คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : คาบเรียนประวัติศาสตร์ (RW)
แสงแดดแผดเผายามเที่ยงเริ่มคล้อยลงจนกลายเป็นท้องฟ้าสีครามขมุกขมัวเมื่อเข็มสั้นของนาฬิกาล่วงเข้าสู่เลขห้า สายลมพัดพริ้วหอบเอากลิ่นดินชื้นของป่าลึกเข้ามายังอาคารเรียนสีขาวรูปตัวแอลกับตัวยูซึ่งเป็นดั่งสิ่งแปลกปลอมของอารยธรรมกลางไพรเถื่อน แต่ถึงกระนั้น ความแตกต่างดังกล่าวก็สามารถผสมผสานกันได้อย่างลงตัว เขตอาคมเวทมนต์ซึ่งกางเป็นโดมครอบกั้นโซนอาคารหอคอยแดงไว้ทำให้เหล่าสัตว์ร้ายมิอาจย่างกรายเข้ามาก่อกวนได้
แต่ก็ใช่ว่าเหล่านักเรียนจะปลอดภัยนัก เพราะหากในสิ่งป่าลึกมีสิ่งมีชีวิตน่ากลัวที่เรียกว่าสัตว์ร้าย…ในอาคารเรียนแห่งนี้ก็มีสิ่งมีชีวิตน่ากลัวกว่าที่เรียกว่าอาจารย์เช่นกัน..
“เนรัส เรมิงตัน!!”
เสียงทุบกระดานดำดังเปรี้ยงช่วยปลุกเด็กหนุ่มผมสีชาอ่อนให้ค่อยๆสะลึมสะลือผงกศีรษะขึ้นมาจากโต๊ะ ตำราเรียนเล่มหนาที่เอาขึ้นมาตั้งบังไว้เลื่อนหล่นลงไปกองอยู่ที่พื้น ดวงตาสีม่วงสวยปรือกระพริบปริบๆ ท่าทางงุนงงเหมือนคนฝันดีซึ่งเพิ่งตื่นขึ้นมาพบนรก
“หลับในห้องเรียน หักห้าแต้ม!” เสียงเข้มงวดดังขึ้นสำทับ เป็นผลให้เด็กหนุ่มหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เขาทำหน้าเหวอ มองอาจารย์ประจำวิชาประวัติศาสตร์ด้วยสายตาวิงวอน แค่นี้เขาก็แทบจะไม่เหลือแต้มเอาไว้ซื้อขนมกินอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนสุภาพสตรีชราร่างเล็กหน้าห้องจะไม่สนใจ เธอหันไปหยิบชอล์กบนรางมาเขียนเส้นเวลาบนกระดานดำอีกครั้ง น้ำเสียงเนิบนาบราวกับเพลงกล่อมนอนเริ่มบทบรรเลงของมันอีกครั้ง เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับลมโชยเอื่อยๆยามย่ำบ่ายย่ำเย็น
“ซวยว่ะ” เคชพึมพำเบาๆ กระซิบกระซาบกับคนโดนหักแต้มซึ่งนั่งอยู่โต๊ะข้างหน้าเขา “หักตั้งห้าแต้ม น้ำหวานตั้งแก้วเชียวนะ”
“เออสิ” น้ำเสียงคนตอบค้อนประหลับประเหลือก “ทีพวกแกหลับล่ะไม่โดน ฉันโดนคนเดียว”
“ก็แกตื่นไม่ทัน ไอ้ขี้เซาเอ๊ย” เคล เด็กหนุ่มหมาป่าผู้มีหูสามเหลี่ยมอยู่บนเรือนผมสีดำแกล้งเย้า คาบนี้เขานั่งติดกับเนรัส มีแมวเปอร์เซียสีส้มขนฟูนั่งขนาบอีกข้าง
