คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : One sided love? - MarkBam - + Special
One sided love?
- MarkBam –
รักครั้งแรกของคุณเป็นแบบไหนกัน?
สำหรับผมในตอนนี้มันคือ...รักข้างเดียวแหละ
ใครจะไปคิดว่าคนอย่างแบมแบมจะมีความรักครั้งแรกตอนอายุสิบแปดปีซึ่งมันก็เกิดขึ้นไม่นานมานี้เอง ผมกำลังแอบรักรุ่นพี่ที่คณะวิศวะซึ่งมันไม่น่าเป็นไปได้เลยใช่มั้ยล่ะก็ใน เมื่อผมเรียนอยู่ที่คณะนิเทศซึ่งอยู่กันคนละฝั่งกับคณะของพี่เขาเลย
ตอนเจอกันครั้งแรกผมไม่ได้อยากจะไปเหยียบคณะนั้นสักเท่าไหร่หรอกไม่ใช่ว่าไม่ถูกกับคณะนั้นนะแต่ว่ามันค่อนข้างไกลใช้เวลาค่อนข้างมากแต่เป็นเพราะพี่ชายผมที่เรียนอยู่คณะนั้นชั้นปีสุดท้ายดันลืมของสำคัญไว้ในกระเป๋าของผมซึ่งปกติพี่เขาไม่ค่อยจะลืมหรอกแต่วันนั้นมันค่อนข้างวุ่นวา เลยทำให้รีบจนลืมของทิ้งไว้ที่ผมเกือบทั้งหมด ระหว่างที่ผมกำลังเรียนอยู่ซึ่งมันก็ท้ายคาบแล้วนั่นแหละโทรศัพท์ผมก็สั่นพอผมหยิบออกมาดูว่าเป็นพี่นิชคุณพี่ชายของผมก็รีบกดรับทันทีพอรับสายเท่านั้นแหละเหมือนโลกทั้งใบพังลงมาต่อหน้าต่อตาการที่ผมจะต้องเอา ของไปให้พี่ผมในตอนนั้นมันเป็นอะไรที่แค่คิดก็ท้อแต่ก็ต้องเอาไปให้อยู่ดีผมเลยขออาจารย์ที่สอนอยู่หน้าห้องออกมาก่อนยังดีที่ซี้กับอาจารย์ประจำวิชานี้เขาเลยไม่ว่าอะไร
ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหาพี่คุณที่คณะวิศวะอย่าถามเลยว่าทำไมผมไม่ขับรถไปก็ปกติผมมาพร้อมๆกับพี่คุณถึงเวลาเรียนจะไม่ตรงกันแต่พี่ผมก็ยืนยันนอนยันนั่งยันว่าจะมาส่งให้ได้และไม่ยอมให้ผมไปเองเด็ดขาดแต่ว่าวันนั้นคงเป็นวันซวยของผมจริงๆที่เพื่อนพี่คุณดันยืมรถไปพี่เขาเลยมาเอาเองไม่ได้จะให้ย้อนไปย้อนมาก็เสียเวลาภาระทั้งหมดจึงตกมาที่ผม พอเดินไปถึงคณะของพี่คุณแล้วผมก็ไม่รอช้ารีบต่อสายหาพี่ชายสุดที่รักในทันทีพอได้ความว่าอยู่ในโรงอาหารเข้าไปก็จะเจอเลยเพราะเขานั่งอยู่โต๊ะแรกซึ่งก็จริงพอเดินมาหน้าโรงอาหารปุ้บก็เจอพี่เขานั่งรออยู่กับคนอื่นๆที่ผมไม่ค่อย รู้จักสักเท่าไหร่แต่ผมดันไปสะดุดตากับคนที่นั่งคุยอยู่ข้างๆพี่คุณเขามีผมสีน้ำตาลแดงดูโดดเด่นที่สุดในกลุ่มนั้นแล้วไหนจะผิวสีขาวนั่นอีกมันทำให้ดูดีโดยไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำแค่นั่งเฉยๆใครผ่านมาก็เหลียวมอง แล้ว
ผมรีบเดินเข้าไปหาพี่คุณแล้วยื่นของให้ด้วยความไม่ค่อยสบอารมณ์นักซึ่งต่างจากปกติที่ผมจะขี้อ้อนยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลาแต่ตอนนั้นยิ้มออกก็บ้าแล้วจริงๆเดินจากคณะตัวเองไปคณะของพี่คุณมันเป็นอะไรที่ถ้าใครได้ทำสักครั้งจะรู้ว่ามันแย่จริงๆถ้าตอนนั้นทรุดตัวลงไปนั่งที่พื้นได้คงทำไปแล้วแต่ไม่ได้ไงถึงได้ปั้นหน้า นิ่งใส่ พี่คุณที่เห็นผมอารมณ์ไม่ดีจึงดึงเข้าไปกอดท่ามกลางเสียงโห่แซวจากคนในโต๊ะที่ผมไม่คุ้นเคยทั้งโต๊ะนี่ไม่ใช่เพื่อนพี่คุณที่ผมเคยเห็นหน้าสักคนผลสุดท้ายคือคนพวกนั้นโดนพี่คุณด่าเข้าให้ผมก็นั่งลงบนตักพี่คุณอย่างเคยชินเพื่อพักเหนื่อยนั่นแหละแต่ก็แค่แปบเดียวเพราะพี่เขาต้องรีบเข้าเรียนผมก็ไม่ได้ว่าอะไรตอนแรกก็ทำท่าจะกลับไปก่อนแต่พี่คุณรั้งไว้บอกให้อยู่นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนค่อยกลับแล้วสั่งให้รุ่นน้องพี่เขาที่คณะอยู่เป็นเพื่อนผมก่อนและแล้วผมก็รู้ว่าคนหัวน้ำตาลแดงนั่นเป็นรุ่นน้องที่สนิทกับพวกพี่คุณ
ตอนแรกผมก็นั่งเงียบไม่พูดไม่จาเพราะผมไม่รู้จักจะให้โพล่งถามนู่นนี่นั่นก็ใช่ที่ พวกพี่เขาคงรู้ว่าผมอึดอัดจึงชวนคุยแล้วก็แนะนำตัวนิดหน่อยคนที่ผมจำชื่อได้ดีคงเป็นมาร์ค ต้วนรุ่นพี่ที่โดดเด่นนั่นแหละ ยิ่งมองใกล้ๆเขาก็ยิ่งมีเสน่หอย่างเหลือเชื่อมันดึงดูดสายตาให้เขาต้อง มองอยู่ตลอดเวลาแต่ก็ต้องแอบๆมองนะ เดี๋ยวพี่เขาจะด่าผมโรคจิตส่วนพี่เขาก็เหลือบมามองบ้างแบบมองผ่านๆแล้วก็ยิ้มให้ตามมารยาทส่วนพี่ๆคนอื่นก็พูดนู่นเล่านั่นถามนี่ตลอดโดยเฉพาะพี่แจ็คสันพี่แกดูมีชีวิตชีวาสุดๆเหมือนทั้งชีวิตนี้ไม่เคยมีเรื่องทุกข์ใจอย่างไง อย่างงั้นเลยผมก็อดขำไม่ได้ ผมนั่งคุยเล่นอยู่กับพวกพี่เขาสักพักก็ต้องขอตัวกลับก่อนเพราะวันนั้นผมมี เรียนต่ออีกสองวิชาติดกันแต่ยังไม่ทันได้ไปหรอกพวกพี่เขาก็อาสากันไปส่งผมโดยมีพี่มาร์คต้องเป็นคนขับเพราะใช้รถของพี่เขาไปส่งผมก็นั่งอยู่ตรงกลางด้านหลังเพราะข้างหน้ามีรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูท่าจะสนิทกับพี่มาร์คขอติดรถไปด้วยผมก็รู้สึกไม่ชอบใจนิดๆนั่นแหละตามประสาคนแอบปลื้มละนะ แต่ผมก็แอบมองพี่เขาทางกระจกหลังตลอดบางครั้งก็เหมือนโดนจับได้เพราะพี่เขามองผ่านกระจกพอดีผมก็เลยก้มหน้าก้มตาไม่เงยขึ้นมาอีกเลยก็มีแต่พี่แจ็คสันกับพี่แจบอมนั่นแหละที่ชวนผมคุยไม่ให้ผมอึดอัด พอมาถึงคณะผมก็ขอบคุณพวกพี่ๆเขาที่มาส่งก่อนจะหันหลังกลับเข้าคณะไปก็แอบเหลือบไปมองรุ่นพี่หัวน้ำตาลแดงนั่นนิดหนึ่งจึงทำให้รู้ว่าพี่เขามองมาอยู่ผมก็รีบหมุนตัวกลับเข้าคณะทันทีเพราะพี่เขาต้องไปส่งรุ่นพี่ผู้หญิงคนนั้นที่คณะบัญชี จากนั้นผมก็ได้เจอพี่เข้าบ้างเวลาที่พี่คุณให้ผมไปนั่งรอที่คณะแต่แน่นอนผมไม่เดินไปหรอกผมก็ให้เพื่อนผมขับไปส่งแทนเวลามีสอบมิดเทอมพวกพี่เขาก็มาติวกันที่บ้านของผมจึงได้มีโอกาสเจอบ้างพูดคุยบ้างมันทำให้สนิทขึ้นในอีกระดับหนึ่ง แต่ผมก็ไม่สนิทกับพี่มาร์คเท่าพี่แจ็คสันกับพี่แจบอมหรอกก็พี่เขาค่อนข้างเงียบผมก็ไม่กล้าไปตอแยเท่าไหร่จะเผลออ้อนบ้างบางครั้งที่ลืมตัว
“แบมมมม เหม่อถึงใครอยู่~” เสียงของยองแจดังขึ้นเรียกสติให้ผมกลับมาอยู่ที่เดิม อ่า ตอนนี้ผมนั่งเล่นอยู่ที่คณะตัวเองครับรอกินข้าวกลางวันพร้อมเพื่อนที่เรียนกันคนละเซค
“หื้อ เปล่าหรอกง่วงอ่ะสติเลยไม่ค่อยอยู่กับตัว แล้วนี่ยูคยังเรียนไม่เสร็จหรอ” ผมกับยองแจเรียนอยู่เซคเดียวกันครับเมื่อกี้มันแวบขึ้นไปดูยูคยอมเพื่อนอีกคนของผมให้ว่าอาจารย์จะปล่อยหรือยัง
“หรออ นึกว่าเหม่อหาหนุ่มวิศวะ คิคิ ไม่ล้อแล้วๆ ยูคกำลังตามลงมาคุยกับอาจารย์อยู่” ผมแอบค้อนยองแจไปนิดหนึ่งที่พูดอะไรไม่ดูสถานที่เลยพี่มาร์คเขาดังครับใครๆก็ รู้จัก ยกเว้นผมที่พึ่งมารู้จักตอนเอาของไปให้พี่คุณนั่นแหละไม่ต้องแปลกใจหรอกที่ยองแจจะรู้เรื่องของผมก็มีอะไรผมก็บอกมันหมดยูคก็ด้วยนะแต่บอกแค่บางเรื่องผมไม่กล้าบอกทุกเรื่องหรอก
