คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Let bygones be bygones - JackBam -
Let bygones be bygones
- JackBam –
อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปสิแจ็คสัน
You know let bygones be bygones?
มหาวิทยาลัยเจวายพี.
“แบมแบ๊มมมมม” เสียงเรียกโหยหวนจากด้านหลังทำให้เจ้าของชื่อชะงักกึกจนต้องเหลียวหลังกลับ ไปมอง ดวงตากลมโตฉายแววเอือมระอาเต็มทนเมื่อหันไปเจอตัวคนเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่ กวนประสาทแบบนี้แถมยังดังลั่นจนคนอื่นหันมามองทางเขาเป็นตาเดียว
ทางด้าน เจ้าของเสียงก็ยิ้มแฉ่งออกมาประมาณว่าโลกนี้เป็นของกูกูจะทำอะไรก็ได้ใครก็ ขัดไม่ได้ ไม่สนใจสักนิดว่าคนรอบข้างจะมองมาด้วยสีหน้าแบบไหน ก็ยูคยอมไม่ใช่คนที่จะมานั่งแคร์คนรอบข้างนิแต่สำหรับแบมแบมมึงช่วยแคร์สัก หน่อยก็ดีนะ
“อย่ามองเค้าอย่างงั้นสิตัวเอง” แบมแบมกลอกตาไปมาทำเป็นไม่สนใจเพื่อนร่างยักษ์ตรงหน้าแล้วตั้งท่าจะเดินหนี ทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะเบะปากร้องไห้ทั้งๆที่รอบข้างคนก็อยู่เยอะแยะ
มึงช่วยทำอะไรที่เข้ากับหน้าตาหน่อยไม่ได้หรือไงวะยูคยอม!
“เดินหนีทำไมอ่ะแบมแบ๊มม”
“ไม่น่าถาม” เสียงหวานขมิบปากมุบมิบไม่ให้คนด้านหลังได้ยินแล้วก้มหน้าก้มตาเดินไม่สนใจ คนข้างหลักอีกเลยจนมาถึงด้านหน้าของคณะที่มีเพื่อนอีกคนยืนรออยู่แล้ว แต่ไม่ทันได้ทักทายก็มีคนที่ตัวเองไม่อยากจะได้ยินเสียงมันมากที่สุดในตอน นี้โพล่งขึ้นมาซะก่อนจนปิดหูแทบไม่ทัน
“แจแจ้!!!” ร่างบางถอยห่างเจ้าของเสียงทำเป็นว่ากูไม่รู้จักมึง ทั้งยังส่งสายตาไปให้เพื่อนรักที่ยืนหน้าเอ๋อแดรกอยู่ข้างหน้าคณะว่าตัวใคร ตัวมันนะครับผม เท่านั้นแหละยองแจก็ถอยหลังหนีแล้วเดินเข้าคณะไปเลยทิ้งให้ยูคยอมยืนกระฟัด กระเฟียดอยู่หน้าคณะคนเดียว
“ทำเหมือนไม่ได้เจอมาสองชาติ” ยองแจได้ทีก็บ่นขึ้นมาแต่ไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางว่าเอือมระอาเหมือนกับแบมแบมแต่กลับยิ้มจนตามปิดพลางหันไปมองไอ้เพื่อนร่างยักษ์ที่เดินตามต้อยๆอยู่ ข้างหลังแถมมันยังมีหน้ามาบ่นนู่นนี่งุ้งงิ้งตลอดทาง คือกูไม่ได้ยินไงจะไปรู้มั้ยครับว่ามึงบ่นอะไร
“ไม่ชินหรอ” แบมแบมหันไปถามเพื่อนข้างตัว ถามไปงั้นแหละไอ้คนที่ไม่ชินน่ะคือตัวเขาต่างหากแต่คนที่ชินแล้วก็ยืนยิ้มแป้นแล้นอยู่ข้างๆเขานี่ไง มันแปลกๆนะว่ามั้ย
“ไอ้ที่เสียงดังน่ะชินแต่ไอ้ชื่อเหมือนไก่แจ้นั่นใครมันจะไปชินลงวะ” ว่าพลางหน้ามุ่ยลงจนอิคนที่เดินตามหลังมารีบเดินมาดูอาการ คือยองแจก็แค่ไม่ชินชื่อป่ะยูคยอมอย่ามาทำเหมือนมันท้องใกล้คลอดได้ป่ะ
“แจแจ้เป็นไร อย่าหน้ามุ่ยสิเดี๋ยวเหี่ยวเร็วนะ” อือหื้อ อะไรเหี่ยว
“อะไรเหี่ยวห้ะยูค!!” ยองแจขึ้นเสียงใส่แทบจะทันที แต่แบมแบมก็ปล่อยไปทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ที่มันคุยกันแต่หูนี่กางจนไม่รู้จะกางยังไงแล้วครัช
“หน้าไง คิดว่าอะไรเหี่ยวหรอแจแจ้ แหนะ! คิดอะไรทะลึ่งอยู่ใช่ม้า” อย่าว่าแต่มันเลยกูก็คิด
“เอาหน่า พอๆ เดี๋ยวจะเข้าเรียนแล้วซื้อขนมกินเปล่า” แบมแบมหันไปถามเพื่อนทั้งสองคนที่ยังจ้องตากันไม่เลิกจนอยากจะเอานิ้วตัวเองทั้งสองข้างไปจิ้มตามันสองคน
“ได้หรอ วันนี้เรียนเซครวมหรอ” ยูคยอมถามตาโต
“ถามจริงนี่ละเมอมาเรียนเปล่าห้ะ” เสียงหวานแหวเข้าให้ทีหนึ่งพร้อมทั้งส่ายหน้าอย่างปลงๆ
“ช่างมันเถอะแบมแบม ไปตุนขนมไว้ดีกว่าเรียนเซครวมทีไรหิวทุกที” ใบหน้าหวานพยักหน้าเห็นด้วย ดวงตากลมก็มองไปรอบๆก็ยังคงมีแต่ร้านอาหารเหมือนเดิม คณะของแบมแบมโรงอาหารก็จะมีแต่ร้านขายอาหารอย่างเดียวไม่มีหรอกร้านที่ขายขนมจุกจิกน่ะ และทุกครั้งพวกเขาทั้งสามคนก็ต้องพาร่างตัวเองไปซื้อขนมที่คณะอื่นแทน และคณะที่ใกล้ที่สุดก็เป็นคณะบริหารนั่นแหละ
“คณะบริหารละกันนะ ขี้เกียจเดินไปคณะบัญชี” เอาจริงๆมันคือประโยคคำถามนะ ไม่ใช่ประโยคคำสั่งคือถ้าจะค้านแล้วลากเขาไปคณะบัญชีเขาก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วไง ขนมของคณะบัญชีมันเยอะกว่าของคณะบริหารแต่มันก็เดินไกลกว่าแล้วอีกครึ่งชั่วโมงก็จะต้องเข้าเรียนแล้วเขาไม่อยากจะเสียเวลาสักเท่าไหร่