เรเชียเหลือบสายตามองเพื่อนสายเลือดเซเบอร์รุส ทำปากขมุบขมิบเป็นคำประมาณว่า ‘นายเองก็ขี้เซาเหมือนกันนั่นแหละ เมี้ยว’
“อย่าคุยกันสิ เดี๋ยวก็โดนหักแต้มอีกหรอก” เซนาเรน วาริเชีย เด็กสาวผมสีน้ำตาลเข้มหันมาเอ่ยเตือนเบาๆ ดวงหน้าสวยของเจ้าหล่อนมุ่นหัวคิ้วเล็กน้อยคล้ายรำคาญสมาชิกทโมนในห้องที่มารบกวนสมาธิการเรียนของเธอ
“เธอก็อย่าพูดอะไรเป็นลางสิ” เคชแยกเขี้ยว กระซิบตอบ พอดีกับที่สายตาดุจัดของอาจารย์หน้าห้องเหล่ปรายมามอง เหล่าปีหนึ่งโซนหอคอยแดงจึงต้องเงียบกริบฟังครูกันต่อไปโดยปริยาย
“สงครามแสงสว่าง ได้ชื่อนี้ตามคำทำนายโบราณที่กล่าวไว้ว่า เมื่อกลียุคมาถึง ราชาแห่งแสงจะลุกขึ้นมากอบกู้โลกให้กลับสู่สันติสุข…” สุภาพสตรีชรา อาจารย์ประจำคาบประวัติศาสตร์เริ่มเล่าเนิบๆด้วยน้ำเสียงชวนหลับอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเพียงแค่ได้ยินอาจารย์ขึ้นต้น พรานป่าก็แอบหันไปบ่นเสียงงึมงำกับเจ้าชายผมเงินข้างตัวไม่ได้
“เรื่องนี้อีกแล้ว…เรียนมาตั้งแต่อนุบาลเลยมั้ง จะท่องได้หมดแล้วเนี่ย เรื่องกษัตริย์แห่งแสงจิตวิปลาสกับสังครามนกไฟมังกร และฮีโร่แสนเท่ผู้กอบกู้และหายตัวไปอย่างลึกลับ”
ดีอัสไม่ตอบ นอกจากทำสีหน้าไร้อารมณ์เข้าใส่จนคนเริ่มเรื่องหมดอารมณ์บ่นต่อตามไปด้วย เคชเลยได้แต่นั่งเท้าคางทำท่าเซ็ง ฟังอาจารย์พูดต่อ…
“กษัตริย์กิลนอซ เวลล์ ออพาทินุส ราชาผู้ได้ชื่อว่าเป็นจอมเวทแห่งแสง ได้ก่อการกบฏขึ้นต่อแผ่นดินและเผ่าพันธ์ โดยประกาศว่าจะทำลายเหล่ามนุษย์ให้ราบคาบ การประกาศนั้นเกิดขึ้นกึ่งกลางระหว่างช่วงเวลาสงครามของเผ่ามังกรและเผ่านกไฟ ทำให้แดนมนุษย์ซึ่งระอุเพราะสงครามระหว่างสองเผ่าพันธ์อยู่แล้วยิ่งระอุร้อนมากขึ้นไปอีก แผ่นดินเจิ่งเลือดถูกเงาสงครามครอบงำไปทุกหย่อมหญ้า…”
…นอกจากมีความสามารถในการทำให้นักเรียนหลับแล้ว อาจารย์ชรายังสามารถมากพอที่จะทำให้สงครามอันน่าตื่นเต้นกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อได้พอๆกับพันธะไอออนิกในวิชาผสานธาตุอีกด้วย…
เคชหาว เคลเริ่มทำหัวสัปผงก เนรัสเริ่มตาปรืออีกครั้ง เรเชียเริ่มวาดรูปเล่นในสมุด ส่วนมังกรเพลิงเริ่มนั่งเหม่อคิดถึงมื้อเย็นคืนนี้….
