คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : ไม่มีทาง!(RW100%)
“ถ้าเกิดว่า นี่คือร่างจริงของเจ้าชายดีอัส เรเฟรัส เจ้าจะว่ายังไงล่ะ เจ้าหนู!?”
เคชตะลึง เขามองดวงหน้าหวานนั้น พยายามจะค้นหาแววล้อเล่นซึ่งฉายอยู่ในนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มคู่งามทว่าก็ไม่พบ นี่มันหมายความว่ายังไงกันเนี่ย ดีอัส…ดีอัสที่เขารู้จักมาตลอดสามเดือน…เป็นผู้หญิง…เป็นผู้หญิงงั้นหรอ..
“ไม่มีทาง!”
พรานป่าอุทาน หากก็รู้ดีว่าเขาปฏิเสธเพราะตัวเองต้องการปฏิเสธ ไม่ใช่ปฏิเสธเพราะไม่เชื่อในคำพูดดังกล่าว แต่จะให้เขายอมรับงั้นหรอ…จะให้เขายอมรับว่าไอ้เจ้าชายหัวเงินนี่ที่แท้เป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักเนี่ยนะ
…เขารับไม่ได้จริงๆว่ะ…
“ไหนพี่สาวบอกว่ามันเป็นคนสองวิญญาณ งั้นแสดงว่าร่างผู้หญิงนี่ของพี่ ร่างผู้ชายของมันก็ถูกแล้ว”
เจ้าตัวดีเริ่มเถียง ในขณะที่คนในเขตอาคมเพียงยิ้มรับอย่างสงบ มือเรียวข้างหนึ่งยกขึ้นกุมต้นแขนซึ่งถูกกรงเล็บแหลมของมังกรเพลิงฉีกเนื้อ เพียงแค่กุมไว้ชั่วอึดใจ เมื่อคลายออก บาดแผลทั้งหมดก็จางหายไปราวกับเล่นกล ไม่หลงเหลือแม้กระทั่งคราบเลือดแดงฉานหรือรอยแผลเป็นใดๆ
“คิดได้แค่นั้นหรือ เจ้าหนู ความซับซ้อนทางเวทมนต์มันกินขอบเขตกว้างไปกว่านี้มากนะ”
เสียงหวานเอ่ยเรื่อยๆด้วยน้ำเสียงเหมือนสอนสั่ง แม้จะอยู่ในร่างเด็กสาวอายุพอๆกับเขา ทว่ากลับให้ความรู้สึกแตกต่าง เหมือนจะเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก ที่เรียกเขาว่าเจ้าหนูก็เหมือนกัน ฟังแล้วไม่ชอบใจเลย ถึงได้เรียกย้อนว่าพี่สาวนี่ไง ถ้าอยากแก่นักก็เชิญ
“หมายความว่ายังไงกัน?”
พรานป่าถาม มุ่นหัวคิ้วอย่างไม่เข้าใจ โธ่เว้ย ก็เรื่องเวทมนต์อะไรนี่เขาเอาอ่าวที่ไหน แค่วิชาพื้นฐานอย่างวิชาผสานธาตุ เขายังต้องลอกการบ้านไอ้ดีอัสอยู่เลย เขตอาคมนี่ก็เหมือนกัน ถ้าไม่ได้ใช้วิธีขี้โกง เอาเลือดตัวเองวาดล่ะก็ มีหวังคนตรงหน้าได้ลบทิ้งในเสี้ยววินาทีแน่
“ เวทมนต์บางอย่าง เปลี่ยนได้กระทั่งกระแสกาลเวลา ไม่เคยเรียนประวัติศาสตร์หรือไง เจ้าหนู ราชาแห่งแสงกระทำเวทต้องห้าม ฝืนดึงเอาคนตายให้ฟื้น ทำให้เกิดอาเพศกลืนแผ่นดิน”
เคชพยักหน้าหงึก แน่ล่ะ…เขาต้องเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนอยู่แล้วเพราะมันอยู่ในบทเรียน แต่มันเกี่ยวอะไรกับดีอัสด้วย หรือว่าดีอัสเป็นคนดี เห็นพี่สาวนี่ตายไปต่อหน้าเลยอดชุบใจอ่อนชุบชีวิตให้ไม่ได้
“แต่เอาเถอะ เจ้าหนู อยากถามอะไรก็ถามมา จะตอบให้คำถามนึงแล้วกัน”
เด็กสาวตรงหน้าเขาเลิกคิ้ว ฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ ดูไม่อนาทรทุกข์ร้อนอะไรเลยกับเขตอาคม เป็นพรานป่าเองเสียอีกที่ต้องนิ่งจนไป
“ถามมาสิ…” เสียงหวานยังเอ่ยเร่งต่อ มือเรียวยกขึ้นกอดอก มองลูกครึ่งมังกรด้วยสายตาสนุกสนาน “อะไรก็ได้ อย่างเช่นว่าฉันเป็นใคร มาอยู่ในนี้ได้ยังไง หรือมีวัตถุประสงค์อะไร”
เคชนิ่งไปเล็กน้อย เขามองเธอ ก่อนจะเอ่ยถามชัดถ้อยชัดคำ…
“ทำไมถึงต้องเป็นดีอัส?”
…คำถามที่ทำให้ดวงตาสีน้ำเงินเข้มคู่งามต้องเบิกกว้างขึ้นอย่างตะลึง!…
“ฮ่ะๆๆๆ”
เธอหัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะคล้ายคาดไม่ถึง แต่ก็ถูกใจ…ถูกใจจริงๆ เด็กสาวเขยื้อนเข้าไปใกล้พรานป่า ขยับจนชิดเขตอาคมที่ขวางกั้น เพียงพริบตาที่ปลายนิ้วสัมผัสกับแก้วปราการโปร่งใส เขตอาคมเลือดก็แตกกระจายเป็นชิ้นๆราวกับกระจกที่ถูกทุ่มลงพื้น มนตราสลายกลับกลายเป็นอากาศธาตุอย่างง่ายดาย
เคชผงะเฮือก เขายกปืนขึ้นตามสัญชาติญาณ ทว่าไม่ทันเสียแล้ว มือเรียบแบบบางของผู้หญิงยกขึ้นไล้แก้มเขา เพียงแค่แตะแผ่วเบาทว่าก็ราวกับโซ่เหล็กหนาหนักพันธนาไว้ไม่ให้หนีไปไหน มือที่ถือปืนอยู่แข็งค้างราวกับโดนล่ามไว้ด้วยสัมผัสจากลมหายใจอุ่นและดวงตาคู่งามที่จ้องเขาราวกับจะกลืนกินเข้าไป
“ให้มันได้แบบนี้สิ เจ้าหนู เป็นคำตอบที่ตอบยากจริงๆ…”
“ก็เพราะว่า…เจ้าชายดีอัส เรเฟรัสน่ะ…ถูกข้าสังหารน่ะสิ!”