“ขอโทษทีนะแบมที่ช้า เอารายงานให้อาจารย์ดูน่ะว่าต้องแก้อะไรบ้าง เห้อ เหนื่อยชะมัด” ยูคยอมวิ่งลงมาจากตึกแล้วมาหาพวกผมที่ม้านั่งด้วยสภาพที่ค่อนข้าง...ดูไม่จืดเลยทีเดียว
“ไม่เป็นไรหรอก นั่งพักก่อนก็ได้นะแล้ววันนี้จะไปกินที่โรงอาหารคณะหรือออกไปกินข้างนอกล่ะ?” ผม ถามพลางสบตาเพื่อนทั้งสองคนที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ข้างๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่จะตัดสินใจกินข้าวกลางวันที่ไหนเพราะบางทีพวกเขาก็เบื่อโรงอาหารคณะบางทีก็เบื่อร้านนอกมอจนสุดท้ายต้องมานั่งซดมาม่ากัน แทน
“อ่า...ไปโรงอาหารวิศวะกันเห็นเขาว่ากันว่ารสชาติเยี่ยมเลยนะ” ผมสบตายองแจนิดหนึ่งก่อนจะหันไปมองเจ้าของความคิดที่นั่งยิ้มไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ตรงข้ามผมเนี่ยแหละ ยูคไม่รู้หรอกครับว่าผมน่ะชอบพี่มาร์คผมไม่กล้าบอก
“ก็เอาสิ แต่เอารถยูคไปนะฉันขี้เกียจขับ” ยองแจรีบโยนให้ยูคยอมทันที ส่วนยูคยอมก็พยักหน้ารับ
“ขี้เกียจขับหรือเปลืองน้ำมันกันแน่” ยูคแอบบ่นเบาๆไม่ให้ยองแจได้ยินแต่มีหรอที่คนอย่างยองแจจะไม่ได้ยิน
“ย่าห์ ยูคยอมคิดว่าฉันไม่ได้ยินหรือไง” ยองแจหันมาแหวก่อนจะรีบเดินไปที่รถของยูคยอมที่จอดอยู่หน้าคณะไม่แปลกใจหรอกที่ยองแจจะรีบเดินไปที่รถขนาดนั้นก็ยองแจเป็นพวกหิวง่ายตอนนี้ก็คงจะหิวแล้วถ้ายองแจไม่หิวคงได้ด่ากับยูคอีกนานเลยแหละ
ขับออกมาจากคณะตัวเองได้สักพักก็มาถึงคณะวิศวะแอบเสียเวลานิดหน่อยตรงหาที่จอดรถนี่แหละไม่รู้ว่าคณะนี้รถจะเยอะไปไหนเกือบหาที่จอดไม่ได้แหนะ ยองแจเดินลิ่วๆไปทางโรงอาหารของคณะวิศวะอย่างคุ้นเคยก็นะยองแจต้องมาส่งเขาที่คณะนี้อยู่บ่อยๆจนคุ้นแล้วแหละมีแต่เขานี่แหละที่มากี่ทีๆก็เกร็งตลอดยังไม่ทันที่ขาขวาจะก้าวเข้าไปแตะโรงอาหารดีเสียงโหวกเหวกเป็นเอกลักษณ์ของพี่แจ็คสันก็ดังเข้ามาในโสตประสาทของผมซะก่อน
“น้องแบมมมมม ไอ้มาร์คเอ้ยยยพี่แจ็คสันคิดถึงจังเลยยยย” ผมแอบสะดุดนิดหน่อยตรงชื่อของพี่มาร์คแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินพี่แจ็คสันก็คงคุยค้างกับเพื่อนเลยเรียกผิดๆถูกๆ ส่วนผมที่ตอนนี้เป็นจุดเด่นไปเรียบร้อยแล้วก็ส่งยิ้มแหยๆไปให้แต่ก็ไม่ได้ก้าวไปหาจนเพื่อนตัวสูงอย่างยูคยอมต้องเอามือพาดไหล่แล้วดันๆผมให้เดินเข้าไปข้างในโรงอาหารที่พี่แจ็คสันกับพี่คนอื่นๆนั่งอยู่ หนึ่งในนั้นก็มีพี่มาร์คด้วยแต่จะดีกว่านี้ถ้าข้างๆพี่มาร์คไม่มีรุ่นพี่คณะ บัญชีคนนั้นอยู่ เหอะ หมั่นไส้เว่ย
“พึ่งเจอกันเมื่อวันก่อนนู้นเองครับพี่แจ็คสัน” ผมตอบกลับพร้อมส่งยิ้มไปให้หน่อยๆ จะให้ยิ้มแบบเต็มที่คงทำไม่ได้มันรู้สึกหน่วงๆที่หัวใจ
“ตั้งวันก่อนนู้นแหนะ ดีนะไม่มีคนลงแดงตาย” ผมมองพี่แจ็คสันงงๆ ทำไมใครต้องมาลงแดงตายละผมไม่ใช่เด็กส่งยาสักหน่อย
“อย่าไปฟังมันมากเลยมันเพ้อเจ้อ” พี่มาร์คที่นั่งเงียบมานานก็พูดขึ้นมา แต่ดูแววตาแล้ววันนี้พี่เขาคงอารมณ์ไม่ดีสักเท่าไหร่ก็เล่นมองผมนิ่งๆซะอย่างงั้นปกติพี่มาร์คจะยิ้มทักผมเวลาเจอแต่นี่ไม่อ่ะ โอ้ยย แบมแบมอยากจะร้องไห้
“ใครกันแน่วะที่เพ้อเจ้อ น้องแบมอยากกินอะไรเป็นพิเศษมะเดี๋ยวพี่หวังคนนี้ไปซื้อมาให้” ผมหัวเราะออกมาเบาๆ เป็นแบบนี้ทุกทีเวลาผมมาโรงอาหารที่คณะนี้ไม่พี่แจ็คสันก็พี่แจบอมที่อาสาไปซื้อมาให้ผมแต่ก็โดนผมปฏิเสธทุกทีเหมือนกัน
“ไม่เป็นไรหรอกฮะพี่แจ็คสันเดี๋ยวผมไปกับยูคดีกว่า” ผมรีบปฏิเสธทันทีก็ผมเกรงใจนี่ พี่เขาแก่กว่าผมตั้งสองปีนะให้มาซื้อของให้ก็ใช่เรื่อง
“ไปเหอะแบม เดี๋ยวไม่ทันยองแจมัน” ยูคยอมที่ยืนนิ่งข้างหลังมานานก็รีบดักและดันตัวแบมแบมให้ไปซื้อของกับเขาสักที ผมกับยูคเดินดูร้านอยู่สักพักก็ได้อาหารกลับมาสักทีโดยที่ผมนั่งโต๊ะเดียวกับพี่แจ็คสันไม่ใช่ว่าผมจะเดินลิ่วๆเข้าไปขอนั่งหรอกนะแต่เป็นยองแจต่างหากที่ซื้อเสร็จก็มานั่งกับพวกพี่เขาแทบจะทันทีไม่ได้ถามพวกผมสักคำส่วนยูคก็ดูท่าจะหงุดหงิดไม่น้อยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้หรอกเดี๋ยวโดนยองแจด่าเอา
“แบม” ผมก้มหน้าก้มตากินได้สักพักก็มีเสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นข้างหลังไม่ใช่ใครหรอกครับพี่ชายผมเองแหละ ผมหันไปยิ้มกว้างให้แถมยังอ้าแขนให้พี่คุณเดินมากอดด้วยผมติดพี่ชายมากนะจะบอกให้
“พี่คุณ~ กินข้าวยางง มากินกับแบมมั้ย?” ผมถามทั้งๆที่ยังไม่คลายอ้อมกอดจากพี่คุณแต่เงยหน้าขึ้นมาถามแทนก็ตอนนี้ผมนั่งอยู่ส่วนพี่คุณยืนอยู่นี่
“พี่กินไปตอนสายๆแล้วแหละ เดี๋ยวพี่ก็จะไปเรียนแล้วเห็นเรานั่งอยู่เลยเข้ามาหาแล้วนึกยังไงมากินโรงอาหารคณะพี่ละคะ” พี่คุณพูดไปลูบหัวผมเล่นไปส่วนผมก็นั่งอยู่อย่างงั้นให้พี่คุณลูบเล่นนั่นแหละ
“ยูคชวนแบมมา พี่คุณวันนี้แบมเลิกเรียนไวน้าประมาณบ่ายสองครึ่งก็เลิกแล้วอาจารย์ยกเลิกคราสแหละ” ปกติ วันนี้ผมก็พี่คุณจะเลิกพร้อมกันครับผมไม่เคยเลิกก่อนพี่คุณเลยจะมีแบบที่พี่คุณเลิกเลทบ้างเล็กน้อยแต่ก็ไม่ถึงชั่วโมงมีแต่ผมนี่แหละที่เลิกช้ากว่าจะมีพร้อมกันก็แค่วันนี้ส่วนวันอื่นพี่คุณก็ต้องมานั่งรอผม
“อ่า...แบมจะกลับก่อนมั้ยคะให้คนอื่นไปส่งก่อนมั้ยจะได้ไม่ต้องนั่งรอพี่นานแต่พี่ไม่ให้กลับเองคนเดียวนะมันอันตราย” ถ้าพี่คุณไม่ห้ามก่อนผมคงขอกลับเองแล้วแหละผมแอบเหลือบไปมองพี่มาร์คเล็กน้อยก็ เห็นว่าพี่เขาก็มองมาที่ผมอยู่เหมือนกันแต่พอมองไปข้างๆทีไรก็หงุดหงิดทุกที
“อย่างงั้นแบมก็ต้องรอพี่คุณแล้วแหละเพราะวันนี้ยูคกะยองแจติดธุระ” พี่คุณส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วหันไปมองพวกพี่มาร์คพี่แจ็คสันแล้วก็พี่แจบอมทีละคน
“เดี๋ยวผมไปส่งน้องให้ก็ได้ครับพี่” อยู่ดีๆพี่มาร์คก็อาสาไปส่งผมซะอย่างงั้นผมหันไปมองแบบตรงๆว่าพี่เขาทำหน้าทำตายังไงแต่ก็ยังเฉย ถ้าอาสาส่งๆนี่ผมนั่งรอพี่คุณก็ได้นะ
“เอาสิ ว่าไงเรากลับกับมาร์คได้มั้ยคะ?” ผมได้แต่พยักหน้าเบาๆ
“แต่ถ้าพี่มาร์คลำบากแบมรอพี่คุณเองก็ได้นะ” ผมหันบอกพี่เขาอย่างที่ใจอยากจะบอกพี่เขาอาจจะต้องไปส่งแฟนเขาก็ได้นิ หึ
“พี่เต็มใจมากครับน้องแบม” ครับพี่เต็มใจครับแต่ดูเหมือนพี่สาวข้างๆพี่จะไม่ค่อยเต็มใจนะครับ นี่แบมแบมไม่ได้โม้นะคือพี่สาวข้างๆนั่นมองค้อนผมจนตาจะเหล่อยู่แล้ว
“มาร์คไม่ไปส่งโบมีก่อนหรอคะ” แอบหวังลึกๆว่าพี่มาร์คจะบอกว่าไม่ว่างต้องไปส่งผมนี่ผมเห็นแก่ตัวไปหรือเปล่าครับ?