“ตามนั้น ขี้เกียจเหมือนกัน”
คณะบริหาร
ทั้งสามคนเดินมุ่งหน้าไปยังร้านมินิมาร์ทเล็กๆของคณะบริหารเพื่อที่จะหาขนมไปตุนระหว่างคาบเรียน เพราะเซครวมของพวกเขาจะกินเวลานานถึงสามชั่วโมง ซึ่งต่างจากเซคย่อยที่เรียนแค่หนึ่งชั่วโมงครึ่งเท่านั้นแต่บางครั้งเซครวมจะเลทไปถึงสามชั่วโมงครึ่งก็มีถ้าอาจารย์ประจำวิชานั้นติดลม ซึ่งครึ่งชั่วโมงที่เกินมาก็เต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวนของนักศึกษาทั้งหลายนั่นแหละ
“น้องแบม!!” ขาเล็กชะงักกึกพลางกวาดสายตาไปมองคนที่เรียกตัวเองอย่างงงๆ แต่เมื่อเห็นคนเรียกก็ยิ้มกว้างรับคำเรียกแทบจะทันที ถึงแม้ตอนแรกจะแอบเหวี่ยงไปแล้วก็เถอะ สายตาคนรอบข้างมองมาที่พวกเขาอย่างแปลกใจ
“สวัสดีครับพี่มาร์ค” เสียงหวานพูดทักทายเมื่ออีกคนมาเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า ยองแจและยูคยอมก็รีบก้มหัวทักทายเพราะคนตรงหน้าเพื่อนเขาเป็นรุ่นพี่ถึงจะสนิทกับแบมแบมแต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรมากมายกับยองแจและยูคยอม
“ไงเรา มาทำอะไรที่คณะพี่ละเนี่ย” เสียงทุ้มเอ่ยถาม
“ซื้อขนมไปตุนฮะ คณะแบมไม่มีมาร์ทเหมือนคณะพี่มาร์คนิ” คนตัวเล็กว่าพลางทำปากเบะเรียกรอยยิ้มเอ็นดูให้คนตัวสูงตรงหน้าได้เป็นอย่างดี
“นี่จะมากินขนมหรือมาเรียนเนี่ยห้ะตัวเล็ก”
กึก
สรรพนาม ที่ไม่ได้ยินมานานถูกหยิบยกมาใช้อย่างเคยตัวจนเจ้าของเสียงแทบจะยกมือขึ้นมาตีปากตัวเองที่พูดอะไรไม่คิดอีกแล้ว สรรพนามแบบนี้มีแค่สองคนเท่านั้นแหละที่เรียกแบมแบม
คนแรก มาร์ค ต้วน ตัวเขาเอง
ส่วนคนที่สองก็คนคนนั้นเพื่อนสนิทของเขา แจ็คสัน หวัง
“เอ้อ แล้วเดี๋ยวน้องแบมเข้าคราสกี่โมงละ” ทั้งยองแจและยูคยอมรีบหันไปสะกิดรุ่นพี่หัวแดงยิกๆให้เปลี่ยนเรื่องสักทีไม่ ใช่มายืนเอ๋ออยู่อย่างงี้ ส่งสายตาโหดๆมาให้ว่าดูสีหน้าเพื่อนกูด้วยนะครับผม
มาร์ค ต้วน ผิดอัลไล?
“อ๋อ อีกประมาณยี่สิบนาทีครับ” หลังจากเรียกสติตัวเองกลับมาได้แล้วร่างบางก็รีบยกนาฬิกาเรือนเล็กสีขาวตัดกับหน้าปัดที่เป็นสีดำขึ้นมาดูแก้เก้อแล้วตอบคำถามรุ่นพี่คนสนิทออกไป
“งั้นรีบไปซื้อเถอะพี่ว่าพี่ไม่กวนดีกว่าเนอะ” แบมแบมพยักหน้าเบาๆและก้มหัวน้อยๆเป็นเชิงขอตัวไปซื้อขนมก่อนแต่ดูสีหน้าของ รุ่นพี่คนสนิทแล้วเหมือนมีอะไรจะพูดกับเขาแต่ก็อึกอักไม่ยอมพูดออกมาสักทีจน ร่างบางทนไม่ไหวโพล่งถามออกไป
“มีอะไรหรือเปล่าครับพี่มาร์ค” ใบหน้าหวานขมวดคิ้วด้วยความสงสัยพลางเลิ่กคิ้วถามเป็นเรื่องปกติ
ยองแจและยูคยอมที่แทบจะหายไปกับอากาศก็เบรคตัวเองให้หันหลังกลับมาฟังคำตอบด้วยแทบ ไม่ทันหลังจากก้าวนำออกไปได้สองสามก้าวแล้ว มาร์คยังคงลังเลว่าจะพูดให้รุ่นน้องคนสนิทฟังดีหรือไม่แต่ก็ตัดสินใจพูดออกไปในที่สุด
“แจ็คสันกลับมาแล้วนะ”
หลุดพูดไปแล้วมาร์คอยาก จะตบปากตัวเองสักทีสองทีที่ชอบทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง เขาก็แค่อยากให้สองคนปรับเข้าใจกันสักทีไม่ใช่ทำเหมือนอีกคนไม่มีตัวตนบนโลกแบบนี้ แต่ไอ้คนที่ทำแบบนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นแค่เด็กที่ยืนหน้าเหรอหราที่อยู่ตรง หน้าเขานั่นแหละ
“อ่า แบมสายแล้วอ่ะพี่มาร์ค ไปก่อนนะครับ บ้ายบาย” พูดจบร่างบางก็รีบลากเพื่อนทั้งสองคนออกไปจากบริเวณนั้นแทบจะทันที แต่ยังไม่ทันจะพ้นคณะเพื่อนทั้งสองคนก็ยื้อจนสุดตัว
“อะไร!” แบมแบมขึ้นเสียงที่เพื่อนไม่ยอมเดินไปกับเขาดีๆสักที ยื้อหยุดอยู่นั่นแหละ
“กูยังไม่ได้ซื้อขนมโว้ยยยยย!!” ทั้งสองคนตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียง ใบหน้าหวานเหวอขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดจนต้องส่งยิ้มแหยๆกลับไปให้
“เออเนอะ ป่ะ ไปซื้อขนมกัน แหม่ เห็นเวลาแล้วลืมเลย” แบมแบมรีบแก้ตัว
ยองแจเบะปากหมั่นไส้ให้กับข้อแก้ตัวที่ดูจะไม่น่าฟังเอาซะเลยก่อนจะดึงมือยูคยอมตรง ไปมินิมาร์ทของคณะโดยไม่ได้หันกลับไปมองเพื่อนร่างบางที่ยืนเคว้งกลางอากาศ อยู่หน้าคณะ
อ้าว แล้วกูละครัช?