…เฮือก!!!...
จู่ๆจิตสังหารเข้มข้นรุงแรงก็พุ่งทะลักออกมาจากร่างบางเหมือนสายน้ำเชี่ยวกราด เรียวนิ้วบอบบางที่ลูบแก้มกร้านอยู่กลายเป็นอุ้งมือแข็งแรงที่ตะครุบขยุ้มคอพรานป่าไว้และยกขึ้น เคชดิ้นฮึก พยายามสะบัดให้หลุด มือนั้นยิ่งกำแน่นขึ้น เต็มไปด้วยพละกำลังมหาศาลจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นมือของเด็กสาว
เด็กหนุ่มไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปล่อยอาวุธคู่กายทิ้งลงพื้น ไรเฟิลไม่มีประโยชน์อะไรในการสู้ระยะประชิดเช่นนี้ ลมหายใจของเขาหอบฮั่ก มือทั้งสองยกขึ้นกุมรอบคอที่ถูกบีบของตนไว้ พยายามดิ้นรนสูดอากาศเข้าปอดอย่างกระหาย
บ้าเอ๊ย…ไม่น่าประมาทเลย จะมาแพ้เนี่ยนะ…อย่างเขาจะต้องมาแพ้ผู้หญิง…ซ้ำยังเป็นวิญญาณผู้หญิงในร่างเจ้าชายดีอัส เรเฟรัสเนี่ยนะ
น่าขายหน้าสิ้นดี…ถ้าจะต้องมาตายอย่างนี้…
…ก็ไม่เอาด้วยหรอกนะ!!....
พลั่ก…
จู่ๆเด็กสาวก็เหวี่ยงร่างพรานป่าทิ้งลงพื้น เคชล้มโครม ไถลไปตามแรง รอบลำคอของเขาปรากฏรอยแดงเป็นรูปนิ้วทั้งห้าซึ่งคงจะเปลี่ยนเป็นรอยเขียวช้ำในไม่ช้า เด็กหนุ่มไอโขลก พยุงตัวเองขึ้นมาจากพื้น นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มวาวจ้า ตวัดมองเด็กสาวราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
หากร่างบางกลับเพียงขยับยิ้มจาง เธอเดินไปหยิบไรเฟิลสีดำสนิทที่ตกพื้นอยู่ขึ้นมาด้วยท่วงท่าสง่างาม ก่อนจะเลื่อนสลักสลัดกระสุนทั้งหมดในรังเพลิงทิ้ง โยนท่อนโลหะเปล่าๆกลับคืนไปให้เจ้าของ
“วันนี้พอแค่นี้ก่อน…” เอรัลหมุนตัวกลับหันหลัง ท่าทางสะอกสะใจดีแล้วที่สามารถเอาคืนได้ เธอเดินตรงไปยังประตูห้องนอน เอ่ยโดยไม่แม้จะหันหลังกลับมามองพรานป่าที่กำลังเดือดจัด
“ข้าสังหารดีอัส แต่เรื่องนี้…ช่วยเก็บเป็นความลับด้วย อย่าบอกใคร โดยเฉพาะตัวดีอัสเอง”
“นี่…” เคชเอ่ยปากทำท่าจะท้วง คนอะไร คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป จู่ๆมาอัดคนอื่นเอาเล่นซะเละเทะอย่างนี้แล้วก็จะกลับไปง่ายๆงั้นหรอ เขาลุกขึ้นยืน เป็นเวลาเดียวกับที่ร่างบางหายลับไปหลังบานประตูพร้อมด้วยเสียงปิดเบาๆ
เคชรีบวิ่งตามไปกระชากประตูให้เปิดออก ทว่าเมื่อเขาก้าวเข้าไปในห้อง…เด็กสาวลึกลับก็หายตัวไปเสียแล้ว ทิ้งไว้เพียงเจ้าชายผมเงินที่กำลังนอนคว่ำหน้าหลับสนิทอยู่บนเตียงนุ่ม ดูไม่อนาทรทุกข์ร้อนเลยว่าเมื่อครู่เพิ่งเกิดเรื่องร้ายแรงขนาดไหน…
“ดีอัส…”
พรานป่ารีบปราดเข้าไปหาเพื่อน ทั้งเส้นผมสีเงินกับเค้าโครงหน้าหล่อจัดแบบชายหนุ่มนั่น ดีอัส…ใช่ดีอัสจริงๆด้วย
“ดีอัส!!!”
คราวนี้เจ้าตัวดีตะโกนเรียกด้วยความยินดี และด้วยอารามโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก พรานป่าก็พลันลืมสิ้นซึ่งเหตุผลทุกสิ่งทุกอย่าง ได้แต่คว้าร่างเพื่อนมากอดหมับอย่างดีใจ…
…ซึ่งนั่นก็ทำให้โดนเจ้าชายดีอัส เรเฟรัส ผู้ซึ่งลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนกำลังถูกผู้ชายทั้งแท่งด้วยกันกอดยกขาถีบเปรี้ยงทันที!!!
“ไอ้บ้า! ทำอะไรของนาย!!”
พรานป่าผู้ซึ่งถูกถีบเข้ากลางท้องจนตัวลอยไปกระแทกพื้นดังอั่กโวยวายทันที พลางเอามือเกาะขอบเตียงพยุงร่างลุกขึ้นมามองอีกฝ่ายด้วยสายตาวาวจ้า แรงถีบนั้นไม่น้อย เล่นเอาเขาเสียจุก ในขณะที่คนต้นเหตุกลับเพียงปรายนันย์ตาสีน้ำเงินเย็นเยียบมองเพื่อนอย่างเฉยชา
“ฉันตะหากที่ต้องเป็นฝ่ายถาม…” น้ำเสียงนั้นแฝงแววตำหนิชัด ทว่าทันใดนั้น เจ้าชายแห่งไรอัสก็ต้องขมวดหัวคิ้วมุ่นเมื่อเห็นสภาพของอีกฝ่ายเต็มตา เขาจำได้ว่าเขาแค่ยกขาขึ้นถีบมัน…แล้วทำไมมันถึงได้มีสภาพโทรมจัดเลือดเปื้อนไปหมดเหมือนเพิ่งไปทำศึกฟัดกับใครมาล่ะนี่
“นาย….นายไปทำอะไรมา เคช?”