“เดี๋ยวผมไปส่งโบมีก่อนละกัน” อืม...บางทีผมว่านะผมกลับพร้อมพี่คุณดีกว่าไม่ต้องมาทนอะไรที่มันทำให้ลำบากใจ อึดอัด ตอนนี้ผมยังคงกอดพี่คุณแน่นกระพริบตาถี่ๆเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ผมกระตุกเสื้อพี่คุณเพื่อให้พี่เขาหันมาสนใจผม
“แบมว่าแบมกลับพร้อมพี่คุณดีกว่า เดี๋ยวแบมไปนั่งรอที่ห้องสมุดก็ได้นะ” พี่คุณหันมามองผมแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ทำไมละคะ?” ทำไมผมเหมือนลูกพี่คุณมากกว่าจะเป็นน้องนะ
“แบมพึ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องทำเอารายงานที่ห้องสมุด” ผมหาข้ออ้างแบบเบสิคขึ้นมาให้พี่คุณฟัง พี่คุณเชื่ออยู่แล้วแหละถ้าไม่มีมารตัวไหนมันมาขัด
“รายงานอะไรวะ” ยองแจเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างงงๆ หน้ายองแจมันงงแบบโคตรงงแต่ช่วยไปข้องใจเวลาอื่นไม่ได้ไง๊ ทำไมต้องตอนนี้
“เอ่อ...ก็รายงานไงรายงานน่ะ” รายงานก็คือรายงานปะวะจะถามมากทำไม
“เอางี้ แบมก็กลับกับมาร์คนั่นแหละ เดี๋ยวเรื่องรายงานพี่กลับไปช่วยทำนะคะอย่าดื้อนะเด็กดี” มามุขนี้ก็ไปไหนไม่รอดปะ เด็กดีทีไรนี่เหมือนคำสั่งที่ต้องทำตามอ่ะผมก็ได้แต่พยักหน้าไปนั่นแหละเดี๋ยวพี่คุณโกรธจะงานเข้าซะเปล่าๆ
“ดีมากค่ะ มาให้พี่หอมแก้มทีเดี๋ยวจะไปเรียนแล้ว” ผมยื่นแก้มไปให้พี่คุณหอม นี่ผมมันลูกพี่คุณจริงๆนั่นแหละคือถ้าคนนอกมาเห็นคงคิดว่าเป็นแฟนกันแน่ๆแต่ไม่ใช่ครับ หอมแก้มพี่คุณนี่เบสิคสุดชีพอย่าให้ถึงต้องจุ้บกันกลางโรงอาหารเลยเดี๋ยวเป็นข่าว ส่วนพี่คนอื่นๆก็มองกันตาค้างไม่เว้นแม้แต่พี่มาร์คที่มองแบบผมเดาไม่ได้เลยแต่มันหลุดมาดนิ่งๆของพี่เขาอ่ะ
“ตั้งใจเรียนนะคะแบม ตอนเย็นเจอกันที่บ้าน” พูดเสร็จก็ขยี้ผมทีหนึ่งแล้วก็เดินจากไปแบบหล่อๆไม่ได้สนใจน้องนุ้งที่นั่งทำปากเบะอยู่ตรงนี้เลย
“แบมอิ่มยังจะได้ไปเรียน” ยูคพูดขึ้นมาถามทำลายความเงียบ จริงๆผมก็กินอะไรไม่ลงหรอกก็ดูพี่มาร์คกับคุณพี่โบมีสินี่ถ้าสิงร่างกันได้คงทำไปแล้วแหละ
“มาร์คคะ เย็นนี้ก่อนกลับพาโบมีไปเดินห้างก่อนสิคะ” ผมเงยหน้าขึ้นมามองพี่โบมีที่ส่งยิ้มหวานมาให้ผม มันเป็นรอยยิ้มที่โคตรจะจอมปลอม เหอะ ลืมไปหรือเปล่าครับคุณพี่ว่าต้องไปส่งเด็กตาดำๆที่นั่งอยู่ตรงนี้น่ะ มีความเกรงใจกันบ้างเหอะนะ
“แล้วแต่โบมีเลยครับ” โอเค ก็แค่คนอาศัยกลับไม่มีสิทธิเถียง ผมหันไปมองยองแจที่มองผมอยู่ก่อนแล้วก็รีบหลบสายตาคือถ้าอยู่นานกว่านี้ผมคงได้เป่าปี่แน่ๆ
“กลับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแล้วรีบเอาจานไปเก็บตรงครัวทันทีแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะที่พี่มาร์คนั่งอยู่ไม่ได้อยากจะอาลัยอาวรณ์อะไรหรอกครับก็แค่มาลาเป็นมารยาทที่ควรทำ
“ผมกลับก่อนนะครับ” ผมโค้งให้นิดๆ แต่ยังไม่ทันจะได้เดินออกไปเสียงหวานๆของรุ่นพี่โบมีก็ดักขึ้นมาซะก่อน
“จะกลับแล้วหรอคะน้องแบม พี่ทำอะไรให้เราไม่พอใจหรือเปล่า ขอโทษน้า” นี่ถ้าไม่เห็นเป็นรุ่นพี่หรือเป็นผู้หญิงผมคงเอารองเท้ายัดปากใส่แล้วแหละ ปกติผมเป็นคนใจเย็นนะแต่กับคนนี้ผมรู้สึกอารมณ์ผมจะขึ้นได้ตลอดเวลา แค่เห็นหน้าก็อยากจะ... ช่างมันเถอะ
“อย่างที่เห็นน่ะครับ อ้อ...ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นเรียกแบมแบมเถอะครับ แบมน่ะไว้สำหรับคนที่สนิท ลาก่อนครับ” ลาแล้วลาลับแล้วเย็นนี้คงเจอกัน ถุ้ยย ผมกะจะค่อยๆเดินออกแบบหล่อๆสักหน่อยแต่โดนยูคเกี่ยวคอ...เอ่อล็อคคอจะดีกว่านะนั่นแหละ ล็อคคอแล้วฉุดออกจากโรงอาหารฟังไม่ผิดหรอกครับ ฉุดเลยแหละคอนี่แทบจะหัก
“ให้ตายเหอะ หมั่นไส้ยัยโบมงโบมีอะไรนั่นชิบหาย มาร์คคะมาร์คขรา” เมื่อถึงรถยองแจก็บ่นขึ้นมาทันทีแถมยังจีบปากจีบคอจนหน้าหมั่นไส้ พูดแล้วขึ้นเลยแต่ไม่อยากจะแสดงออกอะไรมากหรอกครับเพราะเดี๋ยวยูคมันรู้
“ช่างเขาเถอะ” ผมพูดขึ้นแบบขอไปที
“ไม่ช่างเว่ย แต่สะใจชะมัด แบมน่ะไว้สำหรับคนที่สนิท โหยยยหน้ายัยป้านั่นนะเหวอเลยให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร” เออแล้วใครเป็นใครละ ตอนนั้นอารมณ์มันพาไปไม่เดินเข้าไปด่าตรงๆก็บุญแค่ไหนแล้ว
“ทำไมเขาทำท่าเหมือนไม่ชอบแบมละ” ยูคหันมาถามผมแล้วก็เบนสายตากลับไปมองถนนต่อ
“แบมจะไปรู้มั้ยละ” อย่าว่าผมว่ากวนตีนเลยนะ นี่ไม่รู้จริงๆอ่ะ โทษๆ
“กลัวแบมมันจะไปเอาเป้าหมายของยัยนั่นน่ะสิ” ผมหันไปปรามยองแจที่นั่งจีบปากจีบคออยู่ข้างหลัง
“หือ เป้าหมาย พี่มาร์คน่ะหรอ” ยองแจกรอกตาไปมาแถมทึ้งหัวตัวเองที่มีเพื่อนซื่อไม่พอยังบื้ออีกต่างหาก
“เห็นยัยนั่นนั่งแซะใครบ้างล่ะ ก็มีอยู่คนเดียวแหละ” ยูคทำหน้านิ่งคิ้วขมวดเหมือนยังสงสัยอะไรบางอย่างแต่คิดหรอว่าจะได้ถาม ถึงคณะปุ้บผมก็ลงจากรถยูคทันทีคุยอะไรกันนิดหน่อยก็แยกออกมาเพราะว่าเราเรียนคนละเซคกัน ยูคต้องไปเรียนอีกที่หนึ่งและผมกับยองแจต้องไปเรียนอีกที่หนึ่ง ตลอดช่วงบ่ายมานี้ผมเรียนแทบไม่รู้เรื่องเลยผมอยากจะให้ยูคหรือไม่ก็ยองแจไม่ส่งผมแทนหรือไม่ผมก็ควรหนีกลับไปก่อนถึงจะโดนพี่คุณบ่นนิดๆหน่อยๆแต่ก็ยังดีกว่าไปนั่งเป็นก้างให้ตัวเองเจ็บป่ะ หรือว่ายังไงนี่ผมเครียดยิ่งกว่าสอบไฟนอลที่จะถึงอีกนะ
เมื่อตอนกลางวันมันพิสูจน์ให้ผมเห็นว่าพี่มาร์คไม่ได้แคร์ความรู้สึกผมเลยสักนิด หรือผมจะแอบส่งข้อความหาพี่แจ็คสันหรือไม่ก็พี่เจบีให้มารับแทนดีละ แต่เขาก็เพื่อนกันมีอะไรคงต้องบอกกันอยู่แล้วงั้นแผนการนี้ตัดทิ้งไปได้เลย คนอย่างพี่มาร์คคงไม่มารับผมตรงเวลาหรอกคงต้องไปรอรุ่นพี่โบมีก่อนถึงจะมารับผมงั้นผมว่าผมควรจะรีบชิ่งไปขึ้นรถแท็กซี่กลับเองดีกว่า
