คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Mafia -JackBam-
Mafia
-JackBam
-
เขาว่ากันว่ามาเฟียไม่มีหัวใจ
สามารถฆ่าคนได้โดยไม่ต้องมานั่งร้องไห้คร่ำครวญ
แต่ไม่ใช่สำหรับคนๆนี้ที่คิดว่าทุกอย่างบนโลกล้วนขับเคลื่อนได้ด้วยความรัก
-แจ็คสัน หวัง-
ปัง!!!
เสียง ปืนดังขึ้นมาลั่นโกดังร้างนอกตัวเมืองในบริเวณรอบๆมีชายชุดดำคอยยืนเฝ้า สังเกตการอยู่เพื่อมองหาทางหนีทีไล่ได้ทันถ้าเกิดมีเหตุฉุกเฉินถึงแม้ว่าจะ ไม่เคยมีมาก่อนเลยก็ตาม
“ฮึก ฮืออ อย่าทำอะไรเมียผมเลยปล่อยเขาไปเถอะ” ชาย วัยกลางคนรูปร่างผอมบางคลานไปขอร้องชายหนุ่มรูปร่างสมส่วนที่ยืนจ่อกระบอก ปืนสีดำเข้มไปทางเมียของตนซึ่งตอนนี้ร้องไห้สะอึกสะอื้นปานจะขาดใจ คนถูกร้องขอก็ทำเพียงสะบัดเท้าที่กำลังถูกเกาะกุมอยู่ออกอย่างไม่ยีระว่าคน ตรงหน้าจะอายุมากกว่าเขาสักกี่ปีหรือไม่สนว่าคนตรงหน้าแทบจะอายุคราวพ่อตัว เองก็ตาม เมื่อหลุดออกมาจากการเกาะกุมแล้วชายหนุ่มก็ยกขาขึ้นถีบเข้าที่ยอดอกชายวัย กลางคนแล้วเหยียบไว้อย่างงั้นพลางทอดสายตาไปทางเมียของคนใต้ฝ่าเท้าที่นั่ง มองพวกเขาพร้อมทั้งร้องไห้สะอึกสะอื้น
“มะไม่ ฮึกก ฉันจะอยู่กับคุณ ฮืออ อย่าทำอะไรเขาเลยนะนายท่าน ฮะฮึก!” หญิง วัยกลางคนรีบเอ่ยปากขอร้องอย่างกล้าๆกลัวๆ ถึงแม้แววตาเฉี่ยวคู่นั้นจะเป็นประกายกล้าเหมือนกำลังด่าทอคนที่ตัวเองเรียก ว่านายท่านอยู่ก็ตาม
คน ถูกเรียกว่านายท่านเพียงเหยียดยิ้มส่งไปให้ซึ่งมัน เป็นรอยยิ้มของมัจจุราชสำหรับคนมองแล้วเสกลับหันมามองชายวัยกลางคนที่ไอเป็น เลือดอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาที่ตอนนี้เขาเพิ่มน้ำหนักให้แรงขึ้นอีกจนอีกคนถึง กับร้องอ้ากออกมาลั่น โกดัง
“ฉันควรจะให้อภัยสำหรับคนที่ทรยศฉันอย่างงั้นหรอคุณหลี่ผิง” เสียง ทุ้มแค่นถามออกมาในที่สุด ดวงตาที่มีเสน่ห์อย่างเหลือร้ายจ้องไปที่คนทรยศทั้งสองอย่างต้องการคำตอบแต่ ก็ไร้เสียงตอบกลับมา มีเพียงแต่เสียงสะอื้นของหญิงวัยกลางคนที่ชื่อหลี่ผิงและเสียงร้องเจ็บปวด ของคนที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าเท่านั้น
“หึ ฉันเห็นแก่ที่พวกแกรักกันมากขาดใครไปคงอยู่กันไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ หืม?” มือ หนาเล็งปืนมาที่ชายวัยกลางคนที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าอย่างไม่ลังเลแล้วเหลือบตาไป มองหลี่ผิงพร้อมยกยิ้มบางๆให้มันเหมือนกับอะไรๆกำลังจะง่ายขึ้นแต่ไม่ใช่คำ ถามนั้นไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยไปทั้งคู่ แต่...
“งั้นก็ตายมันไปซะทั้งคู่นั่นแหละพวกทรยศ!!”
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!”
ปัง !!! ปัง!!!
หลัง จากสิ้นเสียงปืนทั้งสองนัดแล้วชายชุดดำทั้งหลายที่กระจายกันอยู่นอกเขตโกดัง ก็รีบเข้าสมทบคนภายในและรีบเคลียรพื้นที่ทำลายหลักฐานทั้งหมดทิ้ง ชายหนุ่มใบหน้าคมคายยืนมองผลงานตัวเองอย่างพึ่งพอใจก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง ด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังอย่างน่าเกรงขาม
“อย่าให้เหลือหลักฐานแม้แต่นิดเดียว” เมื่อ สั่งลูกน้องทั้งหมดแล้วก็หมุนตัวเดินออกมาจากโกดังร้างเหมือนกับว่าไม่เคยมี อะไรเกิดขึ้นมาก่อน แต่ก่อนที่จะได้ขึ้นรถกลับบ้านอย่างที่ตั้งใจไว้ก็ถูกรั้งด้วยเสียงของลูก น้องคนสนิทที่วิ่งออกมาหาเขาอย่างรวดเร็วจนคนถูกรั้งไว้หันกลับไปมองด้วยใบ หน้านิ่งเรียบ
“นายท่านเดี๋ยวก่อน”
“นอกเวลางานแล้วแจบอม” คนถูกเรียกว่านายท่านพูดด้วยน้ำเสียงติติง
“เออไอ้แจ็คสัน ป๊ามึงโทรมาบอกว่าถ้าเสร็จธุระแล้วให้มึงโทรกลับไปด้วยมีเรื่องด่วน”
จบ ประโยคแจ็คสันก็คว้ามือถือที่อยู่ในเสื้อสูทรัดรูป ขึ้นมากดต่อสายหาผู้เป็นพ่อทันทีส่วนเพื่อนสนิทที่พ้วงตำแหน่งลูกน้องคนสนิท ก็เพียงแต่ยืนรออยู่เฉยๆ โดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำรอได้ไม่นานก็มีเสียงจากปลายสายดังเข้ามา
‘จัดการเรียบร้อยแล้วสินะ’
“ครับป๊า ว่าแต่ป๊ามีเรื่องด่วนอะไร” แจ็คสันพิงประตูรถเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนจะส่งคำถามไปหาปลายสายที่ตอนนี้ทำเสียงหัวเราะหึหึออกมา
“มีงานง่ายๆให้แกทำนิดหน่อย” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันและกรอกสายตาไปมาอย่างเอือมระอากับคำสั่งของคนตรงหน้า
“ถ้านิดหน่อยป๊าก็จัดการเองเหอะ งานผมมีล้นมือไม่ว่างไปทำอะไรไร้สาระให้ตาแก่ขี้เบื่อหรอก” น้ำ เสียงเบื่อหน่ายเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากคนที่ยืนฟังอยู่ข้างๆได้เป็นอย่าง ดีแต่ก็หยุดแทบไม่ทันเมื่อเจ้านายส่งสายตาดุมาให้จึงทำเพียงกระแอมไอเบาๆกลบ เกลื่อน
“ถ้าฉันว่างฉันคงจัดการเองไปแล้วไอ้ลูกโง่ไม่ปล่อยให้ไปถึงมือแกหรอก”
“ตกลงจะให้ทำอะไรก็ว่ามาป๊าอย่ามาลีลาคนยิ่งเหนื่อยๆอยู่” แจ็คสันถามเสียงเรียบ
“ใจ ร้อยจริงโว้ยวัยรุ่นสมัยนี้ คือต้องเท้าความก่อนปะวะว่าเรื่องเป็นไงมาไงถึงต้องให้แกมาทำงานนี้น่ะ หรือแค่บอกแกเลยว่าต้องทำอะไรน่ะไอ้ลูกไม่รักดี” คนจากปลายสายทำเสียงยียวนลูกตัวเองอย่างหมั่นไส้
“เอาที่ป๊าสะดวกเหอะ มีคำตอบอยู่ในใจแล้วนิไม่เห็นต้องถาม” แจ็ค สันเอามือข้างที่ว่างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทีสบายๆ ซึ่งต่างจากแจบอมลูกน้องคนสนิทที่เปิดประตูรถข้างคนขับขึ้นมาพร้อมกับสตาร์ท เครื่องเปิดแอร์เรียบร้อยเพื่อนั่งรอคนที่เป็นทั้งเพื่อนสนิททั้งเจ้านายที่ ยืนทำตัวเป็นพระเอกตากยุงเล่นคุยกับป๊าอยู่ด้านนอก
“คือ ว่าอย่างงี้เว่ยฉันไปรับปากเพื่อนสนิทฉันที่ประเทศไทยว่าจะช่วยดูแลให้ที่ พักที่อยู่อาศัยกับลูกมันที่จะมาเรียนต่อที่เกาหลีจนกว่าจะเรียนจบแล้วแถม ยังบอกไปอีกว่าปลอดภัยไว้ใจได้ไม่ต้องห่วงเรื่องจะมีคนมาตามไล่ยิงอะไรอย่าง งี้ก็โฆษณาไปเรียบร้อย วางแผนกันเสร็จสรรพแต่ม๊าแกดันไปจองตั๊วเครื่องบินไปเที่ยวยุโรปหนึ่งเดือน แกไม่โง่นิน่าจะเดาออกอยู่แล้วว่าฉันต้องการอะไร”
แจ็ค สันแทบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเมื่อคนปลายสายยังคงเล่นลิ้นไม่บอกสักทีว่าให้เขาทำ อะไรถึงแม้จะพอเดาได้แต่เพราะความเป็นมาเฟียในสายเลือดจึงต้องการคำสั่งที่ มันชัดเจนว่าต้องการอะไรกันแน่ เสียงทุ้มจึงถามกลับและเน้นทุกๆประโยคทีละคำ
“ตก ลง ป๊า ต้อง การ อะ ไร!!”
“เลี้ยงเด็กก็เท่านั้นเอง” เมื่อจบประโยคก็โวยวายกระฟัดกระเฟียดอยู่ในใจ
“!!!!!”
มันเท่านั้นเองที่ไหนละโว้ยยย!!!
“ยัง มีชีวิตอยู่ใช่มั้ยลูกรัก เดี๋ยวฉันจะส่งรายละเอียดทั้งหมดไปให้แกทีหลังนะตอนนี้ไม่ว่างจะทำภารกิจ พิชิตใจเมียก่อน เอ้ออีกอย่าง เด็กมันไม่รู้นะว่าแกทำอาชีพอะไรที่เหลือแกจจะจัดการยังไงก็เรื่องของแก แค่เดือนเดียวเองนะลูกรัก บายยย”
แจ็คสันคงมีคำนิยามคำเดียวสั้นๆในหัวตอนนี้คือ...
งานเข้า!!!
