คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Just a Dream
I was thinking bout her, thinkin bout me
Thinkin bout us, what we gon' be
Open my eyes yeah, it was only Just A Dream
So I travelled back, down that road
Will she come back, no one knows
I realize yeah, it was only Just A Dream
“มาร์ครักแบมนะ” เสียงทุ้มกระซิบเบาๆข้างหูคนตัวเล็ก ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินอายแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรไป ไม่ใช่ว่าปากหนักเกินกว่าจะพูด แต่มันเขินจนพูดไม่ออกต่างหาก
“แบมไม่รักมาร์คหรอ?” มาร์คถามด้วยน้ำเสียงที่ติดจะน้อยใจแบบทีเล่นทีจริง
“รักสิ แบมรักมาร์ค!” เสียงหวานสวนขึ้นแทบจะทันทีเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจผิด
“รักแค่ไหน รักมากหรือเปล่า” เสียงทุ้มยังคงถามไปเรื่อยๆ
“แบมรักมาร์คมากๆ มากกว่าท้องฟ้าอีกนะ รักม้ากมาก” ใบหน้าหวานฉีกยิ้มหวานจนตาปิด
“แล้วแบมจะรักมาร์คไปอีกนานแค่ไหน”
“รักจนกว่ามาร์คจะเบื่อแบม จะรักตลอดไปเลยนะ”
เฮือก!
ฝัน...ใช่เขาฝันอีกแล้วและก็ฝันถึงคนๆเดิมคนที่เขารักจนหมด หัวใจ เขามั่นใจเพราะตอนนี้ยังไม่มีอะไรหรือใครที่มาทำให้เขารักคนๆนั้นน้อยลงเลย เขายังคงบ้าอยู่กับคนเดิม เรื่องเดิม สถานที่เดิม และความรักเดิมไม่เปลี่ยนแปลงถึงจะผ่านมาได้เกือบครึ่งปีแต่เขาก็ไม่เคยลืม เลย
ต้วน อี้เอิ้น
ผู้ชายที่เป็นรักครั้งแรก แต่จะเป็นรักครั้งสุดท้ายหรือเปล่าเขาไม่รู้แต่ที่รู้ตอนนี้เขายังคงรักมา ร์ค เขาไม่เคยรั้งหรือหวังว่ามาร์คจะกลับมา เขาเข้าใจคนมันจะไป
ใช่!
เราจากกันด้วยดีถึงตอนนั้นจะไม่รู้เหตุผลของมาร์คก็ ตามเขาไม่เคยคิดที่จะตอแยหรือขอเหตุผลอะไรไปมากกว่าการที่มาร์คหมดรักเขา แล้ว แต่นั่นมันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามาร์คมีคนอื่น อาจจะก่อนหรือหลังเลิกกับเขาแต่จะทำอะไรได้ล่ะเรากลับมาอยู่ในสถานะแฟนเก่า ไม่สิ! แค่คนรู้จักเท่านั้น
ไม่อยากไปให้มาร์คเห็นหน้าเพราะกลัวว่าเขาจะทะเลาะ กับผู้หญิงคนนั้น เขาไม่ได้มั่นหน้าว่าคู่นั้นเขาจะทะเลาะกันเรื่องว่าเราจะกลับไปคืนดีกันมัน เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่ไม่อยากเห็นแฟนใหม่ของมาร์คต้องมานั่งเครียดเรื่องแฟนเก่าอย่างเขา เขาเข้าใจนะ ไม่มีใครอยากให้แฟนตัวเองไปยุ่งกับแฟนเก่าหรอกจริงมั้ย ยิ่งเขากับมาร์คเรีนนคณะเดียวกันด้วย แต่คงเป็นโชคดีของเขาและแฟนใหม่มาร์คเพราะคนละปี
มาร์คเรียนปีสี่แล้ว แต่เขายังเรียนอยู่ปีสอง
เราคบกันมาสามปี มาร์คเป็นเพื่อนกับรุ่นพี่ที่เขาสนิทมากๆคนหนึ่งจากนั้นเราก็เริ่มคุยกัน แล้วก็เป็นแฟนกันจากนั้นก็เลิกกัน มันคงถึงจุดอิ่มตัวของมาร์ค เขาอาจจะน่าเบื่อเกินไป หรืออาจจะเพราะเขาเป็นผู้ชายและเขาก็ไม่ง่าย