ขาเรียวรีบสาวเท้าเดินตามทั้งสองคนไปจนทั้งหมดได้เลือกซื้อขนมจนหนำใจแล้วจึงรีบ เดินกลับไปที่คณะตัวเองทันทีเพราะเลยเวลามาได้ห้านาทีแล้ว อาจารย์คนนี้ยิ่งโหดๆเรื่องเวลาเข้าเรียนอยู่ แต่พอเข้ามาก็ไม่มีวี่แววว่าอาจารย์จะลุกขึ้นมาด่าแล้วถามชื่อพวกผมที่มาสายสักคำ เอาแต่สอนเอาๆเหมือนกับว่าวันนี้ยัดๆไปให้นักศึกษาก็จบ แล้วก่อนจะหมดเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงอาจารย์ก็สุ่มเช็คชื่อเอาแล้วก็ไม่โดนชื่อพวกผม ไอ้คนที่ไม่เข้าแล้วโดนเรียกก็ซวยไป หนึ่งคำถามก็ผุดขึ้นมาในหัว
วันนี้กูมาเรียนทำไมวะ ทำไมไม่โดด?
“ถ้าเราสายสักครึ่งชั่วโมงอาจารย์ก็ไม่ลงจากแท่นมาตบหรอกเชื่อป่ะ?” ยูคยอมเปิดปากบ่นคนแรกตามด้วยเพื่อนๆในเซครวมอีกนับสิบ คือถ้าหยั่งรู้อนาคตได้นี่จะไม่มาเหยียบมหาลัยเลยนะนานๆอาจารย์แกจะฟรีให้ขนาดนี้ หลังจากสุมหัวนินทาอาจารย์กันเสร็จเรียบร้อยเพื่อนๆก็เริ่มแยกย้ายกันกลับ บ้านเพราะวันนี้มีเรียนแค่วิชาเดียวและอาจารย์ก็ปล่อยไวตั้งสิบห้านาทีแหนะ อยากจะอู้วเย่ให้ดังลั่นแต่ก็อายเกินไป
“เหยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!” แต่คงไม่ใช่สำหรับยูคยอมผู้ไม่เคยอายใคร
แบมแบมรีบเดินหนีออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วทั้งยังลากยองแจให้ตามตัวเองออกมาด้วย โดยปล่อยยูคยอมให้บ้าอยู่คนเดียวที่หน้าห้องเรียนแต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวยอง แจก็รั้งไว้ก่อนและเบือนหน้ากลับไปมองทางที่เดินออกมา นี่คือมึงจะไปยืนร้องเหยดดดดกับยูคใช่มั้ยครัช
“อะไรอีก”
“รอยูคก่อน วันนี้กลับพร้อมมัน” เออดี แบมแบมพยักหน้าเอาเป็นว่าเออกูรับรู้ก็ได้แต่คือรอไปคนเดียวเถอะแบมจะกลับบ้าน แบมโหยหาความอบอุ่นจากเตียงนอน
“จะไปรอมันทำไมว้า มีซัมติงหรือไงวู้ววว ไปละง่วงนอนว่าจะงีบสักหน่อย บ้ายบายแจแจ้” ได้ทีก็ล้อเพื่อนที่ยืนงุ้งงิ้งอยู่ไปดอกหนึ่งด้วยความหมั่นไส้ล้วนๆไม่มีการแกล้งผสม
ใช้เวลาไม่นานในการนั่งรถเมล์(ฟรี)กลับมาถึงบ้าน แบมแบมไม่ใช่คนขี้งกอะไรแค่รู้จักการใช้เงินเท่านั้นเองเวลาอยากได้อะไรจะได้ไม่ต้องไปแบมือขอพ่อแม่ถึงเงินที่เก็บได้จะเป็นเงินรายวันที่พ่อกับแม่ ให้มาก็เถอะ ดวงตากลมมองเข้าไปในบ้านอย่างจับผิดมือเรียวกำเข้าหากันแน่น ตอนนี้พ่อกับแม่เขาต้องทำงานอยู่ปะวะแล้วทำไมไฟในบ้านถึงเปิดอยู่
หรือพ่อแม่ลืมปิดไฟ
ร่างบางพา ตัวเองเข้ามาในบ้านอย่างกล้าๆกลัวๆ มองซ้ายทีขวาทีพยายามเพ่งมองรอบด้านมากเป็นพิเศษ ยังดีที่บ้านเขาค่อนข้างโล่งและเป็นระเบียบเรื่องที่ซ่อนก็แทบจะไม่มีแค่ กวาดตามองก็รู้แล้วว่ามีใครบุกเข้ามาหรือเปล่า ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งยวดที่บ้านชั้นล่างของเขาตอนนี้ไม่มีอะไร ผิดปกติจึงโล่งใจแล้วเลิกสนใจว่าจะมีขโมยมาขึ้นบ้านหรือเปล่าทันที ตอนนี้คงคิดแค่พ่อแม่คงลืมปิดไฟจริงๆนั่นแหละ
เรียวขาเล็กก้าวเข้าไปในห้องครัวเพื่อหยิบน้ำมาเทใส่แก้วแล้วยกขึ้นไปดื่นด้านบนห้องเพราะตอนนี้ร่างกายต้องการพักผ่อนอย่างแรง มือบางหมุนประตูด้วยความเคยชินเหมือนทุกทีก่อนจะ...
เพล้ง!!!
“เฮ้ยย!!”