ดีอัสจดเล็กเชอร์ตามคำพูดอาจารย์ด้วยลายมือเป็นระเบียบ เขาโน้ตหัวข้อย่อย ไล่เรียงตามตารางเวลาบนกระดาน จดตามคำพูดอาจารย์อย่างไม่ผิดเพี้ยน แม้ตรงไหนที่เข้าใจแล้วก็ยังจดไว้ แถมยังมีแก่ใจอธิบายเหตุผลประกอบไว้ด้วย
…เพราะรู้แน่ว่าสิ้นคาบก็จะต้องมีคนมาขอยืมเล็กเชอร์ ไปคัดลอก...
“มังกรกับนกไฟกันก่อสงครามขึ้นเพราะความชิงชังระหว่างเผ่าพันธุ์ ทว่าสงครามนั้นกินลามมาถึงดินแดนมนุษย์ ทั้งสองเริ่มใช้เมืองมนุษย์เป็นสงครามตัวแทน ก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างเหล่ามนุษย์ด้วยกันเอง สถานการณ์บีบบังคับให้มนุษย์ต้องเลือกข้าง บ้างก็เข้าข้างมังกร บ้างก็เข้าข้างนกเพลิง และเมื่อราชาแห่งแสงประกาศกร้าวว่าจะทำลายมนุษย์เช่นนั้น มังกรและนกไฟก็ย่อมต้องเข้ามาปกป้องมนุษย์ในอาณัติของตน ก่อให้เกิดเป็นสงครามสามฝ่าย”
อาจารย์ยังคงเล่าต่อ ร่างเล็กหลังงุ้มเล็กน้อยหันหน้าเข้าหากระดานดำ ขีดเขียนเหตุการณ์อธิบายตามเส้นเวลาอย่างคนที่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่ตนสอนเป็นอย่างดี เหล่าพวกผู้ชายปีหนึ่งเคยนินทากันว่า ที่อาจารย์ท่านดูเชี่ยวขนาดนี้ก็เพราะคำนวนจากอายุท่านแล้ว ท่านคงสอนมาตั้งแต่รุ่นพ่อพวกเขายังเป็นนักเรียนทโมนกันอยู่ ซึ่งคำกระซิบกระซาบดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าจริงเท็จแน่นอนแต่ประการใด
“แล้วอีกเดี๋ยวฮีโร่ก็จะปรากฏตัว…เจ้าชายแห่งฟลอเรนส์” เคชงึมงำ ข้อศอกที่วางเท้าโต๊ะไว้เริ่มเป็นรอยแดงจ้ำ เป็นเวลาเดียวกับที่อาจารย์หน้าห้องเริ่มเล่าถึงฉากการเข้าร่วมสงครามของผู้ยุติสงครามพอดิบพอดี
“ช่วงกลางสงครามสามฝ่าย เจ้าชายเฮกัล ฟอร์เรส ฟาริเอล รัชทายาทแห่งฟลอเรนส์ได้ลอบหลบหนีจากหน้าที่รองผู้นำทัพในการสงครามหายตัวไปอย่างลึกลับ หกเดือนต่อมาเขาปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมอุดมการณ์ยุติสงคราม เขาประกาศตัวเป็นฝ่ายที่สี่ซึ่งต่อต้านทั้งสามฝ่าย มีคนเข้าร่วมกับเขาไม่มากนัก เป็นเพียงกลุ่มเล็กๆที่มีทหารในบัญชาเพียงหยิบมือ”
“แต่แล้วเขาก็สามารถเอาชนะได้” พรานป่าแห่งฟลอเรนส์ทำปากขมุบขมิบ สายตาเหลือบมองนาฬิการาวกับจะกดดันเจ้าเข็มสั้นเข็มยาวอืดอาดให้เดินเร็วขึ้น