สนามบินอินชอน
มาเฟีย หนุ่มยืนรอลูกเพื่อนสนิทป๊าด้วยท่าทีเรียบเฉย ขัดกับความคิดในหัวสมองตอนนี้ของเขา ส่งรายละเอียดมาให้เขาทีหลัง ใช่ ทีหลังจริงๆ นั่นคือหลังจากวางสายจากเขานั่นแหละแล้วใครจะไปคิดว่าเที่ยวบินที่จะมาถึง เกาหลีของเด็กนั่นจะมาถึงเช้าของอีกวันหนึ่งแล้วซึ่งตอนที่เขาได้รับเมล์ก็ ตีสามกว่าๆแล้ว ถ้าขืนเขาแอบงีบไปแค่วูบเดียวอาจจะพลาดไม่ได้ไปรับเด็กนั่นแน่ๆ แล้วที่ย่ำแย่กว่านั้นก็คือรูปภาพที่แนบมามันเป็นรูปภาพของเด็กนั่นตอนอายุ ประมาณสามขวบ นี่ป๊าต้องการเล่นอะไรกันแน่วะครับ
นั่น เป็นเหตุให้แจ็คสันมาเฟียหนุ่มต้องมายืนถือป้าย ชื่อเด็กนั่นอยู่นี่ไง ร่างสมส่วนยืนสอดส่องอยู่สักพักก็เลิกหาแล้วรอให้เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อเดิน มาหาเขาเอง แจบอมยืนมองเจ้านายด้วยสีหน้าค่อนข้างจะสงสารที่มาเฟียชื่อดังแห่งเกาหลีใต้ ต้องมายืนถือป้ายชื่อรอเด็กที่สนามบินทั้งๆที่ไม่ต้องทำก็ได้ แต่เพราะเป็นคำสั่งเด็ดขาดจากป๊าที่สติไม่ค่อยจะเต็มเต็งสักเท่าไหร่ของเจ้า นายนั่นแหละ
รอ ได้สักพักแจ็คสันก็รู้สึกถึงแรงสะกิดที่แขนขวาเลย รีบหันไปมองตาขวางเพราะระแวงคิดว่าจะมีใครมากระตุกหนวดมาเฟียอย่างเขาแต่ก็ พลาดปรับสีหน้าแทบไม่ทันเมื่อคนที่มาสะกิดเห็นตาขวางๆของเขาแล้วทำท่าจะเบะ ปากร้องไห้จนต้องรีบฉีกยิ้มไปให้ พอจะเดาได้ว่าเด็กที่มาสะกิดเขาคือลูกเพื่อนสนิทป๊าจะดูไม่ออกได้ไงในเมื่อ เด็กนี่มีแกล้มยุ้ยๆน่าดึงเล่นเหมือนกับในภาพตอนเด็กเป๊ะๆ แต่ที่ทำเอามาเฟียหนุ่มถึงกับสตั้นไปต่อไม่ถูกก็เพราะเด็กที่ป๊าไหว้วานฝาก เขาเลี้ยงหนึ่งเดือนดันมีหน้าตาหวานราวกับผู้หญิงคนหนึ่ง แถมตากลมโต ผิวขาวพอดีไม่โอโม่เหมือนกับไปฉีดกลูต้ามา แต่รวมๆจัดได้ว่าน่ารักน่าฟัดจริงๆ
“พะพี่แจ็คสันหรือเปล่าครับ” คนร่างสูงพยักหน้าเบาๆเนื่องจากสติยังไม่กลับเข้าที่
“เอ่อ ผมชื่อแบมแบมนะครับ อ่า...พี่น่าจะรู้แล้ว แหะๆ” คนตัวเล็กหัวเราะแก้เก้อเพราะอีกฝ่ายแค่พยักหน้าเบาๆแถมยังทำหน้านิ่งใส่อีก ไม่หือไม่อือไม่พูดไม่แนะนำอะไรออกมาสักคำจนคนร่างเล็กแอบกลัว
“อ่า ผมขอโทษด้วยนะครับที่ออกมาช้า พอดีหยิบกระเป๋าสลับกับคนอื่น” แบมแบมก้มหัวขอโทษขอโพยเพราะคิดว่าที่ร่างสูงเงียบอาจจะโกรธเขาก็ได้ที่ออก มาช้า แต่แจ็คสันก็ทำเพียงพยักหน้าเบาๆเหมือนเดิมจนร่างเล็กขมวดคิ้วเข้าหากัน อย่างสงสัยพลางมองไปที่คนข้างๆที่มีสีผมสีควันบุหรี่ที่หัวเราะออกมาอย่าง โจ่งแจ้งแถมเสียงไม่ได้เบาเลย
“คือขอถามอะไรอย่างได้มั้ยครับ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างกล้าๆกลัว พลางมองไปที่แจ็คสันและคนข้างๆสลับไปมาสักพักหนึ่งเมื่อเห็นว่าได้รับอนุญาต ให้ถามแล้วก็ไม่รีรอที่จะโพล่งคำถามที่ค้างคาใจมานานจนคนทั้งสองต้องอึ้งกัน ไปตามๆกัน
“พี่แจ็คสันเป็นใบ้หรอครับ”
“!!!!!!!!!!!!!” Jackson
“lol” Jaebum
มาเฟีย หนุ่มอย่างแจ็คสันถึงกับชะงักจะอ้าปากเถียงหรือพูดอะไรก็พูดไม่ออกเหมือนมี คนมาตัดกล่องเสียงของเขาไปซะดื้อๆ แต่สีหน้าแววตาที่ฆ่าคนได้ทำให้ร่างเล็กสะดุ้งโหยงรีบก้มหน้าขอโทษอย่าง รู้สึกผิด แจบอมสะกิดเพื่อนยิกๆให้สติกลับเข้าร่าง
“อ่า ผมขอโทษครับที่ถามอะไรแบบนี้ออกมา พี่แจ็คสันคงรู้สึกเป็นปมด้อยใช่มั้ยครับผมขอโทษจริงๆ ผมไม่ได้รังเกลียดอะไรเลยนะครับพี่แจ็คสันใช้เขียนหรือภาษามือก็ได้ผมจะ พยายามเข้าใจ” เสียงหวานก็พูดไปพรวดๆไม่ได้สนใจการตั้งท่าจะค้านของแจบอมและสีหน้าที่แอบตึงของแจ็คสันเลยสักนิด
“คือคุณแบมแบมครับ พี่ชื่อแจบอมนะเป็นละ...เอ่อเพื่อนสนิทกับแจ็คสันมัน” แจบอมหยุดพูดไปนิดหนึ่งเพื่อดูท่าทีของเพื่อนรักข้างตัว
“เรียกน้องแบมดีกว่าฮะ คือผมเข้าใจนะว่ามันลำบากใจพี่แจบอมไม่ต้องพูดอะไรหรอกฮะผมเข้าใจจริงๆ” แจ็ค สันขมวดคิ้วให้กับความดื้อด้านที่จะเถียงอย่างเอาเป็นเอาตายไม่รอคำตอบหรือ คำอธิบายอะไรจากคนอื่นเลย ถึงจะแอบหงุดหงิดไปนิดหน่อยแต่ก็อดที่จะเอ็นดูไม่ได้
“ไม่ใช่ครับน้องแบมคือว่าอย่างงี้.../ฉันไม่ได้เป็นใบ้” แจบ อมกำลังจะอธิบายให้คนตัวเล็กฟังแต่อยู่ๆแจ็คสันก็พูดตัดขึ้นมาเสียงเรียบไม่ ได้ตั้งใจจะทำให้เสียงมันนิ่งแบบนี้แต่เพราะเป็นลักษณะนิสัยของมาเฟียที่ยัง แก้ไม่หาย อยู่ดีๆจะให้มาพูดดีๆทำตัวเฟรนลี่ก็ยังไม่ชิน
“อ่ะ! งั้น หรอครับน้องแบม เอ้ย เอ่อ ผมขอโทษนะครับ เห็นพี่แจ็คสันไม่พูดอะไรเลยผมนึกว่าพี่แจ็คสันเป็นใบ้ บะ...เอ่อผมไม่ได้ตั้งใจจะว่าพี่แจ็คสันเป็นใบ้นะ!!” ใบ หน้าหวานส่ายไปมาจนคนมองรู้สึกเป็นห่วงสวัสดิภาพของลำคอนั่นกลัวว่าอยู่ดีๆ จะตกลงมาอยู่ที่พื้นก็เล่นส่ายแรงซะขนาดนั้นทั้งๆที่ยังไม่มีใครว่าอะไรเลย
“ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรนายเลยนิ” แจ็คสันตอบกลับคนตัวเล็กด้วยใบหน้านิ่งไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมา ทางด้านแจบอมก็แอบกลั้นขำไว้อย่างสุดฤทธิ์
“แต่หน้าพี่แจ็คสันเหมือนจะเดินเข้ามายิงหัวแบ...เอ้ย ผมเลย” แบ มแบมเบ้หน้าจะร้องไห้แล้วก็หลุดเรียกชื่อตัวเองออกมาด้วยความเคยชิน เวลาอยู่บ้านเขาจะเรียกชื่อตัวเองแทนตลอดไม่เคยต้องมาพูดผมๆคุณๆอย่างที่ ต้องทำแบบนี้หรอก
“ถ้าฉันคิดจะยิงนายฉันคงไม่รอให้นายมาพูดฉอดๆจนถึงตอนนี้หรอก แล้วก็แทนตัวเองด้วยชื่อนั่นแหละเอาที่สบายใจ” นับ ว่าเป็นประโยคยาวประโยคแรกตั้งแต่ที่ได้เจอกัน แบมแบมยิ้มกว้างออกมาแต่ก็ต้องมุ่ยหน้าลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าแจ็คสันกับเขา คุยกันห่างเหินเกินไป
“แบ มแทนตัวเองว่าแบม แล้วทำไมพี่แจ็คสันยังเรียกเป็นนายกับฉันอยู่ละ พี่แจ็คสันต้องเรียกแบมว่าน้องแบมสิแทนตัวเองว่าพี่ด้วย ทำไมพี่แจ็คสันทำตัวห่างเหินแบบนี้ละเราต้องอยู่ด้วยกันอีกตั้งเดือนหนึ่งนะ สนิทกันไว้ดีกว่าเนอะพี่แจบอมเนอะ” แรกๆก็พูดกับมาเฟียหนุ่มแต่ประโยคหลังหันไปพยักเพยิดอยู่กับแจบอมที่ตอบรับเบาๆ
“ไม่จำเป็น” แจ็คสันตอบแบบรักษามาดแล้วหันหลังทำท่าจะเดินออกไปจากตรงนี้
“ก็ได้งั้นแบมจะไม่คุยกับพี่แจ็คสันแล้วอย่ามาง้อแบมละกัน แบมคุยกับพี่แจบอมแค่สองคนก็ได้ จำไว้เลยนะจำไว้เลย” แบ มแบมมุ่ยหน้าและขึ้นเสียงตามประสาเด็กเอาแต่ใจ ถึงอายุจะไม่ได้เด็กขนาดสิบขวบก็ตาม แจ็คสันได้ฟังก็เพียงแค่ชะงักไปเล็กน้อยแล้วก็เดินออกไปไม่ได้สนใจเสียง งุ้งงิ้งของแบมแบมที่ตามหลังมา แจบอมที่เห็นคนที่เป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนสนิทในคราวเดียวกันเดินออกไปแล้ว ก็รีบช่วยแบมแบมลากกระเป๋าแล้วก็รีบเดินตามหลังเจ้านายไปพร้อมกับเด็กน้อยแบ มแบม
“พี่แจบอม ทำไมพี่แจ็คสันน่ากลัวจัง” แบ มแบมเงยหน้าขึ้นมาถามแจบอมด้วยความสงสัย ร่างเล็กไม่ได้รู้สึกกลัวจนหัวหดแต่แค่รู้สึกกลัวเวลามามองด้วยสายตานิ่งๆดู ไม่น่าเข้าใกล้ไม่น่าคุยด้วยเป็นอย่างยิ่ง
“ไม่มีอะไรหรอกน้องแบมเดี๋ยวอยู่ๆไปก็ชินเองแหละ” แจบ อมเลี่ยงที่จะตอบออกไปตรงๆเพราะยังไม่ถึงเวลาที่แบมแบมจะรู้ว่าเพื่อนของเขา เป็นมาเฟียใหญ่ที่เกาหลีใต้นี้ ทั้งยังไม่ถึงเวลาและบอกไม่ได้ก็นั่นมันคำสั่งของป๊าเจ้านายเขาเลยนิ
“ทำไมละพี่แจ็คสันเขาโลกส่วนตัวสูงหรอ แต่แบมก็โลกส่วนตัวสูงนะ” ร่าง เล็กยังคงพูดเจื้อยแจ้วไม่ได้สนใจร่างสมส่วนข้างหน้าของตัวเองเลยว่าได้ยิน หรือไม่ได้ยิน แต่สิ่งเดียวที่ทั้งแจบอมและแจ็คสันมีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในสมองก็คือ
โลกส่วนตัวสูงตรงไหนวะ
แจ็ค สันที่แอบฟังอยู่ห่างๆก็ได้แต่คิดในใจกับไอ้คำว่าโลกส่วนตัวสูงของร่างบาง ที่บอกออกมา คือดูๆแล้วไม่ใช่คนที่มีโลกส่วนตัวสูงสักนิดเผลอๆไม่มีโลกส่วนตัวด้วยซ้ำ มั้งน่ะ
“ไม่ใช่หรอกครับ ยังไม่ถึงเวลา” แจบอมรีบบอกปัดไปกลัวว่าเผลอหลุดอะไรออกมา
“ทำไมต้องรอให้ถึงเวลาล่ะ” แบ มแบมถามอย่างสงสัยแต่แจบอมไม่ตอบเพราะมาถึงรถแล้ว แจ็คสันเปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างหลังด้วยความเคยชินจนแบมแบมต้องขมวดคิ้วจน เป็นปม แต่เมื่อเห็นว่าคนตัวสูงนั่งข้างหลังแล้วเขาก็ต้องเดินอ้อมไปนั่งด้านหน้า กับแจบอมที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้
“น้องแบมไม่ไปนั่งข้างหลังละครับ” เมื่อแจบอมเก็บกระเป๋าทั้งหมดของแบมแบมเสร็จก็ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าร่างเล็กนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้ารถ
“ก็พี่แจ็คสันนั่งข้างหลังแล้วถ้าแบมนั่งข้างหลังอีกคนใครจะนั่งเป็นเพื่อนพี่แจบอมละ” เงีย บกริบ ไม่มีใครตอบได้ มันคงเป็นความเคยชินของแจ็คสันและแจบอมที่เป็นเจ้านายกับลูกน้องปกติจะไม่ นั่งข้างกันเวลาขับรถเพราะลูกน้องคนอื่นจะไม่เกรงขามเอาได้
“แบมพูดอะไรผิดหรอพี่แจบอม” ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมาถามตาแป๋วเมื่อไม่มีใครยอมตอบอะไรเขาสักคน
“มานั่งกับฉันนี่” เพราะ กลัวว่าคนตัวเล็กหน้ารถจะกวนสมาธิของเพื่อนสนิทก็เรียกให้มานั่งกับเขาข้าง หลังแต่คนตัวเล็กเพียงแค่ปรายตามามองแล้วสะบัดหน้ากลับไปที่เดิมทำเอามาเฟีย หนุ่มคิ้วกระตุกอย่างไม่พอใจ
“ไปนั่งข้างหลังเถอะครับน้องแบม” แจบอมพยักหน้าให้อีกคนทำตามที่ตัวเองบอก