ไม่ใช่เสียงของแบมแบมแต่เป็นอีกคนหนึ่งที่เข้ามาในห้องนอนของร่างบางได้ยังไงก็ไม่รู้ ใบหน้าหวานเหวอทันทีที่เห็นคนที่นอนเล่นอยู่บนเตียงของเขาและทำแก้วน้ำหลุดมือจนอีกคนตกใจ ดวงตากลมเริ่มคลอหน่วงด้วยน้ำตาจนคนที่นอนตีพุงเล่นอยู่บนเตียงต้องกระโดดลงมาดูอาการ
“ตัวเล็กเป็นอะไร! ไปนั่งที่เตียงก่อนนะเดี๋ยวพี่เก็บเศษแก้วก่อน”
แบมแบมพยักหน้ารับรัวๆเหมือนคนไม่ได้สติยอมทำตามที่อีกคนบอกอย่างว่าง่ายแล้วหันกลับไปมองร่างสมส่วนที่กำลังขมักเขม้นในการเก็บเศษแก้วที่ตัวเขาเองพึ่งทำแตกไปเมื่อครู่ มือเรียวยกขึ้นมาตบหน้าตัวเองแรงๆสองสามทีก่อนจะรับรู้ว่านี่เขาไม่ได้กำลังฝันอยู่
ตอนนี้คนๆนั้นมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
“มองตาไม่กระพริบเลยนะ” แบมแบมอ้าปากค้างก่อนจะรีบกระพริบตาถี่ๆเพื่อเรียกสติตัวเองกลับคืนมา คนที่ลอบมองอยู่ก็แอบหัวเราะเบาๆกับท่าทีคนตรงหน้าที่เห็นทีไรก็อยากจะเข้าไปฟัดซะทุกที่
“กลับมาทำไมคนบ้า!!!” หลักจากเรียกสติกลับมาได้ก็ถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกระด้าง นัยต์ตาหวานคลอหน่วงไปด้วยน้ำตาอีกรอบหนึ่งที่กำลังจะไหลลงมาจนคนที่ยืน มองอยู่คุกเข่าลงมามองแทบไม่ทัน ใบหน้าคมเข้มเริ่มแสดงสีหน้าหนักใจ
“ร้องทำไมตัวเล็ก แจ็คสันกลับมาแล้วไม่ดีใจหรอ?”
ดีใจหรอ
แบมแบมอยากจะตอบกลับไปว่าดีใจมากแต่เพราะปัจจัยอะไรหลายๆอย่างทำให้ร่างบางส่ายหน้า อย่างแรงแล้วผลักคนตรงหน้าออกไป คนนิสัยไม่ดีเขาไม่อยากจะคุยด้วยหรอก
“ทำอย่างงี้ไม่น่ารักเลยนะตัวเล็ก” แจ็คสันแกล้งเย้าให้อีกคนอารมณ์ดี
“ก็ไม่ต้องมารัก จะไปไหนก็ไป ฮึก! กลับฮ่องกงไปสิกลับไปเลยจะกลับมาทำไมอีก!” มือบางทุบอกคนตรงหน้าอย่างแรงแต่อีกฝ่ายไม่มีท่าทีโกรธเคืองคนตัวเล็กแม้แต่ น้อยถึงดวงตานั้นจะฉายแววเศร้าออกมาก็ตามที มาถึงขั้นนี้แล้วแจ็คสันคงไม่ถอยหรอก
“จะไปได้ไงละครับตัวเล็กไม่รู้หรือไงว่าตัวเล็กคือลมหายใจของแจ็คสัน”
มันไม่ใช่การพยายามจะพูดให้ตัวเองดูดีแต่มันเป็นการพูดจากใจจริงตลอดสองสามปีที่ผ่าน มาเขาเฝ้าแต่คิดถึงคนตรงหน้าทุกวันทุกลมหายใจ อยากจะบินกลับมาหาตั้งแต่วันแรกที่ห่างกันแต่เพราะเหตุผลร้อยแปดของบุพการี ที่ทำให้เขาทำอย่างงั้นไม่ได้ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรมาขวางเขาได้แล้ว
“แล้วที่หายหัวไปสองสามปีนี่คืออะไร! ทั้งที่บอกว่าแบมคือลมหายใจของตัวเองก็หายหน้าไปเนี่ยนะ หึ ตลอดสองสามปีที่หายไปโดยที่ไม่มีลมหายใจอยู่ด้วยรู้สึกเป็นไงดีใช่มั้ยละ ไม่เห็นว่าจะขาดใจตาย!”
รู้ว่าพูดแบบนี้ออกไปมันดูแรงดูไม่น่ารักถ้าคนอื่นมาได้ยิน แต่เพราะอารมณ์โมโห น้อยใจทุกอย่างมันประดังเข้ามาจนต้องพูดออกไป เหตุผลที่หายหัวไปยังไม่รู้แล้วนี่กลับมาอีกคิดว่าแบมแบมจะตั้งตัวทันมั้ยละ ถ้าเป็นคุณก็ต้องทำเหมือนผมนั่นแหละ
“แจ็คสันมีเหตุผลนะตัวเล็ก” ลดท่าทีเย้าแหย่ลงและกลับมาจริงจังแทน ถ้าใช้การกวนเล็กๆน้อยๆเข้าหาไม่ได้ก็ต้องลองใช้เหตุผลเข้าหาแล้วแหละ
“ไม่อยากฟังคำแก้ตัว เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะนะแจ็คสัน”
งี่เง่า คำจำกัดความเล็กๆของแบมแบมในตอนนี้ไม่ได้อยากจะพูดอะไรที่ทำร้ายจิตใจคนตรงหน้า แต่ที่คนตรงหน้าเคยทำไว้กับเขามันทำให้ต้องพูดออกไป คิดว่าทิ้งกันไปแล้วจะกลับมาหากันง่ายๆอย่างงี้หรอมันก็ง่ายไปมั้ง หึ
“ตัวเล็ก ฟังแจ็คสันก่อนสิ” มือหนายกขึ้นมาประคองใบหน้าหวานให้หันมามองเขาตรงๆ แต่ลักษณะแล้วตอนนี้คงยังไม่อยากเห็นเขาเอามากๆแต่ก็ฮูแคร์? หน้าด้านเข้าไว้แจ็คสัน
“ยังไม่อยากฟังคำแก้ตัว ยังไม่อยากได้ยินเสียง ยังไม่อยากเห็นหน้า!” จบประโยคมือบางก็ปัดมือแจ็คสันออกอย่างไร้เยื่อใยซึ่งขัดกับคำพูดของตัวเองโดยสิ้นเชิง
“แต่แจ็คสันอยากเห็นหน้าตัวเล็กนิ่” แจ็คสันเบ้ปากเหมือนเด็กน้อยกำลังอดได้ของเล่น แบมแบมแอบลอบยิ้มขำไม่ให้อีกคนเห็นนแล้วแกล้งทำเป็นไม่สนใจก่อนจะโบกมือไล่ให้อีกคนออกไปไกลๆ