พอหมดคาบผมก็รีบเก็บกวาดของทั้งหมดลงกระเป๋าอย่างลวกๆแล้วรีบลากยองแจออกมาทันทีแต่ดูเหมือนพระเจ้าจะไม่เข้าข้างผมสักเท่าไหร่เพราะตอนนี้พี่มาร์คนั่งรอผมอยู่ที่หน้าห้องเลยพร้อมกับพี่โบมีที่ส่งยิ้มเหยียดๆมาทางผม ยองแจหันมามองผมแล้วก็ยกนาฬิกาขึ้นมาดู
“กลับไปเหอะยองแจ แบมอยู่ได้” ยองแจหันมาถามผมทางสายตาว่าได้แน่นะผมก็พยักหน้าตอบแล้วโบกมือบ้ายบายก่อนที่ยองแจจะเดินออกไป
“เมื่อกี้ทำท่าจะรีบไปไหนหรอคะน้องแบมแบม” รุ่นพี่โบมีกระแทกเสียงเน้นย้ำตรงชื่อของผม เหอะ ส่วนพี่มาร์คก็ยังนั่งมองผมนิ่งๆเหมือนที่ชอบทำนั่นแหละ
“ผมคงไม่จำเป็นต้องตอบรุ่นพี่มั้งครับ” ให้แปลเป็นภาษาคนแบบสั้นๆก็คืออย่า ส ใส่เกือกนั่นแหละครับ
พี่มาร์คมองผมแบบดุๆที่ผมไปพูดอย่างงั้นใส่รุ่นพี่โบมี นี่ก็อวยกันจังนะครับแหม
“แบมตอบโบมีเขาดีๆสิ” ทำไมต้องตอบดีๆด้วยวะ ทำไมต้องเข้าข้างกันด้วยวะนี่ยังเห็นหัวแบมอยู่บ้างปะวะไอ้พี่มาร์ค ไม่ใช่ว่าชอบแล้วจะมาดุมาด่ามาว่าอะไรก็ได้นะเห็นใจกันบ้างดิแค่รักข้างเดียวนี่มันก็เจ็บจะตายห่าแล้วยังจะมาเข้าข้างคนอื่นให้เห็นอีกหรอ
“จะกลับหรือยังครับ” ผมกระแทกเสียงใส่แล้วทำเป็นหูทวนลมที่พี่มาร์คพูด
“เดี๋ยวพี่ต้องพาโบมีไปห้างก่อนแล้วถึงจะไปส่งเรานะ” เออ รู้แล้ว ผมก็แค่พยักหน้าส่งๆไปให้แล้วทำท่าจะเดินลงไปข้างล่างแต่ว่ามีข้อความเข้ามาก่อน เรียกล้าสมัยไปปะเนี่ย เอาเป็นว่าไลน์เข้านั่นแหละ
Jackson
น้องแบมกลับหรือยังเอ่ยยยยยยยยย?
ผมตอบพี่แจ็คสันไปพลางเดินลงบรรไดไป
BamBam
ยังหรอกฮะ เดี๋ยวพี่มาร์คต้องพาพี่โบมีไปห้างก่อน
Jackson
เอาจริงดิ ห้างไหนให้พี่ไปอยู่เป็นเพื่อนมั้ย?
BamBam
จะดีหรอครับ?
ยังจะตอบไปเหลือเกินว่าถ้าได้ก็ดี ตอนนี้ผมเข้ามานั่งอยู่ในรถของคนใจร้ายแล้วแหละครับแต่ผมก็ทำเป็นไมสนใจไม่พูดไม่คุยไม่หือไม่อืออะไรกับพี่เขาทั้งนั้นแหละ พี่เขาพูดอะไรมาผมก็แค่เหลือบตาขึ้นไปมองแล้วก้มหน้าคุยกับพี่แจ็คสันต่อ
Jackson
ดีครับ มีอะไรเดี๋ยวพี่โทรหานะขับรถก่อน
แล้วบทสนทนาของผมกับพี่แจ็คสันก็จบลงแค่นั้นนี่ผมต้องหวังพึ่งพี่เขาแล้วแหละ ตอนนี้พี่มาร์คเอามือซ้ายวางไว้ที่หน้าขาเพราะมันติดไฟแดงอยู่เมื่อรุ่นพี่โบมีเห็นก็เข้าไปกุมมือของพี่มาร์คไว้ทันทีแถมยังทำท่าอ้อนออเซาะจนหน้าหมั่นไส้ซะไม่มีอ่ะ ผมละจากภาพตรงหน้าแล้วหันออกไปมองข้างนอกแทนความรู้สึกตอนนี้ของผมมันแย่ลงเรื่อยๆ ยิ่งมาเห็นอะไรแบบนี้มันก็ปวดที่ใจนะครับเหมือนโดนตอกย้ำว่าไม่มีสิทธิอะไรในตัวพี่มาร์คเลยแถมยังไม่มีหวังอีกต่างหาก บางทีมันก็ถึงเวลาที่ผมต้องตัดใจแล้วจริงๆสักที
ผ่านไปสักพักผมก็มาถึงห้างด้วยความไม่เต็มใจได้แต่เดินตามคู่รักพี่มาร์คกับรุ่นพี่โบมีอยู่ต้อยๆ ออร่าสีชมพูนี่ขยายใหญ่ขึ้นจนผมรู้สึกอึดอัด ตลอดทางรุ่นพี่โบมีก็คล้องแขนพี่มาร์คไว้ตลอดราวกับกลัวว่าพี่มาร์คจะหนีหายไปซะอย่างงั้นวันหลังก็ล่ามโซ่ไว้เลยสิ พี่มาร์คก็ทำหน้าที่สุภาพบุรุษได้ดีนะคอยเดินถือนู่นหิ้วนี่ให้ไม่สนใจผมแม้แต่น้อย ก็ดีนะครับรู้สึกดีจริงๆ
ครืดดด
Jackson
อ่า ดีนะครับที่ตั้งระบบสั่นเอาไว้ ผมกดรับแล้วรอปลายสายพูดขึ้นมาผมยังไม่อยากให้ใครได้ยินว่าผมคุยโทรศัพท์อยู่
“อยู่ไหนแบม พี่รออยู่ที่ทางเข้านะ” ผมตอบงืมงัมไปแล้วก็วางสาย ส่วนคู่หน้าก็ไม่ได้สนใจผมหรอกครับยังคงเดินพูดนู่นคุยนี่เดินเข้าเดินออกร้านเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าเป็นว่าเล่นผมก็ค่อยๆชะลอฝีเท้าแล้วหยุดลง ผมแค่อยากลองดูว่าพี่มาร์คเขาจะหันมาสนใจผมบ้างมั้ยถ้าผมหายแล้วเดินจากตรงนี้ไปพี่เขาจะตามหาผมหรือเปล่า ผมยืนรอประมาณสองสามนาทีเห็นจะได้จนร่างของทั้งสองคนหายไป
เขาไม่สำคัญพอที่พี่มาร์คจะหันมาหาไม่แม้สักนิดผมค่อยๆหมุนตัวเดินกลับไปทางเดิมอย่างช้าๆพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาแทบจะทันที ผมยอมแพ้แล้วแหละกับการวิ่งไล่ตามใครบางคนยิ่งผมตามเท่าไหร่ใครคนนั้นก็ห่างออกไปทุกทีมันถึงเวลาที่ผมต้องหยุดแล้วก็เดินถอยหลังออกมาสักที ผมเดินลงบรรไดเลื่อนมาเรื่อยๆจนถึงทางเข้าห้างที่พี่แจ็คสันบอก
“น้องแบม!!” พี่แจ็คสันที่เห็นผมแล้วก็วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจ ผมพยายามยิ้มให้ทั้งๆที่น้ำตายังคงนองหน้าอยู่ผมพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาแต่มันก็ทำไม่ได้ ตอนนี้ผมต้องการที่พึ่งจริงๆต้องขอบคุณพี่แจ็คสันนะที่คอยอยู่ข้างๆผม
“ใครทำอะไรเราทำไมร้องไห้แบบนี้ บอกพี่มาพี่จะไปจัดการมันแล้วไอ้มาร์คละมันอยู่ไหน” ผมส่ายหน้าแล้วโผเข้ากอดพี่แจ็คสันเหมือนเด็กๆเวลาต้องการที่พึ่ง ผมปล่อยโฮออกโดยไม่อายสายตาคนอื่นๆเลยสักนิด มือหนาของพี่แจ็คสันยกขึ้นมาลูบหัวผมแล้วโยกตัวไปมา
“ฮึกก ฮืออ”
“น้องแบม ไม่ร้องนะคนดี กลับกันดีกว่าเนอะเดี๋ยวพี่ไปส่งเราที่บ้านเอง” ผมพยักหน้าทั้งๆที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของพี่แจ็คสันพี่เขาค่อยๆประคองผมออกมาแล้วเดินไปที่รถของพี่แจ็คสัน ผมกำโทรศัพท์ไว้แน่น ลึกๆผมยังหวังว่าพี่เขาจะโทรมาตามผม แต่มันเงียบไม่มีสายเข้าไม่มีข้อความไม่มีอะไรเลยที่เกี่ยวกับพี่มาร์ค
มันไม่มีเลย...