“แย่งแฮมขาสุดท้ายกับไอ้เฟนริลมั้ง…” เจ้าตัวดีกัดฟันกรอด ถลึงตาใส่เพื่อน ก็คิดว่าเป็นเพราะใครกันล่ะเขาถึงต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ทว่าปฏิกริยาต่อมาของเจ้าชายแห่งไรอัสก็ทำให้เขาประหลาดใจ สีหน้าของดีอัสดูงุนงงอย่างเห็นได้ชัด แสดงให้เห็นว่าไม่ได้รู้เรื่องราวสงครามขนาดย่อมที่เพิ่งเกิดขึ้นเลย
“นาย…” เสียงเคชอ่อนลง พลันเขาก็จำได้ ตอนที่เขา’คลั่ง’ขึ้นมา เขาเองก็จำอะไรไม่ได้เหมือนกัน จะเป็นไปได้ไหมว่าดีอัสเองก็ไม่รู้ว่าร่างกายมันมีอีกวิญญาณสิงอยู่…
…หรือร้ายไปกว่านั้น มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่จริงแล้วมันอาจเป็น…ผู้หญิง…
พรานป่ากลืนน้ำลายเอื้อก ความโกรธจางหายไปจนแทบไม่มีเหลือ เขาไม่กล้านึกเลยว่า หากวันหนึ่งอีกฝ่ายทราบความจริงขึ้นมา มันจะเป็นยังไงต่อ ก็ขนาดเขากว่าจะยอมรับว่าตัวเองเป็นสองสายเลือดก็ต้องใช้เวลาตั้งนาน แล้วอย่างดีอัส อย่างเจ้าชายที่ต้องกลายเป็นเจ้าหญิง...
เด็กหนุ่มสั่นหน้า….ตัดสินใจไม่คิดถึงเรื่องดังกล่าวอีกต่อไปด้วยความรู้สึกสยองขวัญเกินบรรยาย บางที หากรอให้เขาโตอีกสักหลายสิบปีแล้วมานึกย้อนไป เขาย่อมต้องคิดว่าเรื่องที่เขาเป็นทายาทเทพมังกรตามชะตากรรมนั้นร้ายแรงกว่าเรื่องสลับเพศ ทว่าในตอนนี้ ในความคิดของเด็กหนุ่มวัยสิบหกปี การที่ต้องกลายมาเป็นผู้หญิงนั้นช่างดูร้ายแรงน่ากลัวกว่าการเป็นลูกครึ่งมังกรเป็นไหนๆ…
“เคช” ดีอัสเรียกซ้ำอีกครั้ง คราวนี้เริ่มแฝงแววตระหนกเร่งร้อน ซ้ำยังเกลื่อนไปด้วยความเป็นห่วง เจ้าชายหนุ่มรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย โดยเฉพาะเมื่อเห็นเพื่อนเงียบไป เกิดอะไรขึ้น เลือดเปื้อนตัวขนาดนี้คงเป็นเรื่องร้ายแรง แต่ทำไมล่ะ ทำไมถึงเงียบไป แล้วทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่อง ถ้ามีการต่อสู้เกิดขึ้น เสียงดังขนาดนั้นเขาต้องตื่นสิ แล้วทำไมล่ะ ทำไม…
“ไม่มีอะไรหรอก…” เด็กหนุ่มเชื้อพรานโบกไม้โบกมือเป็นทำนองว่าอย่าใส่ใจ เคชลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสูง เอามือปัดๆเสื้อผ้ายับๆราวกับการกระทำเช่นนั้นจะสามารถชะล้างรอยคราบเลือดไปได้
“เดี๋ยวฉันออกไปดูเฟนริลมันก่อน มันลอยไปกระแทกตู้สลบอยู่ข้างนอก เมื่อกี้พายุเข้าหนัก ใครจะไปนึกว่าบนภูเขาหิมะจะมีพายุหมุนด้วย เล่นเอาซะเกือบตาย”
“พายุหมุน…” รัชทายาทเมืองไรอัสทวนคำ สายตาที่มองพรานหนุ่มบอกชัดว่าไม่เชื่อ แต่ถึงอย่างนั้น เคชก็ฉลาดพอที่จะไม่อยู่รั้งรอให้เพื่อนมีโอกาสได้จับเขาซักฟอกอะไรต่อ เจ้าตัวดีรีบฉวยโอกาสที่ดีอัสกำลังประมวลผลข้อมูลในหัวอยู่นั้นเผ่นแผล็วออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ปิดประตูปังตามหลังให้เรียบร้อยอย่างสุดจะมารยาทดี
น่าเสียดายที่เคชลืมไปว่าเจ้าชายแห่งไรอัสไม่ใช่สัตว์ป่าเปรียวที่เพียงขังไว้ก็จะทำตัวสงบเสงี่ยมหนีออกไปไหนไม่ได้ ดังนั้น เพียงแค่สิ้นเสียงปิดประตู ประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้งแทบจะทันที
“เอ่อ…” เจ้าตัวดีลอบสะดุ้งเฮือก เขาทำเป็นกวาดสายตามองสภาพบ้านเละเทะเหมือนเพิ่งผ่านสมรภูมิมาโดยไม่กล้าแม้จะหันไปเผชิญหน้าคนที่ตามมาข้างหลัง บ้าจริง….เคชคิด ทีนี้จะตอบมันว่ายังไงดี เขาไม่อยากให้มันรู้ว่าทั้งหมดนี่เป็นฝีมือมัน เพราะเขาเข้าใจดี…เข้าใจว่ามันเจ็บแค่ไหนที่ต้องรู้ว่าตนเองที่เป็นคนทำร้ายเพื่อน