“ตัวเล็กครับ อย่าไล่แจ็คสันเลยนะ” ก็ยังคงเงียบไม่มีเสียงตอบรับกลับมา ร่างสมส่วนจึงค่อยๆเคลื่อนตัวไปนั่งอยู่บนเตียงเดียวกับแบมแบม มือหนารั้งเอวบางเข้าหาตัวจนอีกฝ่ายเซจนขึ้นมานั่งตักแกร่งของแจ็คสันอย่าง จำใจ ดวงตากลมตวัดกลับไปมองอย่างหาเรื่อง
“ทำไมตัวเล็กใจร้ายกับ หวัง กาอี จังเลยน้า” เสียงทุ้มดังอยู่ข้างใบหูจนอีกคนขนลุกเกรียว ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันก่อนจะดันใบหน้าคมออกไปแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร แจ็คสันยิ้มบางๆที่เห็นใบหน้าหวานแอบขึ้นสีระเรื่อมันจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เขาแทนตัวว่าหวัง กาอี
“จะไม่ฟังเหตุผลของหวัง กาอี จริงๆหรอตัวเล็กก” หลังจากต้านแรงตื้ออีกฝ่ายไม่ไหวก็ผละมือออกไปใบหน้าคมนั้นแล้วหันไปมองทาง อื่นแทนแต่อีกคนกลับโน้มหน้าเข้ามาหาแล้วเอาคางมาเกยไว้กับไหล่บางก่อนจะถู ไปถูมาเหมือนลูกแมวกำลังจะอ้อนเจ้าเข้า
“Let bygones be bygones” เสียงหวานพึมพำเบาๆแต่ก็ยังตั้งใจให้แจ็คสันได้ยินอยู่ดี
“พลีสสสส พลีสสส พลีสส ฟังแจ็คสันหน่อยสิ” อีกคนก็แกล้งทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินที่อีกคนพูดแล้วกลับมาตั้งหน้าตั้งตา อ้อนอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็แหม่ พ่อแม่อีกฝ่ายเปิดโอกาสให้เขาเข้ามาง้อถึงในห้องขนาดนี้จะปล่อยให้โอกาสหลุด ลอยไปง่ายๆได้ไงละ อีกอย่างถึงวันนี้เคลียร์กันไม่รู้เรื่องเขาก็ไม่ยอมแพ้อยู่ดี วันอื่นค่อยมาใหม่ก็ได้แต่เรื่องอะไรละ...อยู่ค้างมันที่นี่แหละ
“ไม่!” แบมแบมปฏิเสธเสียงแข็งและดันตัวเองออกมาจากอีกฝ่ายก่อนจะผลักแจ็คสันให้เขยิบออกไปห่างๆก่อนจะคลานไปชิดกับเตียงอีกด้านแล้วล้มตัวลงนอน
“ออกไปแล้วปิดบ้านให้ด้วย ขอบคุณ บาย” พูดเองเออเองเสร็จสรรพก็ไม่สนใจรอบข้างปิดเปลือกตาลงหันตะแคงข้างให้อีกฝ่ายแทบจะทันที
แต่ร่างสมส่วนไม่ได้ทำตามที่แบมแบมบอกง่ายๆ แจ็คสันแทรกตัวลงไปในผ้าห่มผืนหนาก่อนจะรั้งเอวบางเข้ามาชิดกับตัวเองดันหัว ทุยให้ลงไปซบกับอกแกร่งอย่างเบามือ ร่างบางจะขัดขืนก็ไม่ได้เพราะแรงอันน้อยนิดมันสู้อีกฝ่ายไม่ได้อยู่แล้ว แจ็คสันกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นราวกับว่าคนในอ้อมกอดจะหายไป
“กาอีอยากนอนกอดตัวเล็ก”
“อย่าคิดว่าพ่อแม่เปิดทางให้แล้วจะทำอะไรก็ได้นะ!!” เสียงหวานแหวลั่นห้องครัว หลังจากนอนหลับไปได้หนึ่งตื่นเล็กๆ ต้องขอเน้นย้ำว่ามันเล็กๆจริงๆเพราะไอ้คนตัวใหญ่นี่มันเล่นแกล้งเขาสารพัด นี่ควรจะสำนึกปะวะว่านี่งอนอยู่อ่ะ ไอ้เราก็จะนอนต่อก็คงไม่ไหวเลยลุกขึ้นมาทำกับข้าวกินในครัวพร้อมออกคำสั่ง ใส่ว่าอย่ามายุ่งเวลาทำอาหารตอนแรกก็นั่งเฉยๆดีอยู่หรอก แต่ตอนเขาเดินมาดูหม้อต้มที่ทำต้มจืดเต้าหู้ไว้ไอ้คนตัวใหญ่กว่าเค้านี่ก็วิ่งแจ้นมากอดเขาจากข้างหลังทันที คิดว่าตัวเองสามขวบหรอ
“ก็กาอีอยากกอดตัวเล็กนี่”
อืม ดีเหตุผลน่ากระทืบดีจะต้องให้ตะโกนใส่หน้ามั้ยว่ากูโกรธมึงอยู่ครัช
“ไปไกลๆเลยแจ็คสัน แบมยังโกรธอยู่” มือบางผลักอกคนตัวสูงเต็มแรง ร่างโปร่งบางหันกลับมาสนใจหม้อแกงจืดเต้าหู้ตรงหน้าต่อหลังจากเห็นว่าเริ่ม เข้าที่แล้วก็ปิดแก๊สจากนั้นจึงเทใส่ชาม
แบมแบมหันกลับไปที่ตู้เก็บจานและหยิบเพิ่มมาอีกหนึ่งใบเผื่อใครบางคนที่นั่งทำตาปริบๆ ใส่เขาอยู่นั่นแหละ คนตัวเล็กแกล้งทำเป็นไม่สนใจสีหน้าแปลกใจของแจ็คสันแถมยังเมินอีกต่างหากแต่เพราะความเป็นคนดีน่ารักสดใสเลยตักข้าวให้ไปครึ่งทัพพีแดกมากมันเปลืองข้าวบ้านครับแม่จะด่าเอา อุ้ยโทษๆ ปากลั่นงับ
“จะมองอะไรนักหนา”
อดแขวะไม่ได้จริงๆนะ มองอยู่นั่นแหละนี่จะตักข้าวเข้าปากจนจะหมดจานอยู่ละยังมองอยู่เลยคือถ้าซึ้งก็ขอบคุณป่ะไม่ต้องมองหน้าเขินเอาะ