เรามีข้อตกลงกันเล็กๆน้อยๆ อาจจะเป็นเขาคนเดียวที่ตั้งกฎนี้ขึ้นมา หรือเพราะความที่เขาเป็นคนไทยจึงตั้งมันขึ้นมาก็ได้
เราจะไม่มีอะไรกันจนกว่ามาร์คจะเรียนจบ
เขาไม่เห็นแก่ตัวเกินไปหรอกที่จะรอให้ตัวเองเรียนจบ ถ้ามาร์คทนได้ก็เท่ากับว่ามาร์คมีความอดทนอยู่แล้ว อาจจะมีหอมแก้ม จูบ จับมือหรืออะไรที่แบบคนเป็นแฟนเขาทำกันก็แค่นั้นแต่ไม่เคยมีอะไรกัน
Rrrr
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจนหยุดความคิดฟุ้งซ่านหลายๆอย่างของคนตัวเล็กที่ยังนอน จมอยู่กับเรื่องราวในอดีต มือเล็กปัดป่ายไปบนโต๊ะวางของข้างเตียงเพื่อควานหาโทรศัพท์ก่อนจะกดรับมัน โดยไม่ดูชื่อของคนที่โทรเข้ามาแม้แต่น้อย
“ฮัลโหล” เจ้าของโทรศัพท์กรอกเสียงใส่ปลายสายด้วยความงัวเงีย ถึงจะตื่นมานั่งเพ้อถึงเรื่องก่อนๆสักพักแล้วแต่เขาก็ยังคงเมาขี้ตาอยู่
“นี่พึ่งตื่นหรือแอบงีบเนี่ยแบมแบม!!” เสียงแว้ดจากปลายสายทำเอาร่างบางถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ ก่อนจะดูโทรศัพท์อีกทีว่าใครเป็นคนโทรมา
“อ่า โทษทีนะยองแจอ่า ฉันเผลอหลับ” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ
“ยังไม่ยกโทษให้ แต่จะยกโทษให้ถ้าวันนี้แกไปรับคนพวกนั้นเป็นเพื่อนฉัน” คนพวกนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกก็แค่ศิลปินที่ยองแจเพื่อนรักของเขาติดตามมา เป็นปีๆ แต่ที่เขาไม่เข้าใจอย่างหนึ่งก็คือทำไมต้องไปรับในเมื่อคนพวกนั้นก็เป็น ศิลปินของเกาหลีถึงจะมีคนต่างชาติอยู่ด้วยก็เถอะ
“ไม่ไปไม่ได้หรอคนเยอะ อยากอยู่เงียบๆ” ริมฝีปากบางยู่อย่างขัดใจ
“ไม่ได้ จะอยู่คนเดียวให้คิดถึงเรื่องบ้าๆนั่นทำไมล่ะ ไปกับฉันแล้วจะดีเอง” คิ้วเข้มขมวดหากันอย่างใช้ความคิด ไปกับยองแจแล้วจะดีเอง…คล้ายๆกับยองแจใสๆไม่มีอยู่จริงใช่หรือเปล่า ถ้าใช่เขาก็ไม่อยากจะไปหาเรื่องวุ่นวายให้ตัวเองนักหรอก
“ถึงไปฉันก็ไม่รู้จักคนพวกนั้นหรอก ทั้งชื่อทั้งหน้าก็จำไม่ได้” คนตัวเล็กรีบหาข้ออ้างกับคนปลายสาย ใช่ เขาไม่รู้จักคนพวกนั้นแม้แต่คนเดียว ถึงยองแจจะมาพูดให้ฟังบ่อยๆแต่เขาไม่เคยที่จะสนใจเลย เอาเป็นว่าฟังผ่านๆเข้าหูซ้ายแล้วทะลุออกหูขวาทันที ก็ในเมื่อตอนนั้นเขามีมาร์คอยู่จะสนใจคนอื่นทำไมล่ะ
“โอเคเป็นอันว่าไปนะ รีบล้างหน้าล้างตาแต่งตัวดีๆ อีกยี่สิบนาทีไปรับต้องเสร็จให้ทันนะ บาย” ยังไม่ทันได้ปฎิเสธหรือทักท้วงอะไรอีกคนก็วางสายใส่เสียดื้อๆ ใบหน้าหวานหงิกงอเมื่อโดนขัดใจ เข้าใจว่ายองแจเป็นห่วงแต่การที่เขาจะไปรับคนพวกนั้นมันน่าเป็นห่วงกว่า แฟนคลับไม่ใช่แค่คนสองคนแต่เป็นร้อยๆ นี่มันเหมือนการเดินเข้าไปกลางสมรภูมิรบชัดๆ ถ้ามาร์ครู้ว่าเขามาทำอะไรไร้สาระแบบนี้…ไม่สิ ไม่เกี่ยวกับมาร์ค เขาไม่มีมาร์คแล้ว