“เป็นพายุหมุนที่เสียหายรุนแรงนะ” เจ้าชายแห่งไรอัสเอ่ยเรียบๆ ทว่าก็เป็นเสียงเย็นที่แฝงไว้ด้วยอารมณ์คุกรุ่นเกือบจะเป็นคุกคาม ร่างสูงเดินผ่านเคช ย่ำไปบนเศษซากระเกะระกะไปหาเฟนริลที่ยังคงสลบไม่ได้สติอยู่ตรงผนังห้องครัว
ดีอัสย่อตัวลง เพียงแค่วางมือเหนือหน้าผากที่ปรกไปด้วยเรือนผมสีแดงยุ่งของเด็กหนุ่มพันธุ์มังกร แสงสีเหลืองอ่อนก็สว่างเรื่อขึ้น มนตรารักษาแล่นพล่านช่วยเยียวยาอวัยวะภายในที่บอบช้ำและบาดแผลภายนอก ทว่าสำหรับอาการสลบนั้น มีเพียงเวลาที่จะช่วยรักษาได้
เมื่อเสร็จจากเฟนริลแล้ว เจ้าชายแห่งไรอัสจึงยืดตัวขึ้นหันมาทางเพื่อนอีกคนในห้อง แม้ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจะยังคงฉายแววคาดคั้น ทว่าความเป็นห่วงเป็นใยก็ยังคงฉายชัดอยู่ในนั้นด้วย
“แน่ใจนะว่าไหว?” เคชถามยิ้มๆพลางเดินเข้าไปหา แต่นอกจากคราบเลือดแล้ว ร่างของเขาก็แทบไม่มีบาดแผลใดอีก ต้องขอบคุณร่างเทพมังกรที่ทำให้บาดแผลฉกรรจ์ก่อนหน้านี้ฟื้นตัวจนกลายเป็นปกติ
“มาลองซัดเวทกันซักตั้งก็ได้ เผื่อนายจะอยากพูดอะไรบ้าง” คนเป็นเจ้าชายชักเริ่มโหด พรานป่าคอย่น นึกในใจว่าไม่รู้ดีอัสไปติดนิสัยป่าเถื่อนแบบนี้ที่ไหนมา หรือว่าที่ไรอัส เวลาผู้ต้องหาไม่ยอมรับสารภาพจะซ้อมจนยอมคลายหมดเปลือกกันแน่
“ก็บอกแล้วไงว่าพายุหมุน เฮอร์ริเคน ทอร์นาโด แล้วแต่นายจะเรียก” เจ้าตัวดียังคงเอาสีข้างเข้าถูก ในขณะที่โดนเจ้าชายแห่งไรอัสกระชากแขนบังคับส่งกำลังเวทมนต์เข้ามาในร่าง แสงสีเหลืองทองทอประกายที่ไหลเข้ามาราวกับจะช่วยฟื้นฟูพละกำลังที่เสียไปจากการต่อสู้ให้กลับคืนมาอีกครั้ง
อันที่จริง เคชไม่รู้หรอกว่าสภาพของเขาตอนนี้ใกล้เคียงกับคำว่าศพเดินได้มากเพียงใด การปะทะกับเด็กสาวที่ชื่อเอรัลนั้นกินพลังงานเขาไปเยอะก็จริง แต่ที่สูบพลังของเขาออกไปจนแทบจะบิดหยดสุดท้ายออกจากร่างนั่นคือการที่ผนึกของเขาถูกปลด สภาพแบบนี้ เดินๆอยู่จะล้มลงไปตอนไหนก็ไม่แปลก แต่เพราะคนเป็นพรานมีเรื่องอื่นให้กลุ้มมากกว่าเรื่องสังขารอ่อนแรงของตัวเอง จึงได้เกิดปรากฏการณ์เหมือนคนขนโอ่งตอนไฟไหม้ กลายเป็นซอมบี้วิ่งพล่านไปมาชนิดที่เจ้าชายแห่งไรอัสเองหลังจากถีบเจ้าตัวดีตกเตียงไปแล้วยังอดรู้สึกผิดไม่ได้
....50% to be continued, 14 July......
พรานป่าเดินเขย่งปลายเท้าหลบเศษกระเบื้องที่แตกละเอียด พยายามเลี่ยงไม่ให้เหยียบโดนเศษซากตู้หนังสือที่กลายเป็นกองไม้ย่อยยับ เขาก้าวไปยังส่วนที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังเป็นห้องครัว มือใหญ่ใช้ไรเฟิลต่างไม้สอยเขี่ยๆเอากระปุกกาแฟที่เหลือรอดจากการทำลายให้กลิ้งหลุนๆออกมาจากซากความหายนะ จากนั้นพอได้กาแฟแล้วก็ไปควานหาแก้ว ถ้วยกระเบื้องเคลือบเนื้อดีที่คนบางคนสู้อุตส่าห์หอบมาจากไรอัสแตกป่นปี้ไปแล้ว แต่โชคยังได้ ไอ้ถ้วยเหล็กกระดำกระด่างของเขายังอยู่ดีอยู่ เสียแต่ว่ามีรอยบุบเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น
“โอ๊ะ…” เจ้าตัวแสบอุทานเบาๆเมื่อเท้าเผลอไปเหยียบโดนเศษแก้วเข้า โชคดีที่ชักขาออกทันจึงเพียงแต่รู้สึกแสบๆคันๆไม่โดนทิ่มเป็นแผลเหวอะหวะ มือข้างที่ถือถ้วยบู้บี้แกว่งไปมาเล็กน้อยจนน่าหวาดเสียวว่าขวดแก้วกาแฟที่ยัดๆอยู่ในถ้วยจะร่วงลงมาแตก