“ไม่เอาหรอก แบมไม่อยากนั่งกับพี่แจ็คสันแบมจะไม่คุยจะไม่ยุ่งกับพี่แจ็คสันคนห่างเหินหรอก” จบประโยคลูกน้องคนสนิทของแจ็คสันก็หลุดขำออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ถึงกับหยุดขำแทบเมื่อทันเมื่อได้รับแววตาปรามมาจากกระจกด้านหลัง
“แบมมานั่งกับพี่ อย่าดื้อ” แจ็คสันพยายามปรับคำพูดเพื่อตามใจคนตัวเล็กข้างหน้าถึงแม้ว่าเสียงจะแข็งทื่อแต่ก็เรียกรอยยิ้มกว้างจากแบมแบมได้เป็นอย่างดี
ร่าง บางเปิดประตูลงจากรถด้านหน้าแล้วขึ้นไปนั่งด้านหลังกับแจ็คสันอย่างว่าง่าย ใบหน้าหวานยังคงประดับด้วยรอยยิ้มสดใสเหมือนเด็กน้อยที่ได้ของที่ตัวเองต้อง การแล้ว ส่วนแจบอมก็กลั้นยิ้มเมื่อได้เห็นท่าทีใหม่ๆของเพื่อนสนิทที่มันไม่ได้เห็น กันง่ายๆ
“คิคิ แบมคุยกับพี่แจ็คสันก็ได้ นี่เห็นว่าง้อนะ” แจ็คสันเชื่อแล้วแหละว่าคนตัวเล็กนี่โลกส่วนตัวสูง น่าจะมีแยกเป็นสาขามโนศาสตร์ด้วยนะ คือตรงไหนที่เรียกว่าง้อคิดไปเองจริงๆเด็กนี่
“พี่แจ็คสันกับพี่แจบอมตอนนี้เรียนมหาลัยอะไรหรอ” เมื่อรถออกตัวไปสักพักในรถก็มีแต่ความเงียบจนคนตัวเล็กอึดอัดเพราะไม่ชอบเวลาที่ต้องมานั่งเงียบจึงถามขึ้นมา
“พี่สองคนเรียนจบแล้วแหละ” เมื่อแจบอมเห็นว่าแจ็คสันเงียบก็ตอบคำถามแทน
“ว้าว อย่างงี้ก็ทำงานแล้วสิ ทำงานอะไรกันหรอ” แบมแบมถามอย่างตื่นเต้นพลางยิ้มจนตาปิด แจ็คสันเพียงทำแค่พยักหน้าให้อีกคนตอบแทนประมาณว่า มึงอยากจะตอบอะไรก็เรื่องของมึงเถอะ
“ไว้เดี๋ยวน้องแบมก็รู้เองแหละ” แจบอมเลี่ยงกับการโกหกแต่ก็ไม่พูดอะไรออกไปมากกว่านี้
“อีกแล้วนะ ทำไมต้องปิดบังกันด้วยนี่เห็นว่าแบมเป็นคนนอกใช่มั้ยละ ฮึก! แบมไม่อยู่กับพี่แจ็คสันแล้วจะไม่คุยกับพี่แจบอมด้วย แบมจะหาที่อยู่ใหม่เองก็ได้! ฮืออ” แจบอมกับแจ็คสันมองหน้ากันเลิ่กลั่กอย่างตั้งตัวไม่ทัน บทจะร้องไห้ก็ร้องมาไม่ได้บอกก่อนล่วงหน้า
แจ็คสันส่งสัญญาณให้อีกคนขับรถไปส่วนตัวเองก็ค่อยๆขยับไปนั่ง ใกล้ๆคนตัวเล็กที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาจนน่าสงสาร แต่แบมแบมก็ขยับตัวออกจนชิดขอบประตูรถคันหรู ร่างสูงรีบโอบเอวบางให้มานั่งชิดกับตัวเองถึงร่างบางจะขัดขืนยังไงก็คงสู้ แรงของมาเฟียอย่างแจ็คสันไม่ได้ มือหนาลูบหัวอย่างปลอบประโลมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาทำอย่างนั้นจนคนตัวเล็ก ร้องไห้จนเพลียแล้วเผลอหลับไปแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีจะกลับไปนั่งที่เดิม ยังคงให้ร่างบางของแบมแบมซบไหล่อยู่อย่างงั้นไปเรื่อย
แจบอมลอบอมยิ้มเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทของตัวเองมีท่าทีอ่อนลง แถมยังทำอะไรเหนือความคาดหมายอีกต่างหากคิดไม่ผิดจริงๆที่แอบมองจนเกือบจะ พุ่งไปชนรถคันข้างหน้าเนี่ย
“แบมตื่น”
เมื่อมาถึงบ้านหลังใหญ่ของตระกูลหวัง เสียงทุ้มของมาเฟียหนุ่มดังขึ้นเพื่อปลุกบุคคลข้างกายที่อยู่ในนิทราแต่ก็ ไม่ยอมตื่นจึงตัดสินใจสะกิดแรงๆอีกทีหนึ่งแต่ร่างบางก็ปัดมือออกอย่างรำคาญ
“งื้อ น้องแบมจะนอนน” เสียงหวานพูดงัวเงียแล้วหันข้างไปชิดกับขอบประตูบานใหญ่ มือบางยึดก่ายเข้าที่กระจกหวังยึดไว้เป็นหลัก แต่นั่นมันก็คือกระจกไม่ได้ช่วยอะไรเลยเมื่อเห็นว่าคนร่างเล็กไม่ยอมตื่น ง่ายๆแน่จึงเดินอ้อมไปที่ประตูอีกด้านหนึ่งที่ตัวเล็กนอนอยู่จากนั้นจัดการ อุ้มลงมาจากรถอย่างเบามือ คนในอ้อมกอดก็ซุกตัวอยู่ที่อกแกร่งเพื่อต้องการความอบอุ่น
“ให้แม่บ้านมายกของไปไว้ห้องที่จัดให้แบมด้วยนะ ส่วนแกไปพักเถอะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
เสียงแหบทุ้มของแจ็คสันหันไปสั่งลูกน้องคนสนิทที่พ่วงตำแหน่ง เพื่อนสนิทอย่างรวดเร็วและอุ้มคนในอ้อมกอดขึ้นไปบนห้องนอนที่จัดไว้แล้ว หลังจากวางร่างบางลงบนเตียงขนาดคิงไซส์เสร็จก็ทำท่าจะลุกเดินออกไปสะสางงาน ต่อให้เสร็จทั้งหมดแต่ก็ต้องชะงักเพราะมือบางรั้งแขนมาเฟียแจ็คสันไว้อยู่ บางหน้าคมหันกลับไปมองร่างเล็กบนเตียงก็ต้องแปลกใจเพราะมันไม่ใช่การตั้งใจ รั้งแต่เป็นละเมอ
“แบมปล่อย” แจ็คสันสะกิดร่างบางที่ยังคงนอนหลับปุ๋ยจับที่แขนเขาไว้อยู่
แล้วชาติไหนงานของแจ็คสันหวังมันจะเสร็จว้ะ?
“อื้อ ม๊านอนกานน” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างฉับพลันแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมานอกเสียจากค่อยๆ แกะมือปลาหมึกนั่นออกอย่างระมัดระวังแต่ก็ไม่ได้ผล มือบางยังคงยึดแขนเขาไว้แน่นยิ่งแกะแรงที่ข้อมือบางก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนถอด ใจตัดสินใจเขย่าไหล่บางแรงๆสองสามทีเพื่อเรียกสติคนบนเตียงให้กลับมาสักที ไม่งั้นวันนี้เขาไม่ได้ออกไปทำงานแน่ๆ
“ฮื่อ น้องแบมจานอนหน่า คุณม๊าอย่ากวนเส้” คือถ้าลืมตาสักนิดจะรู้ว่าคนข้างตัวนั้นไม่ได้มีรูปร่างบอบบางเพรียวลมอย่าง ที่ตัวเองคิด คุณม๊าคนสวยของแบมแบมอยู่ไทยคงลืมเรื่องนี้ไป แล้วคงลืมไปอีกว่านี่ตัวเองอยู่ที่เกาหลีแล้ว
“แบม ตื่น!” มาเฟียหนุ่มเขย่าร่างบางบนเตียงอย่างต่อเนื่อง จนดวงตากลมโตลืมขึ้นมาอย่างงัวเงียก่อนจะเบิกตากว้างกว่าเดิมเมื่อคนตรงหน้าคือใคร
“พี่แจ็คสันน!!” แจ็คสันพยักหน้ายืนยันว่าเออคนตรงหน้าแกเนี่ยแจ็คสันนะไม่ใช่คุณม๊า ดูสารรูปกูด้วย
“ปล่อยมือพี่ก่อนพี่ต้องไปทำงานให้เสร็จ” เสียงทุ้มรีบพูด
“งื้อ แบมขอโทษแบมคิดว่าเป็นคุณม๊า” ใบหน้าหวานเตรียมเบะปากทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ
“ช่างมัน นอนพักไปก่อนละกันหิวก็บอกพี่อยู่ห้องข้างๆ” พูดเสร็จก็ตั้งท่าจะลุกออกจากเตียงแต่ก็ต้องชะงักอีกรอบ
“แบมไม่นอนแล้ว ตื่นแล้วเนี่ยแบมไปนั่งดูพี่แจ็คสันทำงานดีกว่า” ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมา ดวงตาเป็นประกายอย่างนึกสนุก
“นอนอยู่นี่แหละ” แจ็คสันปราม ก็พอจะรู้ว่าคนตัวเล็กนี่เหนื่อยควรนอนพักต่อไปใช่ออกไปซน
“แบมยังโกรธพี่แจ็คสันอยู่นะ!” เท่านั้นแหละ แจ็คสันแทบจะวิ่งไปหาพรมแดงมาปูให้ร่างบางเดินไปที่ห้องทำงานของเขาแทบจะทันที
“ปะ อย่าซนละ” เพราะห้องทำงานของแจ็คสันมีงานและเอกสารต่างๆที่ค่อนข้างสำคัญถ้าหายไปแม้ แต่แผ่นเดียวเรื่องมันจะต้องยุ่งแน่ๆ และยิ่งเป็นงานของมาเฟียยิ่งไม่ได้ใหญ่มือหนาจูงคนตัวเล็กให้ออกไปพร้อมๆกัน ระหว่างเดินออกไปก็สวนกับแม่บ้านที่ยกของมาให้พอดี แม่บ้านวัยกลางคนก้มหัวทำความเคารพนายท่านของบ้านก่อนจะแอบลอยยิ้ม
มาเฟียบทจะฟรุ้งฟริ้งก็น่ารักใช่ย่อย
“นั่งเล่นตรงนี้ ห้ามซน ทางที่ดีนั่งอยู่เฉยๆเนี่ยแหละ” พูดจบร่างสมส่วนของแจ็คสันก็เดินไปประจำที่โต๊ะทำงานที่ตอนนี้มีเอกสารรอเขาเคลียร์อยู่ค่อนข้างเยอะ
เมื่อได้รับคำสั่งว่าให้นั่งเฉยๆแบมแบมก็นั่งตัวตรงไม่ขยับไป ไหน คือนั่งเฉยๆจริงๆแอบมีเบ้หน้าบ้างบางครั้งเพราะความเมื่อยที่สั่งสมมาจะนั่ง หลังงอหน่อยก็กลัวจะโดนว่าว่าเขาซนก็เลยนั่งอยู่ท่าเดิมราวๆครึ่งชั่วโมงจน แจ็คสันเริ่มสั่งเกตว่ามันชักจะแปลกๆ เพราะปกติคนตัวเล็กต้องพูดนู่นนี่นั่นตลอดแต่นี่ไม่มีเสียงหวานๆออกมาให้ได้ ยิน แถมยังรู้สึกว่าทุกอย่างในห้องมันนิ่งไปหมดยกเว้นแค่เขาที่ง่วนอยู่กับการ อ่านเอกสารอยู่
ใบหน้าคมเงยหน้าขึ้นมาก็แทบจะเอาหัวโขกพื้น ก็ร่างบางเล่นนั่งนิ่งตัวตรงมือสองข้างทิ้งไว้ข้างลำตัวแบบเกร็งๆใบหน้าหวาน หงิกงอไม่ขยับตัวสักนิดเดียว ดวงตากลมสื่อความหมายว่าอยากจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ไม่พูด แจ็คสันมองดูคนตัวเล็กประมาณห้านาทีก่อนจะทนไม่ไหวลุกขึ้นไปนั่งอยู่ตรงข้าม
“ไม่เมื่อยหรือไง” เสียงทุ้มถามขึ้นมา
“…” เงียบ
“ลืมเอาปากออกมาจากห้องนอนหรือไง” แจ็คสันยังคงถามอีก เขาไม่ใช่คนที่จะต้องมานั่งถามนู่นถามนี่กับคนที่แปลกหน้าแล้วยิ่งกับคนที่ พึ่งเจอกันไม่ถึงครึ่งวันแล้วละก็ฝันไปเถอะ แต่ยกเว้นกับคนตรงหน้า
“พี่แจ็คสันให้แบมอยู่เฉยๆ ถ้าแบมพูดก็เท่ากับว่าแบมไม่ได้อยู่เฉยๆ พี่แจ็คสันก็จะดุแบมใช่มั้ยละ แล้วเนี่ยแบมพูดแล้วพี่แจ็คสันจะดุแบมใช่มะ แต่แบมไม่ผิดนะพี่แจ็คสันถามแบมเอง พี่แจ็คสันใจร้ายมากนะให้แบมนั่งเฉยๆ นี่แบมเหมือนโดนเมดูซ่าสาปอยู่เลย พี่แจ็คสันเป็น หวังดูซ่าใช่มั้ย” พอได้ทีก็พูดออกมาจนลืมหายใจแต่ปากขยับอย่างเดียวนะร่างบางยังคงนั่งนิ่งเหมือนเดิมจนแจ็คสันอดหัวเราะออกมาไม่ได้
นานแค่ไหนแล้วนะที่แจ็คสันไม่ได้หัวเราะแบบหลุดมาดขนาดนี้
“หึหึ พี่ไม่ได้หมายความว่าให้แบมนั่งนิ่งขนาดนี้เมื่อยก็ขยับบ้างก็ได้ พี่แค่ไม่อยากให้เราไปรื้อกองเอกสารแค่นั้นเอง” แจ็คสันพูดเสร็จก็ฉีกยิ้มออกมาบางๆจนแบมแบมแอบชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็กลับมาทำหน้ายู่เหมือนเดิม
“พี่แจ็คสันไม่พูดให้ชัดเจนนี่ แบมเมื่อยจะตายโซฟาก็แข็ง” ร่างบางบ่นออกมาเบาๆ
“งั้นถ้าโซฟามันแข็งจะมานั่งตักพี่มั้ยละ”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้แจ็คสันถามออกไปแบบนั้น แค่รู้สึกอยากเห็นปฎิกิริยาของคนตัวเล็กตรงหน้าแต่หลักๆแล้วก็คืออยากให้แบ มแบมมาอยู่ใกล้ๆเขาเท่านั้นเอง ความรู้สึกเมื่อแบมแบมมาอยู่ใกล้ๆเขามันทำให้ดูเหมือนโลกทั้งใบมันสว่างขึ้น ทันตาเห็นทำให้ใจของเขาอบอุ่น
มันจะเร็วไปหรือเปล่าถ้า...