“แม้จะเป็นเพียงกำลังของคนเพียงไม่กี่คน ทว่าก็ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น พวกเขาสังหารราชานกไฟลงเสียและกำราบมังกรไว้ด้วยสัญญามนตรา พันธนากษัตริย์แห่งแสงไว้ในผลึกเวทมนต์ นำความสงบสุขกลับมาให้ดินแดนอีกครั้ง”
“และจากนั้น…เจ้าชายก็หายตัวไป” เคชพึมพำขึ้นพร้อมๆกับอาจารย์
“ไม่มีใครทราบชะตากรรมของเขาอีก” อาจารย์ประวัติศาสตร์สรุปปิดท้ายคาบ มีเสียงนักเรียนลอบถอนหายใจดังเฮ้อกันเบาๆด้วยความโล่งอก เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าขมุกขมัวย่ำเย็นก็กลายเป็นสีดำสนิทไปเรียบร้อยแล้ว นาฬิกาแขวนผนังเรือนโตบอกเวลาทุ่มครึ่ง
“คาบหน้า เราจะมาเรียนเจาะลึกในเรื่องของเจ้าชายเฮกัลกัน นักเรียนควรไปอ่านบทเรียนเตรียมมาล่วงหน้า ในหนังสือประวัติศาสตร์สงครามฉบับสมบูรณ์ บทที่สาม”
ดีอัสวางปากกาในมือลง เล็กเชอร์ของเขาได้จำนวนแปดหน้ากระดาษพอดิบพอดีไม่ขาดไม่เกิน ในขณะที่เล็กเชอร์ของเคชนั้นได้เพียงสองหน้า ซ้ำลายมือยังเละยิ่งกว่าไก่เขี่ย ขยุกขยุยจนไม่แน่ใจว่าตัวคนจดเองเมื่อเวลาผ่านไปแล้วกลับมาอ่านซ้ำจะอ่านรู้เรื่องหรือไม่
…แต่ช่างหัวมันประไร ไว้ใกล้สอบค่อยยืมของเจ้าชายผมเงินอ่านก็สิ้นเรื่อง!
“จริงๆนะ ฉันว่ามันน่าจะเลิกสอนไอ้เรื่องสงครามบ้านี่ได้แล้ว เรียนมาตั้งแต่อนุบาลจนจะท่องได้อยู่แล้วมั้ง” คนเป็นพรานบ่นกระอดกระแปดพลางจ้วงมันบดชุ่มน้ำเกรวี่เข้าปาก ซอสสีน้ำตาลเข้มเคี่ยวหอมไหลเปื้อนแก้มเล็กน้อยให้ต้องเอากระดาษเช็ด ทว่าเจ้าตัวดีก็ยังคงจ้วงอาหารเย็นต่อไปโดยไม่ไยดีต่อมารยาทขึ้นพื้นฐาน เดือดร้อนเพื่อนร่วมกลุ่มผู้มีศักดิ์เป็นถึงเจ้าชายแห่งไรอัสที่ทนมองไม่ได้ ต้องวางช้อนหยิบทิชชู่ยื่นส่งให้
“ไว้จะรอดูคะแนนสอบของนาย” คนเป็นองค์ชายเอ่ยเสียงเรียบ พลางยื่นกระดาษชำระให้พรานป่ามากเล่ห์ที่เอื้อมมือมารับ เคชเช็ดรอยเปื้อนตรงแก้มตนอย่างลวกๆ คำพูดดังกล่าวแทงใจดำดังฉึกจนเถียงไม่ออก แต่ครั้งจะยอมแพ้เอาง่ายๆก็ไม่ใช่วิสัย ดังนั้นเจ้าตัวดีจึงเริ่มส่งสายตาไปหามังกรเพลิงที่นั่งฝั่งตรงข้ามอย่างหาพวก