“เฟนริลมันเป็นไงบ้าง” เคชตะโกนถามข้ามห้อง ในขณะที่พยายามสุดความสามารถเดินฝ่ากองเศษแก้วมรณะไปยังอีกด้านหนึ่งของครัวเพื่อไปรินน้ำจากขวดใส่แก้ว น้ำพวกนี้เป็นน้ำบริสุทธิ ละลายมาจากหิมะบนปลายยอดภูเขาร้อยเปอร์เซ็นต์ รับประกันโดยมังกรเพลิงที่อาทิตย์นี้เป็นเวรต้องไปละลายใส่ขวดแก้วมาให้เองกับมือ โชคยังดีที่ขวดแก้วเหล่านี้เก็บไว้ต่ำหลังโต๊ะยาว พวกมันจึงรอดพ้นความเสียหายไปได้ครึ่งนึง ส่วนอีกครึ่งแตกละเอียดน้ำเจิ่งนองไหลเต็มพื้นห้องครัว
“ถ้าอีกชั่วโมงยังไม่ฟื้นคงต้องหิ้วปีกมันไปห้องพยาบาล” เจ้าชายน้ำแข็งตะโกนตอบโดยยังไม่เงยหน้าขึ้นจากการตรวจอาการเพื่อน หมอจำเป็นใช้ทั้งศาสตร์แห่งเวทย์และศิลป์แห่งการรักษาในการประคองอาการให้ดีที่สุด เขารักษาบาดแผลภายนอกหมดแล้ว เหลือแต่อาการสลบที่คงทำได้เพียงรอให้เจ้าตัวฟื้นขึ้นมาเอง
“แย่ว่ะ” คนฟังกระแทกลิ้นชักโครมครามด้วยมือข้างที่ว่างอยู่ พยายามควานหาช้อนชาสักอัน แล้วก็พยายามหาน้ำตาลและครีมสดในกระปุกที่เขาได้แต่หวังว่ามันยังไม่วินาศสันตะโรไปพร้อมห้อง
“โหลน้ำตาลแตกหมด เวรกรรม ไอ้พายุจัญไร”
“บอกว่านายกับเฟนริลกัดกันจนบ้านพังยังน่าเชื่อมากกว่าอีก”
ดีอัสส่งเสียงมาเรียบๆเย็นๆเหมือนเคย แต่ก็แฝงถ้อยคำประชดประชันไว้เต็มรูปแบบ เขาเหนื่อยที่จะซักอะไรเอาจากเจ้าพรานป่าจอมแถแล้ว ทำยังไงก็จับไม่ได้ ไล่ไม่ทันสักที เจ้าชายแห่งไรอัสจึงตัดสินใจว่าทางที่ดีคือควรออมเรี่ยวแรงไว้รอมังกรเพลิงตื่นแล้วจะได้ซักเค้นในทีเดียวดีกว่า
“พายุก็คือพายุแหละน่า นายจะเอาอะไรมากมาย ไม่เคยได้ยินข่าวภัยธรรมชาติถล่มหมู่บ้านพังราบในวันเดียวหรือไง”
เจ้าตัวแสบเอ่ยปัดๆอย่างไม่ใส่ใจ ถือคติว่าไม่รับก็เท่ากับไม่รู้ไม่เห็น พรานป่าคว้าได้ช้อนหนึ่งคัน น้ำตาลแตกหมดโหลไปแล้ว เคราะห์ดีที่ครีมเทียมในกระปุกยังปลอดภัยดีอยู่ และเครื่องเทศที่เขาใช้ผ้าห่อไว้ก็ยังนอนแอ้งแม้งชื้นน้ำนิดหน่อยอยู่บนพื้น เขาเลยหยิบมันขึ้นมาสะบัดน้ำออก ถือติดมือมาด้วย
“จริงๆแล้ว พวกเราน่าจะหาไม้กวาดมากวาดไอ้พวกเศษแก้วพวกนี้ออกก่อนนะ” คนเป็นพรานบ่นอุบอิบพลางพยายามกระโดดข้ามกองเศษแก้วคมเกลื่อนพื้น ดูไปแล้วท่าทางก็ตลกชอบกลเหมือนคนเต้นบัลเล่ห์ที่ไม่เอาไหน และแทนที่จะมีเสียงดนตรีก็มีเสียง ‘โอ๊ย’ ‘อูย’ ดังขึ้นประกอบเป็นระยะแทน
“ถือดีๆ ระวังอย่าให้ตกนะ” คนเป็นเจ้าชายร้องบอกอย่างเป็นห่วง สายตาจับอยู่ที่ขวดโหลแก้วใส่เม็ดกาแฟคั่วบดชั้นดีซึ่งกำลังโอนไปเอนมาอย่างน่ากลัว
“ขอบใจนะที่เป็นห่วง” พรานป่ากัดฟันกรอด ประชดอย่างอดไม่อยู่พลางย่างขาก้าวสุดท้ายออกจากรัศมีเศษแก้ว เขาถอนหายใจนิดหนึ่งอย่างโล่งอกที่รอดออกมาจากรัศมีหายนะได้ปลอดภัยไม่เสียเลือดสักหยด ก่อนจะเดินอ้อมตู้หนังสือที่พังกองเกลื่อนพื้นไปยังอีกด้านหนึ่งของเตาผิง ไฟในเตามอดไปนานแล้ว แต่เมื่อเอาเหล็กเขี่ยไฟเขี่ยๆเถ้าคุๆหน่อย ลูกไฟเล็กๆก็แตกเปรี้ยะปร๊ะพอเป็นเชื้อให้ยัดฟืนทั้งท่อนตามเข้าไป เคชหยิบหนังสือที่ขาดครึ่งท่อนบนพื้นมากระพือโหมลมเป็นตัวเร่ง เพียงไม่นาน เปลวไฟก็เริ่มลุกติดขึ้นมาอีกครั้ง นอกจากจะช่วยทำให้ห้องอุ่นขึ้นอีกเป็นกองแล้ว ยังช่วยให้คนเป็นพรานสามารถเอาแก้วสนามขึ้นตั้งเหนือเปลวไฟใช้ต้มน้ำอีกด้วย
“นี่…” ดีอัสเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบขณะรอน้ำเดือด เคชที่กำลังนั่งเหม่อมองเปลวไฟในเตาผิงไหวตัวเล็กน้อย หันกลับมาเลิกคิ้วมองเป็นเชิงถาม
“นาย…บอกความจริงมาเถอะ แบบนี้มันอึดอัด”
เจ้าชายแห่งไรอัสพูดตรงๆ ทว่าเมื่อพรานป่าเอาแต่นิ่งไม่ยอมตอบ เขาก็ถอนหายใจ
“ฉันทำหรือเปล่า?”