“ทำไมตักให้แจ็คสันครึ่งทัพพีเองอ่ะ”
เพล้ง
หน้าหวานหงิกลงทันทีที่ได้คำตอบ เคยมีใครที่มากินข้าวบ้านคนอื่นแล้วเรื่องเยอะแบบนี้ป่ะ ให้กินด้วยก็บุญแล้วป่ะนี่คืองอนอยู่ไงสำนึกบ้างนะกาอี
“หุบปากแล้วกินไป” ตากลมจิกลงจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าคมไม่วางตา นิ้วเรียวชี้เข้าให้กลางหน้าแล้ววางลงไปที่จานข้าวเป็นเชิงสั่งว่าก้มหน้าก้มตากินไปก่อนจะไม่มีกิน แจ็คสันหลุบตาลงแล้วก้มหน้ากินแบบไม่เงยหน้าขึ้นมาสักพัก
หลังจากจัดการอาหารตรงหน้าหมดแล้วร่างบางจึงยกจานทั้งหลายไปที่ซิ้งค์ล้างจานโดยมี ร่างสมส่วนของแจ็คสันเดินเข้ามาช่วย ถึงจะมีโวยวายให้กลับไปนั่งเฉยๆแต่อีกคนก็ดื้อจะมาช่วยจนได้จึงได้แค่ปล่อยๆ ไป เมื่อแช่จานไว้สักพักก็กวักมือเรียกอีกคนที่เดินวนรอบห้องครัวให้มาล้างจาน ทั้งหมดด้วยเหตุผลง่ายๆที่คิดว่า หวัง กาอี ว่างเกินไปจริงๆ ควรมาช่วยเขาให้เป็นประโยชน์ซะบ้าง
“ตัวเล็กครับ จะฟังเหตุผลของกาอีได้ยัง”
เสียงนุ่มทุ้มย่องไปกระซิบข้างหูของคนตัวเล็ก ใบหน้าหวานที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับโทรศัพท์เครื่องหรูก็ต้องสะดุ้งเหวอกับอีก คนที่มาแบบไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงพร้อมตวัดสายตาเคืองไปให้อีกทีหนึ่ง
“ยัง ไม่อยากฟังที่หายหัวไปสองสามปีนี่คิดว่าจะหายโกรธง่ายๆหรอแจ็คสัน” ดวงตากลมโตแข็งกร้าวขึ้นมาฉับพลัน ถ้าถามว่าอ่อนให้มั้ยก็ต้องยอมรับว่าอ่อนให้หน่อยหนึ่งไม่งั้นไม่ทำกับข้าวเผื่อให้หรอก แต่ถ้าถามว่าหายโกรธเลยมั้ยก็บอกเลยว่าไม่ยังไงก็ต้องใช้เวลาทิ้งกันไปตั้ง นานจะมาง้อแค่วันเดียวแล้วหายหรอ ง่ายไปปะวะแบมแบมไม่ใช่คนที่ง่ายขนาดนั้น
“กาอีรู้ว่าตัวเล็กโกรธ กาอีไม่บอกหรอกนะว่าให้ตัวเล็กหายโกรธกาอีอ่ะ แต่อยากให้ตัวเล็กฟังเหตุผลของกาอีสักหน่อยไม่ได้หรอ” ใบหน้าหล่อเหลาซบลงที่ไหล่บางอ้อนๆ
“ไม่ใช่ตอนนี้ ที่ยังให้นั่งอยู่ในบ้านนี้ได้โดยไม่หยิบปืนมาเป่ากระบาลก็บุญแล้วนะแจ็คสัน!”
“รู้ว่าต้องใช้เวลา ถ้าพร้อมรับฟังเมื่อไหร่รีบบอกกาอีเลยนะ”
จบประโยคก็กอดเข้าให้หนึ่งหมับ แจ็คสันไม่ใช่พวกกระล่อนที่เอาความทะเล้นมาทำให้อีกคนหายโกรธแต่กับคนแบบแบมแบมต้องวิธีนี้เท่านั้นถ้าอยู่หายหน้าหายตาไปอีกแล้วให้อีกคนเดินมาหาว่า เออกูหายโกรธละนะบอกเหตุผลมาดิ้ว่าหายหัวไปไหนเป็นปีๆมันก็ไม่ใช่ปะวะ กับคนอย่างแบมแบมต้องใช้ความพยายามความหน้าด้านเท่านั้นแหละ โผล่หน้ามาให้เห็นบ่อยๆเป็นการกระทำที่สื่อกับอีกคนว่าจะไม่หายไปไหนอีกแล้ว นี่แหละดีที่สุด
“ไม่บอก เดาเอาเองไม่ชอบคนโง่”
ไม่ใช่คำด่าหรอกมันเป็นเชิงให้ดูที่การกระทำซะมากกว่า ใครจะไปหน้าด้านบอกว่าอยากฟังเหตุผลอีกคนละมันเหมือนกับการเสียฟอร์มเลยนะ บอกแบบนี้แหละดีแล้วมันเป็นเชิงอนุญาตกลายๆละมั้งว่าอยากบอกตอนไหนก็บอกแต่ไม่ใช่ตอนนี้ ขอดูความพยายามของอีกคนก่อนมากกว่าว่าจะทำให้เขายอมอ่อนข้อให้ได้มากกว่านี้ หรือเปล่า ไม่ใช่อยู่ดีๆไปบอกว่าหายแล้วแล้วเดี๋ยวมันหายหัวไปอีกคนที่เจ็บคือใครไม่ใช่แบมแบมคนนี้หรอครับผม เป็นคนธรรมดามีความรู้สึกครับเจ็บได้ร้องไห้เป็นอยากลองเห็นสักหน่อยมั้ยละ
“ยังไงกาอีก็อยากให้ตัวเล็กรู้นะครับว่ากาอีรักตัวเล็กไม่เปลี่ยนแปลง”
คำยืนยันหนักแน่นจากปากของแจ็คสันมันก็ทำให้อีกคนใจชื้นไปได้หน่อยหนึ่งแต่ก็ต้อง แกล้งทำเป็นไม่เชื่อแล้วเขยิบตัวออกห่าง ไม่ใช่อะไรเดี๋ยวหาว่าใจง่าย
“การกระทำมันสำคัญกว่าคำพูดนะแจ็คสัน แต่บางทีเราก็ควรจะรู้ว่าอะไรที่ควรใช้การกระทำอะไรที่ควรใช้คำพูด”
เหยดแม่ม! คมสุดติ่ง กระดิ่งแมวนี่ไม่ได้พูดเล่นๆนะ นี่ออกมาจากใจจริงเลยบางคนแม่งก็ใช้การกระทำอย่างเดียวคืออยากจะถามว่าตอน แม่คลอดออกมาไม่ให้กล่องเสียงมาด้วยหรอ บางคนก็สักแต่พูดอย่างเดียวไม่ทราบว่าชาตินี้ทำอะไรเป็นบ้างนอกจากการพูดน่ะ ที่พูดเนี่ยเข้าใจใช่มั้ย ยูโน้ววว??