“เฟนริล…” เพียงแค่เรียกชื่อ คนฟังก็รีบเงยหน้าขึ้นจากจานแฮมเบิร์กสเต็กของตนทันที ดักคอเสียงหลง
“อย่าลากข้าเข้าไปยุ่ง” มังกรเพลิงแยกเขี้ยวประกอบคำพูด นี่หากพ่นไฟได้เหมือนร่างมังกรคงพ่นไปแล้ว ปรกติเวลามื้ออาหารหากไม่จิตตกจนกินอะไรไม่ลง เฟนริลก็จะมีอาการแบบที่ดีอัสให้คำจำกัดความว่าเป็นพฤติกรรมหวงเหยื่อของมังกรไม่มีหัวคิด
“พวกเจ้าจะทะเลาะก็ทะเลาะกันไป ข้าต้องรีบกินข้าวให้เสร็จก่อนสี่ทุ่ม ยังมีรายงานวิชาผสานธาตุสามหน้ากระดาษส่งพรุ่งนี้”
เคชพยักหน้าหงึกๆ หันไปจ้วงมันบดในชามของตนต่อ โรงเรียนมหาเวทจะมีดีอยู่อย่างเดียวก็คงเรื่องอาหารแหละมั้ง เพราะอาหารมื้อหลักแต่ละมื้อล้วนเป็นบุฟเฟ่ห์เติมได้ไม่อั้น แถมยังมีแต่ของชั้นดีอีกตะหาก
ทว่าหมดจากมื้ออาหารนี่งกชะมัด ขนาดน้ำหวานสักแก้วก็ยังต้องใช้แต้มแลก…แล้วทำอย่างกับว่าแต้มนี่มันจะได้มาง่ายๆเสียที่ไหนล่ะ เขียนรายงานจนมือหงิก หากไม่ถูกใจอาจารย์ แทนที่จะได้สักแต้มสองแต้มกลับต้องถูกหักแทนอีกตะหาก…
“ว่าแต่ เคช พูดถึงรายงาน นายทำเสร็จหรือยัง” ดีอัสหันไปถาม เจ้าชายหนุ่มกวาดสปาเก็ตตีไวท์ครีมซอสคำสุดท้ายเข้าปาก รวบช้อนส้อมวางซ้อนกันอย่างเรียบร้อย ในขณะที่เพื่อนร่วมกลุ่มทั้งสองต่างกำลังก้มหน้าก้มตาจ้วงเอาๆ ไม่ใช่ว่าเขากินหมดเร็วหรอกนะ ทว่านี่มันเพิ่งแค่จานแรกของเขา ในขณะที่สองคนนั้นต่างขึ้นจานที่สามเรียบร้อยแล้ว
“ยังไม่เสร็จ” คนตอบตอบเสียงอู้อี้เพราะกำลังเคี้ยวมันบด ท่าทางไม่ทุกข์ร้อน “เดี๋ยวกลับไปลอกนาย”
“ไม่ให้ลอก” คนโดนเนียนขอลอกการบ้านรีบปฏิเสธทันที “อาจารย์ให้เวลาตั้งสามวัน นายมีเวลาตั้งนานที่จะทำให้เสร็จ แต่กลับเอาเวลาไปเข้าป่าล่าสัตว์หมด”
“คิดว่าแฮมอบน้ำผึ้งมื้อเช้าที่กินอยู่นี่ฝีมือใครกัน ถ้าไม่ใช่ฉันเข้าไปล่าเอาเนื้อหมูป่ามาให้ แล้วไหนจะตู้เก็บถ้วยชามที่เอาขากวางรมควันทั้งขาไปขอแลกมาจากรุ่นพี่อีก”
นัยน์เนตรสีอำพันเงยขึ้นจามชามมันบดขึ้นประสานกับสายตาดุสีน้ำเงินเข้ม คราบซอสเกรวี่ที่เลอะแก้มเลอะปากทำให้ความน่าเกรงขามของพรานป่าถึงขั้นติดลบ แต่ถึงอย่างนั้นดีอัสก็ปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่า ด้วยฝีมือการล่าสัตว์ของเคช เวลาว่างจากการเรียน และผืนป่าดิบอันกว้างขวางของโรงเรียนมหาเวท ทำให้กลุ่มของพวกเขาไม่เคยประสบภาวะวิกฤติอดอยากขาดแคลนอาหารแต่ประการใด ว่าไปแล้วก็ดูเหมือนชีวิตของมนุษย์ยุคหินที่เข้าป่าล่าสัตว์มาแลกของกันยังไงชอบกล
“แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่นายจะเอามาอ้างไม่ส่งรายงาน” คนเป็นเจ้าชายรับเสียงสงบ “ฉันเองก็ต้องต้มน้ำให้พวกนายอาบเหมือนกัน แถมก็ต้องร่ายเวทให้เตาผิงลุกตลอดทั้งคืน แล้วยังเช็ดหน้าต่าง โกยหิมะ กวาดห้อง ถูพื้น”
“เฮ้ย ไอ้สามอันหลังนี่พวกเราแบ่งเวรกันนี่” เจ้าตัวดีรีบโวยวาย “เออ ว่าไปแล้ว เมื่อเช้าเวรนายซักผ้า นายยังไม่ได้ซักเลย”
“ข้าก็เลยไม่ได้อบแห้ง” มังกรเพลิงผู้ซึ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตนเองก็โดดเวรเช่นกันรีบเสริม ด้วยพลังไฟของเขานั้น ทำให้กลุ่มนี้ไม่ต้องมัวเสียเวลาตากเสื้อผ้า มีเฟนริลก็เหมือนมีเครื่องอบผ้าแห่งอัตโนมัติเดินได้
อีกอย่าง…ภูเขาน้ำแข็งหนาวขนาดนั้น ผ้าซักแล้วเอาไปตากก็เหมือนจะเอาไปแช่ทำไอติมมากกว่า…จะแข็งโป๊กแทนที่จะแห้งล่ะสิไม่ว่า…
“เดี๋ยวเย็นนี้กลับไปซัก..” คนโดดเวรตอบหน้าตาเฉย ทำเหมือนตนเองไม่ได้ทำอะไรผิดจนพรานป่าชักจะเริ่มหัวคิ้วกระตุกๆอย่างไรชอบกล แต่จะพูดอะไรมากนักก็ไม่ได้ เพราะคืนนี้ตั้งใจจะปะเหลาะขอลอกการบ้าน ครั้งก่อนกว่าจะขอลอกรายงานวิชามนตราได้ เขาต้องขอแลกด้วยการล้างจานแทนเจ้าชายคนเก่งไปทั้งสัปดาห์ เพิ่งใช้หนี้เสร็จไปหมาดๆ งานนี้คงต้องขอล้างห้องน้ำแทนละมั้ง
“แต่ถ้านายอยากลอกรายงานของฉันนัก เย็นนี้นายต้องซักแทน และต้องซักต่อไปแทนฉันอีกสามวันด้วย”
ดีอัสยื่นข้อเสนอ ริมฝีปากคลี่เป็นรอยยิ้มเล็กน้อย นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มนิ่งสงบจนอ่านไม่ออกว่าแท้จริงแล้วนี่เป็นแผนการซับซ้อนอันแสนร้ายกาจหรือไม่ และเคชก็ชักสงสัยว่าหรือแท้จริงแล้ว เพื่อนร่วมกลุ่มของเขาอาจจงใจไม่ซักผ้าตอนเช้า เพราะรู้อยู่แล้วว่าเดี๋ยวเย็นนี้ไม่เขาก็เฟนริลที่จะต้องมาขอยืมการบ้านไปลอก จะได้โยนงานซักผ้าทั้งกองมาให้คนไม่ยอมทำการบ้านรับกรรมแทน
ช่างเป็นเจ้าชายที่ชั่วร้ายจริง….