ดีอัสเปลี่ยนคำถามใหม่ ทว่าสิ่งได้รับกลับมานั้นก็มีเพียงความเงียบ ห้องเงียบเสียจนเหลือเพียงเสียงฟืนในเตาผิง แล้วก็กรุ่นไปด้วยบรรยากาศอึดอัดจางๆที่ดูคล้ายกับความอิหลักอิเหลื่อลำบากใจ
“เปล่าหรอก” เคชเอ่ยปากในที่สุด เขานั่งหันหลังให้เพื่อน แม้ในยามพูดก็ไม่ยอมมองหน้า น้ำเสียงนั้นไม่ได้กระเซ้าเย้าแหย่หรือพยายามทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอีกแล้ว แต่ก็เรียบเฉย…เรียบราวกับจะบอกว่าอย่าได้มาซักไซร้อะไรอีกเลย
“นายไม่ได้เป็นคนทำ”
พรานป่าลงคำหนักแน่น แม้ในยามที่พูดออกไปนั้น เคชก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนควรจะต้องรู้สึกอย่างไรดี เขาไม่ได้โกหก…นี่ไม่ใช่คำโกหก ดีอัสไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ แต่ที่ทำนั้นคือเอรัล เด็กสาวผมสีน้ำเงินเข้มผู้บอกว่าตนอาศัยอยู่ในดวงจิตของดีอัสตะหาก
ทว่าถึงอย่างนั้น…มันต่างกันมากนักหรือ…เขาไม่รู้หรอก
น้ำในถ้วยสนามที่แขวนอยู่บนราวเหล็กเหนือเตาผิงเริ่มมีฟองผุดขึ้นมาตามริมขอบ เพียงไม่นานนักก็ส่งเสียงเดือดปุดๆมีควันขาวลอยขึ้นกรุ่น เคชแก้ปมห่อผ้าสมุนไพรออก เผยให้เห็นซองกระดาษสีน้ำตาลขนาดเล็กหน้าตาเหมือนซองบรรจุยาสี่ห้าซอง เขาเลือกหยิบขึ้นมาสองอัน อันนึงเมื่อเทลงฝ่ามือเป็นผงสีเหลืองตุ่นๆ ส่วนอีกอันหนึ่งเป็นใบหญ้าเรียวแหลมหน้าตาแปลก
“นายจะใส่ขิงผงหรือหญ้าฝรั่น?”
พรานไพรถามเสียงเรียบ ทำราวกับว่าเมื่อครู่ไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้น เขาเททั้งผงสีเหลืองและใส่ใบหญ้าสีเขียวลงไปในแก้วของตัวเองโดยไม่รอคำตอบ ก่อนจะใส่เพียงหญ้าฝรั่นลงในแก้วอีกใบเมื่อได้รับคำตอบแล้ว
เมื่อสัมผัสกับน้ำเดือดจัดๆ กลิ่นหอมเผ็ดร้อนของขิงและกลิ่นหอมแปลกของหญ้าแห้งก็ลอยฟุ้งตลบไปทั่วห้องแทบจะทันที ของพวกนี้เป็นของป่า กลิ่นจึงฉุนเฉียวรุนแรงเป็นพิเศษ โชคดีที่เจ้าชายแห่งไรอัสชินเสียแล้วจึงไม่ไอสำลักโขลกๆเหมือนตอนแรกๆ
“ลืมหยิบที่กรองแฮะ”
เจ้าตัวแสบบ่นเบาๆพลางมุ่นหัวคิ้วให้กับความขี้ลืมของตัวเอง มือใหญ่หมุนเกลียวปิดฝากระปุกกระแฟเข้าไปอย่างเดิมทั้งๆที่เปิดมาแล้วครึ่งทาง เขาถอนหายใจเฮ้อ ไม่อยากนึกสภาพตัวเองเต้นรำท่าพิลึกหลบเศษแก้วคมกลับไปรื้อๆค้นๆหาที่กรองกากกาแฟจากซากครัวซึ่งถูกวินาศกรรม ทว่าดูเหมือนเขาจะไม่มีทางเลือกอื่น การไปเอาถุงเท้าในห้องนอนมาทำเป็นที่กรองก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่ แม้ว่าถุงเท้านั้นจะเป็นถุงเท้าสะอาดเพิ่งซักเสร็จใหม่ๆหรือไม่ก็ตาม
คนเป็นพรานเริ่มกวาดสายตามองของรอบด้าน พยายามนึกหาอะไรก็ได้มาใช้แก้ขัดแต่ก็ไม่พบ ทว่าตอนที่เกือบจะยอมแพ้และเดินกลับไปเผชิญวิบากกรรมห้องครัวมรณะอยู่แล้ว เขาก็นึกขึ้นได้ว่าตนมีซองกระดาษาที่ใช้ใส่สมุนไพรป่าอยู่ โดยไม่รอช้า เคชจึงรีบเทของในนั้นออก เอาหญ้าฝรั่นไปใส่รวมกับขิงผง จากนั้นจึงเอาซองเปล่าไปอังไอน้ำชั่วอึดใจ นัยว่าเป็นการฆ่าเชื้อโรค เรียบร้อยแล้วจึงบรรจุเม็ดกาแฟคั่วบดลงไปในซองดังกล่าวและจุ่มมันพรวดลงไปในแก้วที่น้ำกำลังเดือดจัด
เด็กหนุ่มบ้านป่าแอบเหลือบตามองดีอัสว่าจะว่าอย่างไรกับวิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเถื่อนๆแบบชาวป่าชาวไพร พอเห็นเจ้าชายสุดยโสมัวแต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างนิ่งไม่ทันสังเกตว่าเมื่อครู่เพิ่งเกิดอะไรขึ้น เขาก็โล่งใจ รีบแกว่งๆเจ้าซองกระดาษที่ชักเริ่มเปื่อยให้น้ำออกเป็นสีน้ำตาลตุ่นๆ ไม่รู้ว่าเป็นสีน้ำตาลจากผงกาแฟหรือสีน้ำตาลจากกระดาษกันแน่ จากนั้นก็ยกเอาซองขึ้นไปทำซ้ำแบบเดิมกับน้ำอีกถ้วยแทน
แต่อย่างน้อย กลิ่นหอมของกาแฟที่ลอยกรุ่นจางๆก็บอกว่าวิธีของเขามันได้ผล…อย่างน้อยมันก็ได้ผลแหละน่า…
พอทุกอย่างเรียบร้อยได้ที่แล้ว เคชจึงไปหาผ้ามาจับแก้วน้ำเดือดจัดออกจากเตาผิง ถือใส่ถาดรองเบี้ยวๆแบกไปนั่งข้างๆเพื่อนร่วมห้องที่ดูจะเข้าสู่ภาวะปลีกวิเวก พอเห็นเขามานั่งข้างๆ ดีอัสก็เหลือบสายตามองนิดหนึ่ง ไม่พูดอะไร ครั้งเขายื่นแก้วให้ก็รับไปดื่มเงียบๆ ไม่พูดอะไรเช่นกัน