“แบมยังไม่อยากกลับบ้านเลยพี่แจ็คสัน” เมื่อขึ้นรถมาแล้วผมก็หันหน้าไปหาพี่แจ็คสันแล้วเม้นปากเป็นเส้นตรงอย่างประหม่า กลัวถูกพี่แจ็คสันดุ ผมร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตาแล้ว
“แล้วอยากไปไหนล่ะ โทรหาพี่ชายเราก่อนดีมั้ย” มือหนายกมือขึ้นลูบผมของผมเบาๆ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาพี่คุณรอสักพักพี่คุณถึงรับโทรศัพท์ของผม
“ว่าไงคะแบม ถึงบ้านแล้วหรอ” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรพี่คุณก็ถามแทรกขึ้นมาซะก่อน
“พี่คุณ น้องแบมขอไปนอนบ้านเพื่อนสักวันสองวันได้เปล่า” ผมถามพลางเหลือบไปมองพี่แจ็คสันที่ขมวดคิ้วจนเป็นปมพี่เขาคงแอบอึดอัดละมั้งที่ต้องมานั่งอยู่กับผมแค่สองคนทั้งๆที่ปกติจะอยู่ด้วยกันเป็นฝูง แถมสถานการณ์ตอนนี้มันค่อนข้างจะย่ำแย่ ระหว่างรอคำตอบผมก็ยื่นมือไปกดตรงระหว่างคิ้วของพี่แจ็คสันเพื่อให้คลายออกพี่เขาดูตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไรออกมา ผมชอบทำอย่างงี้เวลาที่พี่คุณเครียดๆ
“บ้านใครคะ ถ้าพี่ไม่รู้จักพี่ไม่ให้ไปนะคะแบม” ถ้าผมอ้างยูคยอมคงไม่ดีแน่เพราะยูคมันไม่รู้เรื่องที่ผมแอบชอบพี่มาร์ค ที่พึงสุดท้ายคือยองแจ
“แบมนอนบ้านยองแจ นะพี่คุณน้า แค่วันสองวันเองพี่คุณมาหาแบมที่คณะก็ได้นิ” ผมเริ่มออดอ้อนยังไงพี่คุณก็ต้องยอมอยู่แล้วแหละ
“ก็ได้ค่ะ แต่ก่อนนอนแบมต้องโทรมาหาพี่ก่อนนะคะ โอเคมั้ย แล้วอย่าดื้ออย่าซนล่ะ” เมื่อจบประโยคน้ำตาก็คลอเบ้าทันที แทนที่ผมจะกลับบ้านไปหาพี่คุณไปกอดไปหอมพี่คุณแต่ผมทำอย่างงั้นไม่ได้ถึงอยากทำอย่างงั้นใจจะขาด ผมไม่อยากให้พี่คุณเป็นห่วงผมมากไปกว่านี้ยิ่งช่วงนี้งานพี่คุณยิ่งเยอะผมก็ยิ่งไม่อยากจะหาเรื่องให้พี่เขาเครียดอีก
“อื้อ แบมจะไม่ดื้อไม่ซนแล้วคืนนี้แบมจะโทรหานะ...พี่คุณ...”
“ว่าไงคะเด็กดีของพี่ จะอ้อนเอาอะไรหรือเปล่า” ผมจะหาเรื่องปวดหัวไปให้พี่ชายที่แสนดีของผมได้ยังไงกันละ ขอเวลาแบมแค่วันสองวันเท่านั้นแหละนะพี่คุณแบมจะกลับไปสดใสเหมือนเดิมให้พี่คุณได้เห็น
“อย่าบอกใครนะฮะว่าแบมอยู่บ้านยองแจ พอดีแบมต้องทำรายงานวิชาหลักไม่อยากให้ใครมารบกวนเดี๋ยวงานแบมเสร็จช้า” ไม่ได้อยากจะโกหกแต่จำเป็น...
“ได้สิคะ ตั้งใจทำงานนะคะตัวเล็กของพี่” ผมเม้มปากไม่ให้สะอื้นออกมา พี่แจ็คสันก็เขยิบเข้ามากอดไหล่ผมไว้แล้วโยกไปมาอย่างปลอบประโลมผมเงยหน้ามองพี่แจ็คสันนิดหนึ่งแล้วส่งยิ้มไปให้ทั้งน้ำตาพี่เขาก็ยื่นมืออีกข้างมาเช็ดน้ำตาผมออกแต่มันก็ไหลลงมาที่เดิมไม่ขาดสาย
“แบมรักพี่คุณนะฮะ” ทุกครั้งก่อนวางสายผมจะบอกรักพี่คุณก่อนทุกครั้งแล้วพี่คุณก็จะบอกรักผมกลับแล้ววางสายไปครั้งนี้ก็เหมือนกันพอวางสายจากพี่คุณแล้วผมก็โผเข้ากอดพี่แจ็คสันเป็นรอบที่สองผมมันอ่อนแอเกินไปหรือเปล่า พี่แจ็คสันก็กอดตอบผมและยังคงลูบหัวผมเหมือนที่ชอบทำผมสะอื้นหนักกว่าเดิมยิ่งพี่แจ็คสันคอยปลอบผมผมก็ยิ่งร้องไห้ผมก็ยิ่งระบายมันออกมา
“ไม่ร้องนะครับเด็กดี ชู่วว ตาบวมหมดแล้วนะครับ” ผมพยักหน้ารัวๆทั้งๆที่น้ำตายังคงนองหน้าอยู่
“ผมขอไปนอนบ้านพี่แจ็คสันนะครับ” ผมเงยหน้าจากอ้อมแขนพี่แจ็คสันแล้วถามอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ได้สิครับ แต่น้องแบมต้องไปเตี๊ยมกับยองแจก่อนนะเดี๋ยวความแตกเอา” ผมพยักหน้าแล้วกดโทรออกไปหายองแจ รอเพียงไม่นานยองแจก็รับสายเขาสงสัยคงกำลังเล่นมือถืออยู่
“ไงเตี้ย ถึงบ้านแบบปลอดภัยครบสามสิบสองประการมะ”
“แบมบอกพี่คุณไปว่าตอนนี้แบมอยู่บ้านยองแจ” ผมไม่ตอบคำถามยองแจ
“ห้ะ อะไรวะจะมาบ้านฉันอ่อ ตอนไหนตอนเนี้ยเดี๋ยวเตรียมห้องให้”
“เปล่า แค่บอกไว้เฉยๆถ้าพี่คุณโทรมาก็บอกว่าฉันอยู่กับยองแจนั่นแหละ”
“มีเรื่องอะไรปิดบังฉันหรือเปล่าแบม”
“พรุ่งนี้จะเล่าให้ฟัง แล้วไม่ต้องเป็นห่วงนะฉัน...สบายดี” ยองแจแค่เออๆออๆไปอย่างมึนๆแต่ก็ไม่ได้ซักไซร้อะไรผมต่อเพราะถ้าผมบอกว่าจะเล่าให้ฟังก็คือเล่าไม่เปลี่ยนเรื่องอยู่แล้ว เมื่อวางสายจากยองแจพี่แจ็คสันก็สตาร์ทรถออกไปจากลานจอดรถของห้างแล้วขับกลับไปที่บ้านของพี่เขา ผมไม่เคยไปบ้านของพี่แจ็คสันหรอกครับส่วนมากมีอะไรพวกพี่เขาจะมาที่บ้านผมมากกว่าที่ผมเลือกจะไปบ้านพี่แจ็คสันเพราะพี่มาร์คคงนึกไม่ถึงคนเราจะไม่รู้สึกผิดเลยหรอที่ทำน้องคนอื่นหายไปกลางห้าง มันก็ต้องออกตามหาแล้วตามมาดุด่าผมเหมือนที่ชอบทำนั่นแหละและถ้าเลือกจะตามหาคงเลือกไปบ้านยองแจที่แรกแน่นอนเพราะผมกับยองแจสนิทกันมาก แต่พี่เขาคงไม่กล้าโทรหาพี่คุณหรอกว่าทำผมหายแล้วหาไม่เจอไอ้ยองแจคงช่วยอะไรผมได้บ้างถ้ามีอะไรมันคงโทรมาบอก
หรือบางทีพี่เขาคงเข้าใจว่าผมกลับบ้านเองไปแล้วและไม่ตามหาแต่มันก็ต้องเซฟไว้พี่แจ็คสันคือคนที่พี่มาร์คนึกไม่ถึงอยู่แล้วเพราะผมไม่อยากจะเจอพี่เขาในตอนนี้ ผมยังไม่ได้เล่าเรื่องพี่มาร์คให้พี่แจ็คสันฟังแต่ผมว่าผมคงต้องเล่ามานอนบ้านคนอื่นแล้วไม่บอกอะไรเขาสักอย่างมันคงดูไม่ดีใช่มั้ยครับ ผมก็คิดว่างั้นคงจะคืนนี้แหละครับผมจะเล่าทุกอย่างให้พี่แจ็คสันฟัง
ผมเหม่อออกนอกหน้าต่างรถแล้วพิงที่บานหน้าต่างด้วยความเหนื่อยล้า มองสภาพหน้าตัวเองที่สะท้อนกระจกรถแล้วก็อดตกใจไม่ได้ ตาบวมจมูกแดงก่ำ สภาพคือดูไม่ได้เลยสักนิดแต่ผมก็เลือกที่จะมองข้ามมันไปผมเหนื่อยเกินกว่าจะมานั่งดูตัวเองแล้วเศร้า ผมอยากพักแต่ไม่ทันได้งีบหลับก็ถึงบ้านของพี่แจ็คสันซะก่อน ผมเดินลงมาจากรถแล้วก็ยืนอยู่ข้างรถของพี่แจ็คสันนั่นแหละครับไม่กล้าเดินเข้าไป