แจ็คสันรีบปัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากสมองแล้วรอคำตอบจากคนตัว เล็กที่ยืนเหรอหราอยู่กลางห้องทำงานโทนดำก่อนจะพยักหน้าเป็นอันว่าตกลงจน เดินเอื่อยๆมาถึงเก้าอี้ทำงานขนาดใหญ่ซึ่งก่อนหน้านี้มีคนร่างสูงนั่งทำ งานอยู่แต่บัดนี้ได้ลากคนตัวเล็กเข้ามาด้วย แจ็คสันจัดท่านั่งระหว่างตนเองกับเด็กน้อยจนเรียบร้อยจากนั้นก็กลับมาจมอยู่ กับเอกสารกองใหญ่โดยมีแบมแบมนั่งตักคอยจ้องในทุกๆท้วงท่าของแจ็คสัน
“พี่แจ็คสันเมื่อยมั้ย” แบมแบมเกร็งตัวทันทีที่ถามจบ กลัวว่าอีกฝ่ายจะเมื่อยที่แถบๆต้นขาที่เขานั่งทับอยู่ตอนแรกก็นั่งไปแบบไม่ ผ่อนแรงสักนิดพอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ใช่เด็กอายุสองสามขวบก็นั่งเกร็ง ทันที
“ไม่ นั่งดีๆสิอย่าเกร็ง” แจ็คสันว่า ยิ่งคนตัวเล็กนั่งเกร็งเขายิ่งรู้สึกเจ็บตรงต้นขามากกว่าเดิมตอนแรกก็ดีอยู่ แล้วมานั่งเกร็งอย่างงี้ไม่ได้ทำให้น้ำหนักตัวเองเบาลงหรอก แต่ว่าอะไรไม่ได้กลัวคนตัวเล็กจะเบะปากร้องไห้ใส่
“แบมกลัวพี่แจ็คสันเมื่อยนิ แบมตัวหนักมั้ยให้แบมนั่งที่โซฟาเหมือนเดิมก็ได้นะ” ปากก็พูดไปงั้นแต่มือนิเกาะอีกฝ่ายแน่น คือถ้าปล่อยให้อีกคนนั่งโซฟาจริงๆนิ่ห้องทำงานอาจถล่มได้นะการกระทำมันสำคัญ กว่าคำพูดจริงๆ ยิ่งกับคนตัวเล็กตรงนี้ดูจากคนพูดไม่ได้หรอกการกระทำขัดกันซะขนาดนั้น
“ไม่หรอกตัวแบมเบาแต่อย่านั่งเกร็ง โอเคมั้ยครับ” แบมแบมยิ้มจนตาหยี ไม่ใช่เพราะว่าอีกคนให้นั่งตักต่อได้แต่เพราะเป็นครั้งแรกที่แจ็คสันยอมพูด ดีๆกับตัวเอง ก่อนหน้านี้ถึงแม้จะพูดมีชื่อนำมีพี่นำแต่ว่าไม่เคยจะตามท้ายด้วยครับให้ ลื่นหูเลย นี่เป็นครั้งแรก
“ครับผม แบมชอบให้พี่แจ็คสันพูดกับแบมดีๆนะ ไม่รู้ทำไม พอพี่แจ็คสันพูดกับแบมดีๆแล้วแบมรู้สึกว่าตัวเองลอยได้เลยแหละ” ว่าไปนั่น ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่ออย่างน่าชังจนมาเฟียหนุ่มอดเอามือไปหยิกแก้มเบาๆเสียไม่ได้ ใครใช้ให้น่ารักละ
“บ๊องจริงๆ ถ้าพี่พูดดีๆแล้วเราจะให้รางวัลอะไรพี่ละครับ หืม” ได้ทีแจ็คสันก็รีบแกล้ง
“จุ้บไง เวลาแบมทำตัวดีคุณม๊าจะจุ้บแบมเป็นรางวัล” แบมแบมตอบแบบไม่คิดอะไรแต่ไอ้คนฟังน่ะมันคิดไปไกลแล้ว
ทำไมรู้สึกมองเห็นลูกกรงอยู่รำไร?
“แต่ว่าถ้าพี่แจ็คสันเมินแบมพูดไม่ดีกับแบม...แบมจะไม่คุยกับพี่แจ็คสันหนึ่งวัน” คนตัวเล็กยิ้มกว้างพยักหน้าเออออกับตัวเองแบบเห็นดีเห็นงามและอีกคนต้องเห็นด้วยตามนั้น
“งั้นถ้าตอนนี้พี่ทำตัวดีแล้วแบมก็ต้องให้รางวัลพี่สิ ถูกมั้ยครับ” แจ็คสันแกล้งเย้าคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่กล้าทำ แต่คงประเมินพลาดไปเยอะเมื่อแจ็คสันพูดจบริมฝีปากบางก็ยื่นหน้าเข้ามาประทับ แก้มของแจ็คสันอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายชะงักค้างเหมือนโดนสาปไว้
“คิคิ แบมให้รางวัลพี่แจ็คสันแล้วน้า พี่แจ็คสันนนนนนทำไมนิ่งละโดนเมดูซ่าสาปหรอมมม??”
แบมแบมจะวิบัติไปเพื่อใครรร??
“พี่แจ็คสัน!!!” เสียงหวานตะโกนลั่นห้องเพื่อให้อีกคนเลิกทำหน้าเหวอใส่สักที
เฮือก
แจ็คสันสะดุ้งโหยงมองไปที่เด็กน้อยที่นั่งตักด้วยใบหน้าเหรอหรา โดนจุ้บแก้มไปทีไม่อยากจะบอกนี่ถึงกับบินออกไปนอกโลกเลยนะครับแหม่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา” แจ็คสันรีบปรับสีหน้าท่าทางให้กลับไปเป็นปกติ แต่คงลืมไปว่ายังมีร่างเล็กนั่งอยู่ที่ตักของเขา มือบางเกี่ยวที่ลำคอแจ็คสันเพื่อกันตก
แอ๊ด
ผู้ช่วยคนสนิทของอิมแจบอมเดินเข้ามาในห้องโดยไม่ได้สังเกต เจ้านายตนเองที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะท่ามงานโดยมีเด็กน้อยร่างบางนั่งตักอยู่ ใบหน้าติดหวานของผู้ช่วยนั้นมองซ้ายทีขวาทีก่อนจะชะงักเมื่อเจอเจ้านายตนเอง กับเด็ก...?
“ขอโทษครับนายท่าน ไม่คิดว่าจะมีแขกอยู่” ปาร์ค จินยอง ยกยิ้มอย่างเปิดเผย
“ทำไมพี่คนสวยต้องเรียกพี่แจ็คสันว่านายท่านละ?” แบมแบมเงยหน้าถามตาแป๋ว แจ็คสันเบือนหน้าจากจินยองมาสบตากับเด็กน้อยในตัก
“จินยองดูซีรี่ย์มากไปหน่อยน่ะครับ เลยติดมาจากซีรี่ย์” แจ็คสันรีบหาขออ้าง ทางด้านจินยองก็มุ่นคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย
นี่กูไปติดซีรี่ย์ตอนไหนวะ
“หรอ พี่จินยองคนสวยต้องดูซีรี่ย์เกี่ยวกับพวกมาเฟียแน่เลย แบมก็เคยดูยิงกันเลือดสาดเลยนะ คิคิ แบมชอบๆ มาเฟียเท่” แบมแบมพูดไปหัวเราะไปอย่างน่าเอ็นดู แต่ผิดกับแจ็คสันที่นั่งนิ่งเหมือนโดนจี้จุดดวงตาคมปรายตามองไปที่จินยองจนเจ้าตัวแอบสะดุ้ง
“มีอะไร” แจ็คสันถามเสียงเย็นจนคนในอ้อมกอดสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมามองค้อน
“พี่แจ็คสันทำตัวไม่ดี” เท่านั้นละ ร่างสูงแทบจะก้มลงกราบงามๆสามทีรีบโอ๋คนตัวเล็กเป็นการใหญ่ จินยองที่เห็นท่าทีแปลกๆของนายท่านของตัวเองก็หัวเราะออกมาดังลั่น
“พี่ขอโทษนะครับ ไม่งอนนะคนดี” แบมแบมยู่ปากอย่างขัดใจแต่ก็พยักหน้าตกลงเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายคงแค่เผลอเลย ไม่ได้ลงโทษอย่างที่บอกไว้ ไม่คุยหนึ่งวันคิดว่าคนอย่างแจ็คสันจะทำได้มั้ย
“คือว่าเราเจอหนอนอีกตัวแล้วครับ ตัวใหญ่ซะด้วย” จินยองเลี่ยงที่จะบอกตรงๆ แต่ก็คิดว่านายท่านของตัวเองคงฉลาดพอที่จะรู้ว่าตัวเองจะสื่อถึงอะไร แจ็คสันเมื่อได้ฟังก็ตีหน้าขึงขังแล้วยกมือหนาขึ้นมาปิดตาของแบมแบมพลางส่ง สัญญาณทางปากแบบไม่ออกเสียง
จัดการฆ่ามันซะ!!
