคิดว่าคนพวกนั้นออกอีกช่องทางหนึ่งไปแล้วแหละ เพราะนี่มันเลยว่าเวลาเครื่องลงจอดได้สักพักแล้ว เอาง่ายๆก็คือควรจะโผล่หัวออกมาทักทายแฟนคลับได้แล้วนั่นแหละ

     

    เครื่องดีเลย์ เดี๋ยวก็ออกมาพูดเหมือนตาเห็นเพราะเมื่อจบประโยคเสียงกรี๊ดจากบรรดาแฟนคลับก็ดังกึกก้องไป ทั้งสนามบิน นี่ถามจริงกินนกหวีดไปเป็นอาหารกันหรือเปล่า เขารีบยกมือขึ้นมาอุดหูอย่างนึกรำคาญ

     

    อ๊ะนั่น! ขอกล้องหน่อยแบมแบมมือบางรีบคว้ากล้องตัวยักษ์ยัดใส่มือเพื่อนรักทั้งๆที่ยังพูดไม่จบ เมื่อยองแจรับกล้องมาแล้วก็รีบยืนขึ้นบนเก้าอี้ของสนามบินและตามเก็บภาพ ทันทีโดยไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นคนพวกนั้นม่ชัด เพราะเลนส์ซูมของยองแจนั้นโคตรจะอลังการ เมื่อเห็นว่ายองแจจมดิ่งอยู่กับการถ่ายรูปคนพวกนั้นเขาก็ทรุดตัวนั่งที่ เก้าอี้ตัวข้างๆของเพื่อนรักด้วยความเมื่อย

     

    ยืนขึ้นมาสิแบมแบม เผื่อจะสนใจใครสักคนไม่พูดเปล่ายังลากเพื่อนตัวเล็กที่พึ่งนั่งได้ไม่ถึงนาทีมายืนข้างๆตัวเอง ร่างบางยืนขึ้นมาอย่างเก้ๆกังๆแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรกับการกระทำของยองแจ เขาก็มองไปที่กลุ่มคนพวกนั้น สายตาก็เพ่งมองจนไปสะดุดกับใครสักคนที่คงเหลือบมาทางเขาพอดีดูจะเป็นคนที่ ไม่หลุดโลกสักเท่าไหร่ เพราะเขามีผมที่เป็นสีดำธรรมชาติซึ่งต่างจากคนอื่นๆที่มีหัวสีเงินบ้าง ควันบุหรี่บ้าง น้ำเงินเข้มบ้าง มายืนในจุดๆนี้เขาก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันนะจะหลบสายตาก็ไม่รู้จะไปวางไว้ ที่จุดไหน จะจ้องต่อก็ดูจะเสียมารยาทเขาเลยแกล้งๆเหลือบมองเพื่อนรักที่ยังคงถ่ายรูปคน พวกนั้นอยู่

     

    เขามองแกอยู่ดีๆเพื่อนตัวดีก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำเอาเขาเหวอไปเล็กน้อย ส่งสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามไปให้แต่มันไม่สนใจจะเงยหน้าขึ้นมาตอบเลยสักนิด

     

    แจ็คสันน่ะ เขามองแกอยู่เหมือนจะรู้ว่า เขาต้องการคำตอบแต่อยากจะบอกว่าเขาไม่รู้จักว่าแจ็คสันคือใครพวกคนต่างชาติ หรอชื่อนี่ก็ฝรั่งจ๋าเชียว แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรก็รู้สึกเหมือนโดนผลักจากคนข้างๆซะแล้ว

     

    เห้ยๆ ทุกคนหลบ!!!” เขายังพอมีสติอยู่บ้างคือถ้าร่วงลงไปตอน นี้คนที่นั่งหรือยืนหรือคลานที่ถ่ายรูปอยู่ข้างล่างต้องโดนเขาทับแน่ๆ เสียงวี้ดวายจากแฟนคลับผู้หญิงทั้งหลายก็พอจะเดาได้ว่าคงหลบเขาแล้วแหละ ตอนนี้มันเหมือนภาพสโลโมชั่นที่ทุกคนแตกตื่นหลบกันไปทางซ้ายและทางขวาส่วน เขาหน้าก็จะกระแทกพื้นอยู่แล้วเพราะการที่มันทรงตัวไม่ได้ สัญชาตญาณดิบบอกให้เขารีบหลับตาเตรียมรับแรกกระแทกด้านล่างไว้

     

     มาร์คช่วยแบมด้วย!!

     

    ฟึบ!!












     

    TALK

    EDIT – ตัวอักษร + จัดหน้ากระดาษใหม่

    เม้นโหวตหน่อยดิ่ ฮาร์ดคอร์มากฉัน บายยย

     

     

     

     





     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×