“ข้าทำให้!” มังกรเพลิงรีบเสนอตัวตัดหน้าทันที สำหรับเด็กหนุ่มผู้ซึ่งมีร่างจริงเป็นมังกรแล้ว การนั่งหลังขดหลังแข็งซักผ้าท่ามกลางอุณหภูมิติดลบจนมือแตกเป็นริ้วๆนั้นยังฟังดูดีกว่าต้องนั่งกุมขมับเปิดตำราหาทางทำความเข้าใจอิเล็กตรอน โปรตรอน และนิวตรอน ของธาตุต่างๆตามตารางธาตุ เพื่อวิเคราะห์กลั่นมวลความรู้ทั้งหมดในหัวออกมาเป็นถ้อยคำอักษรรายงานส่งอาจารย์
“แค่ซักผ้า ข้าทำได้” เฟนริลย้ำคำหนักแน่น สายตาเงยขึ้นจ้องเคชราวกับจะบอกว่ารายงานวิชามนตราครั้งก่อนนายลอก คราวนี้ตาข้าลอกบ้าง เจ้าอย่ามาแย่ง
ดีอัสมองเพื่อนสองคนสลับไปมา ก่อนจะถอนหายใจเฮ้อ พึมพำเบาๆด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอกเหนื่อยใจ
“มันก็แค่รายงาน ทำไมพวกนายไม่รู้จักหัดทำกันเอง”
“ก็เพราะว่ามีคนให้ลอกน่ะสิ!” ทั้งมังกรไฟและลูกครึ่งมังกรตอบพร้อมกัน และนั่นก็ทำให้เจ้าชายผมเงินเปลี่ยนจากแววตาเหนื่อยใจไปเป็นปลงอนิจจัง….
“เออ พรุ่งนี้บ่ายไม่มีคาบเรียน ไปโซนกลางกันไหม?” หุบปากตักมันบดจ้วงกินได้สักพัก เคชก็เปิดประเด็นขึ้นใหม่ โซนกลางที่พรานป่าพูดถึงคือลานกว้างขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ตรงกึ่งกลางระหว่างโซนทั้งสี่ มันเป็นสถานที่จัดงานอเนกประสงค์ของโรงเรียนมหาเวท ซ้ำยังเป็นที่ตั้งของอาคารประภาคารนภาหรือห้องพักครูของเหล่าคณาจารย์ทั้งโรงเรียนอีกด้วย โซนกลางเป็นโซนที่ไม่ค่อยมีใครอยากย่างกรายเข้าไปนัก เว้นแต่ในเย็นวันจันทร์และวันศุกร์ของทุกสัปดาห์
เพราะว่า….ในวันดังกล่าว โซนกลางจะมีการเปิดตลาดนัด เหล่านักเรียนทุกชั้นปีของทั้งสี่โซนจะนำของพิลึกกึกกือจัดหมวดหมู่ไม่ได้ไปวางขายกันอย่างอิสระเสรี อย่างชั้นวางหนังสือที่ได้มา เคชก็เอาขากวางไปแลกจากรุ่นพี่โซนถ้ำหินผาที่มาวางขายในงานนี้เหมือนกัน แต่ถ้าใครไม่มีของไปแลก การใช้แต้มแลกก็เป็นสิ่งที่นักเรียนทุกคนยอมรับว่าเป็นจารีตประเพณีที่พึงปฏิบัติได้อย่างกว้างขวาง
“ไปสิ” มังกรเพลิงตอบเสียงห้าวทันที “ข้าอยากได้หมอนเพิ่ม”
“แต่เฟนริล…” ดีอัสท้วง “นายมีหมอนตั้งห้าใบแล้วนะ”