“เข้ามาเถอะ พี่อยู่คนเดียวป๋ากับม๊าไปประชุมที่ต่างประเทศ” พี่แจ็คสันหันหลังกลับมาแล้วจูงมือผมเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่ดูเงียบสนิทแต่ไม่ทันไรก็มีสาวใช้พุ่งเข้ามาแล้วเอาน้ำเย็นให้พี่แจ็คสันดื่ม พอพี่เขาเห็นผมก็ตกใจแล้วเดินกลับเข้าไปน่าจะในครัวไม่นานพี่สาวใช้ก็เอาน้ำเย็นมาให้ผมอีกแก้วหนึ่งผมก็รับมาอย่างงงๆ
“หิวอะไรมั้ยเดี๋ยวพี่ให้คนครัวทำกับข้าวให้” พี่แจ็คสันยังกุมมือผมอยู่แล้วหันมาถาม ผมก็ส่ายหน้าไปแทนคำตอบพี่เขาก็ยิ้มให้ผมเล็กน้อยแล้วจูงมือผมขึ้นไปบนบ้านก่อนจะขึ้นพี่เขาหันไปสั่งสาวใช้ว่าห้ามขึ้นมายุ่งข้างบนบ้านเด็ดขาดมีอะไรจะเรียกเอง
พี่แจ็คสันเปิดประตูห้องริมซ้ายสุดเข้าไปและผมก็เดินตามเข้าไปติดๆ ห้องพี่เขาเป็นโทรขาวดำแต่พอมองแล้วกลับดูปลอดโปร่งไม่น่าอึดอัดและไม่มืดสักนิด มันเหมือนแค่เอาสีดำมาตัดไว้นิดๆเท่านั้นเพราะส่วนมากจะเป็นสีขาว คงจะมีแต่เตียงกับโต๊ะทำงานละมั้งที่เป็นสีดำซะส่วนใหญ่แล้วมีสีขาวแซมนิดๆ ห้องพี่แจ็คสันค่อนข้างโล่งแล้วก็เรียบร้อยซึ่งดูแอบขัดกับนิสัยของพี่เขานิดหนึ่ง พี่แจ็คสันดึงมือผมให้ไปนั่งตรงโซฟาที่อยู่เกือบๆจะกลางห้องแล้วพี่เขาก็นั่งข้างๆ
“มีอะไรจะเล่าให้พี่ฟังมั้ย” ผมพยักหน้าเบาๆแล้วเริ่มเล่าตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมเจอพี่มาร์คว่ารู้สึกยังไงจนถึงปัจจุบันก็คือวันนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้าง ผมก็เล่าไปร้องไห้ไปเหมือนก๊อกแตกแบบหยุดไม่อยู่ส่วนพี่แจ็คสันได้ฟังก็ยกมือขึ้นมากอดผมไว้พอผมเล่าจบพี่แจ็คสันก็โวยวายออกมาทันทีจนผมตกใจ
“ไอ้เชี้ยมาร์คมันทำอย่างงี้ได้ไงวะ ทั้งๆที่มันก็....!!!” มองเงยหน้าขึ้นมามองงพี่แจ็คสันที่ไม่ยอมพูดให้จบประโยคแต่ผมก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรเพราะความรู้สึกแย่ของวันนี้มันมีมากกว่าจนพูดอะไรไม่ออก
“ไอ้เลวเอ้ย!! อยากจะกระทืบมันให้จมดินจริงๆ ถ้าไม่เห็นว่ามันเป็นเพื่อนพี่กระทืบมันแน่ๆ”
“ช่างมันเถอะครับ แบมผิดเองที่ไปชอบพี่มาร์ค ต่อไปนี้แบมจะตัดใจแล้วครับให้เรื่องวันนี้มันผ่านไปเถอะนะครับพี่แจ็คสัน” ผมขอร้องพี่แจ็คสันไม่ให้ไปด่าหรือกระทืบพี่มาร์คตามที่พี่เขาพูดไว้
“พี่ไม่รับปากนะแบม...อยู่ในห้องก่อนนะเดี๋ยวพี่มา” พูดจบพี่แจ็คสันก็เดินลิ่วๆออกจากห้องไป ดูจากแววตาพี่แจ็คสันมันน่ากลัวมากผมไม่เคยเห็นพี่เขาโมโหหรือพูดคำหยาบแรงๆอย่างงี้มาก่อน อาจจะมาล้อเล่นกับเพื่อนบ้างแต่ก็ไม่ได้จริงจังแต่ครั้งนี้พี่แจ็คสันกลับใส่อารมณ์เต็มที่แถมยังกำหมัดแน่นจนผมกังวล
ผมคิดถูกหรือคิดผิดที่เล่าเรื่องนี้ให้พี่แจ็คสันฟัง...?
ผ่านไปประมาณสักยี่สิบนาทีได้พี่แจ็คสันก็กลับเข้ามาที่ห้องด้วยสีหน้าที่ดีกว่าเดิมนิดหน่อย นิดหน่อยจริงๆนะพี่เขายังคงอารมณ์ไม่ดีอยู่ผมไม่กล้าจะพูดอะไรออกไปหรอกแต่เป็นพี่เขาที่อยู่ดีๆก็คุกเข่านั่งตรงหน้าแล้วดึงผมเข้าไปกอด ผมก็ทำอะไรไม่ถูกด้วยความที่ตกใจก็ผลักคนตรงหน้าออกแต่พี่เขารัดอ้อมแขนแน่นขึ้นผมจึงปล่อยแล้วกอดตอบ พี่เขากอดผมแน่นจนผมรู้สึกว่าผมจะจมลงไปกับอ้อมกอดของคนตรงหน้านี้มันอบอุ่นแต่มันกลับดูเหงาหงอยแปลกๆ ผมไม่กล้าถามว่าพี่เขาเป็นอะไร
“ขอบคุณนะแบมที่เวลาแบมเสียใจแบมเลือกที่จะโผเข้าอ้อมกอดของพี่...แต่พี่ก็อยากเห็นแบมยิ้มมากกว่านะ สัญญาได้มั้ยว่าต่อไปนี้แบมจะไม่ร้องไห้อีกหรือไม่งั้นถ้าแบมอยากจะร้องไห้พี่อยากให้แบมนึกถึงพี่เป็นคนแรกนะพี่พร้อมที่จะเช็ดน้ำตาแล้วปลอบเราให้หายเศร้า อาจจะฟังดูเห็นแก่ตัว แต่สัญญากับพี่ชายคนนี้ได้มั้ยคนดี” ผมไม่รู้ว่าพี่แจ็คสันต้องการจะสื่ออะไรออกมา แต่ผมก็พยักหน้ารับแล้วกอดพี่เขาแน่นขึ้นความรู้สึกของผมตอนนี้มันหน่วงไปหมดผมรู้แค่คนตรงหน้าผมตรงนี้กำลังอ่อนแอเหมือนที่ผมเป็นอยู่
“สัญญาแล้วอย่าคิดสัญญานะครับ” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูผมเหมือนยังต้องการความแน่ใจจากผมอยู่
“ครับ แบมสัญญา” พี่แจ็คสันไม่ได้ตอบหรือพูดอะไรพี่เขาเพียงกอดผมไว้เหมือนเดิมเหมือนกับกลัวว่าผมจะหายไปจากตรงนี้ แต่ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาจากหน้าห้องผมคลายอ้อมกอดแล้วขมวดคิ้วจนเป็นปม พี่แจ็คสันเพียงแค่ยิ้มบางๆแต่มันเป็นรอยยิ้มที่ดูฝืนมากสำหรับผมก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาแล้วจูบผมอย่างรวดเร็วเป็นเพียงสัมผัสภาพนอกไม่มีรุกล้ำแล้วผละออก ผมเงยหน้ามองพี่แจ็คสันด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยคำถามพี่เขาแค่ยิ้มแล้วเดินออกไป ผมเม้มปากเข้าหากันทันทีที่เห็นว่าใครเดินเข้ามาหลังจากพี่แจ็คสันออกไปแล้วผมเด้งตัวขึ้นจากโซฟาแล้วเดินถอยหลังทันทีที่อีกคนเดินเข้ามา
“แบมอย่าหนีพี่ไปอีก...”
พี่มาร์ค...คนตรงหน้าของเขาคือพี่มาร์คผมมองพี่เขาอย่างไม่เข้าใจและผมก็ไม่เข้าใจพี่แจ็คสันเหมือนกันว่าทำไมถึงให้พี่มาร์คเข้ามาทั้งๆที่ผมก็อยู่ในห้องแค่เห็นหน้าพี่เขาผมก็รู้สึกน้ำตาผมมันจะไหลลงมาอีกแล้วแต่อยู่ๆคำของพี่แจ็คสันก็ก้องเข้ามาในหัว...