แบมแบมก็นั่งนิ่งๆไม่ได้ขัดขืนอะไรเพราะคิดว่าอีกคนคงกำลังเล่นซ่อนหา(?) จินยองส่ายหน้าเบาๆ ครั้งที่แล้วเจอหนอนตัวเล็กๆนายท่านของเขายังลงมือจัดการเอง แต่ครั้งนี้เจอตัวใหญ่จะให้ลูกน้องอย่างเขาจัดการคงจะน่าเกลียดไปหน่อย สำหรับเขากับแจบอมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วแต่กับลูกน้องคนอื่นๆจะคิดยังไง
“ถ้าให้ผมทำ ฐานอาจะสั่นคลอนได้” แจ็คสันพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“พี่แจ็คสันให้แบมไปจับให้มั้ย อยู่ที่ประเทศไทยแบมจับหนอนบ่อยๆเพราะบ้านแบมปลูกต้นไม้เยอะ แบมจับเก่งน้า”
จย้าน้องแบมแบม คนละหนอนกันละมั้งลูก
จินยองคิดในใจ
“ไม่ต้องหรอกแบม เดี๋ยวพี่ทำเองดีกว่านะครับมือแบมจะได้ไม่เปื้อน”
“แบมไปใส่ถุงมือก็ได้นะ” แจ็คสันส่ายหน้าเนือยๆ
“คืนนี้แบมอยู่บ้านคนเดียวได้มั้ยครับ” เสียงทุ้มถามอย่างอ่อนโยน
“งื้อ พี่แจ็คสันจะทิ้งแบมหรอ” แบมแบมเบ้ปากเตรียมจะร้องไห้ จินยองเห็นท่าไม่ดีก็ส่งสัญญาณบอกอีกคนว่าขอตัวออกไปของนอกละกันนะ รีบๆเคลียร์กันให้เสร็จเผอิญกูรีบงับ
“ไม่ทิ้งครับพี่ออกไปทำงานแปบเดียว” แจ็คสันค่อยๆตะลอมทีละนิด จะไฝว้กับเด็กใจต้องถึง
“ทำไมต้องออกไปตอนกลางคืนด้วยละ” คนตัวเล็กจ้องร่างสูงเขม็ง
“พี่ต้องลากแจบอมไปด้วยไง แล้วตอนนี้มันกลับบ้านไปพักแล้วจะเรียกมันให้มาทำธุระเป็นเพื่อนก็ต้องรอ ตอนกลางคืนจะโทรไปหามันตอนนี้มันคงด่าพี่ยาวแน่ๆ” ถามว่าเจ็บสีข้างมั้ยแจ็คสันคงตอบได้คำเดียวว่ามาก แจบอมถึงมันจะชอบทำท่าทางเจ้าเล่ห์ใส่แต่มันไม่เคยจะด่าแสกหน้ามาเฟียอย่าง เขาสักครั้ง อีกอย่างถ้าเขาจะเรียกมันมาตอนนี้ก็ย่อมได้แต่งานของเขางวดนี้ต้องรอตอนกลาง คืนอย่างเดียว
“อื้อ แบมรออยู่บ้านก็ได้”
ทำไมง่าย
แจ็คสันคิดในใจ บทจะง่ายนี่ก็ไม่ทันได้ตั้งตัวนี่ต้องให้รางวัลเด็กดีปะวะ มาเฟียอยากให้รางวัลจริงๆนะไม่ได้คิดอย่างอื่นเลย อย่ามองอย่างงั้นสิถามว่าเครียดเรื่องหนอนที่จินยองคาบข่าวมาบอกมั้ยบอกเลย ว่าเครียด แต่ตอนนี้อยู่กับเด็กเครียดไม่ได้เดี๋ยวร้องไห้ใส่อีก
“เป็นเด็กดีอย่างงี้อยากได้รางวัลมั้ยครับ” แจ็คสันยิ้มกริ่ม
“พี่แจ็คสันจะให้อะไรแบมหรอ” เสร็จสิหนู
ฟอดดดด
ณ จุดนี้แจ็คสันบอกได้คำเดียวจริงๆว่าฟิน แต่แอบเห็นฮ่องกง(ขัง)อยู่รำไร แต่คนอย่างแจ็คสันมันเหนือกฏหมายมาตั้งแต่ไหนตั้งแต่ไรแล้ว ไม่ได้แดกกูหรอกครัช
“พี่แจ็คสันให้รางวัลตามแบมทำไมอ้ะ” เด็กน้อยทำหน้าปั้นปึงกระโดดลงจากตักแจ็คสันแล้วยืนเท้าเอวอย่างหาเรื่อง เจ้าตัวคงคิดว่าทำแบบนี้แล้วคนอื่นจะต้องกลัวขี้หดตดหายแน่ๆ แต่มันไม่ใช่ท่าทางนั่นน่าฟัดอย่าบอกใคร ถ้าวันหนึ่งคนตรงหน้าตัวเล็กไม่ทนนี่ไม่ต้องโทษใครหรอกโทษเจ้าคนตัวเล็กที่ ทำตัวเองดีกว่า
“ไว้คราวหน้าจะเปลี่ยนใหม่ละกัน ตอนนี้พี่ขอไปคุยธุระกับจินยองแปบหนึ่งนะครับแบม” เป็นมาเฟียไม่ควรจะนิ่งดูดายอยู่เฉยๆ ต่อให้แกร่งแค่ไหนก็ต้องมีการวางแผนล่วงหน้ายิ่งถ้าจินยองบอกว่าหนอนตัวนี้ มันเป็นตัวใหญ่เขาจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะถ้าพลาดจะเป็นฝ่ายเขาเองที่ต้องสูญเสีย
“อื้อ งั้นแบมไปนอนรอที่โซฟานะ” พูดจบก็เดินลงไปทิ้งตัวที่โซฟากลางห้องที่เจ้าตัวเคยบ่นว่ามันแข็งอย่างไม่อิดออดจนแจ็คสันคิดว่ามันผิดปกติ
แปลกเกินไป
แต่เจ้าตัวก็ยอมละความสนใจจากแบมแบมแล้วผลักประไม้บานใหญ่ออก เดินตรงไปที่ห้องรับแขกที่อยู่ข้างๆพร้อมทั้งล็อคห้องอย่างมิดชิด หมุนตัวกลับมาก็เจอกับผู้ช่วยคนสนิทของแจบอมที่นั่งกระดิกเท้ารออยู่ที่โต๊ะ รับแขกเรียบร้อยแล้ว มุมปากจินยองกระตุกยิ้มอย่างมีเล่ห์นัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เหมือนกับที่แจ็คสันจับความคิดของคนตรงหน้าได้เหมือนกันแต่ทำเป็นไม่สนใจ ก่อนจะละจากเรื่องทั้งหมดมาสนใจกับข้อมูลที่พึ่งได้มา
“ใคร” คำถามห้วนๆสั้นๆดังออกจากปากแจ็คสันมาเฟียหนุ่มแห่งเกาหลีใต้ที่สะบัดคราบ พี่ชายใจดีกลับมาเป็นหัวหน้ามาเฟียเหมือนเดิม ถ้าแบมแบมมาได้ยินคงไม่คุยกับเจ้าตัวไปหนึ่งวันแต่นี่อยู่อีกห้องหนึ่งไม่ รู้แน่ๆ จินยองปรับสีหน้าเป็นเคร่งเครียดแล้วโยนแฟ้มเอกสารไปกลางโต๊ะให้เจ้าตัวอ่าน เองด้านหน้าเอกสารมีชื่อใครบางคนปรากฎอยู่หรากลางแฟ้ม
Lee Minho
ปัง!!!
แค่เห็นชื่อมาเฟียหนุ่มเลือดร้อนก็เขวี้ยงแฟ้มเอกสารไปที่ ข้างผนังอย่างไม่ใยดี ดวงตาคมฉายแววกร้าวขึ้นมาจนแทบจะทันทีมือหนากำเข้าหากันเพื่อสะกดกั้นอารมณ์ ที่กำลังจะประทุออกมา จินยองที่เห็นท่าไม่ดีก็ทำเพียงแค่วางมือบางไว้ที่ไหล่อย่างปลอบโยน
“ไอ้เพื่อนเลว!!!”
แจ็คสันตะโกนลั่นห้องจนจินยองสะดุ้งสุดตัวรีบผละออกมาจากอีก ฝ่ายเพราะกลัวว่าจะโดนลูกหลงกับการระเบิดอารมณ์ของนายท่านที่เขาเคารพรัก เป็นเขาก็คงรู้สึกไม่ต่างกับคนตรงหน้าเท่าไหร่เพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนใน เกาหลีใต้แห่งนี้กลับมาหักหลังกันซะดื้อๆ ไม่ต้องบอกเหตุผลก็รู้ว่าเพราะอะไร
อำนาจและเงินตรา
สองสิ่งนี้มันเปลี่ยนคนดีให้กลายเป็นคนชั่วได้แทบจะทันที หรือใครจะเถียง
มินโฮก็คนหนึ่งละที่เป็นหนึ่งในนั้น บอกได้คำเดียวว่าศพไม่สวยแน่พ่อมาเฟียรากหญ้า
“มันจะต้องตายอย่างทรมารจินยอง ให้คนของเราไปตามสะกดรอยมันขอคนที่ไว้ใจได้ฉันเชื่อว่าไม่ใช่มันแค่คนเดียว ที่ทำแบบนี้ ภายในเย็นวันนี้ขอรายชื่อพวกที่อยู่ข้างไอ้เหี้ยมินโฮฉันจะส่งมันไปเยี่ยมชม นรกเองกับมือ จับตัวพวกมันและพาไปที่เดิมงานนี้ต้องรอบคอบกว่าครั้งก่อนฝากบอกแจบอมด้วย หึ อ้อ...มินโฮมันเป็นพวกลูกดีเด่นได้รางวัลครอบครัวดีเด่นมาหลายรางวัลแล้ว ด้วยนี่นา...”
“จับมันมาทั้งตระกูลแล้วก็แฟนสาวคนสวยของมันด้วยล่ะ โลกเรามันขับเคลื่อนด้วยความรักส่งความรักของมันลงไปนรกพร้อมๆกับมันก็คงไม่ บาปหรอกใช่มั้ยละ”
ไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบแต่ถ้าฟังดีๆมันคือประโยคบอกเล่า เท่านั้นแหละ โลกเราขับเคลื่อนด้วยความรัก ถ้าคนหนึ่งตายอีกคนจะอยู่ยังไงละ
ทางที่ดีก็ให้มันตายๆไปทั้งคู่ไม่ดีกว่าหรอ
“ไปได้แล้ว” แจ็คสันให้อีกคนออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ เวลานี้ไม่ใช่เวลามากวนอารมณ์จินยองเข้าใจดีจึงรีบออกมาแล้วทำตามที่นายท่าน ของตัวเองสั่งก่อนจะต่อสายหาใครบางคน...
“...อืมตามนี้นะแจบอม อย่าให้พลาด ยิ่งเป็นเพื่อนยิ่งปล่อยไว้ไม่ได้”
ทางด้านแจ็คสันหลังจากที่สั่งลูกน้องคนสนิทอีกคนของตัวเอง เสร็จเรียบร้อยก็ทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง เพื่อนรักเพื่อนตายที่เขามีอยู่ไม่กี่คนกำลังจะหายไปอีกหนึ่งคนมินโฮเพื่อน ที่สนิทกันมาเกือบจะยี่สิบปีถึงจะสนิทกันช้ากว่าเพื่อนคนอื่นๆแต่ความไว้ เนื้อเชื่อใจไม่ได้น้อยไปกว่าคนที่มาก่อนอย่างพวกแจบอมเลยสักนิด เพื่อนทุกคนรู้ดีว่าเขาเป็นมาเฟียใหญ่ของที่นี่และมีแจบอมเพื่อนสนิทตั้งแต่ เด็กที่พ้วงตำแหน่งลูกน้องคนสนิทอยู่ด้วย ส่วนคนอื่นๆก็บริหารธุรกิจใหญ่ยักษ์ของตัวเอง มีแต่มินโฮที่เป็นนายแบบชื่อดังแถมยังพึ่งขึ้นมาเป็นมาเฟียเหมือนกับเขาได้ ไม่นานเหมือนกับเป็นสาขาย่อยที่มีเขาเป็นคนกุมอำนาจสูงสุดและมีมินโฮที่เป็น หัวหน้าสาขาย่อยที่ค่อนข้างใหญ่ งานนี้ไม่ใช่มีแค่เขาที่เจ็บปวด
“แจบอมตามไอ้มาร์ค ยองแจ ยูคยอมมาด้วยคืนนี้ บอกรายละเอียดก่อนพวกนั้นจะมาถึงละ”
หลังจากจัดการกับตัวเองเสร็จให้อารมณ์กลับมาคงที่และเดินกลับ ไปหาแบมแบมที่นอนเล่นอยู่ที่ห้องทำงานของตัวเองพาออกไปหาอะไรกินกล่อมให้นอน เล่นอยู่ที่บนห้องนอนเรียบร้อยก็ออกมาจากบ้านหลังใหญ่พร้อมด้วยแจบอมและจิ นยอง จากที่ฟังจากแจบอมเพื่อนสนิทของเขาทุกคนพร้อมใจกันยกเลิกนัดคืนนี้ทั้งหมด และมุ่งตรงไปที่โกดังร้างที่เดียวกับที่เมื่อคืนเขามา มันเงียบสงบ อยู่นอกเมืองเหมาะแก่การทำเรื่องไม่ดีอย่างยิ่ง ถึงเขาจะไม่ต้องกลัวว่าตำรวจจะมาลากตัวเขาหรือเปล่าแต่การรบกวนการนอนหลับ ของคนอื่นๆเขาก็ไม่อยากจะทำ สู้เสียเวลาออกมานอกตัวเมืองหน่อยดีกว่า
“มันว่าไงบ้าง” แจ็คสันที่นั่งอยู่ด้านหลังรถเอ่ยถามจินยองที่นั่งกดโทรศัพท์ยิกๆ
“ไม่ยอมพูดอะไรเลย อ้อ แอบมีทวงสิทธิ์ของการเป็นเพื่อนสนิทนายท่านด้วยนะ” จินยองเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ ถึงเขาจะมาทีหลังแต่ก็พอรู้นิสัยที่ตอแหลโกหกพกลมของมินโฮอยู่บ้างแต่ก็ แกล้งละเลยไปอยู่หลายครั้งเพียงเพราะคำว่าเพื่อนสนิทของแจ็คสัน พอได้ทีที่เขาหาหลังฐานมัดตัวอีกคนได้ก็รีบแขวะอย่างไม่ปิดบัง งานช่วงรั้งที่ลูกน้องหลายๆคนของแจ็คสันทำพลาดก็เพราะมินโฮคนนี้นี่แหละที่ เอาความลับหลายๆอย่างไปบอกกลับอีกฝั่งที่เป็นอริ
“หึ แล้วจะได้รู้กันเพื่อนรัก”
ทางด้านแบมแบมที่ตอนแรกแกล้งนอนเล่นอยู่ที่ห้องก็ย่องตามอีก ฝ่ายมาและอาศัยจังหวะที่ทั้งแจ็คสัน แจบอมและจินยองเผลอเปิดหลังรถแล้วมุดตัวเข้าไปนั่งขดอยู่ข้างใน ดีที่เจ้าตัวไม่ได้ตัวใหญ่มากจึงทำให้เข้าไปได้อย่างพอดีและแอบฟังบทสนทนา ของแจ็คสันมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ต้นตั้งแต่เมื่อตอนสายของวันนี้ที่ห้องรับแขก จะทำให้อีกคนตายใจก็ต้องแกล้งทำเป็นเชื่อฟังและมันก็ได้ผล แบมแบมถึงจะมีนิสัยค่อนข้างเด็กประถมแต่ก็พอจะรู้อะไรบ้าง คนบ้าอะไรจะติดซีรี่ย์ถึงขนาดเรียกว่านายท่านถ้าไม่ใช่ความเคยชินที่เรียกมา ตลอด ทำไมเขาจะไม่สังเกตว่าลักษณะนิสัยและบุคลิกของแจ็คสันกับแจบอมมันไม่ใช่แค่ นักธุรกิจหรือคนทำงานธรรมดา แจ็คสันอาจจะพลาดไปหรือเปล่าที่ปล่อยให้เขาเข้าไปนั่งตักแล้วรอบมองเอกสาร ที่ตัวเองอ่านได้ บางทีคนเราก็ต้องแกล้งโง่บ้างไม่ใช่หรอ เขาไม่ได้รังเกียจอาชีพของแจ็คสันแค่อยากรู้ว่าอีกคนจะบอกเขาเมื่อไหร่ เขาไม่โกรธที่ปิดบังเหตุผลง่ายๆที่ไม่ยอมบอกก็คงเพราะกลัวเขาจะเป็นอันตราย แต่ถ้าอยากอยู่ใกล้ชิดกับมาเฟียคนเก่งคนนี้เขาก็ต้องรับได้ทุกสถานการณ์หรือ เปล่าละ แล้วโอกาสมันก็มาจะปล่อยให้หลุดไปก็คงไม่ใช่แบมแบม