“เพราะอย่างงี้ไงเวลาตัวเล็กไล่แล้วแจ็คสันไม่ยอมไปไหน กาอีคนนี้ใช้ทั้งการกระทำแล้วก็คำพูด”
“อืม กลับบ้านไปได้แล้ว” เสียงหวานออกปากไล่ แต่ความจริงไม่ได้ไล่หรอกแต่เห็นว่ามันดึกแล้วไงคือก็กลัวจะโดนฉุดอ่ะถึงตัว แจ็คสันจะใหญ่แล้วก็แรงควายแต่คนสมัยนี้น่ากลัวอ่ะ
“ขอพ่อแม่ตัวเล็กแล้วว่าจะค้างที่นี่”
วอชชช!!! ถามกูสักคำมั้ยครับทุกคนนนนน!!
“อยากนอนก็นอนแต่นอนที่โซฟาละกันนะ” พูดเสร็จก็ตั้งท่าจะลุกขึ้นห้องนอนแทบจะทันที งานการที่อาจารย์สั่งๆมายังไม่ได้แตะเลยสักวิชา ว่าจะพักยาวๆสักหน่อยแล้วค่อยตื่นมาทำก็โดนหมาบางตัวมันกวนจนไม่ได้นอนอีก ชีวิตดูแฟนตาซีจริงๆ
“พ่อแม่ตัวเล็กให้นอนกับตัวเล็ก ไว้พ่อแม่กลับมาก็ถามได้เลยนะนี่ไม่ได้โมเม”
“โอ้ย อยากทำอะไรก็ทำแต่แบมจะไปทำการบ้านแล้วห้ามรบกวน!!”
เสียงหวานสั่งอย่างเฉียบขาดก่อนจะเดินขึ้นห้องไปทิ้งให้อีกคนยิ้มแก้มแทบปริอยู่ที่โซฟาตัวเดิมก่อนจะย้ายร่างตัวเองให้ตามร่างบางไป กลัวว่าอีกคนจะล็อคห้องไม่ให้เขาเข้านั่นแหละ
“ตั้งใจทำการบ้านนะตัวเล็ก”
ฟอด!
เวลาผ่านไปแล้วสองสามวันไวเหมือนโกหก อิซัซ ก็โกหกไงกูแต่งฟิคอยู่ค่า มีแต่แจ็คแบมที่เรียล ฮร้า กลับเข้าเรื่องๆ สองสามวันมานี้แจ็คสันก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาง้อคนตัวเล็กแทบตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง คนตัวเล็กอยู่ไหนแจ็คสันก็อยู่ที่นั่น ตามไปแม้กระทั่งที่มหาลัยแถมยังทะลึ่งเข้าไปนั่งง้อถึงในคราสอีก บอกเลยว่าเป็นที่ชินตาของคนทั้งมหาลัยไปแล้ว แหม ก็คนหล่อกับคนน่ารักอ่ะเนอะใครเขาจะไม่สนใจละ
“กูไม่สนใจโว้ยยยยยย” พังจ้า ยูคยอมไอ้หมีควายมันนั่งพูดนู่นพูดนี่มาสองสามชั่วโมงและออกนอกอ่าวมาประมาณห้าสิบห้านาทีและยิงตรงเข้าเรื่องว่า ถ้ามึงคืนดีกับพี่แจ็คสันกูจะเรื่องไอติมมันแบบไม่อั้น สนใจมั้ย? นี่ทุกคนเห็นแบมแบมเป็นเด็กอายุสามขวบหรอ ได้ค่าสินบนกันมาเท่าไหร่ละครัชช
“โถ่ว แบมแบ๊ม มึงไม่สงสารพี่แจ็คสันเขาหรอวะ” ยูคยอมเริ่มบ่น
“แล้วมึงไม่สงสารกูอ่อยูค สองสามปีที่เขาหายหัวไปอ่ะกูเป็นยังไงมึงก็รู้นิ” ผมเริ่มบรรเลงความดราม่าใส่ทุกคนที่นั่งอยู่กับผม
“กูรู้ว่ามึงโกรธ เป็นกูกูก็โกรธ หยุดไอ้ซัซ! อย่าพึ่งพูดแทรกกูพูดอยู่เห็นมั้ย เสียมารยาท ฟังกูให้จบ!”