ถ้าแบมอยากจะร้องไห้พี่อยากให้แบมนึกถึงพี่เป็นคนแรกนะ
ผมกระพริบตาถี่ๆเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลลงมา
“พี่มาร์คอย่าเข้ามาใกล้แบม” ผมพยายามบังคับตัวเองไม่ให้เสียงสั่น
“แบมพี่ขอโทษ พี่แค่อยากทำอะไรให้มันแน่ใจแต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้” ผมส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อคำพูดของพี่เขา
“พี่ตามหาเราแทบแย่ อยู่ดีๆเบอร์โทรศัพท์ของแบมก็หายไปทุกอย่างที่เกี่ยวกับแบมหายไปหมดยิ่งตอนนั้นแบมหายไป...รู้มั้ยพี่รู้สึกยังไง” พี่มาร์คก้าวพรวดเดียวเข้ามาหาผมที่ยืนอยู่ติดกับผนังเพราะผมถอยไปไม่ได้อีกแล้ว พี่มาร์คดึงตัวผมเข้าไปกอดแน่นจนผมหายใจไม่ออก
“มันเหมือนโลกทั้งใบของพี่หยุดหมุนเลยนะแบม พี่ขอโทษยกโทษให้พี่นะครับคนดี พี่แค่อยากจะรู้ว่าเวลาที่เราเห็นพี่กับโบมีอยู่ด้วยกันแบมจะหึงพี่หรือเปล่าจะแสดงออกอะไรให้พี่เห็นหรือเปล่า ตอนนี้พี่รู้แล้วนะ พี่ขอโทษนะครับที่เล่นอะไรไม่ดูเลยทำให้เราต้องร้องไห้ต้องเสียใจกับการกระทำของพี่” ผมพยายามผลักคนตรงหน้าออกไปสุดแรงแต่ว่าพี่เขาไม่ขยับเลยสักนิดผมสู้แรงพี่มาร์คไม่ได้
“พี่ไม่ได้คิดอะไรกับโบมีเลยนะแบม ตั้งแต่วินาทีแรกที่พี่หันหลังกลับไปแล้วไม่เจอเราพี่แทบจะคลั่งยิ่งพอเปิดโทรศัพท์แล้วเบอร์เราหายพี่ยิ่งทำอะไรไม่ถูก พี่พยายามคิดว่าเราอาจจะแค่ไปเดินเล่นแล้วคงกลับมาแต่พี่คิดผิดเราหายไปเลย พี่จะต่อสายหาพี่คุณแต่ก็ไม่กล้าพี่มันขี้ขลาดแถมยังสารเลวที่ทำให้แบมต้องเป็นแบบนี้ พี่พยามตามหาเราทั้งในห้างแล้วก็นอกห้าง โทรไปหายองแจก็ได้ความว่าเราไปอยู่ที่นั่นพี่ก็รีบขับไปหาทันทีแต่พอบุกเข้าไปในบ้านกลับไม่เจอเราเลย รู้มั้ยตอนนั้นความรู้สึกพี่มันดิ่งลงไปแค่ไหน” ผมเงียบแล้วฟังคำพี่มาร์ค ผมพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาซึ่งต่างจากคนที่กอดผมอยู่...
พี่มาร์คร้องไห้
“พี่ไม่ทันคิดว่าการที่พี่ทำอย่างงั้นมันจะ ฮึก! ทำให้แบมรู้สึกแย่กับพี่ขนาดนี้ พี่แค่อยากมั่นใจว่าเราก็รู้สึกเหมือนกับที่พี่รู้สึกกับเรา” พี่มาร์คยังคงทำเสียงหนักแน่นแต่พี่เขากลับสะอื้นจนตัวโยน ผมจะเชื่อคำพูดของพี่มาร์คได้แค่ไหนกัน
“พี่รักแบมนะ แบมดึงดูดสายตาของพี่ตั้งแต่ครั้งแรกที่ก้าวเข้ามาในโรงอาหารแต่พี่ไม่รู้หรอกว่ารู้สึกรักเราตอนไหน พี่รู้แค่ว่าทุกๆวันพี่หวังให้เรามาที่โรงอาหารวิศวะทุกวัน เวลาเจอกันพี่ก็ไม่สามารถละสายตาจากเราไปได้เลย ยิ่งได้รู้จักพี่ยิ่งชอบยิ่งรักเรามากกว่าเดิม แค่ไม่เห็นหน้าเพียงแค่วันสองวันพี่ก็รู้สึกเหมือนจะลงแดงตาย พี่ต้องหาเรื่องไปบ้านพี่คุณแทบทุกอาทิตย์ ยิ่งช่วงสอบพี่ยิ่งหาเรื่องไปติวที่บ้านของพี่คุณทั้งๆที่พี่เองไม่ชอบมานั่งติวรวมกับใคร พี่ไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับพี่แต่เพราะพี่อยากเห็นท่าทีเราพี่เลยยอมจำใจให้โบมีเกาะพี่เป็นปลิงทุกวี่ทุกวันทั้งๆที่พี่อยากจะผละออกมาแทบตาย ยิ่งเวลาที่เรามองพี่เวลาอยู่กับโบมีพี่อยากจะดึงเราเข้ามากอดแล้วบอกว่าพี่ชอบเราพี่รักเรามาก ส่วนโบมีพี่ไม่ได้คิดอะไรเลยแม้แต่น้อย ที่พี่ต้องดุต้องว่าเราเพราะพี่ไม่อยากให้คนอื่นมองเราไม่ดี ในสายตาพี่แบมดีเสมอแบมน่ารักเสมอแต่พี่ไม่อยากให้คนอื่นเอาแบมไปว่าหรือไปนินทาเสียๆหายๆ พี่เป็นห่วงแบมนะครับ วันนี้แล้วที่ผ่านมาพี่ขอโทษนะที่ทำอะไรไปไม่คิดจนทำให้เราต้องร้องไห้เสียใจเพราะพี่ ยกโทษให้พี่มั้ยครับคนดี”
ผมกอดตอบพี่มาร์คแน่นเมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมด ทุกคนจะคิดว่าผมใจง่ายเกินไปที่จะมั้ยที่ยกโทษให้พี่มาร์คง่ายๆแบบนี้เพียงเพราะพี่เขาบอกว่าเขาก็รักผมเหมือนกัน ถ้าผมจะขอเห็นแก่ตัวแล้วยกโทษให้พี่เขาตอนนี้เลยจะได้หรือเปล่า เพราะคำว่ารักคำเดียวที่ทำให้กำแพงที่ผมตั้งขึ้นพังทลายลงมา
คำว่ารักที่ผมรอมันมาตลอด...
“พี่มาร์ค...” ผมเรียกชื่อพี่เขาเบาๆ พี่เขาคลายอ้อมกอดแล้วยืนจ้องหน้าผมทั้งๆที่ใบหน้าพี่เขาเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกอย่างแผ่วเบาราวกลับกลัวว่าคนตรงหน้าผมจะบุบสลายแล้วหายไปต่อหน้าต่อตาของผม
ผมขอยอมแพ้ ยอมแพ้พี่มาร์คแล้วจริงๆ
“ยกโทษให้พี่นะครับคนดี พี่รักแบมนะครับ”
ผมยังไม่ตอบอะไรทำเพียงแค่โผเข้าไปกอดพี่มาร์คเต็มแรง ต่อไปนี้ผมคงไม่ยอมให้คนตรงหน้าไปเป็นของใครหรือให้ใครได้แตะต้อง ผมขอเห็นแก่ตัวสักครั้งละกันนะครับในเมื่อผมรักพี่เขาไปแล้วตอนนี้ผมถอยออกมาไม่ได้และผมก็คงหวังว่าพี่มาร์คคงไม่ปล่อยผมให้ถอยออกไป
“แบม...รักพี่มาร์คนะครับ อย่าเล่นอะไรแบบนี้อีกนะครับ”
ผมยอมแล้วครับพี่มาร์ค
“พี่สัญญาพี่จะไม่ทำให้แบมต้องเสียใจแล้วร้องไห้เพราะพี่อีก เป็นแฟนกันนะครับน้องแบม” พี่มาร์คดึงผมออกแล้วย่อตัวลงมาอยู่ในระดับเดียวกันกับผมสายตาอ่อนโยนของพี่มาร์คทำให้ผมไม่กล้าปฏิเสธถึงพี่มาร์คไม่มองตาผมผมก็คงไม่ปฏิเสธหรอกครับ
“ครับ” ผมตอบรับแล้วก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มกว้างก่อนจะกอดพี่เขาอีกครั้งหนึ่ง พี่มาร์คกอดผมแนบแน่นแล้วพึมพำว่า
“แบมแบมแฟนพี่มาร์ค” พูดประโยคนี้ซ้ำๆและผละออกมาก่อนจะดึงผมเข้าไปจูบ จูบที่อ่อนโยนไม่มีการรุกล้ำแต่ยาวนาน ผมไม่รู้ว่าผ่านไปกี่วินาทีหรือกี่นาทีแต่ตอนนี้ผมรู้แค่ว่าผมมีความสุขมากที่สุดแล้ว แค่คนตรงหน้าแค่นี้จริงๆ
“อื้อ แฮ่กๆ พะพี่มาร์ค ... อื้อพอก่อนแบมมีเรื่องจะถาม” พี่มาร์คมุ่ยหน้าอย่างขัดใจ
“พี่มาร์ครู้ได้ไงว่าแบมอยู่บ้านพี่แจ็คสัน” พอผมถามจบหน้าพี่มาร์คก็ตึงแทบจะทันที นี่ตามอารมณ์ไม่ทันแล้วนะโว้ย เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวดีใจ เดี๋ยวขัดใจ นี่มาทำหน้าตึงใส่อีก ถ้าไม่รักนี่จระเข้ฟาดหางแล้วนะครับพี่มาร์ค
“ไอ้แจ็คสันโทรมาด่าตอนแรกมันจะมากระทืบพี่ถึงที่ด้วยซ้ำ แต่ว่าพอพี่เล่าเรื่องให้ฟังมันก็อารมณ์เย็นขึ้นนิดหน่อยแล้วบอกว่าเราอยู่กับมัน แต่เดี๋ยวออกจากห้องไปพี่คงโดนมันกระทืบจริงๆแน่” ผมพยักหน้ารับรู้แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรอีกพี่แจ็คสันก็โผล่มาตอนไหนไม่รู้ก็โวยวายขึ้นมา
“ไม่ต้องออกจากห้องหรอกเพื่อนรัก มึงอยู่ในห้องกูถึงจะต่อหน้าน้องแบมกูก็กระทืบมึงได้ไอ้เพื่อนชั่วว ย้ากกก!!”