เมื่อรถคันหรูขับเคลื่อนมาจนถึงโกดังร้างซึ่งเป็นที่เดียวกับ ที่เมื่อวานแจ็คสันมาเชือดไก่ให้ลิงดู ไม่คิดว่าจะมีคนกล้าหักหลังเขาแบบติดๆกันขนาดนี้เมื่อวานเขายังไม่อยากทำ อะไรรุนแรงสักเท่าไหร่แต่มาวันนี้ทุกอย่างจะต้องจบ คนที่กล้าหักหลังแจ็คสันมันไม่มีใครได้ตายดีหรอกยิ่งกับคนใกล้ตัว
เสียงร้องโอดโอยดังระงมลั่นโกดังแห่งนี้ซึ่งไม่น่าแปลกใจสัก เท่าไหร่สำหรับบุคคลทั้งสาม ยกเว้นแต่บางคนที่แอบตามมาอย่างเงียบเชียบ ร่างสูงค่อยๆเดินเข้าไปในโกดังที่สีหน้าเรียบเฉยก่อนจะเข้ามาเจอกับเพื่อน อีกสามคนที่ยืนรออยู่แล้วแถมยังทำกิจกรรมรื่นเริงไปบ้างแล้ว
แจ็คสันและแจบอมเดินไปไฮไฟว์กับ มาร์ค ยองแจ และยูคยอมตามลำดับ ส่วนจินยองทำเพียงแค่ส่งยิ้มให้บางๆเท่านั้นเพราะเจ้าตัวไม่ใช่เพื่อนสนิท ร่วมเป็นร่วมตายมันมาเกินยี่สิบปีอย่างห้าคนนี้ แต่ก็นับหกก็ได้ถ้ารวมไอ้คนที่ถูกตรึงร่างอยู่กลางโกดังพร้อมกับลูกน้อง ชั่วๆมันอีกกลุ่มหนึ่ง
“ฉันเป็นเพื่อนสนิทแกนะแจ็คสัน!!” เสียงทุ้มพูดออกมาลั่นโกดัง นัยต์ตาที่เคยอ่อนโยนแบบเสแสร้งบัดนี้ฉายแววกร้าวขึ้นมาอย่างไม่ปิดบัง
“กูไม่เคยมีเพื่อนสนิทเป็นหนอน” เป็นที่รู้กันของวงการที่แจ็คสันอยู่มันมีคำจำกัดความที่ฟังดูไม่เจ็บสัก เท่าไหร่ของพวกที่คิดจะหักหลังเพื่อนตัวเองว่าหนอน ก็คือหนอนบ่อนไส้ธรรมดาแต่ถ้าออกมาจากปากคนอย่างแจ็คสันแล้วมันไม่ธรรมดา ไม่กี่คนที่แจ็คสันจะเรียกคนอื่นว่าหนอนถ้าไม่จังไรจริงๆ แจ็คสันจะใช้คำว่าคนทรยศแทนซะมากกว่า
“ไงหนอนมินโฮ หักหลังเพื่อนรักอย่างพวกกูสนุกหรือเปล่าละ” ยูคยอมถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใสผิดกับหน้าตาที่ตอนนี้นิ่งเรียบไม่ต่างจากคนอื่นๆ
“ว้า หนอนมินโฮถูกจับได้ซะและ ทำอะไรทำไมไม่รอบคอบเลย” ยองแจแขวะขึ้นมาอีกคนหนึ่งจนจินยองแอบหัวเราะ
“หนอนมินโฮคงคิดถึงพ่อแม่ของมึงสินะ อยากเจอท่านมั้ยละ” มาร์คกระตุกยิ้มมุมปากลองเชิงอีกฝ่ายหนึ่งที่ได้แต่กัดฟันกรอดไม่กล้าเถียงอะไรออกมา
“มึงทำอะไรพวกท่าน” มินโฮตวัดเสียงใส่ที่พูดถึงพ่อแม่ตัวเอง
“เขาก็กำลังจะมาเยี่ยมลูกสารเลวอย่างมึงไงละ หรือว่ามันจะสารเลวกันทั้งตระกูลที่ส่งต่อกันมาทางสายเลือด หึ สายเลือดชั่วๆ” แจบอมตะคอกขึ้นมาอย่างมีอารมณ์
“อย่าแตะต้องพวกท่าน พวกท่านไม่รู้เรื่อง” มินโฮขอร้องเสียงอ่อน
“ไม่รู้เรื่องหรอ ใครกันน้าที่คอยจัดการส่งข้อมูลต่อไปให้ฝ่ายหนึ่งแทนแก ใครกันน้าที่คอยวางแผนอย่างลับๆเพื่อให้แกเอาเอกสารสำคัญออกมาได้ถ้าไม่ใช่ พ่อแม่แกน่ะมินโฮ” จินยองแขวะด้วยน้ำเสียงยั่วยวน
“อย่ายุ่งกับพวกท่าน!!!”
“ใครได้ยินเสียงหมาเห่าเหมือนกูบ้างวะ” ยองแจเลิ่กคิ้วถาม
“อืม หมาขี้เรื้อนซะด้วยสิหรือว่าหรูไป แต่หมาขี้เรื้อตัวนี้มันมีคู่นะ ชื่ออะไรน้า คิม อารา ใช่หรือเปล่าละ นางแบบเบอร์หนึ่งของเกาหลีใต้ที่ดังเพราะใช้เต้าใต่ โทษทีนะปากลั่นไปหน่อย” จินยองที่แอบไปรู้ข้อมูลที่ค่อนข้างสกปรกของแฟนสาวมินโฮก็อดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้
ผิดกับอีกคนที่ยืนอยู่นิ่งๆไม่พูดอะไรเพราะเพื่อนของเขาพูด ออกมาหมดแล้ว การกระทำสำคัญกว่าการพูดและเขาเลือกที่จะใช้การกระทำมากกว่า มือหนาค่อยๆล้วงหยิบปืนพกออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้านหลังที่เหน็บไว้ก่อนจะ ออกมาจากบ้าน ปืนพกคู่ใจ
ปัง!!!
เสียงปืนดังลั่นโกดังจนร่างเล็กที่แอบเข้ามาอยู่ในวงล้อมลูก น้องของแจ็คสันได้สำเร็จก็สะดุ้งโหยง ดวงตากลมโตฉายแววตกใจ ปืนนัดเมื่อกี้ทะลุผ่านขายาวนั่นจนเลือดพุ่งออกมาอย่างน่ากลัว ใบหน้าหวานถึงกับหน้าซีดทันทีที่เห็น
แจ็คสันยกยิ้มอย่างพอใจกับเสียงร้องโหยหวนดังลั่นของอดีตเพื่อนสนิท ตอนแรกเขากะว่าจะยิงทีหลังแต่หางตาเหลือบไปเห็นว่าลูกน้องของตัวเองหอบหิ้วพ่อแม่ของมินโฮและแฟนสาวเข้ามาในโกดังแล้วจึงยิงต้อนรับสามคนที่มาใหม่สักหน่อย
“กรี้ดดดด!!! / มินโฮ!!! / มินโฮลูก!!!” เสียงของคนทั้งสามร้องลั่นเมื่อเห็นคนที่ตนรักถูกยิง
มาเฟียหนุ่มยกสัญญาณมือให้ลูกน้องปล่อยอดีตเพื่อนสนิทลงมาจากที่ตรึงร่างโปร่งไว้ด้วยเชือกก็ค่อยๆนำเชือกออกพร้อมกับร่างที่ทรุดลง อย่างยืนไม่อยู่ของมินโฮแววตาอาฆาตส่งตรงมาที่แจ็คสันและเพื่อนคนอื่นๆอย่างเปิดเผย ทั้งสามคนสะบัดตัวออกและรีบวิ่งไปดูอาการของมินโฮทันที
“แก๊!! มีสิทธิอะไรมายิงลูกของฉันห๊ะ!!!” แจ็คสันส่งเสียงหึในลำคอแล้วแสแยะยิ้มไปให้อีกฝ่าย
“คนอย่างพวกคุณยังจะมีหน้ามีเรียกร้องหาสิทธิอีกหรอ ไม่กระดากปากบ้างหรือไง” แจ็คสันแค่นถามเพื่อไม่ให้กลายเป็นการตะคอกใส่
“แต่ลูกฉันก็เพื่อนสนิทพวกแก” ชายวัยกลางคนพูดขึ้นมา
“เพื่อน? เพื่อนเขาทำกันอย่างงี้หรอครับคุณ” ยูคยอมตอกกลับจนอีกฝ่ายหน้าหงาย
“คุณรู้มั้ยคนที่หักหลังผมไม่เคยมีใครรอดออกไปได้” แจ็คสันว่าด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบจนหน้ากลัว อีกฝ่ายมองหน้ากันเลิ่กลั่กอย่างทำอะไรไม่ถูก จะให้ปล่อยไปมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแต่ไม่คิดว่าพวกเขาจะพลาดท่าเร็วขนาด นี้
“ฉะฉันมะไม่รู้เรื่องนะคะ!! ตาบ้านี่จะทำอะไรฉันก็มะไม่เกี่ยว!!” แฟนสาวนามว่าอารารีบปัดคนในอ้อมแขนออกแล้วค่อยๆถอยหลังออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ
“หื้อ แฟนกันเขาทำกันแบบนี้หรอ ได้ข่าวว่ารักกันมากตายแทนกันได้ ถ้าอีกคนไม่อยู่ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับกระสับกระส่ายปอดบวมไตพิการม้ามแข็งเลยไม่ใช่หรือไง” ยองแจถามเสียงสูง
“มะไม่ใช่!! ก็แค่พูดออกสื่อ!!” หญิงสาวประกาศกร้าวทั้งๆที่น้ำเสียงยังสั่นเครือ
“หึ ไม่ต้องมาพูดมากวันนี้ฉันรีบ” แจ็คสันปรามยองแจที่ตั้งท่าจะฉะกับอีกฝ่ายเต็มที่จนจินยองกลั้นขำไว้ไม่อยู่ ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าสถานการณ์มันเป็นอย่างไรแต่เวลามากันครบกลุ่มทีไรจะเป็นอย่างงี้ทุกทีแต่แจ็คสันก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะวันนี้เขารีบจริงๆ
“ปะปล่อยฉันไปเถอะนะ” อารารีบวิ่งมาเกาะขาแจ็คสันพลางขอร้องทั้งน้ำตา
เท้าแกร่งสะบัดออกอย่างไม่ใยดีพร้อมทำสีหน้าเหยียดหยามเต็มที่ ผู้หญิงสกปรกไม่ควรมาแตะเนื้อต้องตัวเขาแม้แต่ปลายเล็บ มันน่าขยะแขยง
“หึ ไม่ต้องกลัวว่าเธอจะตายแบบง่ายๆหรอก จินยองเขาพอจะรู้น่ะว่าเธอ...ชอบใช้ส่วนสำคัญกับผู้ชายคนอื่นนอกจากแฟนตัว เองแทบทุกๆคืน คืนนี้ก็คงต้องจัดให้สักหน่อยใช่หรือเปล่าจินยอง” แจบอมกดยิ้มมุมปากเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวซีดลงถนัดตา
“ขึ้นสวรรค์ก่อนนะอาราแล้วค่อยลงไปนอนเล่นที่นรก โอ้ะโอเธอบอกว่าเธอไม่รู้เรื่องที่แจ็คสันโดนพวกระยำอย่างพวกแกหักหลังหรอ หื้ม? ใครกันน้าเป็นนกต่อให้อีกฝ่ายหนึ่งถ้าไม่ใช่เธอ อุ้ปส์! ปากลั่น โทษที”
“อย่าทำอะไรอารานะไอ้พวกเลว!!” มินโฮตะโกนออกมาอย่างเดือดดาล
“อะไรกันยังจะปกป้องนังสารเลวนี้อีกหรอ หึ เอาตัวยัยนี่ไปอยากทำอะไรก็ทำแล้วสุดท้ายอย่าลืมเก็บซากมันให้ดีอย่าให้หลงเหลือ!!” ยอง แจพูดแล้วโบกมือไล่ลูกน้องของเพื่อนสนิท เสียงกรีดร้องของอารายังคงดังอยู่ทั่วโกดังแห่งนี้แต่บุคคลที่มีอำนาจของที่ นี่ได้สนใจไม่ ดวงตาคมตวัดมองอีกสามคนที่เหลือที่ยังกอดกันกลมพลางส่งสายตาอาฆาตมาที่เขา แจ็คสันบอกลูกน้องให้ไปถอดที่ล็อคข้อมือของพ่อและแม่มินโฮออก เขาถือคติต้องเป็นอิสระก่อนตาย
แจ็คสันก้าวอาดๆไปใกล้ๆกับมินโฮพร้อมกับเพื่อนสนิทของเขา ดวงตาคมฉายแววเจ็บปวดเพียงแวบเดียวแล้วหายไปเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ มือกร้านกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายขึ้นมาและสะบัดร่างโปร่งไปชนกับเสาที่อีก ฝ่ายเคยถูกตรึงไว้อย่างแรงพร้อมกับปล่อยหมัดหนักๆใส่อีกฝ่ายสองสามหมัด ทางด้านเพื่อนคนอื่นๆก็ตรงไปจัดการพ่อและแม่ของหนอนมินโฮอย่างไม่ปราณี เสียงร้องระงมขอความช่วยเหลือแต่กลับไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น
แจ็คสันหยิบมีดสั้นออกมาจากที่เหน็บด้านข้างและแทงเข้าที่หัว ไหล่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายร้องออกมาเสียงหลง หัวไหล่กว้างชาดิกไม่สามารถขยับได้แต่แจ็คสันยังคงกดมีดลงไปและค่อยๆดึงออก เพื่อให้อีกฝ่ายทรมารหนักกว่าเดิมแต่ยังไม่ทันได้เอาออกก็แทงกลับเข้าไปใหม่ จนอีกฝ่ายหน้าซีด
มินโฮเม้มปากเป็นเส้นตรงระงับความเจ็บแปลบตรงหัวไหล่และขาที่ โดนยิงก่อนจะออกแรงเฮือกสุดท้ายแถบร่างหนาของแจ็คสันออกจนสุดแรงและวิ่ง ประชิดตัวอย่างรวดเร็วถึงแม้จะเจ็บปวดจากแผล ตาคมอีกฝ่ายเห็นปืนที่เหน็บอยู่ด้านหลังและคว้าออกมาอย่างรวดเร็วจนแจ็คสัน ผงะและถีบอีกฝ่ายให้ห่างตัว ทางด้านเพื่อนคนอื่นๆที่จัดการกับพ่อแม่มินโฮเกือบจะเรียบร้อยก็ต้องรีบเข้า มาช่วยดูสถานการณ์ของแจ็คสันแต่เจ้าตัวส่ายหน้าเป็นเชิงไม่เป็นไรถึงแม้อีก ฝ่ายจะยังคงเอาปืนจ่อเขาก็ตาม
“หึ เป็นฝ่าย อ๊อก!! จะถูกยิงบ้างระรู้สึกยังไงบ้างละไอ้แจ็คสันหน้าโง่!!” มิ นโฮยกยิ้มอย่างพึ่งพอใจที่ตอนนี้ตัวเองเป็นฝ่ายได้เปรียบถึงรอบตัวเขาจะหัน กระบอกปืนมาที่เขาแต่ว่าปืนสีดำสนิทในมือนั้นจ่อไปที่แจ็คสันหัวหน้ามาเฟีย แห่งเกาหลีใต้ ถ้าเขาตายเขาจะไม่ยอมตายคนเดียวแต่คนตรงหน้าต้องตายด้วย!!