เป็นแบมแบมขนาดจะจามกูยังผิดเลยครับ นี่ไม่ได้จะเถียงอะไรเลยนะ นี่จะจามโว้ยด่าซะเสียหมาสะดุ้งไปถึงคุณพ่อกับคุณแม่ที่น่ารักทั้งสองแล้วมั้ง เมื่อกี้คำว่าเสียมารยาทลอยมาเต็มๆหน้าพี่แบมเลยครับ มาพร้อมน้ำลายมันนั่นแหละ ยี้ สกปรกกกกกกกกอ้ะ
“มึงเคยคิดจะฟังเหตุผลของพี่เขาบ้างเปล่าวะแบมแบ๊ม” ผมส่ายหน้าแทบจะทันที
“เห็นมั้ยล้ะอิน้องแบมแบ๊ม มึงโกรธพี่เขามึงไม่ผิดเว่ย แต่มึงไม่ฟังเหตุผลพี่เขาเนี่ยกูว่ามึงผิดนะ มึงมันงี่เง่าอิน้องแบมแบ๊ม”
เออนั่นสิ... อิด้อนนนน ยูคมันหลอกด่าพี่แบมมมม
“โอ๊ะ มาพอดีเลยนั่น เคลียร์กันให้เสร็จๆล่ะ จะมางอนง้อกันยืดเยื้อทำไมวะ เสียเวลารักกันหมด” พูดจบร่างสูงของยูคยอมก็สะบัดก้นเดินหนีไปอีกทางอย่างรวดเร็ว พ่อเป็นนักวิ่งหรอครับนี่พี่แบมยังไม่ได้ทำใจเลยนะเหวยยย
“ตัวเล็กกกกกก” เสียงมาก่อนตัวอี๊กก
“...” ผมไม่ได้ตอบรับอะไรกลับไปได้แต่ยืนรอให้เจ้าตัวเดินมาใกล้ๆ โอ้ยมือไม้สั่นพูดไรไม่ออกเหมือนไปฆ่าใครตายแล้วกลัวตำรวจจะจับได้ นี่น้ำตาจะคลอละนะอิยูคมาพูดให้รู้สึกผิดแล้วก็จากไป ใครจะรับผิดชอบถ้าพี่แบมมาร้องไห้งอแงกลางมหาลัยเนี่ย
“ตัวเล็กเป็นอะไร น่าซีดๆ ไม่สบายหรอไปหาหมอกับกาอีมั้ย” ใบหน้าหวานส่ายไปมาเบาๆ
“บอกมาสิ” เสียงหวานพูดในลำคออย่างกล้าๆกลัวๆ กลัวเสียฟอร์มแต่ที่โดนเพื่อนร่างโตด่ามามันก็ถูก แต่ยังไงก็ไม่กล้าถามไปเต็มๆเสียงหรอก
“หื้ม บอกอะไรหรอตัวเล็ก” แจ็คสันถามขึ้นด้วยใบหน้าสุดจะงงงวย ยื่นหน้าคมเข้มเข้ามาใกล้ๆเพื่อดูว่าคนตัวเล็กเป็นอะไร อยู่ดีๆก็ก้มหน้าก้มตาทำปากขมุบขมิบเหมือนกำลังร่ายคาถาอะไรสักอย่าง
“เห้อ...หายไปไหนมา...ตั้งนาน” ร่างเล็กสั่นเบาๆเมื่อพูดจบประโยค อยู่ดีๆคำพูดของยูคยอมก็ซัดเข้ามาเต็มๆ
เสียเวลารักกัน
งี่เง่า
“เห้ย! ตัวเล็กเงยหน้ามาดิ้ ร้องไห้ทำไมใครว่าอะไรตัวเล็กเดี๋ยวกาอีไปจัดการให้”
“ฮื่อ เปล่าไม่มีใครว่าอะไรสักหน่อย บอกมาได้แล้วว่าหายไปไหนมาตั้งนาน” แบมแบมส่ายหน้าแรงๆสองสามที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายืนยันว่าเจ้าตัวไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ มีแต่ตาแดงๆให้ไปไม่คิดอะไร ถุ้ยย
“เมื่อกี้กาอีไปเข้าห้องน้ำมา ท้องเสียอ่ะ แหะๆ” รู้สึกเหมือนแบมแบมมั้ยทุกคน...อิหวังกาอีนี่รู้สึกจะตอบผิดประเด็นนะ
“ไม่ใช่โว้ย!! นี่ถ่ายสมองลงในชักโครกด้วยหรือไงห้ะ! หมายถึงว่าหายไปไหนมาสองสามปีน่ะ บอกมาได้แล้ว สั้นๆนะ ขี้เกียจฟังนานเสียเวลา(รักกัน)”
แบมแบมคนปากแข็ง...ห้อยด้วยนะรู้ยัง ใช่เวลามาเล่นปะวะ
“... ก็ไปช่วยทางบ้านน่ะ ตัวเล็กก็รู้ว่าบ้านกาอีเปิดสถาบันกีฬาแล้วช่วงสองสามปีมานี้เด็กมาสมัครเข้าเยอะมาก ครูฝึกสอนก็ไม่พอป๊ากับม๊าเลยเรียกตัวกลับให้ไปช่วยงานที่บ้านกระทันหันน่ะ แต่ที่ไม่บอกเค้าก็มีเหตุผลนะตัวเล็ก ถ้าเค้าบอกตัวเล็กไปตัวเล็กก็จะงอแงใช่มั้ยละ เค้าไม่อยากเห็นตัวเล็กร้องไห้ก่อนเค้าไปหรอกนะ จะว่าเค้างี่เง่าก็ได้เค้าไม่ว่าหรอก แต่สู้ไปกระทันหันแบบนี้เลยดีกว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เค้าก็ยืนยันจะทำแบบนี้นั่นแหละ ถึงจะรู้ว่าคงจะโดนตัวเล็กเกลียดแน่ๆแต่ก็ดีกว่าไปแบบยังห่วงอยู่ ตอนนั้นแค่คิดว่าไม่อยากเห็นตัวเล็กร้องไห้ เลยตัดสินใจแบบนั้นแล้วก็คอยพูดกับตัวเองว่า ถือซะว่าให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เราสองคนไง อยู่นู่นเค้าไม่เคยมีใครเลยนะ มีแต่ตัวเล็กอยู่เต็มหัวใจเลย ตอนนี้ทางบ้านก็เริ่มลงตัวแล้วเค้าก็เลยหนีกลับมาก่อน ทนคิดถึงตัวเล็กไม่ไหวแล้วกลัวตัวเล็กจะไปมีใคร” คนตัวเล็กก็ฟังอย่างตั้งใจอาจจะมีขัดใจไปบ้างกับความคิดไม่เข้าท่าของแจ็คสัน เขาโตแล้วนะไม่ใช่เด็กแต่ก็ต้องชะงักไป...
“ว่าไงนะ หนีกลับมาก่อนหรอ!!”
“ใช่หนีป๊ากับม๊ามา ก็กาอีคิดถึงตัวเล็กนิ” บอกไปทำหน้ายู่ไป คิดว่าน่ารักมากมั้ย?
“ไอ้หวัง กาอี!!!” อยู่ดีๆก็มีเสียงแหลมเล็กของหญิงสาววัยกลางคนดังแทรกขึ้นมาทำเอาทั้งสองร่างถึงกับสะดุ้ง คนตัวเล็กถอยไปอยู่ข้างหลังแจ็คสันอย่างตกใจ
“ม๊า!!!!!!!!”
The End
Talk
เย้ กว่าจะจบล่อไปเป็นเดือน ไม่ได้หนีหายไปไหนเลยนะ อิอิ
นี่ปิดเทอมแล้วก็จะกลับมาอัพปกติแล้วแหละ
เราจะอัพถี่ๆแค่ช่วงปิดเทอมนะ พอเปิดเทอมก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียน แฮร่
อย่าทิ้งกันไปเลยน้า
เม้นโหวตให้ด้วยนะงับ
พีเอสสึ. ตอนนี้อาจจะมีสเปเชียลให้น้า แต่รอก่อนนะคะขอแต่งมาร์คแบมก่อน จุ้บ
Thanks for theme
STAR THEME
ความคิดเห็น