“เห้ยยย!!!!!!!!!!!!!!!”
THE END
Special
“แบมลงไปรอข้างล่างก่อนได้มั้ย พี่ขอคุยกับไอ้มาร์คก่อน” เสียงทุ้มเป็นเสน่หของแจ็คสันพูดขึ้นมาหลังจากไล่เตะเพื่อนรักอย่างมาร์คจนหนำใจแล้ว แบมแบมได้แต่พยักหน้าแล้วหันไปยิ้มให้กับแฟนหมาดๆอย่างมาร์คก่อนจะหันไปยิ้มบางๆให้กับแจ็คสันพี่ชายที่แสนดีของเขาแล้วออกจากห้องไป
“มึงเตะกูแล้วยังไม่พออีกหรอ มึงกะจะฆ่ากูหมกห้องมึงเลยใช่มั้ยไอ้แจ็คสัน” เมื่อประตูไม้บานใหญ่ปิดลงเรียบร้อยแล้วมาร์คก็หันมาโวยวายใส่แจ็คสันที่ตีหน้านิ่งนั่งมองเพื่อนหัวแดงอยู่ตรงโซฟาที่แบมแบมเคยนั่ง
“กูรู้ว่ามึงไม่โง่หรอกมาร์ค มึงก็รู้ว่ากูกำลังจะพูดอะไรกับมึงใช่มั้ย” แจ็คสันนั่งกอดอกไขว่ห้างมองเพื่อนสนิทที่ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาที่อ่านยาก ต่างจากมาร์คที่มองออก
“งั้นกูขอถามมึงก่อน มึงชอบแบมใช่มั้ย”
มาร์คชิงถามก่อนที่แจ็คสันจะเปิดศึกดราม่าใส่ ใบหน้าคมเข้มของแจ็คสันยังคงจ้องมองไปยังร่างสูงของมาร์คเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยนก่อนจะพยักหน้าตอบรับคำถามของมาร์คอย่างไม่มีปิดบัง
“กูชอบแบมพร้อมๆกับมึงนั่นแหละมาร์ค ครั้งแรกที่โรงอาหารใช่มั้ยละ” แจ็คสันถามแบบไม่ต้องการคำตอบ มาร์คเหมือนจะรู้ข้อนี้ดีจึงยืนฟังอยู่เงียบๆ
“หึ กูก็ไม่ได้ต่างอะไรจากมึงหรอกนะที่จะหาข้ออ้างเข้าใกล้แบมทั้งๆที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าน้องเขาคิดยังไงกับมึงแล้วคิดยังไงกับกู ถึงความหวังกูจะแทบไม่มีซึ่งตอนนี้มันก็ไม่มีแล้วแต่กูก็แค่อยากอยู่ใกล้ๆแบม อยากเห็นรอยยิ้มของแบม อยากเห็นหน้าแบม อยากจะเข้าไปอยู่ในสายตาแบมแบบที่ไม่ใช่ในฐานะพี่ชาย กูไม่ใช่คนดีอะไรมาร์คข้อนี้มึงรู้อยู่แก่ใจ กูอยากได้อะไรกูต้องได้แต่เพราะคู่แข่งคนนั้นเป็นมึงไงเพื่อนยากกูถึงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการอยู่ข้างๆแบมในฐานะพี่ชาย ถึงอย่างงั้นกูก็ดีใจนะที่กูเกิดมาพูดมากทำให้กูกับแบมสนิทกันเร็วกว่ามึงแต่น้องเขาชอบมึงไปแล้ว”
แจ็คสันหยัดตัวลุกขึ้นแล้วเดินไปตรงหน้าต่างบานเล็กข้างๆกับเตียงนอนก่อนจะหมุนตัวเข้ามาเผชิญหน้ากับมาร์คที่ยังคงเป็นผู้ฟังที่ดีไม่ขัดอะไรออกมาแม้แต่ประโยคเดียว
“เพราะกูไม่ใช่มึงกูเลยแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ความสุขของกูคือรอยยิ้มของแบมแม้รอยยิ้มนั้นมันจะส่งไปให้มึงโดยตรงก็เถอะ วันนี้กูโมโหมึงมากถ้ากูเอามีดมาแทงมึงได้กูคงทำแต่ถ้ากูทำอย่างงั้นแบมคงเกลียดขี้หน้ากูไปตลอดชีวิต หึ” แจ็คสันกดยิ้มมุมปากอย่างสมเพชตนเอง ส่วนมาร์คก็ยังไม่พูดอะไรออกมา
“อยากพูดอะไรหน่อยมั้ยมึง ขัดกูบ้างก็ได้นะ” แจ็คสันถามพลางเลิ่กคิ้วขึ้นทำท่าประกอบ
“ก็อย่างที่มึงพูดกูไม่ได้โง่แต่กูก็แกล้งโง่แล้วรับบทเป็นพระเอกที่เห็นแก่ตัวที่มองข้ามความรู้สึกมึงเพียงเพราะกูจะไม่ยอมเสียแบมไป ส่วนมึงก็รับบทเป็นพระรองที่แสนดี” มาร์คไม่รีรอที่จะพูดความในใจออกมาถ้าเป็นคนอื่นมาฟังคำพูดนี้คงเดินดุ่มๆไปต่อยหน้าเจ้าของคำพูดแล้ว แต่ไม่ใช่กับแจ็คสันที่เป็นเพื่อนกับมาร์คมานานที่ทำเพียงแค่นยิ้มแล้วหัวเราะหึหึออกมาเท่านั้น
มาร์คและแจ็คสันต่างไม่ใช่คนดีอะไรมากด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทกันนิสัยจึงค่อนข้างเหมือนกัน ต่างกันตรงที่มาร์คจะไม่ยอมถอยไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใครแต่แจ็คสันจะยอมให้กับคำว่าเพื่อนแต่คนเราทุกคนก็ต้องมีมุมเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น ไม่ใช่แค่มาร์คคนเดียวหรอกที่เห็นแก่ตัวเพราะแจ็คสันเองก็ไม่ได้ต่างกันอาจจะดูมากกว่าด้วยซ้ำ
“กูอิจฉามึงนะมาร์คที่ได้เห็นแต่มุมที่แบมมีแต่รอยยิ้ม แต่มึงคงต้องอิจฉากูมากกว่ามั้งที่กูได้เห็นทั้งรอยยิ้มแล้วก็น้ำตายังไงก็ขอบคุณมึงมากไอ้มาร์ค เพราะเวลาแบมทุกข์ใจเขาจะหันมาหากูคนแรกถึงแม้เวลาที่แบมหายแล้วเขาจะกลับไปหามึงก็เถอะ” แจ็คสันยักไหล่อย่างไม่ยีระกับสิ่งที่เขาพูดมันออกมา มาร์คก็ทำเพียงส่งเสียงหึในลำคอแล้วเบนหน้ามองไปทางอื่น
“มึงรับความสุขของแบมไว้ได้อย่างเต็มที่เลย ส่วนความทุกข์ของแบมกูจะดูแลเอง”
จบประโยคมาร์คหันมาจ้องหน้าแจ็คสันเขม็งแต่ก็ไม่ได้ตรงหน้ากระทืบเพื่อนรักอย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะความผิดของเขามันยังติดตัวอยู่ แจ็คสันมองท่าทีคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มยียวน
“กูบอกมึงแล้วนะมาร์คกูไม่ใช่คนดีอะไรข้อนี้มึงรู้ดี เพราะฉะนั้นคงไม่วิ่งมากระทืบกูหรอกใช่มั้ยถ้า...” แจ็คสันแกล้งหยุดพูดเพื่อดูปฎิกิริยาของมาร์คที่ตอนนี้หันกลับมาสนใจเขาเรียบร้อยแล้ว
“...” มาร์คจ้องหน้ารอให้แจ็คสันพูดต่อ
“ถ้าจูบแรกของแบมมันจะเป็นของกู”
END SPECIAL
TALK
สเปสั้นๆกากๆ ทิ้งระเบิดไว้ลูกหนึ่งแล้วก็ไป ฮ่าๆ หัวเราะอย่างสะใจ
มีคนอยากอ่านสเปพี่คุณตอนรู้เรื่องแบมกะมาร์คใช่ป่ะ แหม่ไม่แต่งหรอก ฮ่าๆ
ไม่ใช่ไม่อยากแต่งนะแต่ถ้าลองอ่านดีๆ พี่คุณก็รู้เรื่องแบมกับมาร์คนะคะ
เราพยายามจะสอดให้หลายๆคนสังเกต แต่มันคงเนียนไปใช่ป่ะ?
ตอนพี่คุณยัดเยียดให้มาร์คไปส่งแบมงายยย คนหวงน้อยอย่างพี่คุณคงไม่ยอมให้ใครไปส่งง่ายๆป่ะ
มันเหมือนลองเชิงอ่ะว่ามาร์คจะทำยังไงสุดท้ายก็อาสาไปส่ง แต่เพราะมันเป็นพาร์ทที่แบมอธิบายเองหมด
เลยไม่มีใส่ความคิดของพี่คุณแล้วก็คนอื่นลงไป ลองสังเกตนะ คือทอคนี้เราจะมาขยายความ
ยูคยอมหวงเพื่อนนะคะ ไม่ได้รักแบมแบบแฟน กิกิเผื่อมีคนสงสัย
เอ้อแล้วก็เรื่องจูบ แจ็คสันถือว่าได้จูบแรกของแบมนะคะ เพราะพี่คุณถือเป็นพี่ชายเราไม่นับ
มันเหมือนกับการทำให้พี่มาร์คเจ็บเล่นๆ
SF นี้ก็รักข้างเดียวจริงๆนะคะ แต่เป็นของแจ็คสัน ฮ่าๆ ไม่งงเนอะ
เม้น โหวต ด้วยนะเอ้อออออออ เป็นกำลังใจ อย่าทำตัวเป็นนักอ่านเงาเลยค่ะ
คนแต่งมันเหนื่อยอยากได้กำลังใจ เม้นนิดหน่อยคงไม่เป็นไรเนอะ?
◊ SQWEEZ
ความคิดเห็น