“ร่ำลาเพื่อนรักของแกซะสิแจ็คสัน ก่อนที่จะตายน่ะ” อีกฝ่ายยังคงพูดอย่างปากดี
แจ็คสันมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้นที่เคยอ่อนโยนแต่บัดนี้ไม่ ใช่ เพื่อนที่เคยสนิทกับมาหักหลังเขาอย่างไม่น่าให้อภัยพร้อมทั้งตระกูลของมัน อีก เขาไม่ยอมตายไปกับสัตว์นรกตรงหน้านี้แน่
“หึ ลองสู้กันตัวต่อตัวดูมั้ยละถ้าแน่จริง” แจ็คสันถามลองเชิง
“เอาสิ” มินโฮบ้าจี้ตอบรับอย่างไม่ต้องคิดแต่ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะมีแผนที่ไม่น่าไว้ วางใจ เจ้าตัวค่อยๆลดปืนลงและแจ็คสันก็หันหลังกลับเพื่อจะถอดแจ็คเก็ตสีดำคู่ใจแต่ ว่ายังไม่ทันถอดอีกฝ่ายก็หยิบปืนกลับขึ้นมาพร้อมกับแววตาที่มาพร้อมกับชัย ชนะ
กริ๊ก
“พี่แจ็คสัน!!!” ร่างบางที่แอบดูอยู่นานที่เห็นว่าอีกคนเล่นไม่ซื่อก็ตะโกนเรียกชื่อพี่ชายคนสนิทที่ยังไม่ ทันข้ามวันพร้อมพุ่งพรวดออกไปอยู่กลางโกดังระหว่างแจ็คสันและมินโฮอย่างไม่คิด
“แบม!!!!?”
ปัง!!
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง!!!!!
“แบม!!!!”
พรึบ!
“แบมแบม!! / น้องแบม!!” เสียงทุ้มทั้งสองเสียงประสานกันดังลั่นโกดังร้าง ลูกน้องนับสิบๆคนรีบกรูกันเข้ามาจัดการซากศพของพวกทรยศและนำไปกำจัดทิ้งเพื่อไม่ให้เหลือหลักฐาน ทางด้านเพื่อนสนิทคนอื่นๆที่จัดการอะไรเรียบร้อยแล้วจึงรีบเรียกรถพยาบาลในเครือของตระกูลหวังให้มาที่โกดังนี้อย่างเร่งด่วน
ดวงตาคมจ้องมองร่างกึ่งไร้สติของคนในอ้อมแขนด้วยแววตาเจ็บปวด มือแกร่งรั้งร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดแนบแน่นอย่างกลับกลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไปจากสายตาของเขา แจบอมเบือนหน้าหนีแล้วเดินออกไปสมทบกับเพื่อนคนอื่นๆตามด้วยจินยองผู้ช่วยคนสนิทของแจบอมที่มีเบื้องลึกเบื้องหลังเกินกว่าคำว่าผู้ช่วยคนสนิท
“อะอื้อ พี่แจ็คสัน” น้ำเสียงเบาหวิวของแบมแบมเรียกหาคนที่กอดรัดตัวเองอยู่
“ว่าไงครับคนดี” แจ็คสันรีบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่น แต่มือหนายังคงกอดอีกฝ่ายแน่น
“ไม่เจ็บตรงไหนใช่มั้ยครับ” แจ็คสันอยากจะตีปากคนถามเหลือเกิน ทำไมคนตรงหน้าถึงไม่คิดที่จะห่วงตัวเองบ้างโดนยิงซะขนาดนี้ ขนาดเขาแค่เห็นเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุดนั่นก็แทบจะขาดใจอยู่แล้ว
“ทำไมทำแบบนี้ ทำไมดื้อไม่ฟังพี่ละทำไมไม่นอนอยู่บ้านหืมทำไม” แจ็คสันพร่ำถามเหมือนคนไม่มีสติอยู่กับตัว ดวงตาสีเข้มเริ่มคลอหน่วงไปด้วยน้ำตา
ใครว่ามาเฟียไม่มีหัวใจกันล่ะ?
คนตรงหน้าเขานี่ไงหัวใจของมาเฟีย
“แบมรู้แล้วนะว่าพี่แจ็คสันทำอาชีพอะไร อึก แบมแค่รอให้พี่แจ็คสัน อึก บอกบะแบมมะไม่ไหวเลยตามมาดูเอง ฮึก แบมขอโทษ แต่พี่แจ็คสนปลอดภัยก็ดีแล้วนะ ถ้าพี่แจ็คสันเป็นอะไร อึก ไป แบมคงแย่แน่ๆ ไหนจะลูกน้องพี่แจ็คสัน...อีก” เสียงหวานค่อยๆเบาลงจนไร้เสียงใดๆ แบมแบมหมดสติไปแล้วพร้อมกับสติของแจ็คสันที่หายไปพร้อมๆกับคนร่างบาง
“แบมแบม!!!”
“แจ็คสัน / น้องแบม !!!”
โรงพยาบาลหวัง (สิ้นคิดจริงๆ)
ตอนนี้ทั้งแบมแบมละแจ็คสันได้อยู่ในมือหมอเรียบร้อยแล้ว ทางด้านของแจ็คสันนั้นก็แค่ช็อคจนหมดสติไปไม่น่าเป็นห่วงอะไรมาพักฟื้นสักวันสองวันก็หายเป็นปกติยกเว้นทางด้านจิตใจที่ไม่รู้ว่าฟื้นมาจะเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนแบมแบมตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยพวกเขาทั้งหมดรออยู่ที่หน้าห้องไอซียูได้ราวๆสามชั่วโมงแล้วแต่ก็ไม่มีวี่แววหมอจะออกมา เรื่องทุกอย่างพวกเขาทั้งหมดสั่งลูกน้องให้ปิดเป็นความลับเรื่องที่แบมแบมถูกยิงเพราะพวกเขารู้ว่าพ่อแม่ของเพื่อนสนิทนั้นอยู่ที่ไหนและทำอะไรอยู่จึงไม่อยากให้วิตกกังวล พวกเขาอยากดูอาการให้แน่ใจก่อนที่จะบอกรายละเอียดทั้งหมดออกไป
“แบมอยู่ไหน!!” เสียงทุ้มแหบแห้งจากการพักฟื้นตะโกนขึ้นลั่นหน้าห้องไอซียูก่อนจะเบนหน้าไปมองป้ายหน้าห้อง ร่างสมส่วนกำลังจะวิ่งเข้าไปข้างในแต่โดนเพื่อนสนิทรั้งไว้เพราะกลัวว่าถ้ามาเฟียใหญ่เข้าไปมันจะวุ่นวายซะเปล่าๆ อีกอย่างเข้าไปสภาพนี้มีแต่จะเอาเชื้อไปให้ร่างบางในห้องซะมากกว่า
“อย่าไอ้แจ็คสัน กูรู้ว่ามึงห่วงแต่กรุณาดูสังขารมึงสักนิดนะครับ มึงเข้าไปตอนนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้รังแต่จะวุ่นวายซะเปล่าๆ มึงไม่ได้จบหมอนะสำเหนียกตัวไว้ด้วยก็ดี” ยองแจเตือนสติด้วยคำพูดที่เจ็บแสบแต่แจ็คสันก็ไม่ได้สนใจจะวิ่งเข้าไปอย่างเดียวจนร้อนถึงแจบอมต้องต่อยเข้าให้ที่ใบหน้าคม
“อย่าเยอะครับนายท่าน มึงเข้าไปแล้วถ้าน้องเขาติดเชื้อขึ้นมาจะทำยังไงมึงคิดบ้างนะมีสมองไม่ต้องไว้กั้นหูอย่างเดียวก็ได้ครับนายท่าน ทีเรื่องแบบนี้ละโง่เชียวพวกกูก็ห่วงน้องกันทั้งนั้นแหละ มึงอยากให้น้องติดเชื้อจากมึงมากก็เข้าไปดิพวกกูไม่ห้ามละ อ่ะ ปล่อยพวกมึงปล่อยๆ ให้หมาบ้ามันเอาเชื้อเข้าไปให้น้อง ไปสิมึง ไป๊”
แจ็คสันก็แอบมีคำถาม
นี่กูยังเป็นเจ้านายมึงอยู่มั้ย อิม แจบอม
ไล่กูอย่างกับหมา
“เออ กูไม่เข้าแล้ว หมอว่าไงหมอได้บอกอะไรบ้างหรือเปล่า แบมเป็นยังไงบ้างปลอดภัยดีแล้วใช่มั้ย ห้ะ ตอบกูมาดิวะตอบ” แจ็คสันหันไปเร่งคำตอบจากเพื่อนสนิททั้งสี่คน
“ไอ้สัส พื้นที่ที่กูจะตอบมันอยู่ไหนหรอ ให้พวกกูได้ตอบบ้างเร่งเร้าพวกกูจังเลยนะ” ยูคยอมโวยขึ้นมาอย่างหมั่นไส้
มันควรจะตึงเครียดเปล่าวะ?