ส่วนหนึ่งที่เขายังลืมมาร์คไม่ได้ก็เพราะว่าเขายังคงฝันถึงมาร์คอยู่ทุกวี่ ทุกวันนี่แหละ แทบจะไม่มีวันไหนเลยที่เขาไม่ฝันถึงไม่รู้เพราะจิตใต้สำนึกหรือว่าเพราะอะไร กันแน่ แต่ที่แน่ๆเขาไม่เคยโกรธหรือเกลียดมาร์คเลย
ร่างบางยังคงคิดเรื่อยเปื่อยแต่มือก็หยิบจับแปรงสีฟันขึ้นมาแปรงตามคำสั่ง ของเพื่อนสนิท หลังจากทำอะไรเสร็จเรียบร้อยก็เดินลงมารอด้านล่าง เขาอยู่บ้านหลังนี้คนเดียวเพราะทั้งพี่ชายและน้องสาวของเขาต่างก็ยืนกรานที่ จะเรียนกันที่ไทย เหตุผลสั้นๆคือไม่อยากปรับตัว เขาเลยได้มาอยู่คนเดียว ในฐานะที่กล้าบ้าบิ่นมาอยู่เกาหลีคนเดียวตั้งแต่เด็กๆพ่อกับแม่ของเขาจึง ตัดสินใจซื้อบ้านหลังเล็กๆให้แทนที่จะอยู่คอนโดหรือหอ เพราะพ่อแม่คิดว่าค่าใช้จ่ายรวมๆแล้วก็ซื้อบ้านได้หลังหนึ่งและเขาก็ไม่คิด ที่จะปฎิเสธอะไร
รอได้ไม่นานรถมินิคันขาวดำก็มาจอดอยู่หน้าบ้านตามเวลาที่บอกไว้เป๊ะ ยี่สิบนาที
“เวลาที่ไม่ได้อยู่กับฉันได้กินข้าวบ้างปะวะ” เมื่อคนตัวเล็กขึ้นรถมาปุ๊บก็โดนยิงคำถามจากเพื่อนที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถชั่วคราวทันที
“ถ้าไม่ลืมก็กิน” ตอบกลับแบบไม่ได้อะไรมาก เขามีเรื่องให้คิดเกินกว่าจะมานั่งคิดเรื่องกินข้าวด้วยซ้ำ ถึงใครๆจะบอกว่าอาหารสำคัญต่อสุขภาพร่างกายก็เถอะ แต่เขาก็มักจะลืมบ่อยๆเวลาที่ไม่มีเพื่อนมาคอยนั่งคุมว่าต้องกินอะไรยังไง
“เดี๋ยวรับคนพวกนั้นเสร็จฉันจะพาแกไปหาอะไรใส่ท้องเอง” เขาเพียงแค่พยักหน้าเบาๆเพราะยังไงก็ขัดคนข้างๆไม่ได้อยู่แล้ว
สนามบินอินชอน
หลังจากวนหาที่จอดรถร่วมๆสามสิบนาทีพวกเขาทั้งสองคนก็หอบหิ้วร่างกายไปรอรับ คนพวกนั้น เฉพาะยองแจต่างหากที่มารับเขาแค่โดนบังคับมา เมื่อยองแจหาทำเลที่จะส่องคนพวกนั้นได้แล้วก็กวักมือเรียกเขาให้เดินไปหา พร้อมกับกล้องอันเท่าควายที่ถูกยองแจบังคับให้ถือไว้อีกนั่นแหละ ยองแจบอกว่ามาก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์ แต่ไม่ใช่ปะวะคือนี่ถูกบังคับมาไง
ตอนนี้เขาก็ได้แต่ยืนมองบรรดาแฟนคลับที่ในมือมีทั้งผ้าเชียร์ กล้องโปรตัวใหญ่ ผ้าโพกหัว แบนเนอร์บ้านต่างๆ สแตนดี้ นู่นนี่นั่นเต็มไปหมด บางคนก็มีครบทุกอย่างในคนเดียวนั่นแหละ ยกเว้นยองแจละมั้งที่อินดี้ใส่มาแต่เสื้อแบรนด์หรูที่คนพวกนั้นใส่กับกล้อง ขนาดเท่าควายที่เขาแบกอยู่ แต่ก็มีเขียนตรงตัวกล้องว่า GOT นี่แหละคือชื่อวงของคนพวกนั้นสั้นๆง่ายๆ
“ทำไมไม่ใส่ผ้าโพกหัวของคนพวกนั้นด้วยล่ะ แบนเนอร์ไม่มีหรอ” เสียงหวานถามขึ้นอย่างสงสัย
“ฉันเป็นแฟนบอยมีระดับใส่แค่นี้ก็หล่อแล้ว” ไม่เกี่ยวกับความหล่อปะวะ
“เมื่อไหร่คนพวกนั้นจะมา วุ่นวาย” สรุปง่ายๆคือวุ่นวาย เสียงดัง และน่ารำคาญ