ทนเงียบนั่งดื่มกาแฟมองหิมะพรำนอกหน้าต่างกันสองต่อสองได้อยู่ครู่ใหญ่ๆ เจ้าชายแห่งไรอัสก็ถอนหายใจเฮ้อ ยอมออกจากสภาวะเหม่อลอย หันมามองเพื่อนข้างกาย
“คิดอะไรออกบ้างหรือยัง”
นั่นไม่ใช่คำเปิดบทสนทนา…อย่างน้อยก็ไม่ใช่คำชวนคุยที่ดีแน่ ‘คิดอะไรออกบ้างหรือยัง’งั้นหรอ แล้วจะให้เขาคิดอะไรล่ะ หมายถึงเรื่องไหนกัน จู่ๆถามมาแบบนี้ อยากให้เขาตอบว่าอะไรกันแน่
แทนคำตอบ พรานป่าจึงเลิกคิ้วสูง สายตาแสดงถึงคำถาม
“ชงกาแฟดื่มน่ะ หายบ้าหรือยัง”
คนเป็นเจ้าชายเอ่ยเรียบๆด้วยน้ำเสียงแสนจะไร้อารมร์พลางยกแก้วโลหะบุบบู้บี้ในมือขึ้นจิบ กลิ่นหอมของหญ้าฝรั่นลอยเข้ากระทบฆานประสาทกลมกลืนไปกับรสชาติขมจัดของกาแฟดำอย่างลงตัว
“นายว่าไงนะ?” เคชย้อนถาม สายตาแสดงความงุนงงหนักขึ้นไปอีก ว่าไปแล้ว เจ้าชายแห่งไรอัสตอนนี้ก็ช่าง…น่าหมั่นไส้…ที่สุด
“ได้ยินไม่ชัดหรือไง ฉันถามว่านายน่ะ ชงกาแฟดื่มแล้วหายบ้าหัวเย็นลงบ้างหรือยัง”
ดีอัสเอ่ยทวนให้ใหม่ชัดถ้อยชัดคำด้วยน้ำเสียงราบเรียบแบบเดิม แล้วก็ด้วยมาดที่ชวนหมั่นไส้เป็นที่สุดเหมือนเดิมด้วย
“เวลาที่กังวลมากๆคิดอะไรไม่ออก ฉันชอบไปชงชาดื่ม พอได้ค่อยๆคิด ค่อยๆทำอะไรแล้ว เดี๋ยวมันก็หายบ้าหายลนลานไปเอง ดีกว่ามัวแต่กลุ้มอยู่กับปัญหาแล้วเร่งทำเร่งตัดสินใจ แบบนั้นมันเรียกว่าบ้า”
พูดจบ เจ้าชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืน เดินไปหยิบกระปุกครีมที่คนชงลืมใส่มาตักใส่กาแฟเสียสามช้อนชาพูนๆ ครั้งเห็นคนบางคนยังเอาแต่นิ่ง เขาจึงถือวิสาสะเติมครีมให้มันสามช้อนเท่ากันด้วย คนชอบทานกาแฟดำไม่ทันตั้งตัว โดนบังคับให้รับครีมสดอย่างดีไปสามช้อนแบบนี้จึงได้แต่กระพริบตาปริบๆ พูดอะไรไม่ออกหนักกว่าเดิม
“ถ้านายไม่บอก ฉันก็จะไม่ซักนายแล้ว แต่ถ้านายยังยืนยันว่าฉันไม่ได้ทำก็ดี…ก็ดีไป”
“มันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรหรอก” เคชถอนหายใจเฮ้อ ยกแก้วขึ้นจิบของเหลวสีน้ำตาลอ่อนหอมกลิ่นสมุนไพรจัด เรื่องเขายังไม่ทันได้จัดการ เรื่องของดีอัสก็ตามมาติดๆ ไหนจะปักษาเพลิงทมิฬ ไหนจะรายงานการบ้านที่ต้องทำ มีแต่เรื่องวุ่นวายเยอะแยะเต็มไปหมด จนแม้แต่พรานป่าที่คุ้นเคยกับเรื่องไม่คาดคิดอย่างเขาก็ยังรับมือไม่ทัน
แต่อย่างที่ดีอัสพูดก็ถูก…การได้ทำอะไรให้ใจเย็นลงอย่างชงกาแฟ ทำให้เขาพอมองเห็นภาพรวมของปัญหา ไม่เอาทุกอย่างมาตีกันยุ่งอยู่ในหัวอีก
“ฉันรู้ว่านายสงสัยนะดีอัส แต่ขอให้ฉันจัดการทีละเรื่องได้ไหม นายเก็บเรื่องนี้ไปก่อน ถ้าจัดการเรื่องปักษาเพลิงทมิฬเสร็จเมื่อไหร่ ฉันจะบอกนาย”
…ตอนแรกที่ดีอัสมันเพิ่งฟื้นขึ้นมา เขาร้อนรน…รนจนแทบบ้า ดีอัสเห็นสภาพเขาใกล้ประสาทเต็มทนจึงสั่งให้ไปชงกาแฟ แรกๆเขาก็ฮึดฮัดไม่ยอม โวยวายว่าบ้านเละเทะขนาดนี้แล้วยังมีอารมณ์มานั่งจิบกาแฟอีก แต่เจ้าชายน้ำแข็งก็ใช้สายตาเย็นเยียบกดดันจนเขาต้องยอมไปทำให้อย่างหงุดหงิดเสียมิได้ พอทำแล้วถึงได้ใจเย็นลง ได้มีเวลามานั่งจัดระเบียบในหัวตัวเอง…
…และเขาก็คิดว่า นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด…
“สำหรับนาย…ฉันคงไม่จำเป็นต้องเรียกร้องคำสัญญาสินะ”
คนเป็นเจ้าชายถอนหายใจเฮ้อ แม้ไม่ได้เอ่ยปากออกมาตรงๆ แต่ก็เป็นที่รู้กันว่ายอมตกลงเอาตามนี้
ทว่าถึงแม้จะรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก แต่การนั่งรอเคชชงกาแฟก็ทำให้เขาได้คิดอะไรมากมาย ถูกอย่างที่มันว่า แค่นี้ก็มีเรื่องกลุ้มใจหนักหนาสาหัสมากพออยู่แล้ว และถ้ามันไม่อยากบอกว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็เชื่อว่ามันต้องมีเหตุผลสำคัญที่จะไม่บอก ไม่ว่าเหตุผลนั้นจะเป็นอะไรหรือเกี่ยวข้องกับเขายังไงก็ตาม
…เขาเชื่อใจพรานป่าแห่งฟลอเรนส์คนนี้…
“คำสัญญาจากชาวบ้านป่าคนนึงมันก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเจ้าชายอยู่แล้วล่ะสิ”