“หมอยังไม่ออกมาเลยว่ะ หายเข้าไปตั้งสองสามชั่วโมงแล้วเงียบกริบ” มาร์คตอบ
แอ้ด
เสียงเปิดประตูจากห้องไอซียูเรียกสายตาจากบุคคลทั้งหกคนได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะแจ็คสันจะตรงดิ่งไปกระชากไหล่หมออย่างรวดเร็ว
“หมอ แบมเป็นยังไงบ้าง ต้องปลอดภัยนะผมต้องการฟังแค่คำนี้ ไม่งั้นผมไล่หมอออกแน่ไม่สนหรอกนะว่าหมอจะสนิทกับป๊าน่ะ ตอบมาสิหมอ”
ควรมีพื้นที่ให้หมอได้พูดบ้างนะหวัง
เพื่อนสนิททั้งหลายส่ายหน้าอย่างเอือมระอาพร้อมส่งสายตาขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ให้หมอที่เก่งที่สุดในโรงพยาบาลนี้ที่เพื่อนตัวเองพูดจาขวานผ่าซากออกไป ต้องเข้าใจนะว่าคนในห้องนั้นน่ะหัวใจของมาเฟียใหญ่แห่งเกาหลีใต้ อภัยให้มันด้วย
“เอ่อ...ครับ หมอจะบอกว่าคุณกันต์พิมุกปลอดภัยแล้วครับ หมอได้ผ่าน้ำกระสุนออกมาให้เรียบร้อยแล้วและเย็บแผลให้เป็นอย่างดีไม่ต้องกลัวรอยแผลเป็น เดี๋ยวหมอจะย้ายคนไข้ไปที่ห้องพักคงต้องให้พักห้องคนไข้พิเศษระดับวีไอพีของโรงพยาบาลใช่มั้ยครับคุณแจ็คสัน” หมอรรีบพูดรัวๆเพราะกลัวคนตรงหน้าจะเอาปืนมาจ่อหัวเขาถ้าพูดอะไรไม่ถูกใจออกไป
เมื่อฟังคำตอบว่าปลอดภัยแจ็คสันก็กระโดดตัวลอยยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งเสียอีก เพื่อนทุกคนต่างพากันโล่งใจและให้หมอจัดห้องวีไอพีให้กับคนไข้สุดพิเศษคนนี้ เมื่อนำคนไข้หน้าหวานไปที่ห้องเรียบร้อยแจ็คสันก็รีบตามเข้าไปเฝ้าอย่างรวดเร็ว มือหนากระชากเก้าอี้ตัวใหญ่ไปวางไว้ข้างๆเตียงคนไข้และนำร่างตัวเองลงนั่งตามไป แจ็คสันลูบไล้ใบหน้าหวานซีดนั้นอย่างรู้สึกผิดและเป็นห่วง
“รีบๆตื่นขึ้นมานะครับคนดีของพี่แจ็คสัน”
จบประโยคเพื่อนคนอื่นๆที่นั่งดูอยู่ในห้องก็ต่างพากันแยกย้ายออกไปเพราะทนดูต่อไม่ไหว คงถึงเวลาของแจ็คสันที่ต้องดูแลแบมแบมเองแบบเต็มที่แล้วแหละ ทุกคนต่างบอกว่าเดี๋ยวจะมาเยี่ยมใหม่ในวันพรุ่งนี้ตอนสายๆเที่ยงๆ แจบอมและจินยองก็ขอตัวไปเคลียร์งานแทนเจ้านายที่ตอนนี้ทำหน้าที่เฝ้าคนไข้แทนชั่วคราว ตลอดทั้งคืนแจ็คสันคอยทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดีคอยเช็ดตัวให้แทบจะตลอดเวลาจนพยาบาลต้องเข้ามาห้ามไม่ให้เช็ดถี่เกินไป จัดนู่นจัดนี่ให้คนที่ยังนอนไม่ได้สตินอนท่าที่สบายที่สุดจนเหนื่อยและจับมือบางมาจับไว้และเผลอหลับไป
ยามเช้าพยาบาลจะนำข้าวและยามาวางให้ก็ต้องอมยิ้มกับภาพตรงหน้า ใครจะไม่รู้จักมาเฟียแจ็คสันผู้โด่งดังละ ก็ตอนนี้เหมือนแมวเชืองๆนอนหลับอยู่แต่มือยังคงกุมมือบางของคนไข้หน้าหวานคนนั้นไม่ยอมปล่อย มันเป็นภาพที่หาดูได้ยากจริงๆนะ
ดวงตากลมกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับโฟกัสสายตาที่ยังคงเบลอๆจับจุดไม่ได้ พยาบาลเห็นดังนั้นจึงรีบวางข้าวและยาลงที่โต๊ะกว้างและเดินมาดูก่อนจะไถ่ถามอาการคนไข้เบาๆ เพราะเกรงใจคนบางคนที่ยังนอนหลับอยู่ แบมแบมได้แต่พยักหน้าเออออว่าตัวเองรู้เรื่อง โอเค สบายดี แต่เจ็บแผล มือบางจะยกขึ้นมาจับแผลก็ต้องชะงักเพราะถูกใครบางคนกุมไว้จนลืมสังเกต
“คุณแจ็คสันเฝ้าคุณแบมแบมทั้งคืนเลยค่ะ เหมือนจะพึ่งได้นอนไม่นานนี้เอง” พยาบาลสาวรีบบอก
“อ่า...แบมขอน้ำดื่มหน่อยครับ แบม...แค่กๆ เจ็บคอ”
พรึบ
ยังไม่ทันที่พยาบาลจะเดินไปรินน้ำให้ก็ถูกร่างสมส่วนของแจ็คสันที่อยู่ๆก็ผุดลุกขึ้นมานำน้ำไปให้ร่างบางแทน ดวงตาหวานเบิกกว้างอย่างตกใจที่จู่ๆคนที่นอนอยู่ข้างเตียงก็ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะอาการเจ็บคอทำให้ไม่สามารถพูดอะไรมากได้
“แบม เจ็บตรงไหนมั้ยครับให้พี่ตามหมอให้เลยมั้ย กินข้าวกินยาเลยมั้ยครับเดี๋ยวพี่ไปยกมาให้” เมื่อเห็นว่าแบมแบมดื่มน้ำจนหมดแก้วก็รีบรัวคำถามอย่างตื่นเต้นพลางคว้าร่างอีกคนมากอด จนพยาบาลต้องรีบเดินออกไปจากห้อง แบมแบมฉีกยิ้มอย่างดีใจที่คนตรงหน้าเป็นห่วงเขาได้มากขนาดนี้
“เจ็บแผลนิดหน่อยครับ แต่แบมโอเคนะรู้สึกเหมือนฮีโร่แฮะ ได้ปกป้องพี่แจ็คสันด้วย” แบมแบมพูดพลางทำตาเป็นประกายจนอีกคนอดใจไม่ไหวหอมแก้มเข้าให้ฟอดใหญ่
“ให้รางวัลนะครับที่ปกป้องพี่ แต่คราวหน้าอย่าทำอย่างงี้อีกนะใจพี่แทบจะสลายไปซะตรงนั้นเลย แต่เพราะเราขัดคำสั่งพี่เป็นเด็กไม่ดีหนีออกจากบ้านรู้หรือเปล่าต้องโดนลงโทษ” แจ็คสันว่าอย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตาคมจ้องใบหน้าหวานเขม็งจนคนตรงหน้าต้องเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย
“งือ จะลงโทษอะไรแบม”
แจ็คสันอมยิ้มก่อนจะค่อยๆโน้มใบหน้าคมไปใกล้ๆกับใบหน้าหวานจนแทบจะชิดกันก่อนที่ริมฝีปากของแจ็คสันจะแตะเข้าให้กับริมฝีปากบาง กดย้ำอยู่อย่างนั้นไม่มีการล่วงล้ำอยู่นานสองนานก่อนจะค่อยๆผละออกพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
“ไว้พี่จะกลับไปลงโทษต่อที่บ้านนะครับคนดี”
“ห้ะ?” แบมแบมร้องอย่างตกใจ ลงโทษต่อที่บ้านอะไรกันเมื่อกี้ไม่ได้ลงโทษเขาหรอกหรอ
“ไม่ต้องห้ะ จะลงโทษจนออกไปซนที่ไหนไม่ได้เลยคอยดูสิ” เสียงทุ้มกระซิบเข้าที่ข้างหูอย่างยั่วยวนจนอีกคนก็กระเถิบออกเพราะความจั้กจี้
“พี่แจ็คสันจะตัดขาแบมหรือไง อย่านะคนใจร้าย ทีตัวเองปิดเรื่องเป็นมาเฟียแบมยังไม่ว่าอะไรเลย” ใบหน้าหวานงอง้ำลงทันที กอดอกเชิดหน้าอย่างงอนๆจนอีกคนหมั่นไส้และยื่นหน้าไปหอมแก้มป่องๆนั่นอีกรอบหนึ่งจนได้สายตาเคืองๆนั่นคืนมา
กับคนป่วยยังไม่เว้น
นั่นคือเสียงจากเพื่อนทั้งหลายที่แอบเข้ามาดูได้สักพักแล้วแต่สองคนที่อยู่กลางห้องผู้ป่วยนั่นไม่เห็น
“จะทำอะไรเกรงใจสถานที่แล้วก็คนป่วยด้วยนะครับคุณแจ็คสัน” มาร์คแกล้งพูดขึ้นมาให้สองคนตกใจเล่น และได้ผลร่างบนเตียงหน้าเหวอทันทีที่เห็นแขกที่นั่งหน้าสลอนอยู่บนโซฟาในห้องเรียบร้อยแล้ว แจ็คสันก็ทำแค่ตวัดสายตามองอย่างไม่พอใจ
“มารยาทไม่มีกันหรือไง ทำไมไม่เคาะประตู” แจ็คสันถามอย่างเอาเรื่อง
“มารยาทอ่ะมีแต่ไม่ได้เอาไว้ใช้กับคนอย่างมึงว่ะ ฮ่าๆ” ยองแจแกล้งแหย่เมื่อเห็นว่าแจ็คสันอารมณ์ค่อนข้างจะดีขึ้นมากกว่าเมื่อวาน...เยอะเลยทีเดียว
“มึงอย่าพึ่งวางมวยกัน สงสารน้องบ้างนั่งดูตาแป๋วอยู่นั่น จะเอาของมาเยี่ยมกันไม่ใช่ไง?” ยูคยอมรีบห้ามแล้วยกกระเช้าของเยี่ยมทั้งหลายไปไว้ข้างๆเตียงคนไข้ที่มีโต๊ะวางของอยู่
“หายไวๆนะน้องแบม ถึงเราจะไม่รู้จักกันแต่พี่ชื่อยูคยอมนะ เป็นเพื่อนไอ้แจ็คสันมันถ้ามันทำไรไม่ดีนี่ฟ้องพี่ได้เลยนะ”
“มึงจะทำไม” แจ็คสันแทรกขึ้น
“กูก็จะโทรไปฟ้องป๊ามึงไง” จบประโยคแล้วรีบวิ่งหนีไปนั่งที่โซฟาเหมือนเดิม ใครจะกล้าท้าทายอำนาจมืดละครับไม่ใช่ยูคยอมละคนหนึ่ง คนนี้ยูคยอมต้องยองชริงๆนะ
“พวกพี่ก็ขอให้น้องแบมหายไวๆเหมือนกันนะ พี่ชื่อยองแจนะ ส่วนนี่ชื่อมาร์ค คนอื่นน้องแบมก็คงรู้จักแล้วเนอะ” หลังจากยองแจพูดจบแบมแบมก็ยิ้มรับแล้วพยักหน้าหงึกงัก
นั่งเล่นกันอยู่พักใหญ่ๆจนคนทั้งห้าก็ขอตัวกลับไปทำงานต่อและทิ้งให้แจ็คสันกับแบมแบมอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม แจ็คสันลุกขึ้นมานั่งบนเตียงของคนไข้และจับร่างบางให้ขึ้นมานั่งตักตัวเองอย่างเอาแต่ใจไม่ได้ถามความเต็มใจของคนตัวเล็กสักนิด
“แบมครับ” ใบหน้าหวานเลิ่กคิ้วเมื่อคนที่เขานั่งตักอยู่อยู่ดีๆก็เรียกชื่อขึ้นมา
“หนักใจหรือเปล่าที่พี่เป็นมาเฟียแบบนี้” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างจริงจัง ใบหน้าคมเกยเข้าที่ไหล่บางลอบมองท่าทีอีกฝ่ายว่าจะทำอย่างไร
“ไม่นิครับ แต่แบมเป็นห่วงพี่แจ็คสันน้า ถ้าพี่แจ็คสันเป็นอะไรไปแบมต้องแย่แน่ๆ”
“ทำไมละครับคนดี หืม?”
“แบมก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าแบมอยากอยู่ข้างๆพี่แจ็คสันตลอดไป” คนตัวเล็กก้มหน้างุด เขาโตพอที่จะรู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง แต่เขาคิดว่ามันเร็วไปที่จะพูดอะไรที่มากกว่านี้ออกมา
“พูดจาน่ารักนะเรา อย่างงี้ต้องให้รางวัลหรือเปล่า”
“งื้อ ไม่เอาแล้ว เปลี่ยนจากรางวัลเป็นคำสัญญาแทนได้มั้ย?” แบมแบมหันไปถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“สัญญาอะไรละครับ”
“ว่าพี่แจ็คสันจะไม่ทิ้งแบมไปไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม ห้ามตายด้วย” เสียงหวานเน้นประโยคสุดท้ายเสียงดังฟังชัด อยู่กับแบมต้องอดทนคนเอาปืนกลมายิงต้องไม่ตาย แจ็คสันกำลังอยู่ในอารมณ์นี้จริงๆนะ
“พี่จะไม่ทิ้งแบมไปไหนหรอกจนกว่าแบมจะไล่พี่ไปเอง พี่จะคอยดูแลแบมเองนะ อยู่กับพี่อย่างนี้ตลอดไปนะครับแบมของพี่” แบมแบมรีบพยักหน้ารัวๆก่อนจะหันไปหอมแก้มสากของแจ็คสันและรีบผละออกมาอย่างรวดเร็ว
“อื้อ แบมก็ไม่ไล่พี่แจ็คสันหรอกนะ...”
“เพราะว่าหัวใจแบมน่ะอยู่ที่พี่แจ็คสันแล้ว” พูดจบก็ยกผ้าห่มของโรงพยาบาลขึ้นมาคลุมหน้าแก้เขิน แจ็คสันได้ฟังก็ยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันมีความรู้สึกที่ว่าหัวใจพองโตหุบยิ้มไม่ได้จริงๆ
“แบมครับ”
“แบมคือหัวใจของมาเฟียคนนี้นะ”
Talk
โอ่ยย ปั่นจบแล้ว ต้องมีสเปตอนเป็นแฟนกันปะแกร
คือเรื่องนี้ต้องใสตามน้องแบมอ่ะถึงชื่อเรื่องจะมาเฟียก็เหอะ
คือแอบคิดว่าถ้าจะปั่นเรื่องอื่นแล้วยาวแบบนี้จะแบ่งเป็นพาร์ทๆละ
มันดูยาวไป อ่านกันเมื่อยพอดี งืออ สมบูรณ์มั้ยไม่รู้ขุดได้แค่นี้จริงๆ
ขี้เกียจพูดมาก ไม่มีไรมากงับแต่งอะไรดราม่าไม่เป็นพูดเลย
นี่ก็หัดๆอยู่ แต่ตอนนี้ยังอ่อนหัดอยู่ อย่าว่าเก๋านะ จุ้บบบบบบบ
เม้นโหวตเป็นกำลังใจให้ข้าน้อยด้วยเด้ออออ
seven dwarf.
ความคิดเห็น