เรื่องของเรื่องก็คือ มังกรเพลิงที่เพิ่งกลายเป็นมนุษย์นั้นติดนิสัยตอนเป็นมังกร เวลานอนก็ชอบสร้างรังเอาไว้ให้รู้สึกอุ่นใจ ดังนั้นบนเตียงของเฟนริลจึงเต็มไปด้วยกองหมอนห้าใบ หมอนข้างสอง และผ้าห่มอีกสามผืน พอจะได้เวลาหลับก็เอามาสุมไว้รอบตัว ก่อเป็นรูปโดมเสียอย่างดี ไม่สนใจสายตาปริบๆของเพื่อนร่วมห้อง
“มันไม่พอ” คนชอบสร้างรังส่วนตัวบอก “ข้าอยากได้เพิ่มอีกเยอะๆ นอนโล่งๆแล้วมันรู้สึกแปลกๆ”
“ฉันว่านอนแบบนายมันแปลกมากกว่า” พรานป่าพึมพำ ไม่รู้ทำไม แต่เห็นที่นอนของมังกรเพลิงทีไร เขาเป็นต้องนึกถึงกระรอกทุกที…กระรอกตัวกลมปุ๊กในฤดูจำศีลเสียด้วย
“เคช เจ้าเองก็มีสายเลือดมังกร มาว่าข้าแปลก ทีหลังอย่าสร้างรังเลียนแบบข้าแล้วกัน” ดวงตาทีโกเมนปรายมามองค้อนๆ “เสียทีที่เป็นถึงเจ้าชายของเผ่าพันธุ์ข้าจริงๆ ถ้าเกิดตอนนั้นเจ้าไม่คลั่งขึ้นมา ข้าเองก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ว่าเจ้าสืบสายเลือดเทพมังกร”
“อย่าย้ำได้ไหมวะ” คนกินมันบดจนขึ้นอืดแล้วทำหน้ามุ่ย ผลักชามที่เกลี้ยงฉาดไปข้างๆแล้วยกน้ำขึ้นดื่มแทน “ฉันไม่เคยคิดสักครั้งว่าฉันจะเป็นอะไรนอกเหนือจากมนุษย์ ฉันเป็นพราน และก็จะเป็นพรานแบบนี้ต่อไป เรื่องเทพมังกรอะไรนั่น ฉันไม่สนใจหรอก”
“นายไม่สน แต่คนอื่นน่ะสน” เจ้าชายผมเงินบอกเสียงเรียบ ทว่าในดวงเนตรสีไพลินนั้นก็ยังแฝงไว้ด้วยริ้วรอยแห่งความกังวล “และนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรเอามาพูดในที่สาธารณะด้วย เคช เฟนริล”
“ทำอย่างกับว่าบอกไปแล้วจะมีคนเชื่ออย่างนั้นแหละ” เจ้าตัวดีลอบเถียงเสียงอ่อย
“อย่างน้อยฉันก็คนนึงแหละที่เชื่อ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้ทั้งสามคนต่างสะดุ้งเฮือก นั่งหลังเกร็งขึ้นทันที!
............................................................................
ฮ่า คราวนี้ไรท์เตอร์มาอัพเร็ว เห็นคอมเม้นท์เยอะๆแล้วมีกำลังใจปั่น :)
คุณPeter Pan Syndrome★ : ขอบคุณค่ะ มีกำลังใจขึ้นเยอะเลย :)
คุณน้ำตาสีขาว : ค่า ลงใหม่หมดเลยค่ะ ลบตอนเก่าๆทิ้ง เพราะตั้งใจจะรีไรท์ใหม่หมดทั้งเรื่อง ^ ^
คุณ PrincE PalyeR : ฮ่าๆๆๆๆๆ โอ๋ๆๆๆๆ อ่านแล้วเลยต้องรีบมาลงตอนใหม่ปลอบใจให้เลยค่ะ ^ ^
คุณเอกเองครับ : แหม...เดาถูกด้วย >///< เพราะขืนให้อีตาเคชทำ รายงานดีอัสคงติดลบแน่ค่ะ ^ ^
ความคิดเห็น