ใบหน้าหวานเริ่มบึ้งตึงหลังจากที่รอมาได้สักพัก ถ้าเขาเป็นพวกมองคนในแง่ลบคงคิดว่าคนพวกนั้นออกอีกช่องทางหนึ่งไปแล้วแหละ เพราะนี่มันเลยว่าเวลาเครื่องลงจอดได้สักพักแล้ว เอาง่ายๆก็คือควรจะโผล่หัวออกมาทักทายแฟนคลับได้แล้วนั่นแหละ
“เครื่องดีเลย์ เดี๋ยวก็ออกมา” พูดเหมือนตาเห็นเพราะเมื่อจบประโยคเสียงกรี๊ดจากบรรดาแฟนคลับก็ดังกึกก้องไป ทั้งสนามบิน นี่ถามจริงกินนกหวีดไปเป็นอาหารกันหรือเปล่า เขารีบยกมือขึ้นมาอุดหูอย่างนึกรำคาญ
“อ๊ะนั่น! ขอกล้องหน่อยแบมแบม” มือบางรีบคว้ากล้องตัวยักษ์ยัดใส่มือเพื่อนรักทั้งๆที่ยังพูดไม่จบ เมื่อยองแจรับกล้องมาแล้วก็รีบยืนขึ้นบนเก้าอี้ของสนามบินและตามเก็บภาพ ทันทีโดยไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นคนพวกนั้นม่ชัด เพราะเลนส์ซูมของยองแจนั้นโคตรจะอลังการ เมื่อเห็นว่ายองแจจมดิ่งอยู่กับการถ่ายรูปคนพวกนั้นเขาก็ทรุดตัวนั่งที่ เก้าอี้ตัวข้างๆของเพื่อนรักด้วยความเมื่อย
“ยืนขึ้นมาสิแบมแบม เผื่อจะสนใจใครสักคน” ไม่พูดเปล่ายังลากเพื่อนตัวเล็กที่พึ่งนั่งได้ไม่ถึงนาทีมายืนข้างๆตัวเอง ร่างบางยืนขึ้นมาอย่างเก้ๆกังๆแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรกับการกระทำของยองแจ เขาก็มองไปที่กลุ่มคนพวกนั้น สายตาก็เพ่งมองจนไปสะดุดกับใครสักคนที่คงเหลือบมาทางเขาพอดีดูจะเป็นคนที่ ไม่หลุดโลกสักเท่าไหร่ เพราะเขามีผมที่เป็นสีดำธรรมชาติซึ่งต่างจากคนอื่นๆที่มีหัวสีเงินบ้าง ควันบุหรี่บ้าง น้ำเงินเข้มบ้าง มายืนในจุดๆนี้เขาก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันนะจะหลบสายตาก็ไม่รู้จะไปวางไว้ ที่จุดไหน จะจ้องต่อก็ดูจะเสียมารยาทเขาเลยแกล้งๆเหลือบมองเพื่อนรักที่ยังคงถ่ายรูปคน พวกนั้นอยู่
“เขามองแก” อยู่ดีๆเพื่อนตัวดีก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำเอาเขาเหวอไปเล็กน้อย ส่งสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามไปให้แต่มันไม่สนใจจะเงยหน้าขึ้นมาตอบเลยสักนิด
“แจ็คสันน่ะ เขามองแกอยู่” เหมือนจะรู้ว่า เขาต้องการคำตอบแต่อยากจะบอกว่าเขาไม่รู้จักว่าแจ็คสันคือใครพวกคนต่างชาติ หรอชื่อนี่ก็ฝรั่งจ๋าเชียว แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรก็รู้สึกเหมือนโดนผลักจากคนข้างๆซะแล้ว
“เห้ยๆ ทุกคนหลบ!!!” เขายังพอมีสติอยู่บ้างคือถ้าร่วงลงไปตอน นี้คนที่นั่งหรือยืนหรือคลานที่ถ่ายรูปอยู่ข้างล่างต้องโดนเขาทับแน่ๆ เสียงวี้ดวายจากแฟนคลับผู้หญิงทั้งหลายก็พอจะเดาได้ว่าคงหลบเขาแล้วแหละ ตอนนี้มันเหมือนภาพสโลโมชั่นที่ทุกคนแตกตื่นหลบกันไปทางซ้ายและทางขวาส่วน เขาหน้าก็จะกระแทกพื้นอยู่แล้วเพราะการที่มันทรงตัวไม่ได้ สัญชาตญาณดิบบอกให้เขารีบหลับตาเตรียมรับแรกกระแทกด้านล่างไว้
มาร์คช่วยแบมด้วย!!
ฟึบ!!
TALK
EDIT – ตัวอักษร + จัดหน้ากระดาษใหม่
เม้นโหวตหน่อยดิ่ ฮาร์ดคอร์มากฉัน บายยย
ความคิดเห็น