เจ้าตัวดีแกล้งแหย่ทำให้ดูเหมือนเรื่องตลก ทว่าในใจกลับรู้สึกผิดอยู่เต็มอก แต่ในเมื่อตัดสินใจไปแล้ว เขาจึงทำได้เพียงสะบัดความรู้สึกดังกล่าวออกไปให้หมด พยายามบอกตัวเองให้แก้ปัญหาไปทีละเรื่อง ปักษาเพลิงทมิฬต้องมาก่อน เรื่องอื่นอย่างเพิ่งไปสนใจ
“เดี๋ยวก็เรียกคำสัญญาจากเจ้าชายแห่งเอร์ริเธียร์ซะหรอก”
ดีอัสหัวเราะหึหึ แหย่คืนอย่างหาได้ยากยิ่ง หรือจะว่าไป เดี๋ยวนี้ก็ชักจะหาไม่ยาก ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องกลับมาเอาการเอางานตามเดิม
“เรื่องปักษาเพลิงทมิฬ เฟนริลเป็นแบบนี้แล้ว ที่ว่าจะไปตามหาตัวอาจารย์คนนั้นควรพักไว้ก่อน อย่างน้อยก็รอจนกว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางกว่านี้ อย่าเพิ่งรีบจะดีกว่า ระหว่างนี้ฉันจะลองไปค้นข้อมูลที่หอหนังสือ จะพยายามหาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“ว่าตาม” เจ้าตัวแสบเห็นดีด้วย ดวงตาสีอำพันทอประกายครุ่นคิด แล้วจู่ๆก็เอ่ยขึ้นราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ “เออ นายเคยได้ยินเรื่องคำทำนายโบราณไหม ที่ว่าปักษาเพลิงทมิฬกับมังกรขาวเกิดมาเพื่อฆ่ากันเอง”
“ไม่เคย” คนเป็นเจ้าชายส่ายหน้าดิกทันที มองหน้าเพื่อนอย่างสงสัย “นายไปได้ยินมาจากไหนกัน?”
“อ่อ เปล่าหรอก” เคชรีบปฏิเสธ เพราะหากตอบไป ก็เท่ากับว่าเขาต้องเบือกเรื่องเด็กสาวผมสีน้ำเงินที่ชื่อเอรัลให้อีกฝ่ายรู้ด้วย ดังนั้น เด็กหนุ่มเชื้อพรานจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันควันหมายเบี่ยงเบนความสนใจ
“จะเที่ยงคืนแล้ว มาซ่อมบ้านให้เสร็จๆกันเถอะ เละแบบนี้อยู่ไม่ได้แน่”
................................................................
สวัสดีจ้า~ ไรท์เตอร์ช่วงนี้วันๆฟังแต่เพลงแนวGothic Metal ของNightwish ไปๆมา ชักเริ่มรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันเริ่มจะมืดมนตามเพลงไปทุกที อา...
หนึ่งในเพลงโปรดข้าพเจ้า http://www.youtube.com/watch?v=JR8I7nL9WOU
คุณในนามแห่งนักฆ่า : ขอบคุณค่า ไรท์เตอร์เป็นปลื้ม //แอบลอยแล้ว... >///<
คุณจันทราเงา : ขอบคุณค่า แหะๆๆๆ ผิดจริงๆด้วยค่ะ นั่งเช็คอากู๋แล้วต้องเป็นอาเพศจริงๆด้วย ขอบคุณนะคะ ฝนตกบ่อย คุณจันทราเงาก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะ เดี๋ยวจะไม่มีคนอ่านนิยาย 5555 //พลั่ก เสียงรีดเดอร์ถีบกลับ...
คุณY_Oร้าย : มาต่อแล้วค่า ขอบคุณนะคะที่ติดตาม :)
คุณRarara : ฮ่าๆๆๆๆ ดีอัสคงช็อกน่าดู ตอนนี้ก็ยังเป็นผู้ชายไปก่อนค่ะ คงเป็นไปเรื่อยๆจนกว่าไรท์เตอร์จะเลิกจิ้น เอ๊ย!จนกว่าเรื่องจะดำเนินไปถึงจุดเปลี่ยน ฮ๋าๆๆๆ >///<
คุณBlue Star : อุ~ ฮ่าๆๆๆ ไรท์เตอร์กลับมาแล้ว คุณBlue Starก็กลับมาบ่อยๆมั่งน๊า ขอบคุณที่ตามอ่านจ้า >///<
.....................................................
สวัสดีจ้า อาทิตย์ที่แล้วไรท์เตอร์หายตัวไปโดยไม่บอกกล่าว ต้องขอโทษรีดเดอร์ทุกๆท่านด้วย ช่วงนี้ไรท์เตอร์เปิดเรียนแล้ว จึงยุ่งบ้างไม่ยุ่งบ้างจ้า แต่ถึงยังไงไรท์เตอร์ก็ยังคงซาบซึ้งใจและขอบคุณสำหรับกำลังใจสำหรับเม้นท์ที่รีดเดอร์มีให้ ไรท์เตอร์เป็นปลื้มนัก TT^TT รีดเดอร์ท่านใดอ่านอยู่แต่ยังไม่แสดงตัว แสดงตนให้กำลังใจไรท์เตอร์หน่อยก็ดีเน้อ >[]<
คุณในนามแห่งนักฆ่า : ขอบคุณมากๆค่า ไรท์เตอร์จะรีบพยายามอัพให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ค่า (เฉลี่ยสัปดาห์ละครั้ง~) > <
คุณRarara~ : ขอบคุณสำหรับความห่วงใยและกำลังใจนะคะ ไรท์เตอร์ซึ้ง ขอบคุณจริงๆ TT^TT
คุณBlue Star : ฮ่าๆๆๆ ใช่ค่า :)
คุณThe White Rose of Death : ฮ๋าๆๆๆ ถ้านางเอกไม่ออก งานนี้ได้กลายเป็นนิยายวายแน่ๆค่ะ > <
คุณเอกเองครับ : กร๊ากกกก กรั่กๆๆ //ขอเวลาไรท์เตอร์ไปหัวเราะต่ออีกสามนาที ใช่ค่ะ ดีอัสเป็นผู้หญิง และเป็นนางเอก ส่วนอีตาเคช...เผ่าเกลียมัว กรั่กๆๆ //ทุบโตีะปังๆ น้ำหูน้ำตาไหล
คุณเลม่อนเปรี้ยว : จิ้นตามสะดวกเลยค่า~
ความคิดเห็น